มาแล้วจ้า หวังคงไม่ให้รอนานเกินไป แหะ แหะ
สำหรับเรื่องนี้ที่ให้คนอ่านปวดใจไปตามๆ กันมาซะนาน คิก คิก
ตอนใหม่ก็ยังคงปวดใจกันต่อไป...... (วิ่งหลบ ) แหะ แหะ ล้อเล่นน๊า
หลังจากนี้เมื่อมีฝ่ายหนึ่งเปิดใจแล้ว อีกฝ่ายจะตอบรับอย่างมาช่วยกันลุ้นต่อดีกว่า
แอบกระซิบนิดหนึ่ง อ่านตอนนี้แล้วระวังเคลิ้มนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน คิก คิก
ความเดิมตอนที่แล้ว
“เกลียดใช่มั้ยล่ะครับ....เกลียดจริง ๆ ด้วย...ถ้าผมไม่บอกซะก็หมดเรื่องนี่ครับ....แต่ผมมันโง่เองที่พูดออกมา”
ภาพใบหน้าที่หมองเศร้า น้ำเสียงสั่นเครือ ที่เอ่ยพูดประโยคนี้อย่างปวดร้าว... และแววตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าคนพูดทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ยิ่งทำให้ไอ้ปูยิ่งโมโห.......จนทำอะไรไม่ถูก
“แม่งเอ้ย............ไอ้น้ำฝน.........เย็นนี้กูจะกระทืบมึงให้จมตีนเลย........มึงคอยดูเด่ะ........ไอ้สัตว์เอ้ย”
เสียงบ่นงึมงำ และการนำไม้มาทุบแป้ง ระบายความหงุดหงิด ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกภายในใจสงบลงได้สักนิด
ไม้ถูกวางไว้บนโต๊ะ
พร้อมกับที่ไอ้ปู......ลงไปนั่งนิ่ง ๆ กับพื้น........
สมองคิด
ปากด่า
แต่สุดท้าย
ก็ไม่รู้จะจัดการความรู้สึกของตัวเองต่อไปยังไงดี [/font]
ปรัชญาช่างกลยามศึกเรารบยามสงบเราซ้อมรักกันเอง ภาค ปู – ฝน ตอน ขาดสติ “น้องกุ้งหลับแล้วครับ.......คุณปูกลับมาแล้วเหรอครับ....” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“เออ....” ไอ้ปูก้าวเข้าประตูห้องสะบัดรองเท้าผ้าใบออกและเดินเข้ามานั่งที่โซฟา ก่อนจะเอนศรีษะไปเบื้องหลัง
และนั่งในท่าที่สบายที่สุด
คิดมาทั้งวันว่าถ้าเจอจะทำยังไงดี
แต่คนที่เดินมาเปิดประตูให้กลับทำตัวเหมือนปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเป็นปกติ คงซัดมันลงไปกองกับพื้นแต่พอเอาเข้าจริง กลับทำไม่ได้
แก้วอุ่น ๆ ถูกยื่นส่งให้ โดยที่ไอ้ปูก็รับเอามาวางไว้ที่โต๊ะเตี้ย ๆ ที่อยู่ข้างหน้า
เสียงฟ้าร้องครืน ๆ และเสียงฝนที่สาดโหมกระหน่ำที่หน้าต่าง ทำให้น้ำฝนหันหน้าไปมอง ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าของไอ้ปูอย่างช้า ๆ และก้มหน้านิ่งมองพื้นอยู่อย่างนั้น
ต่างคนต่างเงียบ
ไอ้ปูนั่งจิบโอวัลตินร้อน ๆ
ในขณะที่น้ำฝนก็นั่งฟังเสียงฝนที่หล่นกระทบหน้าต่าง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา อึดอัดใจด้วยกันทั้งคู่ และสุดท้าย น้ำฝนก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนและเดินเลี่ยงหนีไปอีกทาง
ก่อนจะทรุดกายลงนั่งข้างประตูกระจกที่หน้าระเบียง เหม่อมองสายฝนที่หล่นลงมากระทบประตูกระจก
เสียงฟ้าร้อง
มาพร้อมกับแสงวูบวาบ
ดวงตาคมเหม่อมองออกไปไกลแสนไกล
พรุ่งนี้ไม่รู้ต้องทำยังไงบ้าง..............เหนื่อยเหลือเกิน.......อีก 6 เดือน.....แต่ดูเหมือนบางทีอาจจะต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เพียงเท่านี้
“เดือนหน้าผมจะแต่งงานนะครับ..........” เสียงที่เอ่ยบอกออกมาไม่ดังมากนักแต่อีกฝ่ายก็ได้ยินชัด
“เพล้ง”
เสียงแก้วในมือของไอ้ปู อันธพาลหล่นลงบนพื้น.........จนเศษกระเบื้องแตกกระจาย
“อย่าเก็บนะครับ.......เดี๋ยวบาดมือ....”
หนุ่มร่างสูงใหญ่รีบหยัดกายขึ้นและวิ่งไปดูคนที่ปล่อยแก้วให้หลุดจากมือ
มือของคุณปูกำลังเก็บเศษแก้ว และก็ทำให้แก้วบาดที่นิ้วจนเลือดซึมจริง ๆ
“เดี๋ยวเอากระดาษทิชชู่ซับเลือดไว้ก่อนนะครับ” ฝ่ามืออบอุ่นใช้กระดาษเนื้อนุ่มซับเลือดที่นิ้วให้กับไอ้ปูและก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่ไม่มีหวังจะได้รับความรับกลับมา
ดวงตาคมสบนิ่งกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ก่อนจะเบนสายตาหนีภาพตรงหน้าและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
ปล่อยมือของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ และกำลังจะก้าวเท้าหนี
แต่ก็โดนฉุดแขนเอาไว้.....โดยมีใครอีกคนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
และเงยหน้าจ้องมองใบหน้าน้ำฝนนิ่งอยู่อย่างนั้น
หนุ่มร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงและหรุบสายตาลงมองที่พื้น ไม่รู้จะทำยังไง
อึดอัดใจ.....
แต่ไม่อยากให้คุณปูต้องอึดอัดใจไปด้วย
แค่นี้...........มันก็มากเกินพอแล้ว
ดวงตาคมหรี่ปรือลง รอรับชะตากรรม
อยากชก
อยากต่อย
อยากโมโห
อะไรก็ได้ทุกอย่าง ยอมรับหมดแล้ว จะซ้อมให้ตายเลยก็ได้
แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างนั้น............
ความอุ่นนุ่ม...แตะสัมผัสแผ่วที่ริมฝีปากของน้ำฝน... ก่อนจะผละจากอย่างเชื่องช้า
ทำให้น้ำฝนต้องปรือตาขึ้งมองด้วยความไม่เข้าใจ
และเมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นภาพใบหน้าของคนที่หลงใหล
เมื่อดวงตาคมไล่ระเรื่อยมองลงไปที่ริมฝีปากบางนั้น และค่อยก้มลงไปหาถึงได้รู้ว่าเป็นสัมผัสเดียวกัน
ไม่ผิดแน่.....
น้ำฝนผละริมฝีปากออก และจ้องมองที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้วยความสับสน
ไม่เข้าใจ............
ตอนนี้ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น...............
เกิดอะไรขึ้น.....
ดวงตาที่จ้องตรงมาไม่กระพริบ
ริมฝีปากอุ่นนุ่มที่สัมผัส.....
เมื่อลองแตะซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง กลับไม่มีการผละหนี นอกจากการถอยร่างกายออกห่างทีละก้าวของคุณปู
แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ฝ่ามืออุ่นลูบไล้เข้าไปภายในเสื้อเชิ้ตสีขาว และปลดกระดุมออกให้ ก็ไม่มีการขัดขืนเลยสักนิด
มิหนำซ้ำ คุณปูยังเอื้อมมือมาช่วยเปลดเสื้อนอนสีฟ้าอ่อนออกให้ด้วย
ทั้งที่ริมฝีปากไม่ได้ผละห่างจากกันสักนิด
ขาก้าวถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนติดอยู่กับประตูห้องนอนอีกห้อง
ลมหายใจที่หอบเหนื่อย กับความรู้สึกบ้า ๆ ที่เกิดขึ้น
ต่างฝ่ายต่างไม่เคยได้รับรู้
เพราะตอนนี้เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ความจริง มันเป็นความฝัน
ริมฝีปากที่บดเบียดกันแนบแน่น ถ่ายทอดลมหายใจให้กันและกัน
ฝ่ามืออบอุ่นของสองร่างต่างลูบไล้ร่างกายของอีกฝ่ายไปมา เหมือนไม่รู้สึกตัว
น้ำฝนไม่มีสติเหลือที่จะคิดทบทวนอะไรได้อีก
พอ ๆ กับที่ตอนนี้ไอ้ปู อันธพาลก็ไม่มีสติหลงเหลืออยู่
ต่างฝ่ายต่างแลกสัมผัสกัน.....อย่างเร่าร้อน ไม่คิดถึงความเป็นจริง ไม่คำนึงถึงเหตุผล....
ไม่คิดถึงสิ่งที่ตามมาภายหลัง
แสงสว่างในห้องดับมืดลงในฉับพลัน พร้อมกับที่ประตูห้องนอนสำรองถูกเปิดออก
คนสองคนที่ขาดสติ ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดี ตอนนี้ไม่มีใครเอ่ยบอกใคร
มีแต่ถ่ายทอดความรู้สึกถึงกันไปตามอารมณ์และความรู้สึกแท้จริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น
TBC……
ความในใจคนโพสต์ 55555