- โปรดอย่ากีดกันผมกับชานมไข่มุก - [ตัวอย่าง]ตอนพิเศษ : อยากจะชวนเธอกินชานม~ P.12
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - โปรดอย่ากีดกันผมกับชานมไข่มุก - [ตัวอย่าง]ตอนพิเศษ : อยากจะชวนเธอกินชานม~ P.12  (อ่าน 47732 ครั้ง)

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 17 : เบื้องลึกเบื้องหลัง

   หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ข่าวปลดพระเอกหน้าใหม่ก็ถูกแชร์ทั่วโซเชียล ซึ่งจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่กฤต

   มุ่งมั่นตั้งใจเข้าสู่วงการบันเทิงแล้วแท้ๆ แต่กลับโดนปลดด้วยเรื่องในอดีต

   นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้กฤตร้องไห้คร่ำครวญ เขาค่อนข้างขี้แย หรือให้ถูกคือซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง มีความสุขก้ยิ้มร่า เสียใจก็ร้องไห้ และถ้าให้ร้องแล้วจะร้องไม่หยุด อย่างตอนเลิกกัน เขาก็ร้องจนสะอึกสะอื้น ร้องหนักจนน่าเป็นห่วง และตอนนี้...ก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง

   ผมลังเลขณะเปิดโทรศัพท์ค้างเบอร์ของกฤต ก่อนจะถอนหายใจ วางโทรศัพท์ลง ในสถานการณ์แบบนี้ โทรไปปลอบใจมีแต่จะเลวร้าย กฤตไม่ได้ตัวคนเดียว เขามีเพื่อนเยอะ มีครอบครัว มีบรรดาแฟนเก่าที่พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ยืนหยัดอีกครั้ง

   ข่าวฉาวครั้งนี้หนักหนาสาหัส แต่สำหรับคนหน้าตาดีอย่างกฤต มีเสน่ห์แพรวพราวอย่างเขา จะต้องมีโอกาสอีกแน่นอน

   แม้จะไม่รู้ว่าวันไหนก็เถอะ

   ผมยอมรับว่าพยายามคิดในแง่ดี พยายามปลอบใจตัวเอง เพื่อที่จะไม่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ ไม่ใช่เพราะเป็นคนถ่ายคลิป ส่งคลิปให้ไอ้ภูมิเองกับมือ แต่เพราะ...

   “เฮ้อ...” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ระหว่างนั่งพักในช่วงสายวันอาทิตย์ที่เต็มไปด้วยเรื่องวุ่นวาย

   มา ผมจะเล่าความจริงให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

   หลังผมลาออกจากบริษัทของพี่พจน์ ผมก็ไปคลุกตัวอยู่กับกฤต ตอนแรกก็ไม่อยากเล่าหรอก ตาไอ้ภูมิมันทำเสียเรื่อง เปิดปากหมดแถมยังเกลี้ยกล่อมกฤตให้ช่วยพูด แต่กฤต...กฤตเพียงยิ้มหวาน บอกว่าผมอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ขอแค่สบายใจก็พอแล้ว เพราะตอนนั้นเราเพิ่งทะเลาะกัน กฤตเลยพยายามประนีประนอมสุดขีดกลัวผมเตลิด

   แต่เรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

   พวกเราโดนครอบครัวกดดันอย่างหนัก เดิมทีก็ทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งโดยไม่มีบทสรุป ตัวผมน่ะพอไหลลื่นได้ด้วยมารยาและความขี้อ้อนใส่แม่ แต่ครั้งนี้กฤตโดนเข้าทั้งทางตรงและทางอ้อม โดนขอร้องให้ช่วยเกลี้ยกล่อมยผมกลับไป อย่าลาออก ทางหนึ่งก็แฟน ทางหนึ่งก็ครอบครัวแฟน พวกเราค่อนข้างทะเลาะกันบ่อยในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าต่อหน้าจะยิ้มแย้มแค่ไหน แต่ทั้งการกระทำ ทั้งคำพูด บ่งบอกชัดว่าครอบครัวผมไม่ต้อนรับกฤต เข้าขั้นรังเกียจด้วยซ้ำ

   สรุปคือผมน่ะสบายใจ แต่กฤตไม่สบายสักนิดเดียว จากเห็นด้วย กฤตก็เริ่มกล่อมผมตามไอ้ภูมิ ผมโมโหมาก คิดว่าอย่างน้อย...ก็อยากจะมีสักคนที่เข้าใจ ซึ่งผมหวังว่าจะเป็นเขา แต่กฤตก็เถียงกลับ บอกว่าแล้วจะให้ทำยังไง เขาเองก็เบื่อที่จะต้องคอยรับโทรศัพท์พ่อแม่ผมเหมือนกัน แต่ไม่รับก็ไม่ได้มั้ยละ แค่นี้ก็เกลียดขี้หน้ากันจะแย่แล้ว

   เป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อน และชวนท้อแท้ใจ สุดท้ายผมกับกฤตก็คุยกันน้อยลง

   ผมเริ่มคิดว่าจะกลับไปทำงานที่บริษัทอีกครั้ง ยอมให้คนที่รักนั้นสบายใจขึ้นสักหน่อย ในเมื่อผมเอง...ก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อเหมือนกัน เคว้งคว้าง ไปไม่เป็นสุดๆ และสงสารแฟนด้วยที่ต้องเป็นคนกลางทั้งที่ไม่อยากเป็น

   ผมตั้งใจจะบอกเขาเรื่องนั้น แต่กลับติดต่อกฤตไม่ได้

   ความคิดแรกคือไม่วายไปเมาหัวราน้ำกับเพื่อนฝูงอีกแน่ ผมติดต่อเพื่อนของกฤต ก่อนจะประหลาดใจเพราะไม่มีใครรู้ว่ากฤตอยู่ไหน

   ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ

   ขณะที่ยืนงง ก็มีข้อความจากเบอร์แปลก บอกว่าให้ลองไปดูที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง พร้อมบอกเลขห้องพักซะด้วยสิ

   ช่างเป็นบุคคลแสนดีที่โลกควรจารึก แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ลองไปก็ไม่เสียหาย และนั่นก็ทำให้ผมได้พบกับ...ภาพบาดตาบาดใจจนกลายเป็นคลิปฉาวในขณะนี้

   จากนั้นก็เป็นอย่างที่เคยเล่าให้ฟัง ผมส่งคลิปให้กฤตแล้วบอกเลิก

   แต่ผมไม่กลับบ้านหรอกนะ ผมไปอยู่กับภูมิ โดยที่มันเองก็ไม่กล้าถามอะไรเพราะดูคลิปจนจบแล้ว

   ส่วนสาเหตุที่ไม่กลับบ้านน่ะเหรอ...

   ลองเดาดูมั้ยครับ

   อะไรนะ ไม่อยากเดางั้นเหรอ ช่วยไม่ได้ งั้นผมเฉลยเลยแล้วกัน

   ตัวการคือแม่ของผมเอง

   ผมไม่ใช่คนโง่นะ ใครจะเป็นพลเมืองดีขนาดช่วยบอกเลขที่พักให้แม่นยำราวจับวางขนาดนั้นล่ะ แถมยังรู้เบอร์โทรศัพท์ผมอีก ตัดไอ้ภูมิออกไป ตัดกฤตออกไป ก็เหลือแต่คนในครอบครัวเท่านั้น พี่พจน์ไม่ทำเรื่องสกปรกหรอก ส่วนพ่อผมไม่ใช่คนจะมาวางแผนกับเรื่องพรรณ์นี้ เหลือก็แต่แม่ ที่ไม่เห็นด้วยเรื่องผมกับกฤตมาตลอด บอกว่าเขาไว้ใจไม่ได้ เป็นพวกเจ้าชู้ สักวันจะต้องนอกใจ

   แม่คนที่โทรมากดดันกฤตให้กล่อมผม และในวันที่ผมยอมรับฟังคำนั้น ก็ส่งไม้ตายให้ผมเลิกกับเขา

   แม่ทำสำเร็จ สมเป็นภรรยาคนเก่งของนักธุรกิจจริงๆ

   ถึงจะไม่กล้าฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่รู้รายละเอียดลงลึก แต่ผมค่อนข้างมั่นใจ เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะพิจารณามุมไหน ก็เป็นการจัดฉากชัดๆ ทั้งเรื่องโรงแรมม่านรูดก็ดี ทั้งเรื่องห้องไม่ยอมล็อกประตูก็ดี เหมือนจงใจให้ผมเข้ามาเห็นง่ายๆ แล้วยังบทรักอันร้อนแรงจนไม่ทันรู้ตัวว่าผมยืนถ่ายคลิปอีก ไม่สิ กฤตไม่รู้ แต่คู่นอนของเขาน่ะ...รู้แน่

   หลังบอกเลิกกฤตและคิดใคร่ครวญถึงข้อเท็จจริงนี้ ผมก็โทรหาเบอร์แปลก

   อีกฝ่ายรับซะด้วยสิ

   ตอนแรกก็ไม่ยอมบอกหรอก แต่พอผมเสนอเงินก้อนใหญ่ให้ ก็สารภาพออกมาทั้งหมดว่าถูกจ้างวานให้มายั่วกฤตนานแล้ว หลายเดือนมากด้วย โดยการไปดักรอที่ร้านเหล้าประจำของกฤต ชวนคุยเป็นระยะ และจี้จุดเวลากฤตทะเลาะกับผมได้แบบโดนใจใช่เลย ปกติกฤตก็แค่คุยเล่น แต่วันนี้เขาคงโดนกดดันจนทนไม่ไหว เมื่อมีคนเสนอตัว แถมคนนั้นยังคุยถูกคอ เข้าอกเข้าใจ ก็หลวมตัวตามไปเพราะอยากระบายความเครียด หาความสนุกใส่ตัวกันสักครั้ง ทิ้งเรื่องวุ่นวายไว้ข้างหลัง แค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ยังดี

   ผมนี่....ยิ้มเลย

   ยิ้มเหยียดตัวเองว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ถึงอย่างนั้นก็ไม่แปลกใจแม่ตัวเองสักนิด หลังได้รับการเบิกเนตรเรื่องพี่พจน์ ผมก็พอเข้าใจว่าแม่รักผมมากแค่ไหน และพยายามจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ จนบางครั้ง...ไม่ถามความเห็นกันเลย

   แต่โทษแม่คนเดียวคงไม่ได้

   เพราะสุดท้ายกฤตก็เป็นคนเต็มใจเดินตกกับดักนั้นเอง

   ถ้าเขาคบกับผมแล้วเครียดมากขนาดนั้น จนไม่เป็นตัวเอง จนอยากจะหนีความจริงไปกับคนอื่น ผมก็ยิ่งอยากเลิกกับผู้ชายคนนี้ เพราะความรัก ความสุข ความสนุกของเรามันหมดลงแล้วนับตั้งแต่เรียนจบ

   โลกแห่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เคยวาดฝัน

   และนั่น...ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผมหนีออกจากบ้าน

   




   จบเรื่องแสนหนักอก กลับมาสู่ปัจจุบันกันบ้าง

   ผมเปิดหน้าเพจร้านชานมไข่มุก เลิกคิ้วเมื่อจู่ๆ ก็มียอดกดไลค์เพิ่มขึ้นพรวดพราดจากหลักสิบเป็นหลักร้อย และเมื่อหาสาเหตุ ก็ต้องยิ่งประหลาดใจกว่าเดิมเมื่อพบว่าคนที่ช่วยแชร์ให้นั้น...

   คือพี่พจน์!!!

   ผมตกใจมาก เข้าขั้นอ้าปากค้างเลย หน้าเพจพี่พจน์แชร์แต่เรื่องธุรกิจ คำคม และปรัชญาแบบจริงจังกับชีวิตขั้นสุด จู่ๆ แชร์ร้านชานมโลโก้ตัวการ์ตูนฮีโร่ในชุดรัดรูปสีน้ำเงินตัดเหลืองสดใสสุดขีด โคตรจะไม่เข้ากัน คู่ค้าของเขาเห็นแล้วไม่ขยี้ตาเลยเหรอ

   ถึงจะเหวอมาก แต่ผมก็หลุดยิ้มออกมา แม้พวกเราจะไม่สนิทกัน แต่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งพูดออกมาหรอก...ว่าพวกเราพี่น้องไม่รักกัน

   นึกถึงภาพพี่พจน์ที่ช่วยออกปากแทนให้ตอนทำงานบริษัท ผมก็ซาบซึ้ง สมแล้วที่เป็นพี่ชายคนเก่งของผม

   ‘ขอบคุณครับ พี่ชายที่แสนดี’

   ผมทักแชทส่วนตัวหาพี่ชาย พี่พจน์อ่านแล้วเงียบไปพักใหญ่ คงพยายามแยกแยะว่าโดนชมหรือประชด

   โธ่ ผมชมเขานะ!

   ‘ไม่เป็นไร น้องชายเฮงซวย’

   ...แต่อันนี้น่ะ...ประชดกันแน่นอน

   ผมปิดโทรศัพท์ นั่งจดจ่อกับหน้าโน๊ตบุ้คเพื่อแต่งรูปต่อ ยังไม่ได้ทำโพสเรื่องบัตรสะสมที่แบ่งเป็นเลเวลเลย ให้ตาย ทำไมเยอะแบบนี้นี่เนี่ย ผมชักงงแล้วว่าควรจะโพสเรื่องไหนก่อนดี ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่มีเรื่องอยากจะทำรออยู่เป็นพะเรอเกวียน แต่กลับไม่มีสมาธิเลย

   เรื่องของกฤตยังวนเวียนในสมอง

   จริงอยู่ว่าผมเป็นคนถ่ายคลิป จริงอยู่ว่ากฤตเองที่เลือกจะนอกกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าแม่ผมไม่หัวใส จงใจส่งคนมาสร้างความร้าวฉาน

   ฉะนั้นจะบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวก็พูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำ

   ผมมีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ ‘มากๆ’ ในเรื่องนี้

   แต่ให้ตายเถอะ จะไปหาภูมิจากไหนนั้นยากแสนยากยิ่งกว่าวางแผนการตลาดร้านชานมซะอีก ผมแทบจะเอาหัวโขกกับเคาน์เตอร์ ก่อนจะชะงักเมื่อลูกค้าประจำเจ้าเก่าเจ้าเดิมวิ่งเหยาะๆ มาหา

   “ชานมไข่มุกหนึ่งแก้ว”

   “ครับ” ผมหันไปชงชาชมไข่มุก ทั้งที่เคยทำด้วยรัก แต่วันนี้กลับทำไปเหม่อไปจนมือไม้อ่อนเปลี้ยทำของตกไปหลายรอบ กว่าจะชงเสร็จ ก็เล่นเอาต้องยิ้มแห้งให้คุณคนแรก ดีนะ...ที่เป็นเขา หากไปพลาดต่อหน้าคนอื่นคงแย่

   “จะตามหาคนใช่มั้ย”

   จู่ๆ ก็ถามตรงประเด็น ผมชะงักนิดหน่อย แต่ไม่ปฏิเสธ เดาได้ไม่ยากว่าคุณคนแรกน่าจะเห็นคลิปและประกาศปลดพระเอกแล้ว และด้วยความหัวไวของเขา คงจะเชื่อมโยงกับบทสนทนาเมื่อเช้า การไปหาภูมิที่บ้าน และการปรากฏตัวของกฤตได้ระดับหนึ่ง

   “ใช่ แต่ฉันไม่รู้...ว่าจะไปหาจากไหน”

   “เพื่อนคนอื่นๆ ล่ะ”

   “ปกติภูมิเกาะฉันตลอด เลยไม่รู้ว่ามีเพื่อนคนอื่นรึเปล่า” พูดแล้วก็คิ้วขมวด เพราะตั้งแต่ผมมาเปิดร้านชานม ไอ้ภูมิก็โผล่ๆ หายๆ ถ้าไม่เกาะผมแล้ว...มันไปเกาะใครกันล่ะ

   จะหาคนที่ยอมเป็นตู้เอทีเอ็มนี่ไม่ง่ายนะ

   “ถ้าตามจากเพื่อนไม่ได้ ก็ที่ที่เขาชอบไป”

   “เยอะมาก” ผมยิ้มแห้ง ที่ที่ภูมิชอบไปน่ะเหรอ...ก็เป็นที่ที่ผมไปทั้งนั้น!!

   แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าตัดตัวเองออกแล้วมีอีกอย่างหนึ่งที่ภูมิเข้าขั้นคลั่งไคล้

   ...บ่อนพนันไง!!

   ----------

   ตอนนี้สั้นหน่อย เพราะจะยกยอดการคลายปมทั้งหมดไปในตอนหน้าค่ะ

   คราวนี้จะได้รู้จริงๆ แล้วว่าทำไมพิชญ์ถึงหนีออกจากบ้าน และแน่นอนว่า...คุณคนแรกก็ตามไปส่อง เอ๊ย ตามไปเนียนด้วยอีกเช่นเคยค่ะ 5555 #คนเนียน2019

   

    #ผมกับชานมไข่มุก

   
   

เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เบื้องหลังการหนีออกจากบ้านเป็นไงก็ช่างเหอะ ตอนนี้ต้องตามเก็บเห็บแบบภูมิ จัดกันแบบหนักเลยไหม จะได้จบเรื่องเห็บดูดเลือด แล้วไปตามเด็กหนีออกจากบ้านต่อ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คุณคนแรกนี่รู้ใจน้องพิชญ์ตลอดๆ เลยนะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 18 : เจอตัวภูมิ



   เย็นวันนั้นผมปิดร้านเร็วกว่าปกติ แล้วนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ของคุณคนแรกไปบ่อนพนันหลายแห่งเท่าที่นึกออก ระหว่างวันผมไม่ได้นั่งเฉยนะครับ แต่พยายามรวบรวมว่าไอ้ภูมิเคยไปเล่นที่ไหนบ้าง แม้จะนึกออกยากมากๆ เพราะไอ้ภูมิมันไปหลายที่ เวลาสร้างเรื่องให้ผมช่วยเคลียร์ ก็จะไม่กลับไปที่เดิม แต่ด้วยความที่เป็นตู้เอทีเอ็มมานานก็เคยถามๆ จนพอคุ้นๆ บ้างเหมือนกัน

   ฉะนั้นพอคุณคนแรกมารับ พวกเราก็มีเป้าหมายที่ผมจดที่อยู่ไล่เรียงอย่างเป็นระเบียบพร้อมลุย

   ที่แรก ไม่เจอ

   ที่ที่สอง ไม่เห็นหัว

   ที่ที่สาม ยังไม่ใช่

   แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นับว่ามาเสียเที่ยว เพราะภูมิเป็นลูกค้าประจำของบ่อนพวกนี้ พอผมเปิดปากถาม ก็เลยได้ข้อมูลใหม่ๆ เพียบ และนั่นก็ทำให้ผมเหมือนได้รู้จักเพื่อนสนิทครั้งแรก...ว่ามันบ้ายิ่งกว่าที่ผมเคยเรียกตัวเองว่าชอบทำอะไรบ้าๆ บอๆ ซะอีก

   ไอ้ภูมิติดหนี้พนันเยอะมาก แต่ละที่มีจำนวนไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ก็จะปิดยอดแล้วสร้างหนี้ใหม่ ใช้วิธีหมุนเวียนเงินกันไป ทำให้เหมือนลูกค้าชั้นเลิศที่ไม่เคยค้างหนี้นาน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะมันมีผมคอยช่วยด้วยนี่แหละ ไอ้เราก็นึกว่าภูมิคงเล่นแค่ไม่กี่อย่าง แต่พอมาเห็นด้วยตัวเอง...มันล่อทั้งพนันบอล ทั้งเล่นไพ่ ทั้งแทงสนุกเกอร์ เรียกว่าครบวงจร

   จะอ้างว่าอยากได้เงินคงไม่ใช่แล้ว แต่น่าจะมาหาความบันเทิงมากกว่า อยู่กับผม คอยเกาะผมมันแย่ขนาดนั้นเลย ผมขมวดคิ้ว คิดว่าถ้ามันแย่ขนาดนั้นแล้วจะทนไปทำไม ก่อนจะได้คำตอบแก่ใจในทันที

   ภูมิต้องทนสิ ในเมื่อ...

   “ไปต่อมั้ย” คุณคนแรกถามเมื่อเห็นผมยืนนิ่งไปเหมือนหุ่นยนต์ถ่านหมด

   “ไปสิ” ผมพยักหน้ารับ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เขา ไปยังที่หมายถัดไป

   โชคดีที่คราวนี้เจอไอ้ภูมิแล้ว

   ผมไม่อยากโผล่หน้าให้มันเห็น เพราะถ้าเห็น มันต้องวิ่งหนีหางจุกตูดแน่ๆ และการวิ่งไล่จับในบ่อนก็ไม่ใช่ภาพน่ามองนัก ผมเลยยัดเงินให้ยามเฝ้าประตูช่วยเรียกภูมิออกมาคุยกันข้างนอก

   ภูมิติดกับอย่างง่ายดาย ผมยืนแอบอยู่หลังเสา ลากคุณคนแรกให้มาแอบด้วยกัน พอเห็นผมทำหน้ามึนอยู่หน้าประตูบ่อนซึ่งฉากหน้าเป็นแค่ร้านอาหาร ก็ปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อมันมาหลบอยู่ในซอยข้างๆ กัน ไอ้ภูมิร้องลั่น แต่ไม่ทันได้โวยวายขอความช่วยเหลือ มันก็โดนหมัดผมอุดปาก

   ต่อยหมัดซ้าย ต่อด้วยหมัดขวา ต่อยด้วยความโมโหโกรธา และถือว่าต่อยแทนกฤตด้วย

   “พะ...พิชญ์!”

   พลันมีคนจับข้อมือผมไว้ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คุณคนแรกที่มองนิ่ง พร้อมส่ายหน้าเชื่องช้า

   ผมเพิ่งตั้งสติได้ว่าไอ้ภูมิมันเลือดกบปากแทบพูดไม่เป็นคำแล้ว หนีก็ไม่กล้าหนีแล้ว มันทรุดฮวบนั่งคุกเข่ากับพื้น มือกุมปากที่บวมช้ำ

   คุณคนแรกปล่อยมือพร้อมอารมณ์พลุ่งพล่านของผมที่เริ่มสงบลง

   “มึงปล่อยคลิปทำไม” ผมถามภูมิ มาถึงจุดนี้...แม้อยากจะบอกคุณคนแรกว่า ปิดหูเถอะนะ ปิดตายิ่งดี ก็ไม่ทันแล้ว ผมไม่ได้อยากจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้ แต่พอเห็นหน้าไอ้ภูมิที่ไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่ทำลายอนาคตของคนอื่นก็ยั้งไม่อยู่ รู้ตัวอีกทีก็ต่อยเอาๆ แม้พยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ผมก็ได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้จนร้อนใจมากพอตัว

   “กูไม่ได้ปล่อย!” ภูมิตอบ พยายามตะโกนใส่หน้า แต่เจ็บปากเลยร้องซี๊ดเป็นระยะ

   “ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร” ผมกระชากคอเสื้อภูมิขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้ามึงไม่พูด กูจะต่อยมึงจนมึงพูดไม่ได้”

   อย่าตกใจ ผมไม่ใช่คนโหด แค่โฉดกับคนที่ควรค่าอย่างไอ้ภูมิ และนี่ก็แค่ขู่ด้วย

   “กูไม่ได้ปล่อย กูแค่...ขาย”

   ผมแทบจะหน้ามืด

   “มึงขายคลิปกฤตเนี่ยนะ!”

   “เออสิวะ” ภูมิมันคงอดกลั้นมานานเหมือนกันกับการโดนผมใช้เป็นกระสอบทราย เลยสะบัดตัวหนี จับคอเสื้อให้ดีแล้วสารภาพหมดเปลือก “ก็กูไม่มีเงิน มึงเองก็บอกว่าไม่มีจะให้ แล้วกูจะทำยังไง หนี้มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดอกเบี้ยก็บานฉิบหาย ทั้งเนื้อทั้งตัวกูมีแต่คลิปไอ้กฤตนี่แหละที่พอทำเงิน โชคดีชะมัด ที่มันได้บทพระเอก ค่าคลิปเลยสมน้ำสมเนื้อ พอให้กูใช้หนี้ไปอีกหลายวัน”

   โชคดีชะมัด?

   โชคดีกับผีน่ะสิ! ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้ากฤตได้ยินจะอาละวาดขนาดไหน

   “มึงติดการพนันจนไม่เป็นคนแล้วรึไงวะ!!” ผมปราดไปกระชากคอเสื้ออีกครั้ง แม้ภูมิจะพยายามหลบ แต่ก็หลบไม่พ้น “มึงอยู่กับกูตลอด มึงก็รู้ว่ากฤตมันเป็นยังไง คนที่ไม่เคยสนใจวงการบันเทิง พอตั้งใจจะทำขึ้นมามึงก็ไปขัดขา ทำลายอนาคต อย่างน้อยมึงก็รู้จักกฤต มึงทำลงได้ยังไง!”

   “กฤตมันจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันสิวะ ขนาดมึงยังไม่สนใจกู ไม่ให้กูอยู่ด้วยเลย แล้วกูจะสนใจคนอื่นทำไม”

   “ภูมิ!!”

   “ถ้ามึงไม่หนีออกจากบ้าน ถ้ามึงไม่หนีกูมา กูก็ไม่ทำแบบนี้หรอก!”

   “นี่มึงจะโทษว่าเป็นความผิดกูงั้นสิ” ผมหัวเราะ “อย่ามาทำหน้าน่าสงสารเหมือนหมาถูกทิ้ง ไอ้ภูมิ มึงก็ไม่ใช่เพื่อนที่ซื่อสัตย์แต่แรก อย่ามาเรียกร้องความเห็นใจ”

   “พิชญ์ มึงพูดเองว่ากูอยู่กับมึงตลอด ถึงกูจะติดการพนัน แต่กูก็เพื่อนมึงนะ”

   “เพื่อนที่รับเงินจากแม่กูน่ะเหรอ”

   ภูมิชะงักทันที มันมองผม...ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

   “ทีงี้ละมาทำอึ้ง ทำไม หรือมึงไม่สงสัยว่าทำไมจู่ๆ กูก็หนีออกจากบ้าน ทิ้งครอบครัว ทิ้งแฟน ทิ้งเพื่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ แล้วจะเหตุผลไหน...เพื่อนรัก”

   “แต่มึงบอกว่ามึงไม่ได้หนีออกจากบ้านเพราะกู...”

   “ไม่ใช่เพราะมึง” ผมหัวเราะอีกครั้ง “แต่เพราะทุกคน!!”

   ถึงตอนนี้ ผมก็แทบอยากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนกฤตบ้างแล้ว

   แต่ด้วยทิฐิบางอย่างที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ ทำให้กล้ำกลืนฝืนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ฝืนเหลือเกิน

   ผมค่อยๆ ปล่อยมือจากคอเสื้อไอ้ภูมิ ก่อนจะทิ้งมืออย่างหมดเรี่ยวแรง

   ยังจำได้มั้ยครับ ว่าคนที่แม่ผมจ้างมายั่วกฤตนั้นบอกว่าเขาใช้วิธีตีสนิทโดยอิงข้อมูลเวลาผมทะเลาะกับกฤตมาพูดให้ทำให้เหมือนเข้าอกเข้าใจดีอย่างถูกจังหวะได้โดนใจตรงเผง

   ผมฉุกใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ก็ยังทำเป็นนิ่ง ไม่พูดอะไรออกมา

   เพราะวาดหวังว่าจะเป็นแค่การคิดไปเอง

   แต่ผมหลอกตัวเองไม่ได้หรอก คำตอบมันชัดเจนแจ่มแจ้ง ผู้ชายคนนั้นแม่เป็นคนจ้างมา ฉะนั้นเขาต้องรู้ข้อมูลของผมกับกฤตผ่านแม่แน่นอน แต่ทุกคนครับ ผมไม่เคยเล่าเรื่องการทะเลาะกันกับครอบครัวมาก่อน เพราะถ้าเล่า มีหวังแต่ละคนยินดีปรีดา หาเรื่องใส่ไฟให้ผมเลิกกับแฟนพอดีน่ะสิ ฉะนั้น คนที่ผมเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องของผม และตามไปด้วยกันในทุกๆ ที่ ก็คือไอ้ภูมิ

   คำตอบที่ว่าชายคนนั้นชักชวนกฤตสำเร็จได้ยังไง ไอ้ภูมิคือจิ๊กซอร์สำคัญ

   แต่มันก็คงไม่รู้ว่าแม่ผมจะเอาข้อมูลนั้นไปบอกคนอื่น เพราะมันก็แค่ทำตามหน้าที่ ผมมั่นใจตรงนี้ เดาจากปฏิกิริยาของมันตอนเห็นคลิป ว่ามันไม่เคยรู้เลยว่าแม่ผมจ้างวานคนมาล่อลวงแฟนลูกชายตัวเอง

   แล้วหน้าที่ของไอ้ภูมิคืออะไรน่ะเหรอ

   หลังคาดเดากับตัวเอง ผมที่ออกมาคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงห้องภูมิก็ทำทีเป็นอยากกินเหล้า ใช้ไอ้ภูมิออกไปซื้อเครื่องดื่มมึนเมาให้หน่อย ภูมิทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดี เตรียมตัวเมากับผมเป็นเพื่อนตลอดคืน และระหว่างที่มันเดินออกไป ผมก็รื้อห้องมัน

   ผมไม่เคยค้นห้องคนอื่นมาก่อน เพราะไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน และค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัว จึงไม่คิดจะทำแบบนี้กับใคร แต่ตอนนี้จำเป็นต้องทำ และผมก็เจอกับสมุดบัญชีของไอ้ภูมิ

   ยอดเงินที่โอนเข้าทุกเดือน ในจำนวนไม่น้อย ติดต่อกันยาวนานนับสิบปี จากเลขบัญชีที่ผมคุ้นเคยซะยิ่งกว่าคุ้นเพราะได้รับมาตลอดตั้งแต่เด็ก

   เลขบัญชีของแม่

   แม่ให้เงินลูกชาย ไม่นับว่าแปลก แต่ที่แปลก คือแม่ใจดีขนาดโอนเงินให้เพื่อนลูกด้วยนี่สิ

   นอกจากนั้นผมยังรื้อเจอสมุดบันทึก ไอ้ภูมิบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับผมไว้ในทุกๆ วันว่าไปทำอะไรบ้าง รวมถึงความสัมพันธ์ของผมกับคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับกฤต

   เพื่อนแสนดีคนไหนกันนะที่ใส่ใจขนาดจดบันทึกละเอียดยิบยิ่งกว่าผมทำการเงินที่บริษัทพี่พจน์ซะอีก

   คำตอบที่ตีแผ่ตรงหน้า ทำให้ผมเข้าใจทันทีว่า...ไอ้ภูมิ...คือคนที่แม่ ‘จ้าง’ มาให้เป็นเพื่อนผมนั่นเอง

   สาเหตุที่ผมยอมเป็นตู้เอทีเอ็มให้เพื่อน ไม่ใช่ว่าใจดี แต่เพราะอยากตอบแทนน้ำใจที่ภูมิอดทนกับผมมามาก

   ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าเป็นคนนิสัยเสีย เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ ไม่เคยเข้าหาใครก่อน รอแต่ให้มีคนเข้าหา ตามจีบ แล้ววิ่งเล่นไปเรื่อยๆ กับสิ่งที่อยากจะทำด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของครอบครัว ใช่ ผมยอมให้ภูมิหลายอย่าง เพราะจำฝังใจเสมอว่าภูมิอดทนกับผมมามาก และผมก็อยากเป็นเพื่อนกับมัน

   แต่ที่ผมทนไม่ได้ คือแม่จ้างภูมิให้ทำ

   มิตรภาพจอมปลอม

   ภูมิไม่ได้อดทนกับผมแต่แรกแล้ว ทุกอย่างคือเงินทอง

   ผมเลยเลิกที่จะทนกับมันเหมือนกัน

   และนี่ก็คือเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ผมหนีออกจากบ้าน

   เริ่มจากเรียนจบแล้วไปทำงานที่บริษัทของพี่พจน์ พยายามแทบเป็นแทบตาย อยากจะเปลี่ยนตัวเอง อยากจะโตขึ้น แต่กลับไม่มีใครอยากเห็นผมแบบนั้น จนลาออกมาอยู่กับแฟน แต่สุดท้ายก็ทะเลาะกัน เขานอกกายไปนอนกับคนอื่น

   เลิกกับกฤต ผมยิ่งไม่อยากกลับบ้าน เลยเลือกมาอยู่กับไอ้ภูมิ แต่เพื่อนรักสุดซี้ก็ทำให้ผมได้กระจ่างว่าสิบปีที่คอยอยู่ด้วยกันนั้นคือเงินทอง

   เจ็บยิ่งกว่าตอนเลิกกับแฟนอีก

   และก็เจ็บที่สุด เมื่อรู้ว่าเบื้องหลังคือใคร

   ผมเก็บข้าวของหนีออกจากบ้านในค่ำวันนั้น โดยที่ภูมิยังไม่ทันซื้อเหล้ากลับมาด้วยซ้ำ ไม่อยากจะอยู่ ไม่อยากจะเห็น ไม่อยากจะกลับ จิตใจสับสน ทั้งโมโหทั้งเสียใจ และไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คล้ายว่าเบื้องหน้าคือทางตัน ไม่สิ บางทีอาจเป็นหุบเหวด้วยซ้ำ ผมไร้เป้าหมายโดยสิ้นเชิง ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรัก ไม่มี...ครอบครัว

   ผมลบคลิป ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ว่าจะไม่กลับบ้านสักระยะ ไม่งั้นเกิดหายหัวเอาดื้อๆ มีหวังโดนแจ้งความคนหายแหงๆ จากนั้นก็ขายโทรศัพท์ หาที่พักแถวนั้นไปพลางๆ วาดหวังไม่ให้ใครตามเจอ

   อารมณ์ในตอนนั้นย่ำแย่ขนาดไหน หดหู่สิ้นหวังขนาดไหน ผมไม่อยากจะอธิบาย แต่สภาพในตอนนั้นเรียกได้ว่าหมดอาลัยตายอยาก มันหนักอึ้งไปหมดทั้งใจ นึกโทษทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึง...โทษตัวเอง

   สาเหตุที่ทำให้ผมหนีออกจากบ้านคือทุกคน

   ซึ่งรวมตัวผมเองด้วย

   ผมไม่โทษแม่ เพราะดันเข้าใจความรักของท่าน แม่อยากให้ผมมีเพื่อน อยากให้ผมมีคนรักที่ดี อยากให้ผมสบาย อยากให้ผมมีความสุข แต่แม่ครับ นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องงั้นเหรอ

   ถ้าผมมันแย่นัก ถ้าผมมันดื้อนัก ทำไมไม่สอนสั่งกัน ไม่เข้มงวด ไม่กวดขัน อย่างที่ทำกับพี่พจน์ เพราะให้ท้าย เพราะคอยโอ๋ คอยสนับสนุนแบบนี้ไง ผมถึงได้เหมือนเด็กไม่ยอมโต และเจ็บมากถึงขนาดนี้...เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด

   หากพี่พจน์ยืนกรานช่วยผมมากกว่านี้ จะเป็นยังไงนะ หากกฤตมั่นคงในความรักของเรามากกว่านี้ คงไม่ลงเอยด้วยคำว่าเลิกรา หากภูมิไม่เห็นแก่เงินมากกว่ามิตรภาพ ทุกอย่างก็คงไม่จบแบบนี้

   ไม่มีคำตอบในสิ่งที่ผมสงสัย

   เพราะไม่มีใครย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้

   เช่นเดียวกับตอนนี้...ที่ผมเลือกจะบอกความจริงกับภูมิ ทั้งที่ไม่คิดจะเอ่ยกับพี่พจน์หรือกฤต อาจเพราะสุดท้ายแล้ว...ผมก็ยังเห็นมันเป็นเพื่อนสนิท คนที่เล่าได้ทุกเรื่องทุกอย่างอยู่ดี

   แม้มันจะไม่เห็นผมเป็นเพื่อนเลยก็ตาม

   ไอ้ภูมิมองผมนิ่ง อ้าปากพะงาบหลายครั้ง แต่ก็หาคำแก้ตัวไม่ได้ จนสุดท้ายก็เผยหน้าบิดเบี้ยว ทำหน้าราวกับผู้ถูกกระทำที่โดนไล่ต้อนจนแทบจะร้องไห้ออกมา

   ทั้งที่คนควรจะร้องไห้น่ะคือผมนี่!

   ตั้งแต่วันที่หนีออกจากบ้าน ผมไม่เคยร้องไห้สักครั้งเดียว พยายามเข้าใจถึงการกระทำของทุกคน พยายามหาเหตุผลรองรับในทุกๆ อย่าง เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าได้โดยไม่มีอะไรติดค้างใจ

   ทำไมพี่พจน์ถึงไม่ช่วยพูดให้มากกว่านั้นน่ะเหรอ เพราะเขาเองก็ไม่เชื่อในตัวผมเหมือนกับแม่ไง

   ทำไมกฤตหลงกับคำชักชวนหลอกล่อน่ะเหรอ เพราะเขาเองก็เบื่อและสุดจะทนกับครอบครัวของผมแล้วไง

   ทำไมภูมิเห็นเงินมากกว่ามิตรภาพน่ะเหรอ เพราะเขาหนี้สินเยอะจนไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไง

   ก้มมองคนที่กุมหน้าปิดตาไม่กล้าสู้หน้าผม คล้ายละอายใจเหลือเกินนั้น...ผมก็นึกโทษตัวเอง เหมือนที่นึกว่าถ้าหากทำตัวให้น่าเชื่อถือกว่านี้ ก็คงไม่ต้องโดนย้ายแผนก ถ้าออกปากกับพ่อแม่เรื่องกฤตมากกว่านี้ เขาก็คงไม่ต้องทนจนทนไม่ไหว และถ้าผมไม่ให้เงินใช้หนี้แทนภูมิแต่แรก วงจรอุบาทว์ก็คงไม่ทำให้เขากลายเป็นผีพนันจนถอนตัวไม่ได้

   ช่างเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนวุ่นวายจนปวดไปทั้งใจ

   ผมสูดหายใจเข้าลึก ก้มมองกฤตที่ยังก้มหน้าก้มตา พลันรู้สึกร้อนที่หัวตา

   “มึงไปหากฤตเถอะ ไปขอโทษเขา ยอมให้ต่อยสักหมัด และถ้าเขาจะแจ้งความก็ยอมรับการกระทำของตัวเอง” ผมเอ่ยเสียงพร่า “ส่วนเรื่องหนี้สิน มึงไปบอกกับแม่กูตรงๆ เถอะ เขาคงช่วยมึงอยู่แล้ว ท่านเอ็นดูมึงมาก ที่เลือกจ้างมึงด้วยจำนวนเงินขนาดนั้น ก็คงเพราะเห็นมึงเป็นลูกชายคนหนึ่ง ครอบครัวมึงลำบาก แม่กูเลยอยากจะช่วย...”

   แม้ความหวังดีแกมหวังผลประโยชน์นั้นจะทำให้ภูมิหลงผิดเอาไปลงกับการพนันก็ตาม

   พอกันทีกับภูมิที่น่าสงสาร ภูมิที่เป็นเพื่อนรักของผม ทุกคนควรจะรู้ได้ตัวตนแท้จริงเพื่อจะได้จบทุกอย่างสักที

   “แล้วเลิกเล่นพนันซะ หางานทำดีๆ ไม่ต้องหวังมาเกาะกูอีก เพราะกูคงไม่เจอมึงแล้ว”

   “พิชญ์...” ไอ้ภูมิเสือกทำหน้าหงอยน้ำตาคลอ

   “ลาก่อน ไอ้เพื่อนเวร” ผมประชดทั้งรอยยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนไปสักหน่อย แต่ก็มาพร้อมความสบายใจคล้ายยกก้อนหินออกจากอก ผมเก็บความลับนี้กับตัวไว้นานเกินไปแล้ว ได้ระบายออกมา ได้สารภาพความจริง ได้สลัดหลายสิ่งหลายอย่างทิ้ง ตัวก็เบาขึ้นทันตา

   ผมเดินกลับไปหาคุณคนแรก ที่ไม่รู้ว่าฟังแล้วจะรู้สึกยังไง จะผิดหวังในตัวผมมั้ย จะสยองกับครอบครัวผมรึเปล่า จะรังเกียจกัน หรืออยากจะเดินต่อ ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว วัดใจมันตรงนี้เลยแล้วกัน แม้ลึกๆ แล้วนั้น...จะไม่อยากเสียเขาไป

   ไม่รู้ว่าผมมองเขาด้วยสายตาแบบไหน สีหน้าอย่างไร เพราะสิ่งแรกที่คุณคนแรกทำคือการจับผมกอดหมับเข้าเต็มรัก

   ต่อหน้าต่อตาไอ้ภูมิที่ยังเหวออยู่นั่นแหละ แต่เราไม่สนใจ เพราะพอได้ซุกในอกเขาปุ๊บ น้ำตาผมก็ไหลพราก

   เป็นการร้องไห้ที่ไม่มีเสียง

   และเป็นความเงียบ...ที่ชวนอบอุ่นใจเหลือเกิน


   ---------------------

   และแล้วก็ได้คำตอบกันค่ะ สาเหตุที่พิชญ์หนีออกจากบ้าน...เป็นเพราะทุกคนรวมถึงตัวพิชญ์เอง

   น้องเป็นเด็กดีที่โดนสปอยหนักค่ะ และก็ยอมรับในจุดนั้นด้วยและพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นนายเอกที่เราเอ็นดูมากๆ อีกคนหนึ่งเลย และเรื่องราวที่ค่อยๆ เล่าไปแต่ละวันนี้เราก็จงใจเขียนที่พัฒนาการเติบโตของพิชญ์ ความคิดอ่านที่เปลี่ยนไปแต่ละวัน แต่ที่แน่นอนคือการสู้ไม่ถอยและไม่ยอมกลับจนกว่าทุกคนจะเข้าใจการหนีออกจากบ้านครั้งนี้

   ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็น่าจะเข้าใจกันแล้วว่าพิชญ์มาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยไม่โทษใคร

   แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบเจ็บปวดหัวใจเมื่อโดนตอกย้ำ ซึ่งเทียบกับตอนหนีออกมาจากบ้านคนเดียวแล้ว วันนี้มีคุณคนแรกอยู่เคียงข้างด้วย

   นับเป็นอีกการพัฒนาของพิชญ์ที่น่ายินดีเนอะคะ

   ปล.ภูมิกับพิชญ์คือเพื่อนสนิทกันแบบสนิทมากจริงๆ ค่ะ ไปด้วยกันทุกที่ เล่าให้ฟังทุกอย่าง ถ้าไม่มีเงินมาเอี่ยว ทั้งคู่ก็คงสนิทกัน แต่จะเป็นอีกแบบที่ภูมิไม่สอดรู้สอดเห็นและยอมพิชญ์มากขนาดนี้ ซึ่งพอมีเงินมาเอี่ยว...ก็จะลงเอยแบบนี้ เป็นมิตรภาพแบบมีผลประโยชน์เข้ามาแทรกจนลืมคิดถึงจิตใจอีกฝ่ายค่ะ


   

    #ผมกับชานมไข่มุก



เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพิชญ์เลย :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ปล. เราว่าคุณคนเขียนเข้าใจผิด ถ้าไม่มีเงินมาเอี่ยวก็คือไม่มีเพื่อนชื่อภูมินะ จบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะเข้าหากันด้วยเงินแต่แรกเริ่ม

เจ็บให้พอ แต่จะพอเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ปมเยอะจังเลยนายเอกเรา คุนคนแรกปลอบใจดีๆนะ :กอด1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บทเฉลยความเป็นมาของน้องพิชญ์ทำเอาใจร้าวไปเลย หวังว่าคุณคนแรกคงไม่ทำร้ายจิตใตน้องอีกคนนะ

ออฟไลน์ b2uty_pang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สงสารพิชญ์มาก แม่คือ เหมือนเลี้ยงลูกไม่เป็นอ่ะ เข้าใจนะว่าหวังดี แต่ทำแบบนี้คือเกินไป๊

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โอ้โห...
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ komkaew2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราว่าจริงๆแล้ว ปมใหญ่ๆ ที่สุดก็คือแม่ ห้องลองไล่ๆจากปมเล็กๆขึ้นไปจะเห็นได้ว่ามันจะไปจบที่แม่หมดนะ

เรื่องงาน พี่สั่งย้าย<แม่สั่งพี่อีกที จะขัดแม่ก็ไม่ได้อีกก็เลยต้องตามน้ำไป
เรื่องแฟน แฟนนอกกาย<แม่วางแผนมาอีก แต่ตบมือข้างเดียวมันก็ไม่ดังอ่ะเนอะ
เรื่องเพื่อน โดนจ้างให้มาเป็นเพื่อน<แม่จ้าง เดิมเคยรวยพอชีวิตเปลี่ยนก็จมไม่ลงอ่ะเนอะ ได้ทั้งเงิน ทั้งเพื่อน(ที่ให้เงิน)

เราว่านี่แหละเป็นเหตุผลที่ว่าพิชญ์ไม่พยายามจะโทษใคร เพราะสุดท้ายก็จะวนไปที่แม่ตัวเอง


ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
เศร้าแทนพิชญ์นะ เจอแต่คนรอบตัวแบบนี้
 :monkeysad:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
          หนักมาก ใครเจอแบบนี้ยิ่งกว่าหินทับอีก

แค่พิชญ์ก็ผ่านมาแล้ว สู้ๆคะ แถมครั้งนี้ไม่ได้สู้คน

เดียวแล้วนะ มีคุณคนแรกเป็นกำลังใจให้แล้ว

ทุกอย่างจะผ่านไปได้คะ♥️♥️

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
                                                        ตอนที่ 19 : ว่าด้วยความรัก

   “อยากกินชานมไข่มุก...”
   
หลังร้องไห้ราวๆ สิบนาที ผมก็ขืนตัวจากคุณคนแรกแล้วพึมพำเสียงเบาแกมอ้อน
   
คุณคนแรกเลยจูงมือผมไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วพาไปซื้อชานมชื่อดังที่เห็นอยู่หน้าปากซอยทุกวัน แต่เป็นอีกสาขาที่เปิดในย่านบันเทิง จึงปิดช้ากว่าปกติ

   ผมมองชื่อร้าน ‘JOY’ ตรงแก้วที่มีโลโก้เป็นวงกลมหน้ายิ้มสีส้มเห็นฟันครบทุกซี่พลันรู้สึกดีขึ้นทันตา

   “ตอนฉันหนีออกจากบ้านน่ะนะ...โคตรสิ้นหวังเลย” ผมชวนคุณคนแรกคุย ด้วยอารมณ์แจ่มใสขึ้น นั่งแกว่งเท้าตรงริมสะพานในมือถือแก้วชานมที่ดูดไปแล้วกว่าครึ่ง “อยากจะทำอะไรสักอย่าง อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จนฉันเห็น...ร้านชานมไข่มุกร้านนี้”

   ผมชูแก้วให้คุณคนแรกดู

   “โลโก้ร้านมันยิ้มแฉ่ง ตัดกับอารมณ์ตอนนั้นมากๆ เห็นแล้วก็ฉุน เลยเดินเข้าไปซื้อกินเล่นๆ กะจะเคี้ยวหลอนให้เละ ขยำขยี้แก้วให้มันเลิกยิ้มสักที แต่รู้มั้ย...ฉันดันติดใจรสชาติชานมซะงั้น” ผมหัวเราะแบบนึกขำตัวเอง “ไอ้ความขุ่นมัวในใจ อารมณ์หดหู่ซึมเศร้า พอกินชานมไข่มุกแล้วเหมือนหัวมันโล่งขึ้น เหมือนอารมณ์มันดีดขึ้นอย่างไร้เหตุผล ฉันนึกว่าโดนวางยาแล้ว หลังจากวันนั้นก็เลยไปซื้อกินทุกวัน วันละสามแก้ว คอยจ้องคนทำว่าเวลาชงแอบใส่กัญชารึเปล่า”

   คุณคนแรกลูบหัวผมด้วยสายตาอ่อนโยน

   เขายังคงเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ จนผมเอียงตัวพิงกับไหล่ของคนที่นั่งเคียงกัน

   “แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใส่ แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้จะทำอะไร พอติดชานมเข้าแล้วก็เลยวนเวียนรอบร้านนั้น สังเกตคนอื่นว่ามีอาการประหลาดเหมือนกันรึเปล่า แล้วก็พบว่า...หลายคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆ พอกินชานมไข่มุกก็กระชุ่มกระชวย สีหน้าดีขึ้นซะงั้น จู่ๆ ฉันก็เลยปิ๊งไอเดีย อยากเปิดร้านชานมไข่มุก!”

   คุณคนแรกเลื่อนมือจากศีรษะผมมาโอบไหล่แทน

   “พอตั้งเป้าหมายได้ฉันก็กลับบ้านไปเก็บของ แบกโน๊ตบุ้คมาด้วยตั้งใจเปิดร้านหาที่ติดต่อซื้อพวกอุปกรณ์จริงจัง จัดเสื้อผ้ามาบางส่วน แล้วก็บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปเปิดร้านชานมไข่มุกแล้วนะ พวกท่านเองก็อวยพรให้โชคดี...”

   แน่นอนว่าก็ไม่ได้กลับออกมาง่ายดายขนาดนั้นหรอก แต่บทผมจะดื้อแกมอ้อน ก็เล่นเอาพ่อกับแม่ขวางไม่อยู่ อีกอย่าง พวกท่านคิดว่าผมน่าจะไปไม่นาน ขนาดส่งข้อความว่าจะหนีออกจากบ้าน ยังวิ่งกลับมาเก็บของภายในหนึ่งอาทิตย์เลย

   “ตอนแรกก็คิดจะซื้อแฟรนชายน์ร้านนี้อยู่หรอกนะ แต่วันหนึ่ง ฉันก็เห็นเด็กนั่งนับเหรียญอยากจะซื้อชานมไข่มุก แต่ก็ซื้อไม่ได้ ฉันเลยอยากจะเปิดร้านชานมไข่มุก...ที่สร้างรอยยิ้มให้ทุกคน ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกับทุกเพศทุกวัย ฉันจะชงเครื่องดื่มด้วยความรัก ใช้ของคุณภาพดี หวังจะเป็นส่วนช่วยให้ใครหลายคนมีกำลังใจสู้ชีวิต เหมือนกับที่ฉันได้รับ”

   พูดจบผมก็ยื่นเจ้าแก้วชานมที่กินจนหมดมากดริมฝีปากลงไปหนักๆ

   “ให้ตาย ฉันโคตรตกหลุมรักมันเลย!”

   จูบแก้วชานม ใครเห็นเป็นต้องขำ รวมถึงคุณคนแรกที่หัวเราะพรืด

   “คงต้องลองซะแล้ว”

   “เฮ้ๆ นายเป็นลูกค้าประจำร้านฉันนะ ถ้าจะลอง ก็ต้องลองร้านชานมพิชพิชสิ”

   ผมเอ่ยอย่างเอาแต่ใจแกมหยอก เพราะรู้ว่าเขาก็แค่กวนไปอย่างนั้น พวกเรายิ้มให้กัน ก่อนที่บรรยากาศจะ...เป็นใจ

   ความเงียบที่ปรากฏนั้นนำพามาซึ่งระยะที่ร่นเข้าหากันอย่างเชื่องช้า

   ผมก็ไม่มั่นใจนักว่ามาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อีกว่าตัวผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่โดนสายตาหวานเยิ้มนั้นจ้องสะกด ด้วยความห่างที่กระชั้นชิด เพราะผมเอนตัวพิงไหล่คุณคนแรกอยู่ พอเงยหน้ายิ้มใส่ เลยกลายเป็นว่าแทบจะจุมพิตกันอยู่รอมร่อ ฉะนั้นก็ไม่แปลกใช่มั้ย หากพวกเราจะ ‘เผลอ’ ขยับตัวเข้าหา จนริมฝีปากแนบชิดอย่าง ‘ตั้งใจ’

   สัมผัสนุ่มนิ่มยามริมฝีปากชนกัน ชวนให้ใจเต้นแรงจนกำแก้วชานมแน่นโดยไม่รู้ตัว พวกเรานิ่งค้างอยู่อย่างนั้น คล้ายกำลังถามตัวเองว่าจะทำยังไงต่อดี จะค่อยเป็นค่อยไป หรือจะรุกคืบความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดด

   คุณคนแรกไม่ให้ผมได้คิดนาน เพราะเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม

   เริ่มอะไรน่ะเหรอครับ ก็เริ่มแทรกลิ้นเข้ามาไง!

   จากริมฝีปากชนกันแนบแน่น กลายเป็นใช้ลิ้นดุนดันจนผมต้องเผยอปากเล็กน้อยแบบไม่ให้ง่ายดายเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น...ความเปียกลื่นที่ชื้นแฉะยามค่อยๆ รุกแทรกเข้ามานั้นก็ทำให้ผมเอียงคอน้อยๆ รับรู้ถึงเรียวลิ้นที่สำรวจไปรอบๆ โพรงปากผมอย่างใจเย็นและเชื่องช้า ซึ่งกลับยิ่งทำให้ใจเต้นกระหน่ำ

   ผมเริ่มสนองตอบบ้างเป็นระยะ เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบที่หอมหวานซาบซ่าน

   ราวกับว่าเพิ่งมีความรักครั้งแรก

   ตอนคบกับกฤต ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะทำให้ผมรู้สึกแบบนี้สักครั้ง ผมเหมือนหนุ่มน้อยแรกรักที่เพิ่งรู้จักความรักยังไงยังงั้น

   พวกเราผละห่างกัน ผมก้มหน้างุด แม้ไม่มีกระจกก็รู้ว่าหน้าแดงก่ำแน่

   ส่วนคุณคนแรกหูแดงไม่ต่างกันสักนิด

   ไม่มีใครพูดอะไร แต่ต่างคนต่างกันรู้กันเองโดยไม่ต้องเปิดปากสักนิด ผมเดินไปทิ้งแก้วชานม คุณคนแรกไปติดเครื่องมอเตอร์ไซค์ เขาส่งหมวกกันน็อกให้ ผมสวม แล้วยืนให้เขาช่วยรัดสายใต้คาง จากนั้นก็ซ้อนหลัง กลับที่พักโดยที่ริมฝีปากยังร้อนรุ่ม

   แม้จะไม่ใช่จูบแรก แต่จะเป็นจูบที่จดจำไปนานแสนนาน

   จูบ...รสชานมไข่มุก



   




   ผมเริ่มพิจารณาตัวเองว่าบางทีผมคงไม่ได้รักกฤต

   ถ้ารัก คงไม่ทำใจเลิกราง่ายดายขนาดนี้ อย่างน้อยวันที่เห็นเขามุดโปงกับชายอื่น ก็สมควรที่จะต้องร้องไห้สักยก ฟูมฟายสักหน่อยมั้ยนะ จะยืนถ่ายคลิปได้ด้วยใจด้านชาขนาดนั้นเชียวหรือ และถ้ารัก ผมก็คงจะช่วยพูดพ่อกับแม่ให้เลิกกดดันกฤต ต่อสู้เพื่อกฤตมากกว่าดื้อคบไปวันๆ โดยไม่ทำอะไรเลย

   อันที่จริงผมก็พอสงสัยอยู่บ้าง แต่ยิ่งมั่นใจก็วันนี้ วันที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความรักจริงๆ น่ะเป็นยังไง

   แม้ไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่ด้วยกัน อยู่เคียงข้างกัน เห็นหน้าเขา ผมก็ยิ้มได้ มีความสุขแล้ว แค่จูบเดียว ก็เล่นเอาใจเต้นแทจะวายตาย นี่มันอาการหนักยิ่งกว่าตอนคบกับกฤตเป็นไหนๆ บางทีตอนนั้น...ที่ตอบตกลงคบกับเขา คงเพราะโดนตื๊อมาครึ่งปีจนยอมในความพยายาม ผมค่อนข้างใจอ่อน ไม่งั้นคงไม่เอาเงินให้ภูมิไปหลายครั้งหรอก

   อีกอย่าง อยู่กับกฤตก็มีความสุขดี เขาพร้อมจะเอาใจ ตามใจผมในทุกอย่างทุกเรื่อง แม้จะมีทะเลาะกันบ้างเพราะเขาชอบเที่ยว ขณะที่ผมเกลียดคนเยอะๆ แต่เวลาอยู่ด้วยกัน กฤตจะทำให้ผมยิ้มได้เสมอ แล้วเขายังหล่อมากๆ ด้วย มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ พูดจาหวานหูน่าฟัง สรุปแล้ว...ผมน่าจะ ‘ชอบ’ กฤต แต่ไม่ถึงขั้น ‘รัก’

   ส่วนคุณคนแรกนั้น...

   โห เกริ่นขนาดนี้แล้วไม่ต้องบอกก็คงจะรู้กันแล้วมั้ง!

   ยังไงก็ตาม ความรู้สึกนี้ทำให้ผมกลุ้มใจไม่น้อย อย่างที่รู้กันว่าครอบครัวผมค่อนข้างต่อต้านการคบเพศเดียวกัน โดยเฉพาะกับกฤตที่ดูเจ้าชู้ การงานไม่มั่นคง ไม่น่าเชื่อพอจะฝากฝังลูกชายคนเล็กสุดที่รักประจำบ้าน แล้วกับคุณคนแรกละ...คุณคนแรกนั้น อืม...เขาเป็นใครผมยังไม่รู้เลย!!

   ไม่ได้การ จะรอให้เขาเข้าหาอย่างเดียวเหมือนก่อนคงไม่ได้แล้วมั้ย

   นี่คงเป็นความต่างหากระหว่างความชอบกับความรัก เพราะตอนกฤต ผมไม่ได้จะเป็นจะตาย คิดอยากให้พ่อแม่ยอมรับเท่านี้ แค่ปล่อยไปเรื่อยๆ ด้วยอาการดื้อเงียบ แต่กับคุณคนแรก...ผมไม่อยากให้เขาลำบากใจ และคงจะเสียใจแทบบ้าหากครอบครัวเราเข้ากันไม่ได้

   ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าหากวันหนึ่งไม่ได้เจอเขาแล้วจะทำยังไง

   นี่มันตกในห้วงรักสมบูรณ์แบบ!

   แต่คิดไกลขนาดนี้ ผมก็ต้องเบรกตัวเองว่า...เฮ้ พวกนายยังไม่ได้คบกันเลยนะพิชญ์

   เป็นครั้งแรกที่ผมคิดอยากจะรู้จักใครสักคน และอยากจะเป็นฝ่ายลองเข้าหาดูบ้าง

   ฉะนั้นสิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ...ถามชื่อเขาละนะ!!

   


   ‘ขอโทษ ติดธุระไปต่างจังหวัดสามวัน ไม่ไปรับนะ’

   เช้าวันนี้ผมตื่นมาพร้อมข้อความจากคุณคนแรกที่ส่งให้ตั้งแต่ช่วงตีสาม

   คงจะเป็นธุระด่วนกะทันหันมาก เขาเลยรีบส่งมาตั้งแต่เช้ามืดขนาดนี้ ผมมองโทรศัพท์อย่างลังเล ก่อนจะกดโทรออก

   (( ขอโทษนะพิชญ์ ))

   รับปุ๊บก็ขอโทษปั๊บเลย แล้วผมจะพูดอะไรได้นอกจากคำว่า...

   “ไม่เป็นไร”

   (( กลับไปแล้วจะชดเชยให้ ))

   “เฮ้ย ไม่เป็นไร ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก ธุระด่วนนี่” ผมรีบแย้งอย่างเข้าอกเข้าใจ ความตั้งใจที่อยากจะถามชื่อ สานสัมพันธ์ให้ก้าวไกลคงต้องพับไปซะก่อน

   (( ถ้าคิดถึงก็โทรมา ))

   “ใครจะคิดถึงนาย”

   (( งั้นเดี๋ยวโทรไปหานะ ))

   “จะบอกว่าคิดถึงกันเหรอ”

   (( น่าจะใช่ ))

   ผมกัดปาก บอกกับตัวเองว่าอย่ายิ้มกับประโยคแค่นี้สิ

   “ทำไมถึงน่าจะใช่ล่ะ”

   (( ก็ยังไม่ถึงเวลา แต่ถ้าโทรไปหาเมื่อไหร่ ก็คงคิดถึงตอนนั้นแหละ ))

   บอกใครไม่ได้เลยนะเนี่ยว่าผมเอาหน้าซุกหมอนกลั้นเสียงกรีดร้องของตัวเองอยู่

   “ถ้าไม่โทรมาเลยแสดงว่าไม่คิดถึงกันงั้นสิ”

   (( น่าจะใช่ ))

   “กวน”

   (( แล้วรักปะละ ))

   ผมชะงัก เจอคำถามแทงใจไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาบื้อเป็นบ้าใบ้

   พลันคุณคนแรกหัวเราะหึหึในลำคอ

   (( แล้วจะโทรไปหานะครับ บาย ))

   “อือ บาย”

   ผมวางสายแล้ว

   แต่ไม่วายนอนตาค้างบนเตียง เช้าวันนี้อากาศดีจริงๆ เห็นด้วยมั้ยครับ!


   -----------------
   จบเรื่องวุ่นๆ ก็มาสู่ความหวานกันค่ะ
   ตอนนี้เฉลยว่าทำไมพิชญ์ถึงเลือกมาเปิดร้านชานมไข่มุก น้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจและหลงรักชานมจริงๆ นะเออ ไม่ได้เห็นน่าสนุกเลยอยากลองทำแก้เบื่อเหมือนสมัยก่อน นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและกลายเป็นโอกาสได้เจอกับ...กับ....
   นั่นแหละ สองคนนี้จูบกันแล้ว แอร๊ยยยยย
   กว่าจะได้จูบกันปาไปสิบเก้าตอน แต่รับรองว่าสิ่งที่ทุกคนรอคอยใกล้จะมาเยือนแล้วค่ะ
   เกริ่นมาขนาดนี้คงเดากันได้
   ใช่ค่ะ ชื่อของคุณคนแรกใกล้จะเปิดเผยแล้ว!!! เย้!!!
   

    #ผมกับชานมไข่มุก

   
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หมดเรื่องคนอื่นแล้วถึงคราวคุณครแรกบ้างล่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
นั่นสิ คุณคนแรกชื่ออะไร ไม่เปิดซะที

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เออ แล้วตกลงคุณคนแรกชื่อไร

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คุณคนแรกชื่ออะไรไม่สำคัญ เท่ากับว่าคุณคนแรกเป้นเจ้าของร้านชาไข่มุกหน้าปากซอยมั้ย

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ใกล้แล้วครับ ใกล้ได้รู้ชื่อคุณคนแรกแล้ว ^^"

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เค้าจูบกันแล้วววว

มุมน่ารักๆของทั้งคู่คือดีมากอ่ะ ไม่ได้รวดเร็ว

ฉาบฉวยแต่ค่อยๆไต่ระดับ♥️

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

   ตอนที่ 20
   พ่อค้าน่ารักบอกต่อด้วย

   
   ครบสองเดือนที่เปิดร้านชานม ผมทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย พอตัดค่าเช่าห้องไปสามพัน กำไรก็ดูจะเยอะขึ้นทันตา เพราะแม้เงินก้อนตอนตัดต้นทุนออกจะดูดี แต่เมื่อรวมค่ากินใช้ อยู่ ค่าห้องพักไปด้วย ก็เหลือกำไรให้พอเก็บราวสองหมื่น ฟังดูดี เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เทียบกับเดือนแรกที่ขาดทุนแล้วน้ำตาแทบไหล แต่ต้นทุนจะเริ่มมากขึ้นเพราะผมเริ่มศึกษาการซื้อโฆษณาโซเชียลอย่างจริงจัง นี่ก็เริ่มเดือนใหม่พอดี จะได้นั่งทำบัญชีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้วัดกับกำไรขาดทุนในเดือนนี้เลยว่ามีผลมากแค่ไหน

   ผมเลือกซื้อโฆษณาโพสต์ฮีโร่พิชพิชสู้กับปีศาจเหนื่อยล้า ตั้งกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นและวัยทำงาน เพราะน่าจะเป็นกลุ่มที่เล่นโซเชียลและมีประสบการณ์ทำรายงานและทำงานจนเหน็ดเหนื่อยมากกว่าเด็กๆ วัยประถม ผ่านไปสองวัน คนกดไลค์เพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน แต่ลูกค้าที่มาซื้อจริงกลับไม่ค่อยเพิ่ม

   น่าจะเป็นเพราะทำเล

   ผมหาจุดอ่อนของตัวเอง พบว่าทำเลที่ตั้งมีผลเอามากๆ นึกแล้วก็ได้ยักไหล่เพราะช่วยไม่ได้จริงๆ เรื่องของเรื่องคือแถวนี้ใกล้กับคอนโดฯ เก่าผม เลยเดินมาซื้อชานมร้าน JOY เป็นประจำระหว่างเตรียมตัวเปิดร้าน และก็เพราะวกไปเวียนมาบ่อยนั่นแหละ เลยเจอคุณลุงท่านหนึ่งขายข้าวไข่เจียวอยู่สุดซอย ชื่อก็บอกว่าสุดซอย ยอดขายย่อมแย่ แถมแกยังสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่มีลูกหลานคอยดูแล เปิดหนึ่งวันปิดสองวัน ท่าทางน่าเป็นห่วง

   พอเห็นหน้าร้านติดป้ายให้เช่า ผมก็เลยขอเจรจาเซ็นสัญญากับคุณลุง

   จากนั้นจับพลัดจับผลู กลายเป็นคู่แข่งการค้ากับร้านชานมสุดที่รักซะงั้น

   ว่ากันว่าเป้าหมายมีไว้พุ่งชน ฉะนั้นผมจะทำให้ดีที่สุด!

   ถ้าปัญหาอยู่ที่ทำเล งั้นก็ต้องหากลวิธีดึงดูดให้คนอยากมาหาโดยไม่สนเรื่องที่ตั้ง

   โจทย์ข้อนี้ยากไม่เบา ผมเปลี่ยนมาซื้อโฆษณาโพสต์รูปฮีโร่พิชพิชที่มีป้ายคำพูดบอกว่า ‘เพียงโชว์ภาพนี้มาที่หน้าร้าน จะได้รับส่วนลดทันที 10 บาท’ ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึเปล่า แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

   ออกแนวลองนั่นลองนี่ไปเรื่อยๆ น่ะครับ เพิ่งเริ่มต้น ผมอยากจะเน้นให้ชื่อติดหูผ่านตาคนมากกว่าเน้นกำไร ขออย่างเดียว ไม่ขาดทุนก็พอใจแล้ว

   ผมก้มหน้าครุ่นคิดขณะทำโพสต์ตุนไว้ ก่อนจะรีบวางทุกอย่างเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

   (( พรุ่งนี้ไปรับนะ ))

   ครบสามวันแล้ว ในที่สุดคุณคนแรกก็จะกลับมาสักที

   ผมยอมรับว่าคิดถึง...คิดถึงเหรียญสองบาท

   อ่ะแฮ่ม ก็ไม่ได้หยอดกระปุกมานาน เลยเหงามือเหมือนขาดอะไรไป

   (( กินข้าวรึยัง ))


   “กินแล้ว นายล่ะ”

   (( กำลังคิดว่าจะกินดีมั้ย ))

   “ของแบบนี้ต้องคิดด้วยเหรอ ไปกินสิ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”

   สามวันนี้แม้ตัวไม่อยู่แต่ขยันโทรมาหาบ่อยยิ่งกว่าตอนเจอหน้ากันซะอีก เขาจะโทรหาผมทุกเช้า เที่ยง เย็น และก่อนนอน ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามทั่วไปอย่างออกจากห้องรึยัง ปั่นจักรยานระวังนะ กินข้าวรึยัง วันนี้อากาศร้อนมั้ย กลับถึงห้องรึยัง จะนอนแล้วนะ เป็นต้น

   (( ก็รอคนเป็นห่วงอยู่ ))

   “ใครห่วงนาย” ผมกัดปาก กวนแกมหยอดกันขนาดนี้จะไม่ให้หลุดยิ้มได้ยังไง

   (( คนที่รู้ว่าใคร ))

   “ใครคนนั้นน่าจะไม่ใช่ฉันนะ”

   (( ปากแข็ง ))

   “ปากฉันนุ่มนิ่มจะตาย”

   (( อืม นุ่ม ))


   “...”

   (( ก็เคยพิสูจน์มาแล้ว ))

   แฮ่ม! ผมรีบกดวางสายเพราะลูกค้ามาพอดี แถมยังเป็นลูกค้าหน้าใหม่ น่าจะตามมาจากเพจเพราะเป็นวัยรุ่นสาวน่าจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ใส่ชุดนักศึกษา น่าจะเพิ่งเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่าย

   “เอ่อ...สวัสดีค่ะ ฉันตามมาจากเพจ”

   “ครับ รับอะไรดีครับ” ผมฉีกยิ้มการค้า นับว่าการโปรโมทรโมตได้ผลอยู่บ้าง

   “ชานมไข่มุกค่ะ”

   “ครับ”

   ผมตั้งหน้าตั้งตาชง แอบหลบสายตาลูกค้าสาวที่ดูจะจ้องหน้าผมอย่างสงสัยซะเหลือเกิน เมื่อกี้คงจะหน้าแดงเกินไป...ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะคุณคนแรกทำให้หวนนึกถึงคืนนั้นที่พวกเรา...อืม...จูบกัน

   “ยี่สิบบาทครับ ส่วนนี่ บัตรสะสมแต้มนะครับ”


   “ลายน่ารักจังเลยค่ะ” เธอยิ้มตาหยี ได้รับคำชมใครบ้างจะไม่ดีใจ ผมเลยยิ้มตามจนอีกฝ่ายชะงักไปครู่ใหญ่

   “คือ... ถ้าฉันขอถ่ายรูปลงเฟซจะได้มั้ยคะ”

   ผมงงไปวูบใหญ่ ปกติไม่ค่อยชอบถ่ายรูป ไม่ค่อยเล่นโซเชียล การเอาหน้าตัวเองไปลงในพื้นที่สาธารณะเป็นอะไรที่ผมค่อนข้าง...ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่เห็นลูกค้ากระตือรือร้นขนาดนี้ แถมยังเป็นการโปรโมตร้านอีกทางหนึ่งในแง่ที่ผมไม่เคยคิด ก็เลยยอมพยักหน้าเออออไป

   “ได้สิครับ”

   “ขอบคุณค่ะ ฉันจะช่วยแท็กเพจให้นะ!”

   “ขอบคุณครับ!” ค่อยมีอารมณ์ฉีกยิ้มหวานๆ ให้ถ่ายหน่อย ผมไม่เห็นรูปหรอกนะ แต่ลับหลังลูกค้าสาวก็รีบเปิดโทรศัพท์ เจอภาพไอ้หนุ่มหน้าขาวยิ้มตลกแบบแปลกๆ ชอบกล น่าเหลือเชื่อครับ เพราะไม่กี่ชั่วโมงโพสต์นั้นกลับมีคนไลค์และแชร์เยอะกว่าที่ผมซื้อโฆษณาซะอีก!!

   ไอ้ #พ่อค้าน่ารักบอกต่อด้วย นี่มันอะไร

   พอลองคลิกไปดูก็เจอกับภาพถ่ายพ่อค้าหน้าตาดีที่ตัวผมไม่น่าจะไปรวมก๊วนกับเขาได้เลย ถ้าให้พูดตรงๆ ผมคิดว่าตัวเองมีดีที่ความขาว แต่หน้าตาเนี่ยธรรมดาสุดๆ จนตอนนี้ยังงงไม่หายเรื่องกฤตตามจีบเป็นครึ่งปี หรือเพราะคนเรามีรสนิยมไม่เหมือนกัน ผมชอบแนวหล่อเข้ม หล่อคม หล่อสะดุดตามากกว่า จะให้มองว่าผู้ชายน่ารักมันไม่ใช่สไตล์น่ะครับ

   ยังไงก็ตาม...เย็นวันนี้ผมได้ลูกค้าสาวๆ ต่อแถวตรึมจนช็อก

   รู้แบบนี้ถ่ายภาพตัวเองลงโซเชียลนานแล้ว!








   
   
   
   
   “มองอะไร”

   เช้าวันถัดมา คุณคนแรกขับมอเตอร์ไซค์มารับผม ไม่เจอกันสามวันไหงเขาเอาแต่หรี่ตาจ้องหน้ากันเหมือนจับผิดว่าผมแอบไปมีชู้


   ชู้เช้ออะไร เรายังไม่คบกันด้วยซ้ำ แล้วทำไมผมต้องร้อนตัวด้วยเนี่ย!

   “นี่อะไร” คุณคนแรกตอบกลับด้วยคำถาม ในมือเปิดภาพถ่ายผมฉีกยิ้มหวานจนดูตลก

   ไม่ว่ายังไงเห็นภาพตัวเองก็ไม่ชินสักที ผมเกาแก้มแก้เก้อขณะนั่งซ้อนหลัง

   “ก็มีคนมาขอถ่ายรูป เลยให้ถ่าย ไม่เห็นจะมีอะไร” ผมว่าพลางตบหลังเขาเบาๆ หนึ่งที “ไปได้แล้ว เดี๋ยวเปิดร้านไม่ทัน”

   คุณคนแรกอิดออดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วระดับเต่าคลานเช่นเคยเพิ่มเติมคือผมโอบเอวเขาแน่นขึ้น บางทีผมอาจจะปากแข็งอย่างที่เขาเคยว่าไว้จริงๆ นั่นแหละ เพราะขนาดคิดถึงยังไม่กล้าพูด เลยใช้วิธีกอดเอวซบหน้ากับแผ่นหลัง สูดกลิ่นกายนั้นพลันรู้สึกดีคนละแบบกับการกินชานม

   ชานมทำให้ผมอารมณ์ดีด ไอเดียพุ่ง

   ส่วนคุณคนแรกทำให้ผมสุขสงบ ผ่อนคลายสบายใจ

   ถึงร้านตอนตีห้าสี่สิบนาที ผมส่งหมวกกันน็อกคืนให้เขา แต่ไม่ยอมปล่อยมือจนกลายเป็นยื้อยุดจับหมวกกันคนละข้าง คุณคนแรกเลิกคิ้ว ส่วนผมก้มหน้างุด ตั้งใจว่าวันนี้จะถามชื่อเขาให้ได้ แต่ไม่รู้ทำไม พอจะเปิดปากกลับนึกคำพูดดีๆ ไม่ออก

   สามวันที่ผ่านมาไม่ช่วยอะไรผมในเรื่องนี้เลย!

   กับอีแค่คำถามง่ายๆ อย่าง ‘ชื่ออะไรครับ’ ยังพูดไม่ได้ แต่จะโทษผมคนเดียวก็ไม่ได้หรอกนะ ต้องโทษสายตาวาวๆ อย่างรอฟังของคุณคนแรกด้วย สีหน้าแบบนี้ รอยยิ้มมุมปากอย่างนี้ เชื่อสิว่าถ้าถาม เขาจะต้องกวนกลับ ไม่ก็หยอดให้อายม้วนไปอีกหลายวัน

   คนมีความรักก็จะดูเด็กลงไปนิดนึง...ผมว่าผมไม่เพียงทำตัวเหมือนเด็ก สมงสมองก็คล้ายจะไม่ค่อยทำงานด้วย เรื่องที่เคยเห็นว่าเล็กน้อย ก็ดันคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาซะงั้น

   สุดท้ายคุณคนแรกก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

   “คิดถึงล่ะสิ”


   “อืม คิดถึงเหรียญสองบาท”

   ปากเจ้ากรรมมันช่างคุมยากเหลือเกิน

   “เดี๋ยวมาหาใหม่ ขอไปดูร้านก่อน ไม่อยู่สามวันไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง”

   “จะอธิบายทำไม”


   “ก็เผื่อใครบางคนอยากรู้” คุณคนแรกยิ้ม “แต่ไม่กล้าถาม”

   “ถามแล้วจะตอบมั้ยล่ะ”

   “ก็ลองถามมาสิ”

   “นายทำร้านอะไร”

   ในที่สุดก็ถามไปจนได้ แม้จะไม่ใช่สิ่งที่อยากจะถามที่สุดก็เถอะ

   “ลองเดาดูสิ” คุณคนแรกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากซอย ทิ้งให้ผมยืนทื่อเป็นบื้อใบ้ ดูสิครับ ครั้งนี้ผมอุตส่าห์พูดด้วยดีๆ แล้วนะ แต่เขาก็ยังแกล้งกันได้ลงคอ

   วูบหนึ่งผมถึงกับคิดว่าจะแอบสะกดรอยตามดีมั้ย แต่รถส่งน้ำแข็งมาซะก่อน เลยต้องเดินไปเปิดร้าน เตรียมของ ต้มไข่มุกสำหรับวันนี้

   คุณคนแรกจะต้องตะลึงกับความเปลี่ยนไปของผม!!




   
   
   
   
   แปดโมงตรง หลังเคารพธงชาติ สาวๆ วัยรุ่นที่น่าจะแวะมาซื้อชานมไข่มุกก่อนเข้าเรียนต่อแถวหน้าร้านผมโดยมีคุณคนแรกเป็นผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวอยู่ตรงกลางโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

   ปกติแล้วเวลาเห็นร้านผมคนเยอะ คุณคนแรกจะเลือกไปยืนหลบอยู่ห่างๆ ไม่ก็เดินกลับออกไปแล้วค่อยมาหาอีกครั้ง เพราะเขาตั้งใจจะมาซื้อชานมไข่มุกแล้วคุยเล่นกับผม แต่พอมีคนเข้าคิวขนาดนี้ ต่อให้อยากคุย ก็ไม่ค่อยสะดวก ผมเองก็ต้องก้มหน้าก้มตาชงเครื่องไม่หยุด ฉะนั้นผมเลยแปลกใจมากที่คุณคนแรกไม่ยักจะไปไหน อดทนยืนต่อแถวเป็นแกะดำท่ามกลางสาวๆ ในชุดนักศึกษาซะงั้น

   และเขาเป็นจุดสนใจมากทีเดียว หลายคนกระซิบกระซาบ ชี้ชวนพลางหัวเราะคิกคัก เพราะคุณคนแรกเองก็หน้าตาไม่ได้แย่อะไร แม้จะไม่ถึงกับหล่อเหลาจนต้องเหลียวแบบกฤต แต่เขามีบุคลิกที่มีเสน่ห์ ด้วยหน้าตายๆ กับท่ายืนเอามือล้วงกระเป๋าที่ดูนิ่งแบบเท่ๆ หารู้ไม่ว่าถ้าลองได้เปิดปาก ความขรึมนั้นจะกลายเป็นความกวนประสาททันที

   ผมลอบยิ้มขำอยู่ในใจ ก่อนจะชักยิ้มไม่ออก เมื่อหญิงสาวข้างหลังคุณคนแรกสะกิดไหล่ฝ่ายนั้น

   “พี่คะ ขอเบอร์ได้มั้ยคะ”

   ผมแทบจะเงยหน้าพรวดทันที แต่ก็ยังมีสติพอที่จะแอบเหลือบแบบแนบเนียน ก่อนจะแทบสูดปาก เพราะผู้หญิงคนนั้นสวยโฉบเฉี่ยว ถึงผมจะเป็นเกย์ แต่ก็ชอบมองของสวยๆ งามๆ เป็นเรื่องปกติ ผมชอบผู้หญิงสวยมีสไตล์ ชอบผู้ชายหน้าหล่อสะดุดตา พอเห็นภาพคุณคนแรกกับเธอยืนข้างกันเลยกลายเป็นอาหารตาชั้นเยี่ยม

   แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นมั้ย

   คุณคนแรกเองก็คาดไม่ถึงว่าจะโดนถามเอาดื้อๆ ทั้งที่มัวแต่จ้องผมไม่ให้คุยเล่นกับลูกค้าจนเกินไป แหม ผมก็ไม่ได้ซื่อขนาดไม่รู้สักหน่อยว่าทำไมวันนี้เขาถึงไม่ถอยฉากหนีหาย ตั้งใจมากดดันด้วยความหวงก็บอกมา แต่กลายเป็นว่าโดนจีบเองซะงั้น แล้วจะไม่ให้งงได้ยังไง

   เห็นหน้าตายๆ ที่แอบเหวอ ผมก็หลุดยิ้มขำ ก่อนจะหันไปยักคิ้วให้คุณคนแรกเมื่อเขาหันมาเป็นเชิงถามความเห็น

   พลันเจ้าตัวยิ้มร้าย

   “ขอโทษครับ คนที่ผมจีบกำลังมองอยู่ คงให้เบอร์ไม่ได้”

   วินาทีนั้นสาวๆ ถึงกับหันพรึบพรับว่าใครที่กำลังมองคุณคนแรก คนนั้นใช่มั้ย คนนี้ใช่รึเปล่า ต่างคนต่างสับสนและพยายามหาผู้โชคดี โดยไม่ยักจะมีใครเดามาที่ผมบ้างเลย

   เจอแบบนี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ผมปรับสีหน้า บริการลูกค้าต่ออย่างมืออาชีพ จนกระทั่งถึงคิวคุณคนแรก เขาก็ยักคิ้วกวนแบบไม่ให้ใครเห็นนอกจากผม

   “ชานมไข่มุกหนึ่งแก้ว”

   “ครับ” ผมหันไปชงเครื่องดื่ม ลอบร้อนๆ หนาวๆ ในใจ แต่ระหว่างนั้นคุณคนแรกก็ยืนรอได้สงบเสงี่ยมดีมาก จนไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมสั่งชานมแล้วจากไปง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ

   “ชานมไข่มุก สามสิบบาทครับ” เพราะคุณคนแรกไม่ได้โชว์หน้าเพจ ผมเลยคิดราคาเต็มซะเลยเป็นการแก้เผ็ดที่เขาคิดจะเล่นอะไรแผลงๆ ซึ่งคุณคนแรกก็ไม่ได้โวยวายอะไร แต่หยิบเศษเหรียญขึ้นมานับแล้วบรรจงวางบนมือผมทีละเหรียญ ท่ามากกว่าเคยนะวันนี้


   หนึ่งบาทแรก...


   “วันนี้อากาศดีนะครับ”

   “ครับ ร้อนกำลังดีเลย”

   เหรียญที่สอง

   “คนเยอะนะครับ”

   “ใช่ครับ และกำลังมองมาทางนี้ด้วย” ผมเอ่ยเตือนว่าเขากำลังให้ลูกค้าของผมรอนาน แต่คุณคนแรกยังคงหยิบทีละเหรียญอย่างเชื่องช้าจนน่าถีบ

   เหรียญที่สาม

   “เมื่อกี้มองผมทำไมครับ”

   “ไม่ได้มองสักหน่อยครับ”

   คุยกับเขาแบบสุภาพด้วยฐานะเจ้าของร้านชานมกับลูกค้าอย่างนี้ก็ตลกดี ปกติคุณคนแรกไม่ค่อยจะพูดครับ แล้วแทนตัวว่าผมสักเท่าไหร่

   “ผมเห็นนะว่าคุณมอง”

   “ไม่ได้มองครับ”

   เหรียญที่สี่ ที่ห้า ที่หก...

   “งั้นผมให้เบอร์ดีมั้ยครับ”

   “ก็เรื่องของคุณสิครับ”

   เหรียญที่เจ็ด ที่แปด...

   “แต่ผมกำลังจีบคุณนะ ไม่รู้ตัวเหรอ”

   ไม่รู้ตัวก็บ้าแล้วสิครับ!

   แน่นอนว่าผมพูดออกไปแบบนั้นไม่ได้ ท่ามกลางเหล่าสาวๆ ที่ดูจะหูผึ่งกันเป็นพิเศษ ไม่เว้นกระทั่งคนที่ขอเบอร์คุณคนแรก ซึ่งดูจะฟินอย่างประหลาดทั้งที่ผู้ชายที่หมายปองกำลังหยอดขนมจีบกับผู้ชายอีกคน

   สมัยนี้เรื่องการรักชอบเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แถมบางทียังเป็นที่ชื่นชมในกลุ่มสาวๆ บางกลุ่มอีกต่างหาก และดูเหมือนผมจะเจอแจ็กพอตเข้าให้ ดูจากความเงียบที่พวกเธอจงใจรูปซิปปากเพื่อให้คุณคนแรกมีเวลาหยอดผมได้นานๆ

   “ไม่ตอบ แสดงว่ารู้”

   เหรียญเก้า เหรียญที่สิบ เหรียญที่สิบเอ็ด

   “รู้แล้วทำไมถึงยิ้มแฉ่งให้คนอื่นถ่ายรูปครับ”

   “ลูกค้าขอ ผมปฏิเสธไม่ได้มั้ยล่ะครับ”

   เหรียญที่สิบสอง

   “ผมหวง”

   เหรียญที่สิบสาม

   “เรื่องของคุณสิ”

   เหรียญที่สิบสี่

   “อย่างน้อยก็อย่ายิ้มแฉ่งมากสิครับ”

   “ทำไมล่ะครับ” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่ลืมนับเหรียญที่สิบห้า และสิบหกตามลำดับ

   “น่ารักเกินไป”

   ถึงตรงนี้ ก็คล้ายจะได้ยินสาวบางคนกลั้นเสียงกรีดร้องไม่อยู่

   หรือไม่ก็อาจจะเป็นเสียงกรีดร้องในใจของผมเอง ร้อยวันพันปี คุณคนแรกไม่เคยจะชมมาก่อน จู่ๆ มาชมว่าน่ารักต่อหน้าสาวๆ ที่มีคนน่ารักกว่าผมหลายเท่า ไม่ให้เขินได้ยังไงละปัดโธ่

   “อะแฮ่ม” ผมกระแอมไอแก้เก้อ

   “หน้าคุณแดงนะ”

   “อากาศมันร้อนน่ะครับ” ผมตอบเนียนๆ แม้จะไม่ค่อยเนียนสักเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกในใจขัดแย้งกันขนาดนี้ อยากจะให้เขาหยอดนานๆ มั้ยก็ใช่ แต่อยากให้เขารีบวางเหรียญไวๆ มั้ยก็ใช่อีก

   จนตอนนี้กองเหรียญก็กองเป็นเหรียญที่ยี่สิบแล้ว

   “ผมเพิ่งนึกอะไรได้”

   “อะไรครับ”

   เหรียญที่ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสอง...

   “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวกับคุณเลย” พลันคุณคนแรกควักเหรียญสองบาทออกมา เขายิ้มมุมปาก แม้ไม่พูดอะไร แต่พวกเรารู้กันสองคนว่านี่คือเหรียญสองบาทแทนกำลังใจ และเขากำลังให้ชดเชยในส่วนของสามวันที่ขาดหาย

   “ผมชื่อเจตน์”

   คุณคนแรกวางเหรียญสองบาทเหรียญแรก

   “อายุยี่สิบหก”

   ต่อด้วยเหรียญที่สอง

   “โสด”

   ตามด้วยเหรียญที่สาม

   “แล้วคุณล่ะครับ”

   ก่อนจะจบท้ายด้วยเหรียญที่สี่ สองบาทสี่เหรียญสำหรับสามวันที่ไม่ได้รับและวันนี้ ครบถ้วนสมบูรณ์ ผมแยกไปหยอดกระปุกด้วยสีหน้าที่พยายามนิ่งที่สุด แม้จะโคตรทำได้ยาก จนไม่กล้าสบตาลูกค้าคนไหน

   “ผมชื่อพิชญ์” ผมเอ่ย รับบัตรสะสมแต้มเขามาปั๊ม “อายุยี่สิบสอง”

   ก่อนจะส่งบัตรนั้นให้พร้อมเอ่ยคำสุดท้ายที่อยากจะมุดหน้าหนีลงดิน

   “โสดเหมือนกันครับ”


-------------------------
   
   เอื้ออออ ตอนนี้หวานเป็นลมไปเลยค่า เราแต่งไปกรี๊ดไปมาก ไม่น่าเชื่อว่าแค่คุยกันจะฮิ้วขนาดนี้ จีบกันใสๆ แต่ทำร้ายหัวใจสุดๆ เลย 5555
   และแล้ว ในที่สุด...ณ ตอนที่ 20...แต่นแต๊นนนนน
   พระเอกของเรื่องก็เปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการนะคะ! ขอแนะนำตัวอีกครั้ง นายเจตน์ อายุยี่สิบหก โสด และกำลังจีบพ่อค้าร้านชานมไข่มุก มีพ่อชื่อจ่อย คนกวนหน้าตายและสุดจะเนียน!

   ขอฝากตัวนายเจตน์ลูกพ่อจ่อยด้วยนะคะ <3
   
   
    #ผมกับชานมไข่มุก
   
   
   
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด