https://www.youtube.com/v/-ScuZwe5h7Q # 44 ผมลืมตาตื่นด้วยอาการงุนงงรู้สึกเหมือนกำลังนอนอยู่ท่ามกลางแผ่นดินสั่นไหวหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ตัวผมโคลงเคลงได้ขนาดนี้ แรงเขย่าที่แขนและช่วงไหล่ทำให้ผมต้องหรี่ตามองเด็กน้อยตัวเล็กที่กำลังใช้ความพยายามเขย่าตัวผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อะ...อะไรอ่ะ!?”
ผมงัวเงียถามพลางยันตัวลุกขึ้น ความทรงจำทั้งหมดช่วงก่อนนอนไหลเทเข้ามาทันที รับรู้ว่าตอนนี้ผมนอนอยู่ที่ออฟฟิศ หลับไปพร้อมกับเจ้าหนูอันวาตั้งแต่ช่วงเย็น และมีพี่เชนนั่งทำงานอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับโน้ตบุ๊คคู่ใจของพี่แก แต่ว่าตอนนี้ตัวคนหายไปมีแต่เครื่องที่ยังเปิดหน้าจอค้างไว้ ประกอบกับเจ้าอันวาทำหน้าทำตาแปลกๆเขย่าผมอยู่เนี่ย
“ปิง! ปิง!”
“มีอะไรอันวา”
“ปิง! ตื่นๆ!” เจ้าตัวเล็กทำท่าทีลุกลี้ลุกลน
“หืม?? มีอะไร” ผมถามย้ำเข้าไปอีก ลุกขึ้นนั่งขยี้ตา ผ้าห่มหล่นจากอกกองลงที่ตัก
“เอตั้นล่ะ”
“เอตั้นทำไม”
“เอตั้นกำลังจะฆ่ายักษ์”
“หืม??” ผมคิ้วมุ่นทวนรูปประโยคอีกหนึ่งครั้งในใจก่อนลุกพรวดลงจากโซฟาเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ อันวาผงะไปนิดท่าทางน้องตกใจ หนูน้อยเงยหน้าอ้าปากหวอมองผม
มือเล็กชี้ไปที่หน้าประตูทางเข้า
สิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็คือ พี่เอย์มันกดไหล่พี่เชนไว้จนชิดผนัง สองคนกำลังสู้อะไรกันสักอย่าง พี่เชนเองก็ดันหน้าอกมันไว้ ต่างคนต่างดึงและดันกันไปมา
“ใจเย็นๆได้ไหม เหี้ยเอ๊ย!” พี่เชนส่งเสียงลอดไรฟัน พยายามแกะมือพี่เอย์ออก สายตาต่อว่าคนตรงหน้ามาแบบเต็ม ๆ
“ก็แล้วมึงทำเหี้ยไรล่ะ นี่ถ้ากูไม่เข้ามาก่อน มึงไม่....”
“ไม่อะไร!?” พี่เชนสวนขึ้น ก้าวขาทรงตัวไปอีกด้านเมื่อพี่เอย์มันเพิ่มแรงกดขึ้นอีก
“มึงเห็นกูทำอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยห่า!” พี่เชนตะโกนใส่
“อย่ามาแก้ตัว กูจะฆ่ามึงตอนนี้”
“แล้วมึงคิดว่ากูจะยืนเฉยๆให้มึงทำเหรอ ห๊ะ!?”
ผมตั้งสติได้พอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร รีบวิ่งเข้าไปกอดหลังพี่เอย์มันไว้เลย
“พี่เอย์พอแล้วครับ” พี่เชนถูกกดลงที่พื้นแล้วเรียบร้อยสภาพพี่ชายผมนี่คือเสียเปรียบถึงขีดสุด อันวาวิ่งไปเอาอะไรสักอย่างแถว ๆ โต๊ะซึ่งผมยังไม่ทันได้สนใจ
เพี๊ยะ!!!“โอ๊ยเจ็บ!”
พี่เชนร้องลั่น ผมเองก็ตกใจไปด้วยเป็นอันวาไปลากไม้บรรทัดเหล็กอันยาวอันเดิมมาฟาดลงที่แขนพี่เชน ที่สำคัญกว่านั้นคืออันวาระดมตีลงไปหลายทีมาก
เพี๊ยะๆๆ“โอ๊ยพอๆเจ็บ”
“อันวาพอแล้วครับ ไม่เอาอย่าทำอาเชน พอแล้ว” ผมรีบเข้าไปแย่งไม่บรรทัดเหล็กอันยาว ๆ มาถือไว้คว้าเอวน้องมากอด ในเมื่อยังห้ามพี่เอย์ไม่ได้ผมจะต้องห้ามเจ้าตัวเล็กก่อน แต่เจ้าหนูคือรั้นมากดิ้นออกจากผมพุ่งตรงไปกระโจนทั้งตัวทับลงไปหาพี่เชน พี่เอย์ตกใจจนต้องผละออกมา
“อันวา พอ!” พี่เอย์ใช้เสียงเด็ดขาดออกคำสั่ง น้องอันวาหยุดในทันทีพี่เอย์ดึงเอาน้องออกมา
“เอย์ตั้น ยักษ์ยังไม่ตายล่ะ” หมาน้อยเงยหน้าบอกพี่เอย์ คล้ายกำลังสนุกที่แด๊ดดี้พากำจัดยักษ์ พี่เชนนี่ได้แต่ส่ายหัว ขณะที่พี่เอย์กลับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เชี่ย! หยุดหัวเราะกูเลย” พี่เชนหอบหนัก ลุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าพี่เอย์ ประมาณว่าฝากไว้ก่อนเหอะอะไรแบบนั้น
“สมน้ำหน้ามึงไง อยากแกล้งกูดีนักเป็นไงล่ะขนาดเด็กยังดูรู้”
ผมหันมองพี่เชน คือกำลังงงว่าพี่เชนไปแกล้งอะไรพี่เอย์ ปกติแล้วถ้ามันมารับพี่เชนต้องปลุกผมและอันวา แต่นี่เหมือนพี่เอย์มันมาก่อนหน้านั้นนานแล้วแน่ ๆ ระหว่างที่ผมยังไม่ตื่น เกิดอะไรขึ้น
“พี่เชนไปแกล้งอะไรพี่เอย์อ่ะครับ”
“แกล้งที่ไหน กูไม่ได้ทำอะไรเลย” พี่เชนยักไหล่ตอบ พลางเบนสายตาไปจ้องหน้ากับเจ้าตัวเล็ก รายนั้นกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
ผมเลยมองไปที่พี่เอย์อีกครั้ง
“ถุยไม่ได้ทำ แล้วหมาตัวไหนมันไม่ยอมเปิดประตูให้กู เห็นกูยืนรออยู่แท้ ๆ ยังมายั่วทำเป็นก้มลงไปห่มผ้าให้ปิง มึงคิดว่ากูเข้าไปไม่ได้ แต่คงลืมคิดว่าประตูออฟฟิศมึงเป็นกระจกงั้นดิ่”
“ก็เพราะมึงมันบ้า ถีบมาได้ ถ้ากระจกแตกขึ้นมาจริง ๆ มึงจะทำไง”
“ทำไมกูจะต้องทำอะไร มึงสิที่ต้องเป็นคนทำ”
“เชี่ย กวนตีน”
“มึงกวนตีนกูก่อนนะ”
“เอาป่ะล่ะ เอาป่ะล่ะ เอาอีกไหม”
โฮ้ยยยย ผมจะบ้า สองคนกระโจนเข้าหากันอีกแล้ว อันวาก็ใช่ย่อยนะเดินไปทุบๆๆขาพี่เชน ปากนี่ร้องด่าแต่ยักษ์ใจร้ายๆ ผมรีบเดินเข้าไปแทรกกลางเลย
“พอสักทีเถอะครับ!” ผมตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ใช้สองมือผลักแยกสองคนออกห่างกัน
“ผมจะกลับแล้ว” ผมพูดแรงๆก่อนเดินไปคว้าเอากระเป๋าที่โต๊ะ แล้วเดินไปจูงมืออันวาพาออกไปด้านนอก เจ้าหนูน้อยคงรู้ว่าผมโกรธรีบชูมืออ้อน
“ปิง อุ้มๆ” ผมหยุดยืนมองหน้าน้องนิ่ง
อันวาเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้ ผมรีบช้อนมืออุ้มเจ้าตัวดีขึ้นมา พอๆกับพี่เอย์มันเองก็คงรู้ว่าผมโกรธ รีบเดินเข้ามาหาทันที
“โกรธอะไรล่ะ กูไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
ผมจ้องหน้ามันเลย อยากจะถามเหลือเกิน นี่เหรอครับที่คุณพูดว่าไม่ได้ทำ ออฟฟิศเละเทะไปหมด เล่นกันยิ่งกว่าเด็กอนุบาล
“โอ๊ะ....โอ๊ะ....โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย ไม่เห็นมีใครเป่าให้คนโดนรังแกเล๊ย สักคน” เสียงทุ้มของพี่เชนดังขึ้น เราสามคนหันไปดู แขนพี่แกแดงเป็นรอยไม่บรรทัด ผมตกใจนิดๆไม่คิดว่าเมื่อกี้อันวาฟาดแรงขนาดนั้น
“เจ็บเลยเนี่ย” พี่แกบ่นงึมงำทำท่าแบบเจ็บมากแล้วเหล่ตาดูท่าทีของน้องอันวา เจ้าหนูมองรอยแดง ๆนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ คงกำลังคิดว่ารอยนั้นมันเกิดจากฝีมือของตัวเอง
“อันวาไปดูแผลให้อาเชนก่อนเร็ว อันวาเป็นคนทำอาเชนใช่ไหมครับ”
หมาน้อยส่ายหัวแรงๆแล้วซุกหน้าลงที่คอผมทันที แขนเล็กๆรัดไว้แน่นมาก
“อันวาไม่ดู อันวาเกลียดยักษ์”
พอพูดมาอย่างนี้แล้วผมเลยคิดว่าจะต้องถามให้รู้เรื่องไปเลย ยักษ์ที่อันวาพูดถึงตั้งแต่เช้านั้นคือใครกันแน่
“ไหนยักษ์ อันวาว่าใครเป็นยักษ์ครับ หืม บอกพี่ปิงได้ไหม”
“อันวาจะช่วยแด๊ด แด๊ดจะฆ่ายักษ์ อันวาจะช่วย” เจ้าหนูโหนลงจากผมแล้วกระโดดลงพื้นเดินไปชูแขนบอกให้พี่เอย์มันอุ้ม รายนั้นกว่าจะยอมอุ้ม อันวาต้องดึงเสื้อมันอยู่นาน
“ใครคือยักษ์” พี่เอย์อุ้มน้องกระชับอกแล้วถาม
“นั่นไงยักษ์” มือเล็กๆชี้ไปที่พี่เชน
“อันวาเกลียดยักษ์ ยักษ์ใจร้ายอันวาไม่ชอบ” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้า ตาเริ่มแดง ๆ ปากเบะออก จู่ ๆ น้ำตาก็ร่วงผลอยตกลงมา พี่เอย์หน้าถอดสี ผมเองก็ตกใจ น้องไม่ร้องสักแอะ มีแต่น้ำตาไหลลงมาเรื่อย ๆ จ้องหน้าพี่เชนด้วยแววตาแห่งความเสียใจ
“อันวา” ผมใจหายวาบลูบหัวน้อง พี่เชนจ้องผมใหญ่ ผมรู้ว่าพี่เขาคงอยากจะให้ผมถามน้องให้รู้เรื่องแน่ ๆ ผมเช็ดน้ำตาให้น้องอันวา
“ทำไมอันวาถึงว่าอาเชนเป็นยักษ์ล่ะครับ อาเชนไปทำอะไรอันวาตอนไหนกัน”
พี่เชนก้าวเข้ามาหา อันวาเบะปากน้ำตาร่วงลงมาอีก พี่เขาชะงักแล้วยืนนิ่งเลย จ้องหน้าน้องอันวาตลอด คงกำลังรอคำตอบจากปากน้อย ๆ ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าหนูถึงได้ไม่ชอบพี่เขา
“อันวาคิดถึงมัม” เสียงเล็กๆสะอื้นไห้ซุกลงที่ไหล่พี่เอย์ ผมรีบกอดน้องไว้อีกแรง กลัวว่าน้องจะขาดความอบอุ่นแม้ว่าพี่เอย์อุ้มไว้อยู่แล้วแต่ผมก็คิดว่ายังไม่พอ อันวาขาดทั้งพ่อทั้งแม่ แน่นอนว่าคงจะเหงา ขนาดผมมีแต่แม่คนเดียวบางครั้งยังอดคิดถึงพ่อไม่ได้แม้ว่าจะไม่มีความทรงจำเรื่องนั้นอยู่เลย
“วันที่มัมมาส่งอันวา ซีซ่าร์ไปรับอันวากับคุณอาคนนี้ อันวานอนหนุนตักมัมพอตื่นขึ้นมามัมก็หายไป แล้วอันวาก็เห็นคุณอาคนนี้กำลังกินปากกินแก้มแด๊ดอยู่ อันวามองไปเรื่อย ๆ คุณอาเขากัดลงมาที่คอแด๊ดด้วยเสร็จแล้วก็เอาลิ้นเลีย อันวาก็เลยคิด ตอนที่อันวานอนหลับ เจ้ายักษ์ใจร้ายมันต้องกินมัมไปแน่ ๆ ถ้าอันวาไม่ตื่นขึ้นมาก่อน แด๊ดดี้ซีซ่าร์ต้องถูกเจ้ายักษ์นี้จับกินทั้งตัวอีกแน่ ๆ ซีซ่าร์ร้องด้วย ทำหน้าตาเหมือนกำลังเจ็บปวด อันวากลัวยักษ์กิน”
“จะ...จะ..จับ..กะ...กิน....!?” ผมครางไม่เป็นภาษา ตกใจจนไปไม่เป็น อันวาหันมาแล้วกอดผมไว้ทำท่าเหมือนจะให้อุ้ม ผมจึงรับตัวน้องมาอุ้มอย่างงงๆ พี่เอย์นี่หน้าเหวอไปไม่ต่างกับพี่เชนพี่หน้าหดเหลือสองนิ้วเหลืองซีดแทบเป็นกระดาษ
“ใช่ครับ ถ้าแด๊ดถูกจับกินไปอีกอันวาจะอยู่กับใคร อันวาไม่ชอบเจ้ายักษ์ใจร้าย”
“จะ....จับกินแบบไหน....กัน..น่ะ!?” ผมไม่รู้ว่าตัวเองถามออกไปได้ยังไง ปากมันครางไปเองจริง ๆ อาจเพราะต้องการคอนเฟิร์มอีกรอบ(......มั้งนะ)
“กินแบบนี้....” ปากเล็กหันมาจูบลงที่ปากผมแบบประกบทันที ผมนี่ตาแทบเหลือกออกมานอกเบ้าขณะที่พี่เอย์กับพี่เชนยืนจ้องอันวาจูบกับผมแบบตาเบิกกว้างกันหมด
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย! / เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย! / เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยย!” เสียงเราสามคนตะโกนออกมาพร้อมกัน แต่แน่นอนว่าคนละความหมาย พี่เชนนี่หน้าเหวอร้องเฮ้ยเพราะโดนจับได้ที่ทำอะไรแปลกๆกับพี่ซ่าร์น่าอายชะมัด! ส่วนพี่เอย์มันเฮ้ยเพราะตกใจที่ผมโดนเจ้าเด็กน้อยจับจูบ ขณะที่ตัวผมเองทั้งร้องเฮ้ยทั้งผลักน้องอันวาออกเพราะตกใจที่โดนจูบยังไม่เท่าไหร่แต่เรื่องที่พี่เชนไปดูดปากกับพี่ซ่าร์ต่อหน้าเด็กนี่มันน่าตกใจจริง ๆ
เราสามคนเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งในเย็นย่ำของวันนั้นกับรถยนต์ญี่ปุ่นคันใหม่ของพี่เอย์โดยทิ้งพี่เชนไว้ที่ออฟฟิศอย่างไม่ไยดีโทษฐานทำเรื่องอะไรบ้า ๆ โดยไม่ดูหน้าดูหลัง อ้อ.. ลืมบอกไปนะก่อนหน้าที่จะไปเที่ยวเกาหลีกันพี่เอย์กับผมไปเลือกรถมาไว้ใช้ พี่เขาตกลงใจซื้อรถญี่ปุ่นแบบครอบครัวยี่ห้อที่ดูๆกันไว้แล้ว ขณะที่มันให้ผมเป็นคนเลือกสี อยากจะบอกว่าก็สีขาวเหมือนคันก่อน ๆ ของมันนั่นแหละครับ ผมสังเกตมาตลอดพี่เอย์ไม่เคยใช้รถสีอื่นไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหน เพราะอย่างนั้นผมจึงคิดว่าเอาสีนี้น่าจะเหมาะกับมันที่สุดและที่สำคัญผมก็ชอบนะ
“เอตั้น อันวาจะกินไอศรีมสามลูกล่ะ” หมาน้อยปีนลงจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าไปเกาะขาพี่เอย์ มันกดสวิทล๊อคแล้วจับจูงมือเล็ก ๆ เดินเข้ามาหาผมทันที
อันวากำลังเงยหน้าอ้อนมัน
“เดี๋ยวก่อนๆอันวาเปลี่ยนใจแล้ว อันวาจะกินห้าลูก”
“จะกินเท่าไหร่ก็ได้แต่ที่สำคัญคือต้องทานข้าวก่อน” พี่เอย์บอกน้องเสียงเรียบ
“ครับผม แล้วปิงล่ะ ปิงจะกินกี่ลูก ห้าลูกเท่าอันวาไหม”
“เยอะไปป่ะ” ผมก้มลงถาม เจ้าหมาน้อยคว้าเอามือผมไปจูงไว้อีกข้าง พี่เอย์มองแล้วเดินอมยิ้มเลย ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเราสามคนเดินจูงมือกันไป น้องอันวาฮัมเพลงฝรั่งเสียงใสน่ารักน่าหยิก จนผ่านมาถึงบันไดเลื่อน เจ้าหนูท่าทางจะกลัว ทำหน้าแหยงๆ
“เอตั้นอุ้มหน่อย” น้องอันวาชูแขนขึ้นช้อนสายตาอ้อน พี่เอย์ส่ายหน้าบอกไม่
“ขึ้นพร้อมกัน ถ้าอันวากลัวก็ยืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวแด๊ดกับพี่ปิงขึ้นไปรอข้างบน”
เด็กน้อยเบะปาก พี่เอย์ยังทำสีหน้าไร้อารมณ์ อันวาเปลี่ยนเป้าหมายหันหน้ามาทางผมทันที
“ปิงครับ ปิงอุ้มอันวาหน่อย”
ผมถอนใจพยายามไม่มองหน้าคุณชายที่กำลังส่งสายตาปราม อันวาเบะปากออกอีกครั้งตาเริ่มแดงก่ำ ผมรีบก้มลงไปหากลัวน้องจะร้องไห้ตัดสินใจช้อนตัวขึ้นมาอุ้มไว้แล้วก้าวขึ้นบันไดเลื่อนไป ก่อนวางเจ้าหนูลง แก้มกลมแดงจัดเมื่อมองเห็นโคนขาอ่อนๆ ของสาว ๆ ที่ขึ้นไปก่อนหน้า มุดหัวลงมาซุกขาผมพร้อมหัวเราะชอบใจเอิ๊กอ๊าก
“ปิงดูนั่น เอิ๊กๆๆ”
พี่เอย์คงหมั่นเขี้ยว มันขยี้หัวน้องจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ร้ายนักนะเรา”
“อันวาน่าย๊ากกกก”
ผมส่ายหัวเลย เราสามคนจูงมือกันเดินเล่น หลายครอบครัว หลายคนที่เดินผ่านมาต่างหันมอง เจ้าอันวาพอเห็นคนสวยๆก็แจกรอยยิ้ม บ้างก็ทำจ๊ะเอ๋ สาวแท้สาวเทียมต่างมองหนุ่มน้อยกับพี่เอย์เป็นตาเดียว ไม่ใช่ว่าแค่หน้าเหมือนกัน ทรงผมแม้กระทั่งการแต่งตัวนี่คือถอดแบบพี่เอย์มามากๆ
“กินอะไรกันดี อยากกินอะไรบอกแด๊ด”
“อืม....อันวาจะพิซซ่า” หนูน้อยทำท่าคิด กอดอกแล้วเอานิ้วชี้จิ้มมุมปาก
“พิซซ่าไม่ได้ นั่นไว้ค่อยซื้อกลับบ้าน เลือกเป็นข้าว กินแบบไทย ๆ”
“งั้นก็......” เจ้าหนูเริ่มคิดใหม่คิ้วขมวดกลอกกลิ้งสายตาแล้วชี้ไปที่ร้านใกล้ ๆ “งั้นกินอันนั้น!”
“แต่ร้านนั้นไม่มีไอศกรีม แบบนั้นยังจะกินอีกไหม”
หมาน้อยส่ายหัวแรง ๆ พี่เอย์มองหน้าผม ผมเลยเสนอช่วยอีกแรงนึง
“กินโน่นไหม โน่นน่ะ” ผมชี้ไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตกแต่งเมนูไว้ด้านหน้าสวยงามน่ากิน อันวาตาโตเป็นประกาย
“แล้วร้านนั้นมีไอศกรีมไหมครับปิง”
“มีสิครับ เดี๋ยวหม่ำๆข้าวเสร็จแล้วพี่ปิงออเดอร์ไอศกรีมให้นะ”
“โอเค” ใบหน้าเล็กยิ้มจ้าตอบรับเสียงสูง รีบจูงมือผมให้วิ่งตรงไปที่ร้านนั้น
“เดี๋ยวก่อนๆ” ผมชะลอไว้หน่อยนึง เพราะเจ้าหนูทั้งวิ่งทั้งเดินคิดว่าคงลืมไปแล้วว่ามากับแด๊ดดี้อีกคน พอหันไปมองเห็นพี่เอย์ยังยืนอยู่ไกล ๆ
แต่ที่สำคัญก็คือคุณชายไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว
“อันวาเดี๋ยวก่อน รอแด๊ดก่อนครับ” ผมจูงน้องเดินกลับไปหา พี่เอย์กำลังคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด รูปร่างดีมากชุดแซกสั้นโชว์เรียวขาขาวจั๊วะ
“เอย์ตั้นคุยกับใคร?” น้องอันวากระตุกแขนผมแล้วถาม
“เพื่อนแด๊ดมั๊งนะ เดี๋ยวเรารออยู่ตรงนี้ก่อน อันวาอย่าดื้อนะครับ แด๊ดคุยธุระอยู่” ผมกับอันวายืนห่างออกมาประมาณสักสี่ห้าเมตร จะบอกว่าไม่แอบมองเธอเลยเดี๋ยวก็จะว่าผมโกหก คือก็มองนะแต่ความรู้สึกของผมนี่คือ ยัยนี่มันใครวะ เจ้าอันวายิ่งแล้วใหญ่ จ้องสองคนนั้นแล้วทำท่าเหมือนไม่ได้ดั่งใจ คิ้วเข้ม ๆ ใบหน้าที่เหมือนกับพี่เอย์เริ่มมุ่น ยุ่งเหยิง
น้องเริ่มดิ้น จะสะบัดมือผมแล้วเข้าไปหาพี่เอย์
“อันวาครับนิ่ง ๆ สิ เดี๋ยวได้กินไอศครีมแล้ว รอแปปเดียว”
“อันวาจะไปหาแด๊ด เอย์ตั้นกำลังคุยกับใครน่ะ ผู้หญิงขี้เหร่คนนั้น ใส่กระโปรงสั๊นสั้นเดี๋ยวจู๋ก็โผล่หรอก”
“เด็กแก่แดด แด๊ดคุยกับเพื่อนอยู่อันวาไม่ดื้อนะครับอยู่ตรงนี้กับพี่ปิงก่อน” ผมขำมากผู้หญิงที่ไหนใส่สั้นแล้วจู๋จะโผล่ เจ้าอันวาแก่แดดแก่ลมมากจริง ๆ ปกติชอบผู้หญิงสวยนะแต่พอเห็นพี่เอย์ยืนคุยด้วยแล้วเกิดหวงขึ้นมา
“ไม่เอา! อันวาจะไปหาแด๊ด อันวาไม่ให้แด๊ดคุยกับใคร อันวาหวงไม่ให้คุยกับผู้หญิง” เจ้าอ้วนหลุดจากมือผมแล้วจริง ๆ วิ่งตรงรี่เข้าไปเกาะขาพี่เอย์ ผู้หญิงสวยมากคนนั้นตาโตเลย เธอทำท่าตกใจไม่น้อย
“เอย์ตั้นอันวาหิวแย้ว ปิงรอนานอันวาก็รอ แด๊ดจะคุยไปถึงไหนกันน่ะ อุ้มๆๆ”
“อะ...อะ...เอย์???” เธอสตั๊นไปหลายวิอยู่เหมือนกัน ท่าทางตกใจใช่เล่น
“แด๊ดอุ้มๆ พิคมีอัพพลีส” หมาน้อยชูสองแขน ช้อนสายตามอง
“มะ...ไม่อยากเชื่อเลย เอย์มีลูกแล้วจริงเหรอคะ ไม่จริงหรอก หวานไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย ถามใครๆเขาก็บอกว่าเอย์ยังโสดไม่เห็นควงใครสักที ตั้งแต่กลับจากนอกก็ไม่เห็นมีข่าวเลยว่าเอย์แต่งงานแล้ว”
“แด๊ดไม่โฉด แด๊ดมีอันวาแล้ว มีปิงด้วย” พี่เอย์อุ้มเจ้าตัวยุ่งแนบอก แขนกลมกอดคอมันแน่นเลย
“ต๊ายยยเด็กแก่แดดน่ารักน่าเอ็นดู หล่อเหมือนคุณพ่อเปี๊ยบเลย น่ารักมากค่ะเอย์ หัวทุ้ยทุยทำผมทรงเดียวกับคุณพ่ออีกต่างหาก น่ารักน่าชัง” ดูเหมือนเธอเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วมาก ปากแดง ๆ กับแพขนตาและมาสคาร่าสีฟ้าเข้มขยับวิ๊งๆไปมา เข้มจัดไปนะสำหรับกลางวันแบบนี้
“อันวาครับ สวัสดีพี่เขาก่อนเร็ว” พี่เอย์บอกน้อง
“ไม่เอา อันวาไม่ทำอันวาไม่ชอบคนขี้เหร่ ใส่สั้นๆ ระวังจู๋โผล่ออกมาแย้ว”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เด็กบ้า!”
ปากเล็กๆนี่ร้ายเหลือมาก เพราะทันทีที่เธอกรีดร้องขยี้ส้นรองเท้า น้องอันวาหัวเราะร่า กระโดดลงจากอกแล้วดึงแขนพี่เอย์มาหาผมทันที
เราสามคนเดินห่างออกมาแล้ว ทั้งผมทั้งพี่เอย์ไม่ได้หันกลับไปมองเธออีก น้องอันวารีบวิ่งเลี้ยงเข้าไปในร้านอาหารทันที มารู้ทีหลังว่าเป็นสาวมหาลัยเดียวกันที่เคยตามจีบมันอยู่
“ร้ายนักนะเรา” พี่เอย์ขยับออกให้อันวาแทรกตัวเข้าไปนั่งที่เบาะด้านใน ก่อนที่ตัวมันจะตามเข้าไป ส่วนผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มือใหญ่ขยี้ลงที่หัวเล็ก
“ผู้หญิงร้ายกาจ....” อันวาตีมือพี่เอย์ออก เชิดหน้าแล้วกอดอก
“หืม?” ทั้งผมทั้งพี่เอย์มองเจ้าหนู
“ถ้าเอย์ตั้นมากับอันวา เอย์ตั้นไม่ต้องไปสนใจใครหรอก มองแค่อันวาก็พอ”
“หมายความว่ายังไง?” พี่เอย์ถามเสียงเข้ม พนักงานเข้ารับออเดอร์ผมเลยชี้บอกไป ส่วนเจ้าหนูอันวาชี้เอาแบบเต็มชุด พอผมถามว่าจะกินหมดไหม หมาน้อยพยักหน้ารัวๆบอกหมดแน่นอน
“แด๊ดครับ อันว่าน่ายักอันวาเป็นเด็กดี แด๊ดยักอันวาไหม” เจ้าหนูปีนขึ้นบนเบาะแล้วกอดคอพี่เอย์พร้อมกับจูบแก้มมันไปหนึ่งที
“ถ้าแด๊ดยักอันวาห้ามมองผู้หญิงคนอื่น”
ผมกลั้นยิ้มแทบจะไม่อยู่ เจ้าหนูอ้อนเก่งมากเหมือนใครกันวะ พี่เอย์นี่ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่กอดตอบเจ้าหนูไว้แล้วมองมาที่ผม
เราสองคนส่งยิ้มให้กัน
“ไปนั่งกับพี่ปิงไป”
“ให้ปิงป้อนอันวาเหรอ” น้องเงยหน้าถาม พี่เอย์พยักหน้าให้เบา ๆ เจ้าหนูเลยมุมลอดใต้โต๊ะแล้วขึ้นมานั่งเบาะข้าง ๆ ผม
“อันวายักปิงด้วย ปิงหวงแด๊ดไหม หวงเหมือนอันวาไหมครับ”
เอาแล้วไง...เจ้าเด็กแก่แดดพูดเข้าเรื่องจนได้ พี่เอย์มันจ้องผมใหญ่เลยดิ คิดว่าคงอยากได้ยินคำตอบ ผมแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้มองโน่นนี่ไปเรื่อย จนเจ้าหนูตัวดีปีนขึ้นมานั่งลงที่ตัก
“เอตั้นรักปิง อันวารู้”
หือ?? ผมตาโต จู่ ๆ เจ้าเด็กแก่แดดกระซิบอะไรเข้าหู พอเห็นว่าผมทำหน้าทำตาแบบนั้นเจ้าเด็กตัวดีหัวเราะร่ามือกลมๆจับพุงตัวเองแบบตลกใหญ่
“เส้นตื้นป่ะเนี่ย” ผมเริ่มคิดว่าอาการเส้นตื้นอาจเป็นกรรมพันธุ์ เลยจี้ๆๆ เจ้าพุงกลมยังหัวเราะไม่หยุด เสียงเริ่มดังขึ้นมาผมเลยเอามืออุดปากเล็กไว้ พี่เอย์มันมองเราสองคนแล้วส่ายหัว อาหารมาเสิร์ฟพอดีเจ้าตัวเล็กเลยพุ่งความสนใจไปที่ของกินตรงหน้า