ตอนที่ 10 แขกที่ไม่ได้เชิญ..
“เดียวคะ เดี๋ยวนี้ยุ่งเหรอคะ คุณไม่มีเวลาให้แจงเลยนะ “
“แจง..ผมต้องทำงานนะ “
“แต่ตอนนี้เที่ยงแล้วและวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ พักบ้างก็ได้ค่ะ เดียวเป็นเจ้าของบริษัทนะ ไปทานข้าวกันดีกว่านะคะ “
สาวสวยไม่วายดื้อดึง สงครามเป็นที่ต้องตาต้องใจสาวๆไม่ว่าจะสาวน้อยสาวใหญ่ไฮโซแม้กระทั่งพนักงานในอ๊อฟฟิศ
ต่างให้ความสนใจในตัวพ่อหม้ายเนื้อหอมคนนี้ แต่สงครามกลับปิดกั้นทุกคน หัวใจเขาปิดสนิทไม่เปิดรับใครเลยแม้แต่คนเดียว
จันจิราจึงใช้ความเป็นเพื่อนเข้าหาชายหนุ่มเขาเป็นเพื่อนในวัยเด็กของเธอ แม้จะไม่ได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันสมัยเรียน เพราะจันจิราไปโตที่ต่างประเทศ แต่ก็นับว่าสนิทกันพอควรในวัยเด็ก
แจงเองชอบสงครามมาตั้งแต่ก่อนที่สงครามจะแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังพ่อของเธอและเขาเป็นเพื่อนรักกัน สงครามเลยปฏิเสธเธอได้ไม่เต็มที่นัก
“จะไปไหนกันเหรอ “เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นที่ประตูห้องทำงาน กันธรเดินเข้ามาพร้อมยิ้มร่าเริง ส่งให้เพื่อนรักและหญิงสาวในห้อง
“หวัดดีคุณแจงคนสวย ไม่ทำงานทำการหรือไงกัน”
กันธรเอ่ยขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แม้แจงจะเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กของสงครามเป็นลูกสาวเพื่อนรักพ่อของสงคราม
แต่กับเขา จันจิราไม่ได้เกี่ยวข้องรู้จักกันทางไหน ช่วงที่เขาไปต่อปริญญาโท ที่ออสเตเรีย เขาเจอจันจิราที่นั่น
และได้เห็นความเหลวแหลกของผู้หญิงคนนี้ แต่จันจิราไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของสงคราม
และเพราะแบบนั้นมันทำให้เขาได้ รู้ว่าจันจิราเป็นคนยังไง หลังจากที่มายาแม่ของมาเฟีย ทิ้งไอ้เดียวไป
เธอคนนี้ก็เข้ามาตีสนิททำไมเขาจะไม่รู้ว่าแจงคิดอะไรกับสงคราม ถ้าเป็นคนอื่น เขาจะไม่ห้ามเลยสักนิด
แต่ผู้หญิงคนนี้ ไม่เหมาะที่จะมาเป็นแม่ของเจ้าหนูมาเฟียหลานเขาแน่ๆ
“ เจ้าของบริษัทอย่างฉันน่ะ ไม่ต้องทำก็มีกินนะ ไม่เหมือนลูกจ้างอย่างนาย เดียวควรปรามลูกน้องบ้างนะลามปามเจ้านายได้ยังไง ”
จันจิราว่าเหน็บกันธรอย่างไม่คิดจะถนอมน้ำใจเธอรู้สึกไม่ชอบหน้านายคนนี้อย่างแรง แม้ว่าจะคุ้นๆหน้าแต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันธรที่ไหน
แต่เพราะดูเหมือนกันธรจะรู้ทันเธอไปทุกอย่าง เธอเลยไม่ชอบหน้านายคนนี้เอาเสียเลย
อีกอย่าง เพราะนายคนนี้เป็นแค่ลูกจ้างในบริษัทของสงคราม เธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรักษามารยาท ไม่รู้สงครามลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับคนพวกนี้ทำไม
“แจง ธรมัน..”สงครามชะงักไปเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนที่บอกว่าไม่ต้องพูดอะไร
“ทำไมคะเดียวไม่เห็นต้องเกรงใจเลยพวกลูกจ้างแบบนี้ ..แล้วนี่....เดียวมีนัดทานข้าวกับแจง ...คนเดียว ”หญิงสาวเน้นคำว่าคนเดียวใส่หน้าอีกคน
“อ้าว ท่านประธาน จะมีนัดกับคุณแจงได้ยังไง วันนี้วันเสาร์ เจ้านายผมนัดลูกชายไว้แล้วนี่ ผมเลยต้องมาขับรถให้ท่านประธานของผม เชิญคุณแจงมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยครับ”
อย่าได้มีคำว่าให้เกียรติผู้หญิงในคำพูด เพราะถ้าเป็นคนอื่นกันธรจะไม่พูดหรือทำแบบนี้แน่ๆ แต่กับจันจิราเขารู้ดี ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีพอที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเพื่อนเขาหรือมาเป็นแม่เลี้ยงหลานเขา
“ต้องขอโทษแจงด้วยนะครับ พอดีนัดลูกเอาไว้แล้วน่ะ “
สงครามรีบเอ่ยทันทีแม้ว่าตอนบ่ายเขาจะมีงานไม่ได้นัดลูกแต่ก็ขอไปหาลูก ดีกว่าไปกับจันจิรา เขารู้สึกขอบคุณเพื่อนที่มาได้จังหวะมาก
กันธรรู้ดีว่าเขาไม่ได้ชอบพอกับจันจิราแต่ทุกวันนี้ที่ยังไปไหนมาไหนด้วยเพราะเกรงใจลุงทด
แต่การที่เขาทำแบบนั้นกลับกลายเป็นว่าจันจิราตีความเข้าข้างตัวเอง
“งั้นแจงไปด้วยนะคะ แจงยังไม่ได้เจอน้องเฟียเลย นะคะเดียว แจงไปด้วยนะ”
“นี่คุณ เดียวมันอยากอยู่กับครอบครัวนะคนนอกไม่เกี่ยว”
“แล้วนายเป็นอะไรก็แค่ลูกจ้าง ยังไปได้ ทำไมฉันจะไปไม่ได้......นะคะเดียว” สงครามถอนใจเฮือกรู้ว่าถ้าปฏิเสธจันจิราเรื่องคงไม่จบแน่ๆ
“ก็ได้ครับ งั้นแจงออกไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะครับ ผมขอเคลียร์งานกับธรแป้บนึง“
“ได้ค่ะ เร็วๆนะคะ”
พอคล้อยหลังหญิงสาว สงครามก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทั้งยังทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวโตอย่างหมดแรง
“มึงไม่บอกไปเลยล่ะวะว่าไม่ชอบ”
“กูเคยพูดแล้วเถอะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่แจงคนเดียวมึงก็รู้นะธร “
“ก็..เออ...กูเข้าใจมึง แต่กูว่าลุงทดแกรู้จักลูกสาวแกดีนะ วงในฉาวโฉ่จะตายมีหรือจะไม่รู้”
“ธร ไม่เอาน่า อย่าลามผู้ใหญ่ ลุงทดกับแจงคนละคนกัน อย่างน้อยงานศพพ่อกูถ้าไม่มีลุงทดกูคงไม่รู้จะทำไง“
“เกรงใจก็ส่วนเกรงใจสิวะ พ่อเป็นคนดีใช่ว่าลูกจะดีเหมือนพ่อซะเมื่อไหร่กัน เฮอะ..”
“เอาน่า ..เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูโทรหาลูกก่อน “
สงครามกดเบอร์โทรฯเข้าที่บ้านเสียงรอสายดังอยุ่นานกว่าจะมีคนมารับ
(สวัสดีครับ )
“ปลาเหรอ”
( ครับ ? )
“อีกสักครึ่งชั่วโมงฉันจะกลับไปกินข้าวกับลูกนะ ช่วยบอกยายกิ่งเตรียมกับข้าวให้ด้วย อ้อ เผื่อเพื่อนฉันด้วยนะ สองคน”
(ครับ..ได้ครับ)เสียงร่าเริงดังมาตามสายทำไห้สงครามอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ นี่คงจะลืมเรื่องนั้นไปแล้วมั้งหึหึ
สงสัยเขาจะต้องหาโทรศัพท์ไว้ให้ปลาสักเครื่องแล้ว เผื่อเกิดมีอะไรจะได้ติดต่อได้ง่ายกว่านี้
“แน่ะ ๆ ยิ้มๆ ถ้าปลายสายเป็นผู้หญิงนะเดียวกูนี่คิดว่ามึงตกหลุมรักชัวร์เลยเพื่อน”
“ไร้สาระน่า นั่นผู้ชาย และอีกอย่างเด็กมันเป็นเด็กดีไม่แปลกที่กูจะเอ็นดูนะ “
สงครามยังไม่อยากจะพูดอะไรมากตอนนี้ เอาไว้เขาจีบมัจฉาติดเมื่อไหร่ ค่อยบอกเพื่อนอีกที
แม้ว่ากันธรจะบอกว่าไม่ได้รังเกียจถ้าเขาจะคบใคร แต่เขาก็ไม่อยากจะให้เรื่องของมัจฉาทำให้เพื่อนต้องคิดมาก
“กูก็ว่ามันยังแปลกอยู่ดี มึงน่ะเสือยิ้มยากจะตายห่า นี่อะไรแค่คุยโทรศัพท์...”กันธรหรี่ตามองเพื่อนอย่างสงสัย
“พูดมากน่า มาช่วยกูเคลียร์เอกสารดิ๊ จะได้ไปสักทีเดี๋ยวลูกรอ “
“หึหึ ลูกรอ หรือใครรอ วะ เดี๋ยวนี้หายใจเข้าออกเป็นลูกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ “
“มึงพูดซะกูดูเป็นพ่อที่แย่เลยว่ะ “
เสียงหัวเราะของเพื่อนรักทำให้สงครามอดที่จะหมั่นใส้ไม่ได้ มันคงจริงอย่างหนึ่งที่กันธรพูด เขาเป็นคนยิ้มยากมาแต่ไหนแต่ไร
แต่เท่าที่จำได้ตั้งแต่รู้จักเด็กปลาคนนั้น เขายิ้มบ่อยมาก แค่วันเดียวที่อยู่กับเด็กนั่นเขายังยิ้มมากกว่าทั้งปีรวมกันเสียอีก
บางทีเขาอาจจะไม่ต้องคิดมาก เพราะความรู้สึกมันบอกเขาชัดเจนอยู่แล้ว สงครามคิดพลางยิ้มในหน้าอย่างอารมณ์ดีขึ้น
เมื่อคิดถึงหน้าเนียนๆของอีกคน ผิดกับกันธรที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจในตัวเพื่อน
......................................
“สงสัยฝนจะตกเดือนเมษาคุณเดียวกลับมากินข้าวเที่ยงที่บ้าน”มะตูมเอ่ยขึ้นอย่างติดตลก พลอยทำให้ยายกิ่งหัวเราะไปด้วย
“ขนาดนั้นเลยหรือตูม”
“ใช่ค่ะคุณปลา คุณเดียวน่ะ ไม่ได้กินข้าวกลางวันหรือข้าวเย็น ที่บ้านนานมากแล้ว หลายปีเลยมั้งตั้งแต่คุณมายา...”
“....ตูม!..”
ยายกิ่งรีบปรามก่อนที่หลานสาวจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น มันยังไม่ถึงเวลาที่คุณปลาจะรู้อะไรตอนนี้ เอาไว้ดูกันไปสักพัก
หากคุณปลาของเธออยู่ที่นี่ได้เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ก็จะต้องบอกกล่าวกันไป แต่บางเรื่องยายกิ่งคิดว่าให้เป็นเรื่องส่วนตัวของนายจะดีกว่าเอามาพูดกันไปทั่ว
มัจฉาไม่ถามอะไรต่อ ท่าทางของยายกิ่งทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าเป็น เรื่องที่ไม่ควรรู้ เขาเองพึ่งจะได้รู้มาไม่นานว่าคุณสงครามเป็นพ่อหม้าย
แต่ไม่รู้ถึงสาเหตุการหย่า เพราะงั้นเขาเลยเลือกที่จะเงียบเรื่องนี้ ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไร นอกจากเรื่องคุณหนูมาเฟีย ไม่รู้เป็นเพราะทั้งชีวิตเขาอยู่คนเดียวมาตลอด
พอได้มาดูแลคุณหนูมันเลยทำให้เขารู้สึกอยากปกป้องอยากดูแล คุณหนูน่าสงสาร มัจฉาคิดว่าเพื่อนคนแรกของเขาคือคุณหนูด้วยซ้ำ
เด็กๆมักจะใสซื่อคิดอะไรพูดและแสดงออกไปตามนั้น ที่ผ่านๆมา มัจฉาเจอแต่คนไม่จริงใจ ขนาดพ่อกับแม่ปากบอกว่ารักเขา
ที่จริงแล้วกลับไม่มีใครสักคนที่ต้องการเขา มัจฉาถือว่าตัวเองยังโชคดีที่เจอนายจ้างดีๆแบบคุณสงคราม ถึงแม้พักหลังมานี่คุณสงครามจะชอบทำตัวแปลกๆกับเขาก็ตามที
......................................
“พ่อ..! ลุงธร”เสียงร่าเริงของลูกชายที่วิ่งออกมารับเขาที่หน้าบ้านทันทีที่จอดรถ
“เดียวกูบอกให้มึงสอนลูกว่าไง ไอ้นี่ ......น้องเฟียครับ อาธรครับไม่ใช่ลุงธร “
“พ่อบอกว่าเรียกลุงธร เพราะลุงธรเป็นลุง เพราะงั้นต้องเรียกลุงธรฮะ”
อธิบายเสียงแจ้ว พร้อมทั้งชูแขนให้คนเป็นพ่ออุ้มถึงแม้ว่าจะมีคนบอกว่าเขาโตแล้วแต่มาเฟียก็ชอบให้พ่ออุ้ม
“สอนลูกแปลกๆนะมึงนี่ “
“ฮึบ..อ้วนขึ้นหรือเปล่าเนี่ยลูกพ่อ หืม “
“พี่ปลาทำกับข้าวอร่อย เฟียกินเยอะ เลยอ้วน “
“ฮ่าๆๆเข้าใจโบ้ยนะตัวแสบ “
กันธรขำไปกับคำพูดของเด็กชายมาเฟีย ทั้งยังนึกถึงเรื่องที่สงครามเคยโทรไปปรึกษาไหนจะหน้ายิ้มๆของมันตอนคุยโทรศัพท์กับพี่เลี้ยงน้องเฟีย
กันธรชักอยากจะเห็นหน้าพี่เลี้ยงคนนั้นซะแล้วสิ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้เจอหลานนานแล้วเหมือนกันเพราะยุ่งแต่กับคนเป็นพ่อ
“นี่น้องเฟียใช่ไหมคะ น่ารักจังเลยจำพี่แจงได้ไหมคะ “
ทันทีที่จอดรถเสร็จ จันจิราก็รีบเดินมายืนเคียงข้างสงครามก่อนจะเอ่ยทักทายเด็กน้อย ที่เธอเคยเจอเมื่อนานมากแล้ว
“หน้าอย่างนี้ให้หลานเรียกพี่ ต้องเรียกป้าเลยดีกว่าเถอะ” กันธรอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเช่นเคย
“ไอ้บ้านี่ไม่พูดใครเขาก็ไม่ว่าหรอกนะ หุบปากเน่าๆของแกซะมั่ง ”
“ป้าพูดไม่เพราะฮะ พี่ปลาบอกว่าคนพูดไม่เพราะจะไม่มีใครรักนะ “
เด็กน้อยจำคำพี่เลี้ยงสอนได้ขึ้นใจเขาหวังดีนะเลยบอกป้าคนนั้น ก็ลุงธรบอกว่าต้องเรียกป้านี่ เขาเชื่อฟังผู้ใหญ่
“อ๊าย !! ไม่ได้นะคะต้องเรียกพี่แจงค่ะ เดียวคะ..“เสียงแหลมจนแสบแก้วหู ทั้งยังรี่เข้ามาเกาะแขนของสงครามเอาไว้
“อย่ามาจับพ่อเรานะ! “
มาเฟียตวาดแว้ดขึ้นด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นว่าจันจิรายังเกาะแขนของพ่อเอาไว้ไม่ปล่อย เด็กน้อยรีบแกะมือของหญิงสาวออกจากแขนพ่อ
แต่เจนจิรามีหรือที่จะปล่อย
“เอ๊ะ น้องเฟีย ทำไมนิสัยไม่ดีแบบนี้คะ พี่เลี้ยงดูแลกันยังไงเนี่ย เดียวดูสิคะ น้องเฟียก้าวร้าวแบบนี้ไม่ดีเลยนะต้องเรียกพี่เลี้ยงมาสั่งสอนซะหน่อย ”
หันไปฟ้องสงครามกันพวกพี่เลี้ยงเอาไว้ก่อน ยิ่งเธอได้ยินข่าวว่าพี่เลี้ยงลูกของสงครามแต่ละคน จบสูงๆมานั้งนั้นแถมมีแต่คนสวยๆซะด้วยสิ เธอต้องรีบกันยัยพวกริ้นไรนั่นให้ห่างจากสงคราม
“แจง !”สงครามเริ่มจะไม่พอใจ ที่จันจิรายังทำท่าทางเหมือนจะทะเลาะกับลูกเขา
“ก็มันจริงนี่คะ “
“ปล่อยแขนผม”เสียงนิ่งๆของสงครามเริ่มบอกให้จันจิรารู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาชนะคะคานกับใครตอนนี้
เธอปล่อยมือจากแขนของครามอย่างขัดใจ หนอยไอ้เด็กเวรฝากไว้ก่อนเถอะ
“คุณนี่โง่กว่าที่คิดนะแจง”
กันธรว่าแค่นั้นก็เดินตามเพื่อนรักเข้าบ้านไป ปล่อยให้หญิงสาวที่โดนด่าอย่างไม่รู้ตัวกระทืบเท้าด้วยความขัดใจก่อนจะรีบเดินตามเข้าบ้านมา
“แล้วพี่ปลาอยู่ไหนล่ะ “สงครามถามลูกพลางหันไปมองรอบบ้าน เมื่อเดินเข้าบ้านมาแต่ไร้วี่แววพี่เลี้ยงคนเก่งจะเข้ามาทักทาย
“พี่ปลาอยู่ในครัวกับยายกิ่งฮะ”
“คุณเดียวจะตั้งโต๊ะเลยไหมคะ จะบ่ายแล้ว เดี๋ยวคุณๆจะหิวกันแย่เลย”
ยายกิ่งเดินออกมาจากครัว เมิ่อเห็นว่าคุณสงครามเข้าบ้านมาพร้อมเพื่อนอีกสองคน
“ตั้งเลย..แล้วนี่ ....”
“อ้อ คุณปลาเธอทำมันม่วงแกงบวดอยู่ค่ะ เป็นของหวาน วันนี้ค่ะ “
“อร่อยมากเลยฮะพ่อ พี่ปลาเคยทำให้กิน “
เด็กน้อยรีบอวยพี่เลี้ยงคนเก่ง ยิ่งทำให้จันจิราหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นว่าสงครามยิ้มน้อยๆเมื่อเอ่ยถึงพี่เลี้ยง ทีเวลาอยู่กับเธอสงครามไม่เคยยิ้มแบบนี้เลยสักครั้ง
“เสร็จแล้วยายกิ่งตามปลามากินข้าวด้วยกันนะ “
“ค่ะคุณเดียว “ยายกิ่งบอกให้มะตูมจัดโต๊ะ และช่วยปลายกสำรับเข้ามาที่ห้องทานข้าว
จันจิรารู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าพี่เลี้ยงของมาเฟียเป็นผู้ชายแต่โครงหน้าสวยหุ่นเพรียวบางแบบนั้นมันทำให้เธอคิดไปไกล ไม่จริงหรอกน่า ..
จะสวยยังไงนั่นก็ผู้ชาย สงครามไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้น แล้วถ้าไอ้ผู้ชายคนนี้มันยั่วสงครามของเธอล่ะ เพราะอยู่บ้านหลังเดียวกัน
เธอจะต้องจัดกการเขี่ยไอ้คนนี้ให้พ้นทาง สาวสวยเพียงหนึ่งเดียวได้แต่คิดแค้นเคืองในใจ
“สวัสดีครับ “มัจฉายกมือไหว้ทั้งสงคราม อาธรและจันจิรา ก่อนจะขอตัวกลับเข้าข้างใน
“ปลา..จะไปไหน” สงครามเรียกมัจฉาที่กำลังหันหลังเดินกลับเข้าครัวไปเมื่อจัดโต๊ะเสร็จ
“ไปทานกับยายกิ่งกับมะตูมในครัวครับ “
“มานั่งนี่”
“แต่...”
“มานั่ง “สงครามเอ่ยเสียงดุ อย่างที่เขาคิดว่ามัจฉาจะไม่ขัดคำสั่งเขา
“จะไปบังคับเขาทำไมคะเดียว เขาอยากไปกินที่ไหนก็ให้เขาไปสิคะ “
“พี่ปลามานั่งกับเฟียนะ ไหนพี่ปลาบอกจะกินข้าวกับเฟียทุกวันไง “
เด็กน้อยเมื่อเห็นว่าพี่เลี้ยงจะเดินหนีไปก็เอ่ยปากทันที ยิ่งทำให้จันจิรารู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับพี่เลี้ยงคนนี้เหลือเกิน
คงมีแต่กันธร ที่กำลังสนุก เขาเฝ้าสังเกตุอาการของเพื่อนรักและพี่เลี้ยงของลูกชาย กันธรยอมรับว่าเห็นครั้งแรกเขาก็ตกใจ
เพราะพี่เลี้ยงเจ้าหนูมาเฟียที่เขารู้มาว่าเป็นผู้ชาย แต่เขาไม่คิดว่า ผู้ชายจะสวยได้ขนาดนี้ ยิ่งรอยยิ้มสวยๆที่ส่งมานั่นทำให้ใจแกว่งได้ง่ายๆ
ความเป็นธรรมชาติ ทั้งการกระทำและคำพูด อีกทั้งยังมัดใจน้องเฟียอยู่หมัด หึหึ ไม่แปลกที่ไอ้เดียวมันจะหวั่นไหว
“ครับๆคุณหนู”
มัจฉายิ้มให้นายจ้างตัวน้อย พลางส่ายหัวอย่างระอา แต่ก็อดที่จะเอ็นดูคุณหนูไม่ได้ วันนี้เขามีความสุข คุณหนูยิ้มทั้งวัน
ยิ่งพ่อกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้านแบบนี้เด็กชายยิ้มแก้มปริกว่าที่เคย
“ไม่คิดจะแนะนำให้กูรู้จักเหรอวะเดียว”เสียงเพื่อนดังขึ้นเมื่อมัจฉานั่งลงข้างๆมาเฟีย
“ปลา..นี่กันธร กับแจงเพื่อนฉันเอง แล้วก็นี่ปลาพี่เลี้ยงคนใหม่ของเจ้าเฟียน่ะ “
จันจิราเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์เรื่องที่สงครามชอบทำตัวสนิทกับลูกจ้าง ทั้งนายกันธรคนนี้และนายการันต์เลขาหน้านิ่งคนนั้นอีก
เอาไว้เธอกับสงครามแต่งงานกันเมื่อไหร่คนไหนที่เธอไม่ชอบใจจะเขี่ยให้หลุดวงจรชีวิตเลยคอยดู
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ “ มัจฉายกมือไหว้ทั้งสองคนอีกครั้ง
กันธรรับไหว้อีกครั้งแต่จันจิรากลับนั่งเฉยทำเป็นมองไม่เห็นซะอย่างงั้น มัจฉาตักกับข้าวใส่จานให้คุณหนูก่อนจะลงมือกินไปมองดูคุณหนูไป
เวลาที่คุณหนูกินเลอะ มัจฉาจะคอยเอาผ้าที่พาดอยู่บนไหล่เช็ดให้ มัจฉาคอยมองแขกทั้งโต๊ะที่นั่งกินข้าวเงียบ ๆ
จะมีก็แต่คุณจันจิรา ที่คอยตักกับข้าวใส่ลงในจานของคุณสงคราม เห็นคุณกันธรนั่งอยู่ห่างจากทอดมันกุ้งที่วางอยู่ตรงหน้าเขา
คุณจันจิราก็ตักให้แต่คุณสงครามเขาเลยตักเอาทอดมันกุ้งส่งลงไปที่จานข้าวของคุณกันธร
“ขอบคุณครับ “กันธรเอ่ยปากขอบคุณทั้งยังมองดูพี่เลี้ยงใจดีคนนั้นไม่วางตา สงครามรู้สึกหงุดหงิดกับภาพที่เห็น
“ตักให้ฉันมั่งสิ”เขาโพล่งขึ้นมาด้วยความลืมตัว
“เอ๋...ในจานคุณสงครามก็มีนี่ครับ “
“ก็อยากได้อีกนี่ “
กันธรแทบจะลงไปขำกลิ้งที่พื้นกับความเอาแต่ใจของเพื่อน มันกำลังอิจฉาเขาแบบเด็กๆ อาการงอแงที่เขาไม่เคยได้เห็นมานานมากแล้ว
สนุกจริงโว้ย หึหึ หึ กันธรกลั้นขำจนไหล่สั่น ผิดกับจันจิรา ที่เริ่มจะไม่พอใจพี่เลี้ยงหน้าสวยคนนั้น
“เดียวคะ เดี๋ยวแจงตักให้ค่ะ “
จันจิรารีบตักอีกชิ้นไปวางในจานข้าวของสงคราม แต่หน้าตาที่บูดบึ้งบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์อย่างแรง ทำให้กันธรกลั้นขำอย่างสุดความสามารถ
ดูเหมือนพี่เลี้ยงคนสวยนั่นจะยังไม่รู้อะไรกับใครเขาเลย ยิ่งไอ้เพื่อนรักของเขานี่มันรู้ตัวเองบ้างหรือเปล่าเหอะว่ามันแสดงออกโคตรชัด หึหึ
น่าจะมีเรื่องอะไรดีๆให้เขาได้เสือกเล่น วันหลังชวนคุณเลขานั่นมาด้วยดีกว่า ท่าทางน่าสนุก
ตอนแรกสงครามเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมเขาถึงหงุดหงิด ที่เห็นมัจฉาตักกับข้าวใส่จานให้กันธร เวลาตักให้ลูกเขาไม่เห็นว่าเขาจะรู้สึกอะไร
ยิ่งจันจิราคอยดูแลคอยตักนุ่นนี่นั่นให้เขาไม่ขาดเขายิ่งหงุดหงิด แต่พอเห็นมัจฉาคุยกับกันธรอย่างถูกคอ
รอยยิ้มสว่างไสวนั่นถูกส่งไปให้กันธรบ่อยๆเขาก็รู้สึกขัดใจอยากเตะเพื่อนรักสักที
หมดเวลาอาหารเที่ยงทุกคนย้ายที่นั่งมาที่ห้องนั่งเล่น มัจฉาเสิร์ฟแกงบวดมันม่วงให้ทุกคนได้ชิม เพราะเป็นเมนูโปรดของเขาและคุณหนู ด้วย
คุณกันธรชมไม่ขาดปากเขาที่เป็นคนทำก็อดที่จะยิ้มแก้มปริไม่ได้ มันภูมิใจเวลาที่เห็นคนกินอร่อยไปกับสิ่งที่เขาตั้งใจทำ
แต่นายจ้างตัวโตทำไมทำหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาก็ไม่รู้ ทั้งๆที่คุณผู้หญิงก็ออกจะเอาอกเอาใจขนาดนั้น
สงครามบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับการที่มัจฉายิ้มแย้มพูดคุยราวกับถูกคอกันนักหนากับกันธร เขารู้สึกหวงรอยยิ้มนั่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อา...หรือว่า..เขากำลังหึง..!!
จันจิรารู้สึกว่าเธอกำลังเป็นส่วนเกิน สงครามไม่เคยมีท่าทีจะชอบเธอเกินเพื่อนแต่ก็ไม่เคยมีท่าทางแบบนี้กับใคร
การแสดงออกชัดเจนว่าหวงไอ้พี่เลี้ยงคนนั้น หน้าตาที่บึ้งตึงเมื่อไอ้ลูกจ้างธรนั่นหันไปเอาใจกับไอ้เด็กปลา
ไหนจะยังยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อไอ้เด็กนั่นหันมายิ้มให้และคอยพูดคุยด้วย สงครามไม่เคยเป็นแบบนี้
มันทำให้เธอกลัวว่าสิ่งที่เธอพยายามเต็มที่มาตลอดกำลังจะสูญเปล่า เธอไม่ยอมหรอก ไม่มีทางยอม
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่มีทางปล่อยสงครามให้คนอื่น แค่ยัยมายาคนเดียวเธอก็แทบจะขาดใจตายแล้ว ตอนนี้สงครามไม่มีใคร
เธอต้องทำให้สงครามเป็นของเธอให้ได้ ไม่ว่าจะทางใด.
กว่าจะกลับมาที่บริษัทได้เขาก็แทบจะลากไอ้เพื่อนตัวดีที่ยังไม่อยากกลับเพราะเขาไม่อยากกลับกับแจง
ไม่รู้มันเกิดติดใจอะไรกับแกงบวดมันม่วง จนเขาบอกว่าวันนี้ ต้องรีบจบงานนะ ตอนเย็นมีงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้ากับผู้ถือหุ้นด้วย
“งั้นวันนี้คุณสงครามก็ไม่ได้มากินข้าวเย็นที่บ้านสิครับ”
เขายังจำน้ำเสียงจ๋อยๆกับหน้าหงอยๆของพี่เลี้ยงลูกได้ดี ทำเอาเขาไม่อยากกลับมาทำงานเลยล่ะไม่รู้ทำไม
“แค่วันเดียวเอง พรุ่งนี้ฉันพักทั้งวันไปคิดโปรแกรมกับมาเฟียละกันว่าอยากไปไหน “
พรุ่งนี้เขาจะใช้เวลาอยู่กับลูกและมัจฉาทั้งวันโดยไม่มีก้างอย่างไอ้เพื่อนตัวดีนี่
“จริงเหรอครับ “ท่าทางตื่นเต้นดีใจ เหมือนเด็กๆทำให้เขาต้องยิ้มอีกจนได้ ว่าแล้วงานเลี้ยงคืนนี้ไม่อยากไปเลยจริงๆ
แค่คิดว่าจะต้องไปเจออะไรที่งานเลี้ยง สงครามก็ต้องถอนใจ เขาไม่เคยเหนื่อยกับงานหรือการออกงานกลางคืนแบบนี้
แต่วันนี้เขากลับรู้สึกเหนื่อยที่จะต้องไปออกงานแบบนี้ เอาไว้ให้เข้าที่เข้าทางกว่านี้เขาจะส่งไอ้ธรกับไอ้รันไปแทน
มันทะเลาะกันดีนักก็ไปด้วยกันบ่อยๆมันคงดีกันสักวัน สงครามคิดพลางต่อสายหาการันต์และกันธรสำหรับงานคืนนีร้ ไม่พ้นเมาอีกตามเคยสินะ
หนุ่มนักธุรกิจเนื้อหอมได้แต่คิดทอดถอนใจอยู่อย่างนั้นก่อนจะเตรียมตัวเพื่องานคืนนี้
แม้งานจะเหนื่อยแต่ในใจกลับกระชุมกระชวยอย่างน่าประหลาด รีบๆไปรีบๆจบงานรีบๆกลับบ้านดีกว่า หึหึ
TBC.......
กลับมาล้าววววววววว เหนื่อยโฮกเลยค่า งานก็คืองานเนอะ ต้องทำเนอะไม่งั้นไม่มีเงิน555555
น้องแจงแค่หมากตัวเวล็กๆเนอะไม่ค่อยจะหนักหนาเท่าไหร่แค่มาเป็นตัวแปลให้กับทุกๆคนแค่นั้นเอ๊ง เนอะ55555
บางคราวเราก็ไม่เข้าใจเหมือนคุณสงครามนะ การที่พูดตรงๆไปแล้วแต่คนไม่ยอมรับฟังหรือตื๊อจนน่าเกลียดนี่ไม่กลัวคนอื่นเขาเกลียดเอาหรือไร
แต่ก็นั่นแหละนะ คนเราคิดไม่เหมือนกัน แจงเป็นคนคิดน้อย พูดง่ายๆก็ติดเอาแต่ใจนั่นแหละค่ะ
น้องปลายังมึนต่อไปแต่อิพี่มันนี่เริ่มหวงก้างเกินงาม น่าหมั่นไส้
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามแม้คนเขียนจะหายไปบ้างแต่จะมาอัพจนจบแน่นอนนะคะ
รักคนอ่านจุ๊บคนเม้นท์กอดรวบตึงทุกคนเลยค่า