[เรื่องเล่า] เสือไบ:the series
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า] เสือไบ:the series  (อ่าน 412979 ครั้ง)

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #270 เมื่อ29-07-2007 08:58:34 »

เสือไบ:the series (ตอน 64)

หลังจากพาปอกับป่านไปปลดปล่อยที่แดนซ์โซนเมื่อวันนั้น ผมเจอกับปอกับป่านแทบทุกวัน เอาน่าผมคุ้นเคยกับการอกหักดี บางครั้งคนที่อกหักก็ต้องการเพื่อนคุย เพื่อนปรึกษา เพื่อจะทำให้ลืมภาพต่างๆ เกี่ยวกับคนที่เรารัก.....นี่ก็ใกล้วันที่ 24 แล้ว ช่วงนี้เป็นเทศการฮอลลีเดย์ด้วย ลานเบียร์ผุดขึ้นราวดอกเห็ดผมก็ไปแทบจะทุกวัน ไม่ว่าจะไอ้กาย ปอ ป่าน ไอ้เอส ไอ้โจ้ ไอ้บาส (ฮ่าฮ่า จำตัวละครพวกนี้ไม่ได้ก็ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆ ได้นะครับ)....


สิบวันที่ผมจะอยู่ จะได้ปรนนิบัติมิสเตอร์เชน ผมต้องค้นหาอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ที่แกชอบ มาเซอร์ไพส์แกบ้างแล้วแหละ ผมโทรถามไอ้กายเกี่ยวกับเชียงใหม่ ว่าแกชอบอะไรบ้าง...


"โห ไอ้เอก มรึงจะบ้าเปล่าวะ มรึงไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้"


"ไม่รู้หว่ะ แต่ตอนนี้ กรูรู้ว่า กรูควรทำให้คุ้มกับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่แกให้กรู"


"สาธุ งั้นมรึงมาเป็นเมียกรูดีกว่ามั๊ง กรูชอบแบบนี้"


"โหขนาดมรึงยังชอบแบบนี้เลย แล้วมิสเตอร์เชนจะไม่ชอบเหรอวะ บอกมา แกชอบอะไรที่ ไหน บอกมาให้หมดเลย..."


"ส่วนใหญ่แกชอบเที่ยวหว่ะ จะเน้นกลางคืนมากกว่า พวกธรรมชาติก็มีบ้างนะ แต่กรูกับแกไปมาหมดแล้ว"


"โห เออ กรูมาที่หลังมรึงไง กรูถึงต้องศึกษาหาข้อมูล ให้มากหน่อย ฮ่าฮ่า บอกมาเร็วๆ"


"เอาที่แกชอบๆ นะ ถ้าสถานที่เที่ยว ดอยอ่างขาง ดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ"


"อือ แล้วพวกมรึงไปกันไงล่ะ" ผมเห็นสถานที่แล้ว มันต้องมีรถถึงจะสนุก...


"ก็ไปกับ พวกทัวร์ที่โรงแรมจัดแหละ แต่กรูว่า แกคงไม่ไปแล้วแหละไปบ่อยๆ เบื่อ..อีกอย่างมรึงกำลังใหม่ๆ สำหรับแกอยู่ กรูว่า แกคงอยู่ตัวเมืองแหละ ฮ่าฮ่า มรึงแหละจะซวย"


"เออ กรูก้อว่างั้นแหละ" ผมนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่คอนราด เฮ้อ.....


"ถ้าร้านเที่ยวนะ ก็ ริเวอร์ไซด์ กู๊ดวิว จีจี้ และก็บาร์เกย์ พวกอดัม เซอร์เคิล..."


"โห"


"มรึงเตรียมฟิตร่างกาย ได้เลย กรูไปกับแกมาหลายครั้ง แทบอ๊วก..."


"มันจะสักเท่าไหร่กัน โอเค เดี่ยวขอกรูไปศึกษาข้อมูลก่อนล่ะกัน...."


หลังจากที่วางสายกับไอ้กายแล้ว ผมก็มาศึกษาข้อมูล เออ ผมมีสอบวันที่ 24 นี่หว่ะ สอบเช้า แต่ไม่เป็นไรครับ มันเป็นวิชาช่วยประมาณประปาเบื้องต้นอะไรแบบนี้แหละ....อ่านสักหน่อย......


วันที่ 24 แล้วผมต้องไปสอบวิชา ประปาแต่เช้า (เทอมนี้ลงตัวเดียว กำลังลุ้นว่า ถ้าตัวนี้ได้บีขึ้นไปผมก็จะได้ลงโปรเจคกับเค้าซะที แต่มันคงยากครับ ตอนนี้ผมท้อๆ กับเรื่องเรียนไปแล้ว) นั่งรถตู้ไปสอบ นั่งไปหลับไปถึงมหาลัย ก็เข้าสอบเลย ใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงกว่าๆ ก็เสร็จครับ (วิชานี้มันเป็นวิชาช่วยนะครับ เพราะฉะนั้นไม่ยากเกินไป) สอบเสร็จผมต้องรีบกลับครับ เพราะผมต้องไปดอนเมืองเพื่อรับมิสเตอร์เชน แกบอกไฟท์ เวลา มาแล้ว....

เกือบทุ่มผมไปยืนรอมิสเตอร์เชน(ไปรอตั้งแต่ห้าโมงเย็น) ที่ประตูทางออกผู้โดยสาร(นึกไม่ออกครับ  ว่าเค้าเรียกว่าอะไร)  มิสเตอร์เชนเดินออกมาแล้ว แกเหมือนเดิมกับคราวแล้ว แกหิ้วประมาณกระเป๋าลาก กับโน๊ตบุ๊ค...วันนี้แปลกแกใส่สูทมาด้วย ดูดีๆ แกก็ดูเป็นผู้ชาย ธรรมดา ผมว่าถ้าเก๊กๆ อีกหน่อย แกก็หล่อใช้ได้เลยนะ....(ถ้าไม่เก๊กมันจะแต๋วๆ ฮ่าฮ่า) แกเห็นผม โหเหมือนหนังเลยครับ แกวางกระเป๋า แล้วก็วิ่งมากอดผม ....โห ผมอายน่ะอายเลยครับแต่ทำไงได้....

"คิดถึงคุณจัง" ฟอด ผมโดนหอมแก้มไปหนึ่งที เฮ้อ...ไม่เข้าใจเลยครับว่าแกกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าสาธารณะชนได้ไง

"ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน มาผมช่วย" ตอนนี้ผมช่วยแกลากกระเป๋ากับโน๊ตบุ๊คครับ...เอาน่าของแค่นี้ผมไม่เหนื่อยหรอก....

"ไปแท๊กซี่นะครับ"

"ครับ"

"แล้วพักที่เดิมเหรอเปล่าครับ" ผมถามต่อ ตอนนี้ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ..

"โอเค พักที่เดิมครับ" หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ผม ครับ จัดการเรียกแท๊กซี่บอกให้ไปส่งที่โรงแรมคอนราด...ระหว่างนั่งไปกับแก....เฮ้อ แกทำเหมือนอยู่กับผมสองคนแหละ แต่ผมเฉยๆ นะครับ...พี่แท๊กซี่เค้าคงขำๆ แหละ...

มาถึงคอนราดแกก็จัดการเรื่องห้องครับ เราได้พักห้องเดิมครับ......

"คืนนี้คุณจะไปไหนเหรอเปล่าครับ" ผมถามแก...หลังจากช่วยแกจัดเข้าของเข้าตู้เสื้อผ้า...

"ไม่ดีกว่า  ผมเหนื่อย อีกอย่าง ผมอยากอยู่กับคุณ มากอดหน่อยเร็วไม่ได้กอดนานแล้ว"

"ครับ"

"รู้มั๊ยผม เฝ้าคิดถึงคุณแทบทุกวัน"

"ครับ ผมก็เหมือนกัน.." แกกอดผมแน่นเลยครับ....

"ไปเตรียมน้ำให้ผมอาบหน่อยดิ ฮิฮิ เดี่ยวผมสั่งอาหารมากินที่ห้องก่อน"

"ครับ" มันเป็นหน้าที่ผมนี่ ผมเดินเข้าไปจัดการอ่างน้ำครับ ตอนนี้ผมเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมทุกอย่างครับ ...ฮ่าฮ่า ก็ไอ้กายแหละตัวดีนักแนะนำ...มันบอกว่าเวลาอาบน้ำลองจุดเทียนที่มีน้ำมันหอมระเหยดิ ได้อารมณ์ดีนะ...

ตอนนี้ผมก็เลยทำตามคำแนะนำของมันครับ...ปิดไฟ จุดเทียนน้ำมันหอมระเหย ..ขนาดผมยังว่ากลิ่นมันโรแมนติกไงไม่รู้ ....มิสเตอร์เชนเหมือนจะรู้ครับ สั่งไวน์มาดื่มด้วย โหตอนนี้ผมกับแก อยู่ในห้องน้ำ (ฮ่าอ่า ไม่บรรยาต่อนะครับ คิดเอาเอง มะช่ายซีรี่ส์เอ็กซ์)

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมเหนื่อยมากๆ เลยครับ ก็อย่างว่าแหละทำงานแบบนี้ ห้ามบ่น...ต้องทำหน้าตายิ้มแย้มเหมือนเต็มใจทำ...แต่ผมก็เต็มใจจริงๆ ครับ..

อาหารมากันแล้วครับ แต่เป็นประมาณกับแก้มมากกว่า....มีไวน์  เด็กเสิร์ฟคนเดิมมารินให้อีกแล้ว มันมองหน้าผมแล้วยิ้มขำๆ ผมเข้าใจความหมายมันครับ แต่ทำไงได้ล่ะ....

"วันนี้ไม่ไปไหนจริงเหรอครับ" ผมถามย้ำแกอีกทีตอนนี้แกกำลังอินกับเสียงเพลงครับ

"พรุ่งนี้ดีกว่า คริสมาส"

"ได้ครับ ผมจะได้เตรียมตัว"

"คุณคิดถึงผมเหรอเปล่าครับ..."

"ครับ คิดถึง"

"แล้วทำไมคุณไม่ใช้บัตรเครดิตบ้างล่ะ" อ้าวแกรู้อีกว่าผมไม่เคยใช้บัตรที่แกให้...

"ตอนนี้ผมยังไม่มีความจำเป็นครับ เงินที่คุณให้ ยังใช้ไม่หมดเลย"

"ไม่ต้องจำเป็นก็ได้ ผมเต็มใจ... ผมอยากให้คุณมีความสุข"

"ขอบคุณครับ"

คืนนี้ทั้งคืน ผมต้องเหนื่อยกับมิสเตอร์เชน เฮ้อ ...บอกตรงๆ ครับ แทบตาย....

เช้าแล้วผมต้องขอตัวมิสเตอร์เชนไปทำงานครับกะจะไปขอลาพักร้อนต่อ ช่วงนี้ปีใหม่ งานไม่ค่อยมีอยู่แล้ว (ผมลาพักร้อนไว้วันเดียวคือเมื่อวานเพราะไม่แน่ใจว่าแกจะมาหาผมเหรอเปล่า ) กลับมาอีกที่ก็เกือบห้าโมงครับ ....หน้าที่ผมเหมือนเดิมครับ คือทำให้แกมีความสุข....คืนนี้เราไปกินข้าวฟังเพลงกันที่โรงเบียร์เยอรมันแถวพระราม 3 ก็ดีเหมือนกัน ครับ กินที่ห้องอายเด็กเสิร์ฟไวน์มัน.....

ประมาณสามทุ่มเราสองคนมูฟไปที่สีลมซอยสีลมซอยสี่ ครับ ก็อย่างว่าแหละ วันนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษครับ เรายืนฟังเพลงกัน ประมาณเที่ยงคืนมีการแสดงประมาณลิบซิงค์และต่อด้วยทอคโชว์อีกนิดหน่อย ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าเจ๊เดย์เหรอเปล่า.หลังการแสดงจบ

"คุณรู้เปล่า ว่าเค้าขึ้นไปทำอะไรกัน" ใช่ดิ ผมสังเกตุอยู่นานว่า มีคนเดินขึ้นเดินลง ไปขั้นบนบ่อยมกาๆ ...

"ไม่รู้ครับ" ผมส่ายหน้า ก็มาครั้งแรกนี่ครับ...ทีแรกไม่แน่ใจว่าร้านนี้เป็นบาร์กย์เหรอเปล่า มันไม่เหมือนที่เคยไปๆมา

"ลองขึ้นดูดิ" แกไม่พูดเปล่านะครับ จูงมือผมขึ้นไปแล้ว...ขึ้นไปประมาณชั้นสามแหละครับ โหมันมืดจริงๆ แต่สิ่งที่ผมไม่เชื่อสายตาก็คือ มีคนทำอะไรกันในนั้น หลายคู่ด้วย โห ผมเดินขึ้นไปไม่ถึงนาที โห มีมือใครมาจับขาผม...หันไปมองมิสเตอร์เชน อ้าวหายไปไหนแล้ว เฮ้อ พาผมมาปล่อยเหรอนี่ (ฮ่าฮ่า) ผมทนอยู่ไม่ได้ครับ ที่แบบนี้เลยลงไปดื่มต่อที่โต๊ะมิสเตอร์เชนยังไม่กลับมาอีก.....แกหายไปประมาณครึ่งชั่วโมงครับ แกกลับมาที่โต๊ะผมยิ้มๆ

"อ้าว ทำไมรีบกลับล่ะครับ"  ผมยิ้มๆ ถาม

"กลัวคุณโกรธ"

"ไม่่ล่ะ อยู่กับคุณดีกว่า เดี่ยวเราไปมูฟที่ซอยสอง"

"ครับ"

เช็คบิลเสร็จแล้วเราก้อไปกันเลยครับ อย่างว่าแหละวันนี้คริสมาส เราสองคนแทบไม่มีที่ยืน คืนนี้ร้านนี้เปิดถึงตีสี่.......(คริสมาสครับ เค้าไม่จำกัดเวลา)

At first I was afraid
I was petrified
I kept thinking
I could never live without you by my side
But then I spent so many nights
Just thinking how you'd done me wrong
And I grew strong
I learned how to get along
So now you're back
From outer space
I just walked in to find you here
Without the look upon your face
I should have changed my f-ing lock
I would have made you leave your key
If I'd have known for just one second
You'd be back to bother me

Oh now go,
Walk out the door
Just turn around now
You're not welcome anymore
Weren't you the one who tried to break me with desire
Did you think I'd crumble
Did you think I'd lay down and die
Oh no, not I
I will survive
As long as I know how to love I know I'll be alive
I've got all my life to live
I've got all my love to give
I will survive
I will survive
Yeah, yeah

It took all the strength I had
Just not to fall apart
I'm trying hard to mend the pieces
Of my broken heart
And I spent oh so many nights
Just feeling sorry for myself
I used to cry
But now I hold my head up high
And you see me
With somebody new
I'm not that stupid little person still in love with you
And so you thought you'd just drop by
And you expect me to be free
But now I'm saving all my loving
For someone who's loving me

Oh now go,
Walk out the door
Just turn around now
You're not welcome anymore
Weren't you the one who tried to break me with desire
Did you think I'd crumble
Did you think I'd lay down and die
Oh no, not I
I will survive
As long as I know how to love I know I'll be alive
I've got all my life to live
I've got all my love to give
I will survive
I will survive
Yeah, yeah

แปลกแฮะ พอเพลงนี้ดังขึ้นมาบรรดาคนในร้าน กรี๊ดกันใหญ่ บางคนเต้นกันสุดเหวี่ยงเลยครับ โดยเฉพาะมิสเตอร์เชน... มิน่าเค้าถึงเรียกเพลงนี้เป็นเพลงประจำสถาบันเกย์....

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #271 เมื่อ29-07-2007 11:34:00 »

หุหุ อย่าบอกนะว่ามิสเตอร์เชนคือ No.3  :a5:  :a5:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #272 เมื่อ29-07-2007 16:24:31 »



ถ้ามิสเตอร์เชนคือ No.3 จริงๆ คงต้องมีการอึ้ง ทึ่ง เสียวกันบ้างล่ะ  o3 o3 o3



gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #273 เมื่อ30-07-2007 14:21:58 »


..........I will survive .......... :m27: :m27: :m27:

 :a4: :a11: :a3: :a10:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #274 เมื่อ30-07-2007 15:28:08 »

ความแตกต่างที่ลงตัว (รึป่าว)  ข้าราชการ <<<<< กับ >>>>> ขายบริการ   :m13: :m13:
ยังไง ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ รออ่านอยู่เสมอ ติดตามอยู่ตลอด น้า  :m18: :m18:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #275 เมื่อ30-07-2007 16:00:36 »


No.3 นี่จะใช่กายหรือป่าวหว่า   :m28:


blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #276 เมื่อ31-07-2007 00:08:49 »


อืม หรือ ว่า มิสเตอร์เชน จะเป็น No. 3

แต่จากทฤษฏีอะไรดีอ่ะ   :m28: :m28:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #277 เมื่อ31-07-2007 21:36:37 »

ความใกล้ชิดก็ทำให้เกิดความรักมาได้
 :a9: :a9: :a9:

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #278 เมื่อ01-08-2007 00:20:56 »

อืม...ตามอ่านมันแล้วนิ  :a3: :a3:

 :m10: อ่าน้อ  มิสเตอร์เชน เขาจะเปนตัวจิงอ่ะป่าวหว่า  :m28:

รออ่านต่อน่อ สู้ๆ จ้า  :a2:

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #279 เมื่อ01-08-2007 08:33:04 »

เสือไบ:the series (ตอน 65)

วันนี้ 31 ธันวาคม แล้ว  ผมกับมิสเตอร์เชนมาเชียงใหม่กันแล้ว อานะ เที่ยวกรุงเทพจนเบื่อแล้ว สภาพผมตอนนี้ ก็อย่างที่ไอ้กายบอก แทบอ๊วก เฮ้อ อยู่กับแกก็มีกิจกรรม ประมารเฮฮาปารืตี้กัน  ยิ่งดื่มเหล้า นอนน้อยแบบนี้ แต่ยังไงผมก็สู้ ตอนนั้นยังเด็กยังฟิตอยู่ ฮ่าฮ่า...เราพักกันโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ โหที่นี่หรูโค-ตะ-ระเหมือนกันแฮะ...

ตอนนี้ผมกับแกพร้อมที่จะตะเวนราตรีกันแล้ว...ฮ่าฮ่า คืนนี้...แต่เดี่ยว ทำไมมันหนาวแบบนี้น่ะ บรื๊อๆๆ....ขนาดผมสวมเสื้อกันหนาวมีหมวกไหมพรม แล้วนะนี่ ยังไม่หายหนาวเลย...

โปรแกรมคร่าวๆ ที่ผมต้องพาแกไปก็คือ...พาแกไปดินเนอร์ที่ริเวอร์ไซด์ ถ้าร้านเต็มก็กูดวิว....ต่อด้วย บาร์เกย์กำลังคิดว่าจะไปอดัม เซอร์เคิล หรือ คอฟฟีบอย ดี....เสร็จแล้วก็คงไปนับถอยหลังที่จีจี้....(ข้อมูลเหล่านี้ผมได้จากไอ้กายนะครับ)

ประมาณหกโมงครับ(มืดแล้ว) ผมพามิสเตอร์เชนไปเดินที่ ประตูท่าแพ วันนี้ตัวเมืองชียงใหม่ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ วันส่งท้ายปีก็แบบนี้แหละ  พระจันทร์ก็เป็นใจเหลือเกิน เต็มดวงตั้งแต่โผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้า  ผมกับแกเดินเล่นกันจนถึงวัดพันเตา ผมแวะไหว้พระสักหน่อย แหมก็จะปีใหม่แล้วไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซะหน่อย..

"อธิฐานอะไรเหรอครับ"

" ผมขอให้เราสองคนมีความสุขแบบนี้ตลอดไป....แล้วคุณล่ะ " อานะ....

"ผมก็เหมือนกันครับ" เฮ้อ  ผมเริ่มรประจบเก่งขึ้นแฮะ ...เราเดินกันจะมาถึงร้านริเวอร์ไซด์เหนื่อยเหมือนกันแฮะแต่ก็ดี จะได้หายหนาวหน่อย.....

ร้านนี้ก็ธรรมดา  ประมาณ นั่งกินข้าวกลางแสงเทียน จุดเทียน มีดนตรีเล่นสด โห วันนี้คนเยอะจริงๆ ....ส่วนใหญ่ก็จะมาฉลองกันนั่นแหละ ผมกับมิสเตอร์เชน นั่งกินข้าวฟังเพลงกันอย่างมีความสุข....เพลงที่นี่จะสไตล์คันทรี่ๆ ฟังเพลงๆ เข้าบรรยากาศ แสงเทียน ดีเหมือนกัน.....มิสเตอร์เชนให้ผมสั่งอาหาร ผมถนัดอยู่แล้ว ก็อยู่ภาคเหนือมานาน แกบอกว่าชอบกินอาหารรสจัด อานะ เข้าทางผมเลย เดี่ยวจะแกล้งสั่งอะไรเผ็ดๆ ให้แกกิน ฮ่าฮ่า..เริ่มต้นสั่งชุดขันโตก(มีแหนม หมูยอ ไส้อั่ซ แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม) มาล่ะกันแล้วก็ต่อด้วยส้มตำปูไข่ดอง แกงส้มปลาสลิดทอด ปลากระพงราดน้ำปลา........เราดื่มเบียร์กันด้วย ก็อย่างที่บอกแหละ ไปกับแก กินเที่ยว เมา แล้วก็......... ฮ่าฮ่า โหเห็นแกกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วผมดีใจนะครับ....เสร็จจากริเวอร์ไชด์ผมก็พาแกไปยื่นเส้นยืดสายต่อที่บาร์เกย์วันนี้ผมเลือกคอฟฟี่บอย..ผมไม่เคยมาหรอก แต่ถามจากไอ้กาย เรามาโดยรถตุ๊กๆ  มาถึงร้าน..เกือบสี่ทุ่ม...ร้านนี้จะประมาณเป็นบ้านไม้ มีป้ายหน้าร้านบอกด้วยว่า "cofee boy for men"(กาแฟ เด็กชาย สำหรับผู้ชาย) ผมกับแกเดินเข้าไปในตัวบ้าน มาที่นี่ต้องถอดรองเท้าด้วยแฮะ แต่ก็ดี ได้ฟิวส์ไปอีกแบบหนึ่ง  ที่นั่งกินก็จะประมาณนั่งกับพื้น มีโต๊ะ เหมือนร้านอาหารญี่ปุ่น มีหมอนหนุน มีเบาะ นั่ง... ไม่มีเก้าอี้นะครับด้านหน้าจะเป็นประมาณเวทีแสดง มี ผมกับแกสึ่งเบียร์มาดื่มเหมือนเดิม สักพักมีเด็กมาคุยด้วย....

"ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ"

"แป๊บนะครับ ถามขอถามเพื่อนผมก่อน" ผมหันไปถามมิสเตอร์เชนแกพยักหน้า แหมก็น่าหรอกนะ เด็กคนนี้มันสูงหล่อ ขาว ขนาดนั้น .....

"ชื่ออะไรครับ พูดภาษาอังกฤษได้เปล่า"

"ชื่อ หล้า ครับ พูดได้นิดหน่อย ครับ"

"งั้นคุยกับพี่เค้านะครับ เค้าเจ้าของเงิน ฮ่าอ่า เผื่อแกออฟคุณไปด้วย" ผมบอกหล้ามัน...แหมไม่ทันจะพูดจบเลย มันยกขวดชนกับมิสเตอร์เชนซะแล้วรู้งานดีจริงๆ....

ตอนนี้ผมสนใจการแสดงโชว์บนเวทีมากกว่า...ส่วนใหญ่จะเป็นการโชว์ที่ไม่มีเรทนะ ประมาณเต้นๆ ลิปซิ้ง จะมีติดเรทหน่อยก็ชุดสุดท้าย...แต่มีผ้าบางๆ กั้นอยู่แต่มองเห็นข้างในนะ .....สยิวไปอีกแบบหนึ่ง...จบโชว์แล้ว ผมชวนมิสเตอร์เชนกลับ เพราะคิดว่าวันนี้ไงที่จีจี้น่าจะเต็ม (ปัจจุบันนี้เธคนี้ไม่มีแล้วนะครับ)

"พี่ออฟผมไปด้วยดิ ผมอยากไปเค้าดาวน์ที่จีจี้ด้วย ผมมีมอเตอร์ไซด์เดี่ยวผมเป็นสารถีให้" หล้ามันทำสายตาเว้าวอน เฮ้อน่าสงสารเหมือนกันแฮะ...ดีเหมือนกันแฮะ จะได้ไม่ต้องหารถให้ยุ่งยาก...เพราะปากทางมันลึกมากๆ นานๆ จะมีตุ๊กๆ ผ่านมาซักที

"คุณจะออฟ เขาไปด้วยเปล่าครับ"

"แล้วแต่คุณ เงินอยู่ที่คุณนี่ แต่ผมว่าชวนไปด้วยก็ดี ไปหลายๆ คนจะได้สนุก คุณว่าไง" อ้าวเงินอยู่ที่ผมก็จริงแต่เป็นเงินคุณนะ....

"ครับ "ตกลงพวกผมก็เลยออฟ เจ้าหล้านี่ไปด้วย มันก็ดีนะ รู้งานรู้การดีเหลือเกิน...

ผมกับมิสเตอร์เชนซ้อนมอเตอร์ไซด์ของหล้าไปที่เธคจีจี้ โหไปตอนนี้ คนเยอะมากๆ  ปีใหม่ก็แบบนี้แหละ

การแสดงที่นี่จะเป็นแบบวงเล่นสด สลับกับกับดีเจเปิดแผ่น มิสเตอร์เชน กับไอ้หล้า โหตอนนี้เข้าขาแดนซ์กระจายกันแล้วครับ ผมบอกตรงๆ  มาครั้งนี้ผมเหนื่อยมากจริงๆ มันหลายวันตั้งแต่อยู่กรุ่งเทพฯแล้ว....

60 59 58 ...........   9 8 7 6 5 4  3 2  1 ทุกคนที่นี่นับถอยเค้าดาวน์พร้อมกัน.....เฮ้อผ่านไปอีกหนึ่งปี...ผมชนแก้วกับมิสเตอร์เชน...กับไอ้หล้า....ถ้ามิสเตอร์เชนเป็นคนที่ผมรักก็น่าจะดีนะ...เริ่มเมาๆ แล้ว ผมขอตัวเข้าห้องน้ำ..กำลังยืนฉี่อย่างสบายอารมณ์ มีมือดีมาตบหัวผมหนึ่งที.....อ้าวไอ้กาย มาได้ไงวะ...

"อ้าว มรึงมาได้ไงนี่ ไม่อยู่กรุงเทพเหรอ"

"มาเที่ยวกับแฟน"

"แฟนมรึง หรือ สปอนเซอร์"

"แฟนจริงๆ คนนี้รักจริงหวังแต่งหว่ะ"

"โห แนะนำให้กรูรู้จักหน่อยดิ"

"ได้ๆ มรึงมากับใครวะ"

"มิสเตอร์เชน มรึงมานั่งกับพวกกรูดิ"

"จะดีเหรอวะ เดี่ยวแกเห็นแฟนกรู แกจะโกรธเอา"

"แล้วมรึงไม่คิดเหรอวะ ว่าเดี่ยวแกก็เจอมรึง ในห้องน้ำ อีกอย่างมรึงกับแกก็เลิกกันด้วยดีนี่ ไม่เห็นต้องกลัวอะไร"

"ได้ๆ เดี่ยวกรู พามรึงไปแนะนำให้รู้จักแฟนกรูก่อน สาวญี่ปุ่น" โหชอบสาวญี่ปุ่นซะด้วย..มันพาผมไปแนะนำให้รู้จักแฟนมัน สาวญี่ปุ่นคนนี้ชื่อยูมิ  หลังจากจับมือเช็คแฮนด์กันแล้ว ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้หญิงจริงๆเหรอเปล่า...

"มรึงสงสัยอะไรวะไอ้เอก"

"กรูสงสัยว่า มรึงชอบแบบนี้เหรอ" ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่ายูมิเป็นสาวประเภทสองที่แปลงเพศแล้ว...

"ไม่รู้ดิ แต่รู้อย่างเดียว กรูรักเขา.. กรูขาดเขาไม่ได้หว่ะ"

"อือ" เฮ้อ อนิจจาความรัก มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ผมไม่เชื่อเลย ว่าไอ้กายมันจะเลือกแบบนี้ แฟนผู้หญิงที่มันคบๆ ก็เยอะ แต่ทำไม้ทำไม มันถึงเลือกยูมินี่..

ผมลากไอ้กายกับยูมิไปกินด้วยที่โต๊ะ  มิสเตอร์เชนเห็นไอ้กายแกตกใจเล็กน้อย ก็อย่างว่าแหละ เด็กเก่า..มันก็น่าหวั่นไหวบ้างแหละ แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดี คืนนี้เราสนุกกันชนิดที่ว่าเมาหลุดเลย คนที่เมาหลับเมาอ๊วกก็คือ ไอ้หล้า กับมิสเตอร์เชน เฮ้อ แล้วผมจะพากลับไงนี่ แถมยังมอเตอร์ไซด์อีก...

"ไอ้กายมรึงช่วยกรูหน่อยหว่ะ เอามอเตอร์ไซด์ไปให้กรูที่ภูคำหน่อยดิ กรูจะแบกศพขึ้นตุ๊กๆ หว่ะ"

"เออ เอากุญแจมาเดี่ยวกรูกับแฟนไปรอมรึงที่ภูคำเลยล่ะกัน" ผมยื่นกุญแจให้มัน ตอนนี้ต้องพาซากศพพวกนี้กลับโรงแรมก่อน..

ทริปนี้ผมกับมิสเตอร์เชน สนุกครับ แต่เหนื่อย .....แต่ผมมาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งวันที่แกจะกลับสิงคโปร์ครับ....

"เก็บไว้นะ เด็กน้อยของผม" แกยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผม ผมมาดูนี่มันเช็คนี่หว่ะ...โหเงินเยอะด้วยครับ สามแสนบาท..

"มันจะดีเหรอครับ เงินเยอะขนาดนี้"

"เก็บไว้เถอะ ผมอยากให้นายมีความสุข ผมไม่ได้ให้แบบนี้บ่อยๆ นะ ให้ประจำปี"

"ขอบคุณครับ " เฮ้อ ผมก็เลยตอบแทนแกให้หนำใจจนผมแทบหมดแรงเลย....ฮ่าฮ่า.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือไบ:the series by matheww
« ตอบ #279 เมื่อ: 01-08-2007 08:33:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #280 เมื่อ01-08-2007 08:34:52 »

เสือไบ:the series (ตอน 66)

หลังจากส่งมิสเตอร์เชนกลับสิงคโปร์แล้ว ผมก็มาจัดการเรื่องเงินในเช็คที่แกให้มา (ความจริงๆ หลังจากตอนที่แล้วผมเที่ยวเชียงใหม่ ชนิดที่ว่า ร้านทุกร้าน บาร์เกย์ทุกบาร์ผมกับแกไปกันมาหมดแหละแต่ผมไม่เอามาโพสนะ เดี่ยวจะมีคนว่าเป็นเกย์ทริปไปซะ) เงินสามแสนบาท เป็นเงินก้อนแรกที่ผมเคยมีอยู่ในมือผม (ได้เงินสดเป็นแบงค์พัน สามปึก) สิ่งแรกที่ต้องทำตามจุดประสงค์ที่ผมทำงานนี้ก็คือปิดหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์แสนกว่าบาท กับ หนี้สินธนวัฎ ของกรุงไทย อีกห้าหมื่นบาท ไชโย ตอนนี้ผมรับเงินเดือนเต็มๆ แล้ว แบบนี้ต้องฉลอง...


หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่ผมก็ยังไม่ได้พักเลย เหนื่อย เพลีย โทรม แต่ทำไงล่ะ คนมันดีใจนี่.. ไม่เคยคิดเลยว่าจะปิดหนี้สินได้เร็วแบบนี้(พี่พี ก็รู้นะ แต่แกไม่ได้พูดอะไร) ผมโอนเงินให้แม่ผมไปสามหมื่น เอาให้แม่ไปซ่อมแซมบ้านที่แกบ่นๆ ว่าไม่ได้ซ่อมมาหลายปีแล้ว.....


สองอาทิตย์ที่กลับมาจากเชียงใหม่ ผมไปเที่ยวแทบทุกวัน ทำไมยามมีเงิน เพื่อนมันหาง่ายแบบนี้ ยามไม่ค่อยมีเงินจะชวนใครไปกินแบบแชร์กัน.... ก็ไม่ค่อยมีใครไปเลย..... แต่ตอนนี้แค่บอกว่าเดี่ยวเลี้ยง โห ไม่ต้อง คะยั้นคะยอกันเลย พวกนี้มันแถแดดแถแดดไปด้วยในทันทีทันใด...


วันนี้วันศุกร์ผมนัดพวกปอกับป่านไว้ที่แดนซ์โซน ตอนนี้ป่านมันติดเด็กที่นั่น เด็กมันโหโคตรจะเซอร์เลยแต่หล่อนะ ประมาณเรียนราม ขี่ชอปเปอร์... ชอบมาแดนซ์ให้สาวๆ กรี๊ด วันหนึ่งไอ้ป่านมันเห็นมันชอบ มันเลย เดินเข้าไปชนแก้ว หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของมันก็ เริ่มจะเบิ่งบาน (ไม่สงสารผมเลย.....) แต่มันก็คู่ควรกันดีนะ เจ้าพ่อชอปเปอร์กับเจ้าแม่มิร่า (ป่านมันขับรถมิร่าสีแดงคันเล็กๆ )


"สามทุ่มเจอกันที่ร้านเลยนะเอก ไอ้ปอไปด้วย" ป่านมันโทรมาย้ำ ...ผมเหนื่อยๆ เพลียๆ ไงไม่รู้แต่ไงก็ยังอยากไปตอนนี้เรื่องเงินไม่มีปัญหาสำหรับผมแล้วนี่...


ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนนี้ ผมเปลี่ยนลุ๊คใหม่แล้ว  จากเมื่อก่อนใส่เสื่อยืด กางเกงยีนส์ กับเสื้อไม่ค่อยมียี่ห้อ สองสามวันมานี้ผมไปซื้อมาใหม่ ประมาณเปลี่ยนเป็นแบรนด์เนม เกือบหมด ...แต่แบรนด์ของผมก็ไม่สูงมากนะ จะประมาณ ที่รู้ๆ จักกันดีในห้างแหละ.....เมื่อวันก่อนผมไปเดินซื้อที่เอ็มโพเรียมกับไอ้กาย...


"อะแน่ มรึงมาใช้เงินแบบนี้ แปลว่ามิสเตอร์เชนให้มาล่ะดิ" มันถามผม วันนี้ผมชวนมันมาเป็นเพื่อนผมสัญญาว่าจะเลี้ยงเอ็มเคมัน.....


"สามแสน" ผมบอกมันไป...มันทำหน้าเหรอหราเหมือนตกใจ


"ทำไมมันมากแบบนี้วะ ทีกับกรู แกให้แค่ ปีล่ะแสน อย่างเก่งก็สองแสน มรึงเพิ่งคบแกได้ไม่นาน ได้ตั้งสามแสนกรูว่าแกชักจะยังไงยังไงกับมรึงแล้วนะ"


"ไม่มั๊ง แกคงเห็นกรูจน" ตอนนี้ผมเริ่มหวั่นๆ เหมือนกัน อย่างที่บอกล่ะ ผมไม่ได้รักมิสเตอร์เชน และคงไม่สามารถรักได้ด้วย....ผมทำไปก็แค่เป็นงาน ความรักมันไม่ใช่การบังคับ... มันไม่ใช่สิ่งที่ซื้อกันได้ด้วยเงิน.. ถ้าแกต้องการจะใช้เงินซื้อความรักจากผม ผมว่าแกจะเสียเงินโดยเปล่าๆ....


"มรึงก็ระวังล่ะกัน ของแบบนี้ บอกไปเลยแบบกรูว่า จะเลิกเมื่อไหร่ มรึงต้องกล้าๆ "


"กรูก็กะจะบอกแก หว่ะ กรูจะขอแค่อายุสามสิบก็พอแล้ว ถ้าแกจะเลิกก่อนกรูก้อไม่ว่า มรึงรู้เปล่า ไปกับแก กรูเหนื่อยแทบขาดใจ ทั้งเรื่องเที่ยว เรื่องเซ็กส์ เรื่องการเอาใจ...." มันหัวเราะขำๆ มันก็คงรู้แหละครับ เพราะมันเป็นคนก่อนผมนี่....


"เคลียร์ๆ กันไว้ซะ....ตอนเลิกจะได้มีปัญหา ไปๆ รีบๆ ซื้อๆ จะได้ไปกินสุกี้ แหมอิจฉาหว่ะ กรูเลิกยังได้แค่ห้าแสน มรึงเพิ่งทำงานได้แค่สองสามครั้งได้ตั้ง สามแสน เฮ้อ อิจฉาโว๊ย...."


ผมใส่คอนแทคเลนส์หยอดน้ำตาเทียม.. เสร็จแล้ว ใส่หมวก สวมรองเท้า.เดินออกไปโบกแท็กซี่...ตอนนี้ใครจะว่าผมหรูหรา ฟุ่มเฟือย หลงสีสัน ผมยอมรับเลย ว่าจริง จากเมื่อก่อนที่ถนัดนั่งรถเมล์แต่ตอนนี้อะไรก็ต้องแท๊กซี่ จากเมื่อก่อนไม่ค่อยเที่ยวร้านหรู ไม่เคยสั่งเหล้าแพงๆ ตอนนี้ผมทำหมดเลย...... เงินมันร้อนก็แบบนี้แหละ มันคิดว่าต้องรีบใช้....ฮ่าฮ่า....


ระหว่างทางไป แดนซ์โซน...ตอนนั่งแท๊กซี่ ผมเริ่มปวดตา  มันเหมือนมีเศษหินติดอยู่ที่ดวงตาข้างซ้าย มันเริ่มปวดตั้งแต่ตอนที่ใส่คอนแทคออกจากบ้านแล้วครับ... หรือว่ามีเศษอะไรติดที่คอนแทคเลนซ์นะ...


ไปถึงแถวคลองตัน โหไม่ไหวแล้ว มันเริ่มปวดมากขึ้นจริงๆ ปวดแบบนี้ผมคงไม่มีอารมณ์เที่ยวแล้วแหละ ตอนนี้ผมส่องกระจกดูตาซ้าย โหมันแดงมากๆ เลย  แดงด้วยปวดด้วย มันผิดปกติแล้ว....ผมตัดสินใจแคนเซิลนัดไปเลย เที่ยววันหลังก็ได้ ถึงไปเที่ยวก็คงไม่สนุกหรอก มันปวดๆ เจ็บๆ แบบนี้...


ผมจอดซื้อยาหลอดตา  ที่แรกนึกว่าตาแดงธรรมดา แต่เภสัชที่ร้านบอกว่า ให้รีบถอดคอนแทคออกเลย..ผมหยอดตาตอนนี้ตาแดงมากๆ เลย แดงไม่พอแถมยังมีอาการเจ็บๆ เหมือนมันมีกรวดก้อนเล็กๆ มาติดตาน่ะ...ผมนอนพัก คาดว่า นอนแล้วน่าจะหาย...(ตอนนี้นอนบ้านลุงนะครับแถวๆ คลองเตย)

ผมตื่นมาเช้ามืดเลยมันปวดๆ มากขึ้น ผมลุกมาส่องกระจก โห ขี้ตาที่ตาข้างช้ายเพียบเลย ตามันยังแดงอยู่ที่สำคัญอาการเจ็บมามากกว่าเดิม แล้ว ตอนนี้ใจผมเริ่มเสียแล้ว ถ้ามันบาดเจ็บบริเวณอื่นผมไม่ห่วงเท่าไหร่แต่นี่มันดวงตา มันเป็นหน้าตาของชีวิต...ผมคงต้องไปหาหมอซะแล้ว...

ผมชวนน้องสาวไปด้วย (น้องสาวคนนี้เป็นลูกลุงนะ ประมาณ ลูกพี่ลูกน้องกับผม อายุเท่าๆผมแหละห่างกันประมาณ 3 ปี)  ว่าแต่ผมจะไปหาหมอที่ไหนล่ะ มันไม่ใช่การเจ็บป่วยธรรมดานี่ มันเกี่ยวกับตา เพราะฉะนั้นมันน่าจะหาหมอเฉพาะที่มากกว่า  แล้วไอเดียหนึ่งมันก็แว่บเข้ามาในความคิดน่ะ คลีนิคเกี่ยวกับตามันก็ข้างๆ บ้านพักที่ปากเกร็ดนี่เอง ผมนั่งแท๊กซี่ไปครับ ไปถึง คลีนิคประมาณ 8 โมงเช้า...

"เล่าอาการให้หมอฟังหน่อยซิ" เป็นหมอแก่ๆ แล้วแหละครับ..

"คือผมใส่คอนแทคเลนส์ครับ แล้วเกิดอาการระคายเคือง ตอนนี้ปวด มากๆ ครับ เหมือนโดนเข็มเจาะ.."

"ใส่คอนแทคมาอีกแล้วเหรอ นี่ล่ะนะ หมอว่าไอ้คอนแท๊คน่ะ มันไม่ดีสำหรับดวงตา ดูดิ มาหาหมอทุกร้ายส่วนใหญ่ก็เคสนี้ทุกที" โหหมอผมกำลังต้องการกำลังใจ.....แล้วหมอคนนี้ก็ทำการล้างตานะครับโดยการหยอดตาแล้วก็ปิดตาด้วยผ้าก๊อด...ผมกลับบ้าน..ตอนนี้ในใจคิดว่ามันคงไม่มีอะไรแล้วถึงมือหมอแล้วนี่ หมอที่ถนัดเรื่องดวงตา...

ความจริงผมก็แย่จริงๆ ตามที่หมอว่าแหละ...ตอนไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมไม่ได้ถอดคอนแท๊คเลย ใส่แช่ไว้แบบนั้นแหละ นานๆ ถึงจะถอด ตอนนั้นบอกตรงๆ  ไม่มีประสพการณ์เกี่ยวกับคอนแทคเลนส์เลย คิดว่าใส่ๆ ไปหยอดตาไปไม่น่าจะมีปัญหา  ผมไม่คิดว่าปัญหามันจะรุนแรงขนาดนี้.......

กลับไปที่บ้านผมนอนพัก ตอนนี้เรื่องเที่ยวเอาไว้วันหลังก่อนก็ได้ เอาเรื่องตาให้หายก่อน ผมนอนพักทั้งคืน  จนถึงเช้า ตอนนี้อาการเจ็บไม่หาย แถมยังปวดมากขึ้น ผมลองดึงผ้าก๊อตออก เพราะรู้สึกข้างในมันแฉะมากๆ โหขี้ตาเพียบเลยครับ ตาแดง เหมือนเดิม...ผมเลยกลับไปที่คลีนิคอีกครั้ง(ไปกับน้องสาวเหมือนเดิม ผมไปเองคงทำอะไรไม่ถูกแหละ ใจมันเสียๆ ไปแล้ว)

ไปถึงหน้าคลีนิค อ้าวมีป้ายแปะว่าคลีนิคเปิดวันจันทร์ โหอะไรนี่....นี่ผมต้องทนไปถึงวันจันทร์เลยเหรอ ไม่ได้การแล้ว ผมหาที่อื่นก็ได้ แต่ผมกับน้องสาวก็นึกไม่ออกว่าที่ไหน...นึกออกแต่รัตนิน แต่น้องสาวบอกว่าเป็นเอกชนที่แพงมากๆ เฮ้อ ตอนนี้ลองโรงบาลเอกชนก่อนล่ะกัน....

ผมกับน้องสาวเลยมาที่โรงพยาบาลปากเกร็ดเวชการ หมอดูตาผม(คนนี้ไม่ว่าอะไรมากมาย ถามอาการแล้วก็ล้างตาฆ่าเชื้อ) เสร็จแล้วก็ปิดผ้าก๊อตอันใหม่ให้ผม บอกว่าพรุ่งนี้ให้มาอีกรอบ หนึ่ง แล้วให้ผมกลับบ้านไปนอนพัก....

ผมกลับบ้านไปนอนพัก  กินยาที่หมอให้ ประมาณยาแก้ปวด....ผมนอนพัก มาตื่นอีกทีก็ตอนเย็นครับ ตอนนี้อาการปวดมันมากขึ้นกว่าเมื่อเช้าอีกครับ ปวดมากๆ แต่ผมไม่ได้ดึงผ้าก๊อดที่ปิดตาออกนะ..ผมบอกน้องสาว ว่าปวดมากๆ ....

"หนูว่าพี่ เอกไป โรงบาลดีกว่า ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ เดี่ยวหนูพาไปคลีนิคนอกเวลาที่ รามา"

"อือ" เอาไงเอากันครับ ตอนนี้ผมไม่มีความคิดใจมันแป้วๆ ไปหมดแล้วครับ เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย....

เราไปถึงโรงพยาบาลรามาเกือบทุ่ม ตอนนี้จิตใจผมกังวลสาระพัด ผมเป็นโรคแบบนี้แหละครับ เป็นอะไรนิดๆหน่อยๆ มันจะจินตนาการไปไกลเลย....ยิ่งมาโรงพยาบาลด้วยแล้ว มันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย...

ถึงคิวผมแล้ว ต้องเข้าไปให้หมอดูอาการ หมอ(จำได้ว่าเป็นผู้หญิง)แกะผ้าก๊อดที่ปิดตาผมออก แล้วจะส่องด้วยกล้องอะไรสักอย่างนี่แหละ แกแกะผ้าออกแล้ว ตอนนี้ ตาผมมันมองไม่เห็นแล้ว มันเห็นแค่แสงสีขาวๆ โหนี่ผมตาบอดไปแล้วเหรอนี่...ผมแทบหมดเรี่ยวแรงเลย...

"คุณเห็นอะไรเหรอเปล่าคะ"

"ไม่ครับ" ผมตอบหมอไปด้วยเสียงสั่นๆ มันเกิดอะไรกับตาผม ทำไมตาซ้ายผมมองไม่เห็น....

"ไหนขอหมอตรวจหน่อย " แกเอาสำลีเช็ดหนองที่ตาออก....เยอะมากเลย.. มีหมออีกสองสามคนมาช่วยดู

"ท่าทางจะแย่น่ะ ตอนนอนโรงบาลด้วย" ผมได้ยินประโยคนี้จากหมอคนหนึ่ง แกโทรไปถามประมาณแผนกเจ้าหน้าที่...

"คุณคะ เดี่ยวทางโรงพยาบาลจะส่งตัวคุณไปที่พระมงกุฎนะคะ เตียงที่นี่เต็ม ไปเลยนะ" แล้วหมอก็ให้ประมาณใบส่งตัวให้ผมไป ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ...ตอนนี้ใจผมเสียมากๆ  น้องสาวผมก็คอยปลอบใจอยู่...

เราไปถึงโรงพยาบาลพระมงกุฎอีกชั่วโมงต่อมา หลังจากจัดการเรื่องบัตรผู้ป่วย แล้วเอกสารต่างๆ เสร็จผมก็โดนเข็นไปยังห้องพัก (ไม่รู้จะเรียกอย่างไร ห้องรักษาก็ไม่ใช่ ที่มันมีเตียงแหละ) หมอให้เสื้อผ้า ชุดคนป่วยมาให้ผมเปลี่ยน โห ผมไม่มีอุปกรณ์อะไรมาเลยนะ เลยให้หลานลงไปซื้อ (ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนติดคุกเลยน่ะ เปลี่ยนชุดเป็นชุดนักโทษ ฮ่าฮ่า)

พยาบาลจัดการให้ผมพักในห้องๆ หนึ่ง ห้องติดเชื้อ ห้องนี้มีหกเตียงนะครับ แต่มีผมแค่คนเดียว..การรักษาผมเริ่มขึ้นแล้ว ตาซ้ายตอนนี้ผมมองไม่เห็นแล้วนะ ....

ชั่วโมงแรกของการรักษาเริ่มแล้ว  พยาบาลแกะผ้าก๊อดที่ปิดตาผมออก แล้วหยอดยาหยอดตา ไปที่ตาซ้าย.....เสร็จแล้วก็ปิดด้วย เกราะ มันจะเป็นประมาณ พลาสติกเจาะรู สีเนื้อๆ แล้วครอบไปยังที่ดวงตา....ผมต้องหยอดตาทุกชั่วโมง ถึงเวลาครบชั่วโมงพยาบาลก็มาหยอดให้อีก จนถึงเช้า

ผมนอนไม่หลับหรอก ใจมันคิดไปสารพัด และอีกอย่างผมต้องหยอดตาทุกชั่วโมง ใจผมหวิวๆ ผมเริ่มกลัวมากขึ้น นี่ตาซ้ายของผมกำลังจะบอด หมอที่ส่งตัวบอกเลยว่า ผลการรักษาไม่สามารถสรุปได้นะ ห้าสิบห้าสิบ อาจจะบอดเลยหรืออาจจะดีขึ้นแต่คงไม่เหมือนเดิม มันขึ้นอยู่กับเชื้อโรคลุกลามกระจกตาผมไปแค่ไหน...

ภาพคนตาบอดที่ใช้แท่งเหล็กคลำทางเวลาเดินเข้ามาที่หัวผมอีกครั้ง โหผมคิดไปไกลขนาดนี้แล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมยังเหลือตาขาวอีกดวง ผมคิดไปไกลถึงขั้นนว่า แล้วหน้าที่การงานผมล่ะ.....งานราชการที่ผมทำ แล้วงานที่ทำกับมิสเตอร์เชนล่ะ แกรู้.....แกจะดูแล ผมอีกเปล่า ใครบ้างล่ะที่จะชอบคนตาบอด แม้มันจะบอดข้างเดียวก็เถอะ.....

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #281 เมื่อ01-08-2007 10:39:06 »

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

เอ่อ.....ใส่คอนเทคเหมือนกัล....แต่ว่ามีช่วง 1 ที่เหมือนว่าจะดูแลไม่ดีอ่ะ...คันตามาก...ตาแดงเลย...เลยเลิกใส่

ตอนนี้ใส่แว่นอ่ะ สะดวกกว่า

มันน่ากัวน๊า....ใส่ค้างข้ามคืนอย่างงั้นอ่ะ...อ่านที่พี่เล่าแล้ว...เหอๆๆๆ  :a5:

มันคงไม่ร้ายแรงอย่างงั้นหรอกม้าง...ตาหายน่า   สู้ๆๆๆ   :m5:

เป็นกำลังใจให้น่อ  :a2:

niph

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #282 เมื่อ01-08-2007 10:48:28 »

 o22
โห ชีวิต
 :เฮ้อ:
จะเป็นไงต่อเนี่ย

theera

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #283 เมื่อ01-08-2007 11:44:30 »

ขอบคุณคับ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #284 เมื่อ01-08-2007 13:06:57 »


น่ากลัวจริงๆ


gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #285 เมื่อ01-08-2007 13:39:31 »


..........สุขผ่านไป.........ทุกข์ก็ตามมา......

..........นี่แหละหนอ.........ชีวิตคน...... :m17: :m17:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #286 เมื่อ01-08-2007 13:46:50 »

 :m5: ขออย่าให้ร้ายแรงขนาดนั้นเลยนะ ..เฮ้อ  :เฮ้อ: ชีวิต    ทุกขลาภ จริงๆ ลาภมาพร้อมทุกข์

+1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2007 19:04:32 โดย กรีนที »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #287 เมื่อ01-08-2007 20:13:30 »

อย่าให้ร้ายแรงเลย  :m5:  :m5:  :m5:

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #288 เมื่อ02-08-2007 07:29:36 »

เสือไบ:the series (ตอน 67)

หลังจาก พยาบาลทำการหยอดยาฆ่าเชื้อในคืนแรกแล้ว ตอนนี้ผมก็ยังมองไม่เห็น และพยาบาลก็ต้องหยอดยาแบบนี้ต่อไปอีกในตอนกลางวันของอีกวัน แต่เวลาที่จะมาหยอดมันจะมากขึ้น   จากเมื่อคืนชั่วโมงละครั้ง วันนี้สองชั่วโมงครั้ง...และแล้วชีวิตในโรงพยาบาลผมก็เริ่มขึ้น....เช้ามานะเหรอ ตื่นมาตั้งแต่ ตีห้า..พยาบาลจะมาวัดอุณหภูมิ และ ความดัน.. หลังจากนั้น ผมก็ไป.อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย เสร็จแล้ว รอให้หมอตรวจรอบเช้า หมที่ตรวจช่วงนี้จะเป็นประมาณนักศึกษาแพทย์ที่ใกล้จบ รวมทั้งหมอผู้หญิงที่ตรวจตอนที่ไปโรงพยาบาลครั้งแรกด้วย ..หลังจากนั้นกินข้าว...เช้าเสร็จก็นอนพัก....วันแรกนี่ ผมต้องไปตรวจเลือด ตรวจอย่างอื่นด้วยนะ.....

คนไข้ที่นี่ก็อจะมีหลายระดับ หลายอาการ หลายอายุ  ดีหน่อยที่เป็นอาการเกี่ยวกับตา เฉพาะฉะนั้นเลยไม่ได้เห็นภาพที่น่ากลัว ไม่ได้ยินเสียงคนร้องโอดโอย...

ผ่านไป 1 วัน กับ 1 คืน เช้านี้เป็นเช้าวันจันทร์...ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ในห้องผู้ป่วยติดเชื้ออยู่ พยาบาลยังหยอดตาผมอยู่ แต่เปลี่ยนเป็นยาตัวใหม่แล้ว ยาตัวนี้มีฤทธิ์ความรุนแรงน้อยลง...ถ้าถามผมถึงความรู้สึกด้านจิตใจ ผมปลงไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด..ผมเป็นคนทำตัวเองนี่...

หลังจากที่ปิดโทรศัพท์ไป 2 วันเต็มๆ ผมเปิดโทรศัพท์แล้ว คนแรกที่ผมโทรไปก็คือโทรไปลางานหัวหน้างาน...โทรบอกแกว่าผมต้องอยู่รักษาตาที่นี่อีกนาน (ไม่มีกำหนดครับ แล้วแต่อาการ) คนที่สองที่ผมโทรหาก็คือรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกัน ให้มันวิ่งเรื่องใบสำคัญมาให้.. ผมเป็นราชการ....รักษาฟรี...คนที่สามที่ผมโทรไปก็คือไอ้กาย

"เป็นเห..ไรวะ โทรมาแต่เช้าเลย" เก้าโมงกว่าๆ แล้วมันไม่เช้าแล้วนะนี่ หรือว่าเมื่อคืนมันไปเที่ยวไหนกันมา...

"เช้าห่าไร วะ เก้าโมงกว่าแล้ว กรูโทรมาบอกว่า กรูมานอนเล่นที่ โรงบาลพระมงกุฎ"

"แหม หักโหมกับคุณเชน จนถึงกับเข้าโรงบาลเลยเหรอ" มันยังขำอยู่...

"ตากรูบอด..ติดเชื้อจากที่ใส่คอนแทคหว่ะตอนนี้กำลังรักษาอยู่."

"เอ๊ย เอาจริงดิ"

"กรูจะไปหลอกมรึงทำซากไรฟะ อยู่ พระมงกุฎ  ตึก.......ห้อง....."

"โอเค เดี่ยวกรูไปหามรึงเลยล่ะกัน"

นี่ล่ะนะ เพื่อนซี้ผมจริงๆ การที่ได้อยู่โรงพยาบาลนี่ มันทำให้ผมรู้ถึงซึ้งถึงความหมายของคำว่าเพื่อนแท้มากขึ้น...

กลุ่มแรกที่มาเยี่ยมผมก็คือ เพื่อนร่วมงาน น้องๆ รวมทั้งพี่พี หัวหน้างาน มาเยี่ยมผม พร้อมกับเอาใบสำคัญในการรักษามาให้.....สองก็คือไอ้กาย......สามก็คือ รุ่นน้องที่กินเหล้ากับผมบ่อยๆ พวก ไอ้เอส ไอ้โจ้....และพวกสุดท้าย ก็คือ ปอกับป่าน และแฟนใหม่มัน ฮ่าฮ่า...

ไอ้กายมาเยี่ยมผมประมาณ เที่ยงๆ....ผมกำลังกินข้าวอยู่....ว่าแต่อาหารที่นี่ก็อร่อยดีเหมือนกันแฮะ ผมไม่เคยเข้าโรงพยาบาล เลย ไม่เคยกินอาหารที่นี่และอีกอย่างการเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ผมถือว่าผมได้พักผ่อนไปในตัว จากที่ได้ตะลอนๆ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำมาตั้งแต่คริสมาสจนผมต้องเข้าโรงพยาบาล ก็มีครั้งนี้แหละ ที่ผมได้หลับ อย่างเต็มอิ่ม แม้จะเป็นทุกข์กับอาการตาข้างซ้ายอยู่.......

"มรึงเป็นไงบ้างวะ มันบอดเลยเหรอ"

"หมอบอกว่าต้องรออีกวันสองวันน่ะ ตอนนี้ ฆ่าเชื้ออยู่ เขาบอกว่า โอกาสจะกลับมามองได้เหมือนเดิม ห้าสิบห้าสิบ อาจจะบอดเลยก็ได้"

"เสียใจด้วยนะ" มันกุมมือผม มองผม...

"ขอบใจ หว่ะ เออ กาย มรึงส่งเมลล์ไปให้ มิสเตอร์เชนให้กรูหน่อยดิ กรูหายไปแบบนี้เดี่ยวแกจะหาว่ากรูบกพร่องต่อหน้าที่"

"มรึงจะให้บอกว่าไง"

"บอกว่ากรูเข้าโรงบาล อยู่ที่ พระมงกุฎ ไม่ต้องเป็นห่วง ไว้ถ้าหายเมื่อไหร่ กรูจะเมลล์ไปคุยกับแก"

"เออ ไม่ต้องห่วงเดี่ยวบ่ายนี้กรูจัดการเลย โอเค มรึงพักล่ะกัน กรูมาเยี่ยมมรึงทุกวัน" แล้วมันขอตัวกลับ หลังจากนั้นได้ไม่นาน ก็มีพวก ปอ ป่านแหละครับ มาเยี่ยม แหม ควงแฟนใหม่มาให้เยี่ยมผมอีก...ตอนนี้ของเยี่ยมผมเยอะมากๆเลยครับ ก็เพื่อนร่วมงาน ญาติๆ รุ่นน้อง เฮ้อ กินเองคงไม่ไหว....

"เอก ข้า ว่าแกอยู่โรงบาลนี่ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวเตร่" ปอแซวผม...

"ได้ไง ล่ะ นี่นอนทั้งวันเลย เริ่มเบื่อแล้ว"

"อะไรอยู่แค่สองวันเองเบื่อแล้วเหรอ แล้วจะอยู่อีกกี่วันล่ะ" ป่านถามบ้าง....

"ยังไม่มีกำหนดล่ะ ต้องแล้วแต่อาการ"

"แล้วตาแกจะบอดเปล่าวะเอก" ปอถามอีก....

"ไม่รู้ ต้องดูอาการอีกที เฮ้อ ไม่อยากมีแฟนตาบอดเหรอป่าน" แหย่ไอ้ป่านมันเล่นครับ...

"ใครแฟนแก  นี่แฟนข้าอยู่นี่เอก" เฮ้อ.... หลังจากคุยกับพวกนี้เสร็จผมก็นอน ที่นอนหลับได้ก็เพราะหมอเขาให้ยาหลังกินอาหารด้วย ไม่รู้ว่ายาอะไร

ชีวิตในโรงพยาบาลผมก็เป็นแบบนี้ เช้ามาตื่นขึ้นมา วัดไข้วัดความดัน อาบน้ำ รอตรวจร่างกายรอบเช้า...หมอส่วนใหญ่ที่ตรวจรอบเช้าก็จะเป็นแพทย์ที่ใกล้จบ ผมยังจำแพทย์หญิงที่ตรวจผมตอนเย็นวันที่ผมรามาได้เลย แกจะมาตรวจผมทุกเช้าครับ น่ารักดี แต่เสียอย่างเดียวคือ แกมีแฟนแล้ว...(อายุก็น่าจะประมาณผมแหละครับ แต่ผมไม่คิดจะจีบหรอกครับ ไม่ค่อยถูกโรคกับหมอไงไม่รู้) หลังจากนั้น กินเข้าเช้า กินยา แล้วรอหมอมาตรวจอีกที...ตรวจเสร็จถ้ามีอาการแทรกซ้อนพิเศษ บางครั้งผมก็ต้องไปตรวจที่ห้องอื่น ครับ หลังจากที่ตรวจเสร็จก็มากินอาหารกลางวัน กินยา นอน แล้ว รอญาติมาเยี่ยม (น้องสาวผมกับไอ้กายมาทุกวันนะครับ) เสร็จ ตอนเย็นอาบน้ำกินข้าว นอนตอนสองทุ่ม เป็นแบบนี้ทุกวัน อย่างกับฝึกทหารเลยแฮะ...

วันนี้วันอังคารหลังจากที่ให้ไอ้กายไปเมลล์บอกมิสเตอร์เชนเมื่อวานนี้ว่าผมต้องเข้าโรงพยาบาล คงไม่ได้คุยกับแกอยู่นาน ผมก็คิดเลยว่า แกอาจจะตัดขาดผมไปเลยก็ได้ ใครจะมาควงคนที่ ตาบอดล่ะ...ประมาณเที่ยงวันอังคารครับหลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว(อาการวันนี้ดีขึ้นกว่าวันแรกที่เข้ามาแล้วนะครับ)

ผมเห็นมิสเตอร์เชนเดินเข้ามาหาผม เฮ๊ย ตาขวาผมฝาดไปขนาดนั้นเชียวเหรอ หรือว่าผมฝันไป ....ผมขยี้ตา(ขาขวา) เออ ภาพจริง เสียงจริง ตอนนี้แกเดินเข้ามาอยู่ข้างเตียงผมแล้ว ไอ้กายตามหลังเดินตามหลังมา...

"เป็นไง บ้าง เด็กน้อยของผม" แกทักผมครั้งแรก ในห้องผู้ป่วยติดเชื้อมีผมนอนคนเดียว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องอายใคร... ไอ้กายมันเหมือนรู้แหละ มันเดินออกไปยืนคุยโทรศัพท์ข้างๆ ห้อง...

"ดีขึ้นแล้ว ครับ ผมบาดเจ็บที่ตา.. แล้วคุณมาได้ไงนี่ ."

"เมื่อวาน ผมเพิ่งกลับ จากเที่ยวที่ฮ่องกงกับครอบครัว กลับไปที่สิงคโปร์เปิดเมลล์ดู เห็น คุณกายบอกว่าคุณเข้าโรงพยาบาล ผมก็เลยร้อนใจบินมาเยี่ยมคุณในวันนี้ไง..นี่ของฝาก ผมซื้อมาจากฮ่องกง กะจะเอามาให้ตอนวาเลนไทน์" ผมอึ้งเลยที่แกทำแบบนี้กับผม...

"ขอบคุณครับ" ผมลากมิสเตอร์เชนมาคุยกันต่อข้างล่าง(ประมาณม้าหินอ่อนข้างๆ ตึกที่ผมอยู่นะ..) เพราะมีหลายสายตา เริ่มมองเข้ามาห้องที่ผมกับมิสเตอร์เชน คุยกันอยู่แล้ว ก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษแหละครับ...

"คุณไม่น่าลำบากมาเยี่ยมผมเลย"

"ทำไมล่ะ ผมอยากมา คุณไม่สบาย...ผมก็อยากมาให้กำลังใจ คุณเป็นคนที่ผมรัก" ผมอึ้งไปอีกแล้ว เรื่องแบบนี้ผมไม่สามารถจะไปห้ามแกได้ เรื่องของความรัก ผมก็เคยเป็นแบบนี้ด้วย ...

"ครับ ขอบคุณครับ"

"งี้วันวาเลนไทน์ผมก็คงไม่ได้มาหาคุณซินะ"

"ครับ ผมยังไม่แน่ใจเลยว่า จะออกจากโรงพยาบาลวันไหน อาจจะยาวถึงวันนั้นเลยก็ได้"

"ไม่เป็นไรหรอก  เอาเป็นว่าผมมาหาคุณอีกที ก็คงชัมเมอร์ น่าจะวันที่สิบเมษายนนะ ไงเดี่ยวผม เมลล์มาบอกอีกที"

"ครับ"

"แล้วค่ารักษาพยาบาลล่ะ เอาที่ผมได้นะ"

"ผมเบิกได้ครับ อีกอย่างหนึ่ง เงินที่คุณให้ ผมยังไม่ได้ใช้เลย" ผมไม่อยากรบกวนแก ครับ เกรงใจแก

"ถ้าคุณมีปัญหาอะไรบอกผมนะ ผมพร้อมจะช่วยเหลือคุณ"

"ครับ ขอบคุณครับ"

เราคุยหยอกเย้ากันเล่นอีกประมาณชั่วโมง (ผมไม่ได้บอกแกว่าตาซ้ายของผมผมอาจจะตาบอด เพราะ ผมยังต้องการเงินแกอยู่ ฮ่าฮ่า ยอมรับครับว่าผมเห็นแก่เงิน อีกอย่าง อาการตาบอดมันก็ไม่น่าจะมองเห็นจากภายนอกนี่ ...)แกต้องรีบกลับ เพราะจองไฟต์ไว้ตอนห้าโมง ผมบอกไอ้กายให้ไปส่งแก...

"กาย...มรึงไปส่ง แกหน่อยดิ เดี่ยกรูเลี้ยงมรึง 1 มื้อ"

"มรึงไม่ต้องบอก กรูก็จะไปส่งแกนน่ะ อย่าลืมนะเฟ๊ย กรูมาก่อนมรึง ฮ่าฮ่า" มันแหย่ผมเล่น....

"เออไปเถอะ แต่ไงขอบใจมากนะเฟีย"

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป อาการผมดีขึ้นมากแล้ว ผมก็แบบนี้แหละ แม้จะเจ็บป่วยไง ถ้าผมคิดว่าจะสู้และยิ่งได้กำลังจากเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมและญาติๆ ด้วยแล้ว ผมพร้อมที่จะสู้  ผมว่าน่ะ การที่คนเรามีกำลังใจดี มันเป็นตัวที่ทำให้เราชนะโรคภัยทีเกิดขึ้นในตัวเรานะ.....(ผมโทรบอกแม่ผมนะครับ แม่ผมแกจะรีบมาเฝ้าผมเลยในวันนั้นแต่ผมบอกว่าไม่ได้เป้นอะไรมากก็สงสารแก คนแก่ นั่งรถไปมามันค่อนข้างลำบากก็เลย บอกว่าอาการไม่หนักหนาเท่าไหร่)

หมอตรวจผมในเช้าวันหนึ่ง หลังจากผ่านมาได้ หนึ่งอาทิตย์แล้ว...

"อาการดีขึ้นมากแล้วนี่ "

"ครับ"

"ตาซ้ายคุณมองเห็นเหรอเปล่า"

"มองเห็นแล้วครับ แต่ไม่ชัด"

"มันก็แบบนี้แหละคุณต้องเปลี่ยนกระจกตา มันถึงจะมองชัด" ตอนนี้ตาช้ายผมมองเห็นแล้วครับ แต่จากที่มันสั้น 800 ตอนนี้มันสามารถมองเห็นได้ด้วยไม่ต้องใส่แว่นแล้ว แต่มันภาพที่มองผ่านตาซ้าย มันเหมือนมองผ่านไปในกระจก ภาพที่เห็นมันจะเป็นภาพเบลอๆ นิดหน่อย

"วันนี้คุณไปวัด ขนาดของตา นะ ที่ห้อง......รอคนบริจากจากสภากาชาด"

"ครับ"

"แต่หมอไม่รับรองนะ ว่าผ่าตัดครั้งแรกจะใช้ได้เลยเหรอเปล่า ถ้าครั้งแรกไม่ได้ ก็ต้องมีผ่าตัดครั้งที่สองครั้งที่ สามตามมา"

"ครับ" ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ

อาการตาซ้ายของผมก็อย่างที่หมอบอก ผมยังปรับสภาพที่มองพร้อมกันสองข้างไม่ได้ ภาพมันเหมือนซ้อนๆ กัน น่ะ คือ ตาแต่ ละตา มองเห็นในลักษณะตาใคร ตามันแหละ ไม่แมท กัน...แต่มันไม่บอดเป็นอันว่าใช้ได้แล้วครับ หมอบอกว่าอาการนี้เดี่ยวร่างกายมันปรับของมันเอง แต่คงต้องใช้ระยะเวลาหน่อย...

สามอาทิตย์ผ่านไปแล้ว อาการผมดีขึ้นเป็นลำดับ  ผมยังต้องตรวจอาการทุกวัน หมอตรวจก็คนเดิม หมอหญิง ที่ผมว่าน่ารักน่ารัก...เฮ้อตอนนี้ผมเบื่อที่จะนอนแล้วครับ คือกลางวันก็นอน กลางคืนก็นอน ผมยังอยุ่ในห้องติดเชื้อ สามอาทิตย์นี้ไม่มีคนมานอนเป็นเพื่อนเตียงข้างๆ เลยแฮะ มีแต่ เตียงข้างนอก สับเปลี่ยนเวียนเข้าออกของคนไข้ที่เกี่ยวกับโรคตา...ส่วนผมนอนคนเดียว เหงาจริงๆ...

วันจันทร์ของอาทิตย์ที่สี่ หมอบอกว่าให้ผมกลับบ้านได้แล้ว...อาการของผมตอนนี้ตาซ้ายเกือบเป็นปกติแล้ว แต่มองเห็นไม่ค่อยชัด เหมือนมันมีหมอกๆ บางๆ มากั้น แต่ตอนนี้มันไม่สั้นแปดร้อยแล้ว คือมันเป็นคล้ายๆ ที่มองเห็ได้โดยไม่ต้องใส่แว่น  หมอจัดยา ให้น้ำตาเทียมมาหยอดตอนที่รู้สึกว่าตามันแห้งหรือแดง สำหรับหยอดตาซ้ายเพราะตาซ้ายผมโดนยาฆ่าเชื้อมาเยอะ เลยทำให้แห้ง แก้โดยต้องหยอดน้ำตาเทียม อีกอย่างหมอให้ผมทนรับสภาพที่ต้องปรับเพื่อให้ตาสองข้างปรับโฟกัสให้แมทกัน มันจะยากมากๆ เวลาเดินขึ้นบรรได หรือทางต่างระดับอะไรแบบนี้แหละ และให้ผมหลีกจากการมองแสงที่จ้า เช่นไฟหน้ารถ แบบนี้ หมอออกรับรองให้ผมสามารถพักผ่อนได้ออกไปอีกหนึ่งอาทิตย์ และให้ผมมาตรวจอาการแทรกซ้อน อีก เดือนละสองครั้ง......

หลังจากออกโรงพยาบาลแล้วผม ขอพักฟื้นที่บ้านที่ปากเกร็ด บ้านลุงคงไม่ไหวน่ะ เสียงดัง ผมอยากพักผ่อนจริงๆ.... ไม่มีใครดูก็ไม่เป็นไร มีไอ้เอสไอ้โจ้ อยุ่ใกล้ๆ ต้องการอะไรก็ขอมันมาทำให้ก็ได้ (ไอ้แจ๊คบัดดี้ผม มันไม่ค่อยอยู่ห้อง นานๆ มาสักทีหนึ่ง มันติดแฟนก็แบบนี้แหละ อีกอย่างผมไม่อยากจะกวนมันเท่าไหร่)

ช่วงที่เข้าโรงพยาบาลช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมท้อมากๆเลย  ผมว่าทุกคนแหละจากคนที่เคยดีๆ ทุกคนที่เคยมีอะไรครบสามสิบสองประการ และมาวันหนึ่ง สิ่งที่เคยมีเหล่านั้นมันหายหรือพิการไป มันก็ต้องใช้เวลาทำใจอยู่เหมือนกัน ทำใจที่จะยอมรับสิ่งจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ยอมรับว่าเราเจอกับสภาพแบบนี้ต่อไป....เพราะฉะนั้นผมว่ากำลังใจสำคัญที่สุด ....

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #289 เมื่อ02-08-2007 07:45:41 »

เสือไบ:the series (ตอน 68)

วันแรกที่พักฟื้น ก็วันออกจาโรงพยาบาลนั้นแหละ เฮ้อ เบื่อๆ อยากๆ อีกแล้วผม อาการ อยากเที่ยว มันเริ่มสำแดงออกมาเลยแฮะ อยู่โรงพยาบาล สามอาทิตย์ ไม่ได้ดื่มเหล้า ไม่ได้เห็นแสงสี เลย...ผมห้ามใจไว้ไม่ไหวแล้วครับ ผมเลยหาเรื่องโทรไปหาไอ้เอส...

"เอส ว่างเปล่า ไปเที่ยวร้านเจ๊จูกัน"

"โห อะไรพี่นุ่ม... เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลวันนี้นะ"

"ก็กรูเหงานี่ อยู่โรงบาล นั่งๆ นอนๆ นี่จำแสงสี่ลีลาท่าเต้นไม่ได้แล้ว ไปนะ "

"ไปก็ไป พี่จะไปไงล่ะ"

"มรึงโบกแท๊กซี่ที่หน้า....แวะมารับกรูด้วย"

"ครับ พี่" หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไอ้เอส ไอ้โจ้ และบรรดารุ่นน้องอีกสามคนก็นั่งแท๊กซี่มากัน โห ท่าทางจะขนมาถล่มกระเป๋าผมโดยเฉพาะนะนี่...

บรรยากาศในร้านก็เหมือนเดิมครับ มี แสงสีเสียง และก็เหล้า โห สงสัยเห็นผมอดอยากมาเกือบสามอาทิตย์เต็มไอ้พวกนี้มันเลยยกแก้วชนผมเอาชนผมเอา... แทบจะทุกครั้งที่จบเพลง ก็อย่างที่บอกแหละครับ พวกผมกับรุ่นน้องเวลาจะชนแก้วกันต้องยกหมดแก้ว...แต่เวลานี้ มันสลบคาโต๊ะกันเป็นแถวแล้ว...ฮ่าฮ่า ริจะมาชนกับขุนรินสุราพ่าย มันเลยเป็นศพอย่างที่เห็นแหละ..

ตีหนึ่งกว่าๆ แล้ว รุ่นน้องที่พามาด้วย สามคน หลับอ๊วกคาโต๊ะกันเป็นแถวแล้วครับเหลือผม ไอ้เอส ไอ้โจ้...เฮ้อ จะปล่อยมันไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ มันคงเป็นที่รำคาญลูกกะตาของโต๊ะข้างๆ

"เดี่ยวน้องกับโจ้ไปส่ง สามตัวนี่กลับหอก่อนนะ ดูดิ อายโต๊ะข้างเค้า แล้วน้องจะกลับมากินต่อนะพี่"

"อือ รีบๆ ล่ะกัน"

หลังจากพวกผมสามคนช่วยหามซากศพขึ้นรถแท๊กซี่กับหอ ผมก็นั่งที่โต๊ะคนเดียว ตาซ้ายผมตอนนี้เจอกับแสงสีแว๊บๆ กับควันบุหรี่ในร้าน ผมเริ่มแสบตาแล้ว เฮ้อ ไม่น่ามาเลย...แต่ทำไงล่ะความอยากในตัวผมมันเรียกร้องนี่...ฮ่าฮ่า..

นั่งได้สักพัก ภาพที่ผมต้องนอนโรงพยาบาล ภาพที่ผมตาบอด มันลอยมาวนเวียนผมอีกแล้ว ผมเหมือนตกหลุมแล้วมีคนมาช่วย น้ำตาของผมไหลออกมา มันไหลออกมาได้ไงไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งข้างๆ เอ๋ใครหว่า....

"เพื่อนไปไหนหมดล่ะคะ เมื่อกี๊เห็นนั่งกันตั้งเยอะ" ผมมองไปตามเสียงที่ถาม เป็นผู้หญิงคนหนึ่งวัยน่าจะแก่กว่าผมประมาณสิบปี ผิวขาว ผมยาวหยิก...

"กลับไปส่งรุ่นน้องครับ เมากันเละ" ผมบอกไปงั้นแหละ...ตอนนี้น้ำตายังไหลๆ อยู่...

"อ้าวแล้วนี่ร้องไห้ทำไมล่ะคะ หรือว่าเพื่อนๆ ทิ้งไป เลยร้องไห้"

"เปล่าครับพี่...ผมกำลังคิดถึงเรื่องกลุ้มใจเรื่องราวที่ผ่านมา" แกยื่นผ้าเช็ดหน้า สีขาว มีรูปดอกไม้ด้วยครับเท่าที่เห็น

"เช็ดน้ำตาก่อน นะ เป็นผู้ชายร้องไห้แบบนี้ไม่ดี" ก็จริงๆ แฮะ ต่อมน้ำตาของผมมันคอยแตกอยู่เรื่อยเลย แต่เฉพาะข้างขวานะ ข้างซ้ายไม่ค่อยมีน้ำตา .. ผมเอาผ้าผืนนั้นมาเช็ดน้ำตาจริงๆ...

"มีอะไรระบายให้พี่ ฟังได้นะคะ พี่ชื่อนก เป็นเพื่อนกับพี่จูเจ้าของร้าน พี่เห็นเรามากินบ่อยนะ" แปลกแฮะทำไมผมไม่ค่อยสนใจแกเลย จำไมได้ว่าเคยเจอแกบ้างเหรอเปล่า..

"พี่อยากฟังจริงเหรอครับ" ผมถามย้ำตอนนี้ไม่มีอะไรทำ รอพวกไอ้เอส ไอ้โจ้ มันไปนานแล้ว...

"เอาดิ คะ บางครั้งคนเรา ก็ต้องการระบายไอ้ที่เก็บไว้อกมาบ้างเหมือนกัน แล้ว เราชื่ออะไรล่ะคะ"

"ชื่อเอก ครับ" แล้วหลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แกฟัง เฉพาะตอนที่เกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับตา ก็ตอนไปอยู่โรงพยาบาลอะไรแบบนี้แหละ....

"ไม่เป็นไรนะเอก มันก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เอกก็ไม่ได้ตาบอดแล้วนี่ รอผ่าตัด ผ่ามาตามันก็ดีเหมือนเดิมแหละ" แกเอามือข้างขวาของแกจับมือผม.... ตอนนั้นผมรู้สึกอบอุ่นไงไม่รู้...ผมมองตาแก

"ขอบคุณครับพี่ ที่เป็นกำลังใจให้ผม"

"ไม่เป็นไรจ้า แล้วเอกอยู่แถวไหนล่ะ"

"ผมอยู่ที่....." ผมบอกสถานที่ไป...

"อ้าว พี่ก็อยู่ข้างในนั่น ตรง..." อ้าว มันใกล้บ้านพี่พัน เก่านี่หว่ะ ห่างกันแค่ สี่หลังเอง....

"พี่เคยเห็นเรา ไปแถวนั้นบ่อยๆ ใช่เปล่า" อาแน่ แอบดูผมอีก...

"ครับ ผมไปหาเพื่อนรุ่นพี่ ครับ"

เราคุยกันอย่างออกน้ำออกรส ไม่น่าเชื่อว่าผมกับพี่นกเพิ่งจะคุยกันเป็นครั้งแรกแต่ เราสองคนเหมือนสนิทกันมานาน เฮ้อ แกน้ำใจดีก็แบบนี้..ผมรอพวกไอ้เอส ไอ้โจ้เกือบตีสองครึ่ง  ...

"ขอโทษ พี่นุ่ม ตอนน้องพาไอ้พวกเปรตกลับหอ มันอ๊วกใส่รถ แท๊กซี่มันก็เลยให้ไปล้างรถกับมันด้วย"

"อ้าว เวน สมน้ำหน้า...ดันลากพวกมันมาด้วย.... กลับเลยล่ะกัน กรูแสบตามากเลยหว่ะ."

"ครับพี่"

ผมเดินไปลาพี่นก หลังจากนั้นพวกผมกลับกัน เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จักแก ตอนนั้นผมเฉยๆ นะ ก็แค่ คนเข้ามาคุย คุยเสร็จกลับแล้วต่างคนต่างเป็นคนอื่น...

หลังจากวันนั้นผมนอนพักฟื้น.... นั่งๆ นอนๆ อยากกินอะไรก็ลงไปซื้อ ตอนลงบันไดนี่ ต้องเล็งให้ดีๆ  เดี่ยวจะตกบันไดเอา.....ถ้าไม่งั้นก็ต้องปิดตาข้างไหนข้างหนึ่ง (ผมไปตัดแว่นตามาแล้วนะครับ ข้างซ้าย ปกติ ข้างขวา สั้น แปดร้อย ตัวแว่นมันจะพิกลๆ ไงไม่รู้ เลนซ์ข้างซ้ายบางเฉียบ เลนซ์ข้างหวานหนา)

ตื๊ดๆ เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมเอื้อมารับเบอร์แปลกๆ แฮะ.

"สวัดดีครับ"

"เอกเหรอคะ พี่นกเอง"

"เอ พี่นกไหนเหรอครับ" นึกไม่ออกจริงๆ  ...อาจจะเพราะวันนั้นผมเมาด้วย

"คนที่เจอ กับเอก ที่ร้านพี่จูไง คนที่เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาเอกไง" ผมนึกออกทันทีเลยน่ะ มันเป็นเรื่องน่าอายไงไม่รู้ร้องไห้ให้คนที่ไม่รู้จัก....

"ครับ พี่นกน่ะเอง สบายเหรอพี่"

"สบายดี แล้วเอกเป็นไงบ้างล่ะจ๊ะ ตาเป็นไงบ้าง"

"ก็ดี ครับว่าแต่พี่นกมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ หรือว่าคิดถึงผมครับ" อ้าวไปแซวแกอีกผม...

"ไม่มีหรอกจ้า เป็นห่วงเอกก็เลย โทรหา ว่าแต่คืนนี้ไปไหนเหรอเปล่าจ๊ะ ถ้าไม่มีที่ไปมานั่งกินเหล้ากับพี่ก็ได้นะจ๊ะ ร้านจู พี่ก็นั่งกินคนเดียว เดี่ยวพี่เลี้ยงเอง"

"ครับ ไปพี่ ตกลงพี่จะมาที่ร้านกี่โมงครับ เดี่ยวผมไปหา" อาแน่เอาเหล้ามาล่อแบบนี้ผมเหรอจะไม่ไป...

"พี่เลิกงานหกโมง คงไปถึงร้านพี่จู ถึงตอนทุ่มครึ่งแหละ เอางี้สองทุ่มเจอกันนะจ๊ะ"

"ครับ พี่" ผมไม่รู้ทำไมผมถึงรับปากพี่นกไป .....ผมยังจำความอบอุ่นตอนที่คุยกับแกได้น่ะ เฮ้อ หรือว่าเวลาคนเจออะไรร้ายๆ เข้ามาในชีวิต ต้องการคนปลอบใจ คนดูแลเอาใจใส่แบบนี้เสมอน่ะ....

ผมมาถึงที่ร้านพี่จูสองทุ่มกว่าๆ ครับ(ตอนนี้ยังแสบตาเหมือนเดิมนะครับ ตอนโดนแสง และผมยังต้องใส่แว่นตาอยู่) มองทะลุกระจกเข้าไปในร้าน อ้าว พี่นกมาแล้ว แกกำลังคุยกับพี่จูอยู่...

"อ้าวเอก มานั่งนี่ดิ"  พี่จูเรียกผม ผมว่าแกต้องเตี๊ยมอะไรกับพี่นกแน่เลย เบอร์ผมที่พี่นกโทรหาผมแกก็ให้พี่นกไป..

"ทำอะไรกันอยู่ล่ะพี่"

"กำลังจะดูดวงให้นกน่ะ...เอกสนเหรอเปล่า"

"เอก ลองดูดิ พี่จูแก เป็นหมอดูน่ะ" พี่นกคะยั้นคะยอผมครับ

"ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้ แต่ดูหน่อยก็ดีฆ่าเวลา นี่สองทุ่มอยู่เลย"  ก็อย่างที่บอกผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องการดูดวงอยู่แล้ว ผมว่าชีวิตคนเรามันอยู่ที่ตัวเราเอง ดวงหรือโชคชะตา มันแค่เป็นส่วนเล็กๆ แค่นั้น อาจจะมีเปอร์เซนต์มากำหนดชีวิตเราบ้าง แต่ผมว่ามันน้อยมากๆ ก็คงคล้ายๆ กับ ถ้าเราเดิน อยู่ข้างถนน เราอยากจะโดนรถชน ก็ลงเดินไปที่กลางถนนดิ รับรองโดนชนแน่เลย ส่วนที่ผมว่า ดวงชะตาเล็กน้อย ก็คือ เราเดินอยู่ดีๆ  อาจจะมีรถวิ่งเสียหลักมาชนเราไง.......

การดูดวงด้วยไพ่ป๊อกเริ่มต้นขึ้นแล้ว พี่จูเลือกใบแรก คือเป็นสัญลักษณ์ของผม ประมาณแจ๊คข้าวหลามตัด แกบอกว่าไพ่ใบนี้ แทนผม หนุ่มผิวขาว ผอม.....แกให้ผมสับตามอายุ และอธิฐานด้วย แกให้ผมดึงไพ่ใบหนึ่งมาปิด ตรงแจ๊คข้าวหลามตัด แล้วแกก็เรียงไพ่ เป็นวงๆ (ผมอธิบายไม่ค่อยถูกนะครับ เพราะไม่ถนัดในการดูดวง) เหลือ หกใบสุดท้าย แกให้เอาออกสามใบ และเหลือไว้ในมือสามใบ... ผมกับพี่นกนั่งดูด้วยความสงบ..

"ไพ่เอกมันแปลกๆ แฮะ เรื่องหน้าที่การงานจะดีตลอด มีการเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย กับ ผู้ชายสูงอายุ ผิวขาวคนนี้ ฐานะ การเงิน จะดีอยู่ช่วงหนึ่ง และจะตกต่ำ ลง แต่คงอีกนาน คงอายุหลัง สามสิบห้า เรื่องความรัก มีผู้หญิงคนนี้มาสนใจ แต่ เอกไม่ได้สนใจ เพียงแต่ คบๆ ดูเท่านั้น เพราะมี ผู้ชายสูงอายุ คนนี้ คอยดูอยู่ และก็มี เด็กชายผิวดำคนนี้มาเกี่ยวข้องในชีวิต ต่อจากผู้หญิงคนนี้ ชีวิต ปั้นปลายจะเดียวดาย ไร้คู่ครอง..."

แกอธิบาย อย่างคล่องแคล่ว ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่มันก็แค่ การเรียงไพ่แล้ววิเคราะห์ตามนั้น

ต่อไปเป็นตาพี่นกแล้ว...ฮ่าฮ่า ไพ่ใบแรกของแกก็คือ แหม่มข้าวหลามตัด...แกสับไพ่ตามอายุ ผมกำลังมองๆ นับตามแกอยู่ ฮ่าฮ่า แต่เหมือนแกจะรู้น่ะ เลยหลบๆ การสับหน่อย แล้วพี่จูก็ให้พี่นกเลือก มาหนึ่งใบ มาปิดหน้าแหม่มข้าวหลามตัด แล้วแกก็เริ่มไพ่เป็นวงๆ เหลือ หกใบ  แกให้พี่นกเลือก ไว้สามใบแล้วก็ทิ้งสามใบ....

"ไพ่นก เรียบๆ นะ ชีวิต ไม่ค่อยหวือหวา เท่าไหร่ จะมีเรื่องเสียใจในอนาคตอันใกล้นี้ จาก หนุ่มแจ๊คแดงข้าวหลามตัด แต่ไม่ต้องกลัวจะมี หนุ่มคิงโพธิ์ดำคนนี้มาคอยดูแล เรื่องเงิน อยู่ในขั้นปานกลางๆ หน้าที่การงาน เรียบๆ อนาคตปั้นปลาย มีหนุ่มคิงโพธิ์ดำคนนี้เป็นคู่แท้ "

แหม ถ้าเป็นไปตามไพ่ที่พี่จูดูพี่นกน่าจะมีครอบครัวที่มีความสุขนะ มีคนคอยดูแลเฮ้อ อิจฉาจัง......

หลังจากดูดวงเสร็จพี่จูก็ขอตัวไปดูแลหลังร้าน.....ผมนั่งมองตาพี่นก....

"เอก คะตาเป็นไงบ้างล่ะ"

"ค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ พี่นกทำงานแถวไหนครับ" ผมเห็นแกโต๊ะแกมีแฟ้มงานมาด้วย และที่สำคัญแกแต่งชุดทำงานมาด้วย

"แถวทองหล่อเอก ไมจะไปรับพี่เหรอจ๊ะ" อ้าวเวนแล้ว ผมยังไม่เคยคิดเลยนะนี่....

"ฮ่าฮ่า เปล่าครับ พี่ ..."

"แล้วรู้สึกดีขึ้น ยังล่ะคะ เอก"

"ดีแล้วครับ ได้พี่นกคอยปลอบใจวันนั้น ผมมีแรงฮึดมากขึ้นครับพี่" เฮ้อ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมตัวเองติดประจบมาจากมิสเตอร์เชนก็ไม่รู้...

"แหม เอก ก็" แกทำหน้าเขินๆ

และแล้วผมกับแกก็นั่งกินเหล้าฟังเพลงกันออกรส  พี่นกแกดูอบอุ่น คุยตลก แกชอบเล่าเรื่องต่างๆ ให้ผมฟัง เรื่องไปซื้อของ ดูหนัง เรื่องคนมาจีบแก ฯลฯ....

"เอกเคยประทับใจใครตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นบ้างเหรอเปล่า ประทับใจทั้งๆ ที่เราไม่รู้จักเค้า"

"แบบ รักแรกพบอะไรแบบนั้นเหรอครับ พี่"

"ก็ประมาณนั้นแหละ"

"ไม่ครับ" ความจริงน่ะมี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ลองผมบอกไปซิว่าเคยประทับใจผู้ชายคนนั้นคนนี้มีหวังแกจะหาว่าผมเป็นเกย์แหงๆ.....

"แต่พี่เคยน่ะ เจอเขาครั้งแรกประมาณปีแล้วน่ะ ที่นี่แหละ ตอนที่มีคอนเสิร์ตสุเมธแอนด์เดอะปั๋ง" อ้าววันนั้นผมก็มาด้วยนี่หว่ะ....

"ครับ พี่แล้วไงต่อล่ะครับ"

"พี่ ก็เฝ้ามองเขา มาเรื่อยๆ นะ แม้ไม่ได้คุย ไม่ได้รู้จักกัน แต่พี่ก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เจอเขา" แปลว่าคนนี้เขามาบ่อยๆล่ะซิ พี่นกถึงบอกว่า รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เจอเค้า...

"ครับ พี่"

"แล้ววันหนึ่งพี่อดใจไม่ไหวน่ะ วันนั้นเห็นเขานั่งคนเดียวพี่ก็เลยเข้าไปทัก"

"โห พี่ แล้วเขาไม่ตกใจเหรอพี่ แล้วพี่นกบอกเขาว่าไงล่ะ"

"พี่ก็บอกว่า ขอนั่งด้วยคน แล้วก็คุยกับเขาไป ดูเหมือนวันนั้นเขาจะมีเรื่องกลุ้มใจด้วยล่ะ" ผมฟังพี่นกเล่าด้วยความสนใจครับ....

"เฮ้อ ดีจัง แล้วหลังจากที่ได้คุยแล้วพี่ชอบเขาเหรอเปล่าครับ"

"ชอบมาก เลยน่ะ มันเหมือนอะไรที่พี่รอมานาน" แกทำหน้าฝันหวาน

"พรหมลิขิตว่างั้นเถอะ" ผมต่อให้...ผมไม่เชื่อแบบนี้อยู่แล้ว...

"ฮิฮิ ไม่แน่นะ ว่าชาติก่อน พี่กับเค้า อาจจะเป็นแฟนกันก็ได้"

"โห อะไร ขนาดนั้นเชียวเหรอพี่"

"พี่พูดเล่นน่ะ แต่ไม่แน่นะ อาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้"

"ครับ"

"วันนี้เค้าก็มาที่นี่ด้วยนะ" ตอนนี้คนเริ่มเต็มร้านแล้ว ครับ คนไหนนี่ ผมอยากรู้เสป็คของพี่นกจัง....

"คนไหนล่ะพี่ แล้ววันนี้พี่ไม่ไปคุยกับเค้าเหรอ" ผมมองไปทั่วๆ ร้าน ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เด็กรุ่นๆ เดียวกับผมแฮะ..

"เอกอยากรู้จริงเหรอ"

"ครับ" ผมพยักหน้า....

"คนนี้ไง" แกชี้มาที่ผม อ้าวเวน แกหมายถึงผมเองเหรอนี่ ....โหผมจะตลกดีเหรอเปล่านี่ ทีแรกขำๆ นึกว่าแกจะอำๆ ผมเล่นครับ แต่น้ำเสียง แววตา อารมณ์แก ทำให้รู้สึกว่าแกพูดจริง

ผมมาร้านนี้ก็หลายครั้งแต่ผมไม่เคยสนใจแกเลยนะก็ผู้หญิงมาเที่ยวที่นี่เป็นร้อย จะให้สนใจได้ไงล่ะ ผมไม่ได้ขี้หลีหรือ หน้าม่อ นี่... แต่ไม่รู้สิ ผมอาจจะไม่ค่อยชอบมองผู้หญิงก็ได้ แต่บางครั้งก็มองนะ มองผ่านๆ ไม่ได้สนใจหรือจดจำอะไร...

นี่คือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของผมกับพี่นก....ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยดี ความสัมพันธ์ที่ผมไม่เคยรู้เลยว่า ผมจะอยู่ในสายตาแกตลอดเวลาที่ผมมาเที่ยวที่นี่.....ผมไม่อยากบอกเลย ว่าเริ่มต้นดีๆ แบบนี้แต่มันจบแบบเลวร้ายสุดๆ เลย......

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือไบ:the series by matheww
« ตอบ #289 เมื่อ: 02-08-2007 07:45:41 »





suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #290 เมื่อ02-08-2007 08:10:46 »

อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณเอกใช้ชีวิตคุ้มค่าดีอ่ะ ตลอดทางเดินชีวิตมีเรื่องราวเข้ามาตลอดทั้งดีและร้าย  :m13: ชอบๆ ลุ้นๆ แล้วพี่นก นี่เป็น No. ต่อไป ปะเนี่ย รอลุ้น  :m4:

ple

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #291 เมื่อ02-08-2007 10:54:42 »

ยังอ่านไปได้ไม่กี่ตอนเอง (เยอะจริงๆๆๆ) :m23:  เลยมาเม้นให้กำลังใจก่อน แล้วจะตามอ่านให้ทันนะครับ  :m19:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #292 เมื่อ02-08-2007 12:05:20 »


...........ดีนะที่ตาไม่เป็นไร...... :a11: :a11:

...........แต่มี No. ใหม่เข้ามาอีกแล้วดิ......... :a6: :a6:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #293 เมื่อ02-08-2007 14:25:01 »

มันจะจบลงยังไงนะกะพี่นกเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย  :a5:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #294 เมื่อ02-08-2007 15:18:40 »

แล้วตอนนี้มันมีกี่ No. แล้วเนี่ย เริ่มงงแล้วอ่ะ

อ่านแล้วตกใจ  :a5: โห ออกมาวันแรกยังกล้าเที่ยว อิอิ คนเรา

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #295 เมื่อ02-08-2007 15:27:52 »

ตั้งแต่วันจัน่ทร์นี้เป็นต้นไป เสือไบ:the series จะมีวันละตอนนะครับ....ลงมากไปไม่ได้ทำให้มิตรรักนักอ่านผมเครียดได้..ฮ่าฮ่า..

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #296 เมื่อ02-08-2007 16:22:29 »

วันละ 2 ตอนก็กำลังพอดีอยู่แล้วอ่ะ ตอนเดียวน้อยไปนะ 2 ตอนนั้นแหละเหมาะสมสุด ไม่มีใครเครียดซะหน่อย  :a9: :a1:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #297 เมื่อ02-08-2007 19:30:48 »

รู้สึกว่า...พี่เจอเรื่องอะไรมามากมายจังเลย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #298 เมื่อ02-08-2007 19:52:01 »

ขอวันละ 2 ตอนไม่ได้เหรอ  :m13:  :m13:

blach

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #299 เมื่อ02-08-2007 23:28:07 »


แต่อย่าหายไปไหนนะ   :m13: :m13:

หอบครับ เพิ่งกวดมาทัน   :try2: :try2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด