“รู้แล้วครับแม่” พูดกรอกปลายสาย ก่อนจะกดวาง
มันอะไรกันนักหนาคนบ้านนี้ มีวันหยุดไม่ได้ ต้องหาเรื่องไปพักที่นู่นพักที่นี่ เข้าใจนะว่าครอบครัวผมมีบ้านพักอยู่หลายจังหวัดอยู่ คราวนี้ผมไม่รู้หรอกว่าจะไปไหนกัน อยู่ๆคุณหญิงเค้าก็โทรมาตอนผมกำลังอยู่ที่งานประมูลรูปภาพของศิลปินผู้ล่วงลับ บอกว่า ‘แซนด์ แม่ให้แม่บ้านเก็บของไว้ให้แล้วนะ เราจะไปพักผ่อนกันนะจ๊ะ’ เห่อออ... ไม่เคยเหนื่อยกับการพักผ่อนขนาดนี้มาก่อน
แต่ก็ยังดีอยู่บ้าง ที่ผมไปประมูลรูปนั้นมาได้ ราคาเฉียดเจ็ดหลัก ผมถือว่าไม่แพงนะเพราะยังไงๆในอนาคตรูปนี้ก็คงอย่างน้อยๆแปดหลัก ผมดูมาแล้วว่าศิลปินท่านนี้เคยไปเปิดแสดงศิลปะถึงฝรั่งเศส แถมแนวโน้มราคาผลงานของเค้ายังเพิ่งขึ้นสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ต่อปี หึๆ แล้วยังมีผู้ที่ร่วมประมูลที่อยากได้รูปอีกล่ะ มีไฮโซสาวคนหนึ่งเธอไม่กล้าสู้ราคาผมตอนอยู่ในที่ประมูล แต่พอผมได้มาเธอเกิดเสียดาย เลยมาต่อรองราคารูปกับผมว่าจะเพิ่มให้เป็นสองเท่า
แต่รู้มั้ย สองเท่ามันไม่พอหรอก
ผมแค่ยิ้มมุมปากให้เธอ แล้วเดินออกมา
เดินมาถึงลานจอดรถ หันมาดันไม่เจอไอ้ช้างอีก คงเป็นได้อยู่อย่างเดียวคือหลง ซึ่งผมคงต้องเลือกเอาระหว่างทิ้งมันไว้นี่แล้วนั่งแท็กซี่กลับ กับต้องเสียเวลาห้านาทีกว่าๆเพื่อตามหาคนขับรถของตัวเอง
เฮ้อออ!!!
พอกลับถึงบ้านก็ได้เรื่องจากคุณหญิงแม่ว่า เราจะไปทะเลที่จันทบุรีกัน ไอ้ช้างได้ยินว่าทะเลมันก็ทำตาลุกวาวในขณะที่ผมทำหน้าเบื่อโลกเต็มที่ แหม่ ไม่รู้เลยนะไอ้ช้าง ว่าไม่เคยไปทะเล ผมน่ะไปบ่อยจนรู้สึกว่าจังหวัดนี้ได้เงินจากครอบครัวผมไปเป็นแสนแล้ว ว่ากันตามธรรมเนียมของบ้านนี้ คนใช้รุ่นเก่าๆที่ไว้ใจได้จะให้อยู่ดูแลบ้าน ส่วนพวกคนใช้ที่มาใหม่คุณแม่ผมจะเอาไปทะเลด้วย อาจดูเหมือนมันไม่แฟร์สำหรับคนรุ่นเก่า แต่เชื่อเถอะ! พวกนั้นมันไปจนเบื่อแล้ว
เอารถไปสองคัน คนใช้นั่งรถตู้ธรรมดาติดแก็ส(ยุคนี้มันต้องประหยัดกันหน่อย) ส่วนครอบครัวและผมนั่ง Alphard (ไม่ได้ลำเอียง เงินผมหามาได้ ผมก็ต้องเป็นคนใช้ ไม่ถูกรึไง?) ระหว่างทางผมก็เลยได้นอนหลับสบายโดยไม่ต้องมีเสียงุ๊งงิ๊ง ถามโน่นถามนี่ของไอ้ช้างมารบกวน นึกถึงไอ้ช้าง ป่านนี้มันคงกำลังเบิกตากว้างมองออกไปนอกหน้าตาอยู่ล่ะมั้ง เพื่อดูว่าเมื่อไหร่จะถึงทะเล เสียเวลาจริงๆ
พอถึงบ้านพัก ผมลงจากรถได้ไม่ถึงสองวินาที ไอ้ช้างมันกูวิ่งผ่านหน้าผม เท้ามันนี่ตะกุยทรายขึ้นมาเต็มที่จนกางเกงยีนส์ของผมเบื้อนทรายขึ้นมาเกือบถึงเข่า
ไอ้ช้าง!!!! ผมตะโกนไล่หลังมันด้วยกระแสจิตไปยังคนตรงหน้าที่วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
‘ซ่า....~’ มันกระโดดลงทะเลแล้ววักน้ำขึ้นมาสาดเด็กวัยเจ็ดแปดขวบที่เล่นน้ำอยู่ก่อนแล้ว
ไร้สาระ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ แดดร้อนออกอย่างนี้ ยังจะไปเล่นน้ำอีก มันบ้ารึเปล่า แล้วนี่ แม่ฉันเอาแกมาด้วยเพื่อให้มาช่วยขนของไม่ใช่รึไงวะ!
“คุณชายไม่เล่นน้ำเหรอครับ” ไอ้ช้างมันเดินตัวเปียกขึ้นมาที่ชานบ้าน ก็เห็นอยู่ว่าอ่านหนังสืออยู่ มีแต่แกนั่นแหละที่บ้าเลือดเสียสติเล่นน้ำไปได้ตอนแดดเปรี้ยงๆ
ผมเงยหน้าขึ้นมามองมันเล็กน้อยแล้วก็หันไปสนใจหนังสือของตัวเองต่อ ยิ่งอ่านไปรู้สึกว่าคนเขียนมันพยายามบอกให้ซื้อหนังสือของมันเล่มต่อไปมากกว่าจะพูดถึงเศรษฐกิจโลกที่มันได้เกริ่นนำไว้ที่ปกด้านหลัง
...รู้งี้ซื้อมาแต่ปกหลังซะก็ดี...
“ฉันจะไปขับรถเล่น ถ้าแกจะไปก็ไปอาบน้ำ หยิบกระเป๋ากล้อง” มันพยักหน้าหงิก “กล้องDSLRนะ รู้จักใช่มั้ย” มันพยักหน้าเหมือนเดิม จะไว้ใจได้มั้ยเนี่ย “อ้อแล้วก็!.....” ผมชี้ไปตรงพื้นเปียกๆที่มันยืนอยู่ “เอาผ้ามาเช็ดด้วย ถ้าฉันออกมาอีกทีแล้วมันยังเปียกอยู่ แก....ไม่ต้องไป”
มันรีบวิ่งเข้าไปในบ้านพักทันที เดาว่าคงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนผมก็เข้าไปเปลี่ยนกางเกงเปนกางเกงผ้าขาสั้นเท่าเข่า ถ้าใครยังพอจะจำได้นะ มีไอ้บ้ามันตะกุยทรายใส่ขากางเกงผมตอนมาถึง
เปลื่อนเสื้อผ้าเสร็จ ออกมาก็เจอไอ้ช้างยืนเจ๋อ ที่คอแขวนกล้องDSLRรออยู่แล้ว นี่แกมาทะเลหรือมาเล่นสงกรานต์วะ เสื้อนี่ดอกมาเชียว แต่ก็พอรับได้เพราะเสื้อมันสีส้มกางเกงมันขายาวสีครีม คีบแตะ...เออ! ชุดนี้ก็ชุดนี้วะ
“ไอ้ช้าง...แกไปรอข้างนอก เดี๋ยวฉันมา”
เนื่องด้วยรถที่เอามาจากกรุงเทพก็มีแค่Alphardกับรถตู้ จะเอาคันใดคันหนึ่งไปมันก็กระไรอยู่ กะจะหาเช่ามอเตอร์ไซค์คนแถวนี้ดูหน่อย ปรากฏว่าไปเจอไอ้เด็กวัยรุ่นขี่ฟีโน่สีขาวมาจอดไว้หน้าร้านอินเตอร์เน็ต ก็เลยเข้าไปเจรจาขอเช่ามันซักสี่ชั่วโมงห้าร้อย เดี๋ยวเติมน้ำมันให้ด้วย ตอนแรกมันก็อ้ำๆอึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะให้ผมเช่าหรือไม่เช่าดี ผมก็เลยมองไปที่ท้ายรถมัน
ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนนี่หว่า เสร็จ
“น้อง ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนนี่?” เด็กมันหน้าเสียครับ “ผิดกฎหมายนะน้อง น้องเห็นคนนั้นมั้ย” ผมชี้ไปที่ไอ้ช้างที่ยืนรอผมอยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตรได้ “เพื่อนพี่เป็นตำรวจ มันมาจับรถเถื่อน....น้องอาจจะโดนเข้าใจผิดก็ได้นะ”
“แล้วผมต้องทำไงอะพี่” เข้าทาง....
ผมตบไหล่ไอ้น้องคนนั้นอย่างสนิทสนม “แต่พี่รู้ ว่ารถน้องอะถูกกฎหมาย...แค่ลืมป้ายทะเบียนไว้ที่บ้าน...พี่ขอยืมรถน้องซักสี่ชั่วโมง น้องก็แค่นั่งเล่นเน็ตรอไป แค่นั้น....ที่เหลือพี่จัดการเอง”
“พี่จะเอารถผมไปทำไรอะ”
“เอาของเถื่อนล่อของเถื่อนไงน้อง ไม่เคยได้ยินเหรอ....เดี๋ยวพี่ขอไปปฏิบัติหน้าที่ก่อน” ผมบอก แล้วหยิบกุญแจรถน้องมาเลย ส่วนน้องมันก็ยืนเหงื่อตกสิครับ
“เฮ้ยยย....ไม่ต้องห่วงหรอก อะ พี่ให้ห้าสิบ เอาไปเล่นเน็ต” ยัดตังค์ใส่มือน้องแล้วก็ขี่ฟีโน่สีขาวออกมาเลย พอมาจอดตรงที่ไอ้ช้างยืนอยู่ หันไปปรากฏว่าไอ้น้องที่ร้านเน็ตมันมองอยู่ ผมก็เลยสั่งให้ไอ้ช้างมันทำท่าตะเบ๊ะแบบตำรวจส่งไปให้ไอ้น้องเจ้าของมอเตอร์ไซค์
น้องงี้.....วิ่งเข้าร้านแทบไม่ทัน
ตำรวจหรือผีวะ....ทำไมกลัวกันจัง
แต่ก็คุ้มนะ จากห้าร้อย...ลดลงมาเหลือห้าสิบ หึ
“อันนี้เค้าเรียกอะไร” ไอ้ช้างถาม อันที่จริงมันถามมาตลอดทางที่ขี่มอไซค์มาอะแหละ พูดมากมาตลอดทางเลบ
“สะพานปลา” ผมถอดแว่นกันแดดออกแล้วพับเหน็บที่คอเสื้อ คว้ากล้องDSLRมาจากมือไอ้ช้าง
“ไม่เห็นมีปลาเลยคุณชาย” จะว่าคำถามนี้มันเป็นคำถามโง่ๆก็ไม่ได้ เพราะผมเองก็เคยถามแม่อย่างนี้เหมือนกัน
ผมก็ไม่รู้จะอธิบายลักษณะภูมิทรรศน์ของสะพานปลายังไงนะ เอาเป็นว่าดูรูปเอาแล้วกัน มันคงจะซึมซับบรรยากาศได้มากกว่า
ผมถ่ายทั้งภาพบรรยากาศยามห้าโมงของสะพานปลา แล้วก็ภาพไอ้ช้างที่เดินไปทางโน้น วิ่งไปทางนี้บ้าง ชะโงกหน้าลงไปจนเกือบจะตกสะพาน รูปมันที่ถ่ายออกมาเป็นธรรมชาติดีแฮะ น่าจะเอาไปขายได้
“คุณแสน”
“ว่าไง” ผมกดชัตเตอร์ถ่ายเด็กเล็กที่ถอดเสื้อผ้าเล่นทรายอยู่ตรงหาดข้างล่าง ....พอเห็นว่าไอ้ช้างมันเงียบไปไม่พูดต่อผมก็เลยลดกล้องลง แล้วหันไปสาดแฟลชใส่มันแทน
มันงี้หลับตาปี๋เลย “หึๆๆๆ” “มีไร เรียกทำไมวะ?”
“อยากถ่ายรูปคุณชาย” อันนี้ผมคิดหนักเลยครับ ฝากกล้องไว้กับมันจะปลอดภัยมั้ย ดูหน้ามันตอนนี้ก็......เอาก็เอา
ผมยื่นกล้องให้มันอย่างหวาดๆหวั่นๆ “อะ..... ถือดีๆอะ”
พอได้กล้องไปปุ๊บ ‘แช๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....แช๊ะๆๆๆ’
“เฮ้ยๆๆๆๆๆ พอๆ” ยังไม่ทันขยับตัวแอ็คท่า มันก็รัวกล้องซะแล้ว ผมเลยต้องเอามือกดกล้องลงให้มันหยุดถ่าย “ไอ้ช้าง! แกถ่ายรูปเป็นมั้ยเนี่ย สักแต่ว่าจะกดอะ!” เปลืองโดยใช่เหตุมั้ยเนี่ย
“ก็ผมอยากถ่ายรูปคุณชาย” ทำปากยื่นตามเคย นั่นๆๆ น้ำมูกเริ่มไหลอีก….โถ่เอ้ย!
“หยุดถ่ายได้และ” ผมขมวดคิ้วบอกมันแล้วก็เดินนำออกมา ไอ้ช้างทำหน้าจ๋อยไปเลย สงสัยมันจะกลัว
ก็ดี เงียบๆซะบ้างก็ดี
ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาจนถึงสะพานแหลมสิงค์หนทางมันน่าหวาดเสียวนิดนึงครับต้องขึ้นเขาลงเขา ใครยังเป็นมือใหม่หับขับนี่เตือนเลยว่าอย่ามาทางนี้เลยดีกว่า แต่พอให้ถึงสะพานแหละสิงห์มันก็คุ้มนะ วิวสวยมาก ตอนนี้ก็จะหกโมงแล้ว แสงไฟจากเรือจำนวนมากที่อีกฝั่งด้านล่างสะท้อนกับน้ำทะเล ดูๆไปก็สวยดีเหมือนกัน
ถ่ายรูปได้แป๊บเดียวก็ต้องรีบกลับ เพราะว่ามันจะมืดแล้ว แถมคุณหญิงเธอก็โทรตามแล้วด้วย
ผมขี่มอเตอร์ไซค์ให้เร็วกว่าเดิม มีไอ้ช้างซ้อนท้ายเหมือนเดิม....มันตะโกนแข่งกับลมที่เข้ามาปะทะหน้า
ผมไม่ได้ยินก็เลย...
“แกว่าอะไรนะ!!” ผมหันหน้าไปทางซ้ายเพื่อจะเอาหูเข้าไปใกล้ๆมัน
แต่ว่า
‘อดัม สมิธ!!!’ ขอสบถหน่อยเถอะ!!!! นี่มันจงใจหอมแก้มกันชัดๆ กว่าจะกลับมาสู่สภาพปัจจุบันได้ก็ตอนที่มันเอามือมากอดเอวผมนี่แหละ
“ไอ้ช้างปล่อย!” ผมตะโกน………แต่ไม่นึกว่า เอ๋อๆอย่างมัน จะย้อนกับเค้าเป็นเหมือนกัน!!
“ฮะ??? คุณชายว่าอะไรนะครับ...ผมไม่ได้ยิน!!!!!”
ไอ้บ้า!!!!
“ฉันบอกว่าปล่อยยยย....!!!!!” มันกระชับกอดให้แน่นขึ้นไปอีก อร๊ากกกก
“อะไรนะคร๊าบบบบบ??!!!!!”
โอ้ย!!! จะบ้าตาย ใครก็ได้....ผมจ่ายให้พันนึงเลยเอ้า!!! เอามือไอ้ช้างออกไปที!!!!
----------------------------------------------
ชื่อที่แต่ละคนเสนอมาน่ารักมากเลยค่ะ
ชอบบบบบบบบ
เอาอีกๆๆ
ใครอยู่จังหวัดที่มีทะเลบ้าง จังหวัดไรกันบ้างเอ่ยย?