ถึงจะผ่านไปสี่ปีแล้ว แต่เหมือนเรื่องราวมันเพิ่งเกิดขึ้น ใครจะไปลืมได้ง่ายๆล่ะเน๊อะ เรื่องมันมหัศจรรย์พันลึกขนาดนั้น
ครั้งหนึ่งในชีวิต ใช่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ
ผมมักเฝ้าถามตัวเองเสมอว่า เพราะเหตุผลกลใด เราถึงได้มาบรรจบพบกันทั้งทั้งที่อยู่กันคนละที่ และเพราะเหตุผลกลใดอีกเช่นกันที่ทำให้เรา จากกัน ทั้งๆที่มันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ........เพราะเหตุใด
เฮ้อ มาบ่นฟูมฟายอะไรไร้สาระตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ เอาเป็นว่า เดี๋ยวพาไปดูที่ต่อไปดีกว่า นั่นก็คือ
..
..
ร้านเหล้าที่ผมกับไอ้อ้ยไปเมาหัวราน้ำกันมา ตอนนี้มันเปลี่ยนจากร้านคาราโอเกะริมถนนเป็นร้านขายของไปแล้ว แต่ถึงอย่างไร มันก็ยังคงหลงเหลือความทรงจำของผมกับมัน .....จางๆ
จำได้ดีคืนนั้นผมกับมันซัดเหล้าดองไปหลายก๊ก เป็นคนไม่เคยคิดจะกินเหล้าที่มีสัตว์ประหลาดนอนขดอยู่ในขวดโหล
แต่พอได้กินมันกลับหยุดไม่อยู่ ยิ่งกินกับส้มมะขามเปียกจิ้มเกลือ โอ้ววววว.......ซี๊ด เปรี้ยวปากทีเดียว เอาไวน์ชั้นหนึ่งมาแลกก็ไม่ยอม
แต่วันนี้จะให้ไปกินแบบนั้นคงไม่เอาแล้วหล่ะ ไม่ไหว ไม่มีใครหิ้วกลับบ้าน
ผมขัยรถผ่านเส้นทางคุ้นเคยมาเรื่อยๆ และแล้วก็มาถึงปากทางเข้าบริษัท ที่เห็นทางเดินไกลสุดลูกหูลูกตานั้น เมื่อก่อน ผมกับไอ้อ้ยเดินกันประจำ เพราะในที่ทำงานไม่มีอะไรกิน ผมเป็นพวกขี้เบื่อ ส่วนไอ่อ้ยเป็นพวกช่างสรรหามาแดก เราจึงเข้ากันในเรื่องนี้ที่สุด
แต่จะต่างกันนิดหน่อยตรงที่ผมเลือกกิน ส่วนไอ้อ้อยกินไม่เลือก กบ เขียด อึ่งอ่าง มันกินได้หมด วันหนึ่งพี่ยามหน้าบริษัทยื่นถุงเนื้อแดดเดียวให้มัน มันก็รับมาอย่างเต็มใจ วันรุ่งขึ้นมันทอดมาเรียบร้อย
ผมถามว่าเนื้ออะไร มันบอกว่า
"ไอ้ห่า เนื้อหมามึง อร่อยอย่าบอกใคร สัส ตอนยังไม่ทอดนะสาปชิบหาย แต่พอทอดเสร็จ เนื้อวัวดีๆนี่เอง กูทอดตอนตีสอง แม่ง หมาหอนทั้งซอย สงสัยมันได้กลิ่นพวกมันมั้ง...............กินด้วยกันนะ กูแห๊บมาเผื่อมึงด้วย"
ผมได้ยินดังนั้น น้ำเต้าหู้ในปากพุ่งพรวดทันที
"ไอ้อ้อย ไอ้เวร มึงเก็บไว้กินคนเดียวเถอะ ........ใจคอมึงทำด้วยอะไร พวกจิตใจหยาบกระด้าง" ผมด่า