Chapter 15
วันถัดมาพายุและวายุถูกคุณหญิงสุดากักตัวเอาไว้ที่บ้านเพื่อให้ลูกชายทั้งสองเตรียมความพร้อมในการเข้าพิธีกรรมปลุกอำนาจในตัวของพวกเค้าตามคำแนะนำของอาจารย์ศรชัยจนกระทั่งถึงเวลากลางคืนตามฤกษ์ที่อาจารย์ศรชัยได้กำหนดไว้ วายุและพายุที่ไม่ได้ใส่เสื้อถูกจัดการให้นั่งเฉยๆกลางห้องโถงที่มีการเขียนอักขระอะไรบางอย่างไว้ตามคำสั่งของอาจารย์ศรชัย
“พร้อมนะ…ทั้งสองคน”
“ครับ/ครับ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน จากนั้นอาจารย์ศรชัยก็เริ่มสวดคาถาอะไรบางอย่างที่พายุและวายุไม่เข้าใจ…อาจารย์ศรชัยสวดอยู่นานจนกระทั่งลมทางด้านนอกตัวบ้านเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆเสมือนกับว่ามีพายุเข้า ทางบ้านของวารินทร์เองที่อยู่ๆก็เกิดลมแรงขึ้นมาเฉยๆเช่นกัน เมื่อเห็นดังนั้นวารินทร์จึงเดินออกมาดูด้านนอกของตัวบ้านก็เห็นบริวารในบ้านของเค้าเลื้อยไปเลื้อยมาอย่างรนรานวารินทร์รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนนารินทร์ก็รู้สึกแปลกๆเพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนนารินทร์รู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ได้จึงเดินออกจากห้องตัวเองเพื่อมาหาวารินทร์
“พี่รินทร์ นารู้สึกแปลกๆ…ไม่ชอบเลย” วารินทร์ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรนารินทร์…ทางด้านของพายุและวายุก็เริ่มรู้สึกรุ่มร้อนภายในตัวของเค้า เกิดอาการคั่นเนื้อคั่นตัวอย่างบอกไม่ถูกแถมบริเวณด้านนอกของบ้านยังมีนกมากมายมาบินรอบบ้านของพวกเค้าด้วย เหล่าคนใช้ในบ้านที่นั่งอยู่รอบๆเพื่อดูพิธีกรรมนี้ต่างรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองแบบนี้…ในจังหวะสุดท้ายนั่นเองอาจารย์ศรชัยใช้มือทั้งสองวางลงบนหัวของพายุและวายุ
“อ๊ากกกกกกกก” ทั้งสองร้องโหยหวนขึ้นเสียงดังลั่นแล้วก็สลบไป พร้อมๆกับพายุลมกรรโชกแรง
ด้านนอกก็หยุดลง คุณหญิงสุดาเห็นดังนั้นก็ให้คนใช้เข้าไปช่วยประคองพายุและวายุไว้
“อาจารย์คะ เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกคุณหญิงสุดา พลังของเค้าพึ่งตื่น…คงต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ เดี๋ยวผมจะเป็นคนช่วยสอนให้เค้าเอง” คุณหญิงสุดาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีและหันไปดูแลลูกชายทั้งสองต่อ ส่วนอาจารย์ศรชัยก็ยิ้มอย่างพอใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างดี…ผ่านไปหลายชั่วโมงจนเกือบเช้าก็ไม่มีทีท่าว่าสองพี่น้องจะตื่นแต่อย่างใดจนกระทั่งเช้ามืดสองพี่น้องก็รู้สึกตัวขึ้น คุณหญิงสุดา คุณสุพจน์และคนอื่นๆในบ้านต่างก็โล่งอกที่พายุกับวายุไม่เป็นอะไร
“เป็นยังไงบ้างลูก พายุ วายุ” คุณหญิงสุดาพูดถามขึ้น พายุและวายุก็ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร อาจารย์ศรชัยจึงลองทดสอบอำนาจของพายุและวายุโดยการหยิบปืนขึ้นมาหมายจะยิงพายุและวายุ คุณหญิงสุดาที่เห็นแบบนั้นก็เผลอกรีดร้องขึ้น
“อย่า!!!!!!!...ปัง!!! ปัง!!!” เสียงปืนดังสนั่นขึ้นสองนัด ลูกตะกั่วพุ่งเป้าไปที่พายุและวายุคนละนัดแต่แล้วสิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็สร้างความตกตะลึงไม่แพ้กัน ลูกปืนทั้งสองถูกหยุดไว้ด้วยฝ่ามือของสองพี่น้องวายุเทพแล้วค่อยๆหล่นลงกับพื้น…ทั้งสองนั่งมองมือตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“หึหึ…ฝึกอีกหน่อยไม่มีใครต่อกรเธอสองคนได้แน่นอน” อาจารย์ศรชัยพอใจกับอำนาจของทั้งสองคนอย่างมาก อำนาจอันแข็งแกร่งที่อาจารย์ศรชัยสัมผัสได้ซึ่งไหลเวียนอยู่ในตัวของทั้งสองคน แข็งแกร่งกว่าตัวเค้า แข็งแกร่งกว่าเหล่าพญานาคทั้งหลาย
วันเวลาผ่านไปหลายวันนารินทร์ที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยตามปกตินั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติสุข แถมระหว่างนี้เค้าเองยังไม่พบเจอกับวายุอีกด้วย ยิ่งสร้างความสบายใจให้กับตัวเค้ามากขึ้นไปอีก จนกระทั่งวันนี้ช่วงเย็นเค้าซึ่งพึ่งแยกย้ายกับเพื่อนและกำลังจะไปขึ้นรถกลับบ้านแต่ระหว่างที่นารินทร์กำลังเดินๆอยู่นั้นก็ถูกมือของใครบางคนจับไว้เสียก่อน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ…ดูมีความสุขดีจัง” นารินทร์หันไปตามเสียพูดก็พบเจอกับคนที่ไม่ได้เจอมาหลายวัน…วายุ
“คุณมีอะไร ผมจะกลับบ้านแล้ว” นารินทร์ถามอย่างใจเย็นแต่ยังคงมีอาการเหวี่ยงเล็กน้อยให้วายุได้เห็น
“พี่หิวข้าว…ไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิครับ” วายุพูดกับนารินทร์อย่างออดอ้อนแต่นารินทร์ก็ไม่ได้สนใจแถมยังทำหน้าเบื่อใส่อีกต่างหาก
“ผมนัดพี่รินทร์ไว้แล้ว…ปล่อยสักทีเถอะอย่าให้ผมหมดความอดทนนะ” วายุยังคงยืนตีหน้านิ่งและไม่ยอมปล่อยมือนารินทร์ นารินทร์เห็นดังนั้นก็จ้องไปที่วายุเพื่อหวังจะสะกดให้วายุปล่อยมือแต่ครั้งนี้มันต่างออกไปนอกจากวายุจะยังคงนิ่งไม่ไหวติงแล้ว วายุกลับจ้องนารินทร์กลับด้วยสายตาที่เรืองโรจน์เป็นสีแดงเช่นกันทำให้นารินทร์มีอาการตกใจไม่น้อย
“ครุฑ!!!” นารินทร์พยายามสะบัดมือออกจากวายุแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์แถมวายุยังจับนารินทร์แน่นกว่าเดิมจนนารินทร์รู้สึกเจ็บนิดๆที่ข้อมือ
“แค่ไปกินข้าวกับพี่แค่นี้ พี่ไม่ได้จะทำอะไรเราหรอกนะ…ขอร้องเถอะพี่อยากคุยกับเรานะ” นารินทร์เห็นดังนั้นจึงต้องยอมปล่อยเลยตามเลยและยอมไปกินข้าวกับวายุ…วายุจองเรือสำราญขนาดใหญ่ไว้ทั้งลำเพื่อหวังจะได้นั่งกินข้าวกับนาคน้อยแสนน่ารักของเค้าแค่สองคน
“เรือตั้งใหญ่โต นั่งกินแค่สองคนเอง…เห็นแก่ตัวที่สุด” นารินทร์พูดแขวะวายุขึ้น
“ครับพี่ยอมเห็นแก่ตัว แต่ก็เพื่อเรานะ” วายุส่งยิ้มพิฆาตกลับไปให้นารินทร์แต่มันก็ทำอะไรนารินทร์ไม่ได้ เคยบอกไปแล้วว่าบ้านวารีรินทร์มีภูมิต้านทานอะไรที่เกี่ยวกับด้านนี้สูงมาก
“แล้วที่บอกจะคุยด้วยอ่ะ คุยอะไร” นารินทร์เปิดประเด็นตั้งแต่ที่อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ เพราะวารินทร์เคยเตือนนารินทร์ไว้ว่าอย่าประมาทหากเผชิญหน้ากับครุฑไม่ว่าเค้าจะรู้ตัวเองหรือไม่ แต่นารินทร์ดูแล้วก็รู้ทันทีว่าวายุเริ่มควบคุมอำนาจของตัวเองได้แล้ว
“พี่อยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด…แต่พี่ก็ยังอยากรับผิดชอบเรานะ” วายุพูดจากใจจริง นารินทร์ได้ฟังดังนั้นก็สวนกลับทันที
“ไม่เป็นไรหรอก…ผมไม่ถือ ก็แค่พลาดพลั้งไป ที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไปไม่ต้องมายุ่งกันอีกดีกว่านะวายุ” วายุเลื่อนมือไปจับนารินทร์หวังจะให้รับรู้ความรู้สึกที่วายุมีต่อนารินทร์ ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่นแต่นารินทร์ก็ปฏิเสธที่จะรับรู้
“พี่อยากดูแลเรานะ คบกับพี่ได้ไหม” นารินทร์เกิดอาการไขว้เขวขึ้นในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้หลุดออกมาจากปากของวายุ แต่เค้าเองก็ยังไม่เชื่อใจเท่าไหร่นักเพราะครุฑอย่างพวกวายุเทพจะมายุ่งกับนาคอย่างเค้าทำไมและการกระทำที่ผ่านมาของวายุมันเป็นไปไม่ได้ที่วายุจะมารักนารินทร์
“ไม่ได้หรอกวายุ…คุณเป็นพญาครุฑ ส่วนพวกเราเป็นอะไรพวกคุณคงรู้ดี…มันเป็นไปไม่ได้” นารินทร์อ้างด้วยเหตุผลนี้ เพราะยังไงเสียนาคกับครุฑก็คือศัตรูกันวันยังค่ำ
“พี่ไม่สน…ต่อให้นารินทร์เป็นพญานาคหรือเป็นคนปกติ นารินทร์ก็จะต้องเป็นของพี่” เมื่อนารินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็เกิดอาการของขึ้นที่วายุไม่ยอมฟังในสิ่งที่นารินทร์บอก แถมวายุยังมองนารินทร์เป็นแค่สิ่งของอีกต่างหาก ทำให้นารินทร์อารมณ์เริ่มไม่เย็นเสียแล้ว
“ผมไม่ใช่สิ่งของ!!!”
“อย่าพึ่งโกรธนะ นาคน้อยพี่ก็ไม่ได้บังคับเรานี่ แต่พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่จะไปรับที่บ้านแล้วไปมหาลัยพร้อมกันนะ…อาหารมาแล้วกินเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน” วายุไม่เปิดโอกาสให้นารินทร์ได้ปฏิเสธ นารินทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง…เมื่อนารินทร์กินข้าวกับวายุจนอิ่มแล้วก็ไปยืนอยู่หัวเรือที่มีลมโกรกหน้าเบาๆอย่างสบายอารมณ์ ยืนเหม่อมองพระจันทร์ที่มันเต็มดวงพอดี ตาของนารินทร์กลายเป็นสีแดงอย่างไม่ได้ตั้งใจ รอบๆเรือก็มีปลามากมายว่ายโดดขึ้นเหนือน้ำเหมือนเป็นการสักการะผู้ยิ่งใหญ่แห่งสายน้ำ
“ชอบไหม” วายุที่มาจากด้านหลังก็ฉวยโอกาสกอดนารินทร์ไว้ในอ้อมกอด นารินทร์ก็สะดุ้งนิดหน่อยและพยายามดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนของวายุ แต่ก็เสียแรงเปล่านารินทร์จึงหยุดดิ้นแล้วยืนให้วายุกอดอยู่อย่างนั้น
“ชอบ…แต่ไม่ชอบตรงที่นายมายืนกอดผมนี่แหละ” นารินทร์พูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจนัก แต่วายุกลับดีใจที่อย่างน้อยนารินทร์ก็ไม่พยศกับเค้ามากเหมือนแต่ก่อน
“เรียกพี่ว่าพี่วายุแล้วแทนตัวเองว่านาหรือนารินทร์ก็ได้”
“ไม่!!!”
“ถ้าไม่จะจูบตรงนี้แหละ” วายุพูดขู่นารินทร์ นารินทร์เริ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงยอมๆวายุไปจะได้ไม่เสียเปรียบไปมากกว่านี้…หลังจากนั้นวายุก็พานารินทร์กลับไปส่งที่บ้านแต่เมื่อถึงบ้านวายุหันไปมองนารินทร์ก็ได้เห็นนาคกลายร่างเป็นแมวน้อยแสนน่ารักเพราะนารินทร์นั่งเหม่ออย่างเลื่อนลอยเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องระหว่างตัวเค้าเองกับวายุ
“ถึงแล้วนะ…อย่าลืมนะพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่มารับ” นารินทร์พยักหน้าแล้วเดินเข้าบ้านไป วายุก็ขับรถกลับบ้านตัวเองอย่างอารมณ์ดีเพราะคิดว่ายังไงเสีย การเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้ของวายุกับนารินทร์ก็สวยงามด้วยดี ต่างกับนารินทร์ที่ไม่คิดเช่นนั้นและกำลังหาทางหลีกเลี่ยงวายุให้ได้
“พี่รินทร์วันนี้…” นารินทร์กำลังจะเล่าเรื่องที่ไปพบวายุมาแต่วารินทร์ก็รับรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และยกมือขึ้นเชิงเป็นการบอกว่ารับรู้เรื่องทั้งหมดนารินทร์จึงเงียบไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาวารินทร์พยายามหาตัวคนที่ปลุกอำนาจที่หลับใหลอยู่ในตัวของพวกพญาครุฑขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะเหมือนมีม่านพลังบางอย่างปิดกลั้นเอาไว้ทำให้วารินทร์ไม่สามารถเห็นว่าคนๆนั้นคือใคร
“ระวังตัวให้มากนะนารินทร์ ไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้านเด็ดขาด!!!” วารินทร์สั่งนารินทร์แล้วก็เดินกลับเข้าห้องไปส่วนนารินทร์ก็งงๆนิดหน่อยแต่ก็เชื่อฟังวารินทร์แล้วขึ้นไปบนห้องของตัวเองเพื่อสะสางงานต่อ ส่วนวารินทร์ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาตัวผู้ที่คิดจะก่อสงครามระหว่างวารีรินทร์กับวายุเทพ…จะเป็นใครก็ช่างแต่ถ้าทำให้เค้าลำบากละก็…ตายสถานเดียว!!!