กุญแจดอกที่ 19
“นี่มันตัวอะไรครับ!!!” ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยถามหลังจากที่เปิดกระเป๋าออกแล้วเห็นของที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋า
“คือว่า..” พญาพูดไม่ออกเพราะว่ากำลังกลั้นขำจนหน้าแดง
“น้อนด้าวววว ตะไมน้อนด้าวมานอนเย่นในตาเป๋าแบบนี้น้า” หนูด้วงวิ่งต็อกแต็กมาตรงจุดที่กลุ่มนายตำรวจและพญายืนอยู่ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาดึงตุ๊กตาเอเลี่ยนของตัวเองออกจากกระเป๋าสีดำไปกอดเอาไว้ด้วยท่าทีรักใคร่
ฟังน้ำเสียงของเจ้าตัวเล็กแล้วพญาก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าตัวแสบต้องรู้อยู่แล้วว่าในกระเป๋ามีอะไรถึงได้หวงแหนไม่ยอมให้คุณตำรวจตั้งแต่ทีแรก
“รีบไปตรวจสอบว่าเบอร์ที่โทรแจ้งเราเป็นเบอร์ของใคร มาล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลกเลย” ท่านสารวัตรทำหน้าไม่ถูกเมื่อไม่มียาเสพติดอย่างที่มีคนโทรแจ้งเอาไว้
“ไม่ต้องตรวจสอบหรอกครับ ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ มันหวังจะให้ลูกกับหลานของผมมีประวัติที่ไม่ดี ประเด็นคือมันต้องการทำร้ายชื่อเสียงของผมด้วย ผมเพิ่งแยกมาจากท่านผู้กำกับ ตอนนี้ตัวกลางส่งยาถูกจับได้แล้วสองคน ผมว่าพวกคุณควรรีบกลับไปที่โรงพักดีกว่าเพราะทางนั้นคงต้องใช้กำลังคนไปรวบตัวพ่อค้ายารายใหญ่ที่ทางการหมายตามานาน” พญาบอกกับนายตำรวจทุกคนที่ยืนหน้าเจื่อนกันอยู่
“ต้องขอโทษด้วยครับคุณพญากับเรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น” ท่านสารวัตรรู้สึกผิด
“คนที่คุณควรขอโทษไม่ใช่ผม” พญามองไปที่โอบอุ้มและหนูด้วง
“ขอโทษนะครับคุณหนูทั้งสอง” นายตำรวจทั้งหมดกล่าวคำขอโทษเด็กน้อยทั้งสองคนเพราะรู้ดีว่าผิดที่ทำให้เด็กทั้งสองคนต้องตกใจ
“ยกโทษให้คุณตำรวจนะครับหนูด้วง” โอบอุ้มบอกกับน้องชายเพราะรู้ดีว่าคุณตำรวจต้องทำตามหน้าที่
“หนูจาถามน้อนด้าวก่อน” หนูด้วงกระซิบถามตุ๊กตาที่อุ้มอยู่
นายตำรวจต่างก็ขำความเป็นเด็กของหนูด้วงแต่พอน้องด้าวก็พูดออกมาแต่เป็นเสียของเบล ซึ่งคำพูดของเบลนั้นมีรายละเอียดแผนการทั้งหมด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเบลคุยกับใครเพราะเสียงที่ได้ยินจากเจ้าตุ๊กตาเอเลี่ยนมีเพียงเสียงของเบลเท่านั้น คุณตำรวจได้ฟังต่างพากันอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าเจ้าตุ๊กตารูปร่างประหลาดนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง
“น้องด้าวไขคดีอีกแล้ว กูว่ามาร์เวลต้องมาซื้อตัวน้องด้าวไปเป็นพระเอกสักเรื่องแล้วว่ะไอ้หนอม” พญากระซิบลูกน้องของตัวเอง
“ก้อได้ก้อได้ หนูยดโทดให้ก้อได้ หนูเฉียใจแต่หนูหายเฉียใจแย้วก้อได้” หนูด้วงตอบรับ พญายีผมหนูด้วงเบาๆ
“แล้วผมจะเอาเสียงอัดจากเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ไปให้ที่โรงพักนะครับ” พญาบอกกับท่านสารวัตร
“ขอบคุณนะครับคุณพญา ขอบใจหนูด้วยนะที่ยกโทษให้ลุง” ท่านสารวัตรลูบผมของหนูด้วงเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่มองหนูด้วงแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ยิ่งหนูด้วงทำท่าตะเบ๊ะตอบกลับไปทุกคนก็พากันหัวเราะออกมา
นายตำรวจหลายคนรู้สึกผิดที่เผลอดุเด็กตัวน้อยจนเสียขวัญแต่เมื่อเห็นว่าพญา โอบอุ้มและหนูด้วงไม่เอาเรื่องก็โล่งใจ เมื่อเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดีคุณตำรวจก็ขอตัวกลับไปจัดการเรื่องคดียาเสพติดต่อ เมื่อคุณตำรวจไปแล้วพญาก็รีบจูงมือหนูด้วงกับโอบอุ้มมานั่งในรถเพื่อจะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“สรุปคือเราไม่รู้ใช่ไหมว่าเบลมันหลอกให้เรามาส่งยา” พญาถามโอบอุ้ม
“รู้ครับ” โอบอุ้มตอบ
“รู้เหรอ รู้ได้ยังไง”
“แม้ลายมือในจดหมายจะเหมือนลายมือของป๊าก็จริง แต่ป๊าไม่เคยเรียกโอบว่าเจ้าโอบ ป๊าเป็นคนเดียวที่เรียกโอบว่าเจ้าอุ้ม โอบเลยรู้ว่าจดหมายฉบับนั้นไม่ใช่ของป๊า”
“ฉลาดมาก แล้วเราเป็นคนเปลี่ยนยาในกระเป๋าออกเหรอ”
“ครับ โอบแอบเอาห่อยาไปเก็บในลิ้นชัก แต่ก็เพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้เอาอะไรยัดใส่กระเป๋ามา ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นน้องด้าวได้ยังไงเหมือนกันครับป๊า หรือว่าหนูด้วง...” เมื่อโอบอุ้มพูดจบพญาและโอบอุ้มก็หันไปมองหนูด้วงแทบจะพร้อมกัน
“มันก็เป็นไปได้ กล่องที่เบลมันเอาไปที่วัดเป็นยาล็อตใหญ่ทั้งที่มันดูมั่นใจมากว่าในนั้นไม่ใช่ยาเสพติด ป๊าว่ามันคงตาขลาดเสียก่อนถึงได้คิดเอาปะการังขึ้นไปแทนยา มันคงกลัวโดนจับเลยเปลี่ยนแผน แต่พอตำรวจค้นดูก็กลับเป็นยาเสพติดล็อตใหญ่จริงๆ”
“เขาแกล้งทำท่าตกใจไปอย่างนั้นหรือเปล่าครับป๊าเพื่อให้พ้นผิด”
“ป๊าว่ามันไม่ได้แกล้งตกใจหรอก มันดูตกใจจริงๆ” พญาพยายามย้อนคิดถึงท่าทางของเบล พญาคิดว่าเบลไม่น่าแสดงอาการตกใจได้ขนาดนั้นแต่ก็คิดไม่ออกว่าใครจะย้อนแผนของเบลได้
“ที่โอบได้ยินเสียงพี่เบลจากน้องด้าว ห่อยาจะต้องมีสองล็อต ล็อตแรกคือที่พี่เบลจะเอาไปส่งลูกค้าเองซึ่งมันอยู่ในกล่องที่พี่เบลเอามา อีกล็อตคือที่ผู้ชายคนนั้นมาส่งให้โอบ โอบเอาห่อยาล็อตของโอบไปซ่อนในลิ้นชัก พอมานึกแล้วก็แปลกใจนะครับป๊า โอบเห็นพี่เบลยกออกไปกล่องหนึ่งตอนที่พี่เบลกลับ ถ้าพี่เบลเปลี่ยนกล่องแล้ว แล้วอีกกล่องหายไปไหน พี่เบลเอาไปซ่อนที่ไหน”
“นั่นสิ มันต้องมีคนที่เปลี่ยนของโดยที่เบลไม่รู้ตัว แต่มีเรื่องแบบนี้เราน่าจะโทรหาป๊านะเจ้าอุ้ม”
“หลังจากที่โอบได้กระเป๋าจากผู้ชายคนนั้นมา ตอนนั้นพี่เบลขอตัวกลับไปก่อน แต่โอบรู้ว่าพี่เบลแอบดูอยู่ข้างนอกเลยไม่ได้โทรหาป๊าเพราะกลัวว่าพี่เบลจะแอบเอาเครื่องดักฟังมาติดเอาไว้ครับ โอบเอายาออกจากกระเป๋าแล้วเลยไม่กลัวว่าจะโดนใส่ร้าย ก็แค่ทำตามที่พี่เบลวางแผนเอาไว้เพื่อไม่ให้เขามาทำร้ายโอบกับน้องได้ โอบรู้ว่าที่ท่าเรือยอร์ชของป๊ามีคนของป๊าซ่อนอยู่เลยกล้าไป”
“แสดงว่ายาล็อตของโอบยังอยู่ที่บ้านเราใช่ไหม ต้องรีบกลับไปเอาก่อนที่มันจะแจ้งความใส่ร้ายป๊า แต่ก็น่าแปลกใจว่าทำไมในกระเป๋าถึงกลายเป็นตุ๊กตาของหนูด้วงไปได้”
“โอบจำได้ว่าพี่เบลขนกล่องของเข้ามาหลายกล่อง ในกล่องมีปะการังกับของตกแต่งตู้ปลา แต่มีอีกกล่องหนึ่งที่พี่เบลยังไม่ทันได้หยิบของในกล่องออกมา พี่เบลบอกว่าเพื่อนเอามาให้ผิด จากนั้นพี่เบลก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ ตอนนั้นโอบก็รีบออกไปมราห้องของป๊าเพื่อปรับกล้องวงจรปิดจากคอมให้หันไปที่พี่เบล อยากจะซูมไปเผื่อจะได้ยินว่าพี่เบลพูดอะไร แต่หนูด้วงเดินออกไปหาพี่เบลเสียก่อนโอบก็เลยต้องทิ้งคอมเอาไว้เพราะกลัวหนูด้วงจะได้รับอันตราย”
“เออใช่!! กล้องวงจรปิด!! ไอ้หนอมรีบพากูกลับสำนักงานด่วน” พญานึกขึ้นได้ว่าจะได้คำตอบเรื่องทั้งหมดนี้จากอะไรจึงสั่งให้ลูกน้องขับรถมุ่งหน้ากลับไปสำนักงานให้เร็วที่สุด
..
เพราะท่าเรือกับสำนักงานอยู่ห่างกันนิดเดียว กลุ่มของพญาเลยกลับมาถึงสำนักงานภายในไม่กี่นาที ซึ่งมาถึงก็เจอเทียมฟ้ากับคีตะยืนอยู่ตรงหน้าสำนักงานแล้ว คีตะเป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยเป็นสายให้กับตำรวจในการล้วงข้อมูลสำคัญจากดนัยและเป็นคนที่ช่วยเปลี่ยนเอายาที่อยู่ในกระเป๋าของตะวันไปใส่ในกระเป๋าของเบลให้หลังจากที่เบลเอากระเป๋าเงินมาเก็บที่ดนัยแล้วกลับออกไป พญาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่วัดกับที่ท่าเรือให้เทียมฟ้าและคีตะฟัง จากนั้นทุกคนก็พากันไปดูภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดเพื่อให้ความจริงทุกอย่างมันกระจ่าง
...
..
.
“น้องโอบ พี่ฝากดูของก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ออกไปโทรบอกเพื่อนก่อนว่าเขาเอามาผิดอยู่สองสามกล่อง” เบลบอกกับโอบอุ้มแล้วก็เดินออกจากห้องไป
“หนูด้วงนั่งรอพี่อยู่ที่นี่นะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวพี่มา” โอบอุ้มกำชับหนูด้วงก่อนจะรีบเดินออกไปที่ห้องนอนของพญาเพื่อจะเข้าไปปรับตำแหน่งของกล้องวงจรปิดตัวที่ติดอยู่ด้านหน้าของสำนักงานให้ซูมไปที่เบล
หลังจากที่เบลและโอบอุ้มออกไปแล้วหนูด้วงก็พยายามจะชะเง้อมองดูกล่องใส่ปะการังกล่องสุดท้ายที่ดูจะใหญ่ที่สุด พี่เบลไม่ยอมเอาของในกล่องออกมามันยิ่งทำให้หนูด้วงอยากจะเห็นสุดๆ ว่าในกล่องนั้นมีปะการังสีอะไร เด็กน้อยเดินวนรอบกล่องด้วยความชั่งใจ อยากจะเปิดดูแต่ก็กลัวถูกดุ
“อะไดนะ น้อนด้าวอยากให้ปี้หนูด้วนเปิดกล่อนอ๋อ แต่มัมๆ ฉอนว่าไม่ให้ยุ่นขอนคนอื่นนะ” หนูด้วงพูดกับตุ๊กตาเอเลี่ยนก่อนจะมองกล่องของอีกครั้ง
“ก้อได้ก้อได้ ปี้หนูด้วนจะเปิดก้อได้แต่น้อนด้าวห้ามบอดมัมๆ นะ” หนูด้วงหันมาพูดกับตุ๊กตาเอเลี่ยนอีกครั้งก่อนจะเปิดฝากล่องออกมา
ในกล่องกระดาษขนาดใหญ่ไม่ได้มีปะการังอย่างที่หนูด้วงคิดแต่กลับเป็นกระเป๋าสีดำใบใหญ่แทน หนูด้วงรูดซิบกระเป๋าออกเพราะอยากรู้ว่าในนั้นมีของดีอะไร สิ่งที่เห็นมีเพียงห่อกระดาษสีส้มขนาดใหญ่ เจ้าตัวเล็กหยิบห่อสีส้มขึ้นมาดู สีหน้าของเด็กน้อยดูจะผิดหวังที่มันไม่ใช่ของตกแต่งตู้ปลาแถมยังมีกลิ่นเหม็นๆ จังหวะที่จะเอาห่อยาวางกลับลงไปในกระเป๋าตามเดิมขาของหนูด้วงดันสะดุดตัวน้องด้าวที่วางอยู่ที่พื้นจนห่อยากระเด็นไปเกี่ยวกิ่งปะการังอย่างแรงจนกิ่งปะการังหักออก ห่อกระดาษสีส้มก็มีรอยขาดเล็กน้อย เด็กน้อยหน้าตื่นรีบกุลีกุจอลุกขึ้นมาแล้วหยิบเอาห่อกระดาษสีส้มที่ขาดยัดเข้าไปในกล่องปะการัง แล้วเอาปะการังที่หักยัดเข้าไปในกระเป๋าสีดำแทน เด็กน้อยรีบรูดซิบกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วปิดฝากล่องด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ แต่ก็ทำได้จนสำเร็จ
“ปี้หนูด้วนต้อนโดนปี้เบวดุแน่เลย เอาน้ำเย็นเจี๊ยบไปให้ปี้เบวกันดีฟ่าน้อนด้าว ปี้เบวจาได้ไม่ดุ” หนูด้วงพูดกับน้องด้าวก่อนจะวิ่งออกไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำไปให้เบลที่หน้าสำนักงาน
สักพักใหญ่เบล โอบอุ้มและหนูด้วงกลับเข้ามาในห้องใต้สมุทรอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าสำนักงานดังขึ้นโอบอุ้มกับหนูด้วงก็เดินออกไปจากห้องใต้สมุทร เบลใช้จังหวะที่หนูด้วงกับโอบอุ้มไม่อยู่เอากล่องที่มีกระเป๋าใส่ยาบ้าไปซ่อนบริเวณด้านบนตู้ปลาซึ่งเป็นส่วนที่ให้อาหารปลา ที่ทำอย่างนั้นเพราะเบลเกิดความกังวลใจว่าอาจจะมีตำรวจดักรออยู่ข้างนอกได้ เบลคิดว่าซ่อนเอาไว้ในนี้ก่อนแล้วเอากล่องปะการังขึ้นไปที่วัดแทน หากทุกอย่างราบรื่นไม่มีอะไรอย่างที่กังวลค่อยพาลูกค้ากลับมาเอายาที่นี่ แต่ถ้ามีตำรวจดักรอตรวจกลางทางเบลจะได้ไม่ซวยและจะได้แจ้งความกลับว่าพญามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ที่นี่ เมื่อเบลเอากล่องยาขึ้นไปซ่อนเสร็จแล้ว เบลก็เดินกลับลงมาปิดกล่องปะการังอันที่จะเอาไปแทนยาบ้าโดยที่ไม่ทันตรวจดูให้ดี เบลเลยไม่รู้ว่าในกล่องนั้นมีห่อยาเสพติดที่หนูด้วงเอาไปซ่อนเพื่อปกปิดความผิดของตัวเองอยู่ในนั้น
“ใครมาเหรอครับน้องโอบ” เบลแสร้งถามเมื่อโอบอุ้มกับหนูด้วงเดินกลับเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าสีดำ
“ลูกน้องของป๊ามั๊งครับ แต่ผมไม่เคยเห็น” โอบอุ้มบอกกับเบล
“เหรอครับ” เบลมองของในมือของโอบอุ้มอีกครั้งให้แน่ใจว่าลูกน้องของมิสเตอร์คิมเอามาไม่ผิด
“ผมต้องไปทำธุระให้ป๊า คงต้องให้พี่เบลกลับก่อน พรุ่งนี้พี่เบลค่อยมาใหม่ได้ไหมครับ”
“อ๋อ ได้ครับ” เบลตอบรับก่อนจะลอบยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“หนูด้วงครับ เราต้องไปทำธุระให้ป๊าก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำบ้านให้น้องปลาเนอะ ผู้วิเศษต้องรอได้ใช่ไหม” โอบอุ้มถามหนูด้วง
“หนูไม่เป็นปู้วิเฉดแล้วก้อได้” หนูด้วงหน้างอที่เบลยังไม่ได้ทำบ้านใหม่ของน้องปลาให้เสร็จ
“พรุ่งนี้พี่เบลจะเอาของที่หนูด้วงอยากได้มาให้ ของที่ว่าสีส้มอะไรสักอย่าง ว่าแต่มันคืออะไรเหรอครับน้องโอบ...ไอ้ปัดกายัน” เบลกลัวว่าหนูด้วงจะงอแงแล้วทำแผนเสียเลยต้องหาวิธีมาหว่านล้อม
“ปะการังครับพี่เบล” โอบอุ้มตอบ หนูด้วงได้ยินคำว่าปะการังก็แอบสะดุ้งเบาๆ เพราะกลัวพี่เบลจะรู้ว่าตัวเองทำปะการังหัก
“อ๋อ โอเค พี่เบลจะเอาปะการังสีส้มมาให้” เบลย่อตัวลงบอกหนูด้วง
“ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงรีบรับคำก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรเอาไว้
“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ” เบลบอกกับเด็กน้อยทั้งสองคนก่อนจะอุ้มกล่องปะการังเดินออกจากห้องไป
“ปี้โอดอุ้น” หนูด้วงกระตุกเสื้อของโอบอุ้มและทำหน้าจ๋อยๆ
“ไม่งอแงนะครับคนเก่งของพี่”
“หนู...หนู...ก้อได้ก้อได้” หนูด้วงเรียกโอบอุ้มเพราะมีเรื่องจะสารภาพแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้อย่างใจดีเลยคิดว่าไม่ต้องพูดก็ได้เลยปล่อยให้ความผิดนั้นผ่านไป
หนูด้วงเดินตามโอบอุ้มเข้าไปในห้องใต้สมุทรอีกครั้งเมื่อพี่เบลไปแล้ว ทันทีที่เห็นว่าโอบอุ้มเปิดกระเป๋าสีดำแล้วหยิบห่อสีส้มที่เหมือนของเบลก็ทำตาโตเพราะนึกว่าเป็นห่อเดียวกับที่ตัวเองทำขาด หนูด้วงเห็นโอบอุ้มเอาห่อสีส้มในมือไปซ่อนในลิ้นชักก็แอบดูอยู่เงียบๆ พอโอบอุ้มเดินไปนอกห้องหนูด้วงก็รีบไปหยิบห่อสีส้มในลิ้นชักมาดู
“ปี้หนูด้วนว่าเอาอันนี้ไปฉ่อนข้านบนดีฟ่า ถ้าปี้เบวกลับมาดุปี้หนูด้วน ปี้หนูด้วนจะได้เอาอันนี้ให้ปี้เบวแทนดีมั้ยน้อนด้าว” หนูด้วงพูดจบก็ผลุบหายไปทางด้านหลังตู้ปลา
กล้องวงจรปิดถ่ายไปไม่ถึงด้านหลังจึงไม่เห็นว่าหนูด้วงปีนขึ้นไปด้านบนได้หรือไม่ แต่พักเดียวภาพจากกล้องฉายให้เห็นว่าห่อยาสีส้มห่อเล็กที่หนูด้วงถือไปตกลงไปในตู้ปลาแล้ว ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็เดินคอตกไหล่ลู่ออกมาจากทางด้านหลังตู้ปลา ใบหน้าของเด็กน้อยเจื่อนและมีน้ำตาคลออย่างเห็นได้ชัด
“หนูต้องโดนดุแน่ๆ หนูจาต้อนโดนปี้เบลหยิดแน่ๆ ปี้หนูด้วนจาหนีออดจาดบ้านดีมั้ยน้อนด้าว หนีไปหามัมๆ กัน น้อนด้าวหนีออดจาดบ้านไปกะปี้หนูด้วนนะ” หนูด้วงปาดน้ำตาก่อนจะเอาตุ๊กตาเอเลี่ยนคู่ใจยัดใส่กระเป๋าสีดำที่โอบอุ้มวางทิ้งเอาไว้แทนแล้วรีบรูดซิบ ครู่เดียวโอบอุ้มก็เดินเข้ามาในห้องแล้วสะพายกระเป๋าสีดำใบนั้นขึ้นบ่าก่อนจะจูงมือหนูด้วงออกมาจากสำนักงานโดยลืมนึกไปว่ากระเป๋ามันตุงกว่าเดิมทั้งที่เมื่อครู่มันว่างเปล่าและโอบอุ้มก็ไม่ได้สังเกตอีกด้วยว่าน้องชายตัวเล็กซึมเศร้าไปไม่ร่าเริงเหมือนทุกที
.
..
...
“ฮ่าๆๆๆๆ ทั้งลูกทั้งหลานกูมันเด็ดดวงจริงๆ ตัวแค่นี้แต่ทำอะไรได้ขนาดนั้น” พญาหัวเราะด้วยความชอบใจเมื่อได้ดูกล้องวงจรปิดทุกตัวจนครบ
“โธ่เอ้ยหนูด้วง” เทียมฟ้าทั้งขำทั้งสงสารหนูด้วงที่กลัวโดนดุจนคิดจะหนีออกจากบ้าน
“หนูด้วงกลายเป็นผู้วิเศษจริงๆ ถ้าไม่ได้หนูด้วงคุณคงติดคุกโทษฐานมียาเสพติดในครอบครองไปแล้วนะพญา แล้วเบลก็จะรอดตัวไปอีก ป่านนี้คงคิดไม่ตกว่ายามันไปอยู่ในกล่องปะการังได้ยังไง” คีตะพูดพลางมองไปที่เจ้าตัวเล็กที่ยังคงนั่งกอดตุ๊กตาเอเลี่ยนอยู่ที่โซฟา
“หนูด้วงมาหาน้ามา” พญาเรียกหลานรักที่นั่งหน้าจ๋อยให้มาหา
“หนูจาหามัมๆ” หนูด้วงไม่กล้าไปหาพญาเพราะกลัวว่าจะโดนดุ
“น้าไม่ดุหนูด้วงหรอกที่ทำของพัง แต่น้าจะต้องสอนหนูด้วงว่าห้ามปีนขึ้นไปบนตู้ปลาคนเดียวอีก ถ้าหนูด้วงตกลงมาแทนห่อสีส้มนั่นจะทำยังไงครับ” พญาเป็นฝ่ายเดินมาหาหลาน
“หนูขอโทษยุงพะยา แต่หนูไปกะน้อนด้าว หนูไม่ได้ไปคนเดียว” หนูด้วงยกมือขึ้นมาไหว้ขอโทษพญา พญาได้ยินเหตุผลของเจ้าตัวน้อยว่ามีน้องด้าวไปด้วยก็ไม่รู้จะสอนยังไงเพราะน้องด้าวก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้วจริงๆ ถ้าบอกหนูด้วงว่าน้องด้าวเป็นแค่ตุ๊กตาไม่มีชีวิตหนูด้วงคงจะสะเทือนใจอีก
“แต่หนูด้วงก็ช่วยคนได้หลายคนเลยรู้ไหม หนูด้วงช่วยทำให้ทุกคนบนเกาะปลอดจากยาพิษ หนูด้วงเป็นผู้วิเศษแบบโคตรๆ” พญาตัดสินใจจะไม่กล่าวโทษเรื่องที่หนูด้วงปีนขึ้นไปบนตู้ปลาอีกพร้อมกับเอ่ยชมหลานรักด้วยความภาคภูมิใจแทน เจ้าตัวน้อยที่หน้าจ๋อยอยู่เมื่อครู่เริ่มจะคลี่ยิ้ม ถึงไม่เข้าใจคำว่าโคตรๆ แต่คิดว่ามันต้องเป็นอะไรที่เด็ดเด็ดมากแน่ๆ
“หนูทำปัดกายันพันหมด” หนูด้วงเริ่มสารภาพ
“พังก็ไม่เป็นไร”
“หนูทำห่อฉีฉ้มขอนปี้เบวขาด”
“ขาดก็ไม่เป็นไร”
“หนูทำห่อฉีฉ้มที่ปี้โอดอุ้นเก็บไว้หล่นน้ำต๋อมแต๋มไปเยย”
“หล่นก็ไม่เป็นไร”
“หนู...หนู...”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่าหนูด้วงทำอะไรน้าก็ไม่ดุไม่โกรธ น้ารักหนูด้วงและจะไม่ยอมให้ใครมาดุหรือมาหยิกหนูด้วงอีก ต่อไปถ้าทำผิดอะไรแค่มาบอกน้า น้าจะช่วยหนูด้วงทุกเรื่อง ไม่ต้องหนีออกจากบ้านอีกนะครับ”
“เกี่ยวก้อนกัน” หนูด้วงยกนิ้วก้อยขึ้นมาเพื่อให้พญาสัญญา
“มาเกี่ยวก้อน เอ้ย เกี่ยวก้อยกันทุกคนเลย” พญาชวนทุกคนมาร่วมเกี่ยวก้อยกับหนูด้วง
“เย้ เกี่ยวก้อนกัน หนูจาไม่โดนดุ จาไม่โดนหยิดแย้ว” หนูด้วงลุกขึ้นยืนกระโดดดีใจที่ไม่โดนทำโทษ
“ป๊าก็ภูมิใจในตัวเรานะเจ้าอุ้ม เราฉลาด ดูแลน้องได้ทั้งที่ตัวแค่นี้ ขอบใจนะ” พญาโยกหัวโอบอุ้มเบาๆ
“โอบยังดูแลน้องไม่ดีเท่าไหร่ โอบจะพยายามให้มากกว่านี้ โอบอยากดูแลทุกคนให้ได้เหมือนป๊าครับ” โอบอุ้มดีใจที่ทำให้พญาภูมิใจในตัวเองได้แต่ก็ยังตำหนิตัวเองที่ปล่อยให้หนูด้วงแอบปีนขึ้นไปบนตู้ปลาตามลำพัง ในตอนนั้นมัวแต่รีบไปดูคอมของพญาที่เปิดค้างเอาไว้และคิดว่าไปไม่นานเลยทิ้งหนูด้วงไว้ตามลำพัง
“คิวขอตัวกลับก่อนดีกว่า ได้เวลากลับกรุงเทพแล้ว” คีตะเห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้วก็อยากจะกลับไปพักที่กรุงเทพก่อนที่เกาะจะเปิด
“ได้ข่าวว่าท่านชายขิงเชิญไปเที่ยวที่วังไม่ใช่เหรอครับพี่คิว” เทียมฟ้าแซว
“จริงดิ” พญาเลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ
“ทำไม หรือยังนึกถึงอดีตของเรา” คีตะกระซิบถามพญา พญารีบมองหน้าเทียมฟ้าก่อนจะทำมือไล่ให้คีตะกลับไป คีตะหัวเราะเพราะนึกขำท่าทางกลัวแฟนของพญาก่อนจะเอ่ยลาอีกครั้งแล้วก็กลับออกไป
“ยุงพะยามาดูมาดู” หนูด้วงปีนลงมาจากโซฟาพร้อมกับเชิญชวนให้ไปดูอะไรบางอย่าง เจ้าตัวเล็กพาพญาเดินมาถึงห้องนอนก่อนจะเดินไปนั่งยองๆ ข้างเตียงของพญา โอบอุ้มและเทียมฟ้าก็เดินตามมาด้วย
“มันอยู่ใต้เตียน” หนูด้วงก้มลงไปมองที่ใต้เตียงจนก้นกระดก พญาเห็นแล้วจึงต้องลงมานอนราบกับพื้นเพื่อมองไปที่ใต้เตียงบ้าง
“เฮ้ย!! นี่มันโมเดลตุ๊กตาของน้านี่นา ทำไมมันเละแบบนั้น โธ่ๆๆ ของสะสมหายากทั้งนั้น จบกัน” พญารีบเอามือไปกวาดเศษโมเดลตุ๊กตาที่สะสมมาตั้งแต่เด็กออกมาจากใต้เตียง
“หนูทำมันตด มันหย่นแย้วตายหมดเยย” หนูด้วงเล่าให้พญาฟังพร้อมกับรอยยิ้มเพราะรู้แล้วว่าพญาจะไม่ดุ
“หนูด้วง...โธ่..” พญาพูดไม่ออก
“ยุงพะยาไม่โกดหนู ไม่ดุหนู เย้ๆ” หนูด้วงดีใจแล้วรีบหอมแก้มพญา
“ก็ได้ก็ได้ ไม่โกรธก็ได้” พญาเสียงอ่อยก่อนจะมองบรรดาโมเดลตัวโปรดด้วยความอาลัยอย่างที่สุด
“หนูไปดูน้อนปลาก่อนนะ ปี้โอดอุ้นพาหนูไปดูน้อนปลากันนะ” หนูด้วงยิ้มสดใสก่อนจะเดินไปจูงมือของโอบอุ้มที่กำลังสงสารป๊าจับใจออกไปจากห้อง
(มีต่อข้างล่างค่ะ)
V
V