ตอนที่ 7 : หน้าแดง
“โทษทีว่ะ กูเดินเร็วไม่ได้” ไทยขอโทษคนตัวสูงที่ยืนรออยู่หน้าหอ เขาพาร่างลงบันไดมาสี่ชั้น จากไม่ปวดชักเริ่มปวดนิดๆ
“กุญแจ”
“เอ้า” ไทยโยนกุญแจรถให้ ไม่จำเป็นต้องเถียงกัน สภาพนี้ไม่ต้องขับเองย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
“อะไร” ไทยมองถุงกระดาษที่ปราบส่งมาให้ หลังจากเขาขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย
“เปิดดู”
“เออ ถามนิดถามหน่อยไม่ได้” ไทยแกะสก็อตเทปที่ติดอยู่ออก ข้างในเป็นกล่องข้าวของร้านอาหารร้านหนึ่ง
“ข้าวเช้ากูเหรอ” เขาหันไปมองใบหน้าขรึม
“มึงบอกกูเองว่าให้ซื้อของอร่อยๆ มาให้ตอนเช้า”
“กูหมายถึง..ช่างเถอะ” มีของกินย่อมดีกว่าไม่มี ไม่จำเป็นต้องย้อนความ ไทยหยิบกล่องข้าวออกจากถุงกระดาษ ด้านในมีช้อนส้อมพลาสติกมาให้ด้วย
“เฮ้ย!” เขาเกือบปล่อยกล่องข้าวในมือหล่น เมื่อปรามโน้มตัวจากเบาะคนขับมาหาทั้งตัว “มึงทำอะไรวะ”
“มึงมีมือหยิบเข็มขัดหรือไง”
ไทยเม้มปากแน่น กลั้นหายใจเมื่อแก้มของอีกฝ่ายเฉียดจมูกเขาไปนิดเดียว อกหนาแนบลงมาเกือบโดนอกของเขา จนปราบใส่เข็มขัดให้เรียบร้อยแล้วเขาจึงกล้าหายใจ
“กูเอากล่องวางบนตักก่อนก็ได้” ไทยบ่นอุบ แม่งทำเอาเขาตกใจหมด
“กินไปเถอะ” เสียงทุ้มพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ไทยจึงไม่กล้าบ่นต่อ รถเคลื่อนออกจากหอพักของเขา ไทยเปิดฝากล่องข้าวออกดู
“ข้าวผัดปู”
“อืม”
“ก็ดี แต่กูอยากกินข้าวมันไก่ว่ะ คิดถึงมาสองวันละ” ไทยลอบมองสีหน้าของคนขับ
“งั้นก็เก็บ”
“อย่าบอกว่ามึงใจดีจะพากูไปกิน”
“ไปทำไหม กูซื้อมาให้แล้วมึงไม่กินก็เรื่องของมึง”
!!! “กูนึกว่ามึงจะตามใจกูซะอีก”
“ทำไมกูต้องตามใจ” คนถามเบนสายตามามองเข้า ทำสีหน้าเหมือนเขถามอะไรแปลกๆ
“ไม่มีอะไร” ไทยตักข้าวผัดเข้าปากไม่ยอมตอบ เขาไมได้อยากกินจริงๆ หรอกก็แค่อยากรู้ว่าปราบจะทำยังไง
“อร่อยดี” ไทยเคี้ยวตุ้ยๆ “มึงกินมาหรือยัง”
“ยัง”
“แล้วทำไมมีกล่องเดียว”
“เพราะกูต้องขับรถ”
“เออกูลืมไป มึงกินกับกูก็ได้” ไทยตักข้าวพอดีช้อนยื่นให้คนขับ ปราบเหลือบสายตามามองเขาแต่ไม่ยอมกิน จนไทยต้องกระตุ้น “กินเลย กูไม่ได้เป็นโรค”
“หึๆ” ปราบกินข้าวผัดที่เขาป้อนให้แต่โดยดี “อร่อย”
“งั้นก็กินอีก” ไทยตักข้าวผัดเข้าปากตัวเองก่อนป้อนอีกฝ่าย
“กินดีๆ ดิวะ” ไทยบ่นเมื่อข้าวหล่นจากช้อนลงบนตักของปราบ
“กูขับรถ” เสียงตอบปนหัวเราะ คล้ายขำเสียงบ่นของเขา
“ก็ได้ กูยกผลประโยชน์ให้ แต่ถ้ามดทำรังบนรถกูน่าดู” ไทยกลัวข้าวหล่นลงซอกเบาะ เขาจึงรับช่วยเก็บออกให้โดยไม่คิดอะไร ไทยหยิบข้าวเม็ดหนึ่งจากบนขาของปราบ อีกเม็ดบนตัก และอีกเม็ดติดอยู่บนเสื้อ ปลายนิ้วของเขาสัมผัสอกแกร่งผ่านเสื้อนักศึกษา ไทยชะงักมือ เผลอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแผงอกโดยอัตโนมัติ สายตาที่มองมาเป็นประกายวาววับ
“มองอะไรวะ เดี๋ยวรถชน” ไทยดึงมือกลับ ทิ้งเศษข้าวลงในถุง มองตรงไปยังกระจกหน้ารถ พยายามไม่สนใจเสียงหัวเราะขำของอีกฝ่าย
“มึงหน้าแดง”
“กูเปล่า”
“หึๆ”
ไอ้บ้า! ไทยด่าอยู่ในใจ ถามว่าด่าปราบใช่ไหม จะด่ามันทำไมเขาด่าตัวเองนี่แหละ เสือกหน้าแดงให้ถูกหัวเราะจนได้
“ช้าๆ เดี๋ยวข้าวติดคอ” เสียงหัวเราะรู้ทันทำให้ไทยเกือบสำลัก ช่วยไม่ได้นี่หว่า เขาไม่รู้จะแก้เก้อยังไง เลยยัดข้าวเข้าปากไม่หยุด เกือบติดคอตายแล้วไหมล่ะกู
“มึงกินบ้าง” เมื่อยัดปากตัวเองอันตราย ก็ยัดปากคนทำเขาอายนี่แหละดีที่สุด จะได้หยุดหัวเราะเขาเสียที
“กูไม่สบาย มึงจะงอนกูทำไมวะ” ไทยเกาหัวเมื่อเจอคนโปรดงอนเข้าให้ แถมตะวันผู้มีเหตุผลก็ยังไม่ยอมช่วยเขาแก้ต่าง คล้ายว่าจะงอนเขาไปด้วยอีกคน
“งอนเพราะมึงโกหกกู มึงเป็นเยอะ”
“เยอะตรงไหนของมึง” ไทยหัวเราะสีหน้าของคนโปรด ขยับตัวให้เพื่อนดู
“กูเป็นเพื่อนที่ไม่ดี”
“ไปกันใหญ่แล้ว กูสบายดี แล้วถ้าพวกมึงก็ไม่ต้องรู้สึกผิด กูกินอิ่มนอนหลับ ไม่ได้ทำอะไรเองสักอย่าง ไอ้ปราบมันคอยส่งข้าวส่งน้ำให้” ไทยพูดเพราะอยากให้เพื่อนสบายใจ
คนโปรดลอบสบตากับตะวัน เขาพยายามกลั้นยิ้มสุดความสามารถ
“มึงไม่ต้องยิ้ม กูรู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่”
“ฮ่าๆ” คนโปรดไม่ยิ้มแต่หัวเราะออกมาเลย ไหนๆ เขาก็ถูกจับได้แล้ว
“ดีแล้วที่มีคนดูแล เราจะได้ไม่ต้องห่วง” ตะวันพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน เขาพยายามรักษาสีหน้าเอาไว้ไม่อยากให้เพื่อนอาย
“เดี๋ยววันนี้กูขับรถกลับให้มึงเอง มึงจะได้พักเยอะๆ กูจัดการเรื่องอาหารให้” คนโปรดขันอาสา
“มึงขับรถให้กูแล้วจะกลับยังไง ยุ่งยากเปล่าๆ”
“กูก็ให้พี่รหัสขับตามไปด้วย”
“เราไปด้วย” ตะวันรีบบอกด้วยความเป็นห่วงเพื่อน อย่างน้อยจะได้ไปช่วยเก็บห้องให้
“พอๆ ไม่ต้องเลย ห้องกูแคบเท่าแมวดิ้นตายจะยัดกันยังไงเข้าไปหมดวะ”
“งั้นกินข้าวข้างนอกก็ได้ แล้วกูขับรถไปส่งมึง”
“ตามใจ” ไทยยอมให้คนโปรดไปส่ง รู้ว่าถ้าไม่ให้เพื่อนทำ ทั้งคนโปรดและตะวันคงรู้สึกผิดกับเขาไม่เลิก วิธีนี้จะได้สบายใจขึ้น ไทยไมได้นัดกับปราบอยู่แล้ว อีกฝ่ายไม่ได้พูดถึงเช่นกัน อาจพอเดาได้ว่าเพื่อนเขาคงไม่ยอมปล่อยแน่เมื่อเห็นสภาพ
“มึงอยากกินอะไร”
“ต้องกินข้าวต้มมั้ง” ตะวันออกความคิดเห็น
“พอเลย กูเบื่อข้าวต้มแล้ว กูกินได้ทุกอย่าง”
“ไทยน่าจะนอนพักอีกสักวันสองวัน ยังไม่ควรมาเรียน หน้ายังไม่หายช้ำเลย”
“ใช่ คนมองมึงเต็มเลย” คนโปรดเห็นด้วยกับตะวัน
“ดีแล้ว เผื่อสาวๆ จะสนใจกู ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้ชอบแบบแบดบอยกัน”
“กูว่ามึงมีคนสนใจแล้ว แต่ไม่ใช่สาวๆ ว่ะ ฮ่าๆ”
“ไหนมึงบอกไอ้ปราบไมได้จีบกู” ไทยย้อนความหลังด้วยความหมั่นไส้เพื่อน
“แล้วใครบอกว่ากูหมายถึงปราบ กูพูดเหรอ” คนโปรดทำหน้าซื่อแต่ดวงตาพราวระยับ “กูพูดเหรอตะวัน”
“ไม่ได้พูด เราไมได้ยิน” แม้แต่ตะวันยังเป็นไปด้วย
“กูอาจจะหมายถึงพี่สายฟ้าก็ได้นะ เห็นถามหามึงอยู่” คนโปรดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ขำจะแย่
“กูไม่สบาย พวกมึงพูดมากกูปวดหัว เย็นนี้เลี้ยงข้าวเย็นกูมื้อใหญ่ด้วย โทษฐานที่ไมยอมมาดูแล”
“หึๆ ได้” คนโปรดตอบอย่างใจป้ำ ถึงกับไปไม่เป็นเลยนะมึง งานนี้เขาว่ามีลุ้น คนอย่างไทยเคยเขินกับเขาที่ไหน นี่ถึงขนาดยกเรื่องไม่ยอมดูแลขึ้นมาพูด ไม่เขินจริงไม่มีทางเกิดขึ้น คนโปรดลอบสบตากับตะวัน เห็นไหมกูบอกแล้ว
ไทยนิ่วหน้าเมื่อเห็นถุงบางอย่างแขวนอยู่ที่ประตูห้อง เขาก้าวเท้ายาวขึ้นด้วยความสงสัย
“อะไรวะ” ไทยหยิบถุงขึ้นมาดู เดาได้ในทันทีเมื่อเห็นห่อกระดาษสีขาวและถุงน้ำซุป เขาคิดว่ามันคือข้าวมันไก่แน่นอน รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากของไทย รู้ทันทีว่าเป็นใคร
ไทยวางถุงลงบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาแทนการส่งข้อความ เขาขี้เกียจพิมพ์
“ฮัลโหล” เสียงเรียบดังจากปลายสาย ไทยเผลอยิ้มขำ อย่าหวังเลยว่าจะได้ยินน้ำเสียงดีใจจากหมอนี่ ไม่มีทาง
“มึงเอาข้าวมาให้กูหรือเปล่าวะ” ไทยถามตรงประเด็นทันที
“ถึงห้องแล้วเหรอ”
“ใช่” ไทยเริ่มชินกับอีกฝ่าย เขาจะถือว่านี่คือคำตอบว่าใช่ “ทำไมมึงไม่โทรหรือส่งข้อความมาถามกูก่อนวะ จะได้ไม่ต้องมาเสียเที่ยว”
“แล้วใครบอกว่ากูไปเสียเที่ยว”
“อ้าว!” ไทยทำหน้างงเมื่อได้ยินคำตอบ “อ๋อ หรือมึงมาทำธุระแถวนี้พอดี”
“เปล่า กูตั้งใจเอาไปให้มึง เผื่อดึกๆ มึงหิวจะได้ไม่ต้องหอบสังขารลงมา”
“กูชักงง ยังไงกันแน่”
“มึงได้ถุงข้าวแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครขโมยไป ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่เสียเที่ยว เพราะจุดประสงค์ที่ไปกูมีแค่นั้น”
ไทยนั่งอึ้ง ความรู้สึกของเขาผสมปนเป ระหว่างทึ่งอีกฝ่ายกับหมั่นไส้ความยอกย้อนนั่น
“งั้นก็ขอบใจ แล้วมึงซื้อมาทำไมตั้งสองห่อ เห็นกูตะกละขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“ซื้อเผื่อไว้เห็นมึงกินเยอะ”
“ใครจะแดกหมดวะ กูเพิ่งกินข้าวเย็นมาหมาด มึงซื้อมาสองห่อก็กลับมาแดกเป็นเพื่อนกูด้วย” ไทยพูดติดตลก
“หึๆ ไปพักได้แล้ว เจ็บตัวแล้วไม่เจียม”
“เออ ขอบใจมาก เดี๋ยวอาบน้ำแล้วกูกิน”
“อืม ไปพักเถอะ”
คนพูดน้อยหมดเรื่องคุยกับเขา ตัดสายไปเรียบร้อย ไทยวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ มองถุงข้าวมันไก่ด้วยรอยยิ้ม โคลงศีรษะไปมาเมื่อคิดถึงอีกฝ่าย เป็นคนประหลาดที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ
เสียงเคาะประตูทำให้ไทยชะงัก ใครวะมาเอาป่านนี้ หรือว่า.. “มึงจริงๆ ด้วย” ไทยหัวเราะก๊าก เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าประตู “มึงไม่ต้องเชื่อกูพูดทุกคำก็ได้นะ กูพูดเล่น” ไทยถอยให้ร่างสูงเดินผ่านเข้ามา
“กูรู้ว่ามึงพูดเล่น แต่กูเห็นจริงว่าควรมากินเป็นเพื่อนมึง”
ไทยชะงักเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย เขายิ้มแหย หัวเราะแห้งๆ ยกมือขึ้นลูบผมเมื่ออีกฝ่ายขมวดคิ้วมองมา
“คือ..คือแบบว่ากูกลัวมึงเสียน้ำใจอุตส่าห์หอบหิ้วมาให้”
“แล้ว..” ดวงตาขรึมจ้องตาเขา ไทยยิ้มกว้างจนตาหยี ทำใจดีสู้เสือ
“แล้วก็กูเลยแดกหมดสองห่อเมื่อกี้นี่เอง”
“ฮ่าๆ” คนมาเสียเที่ยวของจริงหัวเราะลั่น ขำจนตัวโยน
“แต่ถ้ามึงหิวกูต้มมาม่าให้ได้นะ เอาไหม” ไทยทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม เจ้าของอุตส่าห์ถ่อมากินถึงที่นี่ เขาดันกินเสียเกลี้ยง
“เอาสิ ฝากท้องด้วย”
“ได้ๆ มึงนั่งรอเลย กูต้มแป๊บเดียว” ไทยกุลีกุจอเดินไปหยิบซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาฉีกใส่ชาม กดน้ำจากกระติกน้ำร้อนลงไป หยิบจานสะอาดมาปิดไว้ด้านบน
“เดี๋ยว ไหนมึงบอกว่าจะต้ม” คนรอกินมีสีหน้าตกใจ
“ก็นี่ไงต้ม” ไทยชี้มือไปยังชามที่มีจานปิดอยู่
“หึๆ” เสียงหัวเราะแบบปลงตกดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงพูดเอื่อยๆ แต่เล่นเอาไทยหน้าแดง “ท่าทางกูจะฝากชีวิตไว้กับมึงไมได้ แต่มึงฝากกับกูได้นะ รับรองว่ากูดูแลมึงดีกว่ามาม่าต้มแน่”
“มึงแดกได้แล้วเดี๋ยวอืด” ไทยยกชามมาวางไว้ให้บนโต๊ะ เขาต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง เป็นผู้ชายจะมาเขินกับเรื่องแบบนี้ได้ไงวะ เสียชื่อไอ้ไทยหมด
“ยังไม่สามนาที นอกจากไม่อืดแล้วมันยังไม่สุกด้วย”
“...”
ความเจ็บปวดนี้ช่างร้าวลึก คล้ายมีคำว่าโง่บินวนอยู่รอบหัว วิธีที่ดีที่สุดคือกลบเกลื่อนด้วยอาการโวยวาย
“มึงจะกินไม่กิน”
“หึๆ มึงให้กินกูก็กิน” แล้วคนพูดจริงทำจริงก็ลงมือกินบะหมี่ต้มฝีมือของเขา ไทยรินน้ำแก้วใหญ่มาวางไว้ให้ เดินกลับไปนั่งที่
เตียง มองอีกฝ่ายกินเพลินจนหาวออกมา
“ไทย”
“หือ” ไทยตอบรับตาปรือ ร่างกายต้องการการพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูสภาพให้กลับมาเป็นปกติ
“พรุ่งนี้เช้ากูมารับ”
“อืม” ไทยพยักหน้า ยกมือขึ้นปิดปากหาว
“มึงนอนเถอะ กูล้างจานเสร็จแล้วจะปิดไฟให้”
“อืม มึงอย่าลืมล็อคประตูให้กูด้วย เดี๋ยวกูละเมอออกไปปล้ำใคร” ไทยเลื่อนตัวลงนอน เข้าตำราหนังท้องตึงหนังตาหย่อน เขาง่วงจนตาจะปิด
ไทยนอนมองปราบทำโน่นทำนี่ เขาไม่คิดจะหลับจริงแค่เอนตัวนอนพักเท่านั้น แต่สุดท้ายก็สู้กับความง่วงไม่ไหว เผลอหลับไปจนได้
ท่ามกลางความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น บางอย่างแตะลงบนหน้าผากของเขาก่อนที่ไฟกลางห้องจะดับลง ไทยคิดว่าเขากำลังฝัน เป็นฝันที่อบอุ่นใช้ได้เลย
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
เพิ่มดีกรีไปทีละน้อยนะคะ วันนี้แค่นิดๆ พอ หมอนจะได้เก็บไว้ใช้ได้นานหน่อย ><
ปล. Hi Stranger ไง! คนแปลกหน้ามีขายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติแล้วนะคะที่บูธสถาพรบุ๊คส์ P28 โซน C1 กับ STALKER แอบ.หลง.รัก รอบรีปริ๊นท์ มีจำหน่ายแล้วเช่นกันที่ บูธ สนพ.มีดี Y13 ค่ะ ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่า ^^
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin