✿pine trees and clean laundry✿ #น้ำค้างกลางป่าสน omegaverse☁ epilogue (24/12/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿pine trees and clean laundry✿ #น้ำค้างกลางป่าสน omegaverse☁ epilogue (24/12/18)  (อ่าน 20752 ครั้ง)

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


pine trees and clean laundry ☁ omegaverse
#น้ำค้างกลางป่าสน
written by: hopeniverse




กลิ่นลอยเตะจมูก หอมดึงดูดใจเสียจนต้องสาวเท้าเข้าตามหา
กลิ่นป่าสนดิบชื้น ไอหมอกลอยเอื่อย
เป็นครั้งแรกที่อัลฟ่าอย่าง น้ำค้าง กระวนกระวายใจด้วยกลิ่น
หากแต่ต้นเหตุของป่าสนในจินตนาการคือ อัลฟ่า หาใช่โอเมก้าแบบที่คาดไว้
ฮิม อัลฟ่ากลิ่นป่าสน เจ้าของรอยยิ้มพันล้านวัตต์และลักยิ้มสองข้างแก้ม


---


note:
อัลฟ่า คือสายพันธุ์ที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร จะได้กลิ่นโอเมก้า และจับคู่โดยการมาร์กรอยไว้ที่คอ
เบต้า คือ คล้ายบุคคลทั่วไปเลยค่ะ จับคู่กับเบต้าด้วยกันเอง
โอเมก้า มีช่วงฮีท (เรียกอีกอย่างว่า ติดสัด) จะมีน้ำหล่อลื่นออกมา และสามารถท้องได้ มีกลิ่นแรง เพราะเอาไว้ดึงดูดอัลฟ่า



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2018 23:28:31 โดย hopeniverse »

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
prologue

   เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างได้กลิ่นแรงขนาดนี้ แรงฉุนกึกในจมูกเสียจนตัวเขาที่เป็นอัลฟ่าเองก็ยังแปลกใจว่าเหตุใดกลิ่นถึงได้แรงขนาดนี้ และที่แปลกใจมากกว่านั้นคือกลิ่นที่ฉุนกึกนั้นดันหอมติดจมูกเขาจนไม่รู้สึกอยากจะจามหรือเดินหนี ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตัวเขา เคมีในกลิ่นที่ทำให้ตัวเขาปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อยทำให้น้ำค้างถึงกับวางแครอทที่เลือกไว้แล้วในมือลงกับกองที่เดิม ปกติแล้วกลิ่นไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับตัวน้ำค้างเลย ทั้งชีวิตตั้งแต่เจริญพันธุ์และรู้ว่าตัวเองเป็นอัลฟ่า เขาก็ไม่ได้มีความสนใจในตัวโอเมก้าหรือเบต้าคนอื่นเป็นพิเศษ กลิ่นที่ผ่านเข้ามาสำหรับคนอื่นบางคนถึงกับน้ำลายสอ แต่สำหรับน้ำค้างนั้น ก็เหมือนกับโฆษณาอาหารตามรายการทีวี ใช่ เขารู้ว่ามันจะอร่อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะแสดงออกว่าต้องการหรือโหย
   ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เขายืนอยู่ถึงจะเล็ก แต่ก็มีผู้คนหลากหลาย และน้ำค้างไม่รู้เลยว่ากลิ่นนั้นมันจากไหน นั่นเป็นครั้งแรกที่การเลือกผักและเนื้อสดเพื่อทำอาหารของเขานั้นหยุดลงเพียงเพราะกลิ่น ท่าทางเย็นนี้จะต้องเอาของค้างในตู้เย็นมาทำอาหารจริงๆ ขายาวๆ จากร่าง 184 เซนติเมตรของเขาเริ่มออกก้าวเดินหาต้นตอของกลิ่นอายหอมหวนนั้น ด้วยสัญชาตญาณจากเคมีร่างกายที่เดินไล่ตามกลิ่นไปเรื่อยๆ น้ำค้างเพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนรอบตัวตอนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อเจอกลิ่นที่ถูกใจก็ตอนนี้ มันไม่ใช่แค่ไบโอเคมีในร่างกายที่สั่งการรุนแรง แต่เป็นสมองที่เอาแต่วนคิดว่าจะต้องหาให้เจอ จะต้องได้ครอบครอง เป็นสัญชาตญาณดิบโดยแท้แบบที่คนอย่างน้ำค้างไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาไม่ใช่คนรุนแรง ไม่ชอบวิธีป่าเถื่อน ข่าวข่มขืนในจอทีวีส่วนใหญ่ก็มาจากเรื่องกลิ่นเป็นเหตุเสียส่วนใหญ่ และน้ำค้างมองว่ามันไร้อารยธรรม ซึ่งตอนนี้เขากำลังทำตัวไร้อารยธรรมขัดกับตรรกะกับการเพ่งสมาธิไปยังกลิ่นที่กำลังแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแปลว่าเขากำลังใกล้ต้นตอกลิ่นเข้าไปอีกแล้ว
   ขาของเขาพาเข้าไปที่ร้านกาแฟ และตรงนั้นน้ำค้างหยุดกึก ต้นตอของกลิ่นของเขายืนอยู่ที่หลังเคาทน์เตอร์ และทันทีที่น้ำค้างพาตัวเองเข้าไปยืนต่อแถวเพื่อสั่งกาแฟตามที่คนอื่นกำลังยืนอยู่แล้วนั้น กลิ่นใบไม้ต้นสนนั่นก็สาดเข้ามาใส่หน้าเขาเสียระลอกใหญ่ กลิ่นป่าสน ไอเย็น และใบไม้แห้ง น้ำค้างเกือบจะบอกได้ว่าใบไม้แห้งนั่นเกือบจะดังเป็นเสียงกรอบแกรบในหัวเขา กลิ่นดิน กลิ่นน้ำค้าง และทุกอย่างที่อยู่ในป่าสนคือคำอธิบายของกลิ่นทั้งหมด และน้ำค้างไม่เคยรักกลิ่นไหนเท่านี้มาก่อน ในชั่วแวบหนึ่งที่เขาอยากจะสูดดมนั้น มีไอของความปรารถนาดำดิ่งซ่อนอยู่ในแมกไม้ของป่าสนเหล่านั้น มันเป็นกลิ่นที่เซ็กซี่แบบเย็นๆ แต่ไม่ยะเยือก และนั่นคือทั้งหมดที่เขาต้องการ
   ต้นตอที่กลิ่นยืนอยู่หลังเคาทน์เตอร์เป็นผู้ชาย กะจากระยะสายตาแล้วคงจะสูงประมาณหน้าผากเขาได้ เขาเป็นบาริสต้าอย่างแน่แท้ และน้ำค้างก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาเดินเข้ามาในส่วนร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างสตาร์บัคด้านข้างซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยที่ในมือยังคงถือตะกร้าของทางซุปเปอร์ไว้ในมือ การที่ผู้ชายตัวโย่งอย่างเขามาเลือกของสดคนเดียวมันก็ดูแปลกพอแล้ว แต่นี่เขาดันถือตะกร้าเข้ามาในร้านกาแฟอีก พอได้สติแล้วก็พอจะรู้ตัวว่าตนเองเป็นเป้าสายตามากแค่ไหน เวรกรรมจริงๆ ถ้าวันไหนที่เขาไม่ทำของพัง ก็ต้องเป็นวันที่เขาประจานตัวเอง เลือกเอาสักอย่างนั่นแหละ
   น้ำค้างหาได้ใส่ใจไม่ เขายังคงลอบสังเกตตัวบาริสต้าเจ้าของกลิ่นป่าสนสุดเซ็กซี่นั่นหลังเคาทน์เตอร์ น่าเสียดายที่แถวค่อนข้างยาวและน้ำค้างเองก็ไม่ได้วิวที่ดีเอาเสียเลย สิ่งแรกก่อนที่น้ำค้างอยากจะเห็นมากกว่าหน้าตาก็คือป้ายชื่อแท็กเนมบนอกนั่น ว่าเจ้าตัวเป็นอัลฟ่า เบต้า หรือว่าโอเมก้ากันแน่ และแน่นอนว่าน้ำค้างภาวนาขอให้เป็นโอเมก้าในใจ สำหรับเขาไม่ว่าเพศไหนก็ไม่เป็นปัญหา แต่การที่เจอคนที่ถูกใจแล้วดันไม่ใช่เคมีที่เข้ากับสิ่งที่เป็นอยู่นี่สิปัญหาใหญ่ยิ่งกว่ารักร่วมเพศ นึกถึงพวกญาติๆ ที่เอาแต่บ่นข่าวหรือคนรู้จักรอบตัวว่าเป็นอัลฟ่ากับอัลฟ่าแต่งงานด้วยกันแล้วก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ ขึ้นมา สังคมส่วนใหญ่ก็ไม่นิยมอะไรแบบนี้นักหรอก เหตุผลหลักเลยก็คืออัลฟ่ามีลูกไม่ได้ ซึ่งโอเมก้าทำได้ ก็พอจะเข้าใจว่าคนเราก็มักจะชอบอะไรที่ทำตามกฏธรรมชาติและสืบพันธุ์ได้ แต่ถ้าถามว่าผิดไหมถ้าเขาจะชอบอัลฟ่าด้วยกันเอง? ก็ไม่ผิดหรอก คนจำพวกไม่สนอะไรเลยนอกจากเป็นกลิ่นที่ถูกใจ หรือตัวบุคคลที่ถูกใจก็จะฉีกกรอบและไม่แคร์คำวิพากษ์วิจารณ์ไปเลย
   ส่วนตัวน้ำค้าง บอกตามตรงว่าเขาเป็นพวกรักสงบ และอยู่ในกรอบของพ่อแม่มาตลอด แถมเรื่องจะจับคู่ผูกตัวเองกับใครก็ไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงเป็นอะไรที่ใหม่กับตัวเขามากเลยทีเดียว
   และทันทีที่แถวรันมาถึงตัวเขาเองนั้น น้ำค้างสาบานว่าเขาไม่เคยพยายามกลั้นหายใจและตั้งสติกับตัวเองขนาดนี้มาก่อน สาเหตุหลักก็คงเป็นเพราะอาการระแวงนู่นนี่ในตัวเขาที่มันดังเตือนเหมือนสัญญาณไซเรนในหัวว่าอย่าทำอะไรโง่ๆ ล่ะไอ้น้ำ
   “รับอะไรดีครับ?”
   น้ำค้างไล่สายตาลงไปบนป้ายเนมแท็กบนอกบาริสต้าตรงหน้า
   ฮิม // อัลฟ่า
   สมองของน้ำค้างเหมือนมีคนกำลังมาตัดต้นไม้ในป่าสนของเขาลงทีละต้น
   “อเมริกาโน แก้วกลางครับ” เขาตอบเมนูออกไปจนได้หลังจากที่สมองเหมือนโดนทุบด้วยกลิ่นผสมปนเปกับคำว่าอัลฟ่าบนป้ายชื่อนั่น ไอ้เวรเอ๊ย ใครสั่งให้คนให้ความสำคัญกับสายพันธุ์ขนาดนี้กัน
   “ขอทราบชื่อด้วยครับ”
   บาริสต้าตรงหน้าเขายิ้มหวาน และน้ำค้างรู้เลยว่าไม่มีอะไรแย่ไปกว่าอัลฟ่ากลิ่นป่าสนที่มีลักยิ้มอีกแล้ว เขาจะต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ อัลฟ่าที่ชื่อฮิมตรงหน้าเขามีกลิ่นรุนแรงเตะจมูกเขาทั้งที่ไม่ควรตามธรรมชาติ และยังโครงหน้าที่คมกริบไปหมดนั่นอีก สันกรามแหลม จมูกโด่งไล่โค้งทอดมาจรดปลาย โหนกแก้ม ลักยิ้ม และดวงตาโตที่มีชั้นตาลึก น้ำค้างโดนขวานในจินตนาการสับสมองของเขาเละไปหมด อัลฟ่าตรงหน้ามีทุกอย่างที่หมดจด
   แล้วน้ำค้างก็ตัดสินใจทำเรื่องที่โง่ยิ่งกว่าการถือตะกร้าซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้ามาในสตาร์บัค
   “น้ำค้างครับ...”
   “ครับ แล้ว...?”
   “โอเมก้าครับ”
   เขาต้องหลุดโลกไปแล้วแน่ๆ 



tbc.



ในเรื่องทั้งน้ำค้างและฮิมเป็นอัลฟ่านะคะ ที่น้ำค้างออกตัวว่าเป็นโอเมก้าก็เพราะในสังคมโอเมก้าเวิร์สตามที่เราจินตนาการคือเพศชายกับหญิงต่างสืบพันธุ์ได้หมด ดังนั้นสังคมเลยเลือกที่จะแบ่งชนชั้นกับสายพันธุ์มากกว่า คนจะสเตอริโอไทป์ว่าอัลฟ่าต้องคู่กับโอเมก้า เบต้าคู่กับเบต้า อะไรประมาณนี้ค่ะ น้ำค้างเป็นคนหัวอ่อนเลยค่อนข้างจะกังวลเรื่องที่ถูกใจอัลฟ่าด้วยกันเอง และถ้ามองเป็นสังคมปกติ การจะแหกกฏธรรมชาติก็มีกันทั่วไป เราพยายามมองภาพให้เป็นโอเมก้าเวิร์สมากกว่าปกติค่ะ

feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2018 21:23:22 โดย hopeniverse »

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
chapter one

   น้ำค้างจิบอเมริกาโนด้วยความรู้สึกขมคอ หน้าอัลฟ่ากลิ่นป่าสนคนนั้นดูจะช็อกไปนิดหน่อย ใช่ว่าโอเมก้ารูปร่างแบบเขาจะไม่มี แต่ก็หายาก การที่คนซึ่งมีลักษณะทางกายภาพทุกอย่างเป็นอัลฟ่าโดยตรงแล้วบอกให้พนักงานเขียนชื่อแก้วสตาร์บัคว่าเป็นโอเมก้านี่ก็ค่อนข้างจะแปร่งพอๆ กับการที่เขาเดินออกมาเลือกของสดคนเดียว แต่น้ำค้างไม่มีทางเลือก หรือก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ในหัวตอนนั้น รู้แต่ว่ากลิ่นใบไม้นั่นทำเขาเสียสติไปและตอนนั้นคือให้เป็นอะไรก็เป็นได้หมด
   และพอได้สติว่าทำอะไรลงไป ก็มานั่งสำนึกผิดคนเดียวอยู่ที่มุมอับสุดของร้าน มองอเมริกาโนแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้บ่ายแก่ๆ แล้ว กินกาแฟแรงขนาดนี้ก็น่าจะตาค้างต่อ เออ เอาเข้าไป ไปให้สุดไปเลยไอ้น้ำ
   ลอบมองบาริสต้าที่ชื่อฮิมคนนั้นแล้วน้ำค้างก็สารภาพเลยว่าอยากจะตรงเข้าไปมาร์กรอยเลย ณ เดี๋ยวนั้น กลิ่นของป่าสนยังคงลอยวนอยู่ใต้จมูก ถึงกลิ่นกาแฟจะกลบได้บ้าง แต่ไม่เยอะเลย ไบโอเคมีในร่างกายของเขายังคงทำงานอย่างดี ถ้าเป็นโอเมก้าตามที่พูดจริงๆ ตอนนี้เขาก็คงจะเปียกมาก แต่ด้วยความที่เป็นอัลฟ่าแท้ๆ จึงได้แต่กระวนกระวายต่อต้านสัญชาตญาณดิบตัวเองอยู่กับที่ ปกติเพื่อนๆ คนรอบตัวน้ำค้างก็คงเข้าไปทำความรู้จักเลย มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วกับการพุ่งเข้าไปทำความรู้จักกะทันหันในที่สาธารณะเพราะเรื่องกลิ่นที่แมทช์กัน แต่สำหรับน้ำค้าง ผู้โสดสนิทเพราะไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ บวกกับไม่มีประสบการณ์เลย ขอบอกเลยว่า ยากว่ะ ให้เขาตาค้างอดนอนปั่นโปรเจคสามคืนยังง่ายกว่าเดินเข้าไปทำความรู้จักกับอัลฟ่าที่ไหนก็ไม่รู้
   ในหัวสองจิตสองใจ เพราะอัลฟ่ากลิ่นเย้ายวนใจยังคงอยู่ให้เห็นในสายตา น้ำค้างจ้องมองไม่หยุดมาตั้งแต่นั่งตรงนี้แล้ว และท่าทางฝั่งนั้นก็คงรู้ตัว เพราะก็เงยขึ้นมาสบตาเขาเป็นระยะๆ เช่นกัน แต่ดูท่าทางจะชินกับการเป็นเป้าสายตาน่าดู ถึงได้ส่งยิ้มให้เขาแบบที่คนเป็นมิตรพึงมี แต่สำหรับน้ำค้างแล้ว เขาต้องกลั้นหายใจแล้วหลบสายตาไปพักใหญ่
   นั่นมันรอยยิ้มพันล้านวัตต์ชัดๆ เหมือนโดนช็อตไปพักนึง
   สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปต่อแถวเพื่อสั่งขนมเพิ่มอีกอย่าง น้ำค้างไม่อยากจะออกจากร้านเลย ไม่อยากจะพลาดโอกาส ถ้าเกิดว่าฮิมไม่ได้ทำงานที่นี่ถาวรล่ะ น้ำค้างจะมีโอกาสได้เจออีกไหม? หรือว่าถ้าเกิดฮิมกำลังจะลาออกแล้วล่ะ? แค่คิดความแพนิคในตัวน้ำค้างก็พุ่งสูงติดเพดานสมอง เขาควรจะชวนคุยหรือว่าทำยังไงดีล่ะ? หรือเขาควรจะพูดไปตรงๆ เลยว่าสนใจ ว่าแต่ปกติเขาเริ่มบทสนทนากันยังไงนะ? น้ำค้างรู้สึกเหมือนว่าจู่ๆ เขาก็เข้าสังคมไม่เป็นเสียอย่างงั้น
   “อ้าว คุณลูกค้า รับอะไรเพิ่มดีครับ?”
   ว่าแต่ ถึงคิวเขาแล้วเหรอ ไอ้เวร
   “เอ่อ เอาแซนวิชสลัดไข่แล้วกันครับ”
   “อ๋า โอเคครับ รับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ?”
   “ไม่แล้วครับ”
   “กลับบ้านหรือทานนี่ดีครับ?”
   “ทานนี่ครับ”
   “โอเคครับ เอ่อ จะเสียมารยาทไปไหม แต่ผมต้องบอกว่าคุณเป็นโอเมก้าที่ผมไม่เคยเจอเลย”
   น้ำค้างรู้สึกเหมือนมีเสียงจุดพลุฉลองในหัว ขอบคุณที่เขาไม่ต้องเป็นคนเริ่มชวนคุย และด้วยนิสัยขี้กังวล เขาถึงหันไปด้านหลังและพบว่าไม่มีคนต่อคิวเลย โอเค เอิ่ม ดี? โอกาสที่ดีสิ ก็แน่ล่ะสิไอ้น้ำ
   “อ๋อ ก็คงเป็นแบบนั้นแหละครับ ผมคงเอ่อ...ดูไม่เหมือนโอเมก้าเลยใช่ไหม?” น้ำค้างหัวเราะเจื่อนๆ เสียงในสมองส่วนลึกกระซิบมาว่า ไม่เนียนเลยไอ้น้ำเอ๊ย
   “ไม่เหมือนเลยครับ ทุกอย่างเลย” บาริสต้ากลิ่นป่าสนหัวเราะ ดูเป็นคนที่เป็นมิตร บรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายเย็นสบาย เป็นไอหมอกเอื่อยๆ บนยอดไม้ในแบบที่น้ำค้างชอบ ไม่ได้เย็นชา แต่ก็ไม่ได้ดูเข้าถึงง่ายขนาดนั้น
   “อ้อ อีกอย่างที่ผมแปลกใจคือคุณไม่มีกลิ่นเลย” ฮิมว่าต่อ แขนสองข้างเท้าลงกับเคาทน์เตอร์ ดวงตาเป็นประกายขี้เล่น “ปกติต่อให้ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นยังไงก็ต้องมีให้ได้กลิ่นออกมาอ่อนๆ แต่ของคุณ ผมไม่ได้กลิ่นเลย”
   “เอ่อ คงต้อง...ดมใกล้ๆ มั้งครับ?”
   “หือ? ใกล้แค่ไหนล่ะครับ” คนเป็นบาริสต้าหัวเราะเหมือนตลก “ผมกับคุณห่างกันแค่เคาทน์เตอร์กั้นยังไม่ใกล้พออีกเหรอครับ?”
   น้ำค้างรู้สึกเหมือนจะขาดออกซิเจน ในร้านกาแฟที่นี่มีที่วัดออกซิเจนติดไว้ มันยังคงอยู่ในระดับปกติ แต่ทำไมเขารู้สึกว่าระดับความร้อนมันมากกว่าปกติกันล่ะ
   “ความจริง...ผมได้กลิ่นคุณ ชัดมากเลยครับ”
   น้ำค้างพูดออกไปแล้ว เขาพูดมันออกไปแล้ว
   “หือ? กลิ่นผม? พูดจริงเหรอครับ? ปกติกลิ่นผมอ่อนมากเลยนะ แล้วอีกอย่างผมเองก็เป็นอัลฟ่า กลิ่นมันไม่ได้ชัดอยู่แล้ว” ฮิมขมวดคิ้ว และดูสงสัยอย่างจริงจัง
   น้ำค้างอยากจะจับไหล่คนตรงหน้าแล้วบอกตรงนั้นเลยว่า ผมน่ะ อยากจะจับคู่และมาร์กรอยที่คอเพราะไอ้กลิ่นป่าสนนั้นของคุณจะบ้าตายอยู่แล้ว
   “ครับ กลิ่นคุณ ชัดมากเลย”
   “นั่นเป็นเหตุผลที่คุณเอาแต่จ้องผมด้วยรึเปล่านะ?”
   ฮิมหัวเราะอีก และน้ำค้างก็ต้องเอามือไปวางไว้ที่ท้ายทอยอย่างรู้สึกเกะกะ ในฐานะโอเมก้าปลอมๆ ขอบอกเลยว่า อายว่ะ ไอ้น้ำ ทำอะไรลงไปเนี่ย
   “ก็...เอ่อ ส่วนหนึ่งครับ”
   “โอเคๆ ผมจะเชื่อแล้วก็ได้ว่าคุณเป็นโอเมก้าจริงๆ ขี้อายจังเลยนะครับ” ฮิมยิ้มหวานให้เขาอีก น้ำค้างอยากจะบอกให้หยุดทำ แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดตรงๆ อีกเช่นกัน ความผิดเขาทั้งนั้น
   “คือ ถ้าคุณมีคู่แล้วหรืออะไรแบบนั้น ก็ไม่ต้องคุยกับผมก็ได้ครับ เดี๋ยว เอ่อ มีปัญหา” น้ำค้างรีบละล่ำละลักบอก เขาเริ่มรู้สึกว่าที่ตัวเองไม่มีคู่จนทุกวันนี้ก็น่าจะเป็นเพราะคาแรกเตอร์ตัวเองที่ขัดกับกายภาพกับสายพันธุ์ที่เป็นอยู่ เขาค่อนข้างขี้อาย และชอบทำอะไรอยู่แต่ในบ้าน ในคอนโด เป็นคนตัวสูงชะลูด ผิวเข้มแต่กลับทำตัวเงอะงะ พูดจาถ่อมตน ซึ่งถ้าเทียบกับสายพันธุ์อัลฟ่าจริงๆ แล้ว เขาห่างไกลจากคำนั้นเยอะ คนมักจะคิดว่าเขาเป็นเบต้าเสียมากกว่า
   “ผมไม่มีเจ้าของหรอกครับ” ฮิมยิ้มบางๆ แล้วก็เอานิ้วชี้และนิ้วกลางไปแปะๆ ตรงจุดชีพจรตรงคอ “ยังไม่เคยไปกัดใครเขาหรอกครับคุณน้ำค้าง”
   น้ำค้างมองตามแล้วลอบกลืนน้ำลายหนืดๆ ในคอ เขานี่แหละอยากจะเป็นคนกัด ไม่ใช่คุณฮิมหรอก แต่กับบทโอเมก้าที่ค้ำคออยู่เนี่ย ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ กลับไปเท่านั้นแหละ หรือเขาต้องทำท่าทีว่าอยากจะเป็นคนที่โดนกัดกันล่ะ? หรือยังไงดี? ทำไมจะจับคู่ทีมันยากจังนะ
   “ว่าแต่กลิ่นผมเนี่ย มันยังไงล่ะครับ?”
   ฮิมเลิกคิ้วข้างนึง และน้ำค้างอยากจะหยิบปากกามาเขียนสักครึ่งหน้ากระดาษบรรยายว่ากลิ่นของเจ้าตัวน่ะเป็นยังไง
   “เอ่อ...” น้ำค้างติดอ่างกะทันหัน แล้วก็ดูเหมือนจะมีลูกค้ามาต่อแถวด้านหลังแล้ว เขาถึงได้ค้อมหัวแบบอายๆ เป็นเชิงว่าขอตัวก่อน ก็ยังคงเป็นไอ้น้ำที่ไม่สู้คนวันยันค่ำ
   คุณฮิมยิ้มขำท่าทางเขา เหมือนจะรู้ว่าเขาอายถึงได้หัวเราะให้ได้ยินไล่หลังมาแบบนั้น น้ำค้างล่ะอยากจะเอาอเมริกาโนราดหน้าตัวเอง เผื่อจะละอายใจเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่เขาเที่ยวดมกลิ่นจนอีกฝ่ายจับได้ ดูก็รู้ว่าคุณฮิมชินกับอะไรแบบนี้มากกว่าเขา ใช่ มันคือเรื่องธรรมชาติ แต่น้ำค้างไม่ชอบเอาเสียเลย ทำไมคนเราไม่สามารถจับคู่กันด้วยการมองตากันแล้วก็ปิ๊งปั๊งทีเดียวแบบไม่ต้องคุยก่อนบ้างนะ หรือไม่ก็ยื่นโปรไฟล์เอาก็ได้ จะเอาไม่เอาก็ว่ากันอีกทีหลังอ่าน โปรไฟล์น้ำค้าง อายุยี่สิบเอ็ดปี สูง 184 เซนติเมตร กลิ่น เอ่อ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยมีใครบอกเขาเลย เพราะเขาก็ไม่เคยลองดูใจกับใครด้วย งานอดิเรก ทำอาหาร เลือกของสด ซักผ้า พับผ้า วาดรูปกลางแจ้ง ฟังเพลง แบบนี้มันพอจะเรียกว่างานอดิเรกได้ไหมนะ...
   ข้อแรกๆ ออกจะดูเป็นงานบ้านที่คนเกลียด แต่น้ำค้างกลับชอบ เขาค่อนข้างมั่นใจนะว่าเขาทำอาหารอร่อย แต่ก็ทำเอาไว้กินคนเดียวอีกเหมือนกัน แต่มันก็อร่อยดี เขาก็มีความสุขดีทุกมื้อ ยกเว้นมื้อที่ลืมปิดแก๊สกับใส่เกลือแทนน้ำตาลอะไรแบบนั้น ส่วนซักผ้าพับผ้า น้ำค้างชอบกลิ่นผ้าสะอาด และน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นโปรด เวลาเอาผ้าออกจากเครื่องเนี่ย ไอน้ำอุ่นๆ กับความชื้นหอมๆ ที่โชยออกมาเนี่ย ออกจะดีสุดๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอ คนเราควรจะมีความสุขได้กับเรื่องเล็กๆ ที่เป็นชีวิตประจำวันพวกนี้สิ
   น้ำค้างนั่งรอออเดอร์ตัวเอง หลังจากที่นั่งอยู่สักพักกับอเมริกาโนในมือและกลิ่นป่าสนที่กวนใจ น้ำค้างก็ถึงกับต้องนั่งหลังตรงแหน่วเพราะเจ้าต้นกลิ่นป่าสนเดินเอาแซนวิชสลัดไข่มาเสิร์ฟให้เขาถึงโต๊ะ น้ำค้างสารภาพว่าเขาเกือบจะตกเก้าอี้
   “ตกใจอะไรขนาดนั้นครับคุณน้ำค้าง” คุณฮิมขำออกเสียง ก่อนจะลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา วางจานแซนวิชสลัดไข่แล้วก็เท้าคาง “กลิ่นผมมันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
   “เอ่อ...ก็นิดนึงครับ”
   “ก็ไม่นิดนะคุณ สะดุ้งแรงอยู่”
   น้ำค้างอยากจะบอกอีกอย่างว่านอกจากกลิ่นแล้วช่วยหยุดยิ้มสักที ปกติเขาก็ค่อนข้างจะตั้งรับและประมวลผลได้เร็ว แต่พออัลฟ่าตรงหน้ายิ้มทีไร น้ำค้างรู้สึกว่าสมองเขาโดนทุบจนตื้อทีเดียว
   “นอกจากจะไม่ยอมบอกว่ากลิ่นผมเป็นยังไงแล้ว...” ฮิมพูดพลางมองไปที่ตะกร้าซุปเปอร์ที่เขาวางไว้กับพื้นแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองหน้าเขาตรงๆ “ผมยังไม่ได้กลิ่นคุณสักนิดเลยล่ะคุณน้ำค้าง”
   ชิบหายของจริง น้ำค้างยิ้มเจื่อน แต่ในหัวส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือรัวมาก ก็แน่ล่ะสิ เขาไม่ใช่โอเมก้า จะไปมีกลิ่นแรงๆ ได้ยังไงล่ะวะ เขายังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมเขาได้กลิ่นอีกฝ่ายแรงขนาดนี้ทั้งที่เป็นอัลฟ่าเหมือนกันแท้ๆ  คิดสิไอ้น้ำ ตอบเขาเร็ว
   “ผมใช้สเปรย์ดับกลิ่นน่ะครับ” น้ำค้างเพิ่งจะหาเสียงตัวเองเจอ พร้อมกับคำตอบที่โง่มากๆ
   “อ๋า แบบนี้นี่เอง” ฮิมพยักหน้า “แต่คุณน้ำค้างก็เป็นคนแรกเลยล่ะมั้งครับที่ได้กลิ่นผม แล้วมีปฏิกิริยาขนาดนี้”
   “เอ่อ ไม่ต้องสนใจผมมากก็ได้ครับ ผมว่าปกติก็คุณก็น่าจะโดนโอเมก้าเข้าหาเยอะอยู่” น้ำค้างอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย ไอ้โรคถ่อมตนขี้เกรงใจขี้กังวลเนี่ยมันทำให้คนรอบข้างเขาโดนผลักออกแบบไม่รู้ตัวเหมือนกันบางที แต่เขาไม่รู้ว่าคนเราต้องเริ่มจากตรงไหน น้ำค้างไม่เคยมีความสัมพันธ์ เขาไม่รู้ว่าการจะเริ่มต้นเปิดใจให้กันเนี่ย มันจะยากขนาดนี้
   แต่ยอมรับเลยว่าอยากจะพยายามในรอบนี้ เขาไม่อยากปล่อยคุณฮิมหลุดมือไปจริงๆ
   “ใครบอกล่ะคุณน้ำค้าง ผมน่ะเข้าหาคนอื่นทั้งนั้น” คุณฮิมปัดมือเหมือนที่น้ำค้างพูดไม่ใช่ความจริงเลย “มีคุณที่เป็นโอเมก้าคนแรกเลยล่ะ ที่ได้กลิ่นผมน่ะ”
   “ผมก็แปลกใจเหมือนกันครับ แต่กลิ่นคุณ แรงมากจริงๆ”
   “แสดงว่าคุณต้องชอบผมมากน่ะสิ?” คุณฮิมยิ้มมุมปาก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำร่วนแทนเพราะน้ำค้างทำตัวไม่ถูก “ผมหมายถึงชอบกลิ่นผมน่ะ”
   “กลิ่นคุณฮิม เหมือนป่าสนครับ”
   คุณฮิมทำหน้าประหลาดใจเป็นครั้งแรก แล้วก็ยกแขนตัวเองขึ้นมาดม ซึ่งคงจะไม่ได้กลิ่นอะไร ขนาดน้ำค้างยังไม่ได้กลิ่นตัวเองเลย
   “คนคุยเก่าผมยังไม่เคยบอกเลยว่าผมกลิ่นเหมือนป่าสน คุณน้ำค้างนี่ทำผมแปลกใจได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” คุณฮิมยิ้มให้น้ำค้างบางๆ ก่อนจะหยิบใบเสร็จที่น้ำค้างทิ้งไว้บนโต๊ะมา แล้วใช้ชาร์ปปี้ที่เสียบไว้กับผ้ากันเปื้อนลงมือเขียนเลขสิบหลักลงไปหลังใบเสร็จ
   “เหมือนผมจะสนใจคุณมากกว่าแล้วล่ะมั้งเนี่ย คุณยังไม่ทันขอเบอร์ผมด้วยซ้ำ” คุณฮิมพูดไปขำไป แต่น้ำค้างอยู่ไม่สุขเลย เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำทุกอย่างให้มันง่ายขนาดนี้
   “ผมก็...ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่อยากได้นะครับ” น้ำค้างกลั้นใจพูดออกไปจากความกล้าอันน้อยนิด คิดว่าโควต้าวันนี้คงหมดแล้ว
   “แน่นอนล่ะคุณน้ำค้าง อย่าลืมเอาตะกร้าไปคืนเขาล่ะครับ” คุณฮิมว่า แล้วน้ำค้างก็ต้องเอาศอกเท้ากับโต๊ะเพื่อซ่อนใบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง ไอ้น้ำเอ๊ย เขารู้หมดแล้วเนี่ยว่าหมดท่าขนาดไหน
   “ผมคงต้องกลับแคชเชียร์แล้ว” คุณฮิมว่าก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่กลอกตาใส่ให้มาจากเคาทน์เตอร์ “ความจริงผมก็อยากได้กลิ่นคุณนะ ไม่แฟร์เลยที่คุณรู้กลิ่นผมก่อน เจอกันคราวหน้าก็...” คุณฮิมลากเสียงแล้วเอื้อมมือมาจับไหล่เขาพลางยิ้มส่งท้ายก่อนจะเดินหนีไป
   “ไม่ต้องฉีดสเปรย์ดับกลิ่นนะครับ”
   น้ำค้างสาบานเลยว่าคุณฮิมดูดอากาศรอบๆ ตัวเขาไปหมดแล้ว และตอนนี้เขาอยากจะไปนั่งหลบอยู่สักที่ในมุมห้องของคอนโดเพื่อสำนึกผิดกับตัวเองเรื่องวันนี้ แต่พอมองไปที่ใบเสร็จกับเลขสิบหลักที่เป็นลายมือเลขกลมๆ ของเจ้าตัวแล้วน้ำค้างก็อยากจะกระโดดแล้วร้องเยสให้ตัวเองเหมือนกัน
   มือเอื้อมไปหยิบเจ้าใบเสร็จแซนวิชสลัดไข่มาพับใส่กระเป๋าตังค์แล้วเสียบซ่อนไว้หลังบัตรประชาชนอย่างดี อยากจะเอาไปเคลือบแล้วแปะลงไดอารี่เหลือเกินว่าเป็นครั้งแรกที่จีบใครเขาเป็น ถึงน้ำค้างจะแทบไม่ได้รุกคืบเลยก็ตามทีเถอะ คนทำให้ทุกอย่างก้าวหน้าก็คือคุณฮิมทั้งนั้น
   น้ำค้างยกโทรศัพท์ขึ้นมามองนาฬิกา เวลาซื้อของสำหรับวันนี้หมดลงแล้ว คงต้องกินของเหลือค้างในตู้เย็นที่ไม่ได้เยอะมากจริงๆ แถมเขายังเหลือผ้ากองโตที่ยังไม่ได้พับ และงานที่ยังไม่ได้ทำอีกต่างหาก พับผ้าก็ดี แต่พอคิดว่าต้องมานั่งเขียนแปลนต่อแล้วน้ำค้างก็อยากจะโอดครวญ ภาวนาอยากให้เทอมนี้จบไวๆ เสียเหลือเกิน
   

   น้ำค้างนั่งจดจ้องเบอร์ในใบเสร็จมาสักพักแล้ว ครั้นจะบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือก็ไม่รู้จะป๊อดอะไรนักหนา แค่เมมเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีใครมองเขาด้วยซ้ำ แต่น้ำค้างก็ยังนั่งเม้มปากถือโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น รู้สึกว่าเจ้าเครื่องมือสื่อสารในมือเนี่ย มันจะหนักขึ้นมาถนัดตาเลยนะ
   “เอาวะไอ้น้ำ กล้าๆ หน่อย” พูดกับตัวเองคนเดียวแบบที่ชอบทำเวลาใช้ความคิดอย่างหนักแล้วก็ตัดสินใจเมมเบอร์โทรศัพท์เลขสิบหลักลงไปอย่างใจเย็น ก่อนจะติดแหง็กอีกรอบกับชื่อที่จะใช้บันทึก...น้ำค้างกะพริบตาแล้วก็ปล่อยโทรศัพท์ลงกับเตียง พร้อมเอาหน้าแนบกับที่นอนด้วยความเซ็ง ทำไมเขาป๊อดขนาดนี้นะ แค่เมมเบอร์ยังลำบากเลยเนี่ย ถ้าคุณฮิมมาเห็นคงขำเขาตาย
   ข้อนิ้วงอลงจิ้มหน้าจอมือถืออย่างไม่ใคร่แน่ใจ ก่อนจะทอดถอนใจ แล้วพิมพ์ชื่ออัลฟ่ากลิ่นป่าสนลงไปตามที่ใจคิด
   คุณฮิม
   แต่นิ้วเจ้ากรรมก็ยังกดเลื่อนไปยังอีโมจิแล้วเติมอีโมจิรูปต้นสนสีเขียวเข้าไปตามหลัง น้ำค้างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาชอบกลิ่นนั้นขนาดนั้น วันนี้เขายังไม่ยอมไปอาบน้ำทั้งๆ ที่ปกติจะอาบทันทีที่กลับถึงห้อง กลิ่นที่ติดมาตามเนื้อผ้าโดยเฉพาะจุดที่คุณฮิมวางมือบนไหล่เขาไว้ยังคงทิ้งอวลความรู้สึกของเปลือกไม้และใบสนสีเขียวเอาไว้เจือจาง แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
   ชายหนุ่มทอดตัวยาวไปกับเตียง กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกับผ้าสะอาดไม่ได้ทำให้ใจเขาสงบขึ้นเลยในวันนี้ ปกติแล้วน้ำค้างชอบพับผ้ารองจากการเอาผ้าออกจากเครื่อง แต่ตอนนี้น้ำค้างไม่ได้รู้สึกอยากพับผ้า ไม่ได้รู้สึกอยากอาบน้ำ ชีวิตประจำวันอันแสนเรียบง่ายของเขาโดนรบกวนด้วยกลิ่นของคุณฮิม น้ำค้างหลับตา ภาพป่าสนและไอหมอกลอยเอื่อยยังคงแจ่มชัดในจินตมโน ถ้าถามว่าตอนนี้เขาอยากจะทำอะไรมากที่สุด น้ำค้างก็คงตอบอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่ากอดคุณฮิมเอาไว้เต็มรักเพื่อที่เขาจะได้กลิ่นนั้นอย่างชัดเจนมากที่สุดในประสาทสัมผัส และหวังว่าเมื่อเขาเดินกลับถึงห้อง กลิ่นนั้นจะยังคงติดอยู่กับเนื้อผ้าเขามากกว่าในตอนนี้ที่เป็นเพียงแค่ความเจือจางที่ชวนให้นึกถึงตลอดเวลา
   ติ๊ง!
   เสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์มือถือทำให้น้ำค้างลืมตาโพลงและสะดุ้ง โชคดีที่ไม่มีใครลอบมองเขาในห้อง เพราะท่าทางของน้ำค้างตอนนี้คงตลกน่าดู กับการพยายามกระเถิบตัวเพื่อลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยที่ไม่กล้าจับโทรศัพท์ น้ำค้างปล่อยให้โทรศัพท์นอนนิ่งบนเตียงโดยที่ตายังคงจับจ้องบนหน้าจอและตัวที่ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิเรียบร้อยแล้ว บางทีน้ำค้างก็เกลียดตัวเองเหมือนกันนะที่เป็นคนแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ทำตัวแบบนี้ก็ไม่รู้ตัวอีกเช่นกัน
   hymn ได้เพิ่มคุณเป็นเพื่อนผ่านเบอร์โทรศัพท์
   เดี๋ยว ไลน์มันเชื่อมกับเบอร์มือถือได้ด้วยเหรอ โอ้ ให้ตายเถอะ น้ำค้างรู้สึกเหมือนเขาเป็นคุณยายวัยเกษียณที่ไม่ทันเทคโนโลยี ด้วยความที่ไม่ได้แจกไลน์ให้ใครพร่ำเพรื่อและเข้าสังคมเท่าที่จำเป็น น้ำค้างเลยไม่ได้ยุ่งอะไรกับเจ้าแอปพลิเคชั่นไลน์มากนัก... จนวันนี้นี่แหละ
   hymn: คุณน้ำค้าง เมมเบอร์ผมแต่ไม่ทักผมมาเนี่ยนะครับ
   คุณฮิมส่งข้อความมา
   น้ำค้างกดล็อกหน้าจอ ก่อนจะกดเปิดหน้าจอ แล้วก็กดล็อกหน้าจออีกรอบ
   ไอ้น้ำ ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ ทำตัวเหมือนนางเอกในนิยายมีรักแรกอยู่ได้ ตัวโตป่านนี้แล้วแท้ๆ น้ำค้างคิดพลางลูบหน้าตัวเองอย่างไม่รู้จะทำยังไง ทำไมจีบอัลฟ่ามันยากขนาดนี้นะ 
   แต่จะว่าไป นี่ก็ครั้งแรกที่เขาพยายามจะจีบใครนี่นา เฮ้อ
   น้ำค้างกดพิมพ์ตอบโดยที่ทวนประโยคในหัวประมาณสิบรอบได้ เขาทำตัวเหมือนคนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำมากทีเดียวตอนนี้
   น้ำค้าง: ผมไม่รู้ด้วยซ้ำครับว่าเบอร์มือถือเชื่อมกับไลน์ได้
   คุณฮิมอ่านเร็วมาก และตอบเร็วมาก
   hymn: 55555 ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่เชื่อ แต่พอเป็นคุณน้ำค้างผมก็เชื่อสนิทใจเลยครับ
   ป่านนี้คุณฮิมคงมองว่าเขาเป็นคนเด๋อด๋าคนนึงแล้วแน่นอน ซึ่งสำหรับน้ำค้างมันไม่เท่เลย ถึงจะโกหกว่าเป็นโอเมก้าก็เถอะ
   hymn: พรุ่งนี้แวะมาสตาร์บัคอีกสิครับ ผมเข้ากะเกือบเย็นๆ
   น้ำค้าง: อ่า ได้ครับ เดี๋ยวผมแวะเข้าไปอุดหนุน
   hymn: ผมเลี้ยงก็ได้นะคุณน้ำค้าง ความจริงก็แค่ชวนเฉยๆ แหละครับ ผมอยากเจอ
   น้ำค้างอ่านข้อความล่าสุดนั้นประมาณห้ารอบถ้วน โดยเฉพาะท่อนสุดท้ายที่เขียนว่า ผมอยากเจอ จู่ๆ กลิ่นใบสนก็แรงขึ้นถนัดตา และอะไรดลใจให้น้ำค้างพิมพ์ตอบกลับไปแบบนั้นก็ไม่รู้
   น้ำค้าง: กลิ่นคุณ ยังติดตัวผมอยู่เลยคุณฮิม
   hymn: ท่าทางคุณจะติดใจมากจริงๆ นะครับ 55555
   น้ำค้างอยากตีมือตัวเอง
   น้ำค้าง: ผมคงดูหมกมุ่นมากสินะครับ...
   hymn: ไม่หรอกครับ เรื่องปกติ ตอนผมเจอกลิ่นที่ถูกใจผมรุกหนักกว่านี้อีกครับ 5555
   ประเด็นคือน้ำค้างไม่เคยเจอน่ะสิ แล้วคุณฮิมดันเป็นคนแรกที่เขาเจอเสียด้วย
   hymn: แต่เอาตรงๆ ไหมคุณน้ำค้าง ผมไม่ได้กลิ่นคุณด้วยซ้ำ
   น้ำค้างรู้สึกผิดมากกว่าเดิมนิดนึง แต่ก็ไม่อยากจะสารภาพเลยว่าตัวเองไม่ใช่โอเมก้า มันเหมือนกับการตัดโอกาสตัวเองตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
   hymn: คุณน้ำค้าง คุณทำผมนึกถึงแต่คุณนะเนี่ย ผมเอาแต่นึกว่าคุณจะเป็นคนที่กลิ่นแบบไหน พอจะเจ๊ากันไหมล่ะครับ
   ไม่เลย ไม่เจ๊ากันเลยสักนิดเดียว เพราะตอนนี้น้ำค้างใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาจากหน้าอกอยู่แล้ว แค่ข้อความประโยคเดียว ทำไมคุณฮิมถึงได้มีอิทธิพลขนาดนี้
   hymn: พรุ่งนี้ผมหวังว่าจะบอกได้นะครับ ว่าคุณกลิ่นอะไร ผมคาดหวังให้เป็นกลิ่นโปรดของผมนะ :-)
   แล้วคุณฮิมก็ทำน้ำค้างนอนหลับไม่สนิทเพราะความตื่นเต้นจนได้

tbc.

หวังว่าทุกคนจะรักคุณน้ำค้างนะคะ เพราะเราเอ็นดูคุณเขามากเลย
feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2018 22:04:45 โดย hopeniverse »

ออฟไลน์ villevia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทำไมไปบอกเค้าว่าเป็นโอเมก้าล่ะลูกกก อยากให้ฮิมได้กลิ่นน้ำค้างบ้างง :-[

ออฟไลน์ patompong888

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 ชอบๆๆๆ   :L2: :pig4:

ออฟไลน์ benceii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หูยอัลฟ่าxอัลฟ่า ต้องดุเด็ดขนาดไหนกันคะ

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

ออฟไลน์ skies

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าเผลอไปกัดคอฮิมนะลูก 55555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ทีนี้จะทำยังไงเนี่ยยยย  :hao4:

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Byeolismes

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้ำค้างน่าร้ากก เป็นกำลังใจให้น้าา :mew1

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
chapter two

   ปกติแล้วน้ำค้างจะใช้เวลาอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตค่อนข้างนาน ในหัวจะประมวลผลเมนูอาหารตอนเย็น คูปองส่วนลดที่มีในมือ รวมถึงคำนวณราคาผัก และเนื้อว่าซื้อในซุปเปอร์หรือฝากแม่ซื้อจากตลาดมาจะคุ้มกว่ากัน แต่วันนี้น้ำค้างเลือกที่จะตัดเวลาโปรดของตัวเองเป็นการหยิบของอย่างกระป๋องซอสและเส้นสปาเกตตี้ใส่ตะกร้าแทน ผักที่บ้านยังพอมีเหลือให้ใส่ต้มกับซอส อ้อ เขาเตือนตัวเองในหัวด้วยว่าอย่าเผลอถือตะกร้าเข้าไปในสตาร์บัคอีกเชียว
   น้ำค้างเพิ่งจะวางช็อกโกแลตลงตะกร้าสำหรับกินเล่นช่วงปั่นงาน แต่ยังไม่ทันจะเดินไปจ่ายเงิน สัญชาตญาณทุกอย่างก็ตื่นตัวจากกลิ่นที่ลอยเตะจมูก กลิ่นเดิมในครั้งแรกที่ทำเอาน้ำค้างอยู่ไม่เป็นสุข และครั้งนี้ก็เหมือนกัน
   คุณฮิมอยู่แถวนี้เหรอ?
   น้ำค้างเงยหน้าหันมองซ้ายขวาแล้วก็ไม่ได้พบบุคคลที่มักจะส่งยิ้มหวานให้เขาทุกครั้งที่เจอ แต่กลิ่นป่าสนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องหันหลังเพื่อจะตามหา แล้วก็คล้ายๆ เดจาวูแบบเดิมที่เจอคุณฮิมยืนยิ้มให้เขาเหมือนฉากจั๊มสแกร์ในหนังสยองขวัญ
   และคงจะลืมบอกไปว่า ...น้ำค้างเกลียดหนังสยองขวัญยิ่งกว่าอะไรดี
   น้ำค้างตกใจจนถอยไปชนแผงช็อกโกแลตด้านหลัง โชคดีที่ไม่มีอะไรเสียหายตอนหันกลับไปเช็ค แต่คุณฮิมยืนขำเขาอีกแล้ว ว่าแต่ป่าสนของเขามายืนทำอะไรอยู่กลางซุปเปอร์แบบนี้กัน ได้ข่าวว่านี่เวลาเข้ากะไม่ใช่หรือไง
   “คุณฮิม มาทำอะไรตรงนี้ครับเนี่ย?”
   “ยืนดูแม่บ้านญี่ปุ่นเลือกของครับ” คุณฮิมตอบก่อนจะหยิบเส้นสปาเกตตี้ในตะกร้าขึ้นมา น้ำค้างขมวดคิ้วให้กับชื่อใหม่ที่แปร่งหู “คุณน้ำค้างเลือกอันนี้นานมากเลย”
   “คนอย่างผมเลือกของแบบนี้ออกจะตลกใช่ไหมล่ะครับ” น้ำค้างก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะกลิ่นก่อนจะยิ้มเจื่อน เขาเลือกนานเพราะนึกไม่ออกน่ะสิว่าคราวที่แล้วใช้เส้นแบบไหนทำ แล้วก็ลังเลด้วยว่าจะกินเส้นแบบไหนดี
   “ไม่เห็นตลกเลยครับ น่ารักดี ผมเป็นบาริสต้าก็ใช่ว่าจะทำอาหารเป็น” ฮิมว่า
   “แล้วนี่...คุณฮิมไม่เข้ากะเหรอครับ”
   “อ๋า พอดีวันนี้ผมขอลากะทันหันเพราะงานที่มหาลัยน่ะครับ แล้วงานก็ดันเสร็จไวกว่าที่คิด ผมเลยแวะมา เพราะจำได้ว่านัดคุณน้ำค้างเอาไว้”
   “ไม่เห็นต้องลำบากเลยคุณฮิม โทรมาก็ได้นิครับ” น้ำค้างรีบออกตัว ก่อนจะหยุดตัวเองเมื่อนึกได้ว่า...
   “ผมมีเบอร์คุณที่ไหนล่ะครับคุณแม่บ้าน” คุณฮิมมีชื่อใหม่ให้เขาแล้วแถมยังแบมือกลายๆ เป็นเชิงว่าไหนๆ ก็พูดถึงแล้วก็เอาเบอร์มาซะดีๆ
   น้ำค้างกำลังจะหยิบโทรศัพท์ตัวเอง แล้วก็ต้องชะงักอีกรอบเพราะตัวเองต้องเป็นคนให้เบอร์ แสดงว่าเขาต้องขอโทรศัพท์คุณฮิมมาเมมเบอร์สิ คุณฮิมดูท่าจะเห็นท่าทางเด๋อด๋าของเขาอีกครั้งถึงได้ขำร่วน
   “คุณน้ำค้างเนี่ย ตัวโตซะเปล่านะครับ”
   “ปกติผมควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้นะ” น้ำค้างรับมือถือของอัลฟ่าตรงข้ามมาก่อนจะเริ่มบันทึกเบอร์ตัวเอง “แต่เพราะกลิ่นคุณฮิมแท้ๆ ผมเลยไปไม่เป็นเลย”
   “พูดถึงกลิ่น” คุณฮิมรับมือถือคืนก่อนจะเมมชื่อเขาว่า คุณแม่บ้านญี่ปุ่น จนน้ำค้างต้องเอามือเสยผมเพราะละอายใจกับความเงอะงะของตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อคุณฮิมก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวเขาเสียแล้ว ต่อให้น้ำค้างสูงและโครงร่างใหญ่กว่ายังไง คุณฮิมก็ยังดูน่ากลัวกว่าเขาอยู่ดีเวลารุกคืบเข้ามาแบบนี้ 
   “วันนี้ได้ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นรึเปล่าครับ?” คุณฮิมยิ้มหวาน โหนกแก้มดันขึ้นจนเห็นแก้มขึ้นชัด น่ารักเสียจนน้ำค้างอยากจะก้มลงไปหอม แต่ก็เพิ่งนึกได้ว่าซวยแล้ว ต่อให้เขาฉีดหรือไม่ฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ก็มีค่าเท่ากันอยู่ดี เพราะน้ำค้างไม่เคยได้กลิ่นตัวเองเลย
   “เอ่อ ไม่ได้ฉีดครับ” น้ำค้างถึงกับต้องย่อตัววางตะกร้าลงกับพื้น เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองต้องทำตะกร้าหล่นจากมือแน่ๆ เนื่องจากคุณฮิมเริ่มประชิดตัวเขาในระดับที่ว่าโน้มหน้ามาก็เป็นแอ่งชีพจรเขาแล้ว ขอบคุณที่วันนี้ไข่ที่คอนโดยังเหลือ ถ้าวันนี้เขาต้องมาหิ้วแผงไข่ในซุปเปอร์ก็คือน่าจะทำแตกตั้งแต่คุณฮิมโผล่มาด้านหลังเขาแล้ว
   “แปลกจังนะครับคุณน้ำค้าง ผมไม่ได้กลิ่นคุณเลยนะ” คุณฮิมขมวดคิ้วและน้ำค้างกลืนน้ำลาย ชิบหายของจริง
   “คือความจริงแล้ว...” น้ำค้างกำลังจะพ่นคำสารภาพออกไป แต่คุณฮิมดันโน้มลงมาชิดกับแอ่งชีพจรเขาเสียก่อนเพื่อจะสูดดมกลิ่น ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดอยู่ตรงซอกคอเขานั่นไม่เท่ากลิ่นป่าสน เปลือกไม้ ใบไม้แห้ง ดินชื้น และไอหมอกเย็นๆ ที่สาดเข้ามาหาน้ำค้างทีเดียวด้วยความที่ใกล้กันมาก เคมีในร่างกายของเขาวิ่งทำงานปั่นป่วนจนน้ำค้างแทบจะรับรู้ได้ว่ามันวิ่งอยู่ในกระแสเลือด โอเมก้าในคราบอัลฟ่ายกมือขึ้นมาจับไหล่อัลฟ่ากลิ่นป่าสนหมับ น้ำค้างโน้มหน้าลงไปที่ต้นคอของคุณฮิม ผิวเนื้อซึ่งเผยออกมาจากปกเสื้อเชิ้ตส่งกลิ่นชวนให้มึนเมาและดื่มด่ำ น้ำค้างไม่เคยรู้เลยว่าสัญชาตญานจะผลักดันให้เขาอยากจะมาร์กรอยฝ่ายตรงข้ามขนาดนี้ ในสมองแค่สั่งการมาว่าให้กัด ให้มาร์กรอย ณ ตอนนั้นเลย ห่างกันเพียงแค่ชั่วลมหายใจระหว่างริมฝีปากและผิวเนื้อของคนตรงหน้า น้ำค้างประทับริมฝีปากลงไปและเผยออ้าออกเตรียมจะลงฟัน...
   หากแต่โชคดีที่คุณฮิมเอามือขึ้นมาปิดต้นคอตัวเองไว้ได้ทันท่วงที น้ำค้างถึงได้รู้ว่าตัวเองเผยอปากออกเตรียมจะแสดงความเป็นเจ้าของแล้ว
   “คุณน้ำค้าง”
   “ขอโทษครับ”
   น้ำค้างถอยออกห่าง ก้าวหนีเสียสองสามช่วง แต่คุณฮิมยังคงยิ้มบางและจับข้อมือเขาไว้ไม่ให้ถอยไปมากกว่านี้
   “ดูท่าผมจะเจออัลฟ่าตัวโตแต่ขี้อายนะครับเนี่ย”
   และน้ำค้างอยากจะหาที่หลบสักที่ ถ้ามุดเข้าแผงขนมได้เขาก็คงทำไปแล้ว
   “เราคงต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะครับคุณแม่บ้าน”
   

   น้ำค้างนั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ในสตาร์บัคที่เดิม และเป็นมุมอับของร้าน ชาเขียวปั่นวางไว้จนเหมือนจะละลายอยู่บนโต๊ะที่กั้นระหว่างเขาและอัลฟ่ากลิ่นป่าสนตรงข้ามที่ดูจะสร้างแรงกดดันที่ดีให้น้ำค้าง คุณฮิมไม่ได้ดูหงุดหงิด หัวเสีย หรือโมโห อีกฝ่ายยิ้มสบายๆ และมันเพิ่มความรู้สึกผิดในตัวน้ำค้างขึ้นมาอีกนิดทีเดียว
   “คุณฮิมรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมครับ?” น้ำค้างตัดสินใจเริ่มถามก่อน
   “ไม่ครับ ผมเพิ่งรู้เมื่อกี้” คุณฮิมตอบแล้วก็เอามือจับต้นคอตรงฝั่งที่น้ำค้างจู่โจมไปเมื่อครู่ “ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่คิดว่าคุณน้ำค้างจะตั้งใจ”
   “เมื่อกี้ อุบัติเหตุจริงๆ ครับ” น้ำค้างพยายามอธิบาย
   “ผมเชื่อครับ ผมเชื่อ ดูจากนิสัยคุณแล้ว ก็ไม่น่าเที่ยวไปกัดใครเขาได้หรอก” คุณฮิมหัวเราะ “ตอนแรกผมเชื่อว่าคุณเป็นโอเมก้าจริงๆ นะเนี่ย ถ้ากลิ่นคุณไม่อ่อนขนาดนี้ผมคงเชื่อสนิทใจไปแล้ว”
   “ขอโทษที่โกหกจริงๆ ครับ” น้ำค้างหลบตาแล้วก็ตัดสินใจหยิบชาเขียวปั่นมาดูดเป็นครั้งแรกหลังจากที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ” คุณฮิมตอบ “อันที่จริงต้องบอกว่าเพราะเป็นคุณน้ำค้าง ผมเลยโกรธไม่ลงมากกว่า”
   “ผมไม่อยากโกหกเลยครับตอนแรก แต่พอถึงตอนนั้น...เอ่อ ผมก็เผลอพูดไปเลย” น้ำค้างลูบหน้าตัวเองแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เขาน่ะไม่ชอบคนโกหก ดังนั้นเขาก็เลยไม่ชอบที่ตัวเองโกหกคุณฮิมตั้งแต่แรกเจอแบบนี้
   “ไม่ต้องเครียดหรอกครับคุณน้ำค้าง ผมไม่โกรธจริงๆ” คุณฮิมโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วก็ยิ้ม “ผมเข้าใจว่าคุณน้ำค้างคงคิดว่าผมจะถือเรื่องที่คุณเป็นอัลฟ่าเหมือนกัน”
   “ผมกังวลเลยล่ะครับ” น้ำค้างสารภาพ ต่อให้อัลฟ่าและอัลฟ่าที่จับคู่ด้วยกันจะมีอยู่ส่วนหนึ่งก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาสามารถเที่ยวออกสาธารณะและคิดเองเออเองได้ว่าคนนี้โอเคกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนที่ค่าประสบการณ์เป็นศูนย์แบบน้ำค้างแล้วนั้น เขาดูใครไม่ออกเลยด้วยซ้ำมั้ง
   “จะว่าไงดีล่ะครับคุณน้ำค้าง ผมค่อนข้างไม่ซีเรียสน่ะ” คุณฮิมขมวดคิ้วตอบทีเล่นทีจริง “แล้วการที่คุณชอบกลิ่นผมมากขนาดนี้ บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างประทับใจอยู่”
   “ผมนึกว่าคุณจะหาว่าผมโรคจิตซะอีก”
   “ไม่มีใครโรคจิตทั้งนั้นแหละครับคุณน้ำค้าง คุณไม่ได้พุ่งตัวเข้ามากัดคอผมทันทีสักหน่อย” อัลฟ่ากลิ่นป่าสนเอนตัวลงไปนั่งไขวห้างอีกครั้ง “เมื่อกี้ผมขอไม่นับละกัน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ”
   “ผมยังรู้สึกผิดอยู่เลยครับคุณฮิม” น้ำค้างรู้สึกว่าชาเขียวปั่นนี่มันกลืนลำบากจริงๆ
   “ผมอาจจะเข้าใกล้คุณเกินไปก็ได้ครับ” คุณฮิมว่าก่อนจะยิ้ม “เพราะคุณทำหน้าเหมือนอยากจะกินผมทั้งตัวเลย”
   “คุณฮิม ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นจริงๆ นะครับ” น้ำค้างทำเสียงโอดครวญ น่าเห็นใจอยู่ในสายตาอัลฟ่ากลิ่นป่าสนอย่างฮิม
   “ไม่เป็นไรหรอกคุณน้ำค้าง ผมโอเคดี” คุณฮิมเอามือมาตบบนเข่าเขาเหมือนจะปลอบกลายๆ “แต่ผมคาใจสุดก็เรื่องกลิ่นนี่แหละครับ ผมคุยกับโอเมก้ามาหลายคน ยังไม่เคยมีใครบอกว่ากลิ่นผมเหมือนป่าสนสักคน แล้วก็ไม่เคยมีใครได้กลิ่นผมไกลขนาดคุณน้ำค้างด้วย”
   น้ำค้างจินตนาการต่อไปแล้วว่าคำว่าคุยของคุณฮิมคงไม่ใช่แค่คุยเฉยๆ อย่างที่เจ้าตัวพูดแน่นอน 
   “แล้วโอเมก้าคนก่อนๆ เขาบอกว่าคุณฮิมกลิ่นเหมือนอะไรเหรอครับ?”
   “สนามหญ้าครับ บางคนบอกว่ากลิ่นผมเขียวเหมือนสมุนไพรก็มี” คุณฮิมกึ่งพูดกึ่งขำ “บางคนถึงกับย่นจมูกใส่ผมเลยถ้าผมเข้าใกล้”
   “สารภาพก่อนว่าผมไม่เคยถูกใจกลิ่นคนอื่นเลยครับ คือผมยังไม่เคยมีคนคุย หรืออะไรแบบนั้นมาก่อนเลย” น้ำค้างพูดแล้วก็มองโต๊ะ มือประสานกันตรงเข่า ก่อนจะเริ่มบีบมือตัวเองแก้ความกังวล
   “พูดจริงเหรอครับเนี่ย? เอาตรงๆ ผมว่าคนอย่างคุณน้ำค้างหายากนะครับ ดูเป็นอัลฟ่าที่ใจดี พึ่งพาได้ อะไรแบบนั้น” คุณฮิมดูประหลาดใจแบบจริงจัง
   “พึ่งพาได้นี่ไม่น่าใช่แล้วล่ะครับ” เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างหัวเราะแบบเขินๆ คนที่ทำนู่นทำนี่พังเล็กๆ น้อยๆ ทุกวันแบบเขาเนี่ยนะพึ่งพาได้
   “กลิ่นคุณน้ำค้าง...” คุณฮิมสบตาเขา เป็นครั้งที่สองที่น้ำค้างได้พินิจเครื่องหน้าของอีกคนชัดๆ ชั้นตาลึกหลายชั้น ดวงตาสีดำโต และริมฝีปากที่กลายเป็นรูปทรงหัวใจยามที่ยิ้มหรือหัวเราะ เรือนผมสีดำเหลือบน้ำตาลเข้มที่ปรกหน้าผาก คุณฮิมจัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดีระดับหนึ่ง ใบหน้าที่คมแต่ยามยิ้มกลับหวาน ไม่ได้หล่อโดดจัดท่ามกลางฝูงชน แต่น้ำค้างก็สามารถระบุตัวได้โดยไม่ต้องมองเห็น ต่อให้น้ำค้างตาบอด หรือไม่รู้จักป่าสนมาก่อน เขาก็รู้ว่ากลิ่นนี้คือคุณฮิม
   “กลิ่นคุณน้ำค้างเหมือนผ้าสะอาดเลยครับ”
   น้ำค้างถึงกับอดยกแขนตัวเองขึ้นมาดมไม่ได้ ต่อให้เขาจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลยก็ตาม
   “กลิ่นคุณอ่อนมาก และผมใช้เวลานึกอยู่สักพักเลยกว่าจะนึกออกว่ากลิ่นคุณคือกลิ่นอะไร” คุณฮิมค่อยๆ พูดพลางเอานิ้วเคาะกับโต๊ะ “เหมือนผ้าที่ซักแล้วพับแล้วน่ะครับ แล้วผมก็ได้กลิ่นออกมะพร้าวนิดๆ ด้วย มันอยู่ที่ปลายจมูกเหมือนเวลาคุณดมผ้าแล้วได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มจางๆ”
   น้ำค้างนั่งนิ่ง เขาไม่เคยโดนใครพูดถึงกลิ่นตัวเองมาก่อน จนเขาคิดไปแล้วว่าตัวเองเป็นอัลฟ่าจำพวกไม่ส่งกลิ่น แต่คุณฮิมอธิบายได้ละเอียดจนน้ำค้างนึกภาพออกเลยว่าตัวเขาเป็นยังไง...น่าจะเป็นเพราะตัวเองชอบพับผ้าด้วยล่ะมั้ง บังเอิญรึเปล่า หรือว่าเขาอาจจะอยู่กับการซักผ้ามากเกินไป
   “คุณฮิม อย่าเพิ่งขำผมนะครับ แต่ว่างานอดิเรกผม คือซักผ้า... แล้วก็พับผ้า” ความจริงน้ำค้างอยากจะเสริมอีกว่าตากผ้าก็ดี แต่พยากรณ์อากาศทุกวันนี้ห่วยแตกจนเขาเบื่อเวลากลับมาเห็นผ้าชื้นๆ เลยทีเดียว มันใจสลายนะรู้ไหม
   พูดไปก็เท่านั้น เพราะคุณฮิมขำใหญ่ไปแล้ว ถึงกับต้องเอนหลังพิงกับเก้าอี้แล้วหัวเราะ น้ำค้างจิบชาเขียวปั่นที่เริ่มละลายอย่างกระอักกระอ่วน คุณฮิมจะอยากจ้างเขาเป็นแม่บ้านมากกว่าอยากจับคู่รึเปล่าอันนี้น้ำค้างก็เริ่มไม่แน่ใจ
   “คุณน้ำค้าง คุณนี่...แม่บ้านญี่ปุ่นจริงๆ ด้วยอะ” คุณฮิมปาดน้ำตาออกจากหางตาเพราะหัวเราะมากเกินไป
   “จะว่าไป คุณฮิมเรียนมหาลัยนี้รึเปล่าครับ?” น้ำค้างพูดชื่อมหาลัยของตัวเองที่อยู่แถวนี้ คุณฮิมพยักหน้าแทนคำตอบ
   “ผมเรียนจิตวิทยาครับ ปีสาม คุณน้ำค้างล่ะ”
   “สถาปัตย์ครับ ปีสามเหมือนคุณฮิม” น้ำค้างโล่งอกที่อีกคนอายุเท่าเขา ถ้าแก่กว่าคงจะทำตัวไม่ถูกมากกว่านี้
   “โห เรียนสถาปัตย์ยังมีเวลาทำอาหารเองกับซักผ้าเองอีกเหรอครับ”
   “ผมชอบปั่นงานดึกๆ ไม่ก็โต้รุ่งไปเลยน่ะครับ นิสัยแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมติดไปแล้ว” น้ำค้างว่า โชคดีกว่าคนอื่นหน่อยก็ตรงใต้ตาไม่ดำเหมือนชาวบ้านเขา แต่หน้าก็ยังโทรมจนเห็นได้ชัดอยู่ดี
   “ผมเคยไปช่วยเพื่อนตัดโม งานละเอียดน่าดูเลยนะครับนั่น”
   “เพื่อนคงไว้ใจคุณฮิมน่าดูเหมือนกันแหละครับ เพราะผมไม่ไว้ใจให้ใครช่วยเลย ต่อให้จะทำแทบไม่ทันแล้วก็เถอะ” น้ำค้างพูดขำๆ นึกถึงตอนตัวเองหอบข้าวของจากร้านเครื่องเขียนกลับมาคอนโดเพื่อรีบตัดให้ทันงานแทบตาย แต่พอไปส่งอาจารย์พรุ่งนี้ อาจารย์ดันถามว่าทำโมเดลมาทำไม ขอแค่แปลนแบบร่าง น้ำค้างบอกเลยว่างานเอาคืนได้ แต่เวลานอนเอาคืนไม่ได้ “คุณฮิมเรียกน้ำค้างหรือน้ำเฉยๆ ก็ได้นะครับ ไหนๆ ก็อายุเท่ากันแล้ว”
   “ผมขอเรียกคุณน้ำค้างแบบนี้ต่อได้ไหมอะ มันชินแล้ว” คุณฮิมยิ้มให้เขา น้ำค้างเห็นแววความขี้เล่นในนั้น “ปกติผมก็เข้ากับคนได้เร็วอยู่ แต่กับคุณน้ำค้าง ผมว่าค่อยๆ ก็ดีเหมือนกันครับ”
   “แบบนี้คุณฮิมยังจะเอ่อ...” น้ำค้างพยายามใช้คำที่อ้อมที่สุดในโลก “...ให้โอกาสผมอยู่รึเปล่าครับ?”
   “โอกาสอะไรล่ะครับคุณแม่บ้าน?”
   ดูเหมือนคุณฮิมจะรู้ทันกันไปหมด ถึงได้ใช้สรรพนามแบบนั้น และยังถามเขากลับทั้งๆ ที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว
   “เอ่อ...”
   คุณฮิมยังคงยิ้มและนั่งรอคำตอบเขาอย่างใจเย็น น้ำค้างรู้แล้วล่ะว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเป็นอัลฟ่า คุณฮิมควบคุมทุกอย่างได้ดี ทั้งท่าทาง อารมณ์ และการโต้กลับ คุณฮิมรู้ว่าตอนไหนควรรุก ตอนไหนควรถอยมาตั้งรับ
   “...โอกาสที่จะจีบคุณฮิมครับ”
   พูดออกไปแล้ว ไอ้น้ำคนขลาดพูดออกไปแล้วจนได้
   “ขนาดนี้แล้ว ผมปฏิเสธดีไหมนะ” ฮิมเลิกคิ้วข้างหนึ่ง และต่อให้เป็นการล้อเล่นน้ำค้างก็บอกเลยว่าใจแป้ว “ล้อเล่นน่ะคุณน้ำค้าง อย่าทำหน้าเหมือนผมหักอกสิครับ”
   “คะแนนผมติดลบอยู่แล้วเถอะครับ” น้ำค้างทบทวนตั้งแต่ต้นแล้วก็ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่เรียกว่าทำคะแนนเลยสักนิดเดียว
   “ก็ไม่ทีเดียวนา ผมว่าคุณน้ำค้างตลกดี”
   “แบบนี้เหมือนจะเป็นได้แค่เพื่อนเลยครับ” น้ำค้างขำแห้ง ยอมรับว่าใจร้อน คุณฮิมเหมือนเป็นอะไรใหม่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตเขา และน้ำค้างก็รู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง แต่กลับรับมือไม่ถูก
   “อ้าวผมยังไม่ได้บอกเหรอครับ”
   คุณฮิมเอื้อมมาหยิบข้อมือเขา น้ำค้างลอบสังเกตอีกฝ่ายอีกครั้ง ข้อมือของคุณฮิมเล็กจนเห็นกระดูกชัดเจน แต่ข้อนิ้วและฝ่ามือกลับดูยาวจนเห็นโครงชัดเจน หากให้ตัวเขาวาดรูปโดยมีมือคุณฮิมเป็นแบบ น้ำค้างบอกเลยว่าเขาคงจะสนุกกับการวาดรายละเอียดน่าดู มือของคุณฮิมเหมือนมือผู้หญิง ในทางที่ไม่ใช่รูปร่างหรือลักษณะ แต่เป็นท่วงท่าในการหยิบจับสิ่งของนู่นนี่
   ยังไม่ทันที่จะได้สังเกตต่อ คุณฮิมก็เอาจมูกโด่งปลายนั่นมาฝังเอาไว้ตรงข้อมือเขาเสียแล้ว น้ำค้างเกือบจะชักมือกลับเหมือนถูกของร้อน แต่คุณฮิมจับไว้แน่นพอสมควร พร้อมกับหอมข้อมือเขา และน้ำค้างรู้ว่าวันนี้เขาจะได้กลิ่นของป่าสนที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอกกลับไปเป็นของฝากที่ระลึกแทนความคิดถึงตอนกลับถึงห้อง
   “คุณน้ำค้าง ผมสบายใจกับกลิ่นคุณอยู่นะ”
   น้ำค้างไม่รู้ว่านั่นควรเป็นสิ่งที่คนเป็นคู่กันพึงมีไหม แต่ประโยคต่อไปของคุณฮิมทำให้เขามีความหวังอีกนิด
   “รอหน่อยนะครับ ผมยังไม่ชิน แต่อีกหน่อยผมคิดว่าผมน่าจะชอบกลิ่นคุณ”


tbc.


เราไม่ชอบซักผ้าและพับผ้าเลยค่ะ แต่เราชอบผู้ชายแบบคุณน้ำค้างมากๆ เลย
ฝากส่งกำลังใจให้คุณน้ำค้างกันด้วยนะคะ โดนคุณฮิมต้อนหมดท่าหมดแล้ว 555555

เราขอฝากเพลง foldin' clothes - j.cole ไว้หน่อยนะคะ ฟังแล้วคิดถึงคุณน้ำค้างมากเลย ผู้ชายพับผ้า  :กอด1:


ใครอยากพูดคุยกับเรา หรือดูอัพเดทนิยาย เราสมัครแอคทวิต @hopeniverse_ ไว้นะคะ ตามไปฟอลกันได้ <3


feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2018 17:55:33 โดย hopeniverse »

ออฟไลน์ gemgems

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านไปฟุดฟิดไปมากๆเลยค่ะ รู้สึกมีกลิ่นหอมๆอบอวนอยู่รอบตัวเบาๆ  :mew3:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตามมาอ่านนน  :กอด1:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ตามมาอ่านน ชอบกลิ่นผ้าตอนซักเสร็จเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ใช่คนชอบซักผ้านะ บ้านเราใช้ น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นหวานๆน่ะค่ะ เหมือนกินลูกกวาดเวลาใส่เสื้อผ้า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

chapter three

 

                น้ำค้างไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของสตาร์บัค

                แต่ในมือเขาตอนนี้มีบัตรสมาชิกของสตาร์บัคใหม่เอี่ยม และน้ำค้างก็เติมเงินลงไปในนั้นถึงสองพันบาทเพื่อจะเอาสมุดแพลนเนอร์ของปีนี้อีกด้วย

                อืม ถ้าถามว่าสาเหตุของการสมัครสมาชิกสตาร์บัคคือใครก็เดาง่ายมาก ออกจะเฟลๆ นิดหน่อยที่วันนี้คุณฮิมไม่ได้เข้ากะ น้ำค้างอุตส่าห์เตรียมตัวมาสมัครสมาชิกกับคุณฮิมเต็มที่ แต่ก็ผิดเองแหละที่ไม่ได้ทักไปถามก่อน รู้ตัวอีกทีก็มายืนงงๆ อยู่หน้าเคาทน์เตอร์แล้วพร้อมกับบัตรสมาชิกในมือ แค่กลิ่นยังมีอิทธิพลขนาดนี้ ถ้าน้ำค้างเริ่มชอบคุณฮิมมากกว่านี้อีกนิดจะทำยังไงละเนี่ย

                “ไงพ่อหนุ่มเลือดร้อน ไหนป่าสนของมึง”

                น้ำค้างหันไปยกนิ้วชี้แตะปากตัวเองกับเพื่อนสนิทตัวดีอย่างกิม แน่นอนว่าเพื่อนเขาเป็นโอเมก้า ชีวิตกิมเรียบง่ายเป็นเส้นตรงจนน้ำค้างนึกอิจฉา กิมจบมัธยมปลาย เข้าคณะสถาปัตย์ที่ใฝ่ฝันได้ อีกฝ่ายมีช่วงฮีทแล้ว แต่ด้วยความที่ยังไม่มีเจ้าของเลยกินยากดเอา น้ำค้างเลยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองถูกดึงดูดโดยไอ้เพื่อนตัวเล็กข้างๆ สักเท่าไหร่ แถมอีกฝ่ายยังดูไม่ค่อยใส่ใจเรื่องหาคู่ด้วย มีอัลฟ่าเข้าหาบ้างเป้นครั้งคราวแต่กิมก็ปัดตกทุกราย ออกมาข้างนอกก็ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นตลอด เลยได้อยู่คนเดียวสมใจ น้ำค้างล่ะอยากจะมีชีวิตแสนสงบสุขแบบนั้นบ้าง อะไรที่ทำให้รู้สึกสงบที่สุดในช่วงนี้ก็คงเป็นกลับห้องแล้วผ้าที่ตากไว้แห้งสนิทและไม่ปลิวหายจากระเบียงไปก่อน

                “ไม่ได้พูดชื่อสักหน่อย ไหนอะ”

                “กิม มึงอย่าเสียงดังดิวะ” น้ำค้างพูดลอดไรฟันเสียงกระซิบ แต่กลับได้รับสีหน้าเอือมระอาของเพื่อนสนิทกลับมา

                “กูพูดโทนปกติเลยไอ้น้ำ มึงอะประสาท เขาก็ไม่อยู่”

                น้ำค้างรีบลากไอ้กิมออกมาจากแถบเคาทน์เตอร์ เห็นบาริสต้าผู้หญิงที่รับออเดอร์เขาเหมือนจะยิ้มกับตัวเองแล้วก็ใจไม่ดี ว่ากันว่าไม่มีใครในโลกนี้ไม่นินทา เพราะฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าคุณฮิมจะไม่แอบเม้าท์เขากับเพื่อนร่วมงาน

                “ก็เพื่อนร่วมงานเขาอยู่ไหมล่ะกิม” น้ำค้างว่าแล้วก็เอามือลูบหน้าเสยผมขึ้นไปแบบที่ชอบทำ ไอ้กิมชอบแซวบ่อยๆ ว่าทำแบบนี้ระวังหัวล้านก่อนวัยอันควร แต่น้ำค้างบอกเลยว่าถ้าเสยผมหน้าม้าไอ้กิมขึ้น ก็วัดได้แล้วว่าใครจะต้องซื้อน้ำยาปลูกผมก่อนตอนแก่ (ซึ่งไม่ใช่น้ำค้างแน่นอน)

                “มึงต้องทำอะไรเด๋อๆ แล้วไม่บอกกูแน่นอน” กิมหรี่ตา และน้ำค้างยิ้มจืดให้เพื่อน เขาไม่ได้บอกโอเมก้าเพื่อนรักว่าตัวเองไปโกหกว่าเป็นโอเมก้าแถมยังจะเผลอไปกัดคอเขากลางซุปเปอร์อีก

                “แค่กูยืนเฉยๆ ต่อหน้าเขาก็เด๋อแล้วกิม”

                “ไม่เถียง เพราะเรื่องจริง” กิมหันไปหยิบแก้วลาเต้เย็นของตัวเองที่เพิ่งได้มาดูด “แล้วเป็นไง ริจะจีบอัลฟ่าด้วยกันเอง เก่งนักหรือเราอะ”

                “ดูถูกกูเหรอ” น้ำค้างอยากจะเอาขาเตะเพื่อนตัวเองตอนมันยักไหล่ใส่

                “โถ่ไอ้น้ำ แค่โอเมก้าช่วงฮีทอยู่แถบๆ มึงหน่อยก็เดินหนีเขาแล้ว” กิมย่นจมูกแล้วก็เลิกคิ้วใส่ “ไก่อ่อนชิบหาย อัลฟ่าภาษาอะไร”

                “แล้วทำไมกูต้องดุ คนเราคุยกันดีๆ ก็ได้ปะกิม” น้ำค้างโต้กลับบ้าง เขาล่ะไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นอัลฟ่าจะต้องทำตัวเกรี้ยวกราดวางมาดด้วย ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอก แต่ภาพลักษณ์ความเป็นอัลฟ่าไม่ใช่แค่ที่ทุกคนเหมารวม แต่มันอยู่ในสายเลือดที่จะมีความเป็นผู้นำ ความเป็นใหญ่ การแสดงความเป็นเจ้าของและเจ้าอำนาจ อัลฟ่าบางคนก็มีส่วนนี้เสียเยอะแยะ อย่างคุณฮิมก็พอจะเดาได้ แต่สำหรับน้ำค้าง เขาก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองมีเลือดความเป็นอัลฟ่าตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่เขาอยากจะมาร์กรอยคุณฮิมก็เป็นได้ พอนึกถึงทีไรก็อยากจะ...ขอโทษทุกที ให้ตายสิ

                “คุยกันดีๆ จะได้แดกไหมล่ะครับคุณน้ำค้าง”

                “เห้ย เพิ่งเจอกันเองกิม มึงใจเย็นๆ ดิ”

                “น้ำ กูถามจริง ตั้งแต่กูรู้จักอัลฟ่ามาเนี่ย อย่างช้าสุดก็อาทิตย์นึงอะ แล้วก็...” กิมเอามือตบเข้ามากันเสียงดังป้าบแทนความนัยจนคนรอบๆ หันมามองก่อนจะพูดต่อ “ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงฮีทเขาก็เคลมอีกฝ่ายหมดแล้ว”

                “มึง คุณฮิมเขาเป็นอัลฟ่า” น้ำค้างอยากจะเดินออกจากสตาร์บัคเต็มทน ทำไมเขาต้องพาไอ้กิมมาด้วยวะ แต่ถ้าเลิกคบมันก็ไม่มีใครคบแล้วเหมือนกันไอ้น้ำ

                “อัลฟ่าแล้วไง ถ้ามึงจะเคลมก็เคลมได้เลย” กิมพูดเรียบๆ เหมือนพูดว่าวันนี้อยากกินข้าวผัด ต้องได้กินเลย ก่อนจะทำตาโตเหมือนนึกอะไรได้ “เดี๋ยว หรือมึงรอเขาเคลมมึงวะไอ้น้ำ”

                “ไอ้กิม! มึงพูดเหี้ยไรเนี่ย!”

                 คราวนี้เป็นน้ำค้างเองที่เสียงดัง เรียกสายตาจากฝูงชนได้กลุ่มหนึ่ง กิมทำหน้านิ่งเฉย เหมือนจะบอกทางสีหน้ากลายๆ ว่าใครกันแน่ที่เสียงดัง มึงทำตัวเองทั้งนั้นเลยเพื่อนรัก

                “มึง กูยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นไหมวะ” น้ำค้างมองซ้ายขวาแล้วก็หาที่นั่งจนได้ เดือดร้อนกิมต้องเดินไปเอาอเมริกาโนที่เพื่อนยังไม่ยอมหยิบจากเคาทน์เตอร์มาให้แล้วตามไปนั่งมุมอับที่ประจำที่เดิมของน้ำค้าง

                “ยังไงเดี๋ยวก็ต้องคิด มึงคิดว่าคุณฮิมเขาจะปล่อยให้มึงแอ๊ะแอ๋ไปเรื่อยๆ เหรอไอ้หนุ่ม เลือดอัลฟ่าเขาแรงกว่ามึงอีก ระวังโดนเคลมก่อน” กิมพูดแล้วก็ยิ้มให้เพื่อนทีนึง ไม่ใช่ยิ้มให้กำลังใจ แต่เป็นยิ้มที่มีเสียงออกมาจากหน้าโดยไม่ต้องพูดว่า อ่อนว่ะ

                “มึง เขาบอกจะค่อยๆ กับกูนะ” น้ำค้างนึกถึงคำพูดป่าสนของเขาแล้วก็เริ่มไม่แน่ใจแทน บอกจะค่อยๆ แต่ทั้งสายตาทั้งการสกินชิพสำหรับน้ำค้างคือบอกเลยว่า ไม่ค่อยจะค่อยๆ เท่าไหร่อะครับคุณ

                “ค่อยๆ ก็คือ...” กิมแกะฝาเพื่อจะตักวิปครีมที่สั่งเพิ่มพิเศษมา “รู้ตัวอีกทีโดนเขาแดกไม่รู้ตัวแล้วแน่นอน”

                “ทำไมมึงขี้ขู่จังวะ”

                “ตัวโตกว่าเขาก็หัดทำตัวให้มันโตขึ้นหน่อยไอ้หนุ่มนักรัก”

                “เอาตรงๆ ปะกิม ห่างกันแค่โต๊ะกั้นกลิ่นเขายังทำกูเอาตัวเองไม่ค่อยจะอยู่เลย กูอยากจะกัดเขาอย่างเดียวเนี่ย” น้ำค้างสารภาพบาปไปนิดนึง แต่เหตุการณ์ที่แผงขนม ขอไม่พูดถึงแล้วกัน

                “เพิ่งเคยเห็นมึงพูดจาแบบนี้” กิมทำหน้าประหลาดใจแบบเสแสร้งสุดๆ “แต่พอเป็นมึงพูดประโยคนี้นะคุณน้ำค้าง ความฮอตลดระดับลงไปครึ่งนึง”

                “ก็กูไม่ฮอตไหม” น้ำค้างทำหน้าละเหี่ยใจ เป็นอัลฟ่าดุๆ แล้วยังต้องเป็นหนุ่มฮอตอีกเหรอเนี่ย เหนื่อยแล้วนะ

                “ความจริงมึงฮอต แต่มึงแค่ไม่ใส่ใจ” กิมว่าต่อ “ตัวก็สูง กระดูกก็ยาว แขนขาก็พอดี ผิวออกแทนๆ ค่อนเข้มอีก ตอนเจอมึงครั้งแรกกูยังคิดเลยว่ามึงต้องฮอตมาก”

                “แล้วตอนนี้อะ?” น้ำค้างถามแบบมีความหวัง (ว่าตัวเองจะฮอตอยู่)

                “กูเห็นแฟชั่นเสื้อคลุมกิโมโนมึงกับรองเท้าแตะกับการมาช็อปปิ้งในซุปเปอร์แล้วบอกเลยว่าพ่อ”

                “พ่อของลูก?”

                “พ่อมึงสิไอ้สัด ใครสั่งให้แต่งตัวแบบนี้”

                น้ำค้างถึงกับยิ้มค้างกับคำตอกกลับของเพื่อน ลุคสบายๆ แสนจะคอมฟี่แบบนี้มันดีกว่ากางเกงนักศึกษาตั้งแยะ รองเท้าแตะสิดี สนีกเกอร์เนี่ยซื้อมาใหม่ทีไรก็กัดเท้าเขาตลอด เป็นแค่รองเท้าทำตัวเป็นอัลฟ่าดุๆ อยู่ได้ กัดได้กัดดี

                “คุณฮิมก็น้า ชอบอะไรในตัวมึง” กิมส่ายหน้า “แต่ก็ดี ยังมีคนที่ชอบมึงคนนึงในโลก”

                “ยังไม่ทันได้จีบเลยกิม”

                “เขาจีบมึงจนได้ติ่มซำหลายเข่งแล้วไอ้น้ำ มีแต่มึงอะประดักประเดิดอยู่คนเดียว”

                “แล้วต้องทำไง”

                “มึงอยากกัดเขานี่ ก็แสดงออกหน่อยซี่ว่าอยากจะเป็นฝ่ายเคลม อยากกินอยู่คนเดียวในใจเขาไม่รู้เรื่องกับมึงหรอกคุณน้ำค้าง”

                  น้ำค้างบอกเลยว่า งานหิน แต่ถึงหินจะหนักแค่ไหน ปากเขาก็หนักกว่า เพราะถ้าเอาหินทุบปากน้ำค้าง หินน่าจะแตกก่อน

 


 

                น้ำค้างถ่ายรูปส่งแชทหาคุณฮิม เป็นรูปบัตรสตาร์บัคที่เขาเพิ่งสมัครมาใหม่ อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็หวังว่าคุณฮิมจะมองว่าเขาพยายามจะหาทางเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นบ้าง

                hymn: แย่จังครับ ไม่ได้เป็นคนสมัครให้คุณน้ำค้างเลย

                น้ำค้างยิ้มกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าดีใจที่เขาอยากมาเจอ แต่แอบโล่งอกมากกว่า เขายินดีที่จะเจอคุณฮิมแบบที่นอกเวลางานและไม่มีคนเยอะแยะมากกว่า แต่พอจะชวนทีไรก็กล้าๆ กลัวๆ ทุกที พอแอบไปหาเวลาเขาทำงานก็ดันไม่เจออีก ก็ได้แต่ร้อนรนอยู่คนเดียว สมกับเป็นไอ้น้ำค้างคนขลาดดี

                น้ำค้าง: อยากเจอคุณฮิมเหมือนกัน

            hymn: สุดสัปดาห์นี้ว่างไหมล่ะครับคุณน้ำค้าง?

                น้ำค้างกะพริบตากับข้อความล่าสุด

                hymn: สนใจทำอาหารเลี้ยงผมสักมื้อไหมคุณแม่บ้าน :-)

                น้ำค้างมองหน้าจออ่านคำชวนของคุณฮิม แต่มืออีกข้างเปิดแล็ปท็อปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้ว ยังไม่ทันได้กดตอบตกลงก็เผลอหันตัวมาเสิร์ชหาเมนูอาหารซะแล้ว จนผ่านไปสิบนาทีนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าตัวเองเปิดข้อความทิ้งไว้โดยยังไม่ได้ตอบ

                น้ำค้าง: ได้ครับได้ ขอโทษที่อ่านไม่ตอบนะครับ พอดีผมเสิร์ชหาเมนูอาหารเลยตอนคุณฮิมส่งมา

            hymn: คุณน้ำค้างนี่มันแม่บ้านญี่ปุ่นจริงๆ ด้วย 55555 น่ารักจังครับ 55555

                น้ำค้างถึงกับยิ้มแหยๆ ให้ตัวเอง ไม่คิดว่าคุณฮิมจะชวนให้เขาทำอาหารให้นี่นา นึกว่าจะชวนออกไปดูหนังหรืออะไรแนวๆ เดตธรรมดาเทือกนั้นซะอีก

                น้ำค้าง: ขอบคุณที่ชวนให้ผมทำอาหารนะครับ

            hymn: คุณน้ำค้างดูจะไม่ชอบคนเยอะๆ ผมว่าทำอะไรที่ตัวเองสบายใจจะได้รู้จักตัวตนคุณจริงๆ ดีกว่า

                คราวนี้น้ำค้างยิ้มกว้างจริงๆ เขาไม่ใช่คนประเภทปาร์ตี้สุดเหวี่ยงคืนวันศุกร์ หรือกินเหล้าเมาเป็นหมา น้ำค้างคิดว่าคนประเภทเขาค่อนข้างน่าเบื่อและจืดชืด แต่ถ้าคุณฮิมยินดีจะเข้าใจและเป็นส่วนหนึ่งของอะไรที่เขาชอบ น้ำค้างก็ยินดีจะให้พื้นที่เป็นพิเศษ

                หวังว่าคุณฮิมจะให้พื้นที่พิเศษกับเขาบ้าง

               



 

                เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างพาคนอื่นมาที่ห้องนอกจากไอ้กิม ที่ส่วนมากจะมาปั่นงาน ยืมของ โต้รุ่งอะไรแบบนั้น น้ำค้างไม่ได้รู้สึกอึดอัดถ้าคนจะมาห้องเขา ก็ยังดีกว่าจะต้องออกไปข้างนอกที่คนเบียดเสียด

                “ห้องคุณน้ำค้างเนี่ย ไม่ต่างจากที่ผมคิดไว้เท่าไหร่เลยอะ” คุณฮิมพูดขำๆ น้ำค้างเตรียมใจไว้เลยว่าห้องเขาจะมีแต่กลิ่นโปรดของป่าสนดิบชื้น คุณฮิมคงจะทิ้งกลิ่นอายให้เขานึกถึงอยู่สักพัก

                “ห้องผมไม่ค่อยมีอะไรหรอกคุณฮิม” น้ำค้างว่าแล้วก็เดินเข้าครัวทันที

                “ผมหมายถึงมันเรียบร้อยครับ ห้องผมรกมาก แล้วก็ไม่ได้กลิ่นสะอาดขนาดนี้”

                “กลิ่นผมรึเปล่า คุณฮิมบอกผมกลิ่นเหมือนผ้าสะอาดนิ” น้ำค้างพูดเจือขำมาจากตรงเตาแก๊ส คุณฮิมยังคงยืนพิงโซฟามองแผ่นหลังของน้ำค้างที่ยืนตั้งหม้อนู่นนี่นั่นอยู่ วันนี้คุณฮิมใส่เสื้อยืดสีขาวโอเวอร์ไซส์ยัดใส่กางเกงขาสามส่วนเหนือเข่า ก็ดูเป็นอะไรที่สบายๆ ดี

                “กลิ่นคุณอ่อนจะตาย” คุณฮิมพูดและน้ำค้างก็ต้องสะดุ้งโหยงตอนคุณฮิมสืบเท้าเข้ามาประชิดด้านหลังเขาไม่ทันบอกอีกแล้ว “ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีล่ะคุณน้ำค้าง”

                คุณฮิมขำใหญ่อีกแล้ว แกล้งเขาน่าจะสนุกมากทีเดียว

                “คุณฮิม ผมขอเว้นระยะหนึ่งช่วงแขนก็ยังดีเถอะ”

                “อะไรขนาดนั้นคุณน้ำค้าง กลัวผิดวินัยสงฆ์เหรอครับ”

                คุณฮิมแซว แต่ก็ยอมถอยให้ พอมานั่งพิจารณาดีๆ ท่าทางเขาสองคนมันก็พระกับสีกาจริงๆ นั่นแหละ โดนตัวอะไรกันไม่ได้ขนาดนั้น

                “ไหนคุณฮิมบอกจะค่อยๆ ไง”

                “ผมก็ค่อยๆ นะ คุณน้ำค้างต่างหากใจร้อน คราวที่แล้วก็จะกัดผมละ”

                น้ำค้างหันไปมองก็เห็นคุณฮิมเลิกคิ้วยิ้มๆ แล้วเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางตบๆ ตรงแอ่งชีพจรตัวเองที่เดิม ความอายแล่นขึ้นมาจุกอกน้ำค้าง เลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เถียงตั้งหม้อต่อไป

                “ว่าแต่วันนี้ทำอะไรให้ผมกินอะคุณแม่บ้าน”

                “สปาเกตตี้นี่แหละคุณฮิม วันนั้นผมไปซื้อแล้วเส้นยังเหลือเลยเอามาทำต่อครับ”

                คุณฮิมพยักหน้าเออออในลำคอ แล้วก็มาเดินวนๆ ดูรอบๆ เขาตอนเขาหั่นหัวหอม ปรุงนู่นนี่ กลิ่นป่าสนแว้บไปมาห่อหุ้มเป็นบรรยากาศรอบตัว เขาว่ากันว่าอัลฟ่ากับโอเมก้าที่กลิ่นเข้ากันได้ดีจะเป็นการจับคู่ที่เหนียวแน่น น้ำค้างเลยอดคิดไม่ได้ว่ากลิ่นเขากับคุณฮิมน่ะ ผสมกันออกมาดีรึเปล่า

                “คุณน้ำค้าง มีเน็ทฟลิกซ์รึเปล่าครับ”

                “อ๋อ มีครับมี เปิดดูได้เลยคุณฮิม รอผมทำน่าจะเบื่อแย่”

                “ไม่เบื่อหรอกคุณ คราวหน้าไว้ผมเลี้ยงกาแฟคืนนะ”

                คุณฮิมนั่งเอนตัวลงบนโซฟา ก่อนจะไล่กดรีโมทไปเรื่อย ยกยิ้มเมื่อเห็นน้ำค้างมีแต่ลิสท์รายการทำอาหารแนะนำขึ้นมา

                น้ำค้างเดินตามไปนั่งข้างๆ คุณฮิมตรงโซฟาบ้าง ด้วยความที่โซฟาไม่ได้ยาวขนาดนั้น พวกเขาเลยนั่งห่างกันไม่เท่าไหร่ และดูเหมือนคุณฮิมจะกระเถิบเข้ามาติดตัวเขาอีกแล้ว น้ำค้างถึงกับนั่งตัวแข็งตรงแหน่วอีกรอบ

                “จีบผมจริงปะเนี่ย”

                คุณฮิมยิ้มหวานให้ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะทดสอบความอดทนน้ำค้างที่กำลังหมดลงเรื่อยๆ เน็ทฟลิกซ์ในจอทีวีเล่นแต่ตัวเทรลเลอร์หนังค้างไว้กลายเป็นเพียงเสียงรบกวน มีเพียงกลิ่นของอัลฟ่าตรงหน้าเขาที่ลอยตลบอยู่ในประสาทสัมผัส

                “ก็จริงน่ะสิคุณฮิม”

                “ไม่เห็นเหมือนจะจีบเลยคุณน้ำค้าง”

                น้ำค้างตอบไม่ถูก เขาอ่านคุณฮิมไม่ออกอีกแล้ว ในรอยยิ้มนั้นน้ำค้างรู้สึกว่าเขากำลังจะตกหลุมให้กับป่าสนลึกลงไปอีกนิดนึงแล้ว

                “คุณน้ำค้างทำหน้าเหมือนอยากจะกินผมอีกแล้ว”

                คุณฮิมขยับเข้าไปใกล้อีก ใบหน้าของพวกเขาห่างกันเพียงชั่วลมหายใจที่รินรดใส่หน้ากันและกัน น้ำค้างเห็นรายละเอียดใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน กลิ่นใบไม้ต้นสนและไอเย็นของหมอกลงจัดอยู่ใกล้เพียงใต้จมูกเท่านั้น คุณฮิมจะรู้ไหม ว่าน้ำค้างอยากจะกอดเจ้าตัวกลิ่นนี้เอาไว้ทุกวันตั้งแต่เจอ

                เส้นความอดทนในหัวเหมือนขาดดังผึง สมองของน้ำค้างหลุดไปกับกลิ่นระยะประชิดตรงหน้า มือโอบเอาเอวป่าสนของเขาตรงหน้าเข้ามา ใบหน้าโน้มไปจูบกลีบปากรูปหัวใจนั่นดั่งใจคิด น้ำค้างไม่เคยจูบใครมาก่อน ทุกอย่างทำไปตามสัญชาตญาณในร่างกาย อัลฟ่าตัวโตบดกลีบปากอัลฟ่าในอ้อมกอด มือดันคุณฮิมลงไปนอนราบกับโซฟาเพื่อจะจูบให้ถนัดขึ้นเหมือนร่างกายจะสั่งมาว่ายังไม่พอใจ คุณฮิมกัดปากเขาก่อนจะใช้ฟันดึงกลีบปากล่างออกคล้ายจะหยอกที่น้ำค้างโดนปั่นหัวจนไปไม่เป็นแบบนี้ มือยาวที่เต็มไปด้วยกระดูกของคุณฮิมไล่ไปตามต้นคอเขา

                “ชักอยากจะกัดคุณน้ำค้างบ้างแล้ว” 

                คุณฮิมพูดเป็นเสียงกระซิบชิดริมฝีปากเขา น้ำค้างหาได้สนใจไม่ อัลฟ่าตัวโตแต่ไม่ประสายังคงก้มสูดดมและทิ้งจูบชื้นตามสันกรามอีกคน ไล่ระเรื่อยลงไปที่ตรงลำคอ แอ่งชีพจรล่อตาล่อใจให้ก้มลงไปฝังให้จมเขี้ยว

                คุณฮิมเหมือนจะรู้ถึงได้ยิ้มแล้วดันหน้าน้ำค้างออกก่อนที่จะได้ทำตามดั่งใจคิด

                “กินตรงนั้นไม่ได้นะครับคุณแม่บ้าน”

                อัลฟ่าที่ยอมอยู่ใต้อาณัติมาสักพักผลักให้น้ำค้างลุกออกไป และอัลฟ่าตัวโตอย่างน้ำค้างก็ได้แต่ลูบหน้าตัวเอง เอาศอกเท้ากับเข่าแล้วก็สูดหายใจเรียกสติตัวเองให้กลับมาอยู่กับที่ แต่รอบตัวน้ำค้างมีแต่กลิ่นคุณฮิมเต็มไปหมด

                น้ำค้างไม่รู้เลยว่าคุณฮิมจะมีอิทธิพลกับเขาขนาดนี้

                “จูบเก่งนะครับเนี่ย แน่ใจเหรอว่าไม่เคยคุยกับคนอื่นมาก่อนผม” คุณฮิมใช้นิ้วโป้งปาดคราบวาวบนริมฝีปากตัวเองแล้วก็ถามยิ้มๆ

                “ผมจะโกหกคุณฮิมทำไมล่ะครับ” น้ำค้างตอบแล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้ตัวเอง

                “โกหกว่าเป็นโอเมก้ายังทำมาแล้วเลยคุณ”

                “ผมเสียใจกับเรื่องนั้นเป็นพิเศษเลยล่ะคุณฮิม”

                “เสียใจที่ผมเป็นอัลฟ่าเหรอคุณน้ำค้าง”

                น้ำค้างถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ ไอเสียโขลกใหญ่ ก่อนจะหันมาหาคุณฮิมที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

                “ไม่ใช่นะคุณฮิม คือ...”

                “ไม่ต้องซีเรียสหรอกคุณน้ำค้าง ผมก็พูดไปงั้น” คุณฮิมหัวเราะเหมือนไม่คิดมาก แต่คนที่คิดมากก็คือน้ำค้างเลยเต็มๆ

                “คุณฮิม ผมจริงจังนะ ผมไม่ได้เสียดายหรือเสียใจที่คุณฮิมเป็นอัลฟ่าหรืออะไรแบบนั้นเลย ที่ผมโกหกว่าเป็นโอเมก้าเพราะกลัวว่าคุณจะไม่ชอบที่อัลฟ่าด้วยกันอย่างผมเข้าหาตั้งแต่แรกเลยต่างหาก”

                คุณฮิมเหมือนกำลังจะตอบอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มขำแทน

                “น้ำเดือดจนจะล้นหม้อแล้วครับคุณแม่บ้าน”

                เท่านั้นน้ำค้างก็รีบวิ่งกลับไปที่เตาแก๊สทันที

                “คุณฮิมเอ่อ...เรื่องผมเป็นอัลฟ่า”

                “ไม่ต้องคิดมากแล้วคุณน้ำค้าง ผมพูดไปงั้นจริงๆ จะแหย่คุณเฉยๆ” คุณฮิมส่งยิ้มแบบที่เห็นรอยบุ๋มลงไปสองข้างแก้ม น้ำค้างอยากจะอธิบายต่อ แต่ก็โดนคุณฮิมเดินเอามือมาแปะๆ ที่แก้มเขาเบาๆ แทน

                “ไหนสปาเกตตี้คุณล่ะ กินผมอิ่มแล้วจะไม่ให้ผมกินอะไรหน่อยเหรอ”

                เป็นครั้งแรกที่น้ำค้างอยู่ในห้องตัวเองแล้วอยากจะกลั้นหายใจตรงนั้น

 


 

                “มึงปลูกหญ้าในห้องเหรอไอ้น้ำ”

                “ห้ะ?”

                น้ำค้างที่กำลังจะทาน้ำยาประสานอะครีลิคลงกับชิ้นส่วนหลังคาถึงกับเกือบจะทำร่วงลงโมเดล แต่ดีที่ไอ้กิมมือไวจับมือเขาไว้ก่อน น้ำค้างถึงได้พรูลมหายใจทัน อะไรทำให้เขามาเรียนสถาปัตถ์ทั้งที่เด๋อด๋าขนาดนี้กันนะ

                “ห้องมึงเหม็นเขียวมาก กูหลับตาคือเห็นแต่อะไรเขียวๆ แบบหญ้า”

                “กูรู้ว่ามึงจมูกดี แต่ไม่นึกว่าจะดีขนาดนี้”

                “ป่าสน?”

                “อือ เหม็นเขียวก็เหี้ย หอมจะตาย กลิ่นน่าจะติดไปอีกวันนึงเลย” น้ำค้างพูดพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อย มือวางส่วนหลังคาลงกับโมเดล

                “หอมกับมึงคนเดียวอะดิไอ้น้ำ แล้วงี้กูจะมาตากแอร์ห้องมึงไงเนี่ย เหม็นชิบหาย”

                “ก็ไม่ต้องมา”

                “คนที่วิ่งเอาแฟลชไดร์ฟไปร้านเลเซอร์อะครีลิคตอนไฟนอลโปรเจคเทอมที่แล้วที่มึงตื่นสายคือใคร ใครน้า ไหนกูหาไม่เจอเลย ใครวะเนี่ย”

                น้ำค้างกอดอก มองไอ้กิมที่เล่นใหญ่มากในการหันไปเปิดเบาะโซฟา มองซ้ายมองขวาว่าใครกันที่ทำให้ ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือพวกเขาคบกันอยู่สองคนในคณะ ถ้าไม่ใช่ไอ้กิมก็น่าจะเป็นไอ้โบโบ้ น้องหมาหน้าคณะแล้วล่ะ

                “พอเถอะกิม เสียเวลาทำงาน มึงเอาเวลาเล่นใหญ่ไปหาคู่เถอะ เวลามึงฮีทแล้วแดกยากดทีไรสภาพเหมือนผู้หญิงหงุดหงิดเป็นเมนส์ชิบหาย”

                “กูอยากอยู่คนเดียว รำคาญ ทำไมต้องมีคนมาวอแวตลอดเวลาด้วย” กิมย่นจมูกตอบ “เหม็นว่ะ”

                “อยากไล่มึงออกจากห้อง แต่ลืมไปว่าเรียกมึงมาช่วยต่อโม”

                “รองจากป่าสนของมึงก็ต้องรักกูแล้วล่ะไอ้น้ำ อีกนิดก็เหมือนจะเป็นเมียมึงแล้ว”

                “กิม กูขนลุก”

                กิมยักไหล่ใส่เขา และน้ำค้างก็รู้ว่าเพื่อนปากจัดคนนี้รักสันโดษแค่ไหน คนรอบตัวชอบคิดว่าเขาสองคนเป็นคู่กัน และบางทีกิมก็หาประโยชน์จากน้ำค้างให้เป็นไม้กันหมาอยู่ร่ำไปจนน้ำค้างนึกภาพไม่ออกว่าภาพที่กิมมีอัลฟ่าเป็นของตัวเองเป็นอย่างไร

                “แล้ววันนี้พาเขามาห้องนี่คือ...”

                น้ำค้างทำโมเดลบันไดหล่นจากมือของจริงเพราะกิมตบมือดังป้าบเสียงดังอีกแล้ว

                “ไอ้เหี้ย ตบมือทำไมวะกิม กูตกใจ”

                “ก็ถามว่าได้เคลมยัง”

                “เคลมอะไร กูทำสปาเกตตี้ให้เขากินแค่นั้นอะ”

                กิมทำหน้าเรียบเฉยเป็นเตารีด

                “กูว่ามึงเป็นแม่บ้านให้เขาก็น่าจะเหมาะนะ ไม่ต้องจีบแล้ว ให้เขาจ้างเลย”

                 น้ำค้างถอนหายใจทิ้งอย่างเซ็งๆ ก็คุณฮิมบอกค่อยๆ ก็ค่อยๆ ไง แต่ยังไม่ทันจะได้บ่นอะไรกิมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

                “ทำให้เขามั่นใจหน่อยว่ามึงจริงจัง อัลฟ่ากับอัลฟ่า ไม่มีอะไรที่แสดงความเป็นเจ้าของได้ถาวรหรอก”

                น้ำค้างเก็บเอาคำพูดของเพื่อนไปคิด

                “มึงมาร์กเขา แต่เขาจะไปมาร์กคนอื่นก็ได้ เพราะสุดท้ายรอยมาร์กที่คอเขาก็หายอยู่ดี คุณฮิมเขาไม่ใช่โอเมก้า ที่รอยมันจะอยู่จับคู่ไปตลอด มึงอย่าลืม”

                แล้วน้ำค้างก็เริ่มเข้าใจ ว่าที่คุณฮิมถามเขาว่าจีบจริงๆ รึเปล่าคืออะไร

                “มึงว่าคุณฮิมเขาจะชอบกูบ้างไหมวะ”

                “เขาไม่ถือเรื่องที่มึงเป็นอัลฟ่าก็ถือว่าโอเคระดับนึง สำหรับกู” กิมกำลังจะวางโมเดลชิ้นต่อไปลงไป แต่ก็ย่นจมูกก่อนจะจามเสียลูกใหญ่ จนน้ำค้างต้องลุกไปหยิบทิชชู่

                “แต่ขอนอกเรื่องหน่อยนะไอ้น้ำ กูไม่ปลื้มกลิ่นเขามากๆ”

                “แล้วกูควรทำไง กูไม่ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นให้มึงหรอกนะ กูรักกลิ่นเขา”

                “อยากออกค่าโรงแรมให้ว่ะ ไปป้าบกันที่อื่นได้ไหม”

                “กูบอกว่ายังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น!”

                “แล้วมึงเป็นเหี้ยไรต้องเสียงดังตลอดเวลากูพูดเรื่องแบบนี้เนี่ย” 

                น้ำค้างกำลังจะด่ากลับแต่เสียงแจ้งเตือนไลน์ขึ้นเป็นรูปอีโมจิทำเอาเขาพุ่งตัวไปที่มือถือทันที ล่าสุดน้ำค้างก็แค่คุยเรื่อยเปื่อยกับอีกคน ตอนนี้มันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เลยพิมพ์บ่นหิวไปตามประสาคนทำงานดึกๆ แล้วปากว่าง

                hymn: หิวเหรอคุณน้ำค้าง กินผมเมื่อบ่ายไม่อิ่มเหรอ

                น้ำค้างถึงกับเอามือปัดไปโดนส่วนหลังคาที่น้ำยาประสานยังไม่แห้ง และแน่นอนว่า เบี้ยวไปตามระเบียบ

                “ไอ้เหี้ยน้ำ มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย”

                เสียงกิมโวยวายไม่ได้เข้าหูน้ำค้างเท่าไหร่เพราะคุณฮิมส่งรูปตัวเองยิ้มหวานมาให้ น้ำค้างอยากจะพลีชีพลงตรงนั้น สัมผัสของริมฝีปากอีกคนเมื่อบ่ายกับกลิ่นป่าสนในห้องตอนนี้ทำเอาสติเขาแทบจะเตลิด

                น้ำค้างควรจะทำยังไงกับห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ดี

 

 

tbc.




คุณเชื่อในเรือไหนกันคะ? 55555555555

ขอบคุณสำหรับฟีทแบคมากๆ เลยนะคะ มีความหมายสำหรับเรามากๆ เลยค่ะ

สำหรับใครที่อยากดูอัพเดทนิยาย หรือพูดคุยกับเรา เราสมัครทวิตไว้นะคะ @hopeniverse_ มาฟอลกันได้ค่า

แล้วก็ฝากเพลงไว้ให้ฟังกันอีกเพลงค่ะ hymn for the weekend  - coldplay



feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you

 


 

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
เดินเรือน้ำฮิมเต็มกำลังงงงงงง
 :katai2-1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้ำค้างหลงฮิมมากเลยนะ 555555
ตอนนี้ยังเลือกไม่ได้เลยว่าจะลงเรืองน้ำฮิม หรือฮิมน้ำดี  :hao3:

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
chapter four



                กิมบอกเลยว่าชาตินี้เดินผ่านคณะบัญชีแทบนับครั้งได้ เพราะคณะสถาปัตถ์กับบัญชีเหมือนอยู่คนละโลกกันเลยก็ว่าได้ แต่ที่ต้องถ่อมาคณะบัญชีตอนเช้าตรู่แปดโมงก็เพราะเมื่อคืนไอ้น้ำค้างมันเอาแต่เมากลิ่นเขียวในห้อง สรุปคือถ่างตาทำงานยันใกล้สว่าง (เขาหนีเข้านอนก่อน เพราะไม่ใช่งานตัวเอง)

                ตื่นมาก็เห็นโน้ตแปะอยู่ตรงมือถือตัวเองว่าฝากซื้อกาแฟเข้าไปให้คุณฮิมของมันที่คณะบัญชีหน่อย

                กิมหน้าตึง ช่วยมันทำงานแล้วยังต้องเอาน้ำเอาท่าหอบไปให้ยอดอัลฟ่าว่าที่คู่ของมันถึงคณะอีก แต่ก็รู้ว่าถ้าไม่ทำตามที่ขอน่าจะเจอเสียงบ่นงึมงำต่ำๆ ไปสักพัก ไอ้น้ำมันเจ้าแค้นจะตายห่า เลยต้องแหกตาแวะเซเว่นเข้าไปหยิบกาแฟกระป๋องมากับเอมร้อยอีกสองขวดแล้วมายืนอยู่หน้าคณะบัญชีนี่แหละ

                คิดเหรอว่าคนอย่างกิมจะซื้อกาแฟดีๆ ให้ ฝันเอา กากๆ อย่างมึงนะไอ้น้ำ ให้กาแฟกระป๋องกับเอมร้อยเขาไปเถอะ

                พยายามมองหาคนหน้าคณะสถาปัตถ์แต่ตอนนี้มีแต่คนเสียบหูฟังหลีกเลี่ยงกิมทั้งนั้น บางคนก็มองแปลกๆ เพราะไม่เคยเห็นหน้ากิมอยู่แถวนี้ ก็แหงสิ แค่ทำโปรเจคก็ตาแหกอยู่แล้ว ทำไมต้องหาเวลามาเดินแถวหน้าคณะคนอื่นด้วย อีกส่วนน่าจะเป็นเพราะสีผมบลอนด์สว่างขั้นสุดที่เพิ่งไปกัดมาสัปดาห์ก่อน และกิมเป็นคนที่ขาวอยู่แล้ว เลยดูขาวจัดเข้าไปใหญ่ ดีนะที่ฉีดสเปรย์ดับกลิ่น ยังเข็ดไม่หายตอนที่เข้ามหาลัยใหม่ๆ แล้วโดนอัลฟ่าที่ไหนไม่รู้จะพุ่งมากัดเพราะกลิ่นของกิมดันถูกใจอีกฝ่าย

                น้ำค้างก็เคยได้กลิ่นตัวกิม เพื่อนสนิทอัลฟ่าตัวโย่งยังออกปากบอกว่าหอม และวิจารณ์ว่ากลิ่นเหมือนอัญชันกับอะไรหวานๆ ซึ่งกิมไม่ได้ใส่ใจ เพราะคร้านจะนั่งนิยาม แล้วก็ไม่ได้อยากจะให้ใครมาดม

                ตาเหลือบไปเห็นคนที่เพิ่งมานั่งใหม่ตรงใต้คณะ อีกฝ่ายไม่เสียบหูฟัง ไม่ได้ดูยุ่ง แค่เหมือนจะตั้งท่านั่งรอใคร เท่านั้นกิมก็พุ่งตัวไป หวังว่าอีกฝ่ายจะรู้จักคุณฮิมซะบ้าง เพราะไม่งั้นกิมจะฝากป้ายามแล้วนะ

                “ขอโทษนะครับ คุณคณะบัญชีรึเปล่า?” กิมรีบสะกิดรีบถามไหล่กว้างๆ ของคนที่นั่งอยู่ ท่าทางจะเป็นอัลฟ่าที่ไม่มีพิษภัย เพราะกิมไม่ได้กลิ่นอีกฝ่าย แถมหน้าตาก็ดูสุภาพดี

                “ใช่ครับ”

                “รู้จักคนชื่อฮิมไหมครับ ปีสาม คณะบัญชี พอดีเพื่อนผมจะฝากของให้เขาหน่อย”

                กิมชูถุงกาแฟ ความจริงแอบยัดโน้ตที่น้ำค้างแปะไว้บนโทรศัพท์ตัวเองเข้าไปในถุงแล้วด้วย ให้มันรู้ซะบ้างว่าใช้งานเพื่อน ทำให้เพื่อนลำบากลำบน

                “อ๋อ ฮิม มีอยู่สองฮิม ของคุณฮิมไหนอะครับ”

                ฮิมไหนไฟแร่งเฟร่อ กิมอยากจะตอบแบบนั้นแต่น่าจะโดนตั๊นหน้ากลับมา กูจะรู้ไหมล่ะว่าฮิมไหน เพราะรู้จักอยู่ฮิมเดียว ต้องอธิบายยังไงดี

                “ฮิม เอ่อ ที่เป็นอัลฟ่า กลิ่นเขียวๆ หน่อย?”

                น้ำค้างน่าจะด่าที่เขาทำแบบนี้ แต่ช่วยไม่ได้ไม่ตื่นมาเรียนคาบเช้าเอง

                “อ๋อ งั้นก็ฮิมเพื่อนผมแล้วล่ะ”

                คนตรงหน้าเขาหัวเราะร่วนตอนที่กิมบอกแบบนั้นไป กิมยักไหล่แล้วส่งถุงกาแฟให้

                “ดีเลยครับ ฝากไปให้เพื่อนคุณหน่อย เพื่อนผมชื่อน้ำค้างฝากมาให้” กิมรีบยื่นถุงให้ ก่อนที่จะออกปากขอบคุณพอเป็นพิธี

                “โอเคครับ ได้เลย” อัลฟ่าหนุ่มเพื่อนคุณฮิมยิ้ม แล้วก็ชวนเขาคุยต่อ “ว่าแต่คุณเป็นโอเมก้าเหรอครับ?”

                “ใช่ครับ” กิมตอบตัดบท สัญชาตญาณระแวงเริ่มตะหงิดๆ ไม่ชอบเข้าใกล้อัลฟ่าก็เพราะแบบนี้ ขนาดฉีดสเปรย์ดับกลิ่นแล้วก็ยังจะจุ้นจ้านหูตาไว

                “ผมไม่ได้กลิ่นคุณเลย ใช้สเปรย์ยี่ห้ออะไรเนี่ย ผมซื้อมาใช้แล้วมันกลบกลิ่นตัวเองไม่หมดเลย”

                กิมกะพริบตาปริบๆ

                ใบหน้านิ่งแต่ในใจประมวลผลประโยคของอัลฟ่าตรงหน้าสักพัก ชีวิตนี้เพิ่งจะเคยเจออัลฟ่าให้สเปรย์ดับกลิ่น ขนาดน้ำค้างผู้รักสงบเจ้าตัวยังไม่ใช้เลย เหมือนไอ้เพื่อนเด๋อด๋านั่นบอกว่าฝืนธรรมชาติ ขี้เกียจ เปลืองเงิน อะไรก็ไม่รู้ กิมขี้เกียจจะฟัง

                “ยี่ห้อนี้ครับ” กิมล้วงจากในกระเป๋าสะพายตัวเองให้ดู เขาพกเผื่อฉุกเฉินไว้ฉีดระหว่างวัน แต่สเปรย์อันนี้เขาสั่งพรีออเดอร์มาจากที่อื่น ไม่ได้ซื้อตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป “แต่อันนี้ผมสั่งพรีออเดอร์ทางเน็ตเอานะ”

                “เห้ย ผมขอร้านบ้าง” อัลฟ่าไหล่กว้างตรงหน้าดูตื่นเต้นมาก กิมถึงกับประหลาดใจรอบที่สอง หรือจะเป็นคนแบบเดียวกับเขา

                “แป๊บนะ” กิมว่าแล้วก็กดโทรศัพท์หาร้านประจำยิกๆ พลางพูดไปด้วย “ไม่เคยเจออัลฟ่าที่ไหนใช้สเปรย์ดับกลิ่นเลย ขนาดเพื่อนผมยังไม่ใช้”

                “กลิ่นผมค่อนข้างจะเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันน่ะครับ” อัลฟ่าจอมประหลาดในสายตากิมยิ้มเจื่อนๆ เหมือนจะเห็นภาพน้ำค้างขึ้นมาตะหงิดๆ แต่พอมองอีกทีแล้วคนตรงหน้าดูดีกว่าน้ำค้างอีกขุมหนึ่ง

                “อันนี้ๆ” กิมยื่นหน้าจอให้ “แต่ตอนนี้ผมก็ไม่เห็นได้กลิ่นคุณนะ”

                “ช่วงบ่ายเนี่ยตัวดีเลย สเปรย์ผมมันไม่ทนเลยอะ” อีกฝ่ายควักโทรศัพท์ออกมาเสิร์ชหาบ้างทันที “ว่าแต่คุณโอเมก้าชื่ออะไรครับ เผื่อเจออีกจะได้ทักถูก”

                “กิม”

                ตอนแรกว่าจะตัดบท แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผูกมิตรต่อ

                “แล้วคุณล่ะ?”

                “ทรายครับ”

                กิมจดจำไว้ ทรายคณะบัญชีปีสาม เพื่อนคุณฮิม แต่ดูท่าเจ้าตัวจะหาไม่ยาก ตัวสูงไหล่กว้างแบบนี้ก็เด่นน่าดู

                “โอเค ไว้เจอจะทักแล้วกันคุณทราย” กิมว่าก่อนจะขอตัว

                “เช่นกันครับคุณกิม”

                กิมพยักหน้าให้ทีนึงแล้วก็เดินออกมา มือฉวยมือถือมาพิมพ์แชทหาไอ้เพื่อนที่ตัวโย่งที่ยังคงนอนอยู่ว่าทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว






                น้ำค้างตื่นมาพร้อมกับแจ้งเตือนไลน์จากคนสองคน หนึ่งคือไอ้กิม และสองคือคุณฮิม

                ก็คงไม่ต้องบอกว่าจะกดตอบใครก่อน

                แอบขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคุณป่าสนส่งรูปภาพมา น้ำค้างกดเข้าไปแล้วก็แทบจะตื่นเต็มตา

                hymn: ซื้อมาขนาดนี้กะให้ผมไม่ได้นอนเลยใช่ไหมครับคุณแม่บ้าน ว่าแต่คุณเรียกผมว่าป่าสนของกูแบบนี้กับเพื่อนเหรอ? 55555 ปล. ลายมือสวยนะ

                รูปเอมร้อยสองขวดกับกาแฟกระป๋องทำเอาน้ำค้างลมแทบจับ แถมไอ้โน้ตที่เป็นลายมือเขาที่ฝากฝังไอ้กิมเพื่อนรักไว้ก่อนลงนอนอีกว่า

                อย่าลืมซื้อกาแฟไปให้ป่าสนของกูตอนเช้าหน้าคณะบัญชีทีนะเพื่อน

            ไอ้กิม ไอ้...มีคำไหนหยาบกว่าเหี้ยอีกไหม ยกให้ไอ้กิมหมดเลย แม่งเอ๊ย น้ำค้างเอามือดึงผมตัวเอง เคยมีอะไรที่ไอ้กิมมันเต็มใจทำให้แล้วครบคำสั่งบ้าง โอ๊ย น้ำค้างล่ะอยากจะเอาเท้ายีหน้าโอเมก้าเพื่อนรัก แต่ด้วยความเป็นคนมีอารยธรรมค้ำคอ เลยได้แต่ส่งคำด่าไปให้เพื่อนทางไลน์สั้นๆ

                น้ำค้าง: ไอ้กิม ค*ยเถอะ

                ปกติไม่ใช่คนหยาบคาย แต่รอบนี้อาการแพนิคพุ่งสูงจัดติดเพดานจนต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาอาบน้ำเพื่อแจ้นไปมหาลัย น้ำค้างมองนาฬิกา ก็เกือบบ่ายแล้ว เขาโดดเซคเช้า แต่เซคบ่ายนี่คือต้องแบกงานไปส่ง แต่พอกำลังจะเข้าห้องน้ำก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ตอบไลน์คุณฮิมเลย เลยต้องพุ่งตัวจากตู้เสื้อผ้ากลับมาที่โซฟาอีกรอบ

                น้ำค้าง: คุณฮิม เพื่อนมันแกล้งผม เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟโอกาสอื่นนะครับ (อีโมจิร้องไห้)

            hymn: 555555 ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่คุณน้ำค้างเรียนที่ตึกคณะห้องไหนเหรอ ผมซื้อขนมจากสตาร์บัคมาเผื่อ

            น้ำค้าง: เอ้ย ไม่เห็นต้องซื้อให้เลยคุณฮิม

            hymn: ไม่อยากเจอกันเหรอ จะไปหาถึงหน้าเซคเลยนะเนี่ย :-(

            น้ำค้าง: คุณฮิม ไม่ใช่ไม่อยากเจอ แต่ผมเกรงใจเรื่องขนมต่างหาก

            hymn: คุณแม่บ้านญี่ปุ่นของผมเนี่ยคิดมากจัง บอกห้องมาเร็ว

                น้ำค้างเป็นคนตาตี่โดยกำเนิด แต่ตอนนี้เขากำลังทำตาโตมากที่สุดในชีวิตกับคำที่คุณฮิมส่งมาให้ ใครมันจะเขินให้คนที่เรียกตัวเองว่าคุณแม่บ้านกัน

                น้ำค้างเองนี่แหละ ให้ตายเถอะ ถึงกับต้องเอามือปิดหน้า เหมือนจะแซวที่เขาเผลอแสดงความเป็นเจ้าของป่าสนนั่นโดยพลการเลย สุดท้ายก็พิมพ์บอกหมายเลขห้องให้ไปอยู่ดี คุณฮิมจะได้เลิกทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองสักที






                น้ำค้างเดินเข้ามานั่งในเซคข้างๆ ไอ้กิม หันไปทำมือจะผลักหัวเพื่อนด้วยความหัวปั่นแต่ก็โดนไอ้กิมยักไหล่ใส่อย่างไม่ยี่หระ

                “อยากไม่ตื่นมาเอง แล้วก็ค่ากาแฟอะ จ่ายด้วย”

                น้ำค้างรำคาญไอ้หน้านิ่งๆ ไม่สะทกสะท้านของมันมาก เหมือนจะไม่ใส่ใจใครบนโลกนี้เลย แต่กิมก็ไม่ได้เลวร้ายถ้าทำความเข้าใจตัวตนของเจ้าตัวดีๆ กิมมีพื้นที่สันโดษของตัวเอง ต้อนรับคนบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่เสมอไปสำหรับทุกคน ไอ้กิมไม่ชอบอะไรวุ่นวาย ดังนั้นการที่เพื่อนยอมถ่อไปถึงคณะบัญชีให้เขาแต่เช้าก็ถือว่าเกินลิมิตเจ้าตัวแล้ว

                แต่ไอ้ที่ทำแสบไว้น้ำค้างขอไม่นับ จะพยายามเมินๆ ไปแล้วกัน

                “เขาเรียกงานมึงไปตรวจยัง?” น้ำค้างถามก่อนจะเอาหยิบเอาไมโลที่แวะซื้อก่อนออกมาถึงห้องเจาะดูด

                “ยัง น่าจะท้ายๆ เขารันตามรหัส”

                พอเพื่อนว่าแบบนั้นน้ำค้างก็ทำใจได้เลยว่าตัวเองก็อยู่คิวท้ายๆ แน่นอน นั่งดูดไมโลรอเซ็งๆ แล้วจมูกเจ้ากรรมก็ดันทำหน้าที่ดี กลิ่นเปลือกไม้กับไอเย็นจางๆ ลอยมาเตะพอเป็นกระสัย อัลฟ่าตัวโตลุกขึ้นนั่งตัวตรงมองซ้ายมองขวาก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่าป่าสนของเขาน่าจะอยู่แถวๆ หน้าห้อง

                “กิม เดี๋ยวกูมา ถ้าเขาเรียกฝากโทรตามที”

                “เค”

                กิมตอบรับแล้วก็นั่งกดโทรศัพท์ต่อ ปล่อยให้น้ำค้างทะเล่อทะล่าออกจากห้องไป

                อัลฟ่าหนุ่มตัวสูงชะลูดเปิดประตูออกมาก็มองซ้ายมองขวา จมูกรับกลิ่นอื่นได้นอกจากป่าสน เป็นกลิ่นผลไม้แนวๆ หน้าร้อน ออกโทนเปรี้ยวซีตรัสเสียจนน้ำค้างถึงกับขมวดคิ้ว คุณฮิมไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกหรือไง?

                น้ำค้างเดินตามกลิ่นเหมือนในตอนครั้งแรก เจอคุณฮิมอยู่แถวๆ หน้าห้องน้ำดังคาด หากเพียงแต่ป่าสนของเขาไม่ได้อยู่คนเดียว กลิ่นเปลือกไม้กลิ่นดินปนกับกลิ่นผลไม้หน้าร้อนจนน่าปวดหัว ดูเหมือนกลิ่นคุณฮิมจะโดนกลบเสียหมด และน้ำค้างคาดเดาได้ง่ายว่าคนที่ยืนคุยกับคุณฮิมอยู่นั้น ดูจากรูปร่างและกลิ่นแล้ว โอเมก้าแน่นอน

                ไม่ใช่ว่ากลิ่นผลไม้หน้าร้อนไม่ดี แต่แค่ไม่ใช่สำหรับน้ำค้างก็เท่านั้น

                คุณฮิมมีรอยยิ้มประดับบนหน้าอย่างเคยตามประสาคนเป็นมิตร น้ำค้างไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน แอบนิสัยเสียโดยการลอบมองดูไปที่ตรงแอ่งชีพจรของโอเมก้าคนนั้นเพื่อจะดูว่ามีเจ้าของรึยัง ก่อนความขุ่นมัวในใจจะมลายหายไปเมื่อเห็นรอยมาร์กจมเขี้ยวทิ้งไว้

                นิสัยเสียจริงๆ ด้วยไอ้น้ำ

                น้ำค้างก่นด่าตัวเองในใจ แล้วก็สืบเท้าเข้าไปหาคุณฮิมที่ตอนนี้ยืนอยู่คนเดียวเนื่องจากโอเมก้าคนนั้นเดินออกไปแล้ว กลิ่นผลไม้ซีตรัสที่โอเมก้าดังกล่าวทิ้งไว้ทำเอาน้ำค้างขมวดคิ้วแน่น

                เขาไม่ได้กลิ่นป่าสนของเขา

                และน้ำค้างไม่ชอบใจมากๆ ไม่ชอบใจเลยที่กลิ่นป่าสนที่เขาโปรดปรานโดนกลบด้วยกลิ่นอื่น โดยเฉพาะเมื่อกลิ่นนั้นติดอยู่บนตัวคุณฮิมซ้อนทับกับกลิ่นเดิมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

                “อ้าวคุณน้ำค้าง มาตอนไหนครับ...”

                คุณฮิมพูดไม่ทันจบ น้ำค้างก็จัดการจูงคุณฮิมเข้าไปในห้องน้ำ ยังดีที่ยั้งตัวเองไว้ทันไม่ให้กระชาก คุณฮิมเหมือนจะเดินตามเขามาแบบงงๆ ห้องน้ำว่างเปล่าไร้ผู้คนเนื่องจากอยู่ชั้นบนและเป็นเวลาเรียน ไม่ใช่เวลาพัก น้ำค้างไม่รู้ว่าตัวเองจะนิสัยเสียได้แค่ไหน แต่เขาก็ดันตัวเขากับคุณฮิมเข้าไปในห้องน้ำเบียดกัน ก่อนจะกดล็อกประตูแล้วดันแผ่นหลังคุณฮิมติดประตูเสียงดัง

                “ไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ยคุณน้ำค้าง”

                คุณฮิมถามเขาด้วยใบหน้างุนงง ยกนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาดันคิ้วที่ขมวดของเขาให้ออกจากกัน แต่น้ำค้างดูจะสงบจิตสงบใจไม่ได้เลย พอได้อยู่ในที่แคบก็ยิ่งได้แต่กลิ่นของคนอื่น สมองของอัลฟ่าตัวใหญ่กว่าที่ดันตัวคุณฮิมเข้ามาได้แต่คิดซ้ำไปซ้ำมาว่าไม่ชอบ ไม่พอใจ ไม่ชอบที่คุณฮิมมีกลิ่นโอเมก้าคนอื่นอยู่บนตัว

                “ไม่ชอบใจเลยคุณฮิม”

                น้ำค้างพูดเสียงเบาในคอแล้วก็ผ่อนลมหายใจออก เอาหน้าลงแนบไปกับไหล่ของคุณฮิม มือจับแขนของอัลฟ่าตัวผอมแน่น คุณฮิมดูเหมือนจะงงมากกว่าเดิมที่เขาพูดแบบนั้น

                “ไม่ชอบอะไรคุณน้ำค้าง เป็นอะไรครับ”

                คุณฮิมเอามือมาวางบนท้ายทอยเขา น้ำเสียงสงบก้องกังวานอยู่ในที่แคบแห่งนี้ คุณฮิมเหมือนต้นสนที่มั่นคงดั่งกลิ่นของเจ้าตัว ไม่แสดงอาการ ไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริง ในหลืบของป่าสน ท่ามกลางดงของไม้สูงตระหง่านและม่านหมอก คุณฮิมฝังหัวใจไว้ในส่วนหนึ่งของผืนป่า ใต้ใบไม้แห้ง ลึกลงไปในดินชื้นที่รากห่อหุ้ม และน้ำค้างอยู่กลางป่าสน หวังว่าเขาจะได้เจอสักครั้ง

                “กลิ่นคนอื่น...บนตัวคุณฮิม”

                น้ำค้างบอกเสียงเบา คิ้วขมวดแน่นไม่ยอมปล่อย คุณฮิมดูเหมือนจะเพิ่งเข้าใจ ถึงได้ยกข้อมือตัวเองขึ้นมาอังใต้จมูกแล้วก็พึมพำกับตัวเอง

                “อ่า กลิ่นโอเมก้าเมื่อกี้...”

                “มันกลบกลิ่นคุณหมดเลย” น้ำค้างสารภาพจนได้ “ผมไม่ได้กลิ่นคุณเลย”

                คุณฮิมมองเขาด้วยสายตาที่น้ำค้างอ่านไม่ออกอีกครั้ง

                “ไม่ชอบ...ไม่ชอบเลยคุณฮิม”

                น้ำค้างพูดพึมพำเสียงขุ่น ริมฝีปากเริ่มอยู่ไม่สุข อัลฟ่าตัวสูงทำตามที่สมองสั่งการอีกครั้ง น้ำค้างรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าของคุณฮิม แต่ก็หวง รู้ว่าตัวเองนิสัยไม่ดี แต่ก็อยากจะทำอะไรก็ได้ที่แสดงความเป็นเจ้าของบ้าง

                ริมฝีปากของน้ำค้างทาบลงไปกับริมฝีปากอัลฟ่ากลิ่นป่าสนที่ตอนนี้โดนกลบไปด้วยกลิ่นอื่นอย่างไม่พอใจ คุณฮิมดูจะรับมือกับน้ำค้างที่หัวเสียได้อย่างดี ถึงได้เอียงหน้ารับจูบอย่างไม่ขัดขืน น้ำค้างดันตัวเองเบียดกับอีกคนกับประตูแน่น คุณฮิมโอบคอเขา ไม่วายข่วนท้ายทอยเขาเหมือนจะเย้าแหย่ ยิ่งทำให้น้ำค้างเตลิดเข้าไปใหญ่ ถึงได้กัดปากคนขี้แกล้งจนได้รสเหล็กติดลิ้นมา

                คุณฮิมเหมือนจะรู้ว่าเสียเปรียบ ถึงได้กัดปากเขาคืนบ้าง แล้วยังริอาจสอดลิ้นเข้ามาหาน้ำค้างก่อนด้วยความที่เที่ยวบินเยอะกว่า มือลงมือข่วนท้ายทอยอัลฟ่าผิวแทนเสียจนน้ำค้างต้องขมวดคิ้วเพราะรู้ว่าน่าจะได้แผล แต่ก็ไม่ได้นึกเคืองโกรธ ดีซะอีกที่คุณฮิมทำรอยทิ้งไว้บนตัวเขา

                ความจริงน้ำค้างอยากจะจูบอีกคนทั้งตัว ตามหากลิ่นป่าสนกลิ่นโปรดกลิ่นเดิมของเขาที่ทำให้ใจสงบและเตลิดในเวลาเดียวกัน ผละจากริมฝีปากถึงได้เที่ยวจูบไปตามใต้กกหูระเรื่อยไปทั่วคอและลาดไหล่ ก่อนจะฝังหน้าลงไปตรงแอ่งชีพจรและสูดกลิ่น

                ...กลิ่นหน้าร้อนออกโทนเปรี้ยวเริ่มจางลง หมอกลงปกคลุมแทนที่ ใบสนเริ่มผลิออก น้ำค้างกำลังได้ป่าสนของเขาคืนมาทีละน้อย

                คุณฮิมไม่ได้ผลักเขาออกเหมือนคราวอื่นๆ น้ำค้างถึงได้ซุกหน้าอยู่แบบนั้นเหมือนคนเอาแต่ใจ เมื่อพอใจถึงได้จูบเบาๆ ทิ้งท้ายก่อนผละออกมา

                “ดีขึ้นไหมครับ?” คุณฮิมยิ้มเหมือนจะปลอบโยน น้ำค้างลูบหน้าตัวเอง เขายังคงค้างคาใจ อยากจะทำอะไรบางอย่าง

                “คุณฮิม โกรธผมรึเปล่า ผมนิสัยไม่ดีเลย”

                น้ำค้างทำเสียงเหมือนคนทำผิด แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวคุณฮิมจากที่กำลังกักไว้ สัญชาตญาณสั่งการมายิกๆ ให้ลงมือทำอะไรสักอย่าง

                “ไม่นะคุณน้ำค้าง ผมตกใจมากกว่าที่คุณหัวเสียขนาดนี้” คุณฮิมหัวเราะเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วก็เอานิ้วเกลี่ยผมที่ปรกตาเขาออก “หวงขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณน้ำค้าง”

                “ถ้าจะตอบว่าไม่ขนาดนั้นก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ” น้ำค้างหลบตาแล้วก็ยิ้มเจื่อน ปากหนักตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

                “ทำไมงอแงล่ะคุณแม่บ้านของผม” คุณฮิมว่าแล้วก็เงยมาจูบคางเขาเบาๆ “คนได้จูบก็มีแต่คุณทั้งนั้น”

                 “ทำไมคุณฮิมขยันทำให้ผมหัวหมุนขนาดนี้”

                น้ำค้างบ่นกับตัวเองจนแทบจะกลืนไปกับเสียงหายใจ เขาหวงคุณฮิมมากจนตัวเองก็ยังตกใจ เหมือนคนที่หวงอาหารจานโปรดจากเชฟคนเดิมแล้วมีคนมาปรุงให้รสมันเปลี่ยนไป คุณฮิมจะรู้รึเปล่าว่าเขาถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว

                “ตอนนี้กลิ่นคุณก็น่าจะเต็มตัวผมแล้วล่ะ” คุณฮิมทำจมูกฟุดฟิดแล้วก็ยิ้ม “ผมเหมือนผ้าห่มเพิ่งซักออกจากเครื่องเลย”

                น้ำค้างรู้ว่ามันไม่พอ ถ้าเขาไม่ได้ทำรอยแสดงความเป็นเจ้าของบนตัวคุณฮิมสักที่วันนี้ น้ำค้างน่าจะไม่ยอมปล่อยตัวอีกฝ่ายไป

                “คุณฮิม... คือ”

                น้ำค้างเปล่งเสียงถามเหมือนไม่แน่ใจ

                “ครับ?”

                คุณฮิมเลิกคิ้วกลับมาให้ ทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายนิดนึง

                “ผมขอกัดได้ไหม?”

                คุณฮิมเอียงคอเลิกคิ้วตกใจหน่อยๆ แต่น้ำค้างรีบจับข้อมือที่เล็กกว่าเขาแน่นก่อนจะยกขึ้นมาระดับสายตา

                “ผมหมายถึงตรงนี้” น้ำค้างใช้มืออีกข้างที่ว่างชี้ไปที่จุดชีพจรตรงข้อมือซึ่งขึ้นรอยเส้นเลือดไว้ เงยสบตาป่าสนของเขาที่ดูลังเลเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมา “ได้ไหมครับ?”

                คุณฮิมไม่ได้ชักมือกลับแต่ก็ไม่ได้ตกลงในทันที เป็นครั้งแรกที่อัลฟ่าตรงหน้าเขาตัดสินใจนาน ถึงจะไม่มีการสร้างพันธะจับคู่ในการกัดครั้งนี้ และเดี๋ยวรอยก็จะจางไปเอง แต่คุณฮิมดูจะคิดหลายๆ อย่างที่น้ำค้างยังเข้าไม่ถึง

                “ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมเอง...ก็เห็นแก่ตัวที่อยากแสดงความเป็นเจ้าของ”

                น้ำค้างรีบพูดด้วยกลัวอีกคนไม่สบายใจก่อนจะปล่อยข้อมือคุณฮิม แต่เป็นคุณฮิมที่จับข้อมือเขาขึ้นมาแทน ประกายตาในดวงตาของป่าสนของเขาเป็นแววที่น้ำค้างไม่เคยเห็น แต่ก็ยังคงมีม่านหมอกบังกั้นไว้ คุณฮิมยกข้อมือเขาขึ้นมาทาบที่ริมฝีปากตัวเองตรงตำแหน่งชีพจร ก่อนจะเผยอปากกัดเองจนขึ้นรอยฟันลึก

                “เดี๋ยว.. คุณฮิม...”

                “ตาคุณแล้ว”

                คุณฮิมยื่นข้อมือตัวเองมาจ่อปากน้ำค้าง มือข้างที่ว่างปาดปากตัวเอง น้ำค้างเหมือนจะยังไม่แน่ใจจนคุณฮิมต้องยิ้มให้

                “ไม่กัดเหรอคุณน้ำค้าง?” คุณฮิมเลิกคิ้วยิ้ม “ตอนนี้ผมเป็นของคุณนะ จะไม่จองไว้หน่อยเหรอ?”

                น้ำค้างแทบจะไม่ต้องรอคุณฮิมพูดต่อ มือจับข้อมือผอมของอัลฟ่าตรงหน้าก่อนจะอ้าปากกัดตรงจุดชีพจรที่ข้อมือ แทบจะสัมผัสถึงจังหวะชีพจรของเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ อยู่ได้ น้ำค้างฝังฟันลงไปแรงจนรู้สึกได้ว่าคุณฮิมเกร็งมือ เขาถึงได้ผละออกมาแบบตกใจ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งลูบรอยฟันที่ตัวเองทิ้งไว้

                “คุณฮิม ผมขอโทษ เจ็บไหมครับ?”

                “คุณน้ำค้างนี่เวลาโดนปั่นหัวทีนี่ก็สมกับเป็นอัลฟ่าขึ้นมาเลยนะ”

                คุณฮิมหันหน้าหนีเขาแล้วก็พูดขำๆ ใบหูขึ้นสีแดงเหมือนจะเขินรึเปล่าน้ำค้างก็ดูไม่ออก เพราะไฟในห้องน้ำสลัวเหลือเกิน

                “...เป็นเฉพาะกับคุณฮิมนี่แหละครับ”

                 น้ำค้างตอบไปตามจริง ถึงได้มั่นใจว่าใบหูที่ขึ้นสีแดงของคุณฮิมไม่ใช่เรื่องที่เขาคิดไปเอง เพราะอีกฝ่ายหลบตาหันหน้าหนีเขา ถึงจะยังมีรอยยิ้มแก้เขินประดับหน้าก็ตาม

                “ชักไม่อยากให้ขนมแล้ว คุณกินผมอิ่มแล้วนี่”

                น้ำค้างเอามือจับท้ายทอยแก้เก้อ ก่อนจะสะดุ้งเพราะจับไปโดนแผลที่คุณฮิมข่วนเอาไว้ซิบๆ มองหน้าคนมือซนที่ทำร้ายเขาแล้วก็ต้องหลบตา เพราะคุณฮิมยกมุมปากให้ข้างนึงเหมือนจะบอกว่าเจ๊ากัน

                “ทิ้งรอยไว้ให้คิดถึงครับคุณน้ำค้าง”

                น้ำค้างชักไม่อยากจะออกจากห้องน้ำแล้ว แต่โทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้เขาต้องรีบแจ้นกลับออกไปส่งงานจนได้






                “ปากแตก กลิ่นเหม็นเขียว”

                ไอ้กิมไล่มองเขาหัวจรดเท้าเหมือนจะประเมินสภาพ

                “ถ้าตอบกูว่าไปต่อยกันมากูจะเลิกคบ”

                “ไม่ได้ป้าบ จูบเฉยๆ” น้ำค้างตอบสั้นๆ เสียงเบา พอใจกับกลิ่นบนตัวเองและรอยแผลที่ได้มา ท่าทางเขาจะเริ่มโรคจิตขึ้นทุกวัน แต่พอนึกถึงคุณฮิมทีไรก็ปัดตกทุกสามัญสำนึกในหัวทุกที

                “จูบหรือกัดกัน” ไอ้กิมมองจากหางตา “อย่านึกว่ากูไม่เห็นแผลตรงท้ายทอยกับข้อมือ”

                “ยังไม่ได้กัดเขาที่คอ” น้ำค้างเถียงกลับ พูดเองก็เสียดายเอง แต่ก็รู้ว่าคุณฮิมคงไม่ให้อะไรเขาง่ายๆ ขนาดนั้น

                “ลีลา กัดกันขนาดนี้ก็รีบๆ ป้าบกันสักที”

                “เสือก”

                “ด่ากูได้เหรอไอ้หนุ่มนักรัก ใครเป็นคนช่วยเอากาแฟไปให้ที่คณะบัญชีเมื่อเช้ากันน้า ใครน้า แม่ง หาไม่เจอเลยว่ะ”

                น้ำค้างกลอกตาใส่ไอ้กิมทีใช้มุกเดิมเล่นรีรัน เขาทำเป็นเมินแต่ก็ต้องโวยวายเสียงดังอีกครั้งตอนเพื่อนพูดขึ้นมาสะกิดอีกรอบ

                “มาขอค่าโรงแรมได้นะ เต็มใจจ่ายให้เพื่อน”

                “ไอ้สัดกิม! ก็บอกว่ายังไม่ได้ทำ!”

                ไอ้น้ำก็ยังคงเป็นไอ้น้ำที่เด๋อด๋าอยู่วันยังค่ำ อาจารย์เรียกชื่อจริงเขาออกไมโครโฟนเรียบร้อย และไอ้กิมก็ยังหน้านิ่งตามเคย









tbc.



มาทวงตำแหน่งอัลฟ่าคืนให้คุณน้ำค้างค่ะ เห็นแจวฮิมน้ำกันสนุกสนาน

ขอบคุณสำหรับฟีทแบคมากๆ เลยนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเพิ่มเยอะขนาดนี้ ใครที่แนะนำต่อให้ก็ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ



feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nkl31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนูน้ำาาาาาาส อยากจะกัดแต่คอคุณฮิมนี่แหละ
ทำไมถึงไม่ให้กัดอ่ะ กัดไปรอยเดี๋ยวก็หายอยู่ดี
โอเมก้าที่อยู่กับคุณฮิมนี่ใครอะ เราเข้าใจว่าทราย แต่ทรายเป็นอัลฟ่านี่ ใช่มะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ karayme68

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
มาให้กำลังใจ จุ๊บุ

ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบมากๆเลยค่ะ ทั้งคุณแม่บ้าน ทั้งคุณป่าสน สำนวนคุณอ่านเพลินดีจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
chapter five

                กิมไม่เคยสนใจที่ไอ้น้ำบ่นว่าพยากรณ์อากาศมันห่วยแตก ตากผ้าไม่เคยจะแห้ง ด้วยความที่กิมติดจะอยู่คนเดียวเป็นนิจ เลยพึ่งพยากรณ์อากาศเอา แล้วก็ไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไรมากมาย

                จนกระทั่งวันนี้

                วันที่กิมอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่ร้านสะดวกซื้อจะนำเข้าขนมที่เขาอยากกินมานานและต้องเอาแต่พรีออเดอร์อยู่ตลอดเวลา ไม่ก็ฝากเพื่อนหิ้วเอา วันนี้มันอยู่ใกล้แค่ร้านสะดวกซื้อซึ่งไม่ไกลจากคณะเท่านั้น กิมเพียงแค่ต้องหยิบกระเป๋าเงินและเดินไปซื้อระหว่างช่วงพักก็เท่านั้น

                ก็คงจะเป็นแค่นั้นถ้าหากว่ากิมเดินมากลางทางแล้วฝนดันเทลงมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งๆ ที่แดดยังสว่างออกจ้า และทำเอาคนเกลียดการเปียกชื้นตามเนื้อตัวเสื้อผ้าแบบกิมต้องสบถหัวเสียและวิ่งเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อให้เร็วที่สุด เสื้อนักศึกษาสีขาวแนบกับเนื้อ ผมสีบลอนด์สว่างลู่ลงแนบตามใบหน้า และสิ่งแรกที่กิมคิดได้หลังจากยืนหอบหลบฝนก็คือพยากรณ์อากาศเมื่อเช้าที่บอกว่าวันนี้จะมีแดดแรงจัดทั้งวัน

                พ่อมึงสิ

                สบถก่นด่าในหัวแล้วก็ต้องขนลุกชันเพราะประตูบานเลื่อนอัตโนมัติที่เลื่อนออกเป็นลมแอร์จากด้านในที่มาโดนผิวให้หนาวยะเยือกเล่นๆ กิมเป็นคนขี้หนาว และไม่ชอบให้เสื้อเปียก หรือแค่ชื้นก็จะหงุดหงิดแล้ว ยิ่งต้องกลับไปเรียนต่อยิ่งไม่ชอบใจ มิวายจะเป็นหวัดตามมาเพราะหัวก็เปียก ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

                มีผู้ชายเดินหุบร่มสวนเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะหยุดกึกและหันมองกิม กิมทำแค่ปรายตามอง คิดว่าคงจะมองที่เขาเปียกเฉยๆ ก่อนสัญชาตญาณในตัวจะส่งเสียงดังแบบที่ไม่ได้เป็นมานานเมื่อผู้ชายด้านข้างเขายังคงจ้องไม่หยุด ก่อนที่กิมจะทันฉุกคิด เขาก็โดนจับแขน

                “ขอโทษนะครับ แต่กลิ่นคุณ...ค่อนข้างถูกใจผมมากเลย”

                ชิบหาย

                ฝนที่ตกเทลงมากะทันหันชะล้างเอาสเปรย์ฉีดดับกลิ่นของกิมทิ้งไป และแน่นอนว่าโอเมก้าตัวขาวอย่างเขาตั้งใจมาซื้อแค่ขนม เลยพกมาเพียงกระเป๋าเงิน ส่วนสเปรย์นั้นอยู่ในกระเป่าสะพายที่ฝากไว้กับไอ้น้ำในเซค ไม่ทันได้คิดว่าตัวเองจะเปียกจนต้องมาเจอเหตุการณ์แบบตอนปีหนึ่ง

                กิมเกลียดการโดนอัลฟ่ามายุ่มย่ามกับตัวเขา และตอนนี้น้ำค้างก็ไม่ได้อยู่เป็นไม้กันหมาให้ด้วย

                “ผมมีคนคุยอยู่แล้วครับ”

                กิมเลือกจะปฏิเสธแบบนี้แทนเพราะรู้ว่าถ้าเขาพูดอะไรแนวๆ เทือกๆ ขอตัวนะครับ เขาจะโดนไล่ตื๊อมากกว่าเดิมอย่างน่ารำคาญ

                “ก็แค่คนคุยนี่คุณ ไม่ได้จับคู่กันแล้วซะหน่อย ผมเองก็มีคนคุย ยังไม่ถูกใจเท่ากลิ่นคุณเลย”

                แต่ไม่คิดว่าจะมาเจออัลฟ่าประเภทนี้จนได้ กิมกลอกตาอย่างไม่คิดจะปิดบัง อยากจะบ้าตาย ทำไมหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ ตัดสินใจเดินหนีเข้าไปในซุปเปอร์แทนก่อนจะโดนกระชากแขนจากอัลฟ่าคนเดิมที่วอแวเขาไม่เลิก

                “เอ้าคุณ ยังคุยกันไม่จบเลย จะหนีไปไหนเนี่ย”

                หนีมึงนี่แหละไอ้เวร กิมตอบประโยคนี้ทางสายตาแทน ไม่อยากจะมานั่งเสวนากับคนประเภทนี้เลยจริงๆ เลยตั้งใจจะสะบัดมือหนี แต่ก็ลืมไปว่าร่างกายตัวเองไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ต่อกรกับสายพันธุ์ที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างอัลฟ่า

                “ปล่อยเถอะ ผมไม่อยากยุ่งกับอัลฟ่าคนอื่นแล้ว”

                กิมตัดสินใจบอกดีๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล

                “จะอะไรนักหนา อัลฟ่าที่คุณคุยน่ะ คุยกันมานานรึยัง ถ้าคุยกันมาแค่สักพักก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”

                มึงนี่แหละจะอะไรนักหนา กิมตะโกนอยู่ในใจ อยากจะพูดออกไปตรงๆ ทื่อๆ แบบที่พูดกับไอ้น้ำได้ตลอดเวลา แต่ก็รู้ว่าการวางตัวเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเขาพูดอะไรที่หาเรื่องใส่ตัว แกว่งเท้าหาเสี้ยนเมื่อไหร่ คนที่จะตัดสินเขาคือศาลเตี้ยแบบอัลฟ่า ต่อให้จะมีกฎหมาย แต่ฮอร์โมนและร่างกายด้านในที่เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่อะไรที่จะเรียกกลับมาได้ นี่เป็นเหตุผลที่กิมเลือกจะสันโดษมากกว่าสังคม ยิ่งคนเยอะยิ่งมากความอิรุงตุงนัง และตอนนี้กิมก็กำลังสอดส่ายหาความช่วยเหลือจากพนักงานซึ่ง...หลบตาเขาเหมือนจะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายไปแล้ว

                ดี ให้มันได้อย่างงี้สิ แม่งเอ๊ย แค่อยากกินขนมทำไมเรื่องมันถึงลามใหญ่โตขนาดนี้วะ

                “อ้าวคุณกิม บังเอิญจังเลย”

                เสียงกับคนหน้าตาคุ้นเคยเอ่ยทักมาจากด้านในร้าน กิมสาบานว่าไม่เคยดีใจที่ได้เจออัลฟ่าคนไหนนอกจากน้ำค้างมาก่อน หันไปเจอคุณทรายแล้วแทบอยากจะพุ่งตัวไปขอความช่วยเหลือถ้าไม่ติดว่าโดนจับแขนไว้แน่น ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ไว้ใจคนที่เพิ่งถามชื่อแค่ครั้งเดียว อาจจะเป็นบรรยากาศโทนสุภาพที่ไอ้น้ำเองยังไม่มีในตอนเจอกันครั้งแรก และพอหาเหตุผลสนับสนุนได้ว่าเป็นเพื่อนคุณฮิม ป่าสนของไอ้น้ำ ก็ยิ่งเพิ่มความไว้ใจอีกระดับนึง (มั้ง)

                “อ้าวคุณทราย อยากเจออยู่พอดีเลยครับ”

                กิมตอบแล้วก็ส่งยิ้มจืดตามมารยาท ก่อนจะมองเห็นสภาพคุณทรายที่เปียกมะล่อกมะแล่กไม่แพ้กันแล้วก็เริ่มจะเห็นเค้าลางการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะคนในร้านสะดวกซื้อตอนนี้มองทั้งเขาและคุณทรายในลักษณะที่ไม่ค่อยจะดีนัก

                “อยากเจอเหมือนกันครับ คุณกิม เอ่อ คุณทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่ห้องผมเมื่อวาน กระจายเต็มเตียงเลย ผมเอาไปส่งซักรีดให้แล้วนะ”

                ถ้าเป็นเวลาปกติที่ตัวแห้งดี กิมคงจะตะโกน ห้ะ? ออกไปแล้ว แต่ด้วยตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติ และกิมเองก็ฉลาดพอจะเดาเค้าลางได้โดยไม่ต้องมีการขยิบตาส่งซิกให้กัน

                “อ้อ เสื้อผ้า กลิ่นผมติดเตียงคุณแย่เลยสิเนี่ย” กิมยิ้มหวานปลอมเปลือก ในใจขนลุกกับคำพูดตัวเองจนอยากจะเอามือมาลูบแขน แต่ก็ต้องยิ้มค้างไว้ถ้าไม่อยากให้ความแตกตอนนี้

                “กลิ่นติดสิดี ผมคิดถึงคุณกิมจะตาย แล้วนี่ตัวเปียกมากเลย ผมซื้อร่มแล้ว ยังไงติดร่มไปด้วยกันไหมครับ?”

                คุณทรายยิ้มสุภาพกว่าปกติที่กิมสัมผัสได้ ร้ายน่าดู กิมเพิ่งสังเกตเห็นร่มในมือเจ้าตัวที่จ่ายเงินแล้วรวมถึงกระดุมเสื้อหลุดลุ่ย ก่อนที่กิมจะเริ่มได้กลิ่น กลิ่นหอมแบบที่ไม่สามารถเทียบได้กับกลิ่นไหนในธรรมชาติหรือสิ่งของ กิมไม่รู้ว่าตัวเองเปรียบเทียบไม่เก่งพอหรือว่ามันไม่มีอะไรมาเทียบได้จริงๆ กันแน่ ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ ไม่ใช่กลิ่นที่สามารถจะผลิตขึ้นมาเลียนแบบได้ หอมจนกิมเริ่มตื่นตัวขึ้นมานิดนึงหลังจากที่เฉยชาและไม่เคยสนใจในกลิ่นอะไรเลย และพอมองหน้าคุณทรายกับเสื้อผ้าหลุดลุ่ยตรงหน้า รวมถึงรอยยิ้มแห้งกับคนในร้านสะดวกซื้อที่มองเหมือนจะเข้ามารุมคุณทรายแล้วก็เริ่มเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น

                หน้าตาก็ดี แถมยังกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ก็ไม่แปลกใจที่จะโดนโอเมก้ารุม ขนาดตัวเขาที่เพิกเฉยกับทุกอย่างยังตื่นตัวนิดๆ นับประสาอะไรกับโอเมก้าทั่วไปที่อยากโดนมาร์กจะแย่

                “คุณอัลฟ่าตรงนั้น ยังไงรบกวนปล่อยแขนโอเมก้าของผม...ทีนะครับ?”

                คุณทรายรีบเดินเข้ามาเกี่ยวเอวเขาชิดแล้วก็จับแขนอัลฟ่าจอมตื๊อคนนั้นให้ปล่อยพร้อมกับรอยยิ้มสุภาพที่กดดันกว่าปกติ โชคดีที่อีกฝ่ายยอมปล่อย กิมถึงได้พรูลมหายใจโล่งอกออกมาได้หน่อยนึง ร่มก็มีแล้ว แถมยังอยู่กับคนที่ไม่น่าจะทำอะไรบ้าๆ บอๆ ใส่เขาได้แล้วด้วย

                “ขอบคุณคุณทรายมาก ผมเกือบตายแล้ว”

                “ขอบคุณคุณกิมเหมือนกัน ผมน่าจะตายแล้ว แต่ก็รอด”

                ทั้งสองคนขอบคุณกันและกันอย่างเก้ๆ กังๆ ตอนที่ออกมาใต้ร่มคันเดียวกัน สุดท้ายกิมก็ไม่ได้ขนมตามที่ตั้งใจ แต่จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมาสดๆ ร้อนๆ บอกเลยว่าหมดอารมณ์จะกินขนมแล้วเหมือนกัน

                “ว่าแต่คุณกิมคงได้กลิ่นผมแล้วใช่ไหมครับ?”

                คุณทรายถามแล้วยิ้มเกร็งๆ ใส่เขา อยู่ใกล้กันขนาดนี้กลิ่นหอมยิ่งอบอวลจนกิมเริ่มละอายใจในตัวเองที่ด้านในกำลังปั่นป่วนช้าๆ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมากวนอยู่ในท้องเขาให้หวิวใจเล่นๆ ล่าสุดที่รู้สึกแบบนี้ก็นานมากแล้วจนแทบจำไม่ได้

                “ครับ ไม่แปลกใจที่คุณอยากได้สเปรย์ดับกลิ่นดีๆ” กิมตอบแล้วก็หัวเราะกลับในคอ พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจกลิ่นที่ก่อกวนเขาอยู่ในจมูก หอมจนน่ารำคาญ เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากเข้าใกล้อัลฟ่า

                “คุณคงไม่เป็นแบบคนในร้านใช่ไหม ผมขอโทษนะที่ต้องถาม แต่เจออะไรๆ มาเยอะน่ะครับ” คุณทรายถามแล้วก็หัวเราะแบบอึดอัด เอาซะกิมเห็นใจ

                “ไม่หรอก ไม่งั้นผมจะดับกลิ่นตัวเองทำไม” กิมตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉยแบบเดิม ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

                “นั่นสินะ ก็จริงของคุณ จะว่าไปคุณกิมอยู่ปีสามเท่าฮิมรึเปล่า” คุณทรายเปลี่ยนเรื่องแก้บรรยากาศแทน

                “ใช่ คุณทรายก็เพื่อนคุณฮิมนิครับ?”

                “เปล่าๆ ผมเป็นพี่รหัสเขาน่ะ ผมปีสี่แล้ว”

                “อ้าว” กิมตอบแค่นั้นแล้วก็เงยมองอีกคนที่ถือร่ม งี้ก็แก่กว่าเขาอะดิ เรียกคุณๆ มาตั้งนาน “งี้ผมก็ต้องเรียกพี่ทรายอะดิ”

                “เรียกทรายก็ได้ผมไม่ถือ อันที่จริงผมแค่ไม่ชอบให้เรียกคุณๆ มันดูห่างเหินน่ะ” พี่ทรายที่กิมเรียกไปแล้วเรียบร้อยในใจสารภาพ

                “พี่ทรายแล้วกัน ผมไม่ชอบเรียกเฉยๆ ถ้ารู้อายุแล้ว” กิมว่าตามจริง

                “โอเคน้องกิม แล้วนี่กลับคณะใช่เปล่า เดี๋ยวเดินไปส่งก่อน” พี่ทรายเรียกเขาแบบใหม่ทำเอากิมหันเงยมองขวับ แต่พอเห็นใบหน้าที่ไม่ได้มีเค้าจะออกแนวกลั่นแกล้งหรือจงใจจีบก็หันกลับมาแบบเดิมพร้อมบอกกับตัวเองว่าขี้ระแวงเกินไป

                “ขอบคุณครับ”

                “จะว่าอะไรพี่เปล่าถ้าพูดแบบนี้ แต่กลิ่นน้องกิมก็ใช่ย่อย ดูท่าเราจะชอบอยู่คนเดียว” พี่ทรายว่าแล้วก็ยิ้มโทนเดิมแบบไม่มีเจตนาอื่นนอกจากชวนคุย

                “ใช่ ผมชอบอยู่คนเดียว” กิมย้ำ ก่อนจะถามออกไปโดยไม่ได้นึกว่าตัวเองจะถามเช่นกัน “แล้วกลิ่นผมเหมือนอะไรล่ะพี่ทราย”

                “กลิ่นน้องกิมอะนะ?” พี่ทรายทวนคำถามเขาแล้วก็เลิกคิ้วนิดๆ “อืม...ก็เหมือนดอกไม้สีม่วงๆ อันนั้นอะ ที่เขาไว้สระผมกัน เขาเรียกว่าอะไรนะ”

                “อัญชัน” กิมตอบแทน

                “เอ้อ ดอกนั้นแหละ หอมเหมือนแชมพูสระผมเลยกลิ่นน้องกิมอะ แบบหลังอาบน้ำอะไรงี้”

                กิมพยักหน้าอืออออยู่ในคอแล้วก็มองเท้าตัวเอง ในใจคิดไปถึงตอนตัวเองสระผมเสร็จแล้วรู้สึกหอมๆ กับตัวเอง จะใช่แบบที่คุณทรายได้กลิ่นเขารึเปล่านะ

                “อะถึงแล้ว ขอบคุณอีกรอบที่ช่วยเล่นตามน้ำไปกับพี่วันนี้ ขอไลน์ไว้ได้เปล่า ไว้จะพาไปเลี้ยงขนมตอบแทน” พี่ทรายมาส่งเขาถึงใต้คณะเรียบร้อยแล้วถึงเอ่ยถาม และกิมก็ให้ไปแบบไม่คิดอะไร เพราะอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ดูจะทำตัวละลาบละล้วงกับเขา

                “ขอบคุณเหมือนกันพี่ทรายที่มาส่ง” กิมยิ้มน้อยๆ ตอบ

                “เจอกันๆ” พี่ทรายยิ้มรับแล้วก็เดินออกไปกลางสายฝนอีกครั้ง ทิ้งเพียงกลิ่นชวนพิศวงไว้ให้กิมนึกถึง


                สตาร์บัคดูดเงินไปได้จากน้ำค้างมากโขเลยทีเดียว แค่บาริสต้าเป็นคุณฮิมก็เพียงพอแล้ว เครื่องดื่มอะไรขนมอะไรก็ไม่สู้เท่ามานั่งดมกลิ่นคุณฮิมในร้านเคล้ากับกลิ่นเม็ดกาแฟหรอก

                ว่าแต่ฟังดูโรคจิตเบาๆ นะว่าไหม

                น้ำค้างเองก็มีงานมีการต้องทำ เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่จากในคอนโดตัวเองมานั่งในร้านกาแฟก็เท่านั้น มือน่ะขยับวาดรูปแปลนในกระดาษแต่ตาก็ลอบขึ้นไปมองคุณบาริสต้ากลิ่นป่าสนของเขาที่ขยันทำงานอยู่เป็นระยะ แถมยังขยันแจกยิ้มให้ลูกค้าอีกต่างหาก เห็นรอยยิ้มที่ขึ้นลักยิ้มนั่นแล้วก็อยากจะลองขอจิ้มรอยบุ๋มตรงแก้มนั่นดูสักครั้ง แต่นี่คือไอ้น้ำคนขลาดที่ได้แต่ฝันถึง ถ้าคุณฮิมไม่เสนอมาให้ เขาก็คงจะกล้าขอหรอก

                วาดไปวาดมาที่ว่างข้างแปลนวิหารเขาก็ดันเป็นรูปใบหน้าด้านข้างคุณฮิมเป็นโครงขึ้นมาเฉยๆ น้ำค้างเพิ่งจะหยุดมือตัวเองก็ตอนกำลังจะแรเงาลักยิ้มข้างแก้ม

                “เชี่ย”

                เผลอสบถกับตัวเองเบาๆ ให้ได้ยินคนเดียวก็ตอนก้มหน้ามองกระดาษแล้ววิหารที่เพิ่งขึ้นมาสามเสาของเขาดันมีหน้าคุณฮิมเป็นโครงหน้าผาก จมูก คางไล่มาเป็นกรอบแล้วเรียบร้อย ไอ้น้ำเอ๊ย งานมันจะเดินหน้าไหมวะ ถ้าคุณฮิมรู้นี่มีหวังแกล้งแซวเขาตายแน่ๆ

                ทอดถอนใจกับตัวเองแล้วก็พลิกหน้ากระดาษเปลี่ยนพรึ่บอย่างรวดเร็วพลางเงยหน้าไปมองทางคุณฮิมที่มองมาทางเขาแล้วก็ยิ้มหวานให้ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าน้ำค้างน่ะมีชนักติดหลังอยู่ในตอนนี้ เอาซะอัลฟ่าจอมเด๋อแบบเขาต้องก้มลงทำเป็นวาดรูปต่อแทบไม่ทัน คุณฮิมจะรู้ไหมว่าวิหารเขาโดนลักยิ้มของอีกฝ่ายพังลงไปแล้วเมื่อกี้

                ตาเหลือบมองแก้วสตาร์บัคตัวเองที่คุณฮิมเป็นคนเขียนชื่อให้แล้วก็ต้องเม้มปากกลั้นยิ้ม

                คุณแม่บ้านญี่ปุ่น :-)

                น่ารัก คุณฮิมชอบทำตัวแบบนี้ น่ารักจนน้ำค้างอยากจะให้ตัวเองมีความกล้ามากกว่านี้ จะได้บอกไปตรงๆ เลยว่าไม่อยากให้ไปเที่ยวยิ้มหวานๆ หรือพูดจาแบบนี้ใส่ใครอีก

                มีลูกค้าเดินเข้ามาใหม่ น้ำค้างไม่ได้ใส่ใจจนกระทั่งกลิ่นที่คุ้นเคยลอยเข้าเตะจมูก กลิ่นผลไม้หน้าร้อนซีตรัส เขารีบเงยหน้าขึ้นมองตรงเคาทน์เตอร์ โอเมก้าคนเดิมที่น้ำค้างพอจะจำเค้าร่างกับกลิ่นได้ ตัวเล็ก ผิวขาวแต่ไม่ขาวจัดเท่าไอ้กิม ใบหน้าไม่ได้โดดเด่นแต่ออกเค้าไปทางฝั่งเชื้อจีน น้ำค้างพยายามจะคิดว่าเป็นความบังเอิญถ้าไม่ใช่ว่าคุณฮิมจะยิ้มหวานและทำเหมือนรู้จักกัน

                ก็แค่กลิ่น ก็แค่คนรู้จัก ก็แค่โอเมก้า

                น้ำค้างพยายามจะคิดแบบนั้น แต่กลิ่นผลไม้ที่ลอยมาปกคลุมกลิ่นป่าสนของเขาหายวับไปกับตามันค่อนข้างน่าหงุดหงิด คนอื่นในร้านกาแฟยังไม่กลิ่นแรงเท่าโอเมก้าคนนี้ และน้ำค้างก็คงจะไม่อะไรต่อถ้าหากว่าคุณฮิมไม่ได้ฝากแคชเชียร์ไว้กับเพื่อพนักงานแล้วไปนั่งคุยกับโอเมก้าคนนั้นที่โต๊ะขนาดนั้น

                น้ำค้างเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ชอบตัวเองเหมือนกันที่ความมั่นใจน้อยขนาดนี้ แต่เขาไม่เคยจีบใคร โอเมก้ายังไม่เคยคิด แล้วนี่คืออัลฟ่าอย่างคุณฮิม คนที่มีความมั่นใจ และเสน่ห์เหลือล้น น้ำค้างไม่มีความกล้าเลย

                เขามองไปที่โต๊ะอย่างพยายามที่จะไม่ออกนอกหน้ามาก คุณฮิมดูจะสกินชิพมากกว่าปกติ หรือไม่รู้น้ำค้างคิดไปเองรึเปล่าที่ป่าสนของเขาจับนู่นนี่บนตัวโอเมก้ากลิ่นผลไม้หน้าร้อนอย่างไม่คิดอะไร และเป็นธรรมชาติ แล้วอีกอย่างโอเมก้าคนนั้นก็มีคู่ที่ผูกพันธะไว้แล้วด้วย ทำไมน้ำค้างจะต้องกลัวมากขนาดนี้

                หรืออาจจะเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่ใช่โอเมก้า และน้ำค้างก็อ่านใจคุณฮิมไม่เคยออกเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

                เขาวาดวิหารไปในขณะที่คิดเรื่องอื่นไป มันออกมาตามองศาในหัว แต่ไม่สวยดั่งใจเท่าที่น้ำค้างคิดไว้ และแน่นอนว่าการทำงานโดยมีเรื่องกังวลใจนั้นน่าหงุดหงิด น้ำค้างตัดสินใจส่งข้อความหาคุณฮิมว่าขอตัวกลับก่อน แล้วก็เริ่มเก็บของ ไม่รู้ว่ากลับคอนโดจะดีกว่าหรือจะแย่ลง เพราะเขาเป็นคนคิดมาก แต่ไม่ชอบที่จะบอกคนอื่น ขนาดไอ้กิมยังรู้ว่าต้องเว้นพื้นที่ให้เขาคิดคนเดียวเงียบๆ

                น้ำค้างเดินออกมาถึงข้างนอกริมฟุตบาทแล้วถึงได้นึกได้ว่าลืมซื้อของกลับไปทำอาหาร เพราะในตู้เย็นเขาตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย คิดแล้วก็ต้องเดินกลับเข้าไปเซ็งๆ ในซุปเปอร์แล้วหยิบรถเข็น เพราะไข่ที่คอนโดหมดแล้ว เอาใส่ตะกร้าคงจะเสี่ยงไป

                อัลฟ่าตัวโตยืนหยุดที่แผนกผักอยู่นานเช่นเคย นานจนกว่าจะสังเกตได้ว่าตัวเองหมกมุ่นกับความคิดจนได้กลิ่นผลไม้หน้าร้อนมายืนอยู่ด้านหลังแล้วถึงได้หันมา

                “ไหนบอกจะกลับก่อนไงล่ะครับ”

                คุณฮิมยิ้มบางๆ ให้เขาอย่างเคยในชุดบาริสต้า น้ำค้างทำตาโตตกใจ ตอนแรกเขาก็นึกว่าโอเมก้าคนนั้นอยู่แถวนี้ไม่คิดว่าจะเป็นคุณฮิมที่โดนกลิ่นกลบตลบอบอวลมาตามหาเขาถึงตรงนี้

                “คุณฮิม เลิกกะแล้วเหรอ”

                “อ๋อ ยังครับ แต่เห็นคุณน้ำค้างออกมาก่อน”

                คุณฮิมตอบสบายๆ เหมือนเคย ท่าทางจะสนิทกับคนในร้านมากน่าดู ถึงได้ออกแว้บไปแว้บมาได้ตามใจแบบนี้ น้ำค้างเริ่มรู้สึกว่าตัวเองก่อความเดือดร้อนให้อีกคนต้องออกมาตามหาเขา

                “คุณฮิม ออกมาหาผมทำไมเนี่ย กลับไปเข้ากะเถอะ เดี๋ยวโดนดุ” น้ำค้างรีบบอก มือวางหัวหอมลงกับแผง

                “คุณแม่บ้านญี่ปุ่นมีอะไรชอบไม่บอกผม ผมเลยต้องออกมาตามหาเอง” คุณฮิมตอบยิ้มๆ และน้ำค้างรู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหกเบาๆ

                “คุณฮิมต่างหาก” น้ำค้างพูดพร้อมกับปล่อยลมหายใจยาว “ผมอ่านอะไรคุณไม่ออกเลย”

                “คุณน้ำค้างไม่เชื่อใจผมเหรอ”

                คุณฮิมบอกแล้วก็ยิ้มหวานให้เขา เอาซะน้ำค้างรู้สึกผิดอีกระลอก แต่ในใจก็อึดอัดที่คุณฮิมไม่ยอมบอกอะไรเขา และก็ขลาดเกินกว่าที่จะถามออกเสียง

                “ผม...นิสัยไม่ดีเองแหละครับ”

                น้ำค้างพูดแล้วก็ลูบมือเขาด้วยกันอย่างอึดอัดใจ คุณฮิมถึงได้หยิบข้อมือเขาออกมาพลิก รอยฟันยังคงอยู่ให้เห็นเป็นรอยช้ำ แต่น้ำค้างเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ รู้สึกว่าคุณฮิมยังมีอะไรที่เขาต้องพังกำแพงอีกเยอะ หรือว่าป่าสนของเขายังมีมนตร์สะกดให้เห็นเพียงเท่านี้ ถ้าหากจะสลายมนตร์ ก็ต้องรอเวลามากกว่านี้

                “คุณน้ำค้างใจร้อนจัง ขัดกับนิสัยมากเลย” คุณฮิมว่าแล้วก็ลูบรอยตรงข้อมือเขาเหมือนจะย้ำเตือน

                “โอเมก้าคนนั้น คุณฮิมสนิทเหรอครับ” น้ำค้างถามออกไปโพล่งเดียว คุณฮิมดูไม่ได้ตกใจที่น้ำค้างถามคำถามนี้

                “สนิทมั้งครับ ความสัมพันธ์แปลกๆ อยู่” คุณฮิมว่าด้วยใบหน้าที่ฉาบไปด้วยอารมณ์ที่อ่านไม่ออก “ผมเองก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเขา ก็เลยเข้าหาแบบนั้น”

                “งั้นผมก็คงคิดมากไปเองคนเดียว” น้ำค้างว่าแล้วก็ค่อยๆ เอาข้อมือออกมา แต่คุณฮิมจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

                “คุณแม่บ้าน อย่าอารมณ์เสียสิครับ” คุณฮิมพูดแล้วก็ยิ้ม แต่น้ำค้างไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร ตอนนี้เขาคงดูเงอะงะมาก

                “ไม่ ผมไม่ได้...คุณฮิม” น้ำค้างพยายามค้นหาสาเหตุในหัว “ผมก็แค่ไม่ชอบเวลากลิ่นอื่นอยู่บนตัวคุณฮิม”

                สุดท้ายก็ยังไม่กล้าบอกออกไปเรื่องที่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ใช่โอเมก้าตามธรรมชาติ น้ำค้างรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ที่จะบอกทุกอย่างหมดหน้าตักในเมื่อคุณฮิมยังไม่บอกเขาหมดทุกอย่างเช่นกัน แต่คนอย่างน้ำค้างอ่านง่าย ไม่รู้ว่าป่าสนของเขาจะรู้แต่ไม่พูดรึเปล่า

                “อ๋า แบบนี้นี่เอง” คุณฮิมพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะสบตาเขา น้ำค้างเหมือนจะมีเครื่องหมายคำถามอยู่บนหน้า

                “ห้องน้ำไหมครับคุณน้ำค้าง”

                ไม่คิดว่าคุณฮิมจะมาไม้นี้ ไอ้การปรับความเข้าใจในห้องน้ำนี่คุ้นๆ อยู่ แต่คราวนี้น้ำค้างโดนผลักนั่งลงบนโถส้วมที่ปิดฝาแล้ว และคุณฮิมนั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหากันแทน สถานการณ์ค่อนข้างล่อแหลม (น้ำค้างคิดเอาเอง) คุณฮิมดูจะไม่อะไรกับการที่เขาทำตาโต แล้วก็ยิ่งโตเข้าไปใหญ่เมื่อนิ้วที่เต็มไปด้วยกระดูกของคุณฮิมเริ่มแกะกระดุมตัวเองลงมา

                “เดี๋ยวคุณฮิม...เดี๋ยว” น้ำค้างพูดแล้วกำลังจะจับข้อมือให้หยุดแต่คุณฮิมเงยหน้าขึ้นมาชิงพูดตัดก่อน

                “คุณน้ำค้างไม่ชอบนี่”

                “ครับ?”

                “ไม่ชอบกลิ่นโอเมก้าคนนั้นนี่” คุณฮิมว่าแล้วก็แกะกระดุมต่อจนเผยให้เห็นแผ่นอกกับหน้าท้องขึ้นกล้ามรำไร คุณฮิมหุ่นผอมแบบที่เขาคิดไว้ แต่ไม่ถึงกับแห้ง เพราะยังคงมีกล้ามเนื้อแบบที่คนสุขภาพดีพึงมี “จะให้คุณน้ำค้างล้างกลิ่นให้ไง”

                “ครับ?” น้ำค้างตอบเหมือนคนฟังศัพท์ไม่แตก

                “อยากทำอะไรล่ะครับ” คุณฮิมถามกลับแล้วก็เลิกคิ้วเหมือนท้าทาย มือโอบคอน้ำค้างไว้หลวมๆ ก่อนที่จะข่วนท้ายทอยเขาเบาๆ ซ้ำแผลเดิมคล้ายจะปลุกสัญชาตญาณดิบเขาให้ตื่นขึ้นมาเล็กน้อย

                น้ำค้างรั้งเอวผอมของคุณฮิมให้เข้ามาจนชิดตัวเขา แขนออกแรงกอดรัดแน่น ใบหน้าจูบลงตรงแอ่งชีพจรที่เดิมที่น้ำค้างอยากจะกัดมาตลอดแต่ก็รู้ว่าคุณฮิมคงจะไม่ให้ในตอนนี้ ดังนั้นถึงได้ลากลิ้นเลียแล้วออกแรงดูดผิวจนขึ้นรอยจ้ำแดงๆ กลิ่นผลไม้เริ่มจางลงหรือเพราะน้ำค้างมัวเมาอยู่ประชิดผิวกายของคุณฮิมฤาก็ไม่แน่ใจ มือของน้ำค้างเลื่อนขึ้นไปรั้งผมตรงท้ายทอยคุณฮิมให้เงยขึ้นเพื่อที่เขาจะได้จูบอดัมแอปเปิ้ลตรงกลางต้นคอของอีกฝ่ายได้อย่างถนัดถนี่ ได้ยินเสียงคุณฮิมกลั้นหายใจและผ่อนลมออกมา น้ำค้างยิ่งได้ใจ ริมฝีปากระดมจูบมาตรงกลางแผ่นอก ก่อนจะจูบเน้นตรงตำแหน่งหัวใจด้านซ้ายและเงยหน้ามองคุณฮิม คำถามถูกถามผ่านสายตา คล้ายอยากจะขอจับจองพื้นที่ของก้อนเนื้อใต้แผ่นอกนี้

                “พยายามหน่อยสิคุณน้ำค้าง” คุณฮิมพูดเจือหัวเราะเป็นเสียงกระซิบ “อยากจะจองตัวผมก็พยายามมากกว่านี้หน่อยสิ”

                น้ำค้างกัดแผ่นหน้าท้องนั่นเหมือนจะน้อยใจว่าทำไมคุณฮิมให้การบ้านยาก กลิ่นไอหมอกเริ่มฟุ้งขึ้นมาปลอบประโลมใจในทุกๆ ครั้งที่เขาประทับริมฝีปากลงบนผิวเนื้อของป่าสน คุณฮิมจับเรือนผมของเขาแน่นก่อนจะเลื่อนมาจับแก้มเขาทั้งสองข้างและดึงขึ้นมาให้รับจูบ เสียงของกลีบปากบดกันเริ่มดังจนคุณฮิมต้องผละออกแล้วเอามือปิดปากเขาไว้ให้หยุด

                “กัดเจ็บนะคุณน้ำค้าง” คุณฮิมพูดเบาๆ แล้วก็เอามือที่ปิดปากเลื่อนมาตบแก้มเขาเบาๆ แทน “ยังจะกลับห้องอยู่รึเปล่า ไม่อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนเหรอ”

                “คุณฮิมเนี่ย...” น้ำค้างหลับตาเหมือนจะรู้คำตอบตัวเองดีอยู่แล้ว รู้เลยว่าป่าสนของเขาจะต้องยิ้มอยู่ “ผมเคยปฏิเสธอะไรคุณบ้างล่ะ”

                “เป็นแม่บ้านที่ดีไงคุณน้ำค้าง” คุณฮิมหอมกระหม่อมเขาอย่างเอ็นดู ในขณะที่น้ำค้างเริ่มติดกระดุมเสื้อให้อีกคนแทน เห็นรอยจ้ำแดงๆ ที่น่าจะขึ้นสีอื่นในไม่ช้าตรงหน้าท้องคุณฮิมแล้วก็รีบๆ กลัดกระดุมขึ้นจนแทบจะเม็ดที่ติดคอหอย

                “พอๆ พอแล้วคุณแม่บ้าน เม็ดนี้ใครเขาติดกัน”

                “ขอโทษครับ” น้ำค้างเอามือออกอย่างเงอะงะ จนคุณฮิมต้องหัวเราะออกมากับความเด๋อของเขาอีกครั้ง

                “ไปเร็ว เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟ” คุณฮิมว่า

                แล้วน้ำค้างก็ได้กาแฟอีกแก้วที่เขียนว่า คุณแม่บ้านญี่ปุ่นกัดเจ็บ :-(











tbc.







คุณโอเมก้ากลิ่นผลไม้จะคัมแบคอีกในตอนอื่น (พูดเหมือนตอนจบหนังมาร์เวล555555)

ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นและแท็กเลยนะคะ ขอบคุณจริงๆ เราดีใจมากๆ

ฝากเพลงไว้อีกเพลงค่ะ nervous - shawn mendes



feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you as always

 

 

ออฟไลน์ Byeolismes

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุงแม่บ้านญี่ปุ่นน่าร้ากๆๆๆๆเหมือนเดิม ตอนนี้รู้สึกตกหลุมพรางเลยค่ะ ภายใต้ความน่าร้ากมันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆเลย ฮือ :hao5:  :ling1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คุณฮิมร้ายยยยยยยย ทำคุณแม่บ้านญี่ปุ่นหลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว แอบลุ้นคู่ทรายกิมด้วย จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆจ้า

ออฟไลน์ hopeniverse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
chapter six



                ปกติแล้วฮิมไม่ชอบให้มีคนมาแสดงความเป็นเจ้าของเท่าไหร่หากยังรู้จักกันไม่มากพอ แต่สำหรับคุณน้ำค้างแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้ไม่นึกเคืองโกรธและยอมให้อีกคนทิ้งรอยไว้

                คุณน้ำค้าง อัลฟ่าตัวโต ผิวออกโทนเข้ม และตัวสูงกว่าเขา แต่กลับซื่อจนน่าแกล้ง ดูเป็นคนคิดอย่างไรก็แสดงออกทางสีหน้าอย่างนั้น แถมยังชอบกลิ่นเขาเสียจนเรียกได้ว่าไม่เคยมีใครหลงกลิ่นกายเขาขนาดนี้มาก่อน ฮิมสารภาพว่าในตอนเจอกันครั้งแรกเขาเกือบจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นโอเมก้าจริงๆ ด้วยท่าทางเด๋อด๋าเงอะงะแบบนั้น น่าเอ็นดูไม่หยอก จนอดใจแกล้งเองไม่ไหว แล้วก็นั่นแหละ สุดท้ายพอความแตก เขาก็ยังตกใจตัวเองที่ไม่โกรธ

                ถ้าหากเป็นฮิมคนปกติที่ตัวเองรู้จัก เขาจะไม่เอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวหรือมีความสัมพันธ์กับอัลฟ่าด้วยกัน แต่กับคุณน้ำค้าง ฮิมกลับรู้สึกว่าไม่เป็นไรถ้าจะลองดู

                “ฮิม นั่นใช่เพื่อนมึงปะ”

                ไอ้จิง เพื่อนในคณะซึ่งเป็นเบต้าเอ่ยทักระหว่างที่ฮิมกำลังเก็บของเพื่อจะออกไปกินข้าวเที่ยง ฮิมเงยจากกระเป๋าขึ้นมาตรงประตูซึ่งเว้นกระจกไว้ มองเห็นไหล่คุณน้ำค้างอยู่ลิบๆ ก็ยิ้มกับตัวเอง

                “อือ” ตอบรับเพื่อนสั้นๆ ในลำคอก่อนจะโดนไอ้จิงถองศอกใส่สีข้าง

                “ใช่อัลฟ่าที่ทำรอยมึงปะ?”

                “อือฮึ” ตอบไปตามเนื้อผ้า เพราะโดนเพื่อนเค้นเรื่องรอยที่คอมือจนต้องยอมบอกไป ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากจะบอก เพราะความจริงก็รู้ว่าไอ้จิงมันขี้กังวลแค่ไหน

                “คนคุยเหรอวะ” จิงถามเสียงซีเรียส และฮิมก็หยุดเก็บของ

                “น่าจะ” ตอบแบบทีเล่นทีจริง แต่ความจริงในใจก็นับเป็นคนคุยไปแล้วนั่นแหละ แค่ไม่อยากให้เพื่อนซักไซ้

                “ฮิม มึงไม่เข็ดเหรอวะ”

                “มึงเคยเห็นกูเข็ดอะไรบ้างล่ะ”

                ฮิมตอบยิ้มๆ เขาเป็นคนแบบที่ไอ้จิงเกลียด อยากทำอะไรก็ทำเลย ไม่ปรึกษาใคร อยากได้อะไรก็ต้องได้ เก็บอารมณ์ไว้กับตัวเอง ถ้าก้าวข้ามกำแพงเขามาได้ก็ต้องรองรับกับความรู้สึกเขาให้ได้ว่าเป็นคนรักแรงเกลียดแรง แต่ฮิมนิสัยเสียอย่างนึงคือเป็นคนแค้นฝังหุ่น ถ้าได้เกลียดและจำแล้ว ก็ต้องให้อีกฝ่ายได้จำแบบที่เขาจำบ้าง ท่าทางเลือดอัลฟ่าในตัวเขาจะเยอะไปหน่อย

                 “กูรู้นะมึงยังไปยุ่งกับเขาอยู่” ไอ้จิงพูดดักคอ “ระวังซ้ำรอยเดิม”

                “มึงไม่ได้กลิ่นแต่ทำไมรู้ดีจัง” ฮิมขำแล้วก็ตบไหล่เพื่อนเหมือนไม่จริงจัง “คุณน้ำค้างเขาไม่ยุ่งอะไรกับเรื่องส่วนตัวกูหรอก”

                “กูว่าเขาควรจะได้รู้ไหม”

                “รู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกมึง”

                ไอ้จิงเงียบ เพราะรู้ว่าฮิมคิดอะไรอยู่ในหัวไว้แล้ว และจะไม่ฟังคนอื่น

                “ไว้ถึงเวลา กูค่อยบอกตอนกูเคลียร์เรื่องจบละกัน”

                ฮิมสะพายกระเป๋า ก่อนจะเดินออกไปหาคุณน้ำค้างหน้าประตู






                พอออกมาแล้วไม่เจอคุณแม่บ้านญี่ปุ่น ฮิมก็ขมวดคิ้ว เขาว่าเขาเห็นนะ ไอ้จิงก็เห็นนี่ ไม่ใช่หรือไง? ตอนแรกก็ว่าจะหาต่ออยู่หรอก แต่ดันเจอพี่รหัสตัวเองยืนตัวสูงอยู่ตรงใต้คณะซะก่อน

                “อ้าว พี่ทราย” เอ่ยทักแล้วก็เดินไปหา แล้วก็ต้องหยุดก่อนเพราะเหมือนพี่ทรายกำลังทักโอเมก้าคนอื่นอยู่ ฮิมเหมือนจะเคยเจอที่ไหนแต่ก็นึกไม่ออก ตัวขาวๆ ผมบลอนด์แบบนี้ คุ้นจังวะ

                “พี่ทราย” ตัดสินใจเดินเข้าไปทักแล้วก็ตีไหล่ไอ้พี่รหัสตัวเอง ก่อนจะโดนโอเมก้าตัวขาวที่คุยกับพี่ทรายหันมาหา แถมโดนย่นจมูกใส่อีกต่างหาก อ่า ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ นะ ทำเป็นเดินออกห่างเขายังดีกว่าย่นจมูกใส่ซึ่งๆ หน้าแบบนี้อีก

                “อ้าวฮิม เพิ่งเรียนเสร็จเหรอ? จะไปไหนต่ออะ” พี่ทรายหันมายิ้มโทนสุภาพเช่นเคย และฮิมก็คิดว่าเขาควรจะได้กินข้าวฟรีจากไอ้พี่รหัสนี่บ้าง

                “กินข้าว พี่ไม่เลี้ยงเหรอ คราวที่แล้วผมเลี้ยงอะ แล้วพี่ก็หายหัวไปเลย”

                “เออพอดีเลย น้องกิม ไปกินข้าวด้วยกันไหม จะได้เลี้ยงคืนที่ช่วยวันนั้น”

                น้องกิมที่พี่ทรายเรียกหันมามองพี่ทรายก่อน แล้วค่อยหันมามองเขา พลางขมวดคิ้วย่นจมูก เอามือขึ้นมาบีบจมูกเหมือนจะกลั้นจาม ฮิมถึงกับยิ้มค้าง นี่เขาเหม็นขนาดนั้นเลยหรือไงนะ

                “คนที่อยากจะไปด้วยน่าจะเป็นเพื่อนผมมากกว่า” โอเมก้าผมบลอนด์พูดเสียงอู้อี้เพราะบีบจมูกไว้

                “เพื่อนตัวสูงๆ เมื่อกี้อะนะ” พี่ทรายถาม และฮิมเหมือนจะคุ้นๆ ขึ้นมาอีก

                “ใช่ ไม่รู้มันหายหัวไปไหนแล้ว” กิมตอบแล้วก็หันมาพูดกับฮิม “คุณฮิม คุณไปเดินล่อเพื่อนผมออกมาที มันไปหาคุณอยู่ในตึกน่ะ”

                ฮิมกำลังจะตกใจก่อนจะประมวลผลใหม่

                อ๋า ที่แท้ก็เพื่อนคุณน้ำค้างนี่เอง ก็ว่าคุ้นๆ

                “ผมเห็นคุณน้ำค้างอยู่หน้าห้องเมื่อกี้ แล้วก็หายไปไหนแล้วไม่รู้เหมือนกัน” ฮิมตอบแล้วก็ยิ้มแห้งๆ

                “คุณไปเดินๆ เดี๋ยวมันก็ออกมาเองอะ” กิมพูดแบบที่ยังบีบจมูกไม่เลิก พอรู้ว่าเป็นเพื่อนคุณน้ำค้างก็เริ่มจะสงสาร คงได้กลิ่นเขาบ่อยน่าดู ถึงได้รู้

                “ก็จริงครับ งั้นเดี๋ยวมา” ฮิมว่าแล้วก็แยกตัวไปอีกทาง ทิ้งให้กิมได้หายใจหายคอโล่งขึ้น






                “ไม่ชอบกลิ่นอัลฟ่าทุกคนเลยเหรอเราน่ะ”

                พี่ทรายเอ่ยทักขึ้นมาระหว่างที่กิมกำลังง่วนกดเกมในโทรศัพท์นั่งรอไอ้คู่อัลฟ่าเด๋อด๋าวิ่งไล่จับหากันในตึกคณะ

                “เปล่า ทำไมจู่ๆ พี่ถามแบบนั้น” กิมตอบแล้วก็จิ๊ปากหงุดหงิดคนเดียวเมื่อเกมที่เล่นแพ้ และต้องกดเริ่มใหม่

                “ก็เห็นดูไม่ชอบกลิ่นฮิม”

                “ไม่ชอบกลิ่นคุณฮิม เหม็นเขียว”

                คำตอบของกิมทำเอาพี่ทรายที่นั่งข้างๆ หัวเราะออกมา

                “ปากร้ายจังน้องกิม ไอ้ฮิมมันเสียเซล์ฟแย่”

                “ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่เห็นต้องโกหก”

                “แล้วกลิ่นพี่อะ”

                กิมถึงกับกดหยุดเกม หันไปมองพี่ทรายอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ระแวงนัก ในคราแรกก็คิดว่าระแวงพี่ทรายว่าจะละล้าบละล้วงใส่เขา แต่ตอนนี้กิมกลับระแวงตัวเองมากกว่าว่าจะแสดงออกอะไรที่ไม่เป็นตัวเองออกไป

                “ไม่ได้ไม่ชอบ”

                ตอบคำถามแบบอ้อมโลกไม่สมกับเป็นกิมเอาซะเลย แต่พี่ทรายคงไม่รู้ ถึงได้พยักหน้าให้เฉยๆ

                “อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” พี่ทรายชวนคุยไปเรื่อย กิมเองก็ตอบบ้าง ไม่ตอบบ้างเพราะนั่งกดเกม ถ้าเป็นคนอื่นคงจะรำคาญเขา แต่พี่ทรายดูจะไม่ได้ใส่ใจ ถ้าเขาไม่ตอบก็แค่ถามซ้ำ ไม่ก็เปลี่ยนคำถามไปอีก

                “อยากกินอาหารญี่ปุ่น แบบพวกชุบแป้งทอด ไอ้น้ำไม่ยอมทำให้กินซะที” กิมพูดแล้วก็บ่นไอ้เพื่อนอัลฟ่าที่ทำอาหารเป็นแต่ไม่ยอมทำพวกชุบแป้งทอดให้เขากินซะที อ้างบอกว่ามันแป้งเยอะ กินยาก ทำยาก คืออยากจะถามมันมากว่ายากตรงไหน ดูในรายการทีวีก็แค่เอาเนื้อโปะแป้งโปะเกล็ดขนมปังแล้วก็โยนลงน้ำมันเนี่ย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดเพื่อนตัวเอง

                “เพื่อนน้องกิมทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”

                “เป็น ซักผ้าพับผ้าตากผ้าก็เป็น อย่างกับแม่บ้าน ไปห้องมันทีไรคือสะอาดมาก” กิมพูดโดยไม่ได้คิดอะไร แต่คำถามต่อไปของพี่ทรายทำเอากิมถึงกับกดล็อกหน้าจอเกมและสำลักน้ำลายตัวเอง

                “เป็นแฟนกันปะเนี่ย”

                กิมไอและวางโทรศัพท์ไว้บนตักตัวเองทันที ไม่คิดว่าคำถามนี้จะออกมาจากปากพี่ทราย รู้สึกร้อนตัวขึ้นมาเหมือนใครเอาไฟมาจี้คอ พี่ทรายดูจะงงๆ ที่จู่ๆ เขาก็ไอกะทันหันแต่ก็เอามือมาลูบๆ หลังให้แถมยังหาน้ำขวดมาจ่อถึงปากอีกต่างหาก

                “ไม่ ไม่ใช่ กับไอ้น้ำไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนกัน ทำไมพี่คิดงั้น”

                กิมรีบตอบหลังจากกระดกน้ำเข้าไปเกือบครึ่งขวด แก้ตัวเป็นพัลวันทั้งที่ปกติถ้าอัลฟ่าหน้าไหนจะเข้าใจผิดว่าเขากับไอ้น้ำเป้นแฟนกันก็ช่างหัวมัน แต่กับพี่ทราย กิมรู้สึกว่าต้องแก้ให้มันถูกต้อง

                “เอ๋า พี่ก็เดาเฉยๆ เห็นน้องกิมบอกอัลฟ่าคนนั้นในร้านสะดวกซื้อว่ามีคนคุยแล้ว”

                “อ๋อ...” กิมพยายามจะนึกแล้วก็นึกออกว่าตัวเองบอกปัดอัลฟ่าจอมน่ารำคาญคนนั้นไปยังไง “พูดปัดไปงั้นอะพี่ทราย ถ้าบอกว่ายังไม่มี เขาก็วอแวไม่เลิกอะดิ”

                “อ๋อ แบบนี้นี่เอง” พี่ทรายทำหน้าเก๊ต “แล้วนี่ถ้าไม่เจอพี่ตอนนั้นจะทำไงเนี่ย”

                “ไม่รู้อะพี่ ตอนนั้นก็หงุดหงิดอยู่” กิมลองมานึกๆ ดูตามที่พี่ทรายบอกก็จริง ถ้าพี่ทรายไม่มาช่วยตอนนั้นเขาก็คงจะแย่อยู่ “แต่พี่อยู่ตรงนั้นนิ ช่างมันเถอะ”

                “แล้วน้องกิมไม่คิดจะจับคู่เลยเหรอ” พี่ทรายถาม กิมหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนแก่กว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมากดเกมต่อ รู้ว่ามันเป็นคำถามเรื่อยเปื่อยที่ไม่คิดอะไร แต่ก็ยังอดตอบไปแบบนี้ไม่ได้ คล้ายจะพูดย้ำออกเสียงให้ตัวเองฟังด้วยในอีกนัยหนึ่ง

                “เมื่อก่อนก็ไม่ ตอนนี้อาจจะลองคิดๆ ดู”






                น้ำค้างเดินร่อนไปร่อนมาอยู่ในตึกหลายรอบแล้ว เพราะตอนแรกอยากจะเซอร์ไพร์สคุณฮิมหน้าห้องเรียน แต่พอคุณฮิมหันมาเห็นตามที่เพื่อนเจ้าตัวชี้ก็เลยรีบหลบออกมาก่อน แล้วพอกลับมาอีกทีป่าสนของเขาก็หายไปแล้ว

                น้ำค้างทำจมูกฟุดฟิดด้วยความเคยชิน แต่ก็ไมได้กลิ่นที่เขาโปรดปรานเลย สุดท้ายรู้อีกทีก็เดินร่อนตามหาทั่วตึก จนมาโผล่หัวอยู่ที่ห้องน้ำในตึกนี่แหละ แต่ก็ไม่เจอ

                “คุณน้ำค้าง”

                มีมือมาจับไหล่เขาจากด้านหลัง กับกลิ่นป่าสนที่แวบมาแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอาน้ำค้างสะดุ้งโหยง แล้วหันไปผลักคุณฮิมที่มาแตะไหล่เขาจากด้านหลังติดกำแพงหน้าห้องน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว

                “อะไรกันคุณน้ำค้าง เราจะต้องคุยกันในห้องน้ำอีกแล้วเหรอ” คุณฮิมทำหน้างงๆ แล้วก็ยกยิ้ม “ผมยังไม่ได้ไปยุ่งกับใครเลยนา”

                “เปล่า คุณฮิม ผม...ตกใจเฉยๆ” น้ำค้างรีบปล่อยมือจากไหล่อีกฝ่ายแล้วก็พรูลมหายใจออกมา “ว่าจะชวนคุณไปกินข้าวสักหน่อย แต่หันมาอีกทีคุณหายไปแล้ว”

                “คุณนั่นแหละหายไป คุณแม่บ้าน ผมเก็บของแป๊บเดียวเอง” คุณฮิมหัวเราะแล้วก็เอามือมาแปะแก้มเขาเบาๆ เหมือนคราวที่แล้ว

                “ก็อยากจะเซอร์ไพร์สคุณฮิม แต่หันมาดูอีกทีคุณหายไปแล้ว”

                “ตลกอะ ทำไมต้องมานั่งหากันแบบนี้ด้วย”

                คุณฮิมหัวเราะแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนโทรมา น้ำค้างลอบมองว่าเป็นชื่อที่เมมว่า พี่ทราย พี่รหัส

                “ฮัลโหลพี่ทราย อ้าว ไปแล้วเหรอ...อะไรอะ ไม่รอเลย ไปเพราะคุณกิมอะดิ เหม็นผมน่าดู...เออโอเค อย่าลืมนะพี่ คราวหน้า ต้องเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งบ้าง...โอเคๆ แค่นี้แหละ”

                 น้ำค้างฟังบทสนทนาแล้วก็งงๆ ทำไมชื่อเพื่อนเขาถึงไปอยู่ในนั้นด้วยวะ?

                “คุณกิมนี่เพื่อนคุณน้ำค้างใช่เปล่า” เหมือนคุณฮิมจะอ่านสีหน้างงงวยของเขาออก

                “อ่าใช่ แล้วทำไม ถึงไปกับ เอ่อ ใครนะ พี่ทราย?”

                “อ๋อ พี่รหัสผมอะนะ เห็นว่ารู้จักกันอะ พี่ทรายบอกว่าคุณกิมเขาหิวแล้ว เลยพาไปกินข้าวก่อน อีกอย่างคุณกิมไม่ชอบกลิ่นผมอะ เขาย่นจมูกใส่”

                คุณฮิมอธิบายเป็นฉากๆ แล้วก็เลียนแบบท่าทางกิม ไอ้เพื่อนจอมเถรตรง ที่เอามือบีบจมูก ขมวดคิ้ว แล้วก็ย่นจมูกใส่ป่าสนของเขาอีก ถ้าอยู่ตรงหน้าจะเอาขาถีบมันสักที ทำตัวขวานผ่าซากไม่เลิก

                “ว่าแต่พี่ทรายเขา...?” น้ำค้างถามค้างไว้ให้รู้กันเอง และคุณฮิมก็เข้าใจที่เขาจะสื่อ

                “อัลฟ่าครับ เนื้อหอมมาก คนอยากได้ทั้งมอ พี่แกเลยฉีดสเปรย์ดับกลิ่นตลอดเวลา ก็ไม่วายโดนรุมเพราะหน้าตาดีอยู่ดี” คุณฮิมพูดไปก็ขำไป แต่น้ำค้างค่อนข้างตกใจมาก ไอ้กิมไปกับอัลฟ่า? แถมยังเป็นอัลฟ่าที่น้ำค้างไม่คุ้นชื่อ? แล้วก็ยอมไปด้วยกันสองคน?

                ท่าทางจะต้องเก็บไปเค้นคอเพื่อนรักทีหลัง

                 “ว่าแต่เห็นบอกจะพาผมไปกินข้าวนี่คุณแม่บ้าน” คุณฮิมกอดอกพิงกำแพงแล้วก็เงยมองเขา

                “พอดีว่า...” น้ำค้างเอามือจับท้ายทอยแก้เก้อแต่ก็สะดุ้งเองเพราะคุณฮิมทิ้งแผลไว้ให้ ถึงกับต้องหยุดพูดแล้วขมวดคิ้วมองตัวคนข่วนที่ยืนยิ้มหวานอยู่หน้าเขา

                “เจ็บเหรอ ผมโดนกัดจนช้ำยังไม่บ่นเลย” คุณฮิมทำท่าจะปลดกระดุมให้ดูรอยที่เขาทิ้งไว้จริงๆ น้ำค้างเลยต้องจับข้อมือไว้ให้หยุดก่อน จะบ้าตาย ไอ้น้ำเอ๊ย ไปกัดเขาไว้ซะขนาดนั้น

                “คือ..พอดีผมอยากลองทำเมนูใหม่ เพราะเพิ่งเจอสูตรจากเน็ตมา” น้ำค้างพูดช้าๆ “เลยอยากชวนคุณฮิมไปเป็นคนลองชิมที่ห้อง...ครับ”

                “อ้อ แบบนี้นี่เอง” คุณฮิมพยักหน้า “ก็เอาสิคุณน้ำค้าง”






                กิมล่ะอยากจะรัวรูปภาพใส่ไลน์ไอ้น้ำสักสิบรูป โทษฐานไม่ยอมทำชุบแป้งทอดให้เขากินจนเขาต้องมาเสียเงินกินเองที่ร้านอาหารญี่ปุ่น คิดได้แล้วก็ยกมือถือขึ้นมารัวรูปแล้วก็กดแชร์ส่งเข้าไลน์เพื่อนรักทันที พร้อมกับกดรัวสติ๊กเกอร์อีกชุดใหญ่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย

                ไอ้น้ำมันขี้ตกใจ ถ้าเปิดเน็ตทีน่าจะช็อกไปเลยเพราะแจ้งเตือนเด้งรัวๆ แค่นี้กิมก็สาแก่ใจแล้ว ถึงได้หยิบตะเกียบมาแกะเพื่อจะลงมือกินหมูชุบแป้งทอดที่อยากกินมานาน

                “น้องกิมนี่ แสบน่าดู”

                กิมเงยมองพี่ทรายที่นั่งตรงข้ามหลังจากตักหมูคำแรกเข้าปากแล้วก็ยักไหล่ด้วยใบหน้าเดิม อีกฝั่งคงจะเห็นว่าเขาทำอะไรถึงได้พูดยิ้มๆ แบบนั้น

                “ไอ้น้ำสมควรจะต้องโดนแบบนี้”

                “เป็นพี่ พี่ไม่กล้าขัดใจเลยเนี่ย”

                “พี่ทรายก็พูดไปงั้นแหละ”

                กิมตอบ แล้วก็เริ่มหั่นหมู แต่ยังไม่ทันหั่นเสร็จก็มีหมูชุบแป้งทอดอีกชิ้นหย่อนลงมาใส่จานเขาเสียก่อน กิมเงยหน้ามองคนคีบให้ซึ่งมีอยู่คนเดียวที่นั่งตรงข้ามเขา แล้วก็เลิกคิ้ว

                “เห็นดูอยากกินมาก เลยแบ่งให้” พี่ทรายว่ามางั้น

                “ผมดูเห็นแก่กินไปเลย”

                “นี่เต็มใจให้นะเนี่ย พี่ชอบกินตรงกลางสุด ยกชิ้นโปรดให้เลยนะ” อัลฟ่าไร้กลิ่นตรงหน้าเขายกตะเกียบขึ้นมาคีบตรงกลางตามมาให้อีกชิ้น กิมคร้านจะเถียง ถึงได้คีบชิ้นที่พี่ทรายคีบให้เข้าปาก หมูมันหวานๆ ผิดปกติ ชิ้นที่เขาทอดให้พี่ทรายนี่เอาไปเชื่อมมาหรือไงนะ

                “แล้วนี่ได้สั่งสเปรย์ดับกลิ่นรึยัง” กิมถามเพราะเพิ่งนึกได้ว่าเขาแนะนำร้านไป

                “อ๋อๆ สั่งแล้ว ก็ดีกว่าอันเก่าเยอะ” พี่ทรายตอบพลางหั่นเกี๊ยวซ่าที่อยู่ในจานเสริมแล้วคีบมาให้เขาอีก เอาซะกิมต้องมองตามมือที่ถือตะเกียบอีกคนด้วยใบหน้านิ่งๆ

                “โทษที ติดนิสัยหั่นให้คนอื่น ปกติหั่นให้น้องสาวตัวเอง” พี่ทรายรีบพูดด้วยกลัวจะเข้าใจผิด “แล้วนี่ทำหน้านิ่งแบบนี้คือไม่ชอบรึเปล่าเนี่ย”

                “เปล่า หน้าผมเป็นงี้แหละ” กิมตอบสั้นๆ ด้วยชินแล้วที่คนจะคิดว่ากำลังไม่พอใจอะไรอยู่ หน้าเขาค่อนข้างออกไปทางเหวี่ยงกับหยิ่ง คนพูดกันอยู่สองคำนี้

                “โอเค นึกว่าโกรธอะไร”

                “จะโกรธทำไม พี่พามากินหมูชุบแป้งทอด” กิมคีบเกี๊ยวซ่าเข้าปาก ทำไมเกี๊ยวซ่าก็หวานวะ งง งงมาก พี่ทรายมันแอบหยอดน้ำเชื่อมใส่เปล่าเนี่ย หวานทุกอันที่คีบให้

                “ชอบหมูชุบแป้งทอดขนาดนั้นเลย?”

                “อ่าฮะ”

                “แล้วมีอะไรชอบมากกว่านี้ปะ?” พี่ทรายถามขำๆ แต่กิมหั่นหมูตอบหน้าตายว่า

                “พี่ทราย”

                อัลฟ่าไหล่กว้างถึงกับเงียบ กิมเลยเงยหน้าขึ้นมามองด้วยใบหน้าเดิม เห็นใบหน้าดูดีทำตาโตวางตะเกียบลงเหมือนช็อกแล้วกิมก็ขำออกมาครั้งแรก

                “ล้อเล่น พี่ทราย ตลกว่ะ” โอเมก้าตัวขาวที่ปกติพูดจาตรงไปหมดทุกอย่างเอามือปิดปากขำตาหยี โดยทิ้งให้พี่ทรายคีบหมูเข้าปากเงียบๆ “พี่เชื่อจริงดิ?”

                “ก็ปกติเราพูดตรงอะ พี่ก็กลัวสิ” พี่ทรายตอบด้วยใบหน้าปูเลี่ยน

                “คิดมาก” กิมยักไหล่ใส่แล้วก็คีบหมูที่หั่นแล้วคืนใส่จานอีกคนบ้าง “ให้ ชิ้นนี้ชอบสุด”






                น้ำค้างยืนมองคุณฮิมชิมแกงเขียวหวานจากทัพพีลุ้นๆ วันนี้น้ำค้างลงมือทำแกงทั้งหม้อเองเพราะแม่จะแวะมาหาเย็นนี้ คุณฮิมเม้มปากขมวดคิ้วจนลักยิ้มบุ๋มลงไปสองข้างแก้ม

                “มันยังจืดอยู่อะ เหมือนได้แต่รสกะทิ”

                “อ๋อ โอเค” น้ำค้างขมวดคิ้วแล้วก็หันไปใส่น้ำปลาเพิ่ม แล้วก็ขมวดคิ้วอยู่คนเดียวมองหม้อด้วยนิสัยทำอาหารอยู่คนเดียวแล้วก็จะยืนคิดอยู่คนเดียว จนเพิ่งหันไปเห็นคุณฮิมยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาพอดี ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองจมจ่อมกับความคิดอีกแล้ว

                “คุณฮิม เบื่อไหมเนี่ย ผมเองก็มัวแต่มองหม้อ”

                “ไม่อะ ตลกดี คุณน้ำค้างรู้ตัวไหมว่าตัวเองน่าแกล้ง” คุณฮิมตอบแล้วก็ยิ้มอีก น้ำค้างจ้องลักยิ้มสองข้างนั่นอีก สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวยกนิ้วชี้ขึ้นไปจิ้มรอยบุ๋มนั่นทีนึง

                “จิ้มแก้มผมทำไมเนี่ย” คุณฮิมจับข้อมือเขาไว้ก่อนที่จะได้ทันชักกลับ

                “ลักยิ้มคุณ อยากทำแบบนี้นานแล้ว” น้ำค้างพูดแล้วก็ยิ้มเหมือนเด็กโดนจับได้ แล้วก็ต้องทำตาโตอีกรอบตอนคุณฮิมเดินเข้ามาประชิดเหมือนไล่ต้อนอีกรอบ

                “คุณฮิม เอ่อ”

                “เนี่ย ก็น่าแกล้งแบบเนี้ยคุณน้ำค้าง”

                คุณฮิมทำหน้าเหมือนเป็นความผิดที่เขาทำตัวแบบนี้ น้ำค้างถึงกับพูดกลับไม่ถูก เขาไม่ได้อยากเกิดมามีบุคลิกที่เหมือนเหยื่อโดนล่าทั้งๆ ที่เป็นอัลฟ่าหรอกนะ ว่าแต่คุณฮิมก็เป็นอัลฟ่านี่ แล้วทำไมมันไม่สูสีกันเลยอะ ไอ้น้ำ สู้เขาหน่อยดิ

                “ไหน ชอบลักยิ้มผมเหรอ”

                คุณฮิมไล่ต้อนเขาจนลงไปนั่งกับโซฟาที่เดิมจนได้ แถมยังยื่นหน้าเข้ามาอย่างกับเดจาวู แล้วก็ส่งรอยยิ้มพันล้านวัตต์นั่นมาให้ ถึงจะบอกให้สู้เขาหน่อยแต่เอาจริงๆ น้ำค้างก็เป็นได้แค่คนป๊อดอยู่ดี

                “คุณฮิม เดี๋ยวแกงไหม้”

                “อยากกินแกงในหม้อมากกว่าผมอีกเหรอ”

                คุณฮิมถามแล้วก็หอมแก้มเขาเล่นเบาๆ เหมือนจะหยอก น้ำค้างที่บอกตัวเองให้หลับหูหลับตาสู้ก็ตัดสินใจหอมรอยบุ๋มตรงแก้มนั่นบ้าง แต่พอถอนริมฝีปากออกมา ก็ไม่ได้รู้สึกอันตรายน้อยลงเลย คุณฮิมเนี่ย ตัวอันตรายชัดๆ ก็แค่ลักยิ้ม ทำไมเขาต้องรู้สึกชอบขนาดนั้นนะ

                น้ำค้างไม่ได้จบแค่ที่ลักยิ้มข้างแก้มอยู่แล้ว

                “คุณฮิม ขอ...” น้ำค้างพูดประชิดริมฝีปาก คุณฮิมยิ้มเหมือนจะรู้อยู่แล้วถึงได้เป็นฝ่ายลดระยะห่างก่อน จูบกันกี่ครั้ง น้ำค้างไม่ได้รู้สึกว่าปั่นป่วนน้อยลงเลย แต่คราวนี้อะไรทำให้ใจกล้าดึงคุณฮิมขึ้นมาบนตักตัวเองก็ไม่รู้ กลีบปากขยับละเมียดไปตามใจตัวเอง ป่าสนของเขายังกลิ่นหอมเหมือนเดิม เหมือนครั้งแรก เหมือนทุกครั้งที่เจอ น้ำค้างคิดว่าอากาศและกลิ่นธรรมชาติด้านนอกคือสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุดแล้ว แต่พอเจอคุณฮิม มันก็กลายเป็นอีกเรื่องราวหนึ่ง เขาไม่นึกว่าคนๆ นึงจะมอมเมาเขาด้วยกลิ่นกายได้ขนาดนี้

                “คุณฮิม ชอบผมบ้างรึยัง”

                น้ำค้างถามเหมือนตัดพ้ออยู่ชิดริมฝีปาก เขากลัวอยู่ตลอดว่าตัวเองจะน่าเบื่อ จะเป็นแค่อัลฟ่าทื่อๆ ไม่ได้มีกลิ่นยั่วยวนเหมือนโอเมก้า ไม่รู้ว่าคุณฮิมจะรำคาญหรือเบื่อกันบ้างไหม

                “คุณน้ำค้างคิดว่าไง” คุณฮิมตอบทีเล่นทีจริงพร้อมรอยยิ้มที่ประดับมุมปากเสมอ

                “ผมไม่เคยอ่านคุณออกเลย”

                “แล้วคุณน้ำค้างล่ะ ชอบผมมากแค่ไหน” คุณฮิมไม่สนใจที่เขาตัดพ้อ แต่กลับจับกรอบหน้าเขาก่อนจะถาม

                “ก็ต้องชอบมากสิคุณฮิม ชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว” น้ำค้างตอบเหมือนโดนสั่งให้ท่องมา “ผมกลัวคุณจะไม่ชอบเพราะผมเป็นอัลฟ่านี่แหละ”

                คุณฮิมนิ่งไปกับคำพูดประโยคสุดท้ายของเขา แล้วก็จูบย้ำที่ริมฝีปากเหมือนจะบอกว่าที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่มันผิด

                “ผมต่างหากที่ต้องพูดแบบนั้น” ป่าสนกระซิบด้วยใบหน้านิ่งสนิทเหมือนมีอะไรที่น้ำค้างยังเข้าไม่ถึงอยู่ คุณฮิมในบางทีก็ดูเหมือนใส่หน้ากากตลอดเวลา แต่เมื่อมองอีกทีก็รู้สึกเสมือนจริงจนน้ำค้าชักไม่แน่ใจว่าเขารู้จักทั้งหมดเท่าไหร่ของอัลฟ่าบนตักเขานี้

                “คุณฮิมมีอะไรที่...” น้ำค้างลังเลแต่ก็ถามออกไป “อยู่ในหัวรึเปล่า?”

                “ผมดูเหมือนเหรอ” ป่าสนของเขากลับมายิ้มใหม่อีกรอบเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น และน้ำค้างรู้ว่าคุณฮิมยังคงฝังหัวใจไว้ใต้ผืนป่าไม่ให้เขาเห็น ท่าทางน้ำค้างจะต้องพยายามหรือไม่ก็ใช้เวลามากกว่านี้ กว่าจะได้รู้และสำรวจทุกตารางนิ้วของป่าสนผืนนี้

                “คุณฮิมอาจจะ...ยังไม่อยากบอกผมก็ได้” น้ำค้างพูดช้าๆ เขาไม่ถือสาหากจะไม่บอก เขาใช้เวลาหนึ่งปีกว่าไอ้กิมจะต้อนรับเขาเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว ถ้าหากจะต้องรอคุณฮิมหน่อย ก็คงไม่เป็นไร ขอเพียงอย่าเพิ่งหนีหายจากเขาไปก่อนเลย

                “น้อยใจเหรอคุณแม่บ้าน” คุณฮิมกำลังจะโน้มหน้าลงมาหาเขาใหม่ แต่เสียงกดรหัสหน้าประตูห้องทำเอาน้ำค้างเด้งตัวมานั่งหลังตรงแต่ยังกอดเอวคุณฮิมบนตักไม่ปล่อย นึกสงสัยว่าใครมา ไอ้กิมเหรอ ไหนบอกมันออกไปกินข้าวกับพี่ทรายไง

                ตอนเห็นแม่ตัวเองเดินเข้ามาน้ำค้างบอกเลยว่าอยากจะแกล้งตาย

                แต่เผอิญว่าแม่ไม่ใช่หมี แกล้งตายก็คงไม่เชื่อ

                แล้วเอาไงกับคุณฮิมดีวะ ไอ้น้ำ







tbc.


เหมือนโดนแม่จับได้ว่าพาผู้ชายมาบ้าน

แม่หนูไม่ได้ท้อง เพราะเป็นอัลฟ่า ตึ่งโป๊ะ

สามบาทห้าบาทค่ะอย่าใส่ใจ

ขอแสดงความเสียใจกับเรือฮิมน้ำนะคะ เรือคุณแตกค่ะ เรือที่ถูกต้องคือน้ำฮิม เราจะไม่ให้ทุกคนต้องลุ้นอีกแล้ว555555

ใครฮิมน้ำก็อย่าทิ้งเราเลยนะคะ หึก ขึ้นเรือใหม่กันเถอะ

ขอบคุณสำหรับฟีทแบคเช่นเคยนะคะ รักคุณคนอ่านทุกคนเลย

ฝากเพลงค่ะ dimple - bts สำหรับลักยิ้มคุณฮิม





feel free to comment and tag

#น้ำค้างกลางป่าสน

thank you as always

ออฟไลน์ oily06

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ นี่เรือเราเป็นเรือหลักหรือนี่   :-[ :-[ :-[
หลังๆมาน้ำค้างเริ่มเกรี้ยวกราดนี่ยื่นขามาฝั่งเรือน้ำฮิมเลย
พอนักเขียนมายืนยันอย่างนี้เราก็ปีนเรือเลยค่า  :กอด1:  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ้าว แม่มา คุณแม่บ้านญี่ปุ่นจะบอกแม่ว่ายังไง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด