FC ที่ 14 จุมพิตที่แสนขมขื่น หลังจากขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ พี่พริ้นก็กลับออกไป เพราะว่าวันนี้พี่พริ้นมีคิวถ่ายละครและถ่ายแบบลงนิตยสารอีกหลายงาน ผมส่งยิ้มให้พี่พริ้นก่อนจะเตรียมตัวไปทำงานพิเศษที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าย่านชานเมือง ซึ่งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ เป็นกองทุนช่วยเหลือในนามของตระกูลสหวัฒนวรางกูร หรือตระกูลของพี่พริ้นนั่นเอง
เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ มันช่างเป็นสถานที่ที่ดูอบอุ่นและร่มรื่นเหลือเกิน ผมชอบเวลาที่ได้เห็นเด็กๆ วิ่งเล่นและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้รับในวัยเด็ก
" พี่ชายฮะ ไปเล่นกัน " เด็กน้อยตากลมโตคนหนึ่ง พยายามลากผมไปยังสนามเด็กเล่นที่สวนดอกไม้ด้านหลัง ผมเดินมาเรื่อยๆ ตามแรงจูงของเด็กน้อย
เสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวและเสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังมาถึงทางที่ผมกำลังเดิน ทำให้รู้ว่าสนามเด็กเล่นด้านหลังนี้คงมีเรื่องสนุกๆ สินะ ผมเดินต่อไปจนถึงใต้ต้นโอ๊คต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านอย่างร่มรื่น มองดูกลุ่มเด็กตัวเล็กๆ ตรงหน้า กำลังเล่นกับชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน เด็กๆพากันลุมกระโดดและกอดขาของชายหนุ่นคนนั้นไว้ ทำให้หนุ่มคนนั้นล้มหงายท้องลงไปพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
ผมยิ้มให้กับภาพตรงหน้าอย่างมีความสุข เป็นคนที่ใจดีจังเลยนะ เด็กๆ คงรักชายหนุ่มคนนั้นมากจริงๆ
แต่เมื่อผมลองเพ่งมองดูดีๆ แล้ว ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุ้นๆ จังเลยนะ เหมือนกับว่า เอ่อ...
ผมชะงักค้างทันทีที่ได้เห็นคนตรงหน้าชัดๆ ไม่ ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ผมสั่นหัวอย่างรุนแรงพลางขยี้ตารัวๆ อย่างตื่นตะลึง ถ้าเป็นไอ้บ้านั่นจริงๆ คงจับเด็กกินตับไปแล้วแน่นอน
ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปเพื่อมองให้เห็นชัดถนัดตาขึ้นอีกนิด และก็ชัดเจนครับ ผมอ้าปากค้างอีกครั้ง คุณพระ นี่มันอะไรกันฟะเนี่ย เด็กน้อยคนหนึ่งในกลุ่มนั้นวิ่งตรงมาหาผม เพื่อมาลากให้ผมเข้าร่วมกับการละเล่นครั้งนี้
และเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าหันมาสบตาเจอผมเข้าก็ตัวแข็งทื่อทันที หน้าตาที่ยิ้มแย้มอย่างสนุกสานตลอดเมื่อกี้นี้ บัดนี้เหลือแค่เพียงความเหนื่อยล้าและความตกใจอยู่บนใบหน้า ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืน และพยายามผลักเด็กๆ ออกไปให้ห่างตัว ทำหน้าตาเลิกลั่ก เหมือนกำลังพยายามทำลายหลักฐานอยู่ยังไงยังงั้น แต่เด็กๆ ที่ยิ่งโดนผลัก ก็ยิ่งกรูกันเข้าหา จนชายหนุ่มนั้นล้มคว่ำลงไปอีกรอบ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ
" ให้ช่วยไหมครับ " ผมพูดพลางยื่นมือเข้าไปหา พร้อมส่งรอยยิ้มกวนประสาทไปให้อย่างเปิดเผย
" ยุ่ง " คำตอบที่ได้ทำเอาผมหลุดขำออกมาอย่างเสียมิได้ ใครจะไปรู้ ว่าจอมมารคนนี้รักเด็กขนาดไหน ฮ่าๆๆ ผมหัวเราะในใจ ไอ้หมอนี่เอาจริงๆ ก็น่ารักดีแฮะ
" ไม่ยักรู้ว่าเป็นพวกนางงามรักเด็ก " ผมยังคงแหย่ยั่วโมโหคนตรงหน้า ด้วยใบหน้ากวนทีนแบบสุดๆ
" เหอะ กับเด็กเล็กๆ พวกนี้น่ะใช่ แต่กับเด็กเปรตบางคนแถวนี้น่ะ ไม่ใช่แน่นอน " หึยย ปากคอเราะร้ายเหมือนเดิม
" ไหนๆ เด็กๆ มาให้พี่ดูหน่อยคร๊าบบ ตับยังอยู่กับตัวไหมเนี่ย ระวังโดนปิศาจกินตับไม่รู้น้า " ผมพูดพลางจับตัวเด็กๆ พลิกไปมา แกล้งทำเป็นสำรวจร่างกายเด็กๆ เพื่อแหย่คนแถวนี้เล่น ฮ่าๆ
" เด็กพวกนี้น่ะ ไม่โดนหรอก แต่เด็กโข่งบางคนแถวนี้น่ะ ไม่แน่ " ไอ้คุณไอ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นไอหื่นไปเรียบร้อย พูดพร้อมกับส่งสายตาโลมเลียมาที่ผมอย่างหื่นกระหาย ทำเอาผมรีบลุกขึ้นพร้อมขนที่ตั้งชันไปทั้งตัว
" พี่ฮับ พี่สองคนเป็นแฟนกันเหรอ " เด็กชายตัวน้อยมองผมกับไอหื่นไปมาแล้วถามขึ้นอย่างไร้เดียงสา
" ไม่ใช่!!! " ผมกับไอหื่นตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตื่นตกใจกับคำถาม จนเด็กน้อยคนนั้นเบะปากเตรียมร้องไห้ด้วยความตกใจเสียง
" โอ๋ๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง ฮึบๆ " ไอ้คุณไอ อุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน พร้อมโยกตัวไปมาอย่างเชี่ยวชาญ ผมละอึ้งกับภาพตรงหน้าจริงๆ มีเรื่องให้ล้อไปนานเลยทีนี้ หึหึ
" นายเป็นคนที่จะมาเล่นเปียโนวันนี้งั้นเหรอ "
" ใช่สิ "
" เฮ้ออ งั้นก็เลือกเพลงดีๆ ให้เด็กๆ ละกัน "
" แน่นอน " ผมยิ้มให้กับความคิดนั้น แหง๋อยู่แล้วล่ะ ผมน่ะเล่นได้ทุกเพลงทุกแนวนั่นแหละ คอยดูละกัน
" โอนี่จาง วันนี้ก็จะเล่นหยอคะ " เด็กหญิงตัวเล็กๆ เกาะขาไอ้คุณไอไว้แล้วเขย่าเบาๆ
" วันนี้พี่ชายคนนั้นจะเล่นให้ฟังน้า เดี๋ยวเราไปฟังด้วยกันนะคะ " ไอ้คุณไอย่อเข่าลงมาคุยกับเด็กหญิงอย่างใจดี
ผมหูฝาดไปหรือป่าวนะ ไอ้คุณไอเนี่ยนะ เล่น เล่นอะไรกัน เปียโนงั้นเหรอ ถ้าเป็นกลองชุดหรือกีต้าร์ก็ว่าไปอย่าง ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ถึงวันนี้ไอ้คุณไอจะแต่งตัวดูสบายตามากกว่าทุกวันก็เถอะ แต่ยังไงอิมเมจมันก็ไม่ได้อยู่ดีละนะ
" คุณมิน พร้อมจะขึ้นเล่นหรือยังคะ " ผู้ดูแลของที่นี่มาตามผมเพราะว่าใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว
" ครับ พร้อมแล้วครับ "
" ส่วนคุณไอ มีสายมาจากคุณท่านค่ะ "
" อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ " คุณท่านงั้นเหรอ อะไรกันนะ แต่ผมไม่มีเวลาจะคิดอะไรอีกแล้ว เพราะว่าต้องขึ้นแสดงแล้วล่ะ
ผมมาถึงโรงอาหารที่เด็กๆ นั่งเรียงกันอยู่ด้วยใบหน้าตื่นเต้น ผมส่งยิ้มอย่างร่าเริงก่อนที่จะนั่งลงบนคีย์บอร์ดตัวเล็ก แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะสำหรับผมไม่ว่าจะเปียโนหลังใหญ่หรือคีย์บอร์ดตัวเล็กๆ ผมก็ทุ่มสุดฝีมืออยู่แล้ว เพื่อรอยยิ้ม เพื่อความสุขของทุกๆ คน
ผมเริ่มบรรเลงเพลงที่ท่วงทำนองสดใส สนุกสนานเหมาะกับเด็กๆ ผมน่ะไม่ได้แค่เล่นเปียโนเก่งอย่างเดียวน้า แต่ผมก็ร้องเพลงได้ด้วย ผมเล่นและร้องเพลงอย่างครื้นเครง พวกเด็กๆ ช่วยกันปรบมือประกอบจังหวะ บ้างก็ร้อง บ้างก็เต้นตามจังหวะเพลง
ผมเหลือบไปเห็นไอ้คุณไอยืนพิงเสามองมาด้วยใบหน้าที่แปลกออกไป เป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผมจ้องมองใบหน้านั้นด้วยหัวใจที่สั่นไหว ราวกับว่ามันเต้นตึกตัก ด้วยจังหวะที่แปลกออกไป
งานวันนี้จบลงแล้ว แต่พวกเด็กๆ ก็ยังลุมล้อมผม ไม่ให้ผมได้กลับง่ายๆ เลยทีเดียว ดูเหมือนพวกเด็กๆ จะถูกใจผมเข้าซะแล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผมเริ่มเป็นห่วงไอ้เกลียวที่นอนรอความตายอยู่ที่ห้องอย่างปล่าวเปลี่ยว จึงจำใจต้องโบกมือลาพวกเด็กๆ ที่โบกมากลับอย่างเศร้าสร้อย
" ไม่ต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้นน้า พี่จะมาเล่นด้วยอีกบ่อยๆ เลย ดีไหม " ผมพูดด้วยใบหย้ายิ้มแย้ม
" เย้ๆ แล้วมาอีกนะคะ "
" แล้วมาอีกน้า "
" สัญญาแล้วนะครับ "
" จะรอนะฮับ " เด็กๆ พากันตะโกนลาอย่างตั้งใจ ผมส่งยิ้มให้เด็กๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้
' ปรี๊น ปรี๊น! '
เสียงแตรที่ไม่บอกก็รู้ว่ามาจากใครดังขึ้นด้านหลัง ก็ว่าอยู่ว่าหายไปไหน ที่แท้ก็ไปเอารถมานี่เอง
" ขึ้นมา " ไอ้คุณไอขับรถมาขนาบข้างผม เปิดกระจกลง และสั่งผมด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ
" เรื่องสิ " ผมเบะปาก แล้วเดินต่อไป อย่างกวนบาทา เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ง่ายนะคร๊าบ หึหึ
" งั้นก็ตามใจ " หึยยย เจ้าของรถปิดกระจกขึ้นพร้อมออกรถอย่างเร็วแรง จนฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วถนน ไอบ้า ไอคนใจร้าย แต่ด่ายังไม่ทันขาดคำ รถ BMW คันเดิมก็ถอยหลังกลับมาอีกครั้งหนึ่ง หึ ไม่แน่จริงนี่หว่า
" อย่าให้พูดซ้ำ " เจ้าของรถพูดด้วยน้ำเสียงบงการ ขู่แกมบังคับ ผมซึ่งกลัวโดนฆ่าหมกท่อแถวนี้ เลยต้องขึ้นรถอย่างจำใจ
บรรยากาศในรถยังคงเย็นยะเยือกเช่นเคย แต่ความกลัวของผมน่ะกลับลดน้อยลง คนที่เล่นเปียโนเป็นน่ะ ไม่ใช่คนไม่ดีหรอก นี่คือคติของผม หึหึ
" มาที่นี่บ่อยงั้นเหรอ " ผมถามออกไปอย่างสงสัยใคร่รู้
" นายน่ะเป็นแค่รุ่นน้องของพี่พริ้นจริงเหรอ พี่พริ้นดูไว้ใจนายมาก " ผมถามสิ่งที่ผมอยากรู้จริงๆ ออกไปอย่างอดมิได้
" หึ เห็นเป็นแบบนั้นเหรอ " ไอ้คุณไอยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างบอกไม่ถูก
" นายน่ะ ชอบหมอนั่นใช่ไหมล่ะ เพราะอะไร " ไอ้คุณไอถามผมต่อ ทำเอาผมสะดุ้งตัวน้อยๆ เพราะตกใจกับคำถามนี้
" เอ่อ บอกไม่ได้ แต่บอกได้แค่ว่าไม่ใช่เพราะหน้าตาหรอก จริงๆนะ "
" หึ ก็คงงั้น ไม่งั้น นายก็ต้องชอบฉันด้วยใช่ไหมล่ะ " หึยยย ไอ้คนหลงตัวเอง
" แหวะ " ผมทำท่าสำรอกอย่างหมั่นไส้
แต่อยู่ดีๆ ไอ้คุณไอก็หักรถหลบเข้าข้างทาง และขณะที่ผมกำลังงงงวยอยู่นั้น ร่างของคนข้างๆ ก็เอี้ยวตัวมา ใช้มืออันแข็งแกร่งนั่น บีบคางของผมไว้ แล้วประกบจูบผมอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ผมตกใจจนไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ทำตาโตมองใบหน้าของคนที่เข้ามาใกล้จนเห็นแม้กระทั่งขนตา รู้สึกถึงความเปียกชื้นของปลายลิ้นที่กำลังพยายามลุกล้ำเข้ามา ผมได้แต่ปิดปากแน่นด้วยความยากเย็น
" อ..อื้อ.อ..อ " ผมกำเสื้อของไอบ้านี่ไว้ แล้วผลักออกไปอย่างเต็มแรง ตามด้วยหมัดขวาตรงแห่งความโกรธ
" ไอสารเลว " ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่คนคนนี้ทำกับผม
" หึ คนที่สารเลวจริงๆ น่ะ ไม่ใช่ฉันหรอก " คนตรงหน้าแค่นหัวเราะออกมาเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ
ผมเปิดประตูออกมาจากรถ ไร้ซึ้งการยื้อหรือรั้งใดๆ จากเจ้าของรถ ผู้ชายคนนั้นยังคงแค่นหัวเราะอย่างขบขันกับบางสิ่งบางอย่าง ผมเดินจากมาด้วยความรู้สึกทั้งโกรธและสับสน ทำไมกันนะ ทำไมผู้ชายคนนั้น ถึงทำกับผมเหมือนว่าผมไม่มีหัวใจ
นายมีอะไรซ่อนอยู่ ในหัวใจกันแน่