ขณะนั่งอัพเดตข่าวสารในโซเชียลเน็ตเวิร์คระหว่างที่อาจารย์บรรยายอยู่หน้าชั้นเรียนเบื่อๆผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถามเพื่อนๆว่าอาหารนกที่ผมจิ๊กเอาของไอ้อ้วนน้อยมากินเมื่อเช้านั่นมันหาซื้อได้ที่ไหน เพราะขนาดในเซเว่นยังไม่มีขายเลย ผมยังเก็บเศษซองขนมไว้อยู่นะแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้ว
“หาไรวะ”
แอมมี่ที่นั่งข้างผมถามขึ้นเมื่อเห็นผมคุ้ยกระเป๋าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“หาซองขนม”
“ซองที่เป็นภาษาจีนนั่นป้ะ”
“มึงเห็นเหรอ”
“ก็ตอนกูหาสมุดมึงกูเจอ ละนึกว่าเป็นขยะ”
“แล้ว...”
“กูเอาไปทิ้งให้แล้ว”
“ห๊ะ!!”
“อ๊ะ ไม่ต้องๆ ไม่ต้องขอบใจกูหรอก เพื่อนกันโว้ยยย”
“ขอบใจเหี้ยไร TOT มึงนะมึงงงงง...”
ผมเข่นเคี้ยวผลักหัวแอมมี่ก่อนจะวิ่งออกไปตรงถังขยะที่ใกล้กับโต๊ะหินอ่อนที่เรานั่งกินข้าวกันเมื่อกลางวัน ถังขยะยังอยู่ที่เดิม เดี๋ยวนะ เอิร์ธ เอื้อการย์คุ้ยขยะเนี้ยนะ T_T เอาไงดีวะ ถ้าไม่คุ้ยก็ไม่เจอนะ ไม่เจอก็ไปหาซื้อไม่ได้ หาซื้อไม่ได้ ไอ้อ้วนน้อยก็ไม่หายงอน ความคิดในหัวเริ่มโยงเข้าหากันเป็นใยแมงมุม
“เฮ้ย พี่ๆ พี่อยากได้นี่ป่าว”
ผมเห็นพี่ที่ทำความสะอาดพื้นเดินผ่านมาเลยล้วงแบงค์ห้าร้อยขึ้นมา เงินไม่สามารถซื้อความรัก อดีต และเวลาได้ แต่จ้างคนมาหาของในขยะให้ผมได้ครับJ
…
…
…
“ไม่ล่ะน้อง สกปรกขนาดนั้น รอรถเก็บขยะมาพรุ่งนี้น้องค่อยจ้างเขาแล้วกัน”
T_______________________T
เงินห้าร้อยยังซื้อคนเก็บขยะไม่ได้เลย
“พี่ๆ เดี๋ยวพี่ พันนึงล่ะ พี่ โธ่เว้ยยย!”
พี่แกเดินจากไปอย่างไม่ใยดีเงินหนึ่งพันบาทของผมเลย เงินทองมันหายากนะเว้ยยยยยยย ตอนกลางวันยังมีครึ่งถังอยู่เลย ตอนนี้แม่ งนอกจากจะเต็มแล้วยังล้นออกมาเป็นรัศมีหนึ่งเมตรอีก ที่หนักยิ่งกว่ารัศมีหนึ่งเมตรคือมันมีอยู่ห้าถัง แล้วมึงทิ้งถังไหนวะแอมเมมมมมมมมมมม้~~
...
...
...
“ฟู่ววววววววววววววววววว~~~~”
ถอนหายใจออกมายาวยาวววววว ถังที่หนึ่งผ่านพ้นไปไม่เห็นแม้แต่ซาก หลังจากที่ผมไปซื้อmask มาปิดปากปิดจมูกป้องกันกลิ่น(ที่ยังสามารถทะลุผ่านเข้าสู่โพรงจมูกของผมอยู่ดี) และใส่ถุงมือยางเรียบร้อยพร้อมลงมือหยิบเศษซากอาหารออกมาจัดเรียงบนพื้นทีละชิ้นๆ ผ่านไปเป็นชั่วโมงเพิ่งเสร็จไปถังครึ่ง
“เฮ้ยนั่นไงไอ้เอิร์ธ เอ้า กระเป๋ามึง”
“ไอ้ห่ามาค้นถังขยะหาของเก่าไปขายเหรอ”
บ้านพ่อบ้านแม่คุณสิครับไอ้สัสเปียวววว
“นี่มึงรีบวิ่งออกมาหาซองขนมนั่นน่ะเหรอวะ กูไม่ได้เอามาทิ้งแถวนี้ นู่นนนนน หน้าร้านป้าอนงค์”
สัสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
โอ๊ยยยยยยยย กูไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงทำหน้ายังไงแล้ว หมดแล้วศักดิ์ศรีกรูวววววว TOT ผมดึงmask ถอดถุงมือทิ้งลงในถังขยะอย่างอารมณ์เสีย เปิดฝาถังขยะหน้าร้านป้าอนงค์ออกปุ๊บซองขนมที่เต็มไปด้วยภาษาจีนเรียงรายวางแหมะอยู่บนสุด
แล้วกูใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆเข้าไปคลุกคลีกับสิ่งปฎิกูลนั่นเพื่ออารายยยยยยยยยยย
“กูขอโทษเว้ย กูนึกว่าขยะไง”
“ไม่ต้องเลยโกรธแล้วโว้ย”
“ฮั่นแน่ พูดงี้แสดงว่าไม่โกรธจริง” มึงควรสำนึกนะมี่ ไม่ใช่มายิ้มล้อกูเล่นอย่างนี้ T^T
“เออ มึงต้องรับผิดชอบด้วยการหาร้านขายขนมนี่ให้ได้ แล้วกูจะหายแกล้งโกรธ”
“เรื่องแค่นี้เอง หาได้แล้วเลิกแกล้งโกรธกูนะ”
“เออ!!!”
ผมเข่นเคี้ยวแล้วเอาซองขนมไปแปะหน้าผากแอมมี่จนหน้าหงายจากนั้นซองขนมก็ค่อยๆร่วงลงพื้นปลิวไปตามสายลมให้ไอ้มี่มันวิ่งไล่เก็บเป็นการแก้แค้น
“อิมี่! มายืนจีบผัวกูอีกแล้วนะมึง”
“จะบ้าเหรอ กูรักมึงคนเดียวนะคม กูไม่เคยนอกใจมึงเลย เชื่อใจแอมมี่เถอะ เราจะแต่งงานและมีลูกด้วยกันสองคน หลังจากนั้นเราจะเก็บเงินสร้างบ้านสามชั้น ชั้นล่าง...”
“หยุดมโนเถอะนะนังชะนีผิดผี เล่นเกมส์เดอะซิมส์มากไปเหรอ T_T กรี๊ดดดด อย่าเข้ามาใกล้ช้านนนนนนนน ขนลุกไปหมดแล้ววว”
“มาเป็นผัวกูซะดีๆพี่คมขา”
มันตั้งท่าจะวิ่งไล่ปล้ำกันเป็นหนังอินเดียผมเลยรีบจับแยกเพราะว่ามีภารกิจพิชิตใจเด็กที่ยิ่งใหญ่รอผมอยู่! หลังจากที่นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังหกคนรวมหัวกันคิดหาพิกัดของร้านขนมนี้เพื่อเด็กคนนึงนั้น ทำให้เราคิดได้ว่า... ทำไมกูไม่ไปถามไอ้อ้วนตรงๆเลยล่ะคร้าบบบบบบบ =____=
“ไม่ได้หรอก มึงรู้จักศัพท์กากๆที่พวกวัยรุ่นๆเขาใช้กันมั้ย”
“ไรวะ”
“สไปรสสสสสส์ซึ!”
“สไปรส์ซึพ่อ มึงเหรอ เซอร์ไพรส์ก็พ๊ออออ”
“หยุดเถียงกัน เอาเป็นว่าวันนี้คมซี่เข้าใจกูมากที่สุด”
“คมซี่อะไรวะผัววววว แลดูเป็นตุ๊ดไร้สกุลรุนชาติมาก! เรียกอีกทีกูเอาปากไปกระแทกหัวนมมึงแน่ บอกกี่ทีแล้วว่าให้เรียกเคธี่ๆ”
อูยยยยยยย คมซี่ขู่โผ้มมมมมม
“น่าจะพวกร้านหิ้วนะ”
“งั้นเราลองไปแถว XX ดูมั้ย ร้านหิ้วเครื่องสำอางเยอะเลย”
“เดี๊ยวววววววววววว ถ้ามึงไปแถวนั้นกูขอไปด้วย >O<”
“ใช่มะเคธี่ ไปดูเครื่องสำอางออกใหม่กัน”
ครับ สนใจเรื่องของกูมากกกกกกกกกกกกก! = =
“นี่กูซีเรียสนะเว้ย เร็วๆคิดกันหน่อยดิ จะได้เวลาแล้วด้วย เดี๋ยวเด็กในสังกัดกูกลับบ้านกันหมด”
“พูดเหมือนมีหลายคน กูก็เห็นมึงสนใจแต่น้องอเล็กซ์อยู่คนเดียว”
“กะ... ก็ เอาน่า รีบเสิร์ชเลย มีลูกถามลูกมีหลานถามหลาน”
บอกตรงๆเลยนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจมันมากกว่าคนอื่น เอาเป็นว่าทุกวันนี้ผมยุ่งวุ่นวายกับมันมากที่สุด มากกว่าใครๆที่ผ่านมาแล้วกัน ขนาดไอ้ต๊ะไอ้แพงผมยังไม่แคร์มันเท่านี้เลย
“กูว่ากูได้คำตอบละ”
ช่วงที่ผมปรึกษาเรื่องขนมกับพวกเพื่อนรักของผม ผมก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่ามันต้องไม่ได้เรื่องอะไรคืบหน้านอกจากการกวนตีน ผมเลยไปโพสต์ถามในอินสตาแกรมนอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการฝากร้านแล้วยังมีสาวสวยนามว่ากลอนมาคอมเม้นต์ใต้ภาพด้วย รู้งี้ถามกลอนตั้งแต่แรก บอกมาหลายสาขามากอ่ะ แถมยังถามว่าจะให้ไปส่งด้วยมั้ย คนอะไรนอกจากจะน่ารักแล้วยังใจดีอีก
“แล้วเขามาฟอลมึงตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน กูเพิ่งแลกไลน์กับเขาไปเมื่อตอนกลางวันเอง”
“ไม่ใช่ว่าแอบชอบผัวขาอยู่แล้วเลยเดินมาอ่อยหรอกเหร๊อออออ”
“ชอบกูอยู่แล้วก็ดีดิ จะไม่ได้ไม่ยาก ฮ่าๆๆๆ”
“เลวอย่างเดียวไม่พอ เรียกโคตะระเลวเลยเถอะ”
“นับว่ารู้จักกูดี! ป่ะมี่ ไปหาซื้อกัน”
“แม่ ง ด่าแล้วยังไม่สะทกสะท้าน แล้วกองขยะเรี่ยราดเนี้ยล่ะ กลับมาเก็บก๊อนนนนนนน ผัวขาาาาา”
“มึงเก็บ ถ้าอยากได้สิทธิ์เป็นเมียกูต่อไป”
“เล๊วววววววววววววววววววววว >O<”
ผมไม่สนใจขยะเปียกขยะเน่าที่ผมเทกระจาดฟุ้งกระจายทั่วบริเวณนั้นหรอก ถ้าไอ้คมซี่มันไม่เก็บ พรุ่งนี้เช้ารถขยะก็มาเก็บ ไม่อย่างนั้นก็พี่พนักงานที่กล้าปฏิเสธเงินห้าร้อยของผมก็มาทำความสะอาดอยู่ดี
เมื่อวานผมมาถึงโรงเรียนไอ้อ้วนน้อยไม่ทันตัวเด็กที่ผู้ปกครองเขาดั๊นมารับเร็ว ถึงมันจะเป็นเรื่องดีของเด็กแต่ทำไมต้องมาเป็นวันที่อ้วนมันงอนผมด้วยก็ไม่รู้ เช้านี้เลยกะโผล่หัวมารอตั้งแต่เช้า จะได้มีเวลาอยู่กะมันมากขึ้น
“ไปถามรถหรือยัง”
“เออใช่ เอิร์ธลืมไปเลย”
“หึ ลืมไปเลยหรือว่าเอารถไปทำอย่างอื่นกันแน่ บอกแม่มาตามตรง”
“เปล๊า~~ โดนขูดจริงๆ”
“แล้วทำไมนาน”
“มันติดช่วงเทศกาลครับ เอิร์ธไม่โกหกแม่หรอกน่า ได้เมื่อไหร่ก็เห็นเอง”
“ไม่ใช่เอารถไปเสียพนันอีกใช่มั้ย”
“NOOOOOOOOOO”
ที่จริงผมได้รับข้อความจากพี่ที่อู่เมื่อสองวันก่อนส่งมาบอกว่ารถเสร็จแล้วเข้ามาเอาได้เลย แต่ถ้าผมได้รถผมก็ไม่ได้มาโรงเรียนกับแม่อีกแล้วน่ะสิ ผมเป็นห่วงแม่ที่ต้องขับรถไปกลับโรงเรียนคนเดียวนะครับ แค่ดูแลไอ้พวกหมูซนพวกนี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว (เหรออออออออออ)
“ไม่เห็นต้องไปเดือดร้อนเลยแม่ เอิร์ธเต็มใจไปรับไปส่งแม่ทุกวันอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่อย่างน้านนนนน แม่เป็นห่วงรถ”
ดีครับดี ดี!
“เอิร์ธจะเช็คให้ก็แล้วกันนะ”
“ก็เห็นพูดงี้มาหลายทีแล้ว”
“น่าๆๆ”
ผมมาถึงโรงเรียนก็มองหาไอ้อ้วนน้อยก่อนเลยเป็นก้อนแรก เอ้ย คนแรก เห็นมันวิ่งเล่นกับไอ้แซ็ค(อีกแล้ว)อยู่ไกลๆ แต่พอมันเห็นผมเดินเข้าไปหามันรีบมุดตัวหนีออกจากฝูงเพื่อนวิ่งตรงไปยังอุโมงค์ลี้ภัยของมันทันที
“ทำไมไม่ถึงสักที~~~”
“ทำไมวิ่งไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักทีนะ”
ผมทำเสียงล้อเลียนมันหลังจากที่อ้วนน้อยวิ่งไปด้วยพึมพำไปด้วยว่าไม่ถึงจุดหมายของมันสักที จะถึงได้ไงล่ะ ก็ผมเกี่ยวคอเสื้อมันไว้อยู่
“อื้ออออออออออ”
“ก็หยุดดิ้นดิอ้วน”
มันหยุดดิ้นเมื่อเสื้อรัดคอแล้วก็เริ่มหูแดงตาแดง
“ร้องไห้ไม่ต้องกินขนมนะ”
ผมเขย่าซองอาหารนกที่ลำบากตรากตรำไปหา ส่วนมากจะเป็นขนมที่หิ้วมาจากญี่ปุ่น แต่ของไอ้อ้วนน้อยมันมาจากจีนหาซื้อเกือบไม่ได้ ไม่รู้ว่ามันไปสรรหามาจากที่ไหน
“ไม่อยากกินแล้ว!”
มันกอดอกเชิดหน้าน้ำตาเป็นหยดคลออยู่ที่ขอบตาล่าง โกรธจริงโกรธจังมาก ขนาดเอาขนมมาล่อแล้วยังงอแงอีก ปกติแกล้งเยอะกว่านี้ยังหายงอนเลย สงสัยจะสะสมมาหลายครั้ง ฮ่าๆๆๆ
“น้องไม่กินจิงอ่ะ พี่กินนะ จะกินละน้า~~”
“ฮึ!”
เอากับเขาดิ มาทำเสียงฮึแล้วกระทืบเท้า
“ไม่หายงอนจะเอากางเกงไปซ่อน”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด >O<”
มันกรี๊ดและกำเอวกางเกงตัวเองไว้ไม่ให้ผมรั้งลงไปกองที่ข้อเท้า ผมเลยจี้เอวมันให้เผลอปล่อยมือแล้วดึงกางเกงลงอีก ผมไม่ได้จะให้หลุดนะครับแค่กะให้เอวกางเกงมันไหลลงเล็กน้อยแกล้งอ้วนมันตกใจเท่านั้นเอง ไอ้อ้วนน้อยดิ้นพล่านจนสุดท้ายร้องไห้ปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่
“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ~~~”
“ไอ้เอิร์ธ!!”
“คุณครู ฮืออออออ เขาแกล้งน้องเล็ก ฮึก ฮือออออออ”
“แม่หลายครั้งละนะเอิร์ธ” แม่ทำหน้าซีเรียสแล้วมองผม ทำให้ผมไม่กล้าไหลเหมือนทุกที
...
...
...
“น้องเล็กไม่ชอบพี่เอิร์ธเลย ฮือออ”
ผมมองนาฬิกาข้างหัวเตียงหลังจากที่ตื่นมาเองโดยไม่ต้องตั้งปลุกเหมือนทุกที เจ็ดโมงครึ่ง... นึกว่าจะตื่นสายกว่านี้ซะอีก ปกติถ้าไม่ตั้งปลุกผมนี่ลากยาวไปถึงบ่ายแน่นอน อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับ ผมวัยกำลังเจริญเติบโตก็ต้องการพักผ่อนเป็นธรรมดาJ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอิร์ธ”
“ค้าบบบบบ~~~”
ผมตอบรับแม่ไปเสียงเนือยๆก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้
“นี่อะไร ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก เจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ แม่รออยู่ด้านล่างตั้งนาน”
“...”
“เอิร์ธ เอิร์ธ! ตื่นหรือยังเนี้ย”
แม่ตบหน้าผมดังแปะๆเหมือนจะปลุกให้ตื่น
“ลืมบอกไปว่าวันนี้เอิร์ธจะไปเอารถ เดี๋ยวให้ไอ้แพงมารับ แม่ขับรถไปเองได้ใช่มั้ยครับ”
“ได้สิยะ ว่าแต่ได้รถแล้วเหรอ เงินยังพอใช้อยู่มั้ย”
“พอน่า”
“แล้ว... ไม่สบายอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าเซียวๆ”
ผมส่ายหัวแล้วปิดประตูล๊อค เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับแต่เสือกตื่นเช้า = =;;
‘น้องเล็กไม่ชอบพี่เอิร์ธเลย’
…
‘...ไม่ชอบพี่เอิร์ธเลย’
…
‘...พี่เอิร์ธเลย’
…
ทำไมต้องพูดอย่างนั้นวะ แล้วทำไมต้องรู้สึกแปลกๆ ลักษณะคล้ายจะเรียกว่าเสียใจ ไอ้เหี้ยเอิร์ธธธธธ มึงเป็นอะร๊ายยยยย TOT ทำไมต้องไปแคร์กับคำพูดไอ้เด็กหกขวบ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเด็กมาบอกว่าผมชอบแกล้งแล้วก็ไม่ชอบผมตั้งหลายคน แต่มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกเฟลเท่ากับที่ออกมาจากปากไอ้อ้วนน้อยเลย
แล้วพอบอกว่าเกลียดกลับดันมาเรียกชื่อผมถูกด้วยนะ เลือกไม่ถูกเลยกูว่าจะต้องดีใจหรือเสียใจดี ตัวน้อยแต่มันฤทธิ์เยอะนัก ทำให้คนไม่คิดอะไรเลยอย่างผมคิดมากได้เนี้ย วันทั้งวันก็คิดถึงแต่เรื่องมันว่าจะทำยังไงต่อไปดี หน้าด้านกลับไปตื๊อหรือยอมถอยทัพ คิดมากยิ่งกว่าวิธีจีบสาวให้ติดอีก
“ทั้งๆที่กูชอบมึงมากกว่าเด็กคนอื่นๆ ทำไมมึงไม่ชอบกูวะ มีเด็กอยากขี่หลังกูหลายคนเลยนะโว้ยยยยย โอ๊ยยยยย แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำเป็นงอนเหรอ ผู้หญิงที่เคยให้ความสุขกูกูยังไม่เคยง้อเลยนะเว้ย แล้วทำไมกูต้องง้อไอ้ตัวแสบอย่างมึงห๊าาาาาา”
“มึงๆ มันเริ่มอีกแล้วว่ะ”
“มึงคิดว่ามันกำลังพูดกับใครอยู่วะ เพื่อนกูไม่เคยพูดคนเดียวอย่างนี้เลยนะ”
“ไอ้เอิร์ธเป็นอะไรใครรู้บ้าง = =;;”
ทุกคนที่นั่งล้อมอยู่ส่ายหน้าไปมามองผมที่นั่งเขาคางเกยอยู่ที่โต๊ะหลังเลิกเรียนเสร็จ วันนี้พวกมันแซวผมอย่างแปลกใจที่ไม่รีบไปรับแม่อย่างทุกวัน ก็ผมได้ SKL ลูกรักของผมคืนแล้วนี่ผมจะต้องไปเหยียบโรงเรียนที่เต็มไปด้วยเด็กงอแงที่ผมไม่ชอบนั่นทำไมจริงมั้ย
“ครับ” ผมรับโทรศัพท์ ส่วนเพื่อนๆก็เริ่มแยกย้ายกลับบ้าน
“กลอนเรียนเสร็จแล้วนะ”
“รอแป๊บนึง เดี๋ยวเราไปรับเลย”
ผมตอบรับกลับไปอีกสองสามคำก่อนจะวางสาย หันไปเห็นอิเคธี่กับแอมมี่ยืนทำปากแบะๆๆๆ ล้อเลียนอยู่ก็เลยไล่เตะมันไปคนละที
พอไม่มีไอ้อ้วนน้อยเช้าเย็นนี่กูช่างว่างเหลือเกิ๊น~~ ได้รู้จักกับมันแล้วผมได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ มันเหมือนประหลาดหลุดโลกถึงจะวุ่นวายแต่พอมาคิดๆดูแล้วมันก็สนุกไปอีกแบบ ต่างจากทุกวันนี้ที่ผ่านไปแบบเดิมๆ ผมไม่ต้องคิดว่าวันนี้จะหาเรื่องอะไรไปแกล้งไอ้อ้วน ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าและไม่ต้องกุลีกุจอรีบขับรถไปง้อไอ้อ้วนในตอนเย็น ทุกๆวันมันน่าเบื่อชิบ!
ไม่ไปเที่ยวกับเพื่อน ก็เดทกับสาวๆ ไม่งั้นก็เล่นบาสเตะบอลไปตามเรื่อง อย่างเช่นตอนนี้ที่พวกผมกำลังจะมีเรื่องกับพวกศิลปกรรมเพื่อแย่งสนามบอลซึ่งเป็นส่วนกลางของมหาวิทยาลัยกัน อันที่จริงสนามบอลของคณะผมก็มีแต่พวกนักกีฬาที่จะแข่งขันกีฬาระหว่างคณะซ้อมอยู่ พวกชมรมบอลที่เล่นกันขำๆเลยต้องออกมาหาเอาข้างนอก
“นี่มันของนักศึกษาโว้ยยยย ค่าเทอมก็เสียเท่ากันกันหมด แบ่งๆกันเล่นดิวะ”
“มึงเสียค่าเทอมด้วยเหรอวะต๊ะ ได้ข่าวว่าเกาะทุนมหาวิทยาลัยกินอยู่นี่”
“อ้าวไอ้เวร ลามปามเพื่อนกูอยากแดกซุปเปอร์ตีนมากหรืองั๊ย?”
“เอาดิวะ! มึงมีตีน กูก็มี”
พวกผมมีเกือบสิบ แต่พวกมันมีมากกว่านั้น พอเราตั้งท่าจะตะลุมบอนกันพวกกองเชียร์ก็รีบมาห้าม พวกผมน่ะไม่ได้จะอะไรเลย แข่งกันคนละฝั่งขำๆก็ได้แต่พวกมันทำตัวเป็นเจ้าของสนามไม่ให้พวกผมได้เข้าไปเหยียบหญ้าด้วยซ้ำ เพื่อนคนอื่นๆในชมรมก็อุตส่าห์ขนถังน้ำขนอะไรมาบริการพวกผมเต็มที่ ผมก็ไม่อยากให้เก้อ สงสารพวกมันด้วย
“เฮ้ยเอก แบ่งๆกันเถอะ คนละฝั่งก็ได้” กลอนเข้าไปขอไอ้เอกซึ่งเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน
“เหอะ หลบหลังผู้หญิงเหรอวะ”
“มึงไม่ต้องเอาเรื่องผู้หญิงผู้ชายมาอ้างหรอก ถ้าคิดว่าเอาชนะกูได้แล้วจะเท่ก็กินปลาแล้วไปตายซะ เผื่อชาติหน้าจะได้มีสมองติดหัวมาด้วย”
ผมกอดอกพูดช้าๆเน้นทีละคำพร้อมทำหน้ากวนตีนอย่างที่อีกฝ่ายได้ยินจะต้องโมโหเลือดขึ้นหน้าจนแดงก่ำเหมือนอย่างที่ไอ้เห่ยเอกมันเป็นตอนนี้ไง อ้อ ผมว่านะ ที่ไอ้เอกมันกวนตีนไม่ให้พวกผมได้เล่นบอลอาจจะเป็นเพราะเรื่องของกลอนนี่แหละ ช่วงนี้ผมไปหากลอนที่คณะบ่อยๆเจอมันกำลังจะชวนกลอนไปนู่นไปนี่อยู่ทุกครั้ง แต่เสียใจ...ผู้หญิงเขาเลือกโผ้มมมมมJ
“ไอ้เอิร์ธ มึง!”
“เฮ้ยๆๆ”
ไอ้หน้าเห่ยมันจะเข้ามาซัดผม ไอ้เพื่อนยากก็เข้ามาดันอกไอ้เอกไว้ไม่ให้เข้ามา พอพวกผมลุกพวกมันก็ลุกหือซัดกันนัวเนียของจริง
ปรี๊ดดดดดด ปรี๊ดๆๆๆ
อยู่ทำเหี้ยไรล่ะ จารย์มา วิ่งโว้ยยยยยย...
ผมจับมือกลอนวิ่งหนีออกมาจากสนาม ไอ้ที่ซัดกันเมื่อกี้แตกหือวิ่งกันไปคนละทิศละทาง ส่วนฝ่ายสวัสดิการของชมรมมันรู้หน้าที่ยิ่งกว่าแบกถังกลับไม่ให้เหลือหลักฐานใดๆที่จะสาวมาถึงตัวพวกเราทั้งสิ้น เยี่ยม!
“แฮ่กๆๆ เหนื่อย!”
“แฮ่กๆ แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ”
ผมพากลอนวิ่งมาถึงโรงรถที่ผมจอดลูกรักเอาไว้ ผมสตาร์ทรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำให้เหงื่อระเหยแห้งไปก่อนจะออกรถพากลอนไปหาอะไรกิน
“เดี๋ยวนะ จะไปทั้งชุดนี้”
“ฮ่าๆๆ”
“ไปห้างY ซะด้วย ยามจะให้เข้ามั้ยหะ”
“แคร์เหรอ มีเงินจ่ายอ่ะ”
“แหวะ”
กลอนทำหน้ายี้ใส่ ผมออกมาเดินห้างทั้งชุดบอลเลยแหละ พวกคุณหญิงคุณนายนี่จิกตามองผมอย่างกะจะใช้ให้ไปล้างรถ เป็นธรรมดาที่คนเราจะมองกันที่ภายนอก ใครดูดีก็เป็นใบเบิกทางไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
หลังจากเดินห้างเสร็จก็ไปส่งกลอนที่บ้านเพราะวันนี้ญาติเขามาจากสเปนเลยต้องกลับมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ส่วนผมก็กลับมาว่างอีกครั้ง เพื่อนแต่ละคนดันมีธุระไปซะหมด กะว่าจะชวนไปกินเหล้าซะหน่อย สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่บ้านคนเดียว รอให้แม่มาทำกับข้าวให้กินแล้วขึ้นไปนอนรอตื่นตอนบ่ายวันเสาร์
ปริ๊นๆๆ
“เอิร์ธ! ช่วยแม่ขนของหน่อย!”
“คร้าบบบบ!”
นอนดูโทรทัศน์อยู่รีบผุดลุกไปช่วยขนของเลย มีเหยื่อมาให้แหย่ละหนึ่งราย หึหึหึ
“ดูซิ~~~~~~ แม่พาใครมาด้วยยย >O<”
!!!!
-------------------------------------------
ใครก็ไม่รู้โดนน้องเกลียดแล้ว >O<