SP :: ผิงอัน หนุ่มเอ๋อกับเด็กข้างบ้าน
Mor Part
ผมมองพี่โต้งที่มาร่วมงานแต่งงานของลู่ อี้หลิน ลูกสาวคนโตและเป็นลูกสาวคนที่สามของบ้านตระกูลลู่
พี่โต้งแต่งตัวเหมือนคนมางานศพ ถึงมันจะเป็นสีปกติของชุดสูท แต่พอมาอยู่บนตัวพี่โต้งมันกลับดูเหมือนใส่ชุดไว้ทุกข์ทุกที
ผมมองหน้าพี่โต้งที่อยู่ใต้แว่นกันแดด
เฮ้อ~ พี่โต้งยิ้มยากทุกทีเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลลู่
ผมมองดูเจ้าสาวที่แต่งตัวแบบคนญี่ปุ่น เจ้าสาวคนนี้ไม่ได้มีเค้าหน้าเหมือนอาซ้อที่เคยเห็นในรูปเลยซักนิด เจ้าสาวดูเป็นคนจีนแบบคนจีนร้อยเปอร์เซ้นต์เต็ม ตาตี่ชั้นเดียวผิวขาวออกอวบๆ แต่ดูโดยรวมก็สวยดีน่ะนะ เห็นว่าตัวเจ้าสาวคนนี้เป็นลูกสาวของคุณนายที่สองที่เป็นน้องสาวของคุณนายใหญ่อีกที ไอ้ลู่ อี้เจียงนี่ฟันทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรือไงวะ ไอ้เฒ่าหัวงู ไอ้แก่โรคจิต ไอ้จิตวิปริต ไอ้โง่งมงาย ไอ้ชาติชั่ว แม่งมาขังอาซ้อสุดที่รักของพี่โต้งกูได้ไงวะ พี่โต้งกูออกจะรักเดียวใจเดียว เสียแต่พ่อตาแม่งโรคจิตชอบขังลูกตัวเอง ตายไปขอให้ปีนต้นงิ้ว!
อ่อ บ่นมาตั้งนานข้าพเจ้าขอแนะนำตัวเองหน่อยนะ กระผมผมชื่อมอครับ ชื่อจริงไม่ต้องรู้ นามสกุลไม่ต้องทราบ เอาเป็นว่าผมชื่อมอสุดหล่อ เป็นเพื่อนพี่โต้งที่เรียนมหาลัยมาด้วยกัน ก่อนต้องติดสอยห้อยตามพี่โต้งมาที่ญี่ปุ่น พี่โต้งนี่เป็นคนโคตรรวยอ่ะ คือโคตรรวยจริงๆนะ รวยทั้งโครตพ่อโครตแม่ โครตฝ่ายพ่อเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย โคตรฝ่ายแม่เป็นยากูซ่าคุมทั้งแถบ เห็นไหมบอกแล้วว่ารวยทั้งโคตร
เออ นอกเรื่องไปหน่อย ถึงไหนแล้วนะ ผมเป็นนักเรียน... นักศึกษาไทยธรรมด๊าธรรมดา ธรรมดาแบบหาใครเปรียบไม่ได้ เป็นคนธรรมดาที่เปลี่ยนมาเป็นคนไม่ธรรมดาเมื่อตอนมาเจอกับพี่โต้ง
ตอนนั้นผมรู้จักกับพี่โต้งในฐานะเพื่อนร่วมคณะ พี่โต้งในตอนนั้นน่ะไม่ได้รวยแบบนี้หรอก เป็นแค่นักศึกษาธรรมดาที่ปากกัดตีนถีบ... โอเค ก็ไม่ได้ปากกัดตีนถีบมากหรอก แต่พี่โต้งน่ะทำงานทุกอย่าง ทำทุกอย่างและรับทุกจ๊อบ ทั้งที่เป็นเดือนมหาลัยและเป็นนักศึกษาที่ได้ทุนเต็มจำนวนจากการเป็นนักกีฬามหาลัย แต่พี่โต้งก็ทำงานตลอด เกรดก็ต้องรักษา เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องทำงาน กิจกรรมรับน้องก็ต้องเข้า สรุปคือพี่โต้งทำงานจนทุกคนนึกว่าพี่โต้งบ้านจน แต่พอใครถามพี่แกก็จะบอกว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านและจะแต่งเมีย เอ่อ... พี่โต้งครับ ตอนนั้นพี่อายุแค่สิบแปดนะ พี่จะซื้อบ้านไปให้ปลวกแทะเหรอครับ
" กูมีคนที่ต้องไปช่วย ถ้ามึงไม่ช่วยกูก็หลบดิ๊ ขว้างทางเดินกู"
นั่นแหละครับ ผมเลยประทับใจในตัวพี่โต้ง
อะไรนะ มันเกี่ยวอะไรกับประวัติของผม มันก็ต้องเกี่ยวสิ เพราะชีวิตผมมีสีสันตั้งแต่ที่ได้รู้จักพี่โต้งนี่แหละ พี่โต้งนี่เป็นไอดอลตัวเป็นๆที่ทำให้ผม...
โครตปลื้ม..
ผมเริ่มทำงานและตามติดชีวิตพี่โต้งเหมือนเด็กติดดารา พี่โต้งไปไหนผมไปด้วย ผมตามพี่โต้งไปทุกที่ไม่ต่างจากเห็บหมา อ่อ แต่เห็บหมาตัวจริงนี่ต้องไอ้จ้าวนะ ไอ้จ้าวนี่ตามติดพี่โต้งยิ่งกว่าขี้ปลาทองตามติดตูด ขนาดพี่โต้งอยู่หอใน(เพื่อประหยัดเงิน) มันยังตามดิ้นรนขอร้อง(แกมบังคับ) ตามไปอยู่ห้องเดียวกับพี่โต้งเลย
" มึงชอบพี่โต้งเหรอวะ"
อันนี้เป็นคำถามที่ผมถามไอ้จ้าวนะ
แต่มันไม่ตอบครับ มันเอาแต่เหลือบตาใส่และส่งสายตามาให้แบบประมาณว่า มึงไร้สาระมาก...
ก็ได้... สายตาไอ้จ้าวไม่บอกแบบนั้นหรอก ถ้าจะให้แปลตรงๆก็คือ มึงพูดเอี้ยอะไรไอ้เห็บหมา มึงใช่ไหมที่ชอบพี่โต้ง ดี กูจะได้ฆ่ามึง แบบนี้จริงๆนะ แค่สายตาที่มันปรายตามามองผมแปรดเดียวก็แปลความหมายได้ตามนี้จริงๆนะ
เอ่อ ออกนอกเรื่องอีกแล้ว
สรุปคือผมเห็นพี่โต้งเป็นเหมือนไอดอลมาก พี่แกดูรักเดียวใจเดียวและมีจุดมุ่งหมยในชีวิตแบบที่เด็กอายุสิบแปดไม่น่ามี แล้วพอเห็นพี่โต้งมีปัญหาผมก็เลยตามมาที่ญี่ปุ่น อะไรนะมันข้ามเรื่องมาก? เออ ช่างมันเถอะ ไอ้เรื่องที่อยากผมจะเล่าน่ะมันเรื่องต่อจากนี้ต่างหาก
ผมมองพี่โต้งที่ทนนั่งอยู่ในพิธีด้วยความสงสาร พี่โต้งคงกำลังคิดถึงอาซ้อ คงอยากเห็นอาซ้อใส่ชุดแต่งงานมากกว่าถูกจับขัง ผมเหลือบตามองที่โต้งท่ีนั่งนิ่งยิ่งกว่ารูปสลัก ฮืออ กูไม่ไหวแล้วเว้ย กูสงสารพี่โต้ง ฮืออออ
" ไอ้จ้าว กูจะไปเดินเล่น เดี๋ยวกูมา"
ผมบอกไอ้จ้าวเสียงสั่น
" อย่าไปวิ่งเล่น รีบกลับมาก่อนที่จะเจอตีนกู"
อ่าา รู้จักกันมาสี่ปี มันพูดเยอะขึ้น แต่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนคงแปลไม่ออกว่า ไอ้ประโยคข้างบนน่ะหมายถึง ระวังตัวด้วย อยู่ในถิ่นคนอื่นอย่าซ่า มีอะไรให้รีบมาบอก อย่าสู้คนเดียว มันแปลได้ประโยคอย่างนั้นจริงๆนะ
ผมเดินออกมาจากงานในพิธีมาที่สวนด้านข้าง ลืมบอกไป ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านตระกูลคาวามูระ เจ้าพ่อยากูซ่าของแถบคันโต ดังนั้นพี่โต้งที่เป็นท่านเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลโอกาซาวาระที่เป็นเจ้าพ่อคุมแถบโทโฮกุจึงต้องมาร่วมงานพิธีแต่งงาน ผมเดินไปกลั้นน้ำตาไป
ไอ้มอเป็นคนอ่อนไหว...
ใครจะรู้ T^T
ผมเดินผ่านการ์ดในชุดสีดำที่มีอยู่อย่างประปราย ก็ได้.. มันไม่ประปรายหรอก มันมีอยู่ทุกจุด ก็นี่บ้านเจ้าพ่อนะไม่ใช่สุสานของคนญี่ปุ่น ผมเดินไปน้ำตาไหลไป กูกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว ฮือๆ
ผมมาหยุดยืนร้องให้อยู่ที่ใต้ต้นมณฑาสีขาว ต้นไม้ที่มีดอกสีขาวที่ฝรั่งเรียกว่าดอกแมคโนเลียนั่นแหละ มันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผมร้องไห้ไปดูดอกไม้ไป
คนในงานคงคิดว่าผมอกหักจากเจ้าสาว
แต่เจ้าสาวนหน้าซาลาเปาแบบนั่นน่ะ ให้กูฟรี กูก็ไม่เอาโว้ย
ผมยืนร้องไห้และทำจมูกฟุดฟิด
ซื้ดดด
ขี้มูกไหล...
เอาไงดีวะกู ลืมพาผ้าเช็ดหน้ามาด้วย
ผมหันซ้ายหันขวาเพราะขี้มูกไหลไม่หยุด
หรือว่าจะสั่งขี้มูกใส่กระดาษ
แต่กระดาษอยู่ในงาน
ถ้าจะเดินกลับไปเอา ก็ต้องเดินตั้งไกล
ผมยืนซี๊ดซ๊าดสูดขี้มูกอยู่คนเดียว
ในตอนที่ว่าจะขอยืมใบไม้มาสั่งขี้มูกก่อน ก็มีมือขาวๆโผล่มาแล้วส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้
"
เอาไปใช้ก่อนก็ได้นะ "
มาเป็นภาษาจีนเชียว คือกูฟังไม่ออกว่ะ กูเพิ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นมา ภาษาจีนกูยังไม่ได้เรียน
ผมมองหน้าคนพูดที่อยู่ในชุดสูทสีขาว
หน้าตาจีนมาก
แต่หล่อโคตร
"
ฟังไม่ออก แต่ขอบใจนะ "
ผมบอกมันไปเป็นภาษาญี่ปุ่น
ถึงกูจะฟังไม่ออก แต่ท่าทางที่ส่งมา มันต้องแปลว่าให้ยืมผ้าเช็ดหน้ามาใช้ได้แน่นอน
ผมมองหน้ามันแล้วก้มหัวให้คนพูดด้วยมารยาทของคนญี่ปุ่น แม่พี่โต้งสอนมา ห้ามสวัสดี ให้ก้มหัวได้อย่างเดียว
ผมมองมือขาวๆที่มีผ้าเช็ดหน้าราคาแพง
ผมคว้าผ้าเช็ดหน้ามา
แล้ว....
พรืดดดดดด
สั่งขี้มูกเสียงดัง
ไอ้คนที่เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าหัวเราะเบาๆ
แต่กูไม่สนอ่ะ
พรืดดดดดดด
รอบที่สอง....
เฮ้อ~ ค่อยโล่งจมูกหน่อย
"
ขอบใจนะ เดี๋ยวจะซื้อคืนให้ หรือว่าจะเอาเงินไปเลย เพราะคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว "
ผมถามไอ้เจ้าของผ้าเช็ดหน้า มันคงไม่อยากได้คืนแล้วมั้ง
"
ฮะ ฮะ "
ไอ้นี่หนิ... กูถามแต่มึงเสือกหัวเราะ เส้นตื้นไปแล้วนะมึง
"
อวี้หลัน "
หือ... มันว่าอะไรวะ
"
อวี้หลัน "
มันบอกแล้วชี้ไปที่ดอกไม้
อ๋อ มันคงหมายความถึงชื่อดอกไม้มั้ง
ว่าแต่... มึงมาบอกกูทำไมวะ
มันที่เห็นผมทำหน้างงก็เอาดอกแมคโนเลียที่หล่นอยู่มาวางให้ผมในมือ
คือ... มันก็โรแมนติกดีอ่ะนะ
ว่าแต่...
มึงเอามาให้กูทำไมวะ
แล้วมันก็ตอบมาเป็นแบบภาษากายแบบตอนที่ส่งผ้าเช็ดหน้า
มันยิ้มแล้วก้มจูบ
มันจูบ...
มันจูบ...
มันจูบ...
มัน...
" I will take you home Yu Lan "
แล้วผมจะพาคุณกลับบ้านนะ อวี้หลัน...
มันบอกแล้วเดินจากไป...
เท่สัด
แต่...
แต่กูเป็นผู้ชายนะ
หรือมึงอยากได้บอดี้การ์ดเพิ่ม?
ผมมองหลังมันที่เดินจากไป
มองดอกไม้กับผ้าเช็ดหน้า
ผมมอง
และ...
ปล่อยของทั้งสองอย่างลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำ
ผมกระทืบๆๆๆๆ
กูมีแฟนแล้วโว้ย มีแฟนแล้ว ถึงจะเป็นคนหน้าตายปากหมา แต่ก็เป็นแฟนที่ดีนะ!
อุ่ย... หลุดปาก
เออ ช่างมันเถอะ
ขอกูกระทืบไอ้ดอกไม้เอี้ยนี่กับผ้าเช็ดหน้าเอี้ยนี่ก่อนแล้วกัน
ผมกระทืบแล้วกลบดินฝัง ก่อนกระทืบดินซ้ำอีกที
เฮ้อ... เหนื่อย
ผมเดินกลับไปหาไอ้จ้าวที่กำลังเดินออกมาตาม
พี่โต้งคงจะกลับแล้ว
" ไปไหนมามึง"
" ไปฝังเหี้ยมา งานเลิกแล้วใช่ไหม"
" เออ "
ฮึฮึ เป็นไงล่ะแฟนผม พูดเพราะได้อีก
อ่าวกู... หลุดปากอีกแล้ว
เฮ้อ~ ช่างเถอะ กลับบ้านดีกว่า
หวังว่าคุณริทสึโกะจะทำอาหารไว้รอนะ
เอาแค่ของหวานก็ยังดี
ของหวานของคุณริทสึโกะน่ะ อร่อยสุดในสามโลกแล้ว
" น้ำลายยืดแล้วมึง เป็นหมาบ้าหรือไงวะ"
ชิ ไอ้แฟนปากหมา อย่าให้กูกลับถึงบ้านนะมึง กูจะฟ้องเท็ตสึโอะ
อ่าวกู...
ผมบอกทุกคนไปหรือยังว่า ผมมีแฟนสองคน
เป็นผู้ชายทั้งคู่
ไอ้จ้าวกับเท็ตสึโอะ
มันเป็นพี่น้องกัน
พี่น้องที่มีชื่อเหมือนกัน คือชื่อเท็ตสึโอะ
มันเป็นพี่น้องแบบพี่น้องแท้ๆน่ะนะ
แต่หน้าตากับนิสัยนี่ไปกันคนละทาง
คนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนหนึ่งเป็นนักเลง
เออ ช่างมันเถอะ...
พูดมากกูชักงง
สรุปคือตอนนี้กูต้องการจะสื่ออะไรวะ
อ๋อ สรุปคือ...
ผมชื่อมอ เป็นเพื่อนของพี่โต้ง เป็นคนที่กำลังจะผันตัวไปเป็นผู้ช่วยมาเฟีย เป็นมือขวา เป็นคนอ่อนไหว เป็นคนที่เป็นผู้ชายที่ดันมีแฟนเป็นผู้ชายสองคน เป็นแค่คนไทย เป็นคนธรรมดาที่เรียนมหาลัยยังไม่จบแต่ก็ต้องมาอยู่ที่ญี่ปุ่น เป็นคนที่รักพี่โต้งมาก รักแบบเทิดทูลอ่ะนะ เป็นคนที่....
เออ ช่างมันเถอะ
สรุปอีกทีก็คือ วันนั้นเป็นวันที่ผมได้พบ ลู่ หยี่จินเป็นครั้งแรก และต่อจากนั้นมามันก็ตามตื้อผมมาตลอด สุดท้ายมันก็จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของพี่โต้ง แต่ก็ดีแล้วล่ะ คนเลวแบบนั้นตายไปซะก็ไม่น่าสงสารหรอก อะไร ใครหาว่าผมใส่ร้าย มันเลวจริงๆนะโว้ย ทั้งเลวทั้งชั่ว เลวกว่าพี่ชายคนโตมันเสียอีก อย่าให้ผมเล่าดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่านินทาคนตาย แต่สรุปคือ มันตายไปแล้ว แต่ผมไม่ไปงานมันหรอกนะ สมน้ำหน้า แล้วอีกอย่าง กูชื่อมอโว้ย ไม่ใช่ยูกิ ไม่ใช่อวี้หลัน!
แต่...
แต่ยูกินี่ให้เรียกก็ได้นะ
ให้เท็ตจังกับคุณริทสึโกะเรียกได้แค่สองคนก็พอ~
หึหึ
End MoR part
===========================
มันช่างไร้สาระ...
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษของมอค่ะ คงออกมาแค่นี้แหละ ที่เหลือของตอนพิเศษน่าจะเป็นตอนของจ้าว(มั้ง)