น้องหมวยบทที่ 15 แฟนผมฉลองการเป็นแฟนวันแรกด้วยฉากอีโรติก แฟนกันยังไม่ถึงวันก็คิดจะข้ามขั้นเป็นสามีเลยทีเดียว พี่มันไม่ใช่แฟนคนแรกของผมก็จริง แต่บทบาทเร่าร้อนมันทำให้สมองผมว่างเปล่า ก็เคยแต่คิสกันใสๆอะ ผมเลยไม่มีวิธีรับมือกับพี่ไทม์เวอร์ชั่นคนหื่น ได้แต่นอนหอบหายใจเป็นผัก
สิ้นเสียงคำสั่งห้ามของผม คนตัวโตมันก็ยังไม่ได้สติ สายตาผมพร่ามัว แว่นผมคงตกอยู่สักที่ในห้อง สมองของผมขาวโพลน รับรู้แค่มือหนาๆมันไล้ไปมาอยู่ทั่วตัว มือของผมเป็นอิสระตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มจะไปไกลแล้ว
แฟนวันเดียวของผม
มันกำลังจะเปิดเกมใต้สะดือแล้ว
ฉิบหาย......
ผมตั้งสติคว้ามือพี่มันไว้ก่อนที่มันจะโดนอะไรๆของผม ส่วนอีกมือ...
แป๊ะ!!
จัดเฮดช็อตไปหนึ่งที เสียงดังลั่นห้อง พี่มันเงยหน้ามองผมแล้วทำหน้าเหลอหลา เราสองคนชะงักข้างอยู่ประมาณห้านาที พี่ไทม์เป็นคนได้สติก่อน เขาลุกนั่งแล้วลูบหน้าลูบตาอยู่สองสามที ก่อนจะเปิดไฟแล้วเดินไปหยิบแว่นให้ผม
แม่งตกอยู่หน้าประตู แถมยังมีสภาพพิการ ขาหักไปข้างนึง
ผมรับแว่นมาใส่ ควานหาเสื้อมาสวม พี่มันยืนเกาคอแก้เก้อ หน้าแดงหูแดงไม่ต่างจากผม เราตกอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน มือไม้ดูเกะกะไปหมด ผมยังงงๆอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะกลัว ควรจะอาย หรือควรจะขอโทษดี เมื่อกี้ผมตบหัวพี่มันดังมากเลย
“เอ่อ...”
“....”
“โทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้กลัว”
“อ่า ไม่เป็นไรครับ ผมก็ขอโทษที่ตบหัวพี่”
“อือ มือหนักเหมือนกันนะเรา” พี่มันลูบหัวตัวเองป้อยๆเหมือนพึ่งรู้สึกเจ็บ
“ผม ผมตกใจน่ะ” ก็มึงจะจับน้องกูอะพี่ มือมันก็ลั่นน่ะสิ
“ตอนแรกก็แค่จะจูบเฉยๆ แต่มันดันอร่อย เลยชิมเพลิน ”
ผมอ้าปากค้าง เราสามารถพูดว่าใครสักคนอร่อยได้หน้าตาเฉยแบบนี้เลยหรอ แล้วคือมันชิมผมแทบทั้งตัว อีกนิดเดียวจะทั้งตัวจริงๆแล้ว เป็นคำแก้ตัวที่ไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด ผมว่าผมตบหัวพี่มันเบาไปวะ
“พี่อยากโดนผมตบอีกทีใช่ปะ”
“เป็นแฟนแล้วดุจังแหะ” พี่มันยิ้ม
“คืนนี้พี่ว่าพี่ไปนอนห้องไอ้แชมป์ดีกว่า”
“พี่นอนนี่ก็ได้ ผมแค่ตกใจ...... ไม่ได้กลัว”
“แสดงว่าให้พี่ทำต่อ....”
“ไม่! ไปนอนห้องพี่แชมป์เลยไป ผมไม่ใจดีแล้ว ผมโมโห”
“โมโหแล้วหรอ” พี่ไทม์หัวเราะ เหมือนสนุกที่แกล้งให้ผมหงุดหงิดได้
ผมลุกไปดันหลังพี่มันออกจากห้องเปิดประตูขับไล่เสร็จสรรพ พี่มันก็หันมามองผม สายตากรุ่มกริ่มจนผมนึกอยากจะถีบพี่แกออกไปแทน
“พึ่งรู้ว่าสบู่ตัวเองหอมก็วันนี้”
“นี่พี่คุยกับผมหรือแค่พูดกับตัวเอง”
“หึ เป็นแฟนกันแล้วนะ”
“อือ รู้แล้วน่า”
พี่ไทม์มองหน้าผมแล้วยิ้มบาง แววตาประกาย มีความสุขจนปิดไม่มิด เออ หลังขอเป็นแฟนมันต้องซึ้งแบบนี้สิ มันต้องโรแมนติกไม่ใช่อีโรติก
“อยู่ด้วยกันนานๆนะครับ..”
เขาจูบที่ปากผมเบาๆก่อนจะปิดประตู เสียงโวยวายห้องข้างๆคือสิ่งที่ตามมา ผมล็อคห้องแล้วหันหลังยืนพิงประตู สองมือจับแก้มแล้วยิ้มกับตัวเอง พึ่งรู้ว่าหน้าร้อนขนาดนี้
มีความสุขแหะ
มันอิ่มอกอิ่มใจยังไงไม่รู้ ที่อยู่ๆโลกมันเป็นสีชมพู มันเป็นแบบนี้เองสินะ ผมหัวเราะกับตัวเองแล้วอยากจะกระโดดดีใจ ตะโกนว่าเยส ให้ลั่นห้องไปเลย
ผมคงจดจำคืนนี้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ
แหงละ ก็เกือบจะเสียตัวนี่ครับ
ขบวนการช่วยเพื่อนให้ออกเรือน (สมาชิก 5 คน)
Inin
มิสชั่นคอมพลีท
เรียกผมว่าอดัม
กระซิกๆ (สติกเกอร์ร้องไห้) ในที่สุดก็เป็นฝั่งเป็นฝาซะที
มันปริ่มใจ
Win
อย่าลืมสมคุณพวกพี่นะครับ5555
เพื่อนกูออกเรือนแล้วโว้ยยยยยย
ผมชื่อแช่มครับ
แล้วทำไมต้องให้มันมานอนเบียดพี่ละโว้ยยยยย
ปุนนะระงิงิ
(สติกเกอร์กระต่ายส่ายตูด) อิ้
♦
“ฮัลโหลพีท เลิกเรียนยัง”
“เลิกแล้วพี่”
“พี่ซื้อขนมมาฝากแม่ มีของเราด้วย วันศุกร์ว่างรึเปล่า”
“ว่างๆ”
ผมซื้อขนมหม้อแกงเจ้าอร่อยมา แม่ผมชอบกินขนมหม้อแกงของร้านนี้ เพราะมันไม่หวานจนเกินไป ผมเลยซื้อไว้สี่ห้าถาด ของแม่แล้วก็ของพีท จริงๆก็มีของลุงกับป้า แต่สองคนนั้นไม่รู้จะยอมกินรึเปล่า ผมเลยไม่ให้พีทบอกพวกเขาว่าเป็นของผม แต่กับแม่ผมให้บอกไปตรงๆว่าผมซื้อมา และจากสองสามครั้งที่ผ่านมาเวลาฝากของกินไปให้ แม่ผมเขาก็กินหมดทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรถึงผมอยู่ดี
ก็แค่อยากให้รู้ว่าห่วง ถึงไม่ได้โทรหาก็เถอะ
แม่ผมสงสัยว่าทำไมพีทถึงเอาของฝากมาให้ ผมก็ให้เขาอธิบายไปตรงๆว่าเราคืนดีกันแล้ว ผมว่าผมได้คะแนนอยู่นะ ตอนที่พีทเล่าว่าผมไปช่วยเขาตอนกำลังโดนซ้อม น้องผมนี่ทำดีจริงๆ รอบนี้เลยแถมขนมหม้อแกงให้สองถาดเลยคนเดียว
“งั้นเดี๋ยววันศุกร์ พี่ไปหาหลังเลิกเรียนแล้วกัน” วันนั้นงดซ้อมกีฬา ผมเลยตกลงนัดเจอพีทที่โรงเรียน
“จะแวะมาบ้านไหม พีทว่าแม่พี่เขาก็ดูอยากเจอพี่นะ”
“แต่ลุงกับป้าไม่ได้อยากเจอ เอาไว้ก่อนแล้วกัน”
“ตามใจพี่ แต่เออ คนที่ร้านเขามาเล่าให้พีทฟังว่าเสาร์อาทิตย์ ตอนบ่ายๆแม่พี่ออกไปไหนก็ไม่รู้ แล้วก็จะกลับมาตอนเย็นๆ เป็นแบบนี้มาสองสามอาทิตย์แล้ว พีทมาไม่ทันทุกที พอจะตามไป แม่พี่ก็ออกไปก่อนแล้ว”
“ออกไปตอนบ่ายๆหรอ พี่ก็ไม่รู้วะ ปกติเขาก็ไม่เคยไปไหนนะ”
“มันแปลกๆนะพี่ เขาไม่ได้บอกใครไว้เลยด้วยว่าจะไปไหน บอกแค่เย็นๆจะกลับ”
“ไว้พี่จะลองตามไปดู แต่ช่วงนี้พี่ยุ่งๆเรื่องกีฬา เลยไม่ค่อยมีเวลา”
“ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรจะโทรไปละกัน”
“โอเค เจอกันวันศุกร์”
“โอเค”
ติ้ดด
ความสัมพันธ์ของผมกับพีทดีขึ้นเรื่อย อย่างน้อยเราก็คุยกันได้แบบไม่อึดอัด แต่เพราะเราไม่ได้สนิทกันตั้งแต่แรก มันก็เลยยังมีความเกรงใจอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้เขาก็พูดกับผมมากขึ้น เปิดใจกับผม เริ่มกวนตีนใส่ อันนี้เห็นชัดมาก
แต่แม่ผมไปไหนนี่สิ? คือปกติแล้วเขาก็จะออกไปห้างบ้างอะไรบ้าง แต่ไปหลายวันติดๆกัน ผมว่ามันน่าสงสัย ผมกลัวว่ามันจะเป็นแบบในละคร ที่เขาอาจจะป่วยแล้วแอบไปโรงพยาบาลคนเดียว หรือเขาอาจจะไปเล่นไพ่กับคนแก่ๆแถวบ้าน ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะไปไหน และมันทำให้ผมกังวล
บางทีผมอาจจะต้องลองตามไปดู แต่มันติดที่ผมต้องทำงาน
ผมอาจจะต้องลางานสักวัน
ผมแอบเอาจีพีเอสติดไว้ แล้วใช้แว่นสะกดรอยแบบโคนันได้ปะวะ
ผมเดินกลับมาหาก่อเกียรติที่นั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ ฝ่ายสวัสดิการต้องมานั่งเฝ้านักกีฬา คอยดูแลเรื่องน้ำ คอยพยาบาลเวลาบาดเจ็บ
“มึงลงกีฬาไรบ้างเนี่ย” ก่อเกียรติถามหลังจากผมทรุดนั่งข้างๆเขา
“บอลเป็นหลัก ที่เหลือ ถ้าขาดค่อยไปช่วยทีหลัง”
“เกิดเป็นผู้ชายนี่ลำบากเนอะ”
“ลำบากเพราะผู้ชายอย่างมึง หนีไปอยู่สวัสนี่แหละ”
“กูขี้เกียจมาซ้อม”
“เลยยอมมาเฝ้ากระติกน้ำ?” ผมขำ ไม่ต้องซ้อมกีฬาก็จริง แต่ก็ต้องแบกกระติกน้ำมานั่งเฝ้าผมทุกวันอยู่ดี
“เรื่องของกู แล้วผัวมึงเป็นไงมั้ง แฮปปี้ปะ”
“เป็นแฟน ยังไม่ใช่ผัวครับเพื่อน” ผมแย้งทันที มันอาจจะพลิกล็อคก็ได้ ใครจะรู้ ของแบบนี้มันสลับโพซิชั่นกันได้
“แล้วเป็นไง โอเคป้ะ ไม่ค่อยเจอเลย ปีสามยุ่งหรอวะ”
“เออ กูก็เจอแค่ตอนเขามารับไปส่งที่ห้องนี่แหละ กูว่ามันก็สบายใจดีนะ ไม่ได้คุยกันตลอด แต่ก็ไม่เคยหาย”
“ลำไย หน้าอย่างมึงไม่น่าได้กับคนหล่อๆแบบพี่เขาเลย เสียของชิบหาย”
“กวนตีน ” เรานั่งคุยกันพลางดูบอลในสนาม ผมก็นั่งอู้ไปเรื่อยจนกว่ารุ่นพี่จะเปลี่ยนให้ผมลงเล่นนั่นแหละ มหาลัยตอนเย็นๆนี่คึกคักดีจริงๆ
“แล้วเมื่อไหร่จะเลี้ยงสมนาคุณซะที กูรอแดกเบียร์ฟรีอยู่นะ” เบียร์หนึ่งเยือก บรรณาการแด่ผู้ร่วมขบวนการของผม เอาจริงผมว่ามันน้อยไป แต่คืองบผมจำกัดไง ถ้าจะสั่งเพิ่มก็ค่อยหารเอา
“พวกพี่เขาบอกกูว่าพรุ่งนี้ว่าง กูเลยนัดเขาพรุ่งนี้ หลังซ้อมเสร็จ”
“ร้านไหน”
“ร้านพี่เก๋ มีทั้งเบียร์ มีทั้งชาบู”
“แจ่ม แล้วแฟนมึงไปปะ”
“ตามไปทีหลัง ไปซื้อของให้แม่”
“บอกพี่ไทม์ห้ามเบี้ยวนะเว้ย กูอุตส่าห์เสี่ยงชีวิต ปีนบันไดไปติดไอ้ดาวเขียวๆให้เลยนะ” ผมมองหน้าเพื่อนสนิทที่แสร้งทำหน้าจริงจัง ในแผนคือเพดานห้องมันสูง ก่อเกียรติมันเลยต้องไปหาบันไดก่อสร้างมา เป็นภารกิจที่โคตรลงทุน บอกเลย
“เออ ไม่เบี้ยวหรอก ขอบใจที่ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อให้เพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝานะครับ ซึ้งในพระคุณสุดๆเลย”
“เออ ดีมากไอ้หมวย หาของมาเซ่นตอบแทนกูซะ”
ผมได้ลงไปเล่นในสนามอีกครั้ง พอซ้อมเสร็จพี่ไทม์ก็มารอพอดี ตั้งแต่วันแรกที่ยังเป็นคนแปลกหน้า จนวันนี้ที่เป็นแฟนกัน พี่แกก็ยังหล่อเหมือนเดิม ยังยิ้มร้ายๆให้ผมเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนคงจะเป็นสายตาละมั้ง มันดูมีแต่ความดีใจทุกครั้งที่เจอกัน
“ไงเรา กินไรดี” เขาเดินมากอดคอผมแล้วเดินไปที่รถ ผมว่าเราดูเหมือนพี่น้องมากกว่าแฟนอีก พี่มันก็เลี้ยงดูผมเหมือนเลี้ยงน้องเลยด้วย ขุนกันดีชะมัด
“กินก๋วยเตี๋ยวก็ได้ นี่พึ่งเลิก หรือเลิกนานแล้วเนี่ย” ผมถามหลังจากพี่ไทม์ออกรถ ต่างคนต่างเหนื่อยล้า แต่ยังอยากมาเจอกัน เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เจอมานานแล้วแหะ มันดีจริงๆนั่นแหละที่รู้ว่าใครสักคนกำลังรอไปกินข้าวพร้อมเราอยู่
“ใครเขาสอนถึงสองทุ่มกันละครับน้อง พี่นั่งทำรายงานรอเราอยู่” พี่มันพูดติดขำ
“อ่อ เหนื่อยปะ ผมขับให้ไหม ผมเคยบอกรึเปล่าว่าขับรถเป็น”
“ไม่เคย ขับเป็นด้วยหรอ มีใบขับขี่รึเปล่า” เขาหันมาถามผม
“ไม่มีหรอก แต่ขับเป็น เคยขับไปส่งของให้ที่บ้าน”
“แล้วตกลงวันศุกร์จะไปหาพีทใช่ไหม”
“ใช่ ไปหาที่โรงเรียน จากนี่ไปโรงเรียนใกล้กว่าบ้านผม เดี๋ยวผมไปเอง” ผมดักทางไว้ เพราะรู้ว่าเขาจะต้องเสนอตัวไปส่งผมแน่ๆ บางทีผมก็หมั่นไส้กับความหล่อที่มาความดีของพี่มัน เขามองผมแบบครุ่นคิดอยู่แปปนึงแล้วหันไปกลับมองถนนต่อ
“เอางั้น ก็ได้ ถึงแล้วบอกพี่ด้วยละกัน” เพราะเราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ บางเรื่องพี่เขาก็ว่าง่าย เวลาทำตัวเชื่องๆนี่น่ารักจริงๆเลย
เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางด้วยกัน พูดคุยกัน ใช้เวลาไม่นานรถคุ้นตาก็จอดหน้าหอผมเหมือนเคย จู่ๆผมก็นึกอยากให้ถนนมันรถติดกว่านี้ อยากให้ก๋วยเตี๋ยวมันให้เยอะกว่านี้ ผมจะได้ใช้เวลากินนานๆ อยากให้ตัวเองมีข้ออ้างมากกว่านี้ แต่มันก็คงจะเห็นแก่ตัวเกินไป หลายวันที่ผ่านมา ต่างคนต่างยุ่งเรื่องของตัวเอง ได้เจอกันแค่ตอนกลับ คุยกันก่อนนอนได้แปปเดียวผมก็หลับคาโทรศัพท์ ไลน์คุยกันสองสามคำแค่ย้ำให้ผมกินข้าวให้ตรงเวลา
“พรุ่งนี้ผมไปรอที่ร้านเลยนะ”
“โอเค เดี๋ยวพี่รีบตามไป”
“งั้น.... ผมขึ้นห้องแล้วนะ” พี่มันมองผมเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็ไม่พูด ผมยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตู แต่แขนก็ถูกดึงไปซะก่อน
พี่มันประกบริมฝีปากผมแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังสอดลิ้นเข้ามา จังหวะการจูบโหยหาจนผมหายใจไม่ทัน พี่มันดูดปากล่างผมเบาๆก่อนจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่งด้วยท่าทางเซ็กซี่ แววตาดูเรียกร้อง
ดูแล้วน่าอร่อย
หืม?
ผมเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกชิมจนเพลินมันเป็นยังไง พี่มันตอนนี้ดูน่ากินชะมัด ผมไม่เป็นทรง กับแววตาสุดเซ็กซี่ เสื้อนักศึกษาหลุดลุ่ยนิดๆ พอผมมองนานเข้าพี่แกก็เริ่มหูแดง ผมเม้มปากกับท่าทางคนตรงหน้า
“เอ่อ ขับรถกลับดีๆนะพี่ ผมไปแล้วนะ”
“ถึงห้องแล้วพี่จะโทรหานะ” เขายิ้มให้ผม ผมลงจากรถ โบกมือบ๊ายบาย รอจนรถหายลับตาถึงค่อยขึ้นห้อง
ผ่านไปอีกวัน กับวันธรรมดาๆ ที่มันพิเศษเพราะใครอีกคน
♦
“ชนครับบบบบบบ!!!!!”
แกร๊งงง
“เอาละครับ ในวันนี้ พวกเรา เหล่าขบวนการช่วยเพื่อนให้ออกเรือน ได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการเฉลิมฉลอง ถึงเวลาอันสมควรแล้วครับ ทุกท่าน เชิญเทหมูลงหม้อได้เลยครับ”
พี่ปุนพูดกล่าวด้วยอินเนอร์พิธีกร ก่อนจะตัดริบบิ้นด้วยการตอกไข่ใส่หม้อ
“หมูสไลด์ถาดนี้ พี่แชมป์ขออวยพรให้น้องหมวยของพี่ น่ากิน เอ้ย น่ารักแบบนี้ไปนานๆ ฝากไอ้ไทม์เพื่อนพี่ด้วยนะครับ” เกลียดการแสร้งพูดผิดจริงๆเลย
“ผักบุ้งกำนี้ พี่ปุนก็ขอให้น้องหมวยจำไว้นะครับ ไอ้ไทม์มันกลัวเมีย อย่าไปเกรงใจมันครับ”
“ปูอัดจานนี้ พี่วินคนนี้ก็ขอให้ถือไม้เท้ายออดทองกระบองยอดเพชรนะครับ” เหมือนพาพี่เขามารดน้ำสังข์ แต่ใช้ปูอัดแทน
“สุดท้าย ตับจานนี้จากอดัมเพื่อนรัก ก็ขอมึงโดนพี่ไทม์ตับๆๆๆๆๆไวๆนะครับ”
“ก่อเกียรติ ไอ้เหี้ย!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เป็นการอวยพรด้วยชาบูของแท้ ลัทธิชาบูชัดๆ เราเททุกอย่างลงหม้อ จิบเบียร์ไปพลางๆ แต่จนเปิดหม้อกินก็แล้ว เบียร์จะหมดเยือกก็แล้ว พี่ไทม์ก็ยังไม่โผล่มา ผมโทรหาก็ไม่รับสาย ผมชักจะใจคอไม่ดี เกิดอะไรขึ้นกับพี่มันรึเปล่า
“ไทม์มันไม่เป็นไรหรอก รถติดมั้งเลยมาช้า ไอ้ห่านี้ชอบเปิดสั่นไว้ มันคงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์น่ะ” พี่แชมป์พูดกับผม พลางคีบตับมาให้เพื่อปลอบใจ ผมพยักหน้าขอบคุณแล้วเอาตับใส่ปาก เรามากันหลายคนเลยเลือกนั่งโต๊ะด้านนอกร้าน
“หน้าแดงแล้ว อย่ากินเยอะ เมาขึ้นมา ไอ้ไทม์เอาพวกพี่ตาย” พี่ปุนพูดแล้วทำหน้าสยดสยอง แต่ความจริงผมยังไม่เมา ยังไม่มึนด้วย หน้ามันแดงไปเอง
“ไอ้นี่เมายากครับ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก” ก่อเกียรติบอกแล้วเอาผักกาดมาห่อหมูเข้าปาก
“พวกพี่คบกับพี่ไทม์มาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยหรอครับ?” ผมถามแล้วมองหน้ารุ่นพี่ที่แสดงความน่าเชื่อถือด้วยการแย่งปลาหมึกในหม้อ
“พวกพี่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมแล้ว รู้กันหมดไส้หมดพุง” พี่วินตอบผมทั้งที่ปลาหมึกยังเต็มปาก ช่างน่าเชื่อถือจริงๆ
“แล้วพี่ไทม์เขาเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนไหมครับ” ผมถาม
“ไม่ เราน่ะคนแรก แต่มันเป็นพวกไม่ได้แคร์นักอะ ชอบก็ชอบ มันดูชอบเราง่ายก็จริงนะ แต่กว่าจะเจอคนที่มันชอบนี่ โคตรยากเลย” พี่ปุนอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่มือยังเด็ดผักบุ้งใส่หม้อ
“จริง พี่รู้จักมันมาตั้งนาน เห็นมันมีแฟนแค่คนเดียวเอง ทั้งที่คนชอบมันเป็นล้าน หมั่นไส้แม่งชะมัด” พี่แชมป์เสริมแบบเกรี้ยวกราดเล็กน้อย
“แสดงว่าพวกพี่เจ้าชู้มีแฟนเป็นสิบเลยสินะครับ”
“น้องก่อเกียรติอย่าพูดแบบนั้นสิครับ พวกพี่น่ะ ใสๆ” พี่แชมป์ทำท่าสะบัดบ๊อบ
“จริงๆพวกพี่ไม่ต้องพูดเพราะกับพวกผมก็ได้นะครับ เรียกน้องๆ ผมรู้สึกเหมือนเป็นเด็กโข่งยังไงไม่รู้” ก่อเกียรติพูด ซึ่งผมก็เห็นด้วย รู้สึกเด๋อๆทุกทีเวลาโดนเรียกน้องหมวย น้องก่อเกียรติ โคตรไม่เข้ากับเด็กผู้ชายตัวสูงๆสองคน
“ได้ ไอ้ก่อเกียรติ ไอ้เด็กเวร อย่าแย่งหมูกู”
โอเค ผมจะชื่นชมว่าพี่เขาเป็นคนปรับตัวเก่งแล้วกัน
“นี่อะไรครับ” พนักงานเสิร์ฟคนนึงที่ผมไม่รู้จัก ยกถาดมาที่ให้สามสี่ถาด ทั้งที่บนโต๊ะไม่มีใครสั่งเพิ่ม
“เนื้อสไลด์ครับ”
“ไม่ได้สั่งเพิ่มนะครับ” ค่าชาบูเป็นรายหัว ทุกอย่างรีฟิลได้หมด ยกเว้นแค่เบียร์กับเนื้อ ที่จะคิดแยก เราเลยสั่งแค่เบียร์แล้วกินทุกอย่างที่รีฟิลได้ เพื่อประหยัดงบ
“เอ่อ โต๊ะด้านนั้นให้ผมเอามาส่งครับ แล้วก็ฝากนี่มาให้ด้วย ขอตัวก่อนนะครับ” ผมมองไปตามที่พนักงานชี้ ถัดไปสองโต๊ะ มีผู้หญิงน่ารักคนนึงขยิบตาให้ผม ผมก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาดูกระดาษที่รับมา
ไอดีไลน์
ตั้งแต่เข้ามหาลัยมา นี่คนแรกเลยแหะที่จีบผม มีแฟนแล้ว แต่อดไม่ได้จริงๆที่จะภูมิใจกับความหล่อของตัวเอง แต่เดี๋ยวนี้ เขาจีบกันผ่านเนื้อสไลด์แล้วหรอวะ
“มึงสั่งเนื้อมาเหรอวะ แล้วนั่นกระดาษอะไร” ก่อเกียรติถามผมพลางกวาดเนื้อในถาดลงหม้อโดยไม่รอคำตอบ
“มีคนสั่งมาให้ ผู้หญิงโต๊ะนั้น คนที่น่ารักๆทางขวา”
“จีบมึง?”
“เออ เขาให้ไลน์มาด้วย”
“ทำใจหน่อยนะ มหาลัยพี่มันไม่ค่อยมีร้านเหล้า จีบกันทีก็ผ่านร้านชาบูนี่แหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ แหม แต่น่ารักด้วยวะ ทำไมเขามองข้ามความหล่อของพวกพี่ไปได้วะ” พี่แชมป์พูดกับผมแล้วหยิบกระดาษไปดู
“นั่นดิ สงสัยชอบกินเด็ก แต่พลาดไปหน่อย ดันไปจีบคนไม่โสดคนเดียวบนโต๊ะซะได้” พี่ปุนส่ายหัว ผมพับกระดาษแล้วเอาจานทับไว้ หันไปสนใจเนื้อในหม้อแทน
“โห ไอ้สัสไทม์กว่าจะมา มึงขับรถไปหรือนั่งสองแถวไปวะ”
พี่ไทม์มากระแซะนั่งข้างผมทันทีที่โผล่มา เขาอยู่ในชุดเสื้อบอลกางเกงขาสั้น เหงื่อซึมเล็กน้อย คงเพราะที่จอดรถมันอยู่ไกล
“ทำไมพี่ไม่รับโทรศัพท์?” ผมถามทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตีหน้าดุใส่คนตัวสูง มาช้ารถติดยังไงก็น่าจะรับโทรศัพท์บอกกันหน่อย
“โทรศัพท์พี่อยู่ที่มัน” พี่ไทม์พูดแล้วชี้ไปที่พี่ปุน เขาขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเอง ขณะที่พี่ปุนเลิกคิ้วงงๆ
“อยู่ที่กู?”
“มึงเปิดกระเป๋า”พี่ปุนหันไปหยิบเป้แล้วเปิดดู เขาหยิบโทรศัพท์พี่ไทม์ออกมาแล้วยิ้มแหย
“เออวะ โทษที อย่างอนน่า โอ๋เอ๋ เพื่อนไทม์คนดี คิคิ”
“กูโดนน้องดุเลยเห็นไหม” พี่มันทำหน้าแสร้งกลัวจนผมหมั่นไส้ ยังไม่ได้ดุสักคำ
“ผมยังไม่ได้ดุสักหน่อย” ผมบ่นอุบอิบ
“มึงจะแดกไรเพิ่ม เอาน้ำไร ไม่มีเหล้านะ จะกินเบียร์เหรอ” พี่แชมป์ถามคนพึ่งมาพร้อมโยนใบเมนูส่งให้
“ไม่ดีกว่า กูขับรถมาวะ”
“พี่กินเบียร์กับผมก็ได้”
“อยากจูบพี่ทางอ้อมหรอ จูบจริงๆเลยก็ได้นะ” พี่มันพูดทีเล่น แต่ผมรู้ว่ามันอยากทำจริง คบกันแล้วก็ยังหยอดไม่เลิก ผมไม่สนใจคนแจกอ้อย ยังไงวันนี้หมูก็อร่อยกว่า พี่มันก็อมยิ้มแล้วตักหมูในหม้อต่อ
“นี่กระดาษอะไร?”
ชิบหายแล้ว
ลืมซ่อน พี่มันเปิดดูก่อนที่ผมจะห้ามได้ทัน
“ใครให้มา ของเราหรอ?” พี่ไทม์ถามผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“มีผู้หญิงคนนึงให้มา อย่าสนใจเลยน่า กินกุ้งดีกว่าๆ” ผมเบี่ยงความสนใจพี่แกด้วยกุ้งตัวใหญ่ แกะให้เรียบร้อยเลยด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“มีคนมาจีบทำไมไม่บอกพี่”
“ก็ผมไม่ได้สนใจเขาไง ”
“แต่ก็รับไลน์เขามา?”
“ไม่ได้รับ พนักงานเขาเอามาให้ ทำไมพี่งอแง”
“ว่าพี่งอแงด้วย?” เขาทำตาโตใส่ผม จนผมอดมองบนไม่ได้ ท่าทางตัดพ้อนี่มันเสแสร้งชัดๆ
“ก็เนี่ยพี่กำลังงอแง”
“งั้นวันนี้แบกพี่กลับห้องด้วยแล้วกัน พี่คงขับกลับไม่ไหว หรือน้องจะทิ้งพี่ไว้หน้าหม้อชาบูก็ตามใจ ไอ้ปุนเอาเบียร์มาดิ!”
“แน่ใจ? พวกกูไม่แบกกลับนะครับ”
“เอามา อย่าพูดมาก”
ผมมองตามคนงอแงด้วยสายตาไม่เข้าใจ มางอแงใส่ผม แล้วก็บอกให้ผมแบกกลับ มีตัดพ้อว่าผมจะทิ้งไว้ที่ร้านด้วย แล้วก็หันไปกระดกเบียร์เฉย
ว้อท?
“ไม่เกินสองแก้ว เดี๋ยวรู้เรื่อง ไม่ต้องตกใจครับน้อง มันแค่อ้างอยากให้น้องไปค้างห้องมันเท่านั้นแหละ กูรู้ทันไอ้สัส มาทำงอแง น่าหมั่นไส้ ไอ้ชิบหาย”
“แชมป์มึงอย่าพูดมาก” พี่ไทม์หันไปดุเพื่อน ในขณะที่ทุกคนบนโต๊ะมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา ผมก็เช่นกัน
“ก็คิดถึง อยากกอด” พี่ไทม์บ่นอุบอิบแบบที่ตั้งใจให้ผมได้ยิน ผมมีเรียนเช้าแทบทุกวัน ในขณะที่อีกคนเรียนบ่าย ผมอยากให้เขาได้นอนเยอะๆเลยตัดสินใจไม่ไปค้างด้วย
“น้อยใจหรอครับ”
“เปล่าซะหน่อย ก็แค่ ไหนๆก็มีเรื่องให้งอแงทั้งที เลยอ้างให้ไปค้างด้วยเฉยๆ”
“ร้ายนะครับ”
“อยากอยู่ด้วยนานๆ ผิดเหรอ?” พี่มันพูดพลางกระดกเบียร์จนหมดแก้ว หน้าแดงแล้วแหะ นี่จะเมาแล้วหรอ พึ่งหมดแก้วแรกนะเนี่ย
เรานั่งกินนั่งคุยกันไปเรื่อย เป็นชาบูมิตรสัมพันธ์หรรษาที่แท้ทรู กระชับมิตรผ่านหมูสไลด์ ปรองดองด้วยกันเห็ดเข็มทอง พวกพี่เขาก็บ่นนู่นนี่ให้ฟัง เมาส์อาจารย์คนนู้นคนนี้ เวลาผ่านไปจนผมไม่ได้สังเกตว่าคนข้างๆเงียบผิดปกติ หันมาดูอีกทีพี่แกก็หน้าแดงจัด มือไม่ยอมวางแก้วเบียร์เลย
“เมาแล้ว กูเห็นเงียบไปตั้งแต่แก้วที่สอง แดกเบียร์ทีไรเป็นงี้ทุกที”
“นี่เขาเมาแล้วหรอครับ” ผมถามพี่ปุน
“ลองคุยดูดิ เห้ยไอ้ไทม์ เมาแล้วเหรอวะ”
“อะไรร กูยังไม่เมา” ไม่เมาครับ แต่เสียงอ้อแอ้มาเลย ผมยิ้มขำ
“ฮะๆๆๆๆ ไม่เมาเหี้ยไร คอพับเลยมึง”
“อยากเต้นวะ!” เห้ยเดี๋ยว... จู่ๆพี่มันก็ผุดลุกขึ้น ตัวเซไปมาจนผมต้องลุกตามไปประคองไว้
“ไหนๆเพลงไรๆโชว์ดิ” พี่วินถามด้วยความสนุกสนาน นี่มันคือสถานการณ์ปกติแบบไหนวะ ผมยังเหวอ ขณะที่พี่ๆบนโต๊ะยกโทรศัพท์เตรียมอัดคลิป
บอกผมทีว่าเขารู้ตัวใช่ไหมว่าตัวเองเมาแล้วจะเป็นแบบนี้ถึงได้ยอมกินเบียร์....
“มึงเคยฟังเสือร้องไห้ปะ กูว่ากูไม่ได้ยินเพลงนี้นานและ เดี๋ยวร้องให้ฟังๆ”
“เห้ยพี่ใจเย็น เต้นไรตรงนี้ เมาแล้วก็กลับห้องปะ เดี๋ยวไปส่ง” ผมร้องห้าม แล้วกดๆคนตัวสูงให้นั่งลง คนมองกันเต็มแล้วโว้ยยยยยย
“อะไร! อย่ามาห้าม มึงเป็นใคร พวกมึง ไอ้หน้าตี๋นี่ใคร” คนหน้าแดงมองผม ขมวดคิ้วสงสัยผมจริงจัง ตัวเซไปมาแถมเสียงยังอ้อแอ้ แล้วคือ...
จำกูไม่ได้?
เมาแล้วจำแฟนตัวเองไม่ได้? โอ้ชิท ผมนี่เงิบเลย
“ฮ่าๆๆๆๆไอ้สัสนี่จำแฟนตัวเองไม่ได้ ฮะๆๆๆๆๆๆ” ทั้งโต๊ะประสานเสียงหัวเราะในขณะที่ผมยืนเหวอ แล้วพี่แกก็ไม่ได้สนใจผมเลย ตั้งท่าจะเต้นต่อ แล้วคือเอ๋อแดกทั้งร้าน มองแบบ ไอ้หล่อนี่มันจะทำอะไรของมัน
คือมึงจะเต้นตรงนี้ไม่ได้พี่
“วันศุกร์ผมขึ้นแท็กซี่ พี่ว่าไม่ดีเลยน้องจ๊ะ” เพลงจากคนเมา พร้อมท่าส่ายเอวไปมา ผมควรจะอายหรือควรจะขำดี พี่ไทม์ผู้น่ารักที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสมอมา ตอนนี้เมาแอ๋ลุกขึ้นร้องเพลงแล้วเต้นกลางร้านชาบู
ผมละอยากจะกุมขมับ ผมตัดสินใจทรุดนั่งแล้วปล่อยให้พี่มันเต้นไป ดี จะได้มีคลิปไว้แบล็คเมล์มัน
“อย่าหวังเรื่องซิ่งรถจอดนิ่งๆมิเตอร์เสือกวิ่งอ้าไรรร หวะ” เอาเข้าไป
“ไม่อยากจะขัดใจตัวเองงงงงง ที่มันชอบเธออออ” เอ้า ดราม่าเฉย
“ใครกันที่ทำให้ฉันรัก ใครกันที่มาอยู่ในความฝัน” กามิกาเซ่ก็มา
“ไม่ว่าจะสูง แค่ไหน ก็ไปถึง ไม่มีคำว่าสูง วัดได้ หากใจถึง” เชี่ย ซิลลี่ฟูล โคตรเอา ผมได้แต่นั่งขำ เอาจริงคือขำกันทั้งร้าน น้ำตาเล็ดเลยกู ใครจะรู้ว่าเมาแล้วรั่วขนาดนี้
“ไหนคาราบาวสักเพลงดิ” พี่แชมป์ขอเพลง แล้วยื่นตะเกียบให้ใช้เป็นไมค์
“แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย” คาราบาวก็ยังร้องได้
เชื่อเขาเลย
“โอ๊ะๆระวังๆ” ผมคว้าพี่แกไว้ทันก่อนจะหน้าทิ่มลงหม้อ เขาส่งยิ้มให้ผมจนตาปิด เสียงปรบมือดังลั่นร้าน แล้วยังไปก้มหัวขอบคุณเขาอีกด้วย ผมละสงสัยจริงๆว่าพรุ่งนี้ตื่นมาพี่แกจะทำหน้ายังไง
“คืนนี้มึงดังแน่ พ่อไทม์ เดอะสตาร์ 20 ฮ่าๆๆๆๆๆกร๊ากกกกกก” พอกันทั้งคนเมาทั้งเพื่อน
“ส่งคลิปให้ผมด้วยนะพี่ ผมขอพาพี่ไทม์กลับก่อนละกัน เกรงใจพี่เก๋”
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ช่วยลากขึ้นรถ เมาแล้วยังทำตัวเป็นภาระนะมึงนี่ ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ” พี่ปุนบ่นแต่ก็ยังมาช่วยแบก เรามาถถึงรถด้วยสภาพทุลักทุเล ผมบอกลาพี่ปุน แล้วสตาร์ทรถ
แบกคนเมาขึ้นห้องเป็นอะไรที่โคตรลำบาก ตัวก็ใหญ่กว่าผม แล้วยังไม่ให้ความร่วมมือกันอีก ปัดมือผมออกตลอด ยังมีมาด่าผมด้วย เพราะพี่แกจำผมไม่ได้
“ไอ้ตี๋ปล่อยกู...” ตอนไม่เมาละน้องหมวยอย่างนั้น น้องหมวยอย่างนี้ พอเมาละเรียกกูไอ้ตี๋ ทิ้งไว้ตรงนี้ซะดีไหม
“อย่าดื้อได้ไหม!!” ตอนตะโกนใส่ แล้วตีหน้าดุ คนเมาปรือตามองแล้วทำปากยื่นใส่ผม
“ทำไมต้องดุด้วยละครับ”
ผมวางพี่มันบนเตียง คนไม่มีสติพลิกตัวไปมา ผมหยิบผ้าไปชุบน้ำผืนนึง แล้วบิดหมาดๆมาเช็ดหน้าคนเมาเบียร์สองแก้ว พี่แกก็นอนนิ่งๆให้ผมเช็ดทั้งที่หลับตา แต่ยังส่งเสียงอืออาออกมา
“เมาแล้วโคตรรั่วเลยรู้ตัวไหมเนี่ย” ผมบ่น
“อืออ....” ส่งเสียงเหมือนรำคาญ
“นอนนิ่งๆนะ อย่าซน ผมจะไปอาบน้ำ”
ขณะที่ผมกำลังจะลุก มือๆหนาก็มาเกี่ยวเอวผมจนล้มลงบนเตียง แล้วทาบทับด้วยคนเมา ผมตกใจจนเบิกตากว้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลาพี่แกเมานี่โคตรเซ็กซี่เลย
“ปล่อย ผมจะไปอาบน้ำ”
เราสบตากันอยู่นาน เขามองผมด้วยแววตาคุ้นเคย คงจะเริ่มสร่างแล้ว จำแฟนตัวเองได้แล้วสินะ แล้วจู่เขาก็กอดผมไว้ทั้งตัว ซุกหน้าลงกับซอกคอ มือสองข้างรัดเอวผมไว้แน่น เหมือนกลัวผมจะหายไป
“คิดถึงจัง....” ถ้าพี่มันเมาแอลกฮอล์ล
ตอนนี้ผมก็คง
.....จะเมารักละมั้ง