การใช้หนี้ครั้งที่ 8 : คืนข้ามปี
ในวันที่เราอ่อนแอ แค่มีสักคนเดินเข้ามาเราก็พร้อมจะไปกับเขาโดยไม่มีข้อแม้
วันนั้นที่โรงพยาบาลหลังจากที่เจ้าหนี้ทิ้งผมไว้เพียงลำพัง รุ่นน้องคนสนิทก็เดินเข้ามา พร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่และของเยี่ยมมากมาย แต่พอมันเห็นใบหน้าของผม มันก็ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วมาประคองผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดมันทันที
ผมร้องไห้นานขนาดไหนไม่รู้ รู้แค่โทนี่ไม่เคยปล่อยมือจากผมเลย มันไม่ถามผมซักคำว่าเกิดอะไรขึ้น มันรู้ว่าผมอยู่ในสถานะที่ไม่พร้อมจะพูดอะไร และมันคิดว่าผมคงยังไม่พร้อมจะเจอหน้าใคร เลยพาผมออกจากโรงพยาบาลไปอยู่บ้านมัน โดยมันจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้ บอกว่าเป็นสวัสดิการของติวเตอร์ที่ควรจะได้รับ
มันเล่าให้ฟังว่าที่งานพรอมในคืนนั้น พอไฟดับมันตั้งใจจะจับมือผมไว้ ผมจะได้อุ่นใจว่ายังมีมันอยู่ข้างๆ แต่ดันช้าไปเสี้ยววินาที เพราะผมดันถูกบุคคลที่ 3 ลากออกไปแล้ว มันเลยรีบวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน มีเพียงรองเท้าข้างเดียวถูกทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า
มันออกตามหาผมจนทั่วแต่ก็ไม่พบ โทรหาน้องปันก็บอกยังไม่ได้กลับบ้านและติดต่อไม่ได้เช่นกัน จนกระทั่งผมรับสายมันบนรถแท็กซี่ มันก็สั่งให้ลูกน้องตามรอยจีพีเอสผมทันที
สถานที่สุดท้ายของสัญญาณเป็นโรงแรมม่านรูดเก่าๆ มันตกใจมากตอนมาถึง ยิ่งเห็นโทรศัพท์ของผมนอนเป็นซากอยู่ข้างรถ มันยิ่งใจไม่ดีกลัวผมเป็นอันตราย พอเข้าไปในห้องยิ่งตกใจหนักเมื่อเห็นชายวัยกลางคนนอนจมกองเลือดอาการสาหัสอยู่ที่พื้น มันเลยส่งไปรักษาตัว พอตาแก่นั่นฟื้นก็เอามาสอบสวน ได้ความว่าจะเอาผมมาข่มขืน มันเลยสั่งสอนไปจนหนำใจก่อนส่งตำรวจ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่น้องปันโทรมาบอกว่าเจอผมแล้ว ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลกับพี่ปูน ไม่ต้องเป็นห่วง
“ ทานข้าวกัน ” หลังจากเจ้าบ้านคนใหม่พาผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องรับแขกซึ่งเตรียมไว้ให้ผมโดยเฉพาะเรียบร้อย เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ก็เรียกผมให้ไปทานมื้อเย็นกับครอบครัวของมัน แม้ว่าผมจะปฏิเสธว่าไม่หิว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของฝรั่งนี่ถดถอย ในที่สุดผมเลยต้องเดินตามไปร่วมดินเนอร์ไก่งวงในค่ำคืนนี้
“ ทานเยอะๆ นะลูก ” ผู้หญิงชาวเกาหลีอายุประมาณสามสิบปลายๆ พูดกับผมพร้อมกับตักอาหารมาใส่ในจานให้ คงไม่ต้องเดาว่านัยน์ตาสีนิลของโทนี่ได้มาจากใคร เพราะมันเป็นสิ่งเดียวบนใบหน้าที่บ่งบอกว่ามันมีเชื้อสายของคนเอเชีย
“ เห็นว่าเป็นติวเตอร์ของเจ้าโทนี่ ยังไงก็ฝากดูแลลูกชายเราด้วย ถ้าดื้อหรือไม่ตั้งใจเรียนฟ้องพ่อได้ทันที ” ผมมองใบหน้าของชายสูงวัยรูปร่างท้วมอย่างพิจารณา ใบหน้าและสีผมของทั้งเขาและโทนี่เหมือนกันราวกับเข้าเครื่องซีร็อกซ์ หากแต่นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นที่แตกต่าง
“ อย่ากังวลไปเลยครับคุณโจนาธาน ผมจะดูแลโทนี่เหมือนน้องแท้ๆ ของผมเอง ผมสัญญา ”
มื้ออาหารแสนอร่อยผ่านพ้นไป โทนี่พาผมมาเดินย่อยที่สวนย่อมบริเวณหลังบ้าน ดอกไม้นานาชนิดถูกจัดวางขนาบทางเดินไปศาลาสีขาวขนาดเล็กกลางสวน โทนี่เล่าว่าบ้านแม่ที่เกาหลีปลูกดอกไม้ไว้เยอะมาก พ่อของเขาเลยสั่งให้ทำสวนนี้ขึ้น เวลาแม่เห็นจะได้หายคิดถึงบ้านเกิดไปได้บ้าง
ผมอิจฉาคุณนายจางจัง ที่ได้มีคนที่รักและเอาใจใส่มากขนาดนี้ หากม้ายังอยู่ป๊าจะทำแบบนี้กับม้าบ้างมั้ย แล้วคนอย่างผม จะได้รับสิ่งเหล่านี้บ้างรึเปล่า
“ เมื่อกี้ปันโทรมา บอกว่าพี่ปูนโมโหใหญ่เลยตอนรู้ว่าบอสหายไปจากโรงพยาบาล ”
“ บอกน้องปันรึเปล่าว่าผมอยู่นี่ ”
“ ถึงไม่บอกปันก็รู้อยู่ดี เพราะปันเป็นคนให้ผมไปหาบอส ”
“ แล้วน้องปันไม่ว่าหรอ ”
“ ไม่นะ ดูจะชอบใจซะอีก ”
ผมพยักหน้า ไม่ได้สนใจคำบอกเล่าของคนข้างๆ เท่าไหร่ ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าจะคิดเรื่องใดๆ ถ้าผมหายตัวไปได้ก็คงจะดี
“ ปันบอกว่าให้ยืมตัวบอสวันนึง พรุ่งนี้ต้องรีบเอาไปคืน ไม่อย่างนั้นจะฟ้องให้พี่ปูนมาลากตัวบอสกลับ ”
“ มันไม่มาหรอก มันเกลียดผมจะตาย ”
“ บอสพูดอะไรผมไม่เข้าใจ ” โทนี่ถามผมเมื่อได้ยินผมพูดประโยคตัดพ้อนั่นเป็นภาษาไทย ผมเลยเปลี่ยนเรื่องชวนมันเข้าบ้านแทน
ห้องรับแขกที่โทนี่ให้ผมอยู่ทั้งกว้าง ทั้งสะดวกสบาย แต่ผมกลับรู้สึกอึดอัด ผมข่มตานอนมา 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมาบนเตียงคิงไซส์หนานุ่ม ผมคงบ้าไปแล้วที่เอาแต่คิดถึงผ้าปูที่นอนบนพื้นแข็งในบ้านเจ้าหนี้
ภาพคุณปูนเดินหันหลังให้ผมที่โรงพยาบาลเมื่อกลางวันยังคอยหลอกหลอน แล้วน้ำตาก็พาลจะไหล ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าจะไปเสียใจให้คนไม่เห็นค่าทำไม ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังอิจฉาน้องสาวแท้ๆ ที่ได้ครอบครองหัวใจเจ้าหนี้ทำไม
รักงั้นหรอ?
มีเหตุผลอะไรให้รัก คนเย็นชา ปากกรรไกร เห็นผมเป็นแค่ตัวแทน คนพันธุ์นั้นสมควรได้รับสิ่งที่เรียกว่า รัก จริงๆ นะหรอ
ถึงจะปฏิเสธตัวเองว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกไม่ใช่อย่างที่คิด แต่ผมก็รู้ว่าซักวันผมคงต้องยอมรับความจริง ถึงจะหนีไปไกลแค่ไหน สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายเดินกลับไปหามันอยู่ดี
ทำไมมึงอ่อนแอขนาดนี้วะ ยศพัทธ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน
“ พี่บอส ” ยัยตัวแสบวิ่งโผล่เข้ากอดผมทันทีที่เจอหน้า ผมกอดตอบด้วยมือข้างเดียว ส่วนข้างที่เหลือก็ยกขึ้นลูบหัวเล็กอย่างเอ็นดู “ ไม่เอาแล้วนะ ปันไม่ให้พี่บอสไปนอนที่อื่นแล้ว ”
ผมยิ้มให้กับคำพูดใสซื่อของเด็กสาว ที่ตอนนี้กำลังทำเสื้อผมเปียก แน่ะมีเสียงสะอื้นด้วย ขี้แยชะมัด
“ น้องปันปล่อยพี่ได้ยังคะ เสื้อพี่เปียกหมดแล้ว พี่ยืมโทนี่มานะ ”
“ พี่บอสสัญญามาก่อนสิว่าจะไม่ไปไหนอีก ”
ผมเงียบไปชั่วอึดใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงพูดตกลงไดโดยไม่ต้องคิด แต่มาตอนนี้ผมกลับพูดคำนั้นได้ไม่เต็มปาก
“ สัญญามา ถ้าไม่สัญญาก็ไม่ปล่อย ” ปัณณ์ณิชออกแรงกอดผมแน่นขึ้นไปอีก เสื้อที่ใส่อยู่ก็ยิ่งชุ่ม ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้เกรงว่าน้ำตาของเจ้าหล่อนจะไหลลงไปยังกางเกง ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ดีแน่
“ โอเคค่ะ พี่สัญญา ทีนี้ปล่อยได้รึยัง ”
“ เย้ ปันอัดเสียงไว้แล้วนะ ”
ห๊ะ ผมไม่ได้ตกใจที่น้องปันอัดเสียง ไม่ได้ตกใจที่น้องปันยิ้มหน้าบานอยู่ตอนนี้ แต่สิ่งที่ทำผมช็อกคือน้ำที่เปียกเสื้อผมเมื่อกี้ไม่ใช่น้ำตา แต่เป็น..
“ น้องปัน..ไม่สบายหรอ ”
“ มีน้ำมูกนิดหน่อย ไปเข้าเรียนกันเหอะ ”
ช็อกกกกกกกกกกกก เสื้อนะไม่ใช่กระดาษทิชชู่!!!!!!!
“ ยศพัทธ ห้อง A ผู้ปกครองมาหาค่ะ ” เสียงตามสายของทางโรงเรียนทำเอาผมที่กินข้าวเที่ยงอยู่ถึงกับสะดุ้ง ผู้ปกครองไหนวะ ผมมีด้วยหรอ อย่าบอกนะว่าเป็น
“ พี่ปูนจะมาหาพี่บอสทำไม กลับบ้านไปก็เจอกันอยู่ดี ” น้องสาวแท้ๆ ยังไม่รู้แล้วผมที่เป็นลูกหนี้จะรู้มั้ย หรือว่ามันจะคิดทำอะไรไม่ดีกับผม ผมหมายถึงเอาไปซ้อมก่อนจะฆ่าทิ้ง เห็นเมื่อวานโทนี่บอกว่ามันโมโหมากหนิ บรึ้ย แค่คิดก็สยอง ผมไม่อยากมีจุดจบเหมือนไอ้แท็กซี่โรคจิตนั่นนะ
“ ยศพัทธ ห้อง A ถ้าภายในห้านาทียังไม่มาพบผู้ปกครอง.. ”
“ เดี๋ยวพี่มา ” ไม่ฟังให้จบแล้วครับ ผมรีบวิ่งออกจากแคนทีนไปยังห้องประชาสัมพันธ์ ไปถึงก็ไม่เจอใคร เห็นแต่มิสซูซานเจ้าของเสียงประกาศเมื่อกี้
“ ผู้ปกครองผมอยู่ไหนครับ ”
“ คุณปุณณัตต์รออยู่ที่ลานกิจกรรมจ๊ะ ”
“ ขอบคุณครับมิส ”
Don’t Walk, Run!! ตอนนี้ผมกำลังทำตามสโลแกนรายการชื่อดังของเกาหลีอยู่ ขืนไปช้าเกินห้านาทีผมก็ตายดิครับ ผมวิ่งมาถึงลานกิจกรรมแต่ไม่ยักเห็นวี่แววลีมูซีนสีดำ จะมีก็แต่เมอสิเดสสีดำจอดอยู่ ผมวิ่งไปหยุดที่ข้างประตูคนขับ ไม่นานหน้าต่างติดฟิล์มทึบก็เลื่อนลง เผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามแสนคุ้นตา สวมแว่นกันแดดแบรมด์เนมสีชานั่งตากแอร์สบายใจอยู่ภายใน
“ แฮ่กๆ คุณ..มีธุระ..อะไร ” ผมต้องใช้ความพยายามแค่ไหนรู้มั้ยกว่าจะพูดจบประโยคได้ แต่อีตาเจ้าหนี้ก็ไม่แม้แต่จะหันมามอง ไหนว่ารีบไงวะ มีอะไรก็พูดมาสิ
“ ขึ้นรถมา ”
“ หา? ”
“ กูบอกให้ขึ้นรถมา หูหนวกรึไง ” น้ำเสียงแข็งกร้าวบอกอารมณ์ครุกกรุ่นทำให้ผมต้องยอมขึ้นรถไปนั่งข้างแต่โดยดี ไม่กล้าจะพูดอะไรมากตอนนี้ เอาเข้าจริงผมก็ยังกลัวมันอยู่
“ ไปไหนมา ” นี่ถ่อมาหาผมที่โรงเรียนเพราะจะถามเรื่องเมื่อวานนี่นะ เหอะ กลัวคืนนี้ผมจะไม่กลับบ้านอีกหรือไง กลัวผมหนีหนี้ละซิ จะบอกให้ว่าถ้าคิดจะหนีจริงคงไม่มาโรงเรียนตั้งแต่แรกหรอกเว้ย
“ ไปนอนบ้านเพื่อน ”
“ เพื่อน? มึงมีด้วยหรอ หรือหมายถึงไอ้ฝรั่ง ทำไมมันติดใจมึงรึไง วันงานพรอมคงแต่งตัวไปให้ท่ามันละซิ ”
“ คุณ! ” ผมกำมือแน่น ข่มโทสะไว้ไม่ให้หลุดไปต่อยปากคนข้างๆ
“ กูพูดผิดตรงไหน มึงหวังจะจับคนรวย สำเร็จแล้วนี่ดีใจด้วย หลอกเอาเงินมันมาเยอะๆ นะ จะได้ใช้หนี้กูให้หมดเร็วๆ ”
ความอดทนผมก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ถึงเขาจะเป็นเจ้าหนี้ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์จะมาดูถูกผมด้วยคำพูดพล่อยๆ แบบนี้
“ คุณไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้หรอก ผมใช้คุณทุกบาททุกสตางค์แน่ ต่อให้ต้องเอาตัวเข้าแลกผมก็จะทำ”
“ มึง! ” เจ้าหนี้หันมาจ้องหน้าผม แต่เพราะแว่นสีชานั่นทำให้ผมไม่รู้ว่าเขามองมาด้วยสายตาแบบไหน
" ถ้าหมดธุระแล้ว ผมขอตัวไปเข้าเรียนก่อน " พูดจบผมก็ลงจากรถไป โดยไม่หันไปมองมันอีกเลย
( มีต่อ ก่อนปีใหม่แน่นอน แฮะๆ ปล ถ้าเขียนผิดพลาดประการใดขออภัย พอดีอัพจากมือถือ )