ร่างเพรียวระหงก้าวเดินไปตามทางด้วยฝีเท้าที่มั่นคง ท่วงท่าสง่างามเรียกสายตาจากผู้คนบริเวณนั้นให้หันไปมองเป็นตาเดียว แกเรน ฮาร์ดเนอร์ ถอดสูทตัวนอกมาพาดแขนในตอนที่เดินผ่านแผนกต้อนรับของทางโรงพยาบาล เจ้าตัวเข้าไปในลิฟต์ก่อนจะกดไปยังชั้นของผู้ป่วยพิเศษตามที่ฮานะได้แจ้งเอาไว้เมื่อช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จตอนห้าโมงเย็นก็รีบดิ่งตรงมาที่โรงพยาบาลโดยทันที
“คุณแกเรน” ทันทีที่บานประตูถูกเปิดเข้าไปคนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงก็รีบลุกขึ้นมาต้อนรับ แกเรนโบกบัดอย่างไม่ถือสาก่อนจะเดินไปยืนอยู่ที่ข้างเตียงผู้ป่วย
เด็กหนุ่มนอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ของยาที่หมอให้ไว้ก่อนหน้านี้ แขนด้านขวาที่ได้รับบาดเจ็บถูกดามเอาไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าของพีทดูอ่อนล้าลงไปมากคงเพราะต้องอดทนกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“เป็นยังไงบ้าง” แกเรนถามเสียงเบาเพราะกลัวว่าจะไปรบกวนคนที่กำลังนอนพักผ่อน
“กระดูกช่วงแขนร้าวลามไปถึงบริเวณไหปลาร้าครับ” ฮานะตอบ ตาคู่สวยดูบวมช้ำขึ้นเล็กน้อยเพราะหลังจากที่วางสายจากคุณแกเรนไปเมื่อช่วงบ่ายเขาก็ไม่สามารถที่จะห้ามน้ำตาเอาไว้ได้
“ผมขอโทษ” แกเรนเอื้อมมือไปวางไว้บนไหล่เล็ก “เป็นความผิดของผมเองที่-”
“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอกครับ” ฝ่ายนั้นส่ายหน้าปฏิเสธ “มันเป็นอุบัติเหตุ...เรื่องนี้ไม่มีใครผิด”
“ฮานะ...เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” แกเรนยิ้มพร้อมกับมองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง “จะได้ไม่กวนเวลาพักผ่อนของเขา” อีกคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทันทีที่บานประตูปิดลงแกเรนก็เป็นฝ่ายเริ่มเปิดบทสนทนาถึงข้อมูลที่เขาได้รับมาจากหัวหน้าทีมงานที่รับผิดชอบในการถ่ายแบบครั้งนี้
“คุณโอ๊ตหัวหน้าทีมงานที่นั่นแจ้งมาว่าในระหว่างที่พีทกำลังโรยตัวลงมาตัวล็อกคาราบิเนอร์มันมีปัญหาจึงทำให้เชือกมันหลุดออกจากเซฟและอีกอย่าง...ในตอนนั้นพีทเองก็ดูเสียสมาธิอยู่ไม่น้อยเลยไม่ทันได้ระวังตัว”
ฮานะรับฟังทุกอย่างด้วยแววตาที่ว่างเปล่า สองมือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา...อาการที่ห่างหายไปนานเริ่มกลับมาอีกครั้งในตอนที่รู้สึกเครียด
...เป็นเพราะเขา...ถ้าตอนนั้นปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับอเล็กซ์อย่างเด็ดขาด พีทก็คงไม่เสียสมาธิเพราะภาพเหล่านั้น
...เป็นความผิดของเขาเองทั้งหมด..
ทั้งที่ควรทำตัวให้อีกฝ่ายเชื่อใจแท้ๆ แต่เขากลับ...
“ฮานะ” แกเรนเรียกด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาปิดหน้าก่อนจะก้มลง ช่วงไหล่เล็กดูสั่นเทาแม้เจ้าตัวจะพยายามมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความเสียใจเอาไว้ได้ แกเรนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาลงไปนั่งข้างอีกฝ่ายก่อนจะยกแขนขึ้นกอดฮานะเอาไว้...นั่งเงียบอยู่อย่างนั้นจนล่วงเลยผ่านไปหลายสิบนาที รอจนเสียงสะอื้นเบาบางลง
“เป็นเพราะผม...ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
“ไม่ฮานะ...ไม่ใช่ความผิดคุณ ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ” แกเรนขมวดคิ้วและเอ่ยดุคนที่เอาแต่โทษตัวเอง “ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น....ฮานะ”
“...ตอนที่พีทอยู่บนนั้น ผม..” ฮานะสูดลมหายใจเข้าลึกทั้งกระบอกตาและจมูกแดงก่ำได้อย่างน่าสงสาร “…ผมถูกอเล็กซ์ดึงเข้าไปจูบ”
“...” แกเรนเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ แม้สิ่งที่ฮานะเล่าให้ฟังจะทำให้เขาเริ่มรู้สึกหมดความอดทนก็ตาม
“ก่อนหน้านั้นอเล็กซ์มาขอให้ผมช่วยเย็บแขนเสื้อ...ตอนแรกผมปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ยอมที่จะทำตามเพราะไม่อยากให้งานล่าช้าไปมากกว่าเดิม”
“…”
“…และทุกอย่างอยู่ในสายตาของพีทตลอด เขาเห็นทุกอย่าง...ทั้งที่เคยบอกให้เขาเชื่อใจ แต่เป็นผมเองที่โง่เง่า”
“ฮานะ”
“ถ้าผมหนักแน่นพอ...ก็คงไม่ทำให้เขาต้องคอยพะวงเพราะเป็นห่วง”
“ฮานะ...ฟังผม” แกเรนย้ำคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงสับสน...ตอนนี้ฮานะคล้ายกับเด็กที่กำลังหลงทางและคิดโทษตัวเองซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ...ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่ใช่เลย” แกเรนจับไหล่อีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกับจ้องตาเพื่อยืนยันให้รู้ว่าฮานะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พีทได้รับบาดเจ็บ “เรื่องที่คุณถูกอเล็กซ์ล่วงเกิน...ผมรู้ดีว่าคุณไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด และเชื่อว่าพีทเองก็รู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง”
“…”
“เลิกโทษตัวเองและไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิด...ถ้าคุณคิดอยากจะโทษใครสักคน ก็โทษผมได้เลย...เข้าใจใช่ไหม”
ฮานะมองมาก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “คุณไม่ผิด”
“ถ้างั้นคุณเองก็ไม่ผิด...โธ่ ฮานะ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ” แกเรนถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญาพร้อมกับยิ้มขันกับตัวเองเมื่อรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้าขึ้นมา...ให้ตายสิ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฮานะเริ่มมีสายตาออดอ้อนแบบนั้น
...ถ้าคนป่วยที่นอนอยู่ในห้องได้มาเห็นละก็เชื่อเลยว่าคงหายเป็นปลิดทิ้ง..
“ผมขอโทษครับ” ฮานะหลุบตามองต่ำ
“ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” แกเรนยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปวางไว้บนศีรษะของอีกฝ่ายแล้วลูบไปมา “ไม่ร้องไห้แล้วนะ...ถ้าพีทรู้ว่าคุณร้องไห้ต้องเสียใจแน่ๆ” ไม้ตายสุดท้ายถูกหยิบออกมาใช้เพราะรู้ดีว่าคนที่กล่าวถึงมีอิทธิพลต่อฮานะมากขนาดไหน
...พูดก็พูดเถอะ แม้แต่กับอเล็กซ์เองก็ไม่เคยเห็นฮานะมีท่าทีแบบนี้เลยด้วยซ้ำไป
...คงไม่ต้องเปรียบเทียบให้เสียเวลาว่าใครที่สำคัญมากกว่ากัน..
“ขอบคุณครับคุณแกเรน” ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดคราบเปียกชื้นออกไปจากใบหน้า
ดูสิ ตาบวมเชียว
“มากอดที” แกเรนยิ้มกว้างอ้าแขนรอรับ โดยไม่ต้องรอให้เสียเวลาทั้งร่างก็ถูกโถมกอดเอาไว้แน่น เรียกสายตาจากนางพยาบาลและญาติผู้ป่วยที่อยู่บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี
“ทุกอย่างจะต้องโอเค” เขากอดตอบพร้อมโยกตัวไปมาเหมือนอย่างที่ชอบทำในตอนที่ต้องปลอบลูกชาย “กลับเข้าไปหาพีทกันเถอะ” แกเรนชวนเมื่อรู้สึกว่าพวกเขาออกมานานพอสมควรแล้ว
ฮานะเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไป แล้วก็ได้เห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงตื่นแล้วเป็นที่เรียบร้อยและทันทีที่เห็นว่าคนรักของตนเดินเข้าไปในห้อง แววตาที่เอื่อยเฉื่อยก็พลันเปลี่ยนเป็นทอประกาย นี่ถ้ามีหูกับหางพีทก็คงไม่ต่างกับโกลเดนท์รีทีฟเวอร์ที่กำลังดีใจเพราะเห็นเจ้าของ
...อืม...แต่ก็เหมือนจริงๆ น่ะนะ เพิ่งจะเห็นด้วยกับฮานะก็วันนี้..
“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกในตอนที่เอื้อมมือออกมาหา “ไปไหนมาครับ” แววตาคู่นั้นฉายแววออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนทำให้แกเรนต้องยืนกอดอกลอบยิ้มอยู่อย่างนั้น
...อ้อนเก่งเหมือนกันนะเนี่ย..
“ออกไปคุยธุระกับคุณแกเรนมาน่ะ” ฮานะยิ้มตอบพร้อมกับกอบกุมกระชับมือข้างนั้นเอาไว้ก่อนจะเบี่ยงตัวออกให้ได้เห็นว่ามีเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้อีกคน พีทตั้งท่าจะยกมือขึ้นไหว้แต่ถูกเขายกมือห้ามเอาไว้ก่อน
“ฮานะบอกอาการคุณให้ผมรู้แล้ว” เขาเดินเข้าไปใกล้ “ผมต้องขอโทษและเสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นด้วยจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับคุณแกเรน” พีทยิ้มรับอย่างเข้าใจ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเขาไม่คิดที่จะโทษใครเพราะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
“ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบในส่วนที่ผมควรจะทำ” แกเรนย้ำ “ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เอง ในระหว่างนี้คุณก็พักรักษาตัวจนกว่าอาการจะหายดีก็แล้วกัน...ส่วนเรื่องงาน ผมจะให้เกรซกลับมาดูแลคิวงานทุกอย่างให้เองทั้งหมด ฮานะจะได้มีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้น”
“หมายความว่ายังไงครับ” ฮานะถามขึ้นอย่างสงสัย…ไม่ใช่ว่าคุณเกรซต้องดูแลอเล็กซ์หรอกหรือ
“ก็ตามที่ผมพูดไป...แค่ฮานะทำในส่วนของแผนกคอสตูมก็หัวหมุนมากแล้ว ให้เกรซเข้ามาดูแลช่วยในช่วงนี้จะได้แบ่งเบาภาระลงไปได้บ้าง”
“อันที่จริง...ดูแลพีทมันก็ไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับผมอยู่แล้ว” ฮานะยืนยันพร้อมกระชับมือข้างที่จับกันเอาไว้ให้แน่นขึ้น
“เอาน่า อย่างน้อยๆ การที่มีคุณคอยอยู่ใกล้ๆ พีทอาจจะหายเร็วขึ้นก็ได้นะ” รอยยิ้มล้อเลียนถูกจุดขึ้นเมื่อต้องการแซว “อีกอย่างคนป่วยน่ะต้องการกำลังใจเยอะ...จริงไหมพีท”
เด็กหนุ่มยิ้มรับก่อนจะอาศัยช่วงที่ฮานะเผลอยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาจรดจูบเล่นเอาเจ้าตัวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองต่อสอง
“ถ้าอย่างนั้น...ผมไม่กวนแล้วดีกว่า” แกเรนกลั้นยิ้มอย่างสุดความสามารถเพราะไม่อยากให้คนปากแข็งรู้สึกเขินอายไปมากกว่าเดิม...เพราะเท่านี้ใบหน้าของฮานะก็แดงลามไปถึงใบหูเป็นที่เรียบร้อย
...เห็นทีครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้พีทซะแล้ว..
“ให้ผมไปส่งนะครับ” ฮานะเสนอตัวแต่กลับถูกเขายกมือขึ้นปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร คนของใหญ่รอผมอยู่ชั้นล่าง ฮานะอยู่กับพีทเถอะ” แกเรนทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับเพื่อให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนและมีเวลาส่วนตัวร่วมกัน “เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะเยี่ยมใหม่...เดี๋ยวพาเจ้าพวกตัวเล็กมาป่วนด้วยสร้างความรำคาญให้พีทซะหน่อย”
ทันทีที่บานประตูปิดลงฮานะก็ก้มลงไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งพีทเองก็มองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว แววตาคู่นั้นฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน
“มีอะไร”
“ฮานะร้องไห้” เด็กหนุ่มเอื้อมมือขึ้นไปวางบนแก้มพร้อมกับไล้ปลายนิ้วผ่านความบอบช้ำอย่างอ่อนโยน เรียกรอยยิ้มของคนที่ยืนอยู่ให้ปรากฏขึ้น ฮานะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงก่อนจะกุมมือข้างนั้นเอาไว้แล้วเอียงหน้าซบอย่างออดอ้อน
“ไม่ได้ร้องสักหน่อย” เขาโกหกคำโต...ทั้งที่หลักฐานก็เห็นๆ กันอยู่ ตาบวมฉึ่งขนาดนี้
“แขนเดี้ยงแบบนี้ ผมคงทำอะไรให้ฮานะทานไม่ได้อีกนานแน่เลย” เด็กหนุ่มพูดติดตลกทำให้ถูกบีบเข้าที่แก้มจนหน้ายู่
“ใช่เรื่องที่ต้องมาห่วงไหมเนี่ย” เชื่อเขาเลย
“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับฮานะ...ไม่มีเรื่องไหนที่ผมไม่ห่วง” นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววมั่นคงจนทำให้ผู้ฟังหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ
“ไม่ต้องมาปากหวานเลย” ฮานะจิ้มเข้าไปที่แก้มแรงๆ จนเจ้าเด็กตัวโตร้องโอดโอยออกมา...เจ็บเกินจริงไปมากไม่ได้จิ้มแรงขนาดนั้นซะหน่อย
“ก็หวานแค่กับฮานะคนเดียว” รอยยิ้มที่ดูเพิ่มระดับความร้ายกาจทำให้ต้องหรี่ตามองอย่างนึกมันเขี้ยว
“จริงเหรอ” ฮานะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปกดจูบที่ริมฝีปากอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว นัยน์ตาคู่สวยทอประกายท้าทายในตอนที่ยกนิ้วขึ้นเกลี่ยตรงมุมปาก “...ไม่เห็นจะหวานเลย โกหกนี่”
พีทนิ่งค้างไปสักพักก่อนใบหูจะขึ้นสีแดงเข้ม...เขินอีกแล้ว~
ฮานะกลั้นขำเมื่อเห็นว่าเรียวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเพราะคงยังตั้งตัวไม่ทันที่ถูกขโมยจุ๊บ แต่ไม่ทันไรทั้งร่างก็ถูกเรี่ยวแรงที่มีมากกว่าดึงเข้าไปใกล้ ชั่ววินาทีริมฝีปากก็โดนอีกฝ่ายประกบจูบเอาไว้แนบแน่น มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบประคองเข้าหลังท้ายทอยในตอนที่ลิ้นสอดแทรกเข้าไปเก็บเกี่ยวภายในโพรงปากอุ่น
กลิ่นหอมของรสมิ้นต์เจือจางทำให้สมองพร่าเบลอ
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดำดิ่งลงลึกความเจ็บแปลบก็แล่นเข้ามาโจมตีบริเวณแขนทำให้เด็กหนุ่มต้องผละออกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดสภาพ
“พีท” ฮานะเรียกอย่างเป็นห่วง แต่พอเห็นว่าเจ้าตัวกำลังตีสีหน้ายุ่งก็ต้องระบายยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเอ็นดู “เจ็บมากไหม” เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่กลับทำเพียงแค่คว้ามือเขาไปจับเอาไว้แน่น...พีทคงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้
ก็น่าเห็นใจอยู่หรอกนะ...แต่รู้สึกเอ็นดูชะมัดเลย
“นี่” ฮานะเรียก “อย่างอแงสิ เดี๋ยวก็หายแล้ว” เขามองใบหน้าที่ดูจะหงุดหงิดด้วยความเห็นใจก่อนจะยกมือขึ้นลูบไปบนศีรษะของอีกฝ่ายและนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นคุณแม่ของพีทโทรมาหาแต่เขายังไม่ได้แจ้งอาการบาดเจ็บของพีทให้ท่านได้ทราบ “ตอนที่เธอหลับอยู่คุณแม่โทรมาหา ฉันยังไม่ได้บอกท่านว่าเธอได้รับอุบัติเหตุ...เพราะอยากให้เธอบอกท่านเองมากกว่า”
พีทหยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไรครับ...ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง” เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่คิดที่จะบอกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“แต่...”
“ถ้าแม่รู้ก็คงจะเดินทางมาหาผมทันที...อีกอย่างยายก็ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล ผมไม่อยากให้แม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง” เด็กหนุ่มกระชับมือที่กอบกุมกันเอาไว้แน่น
“อืม...ฉันเข้าใจแล้ว” ฮานะยิ้มรับ เขาเข้าใจความรู้สึกของพีทดีว่าการที่ทำให้คนในครอบครัวต้องเป็นห่วงนั้นมันเป็นเรื่องน่าหนักใจแค่ไหน ยิ่งไม่ได้อยู่ใกล้กันด้วยแล้วทุกอย่างก็ยิ่งแย่ “นอนพักเถอะ” ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาคลุมถึงช่วงอกเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่พีทจะต้องพักผ่อน
“ฮานะ” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกในตอนที่เขาก้มลงไปหา
“ว่าไง”
“ขอบคุณนะครับ”
“อืม” รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นหลังจากที่สัมผัสนุ่มหยุ่นกดจูบลงไปบนหน้าผาก “นอนซะ...เด็กดี”
_______________________________
อเล็กซ์ไม่น่าจะใช่บัวใต้โคลนแล้วค่ะ นังนี่มันบัวใต้ชั้นคอนกรีตถมทับด้วยชั้นหินอีกที
กู่ไม่กลับแล้ว!!! ฉันจะฉาปแก!!!
เหลืออีกเพียงแค่ 4 ตอนเท่านั้นก็จะจบแล้วค่ะ > <
ฝากเม้นต์และส่งกำลังใจให้น้องพีทได้ทาง #ดอกไม้ของพีท ด้วยนะคะ <3
**เพิ่มเติม**
นี่คือหน้าตาของตัวคาราบิเนอร์หนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญในการปีนผาจำลองค่ะ
ซึ่งโดยปกติในความจริงแล้วเปอร์เซ็นต์ที่จะสามารถเกิดอุบัติเหตุได้นั้นมีน้อยมากเพราะทางเจ้าหน้าที่จะทำการรีเช็กอุปกรณ์ก่อนขึ้นทุกครั้ง ฉะนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลาด ยกเว้นก็แต่เป็นอุบัติเหตุที่สุดวิสัยจริงๆค่ะ