Meow 20
มิวนิคไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะสามารถปล่อยให้เรื่องค้างคาใจในวันนั้นลากยาวมาเกือบเดือน อันที่จริง...ถ้าไม่ใช่เพราะหลังกลับจากออกกองต่างจังหวัดแล้วทุกคนต้องเผชิญหน้ากับการสอบไฟนอลมหาโหด เขาคงตรงดิ่งไปวอแวแม็กซ์เวล
ตาหมอนั่นน่ะจริงจังกับการเรียนมาก ยิ่งสมัยเขายังเป็นมิวมิวนะ เอาแค่สอบควิซพี่แกยังอ่านแล้วอ่านอีกทั้งคืน ต่อให้มีแมวดื้อกระโดดขึ้นไปนั่งทับหนังสือ คุณเขาก็ยังหาวิธีอ่านเอาจนได้ หนอนหนังสือชะมัดเลย
[อยู่ไหน]
“หอพักบ้านสุขใจ”
[อ้าว...ดีกันแล้วหรอ]
“ป่าว...มานอนเล่นบนดาดฟ้า”
[ทำตัวเหมือนโจรขึ้นทุกวัน]
“ทำตัวเหมือนแมวต่างหาก”
กรอกเสียงบ่นลงไปอย่างไม่จริงจังนัก ถึงชีวิตเด็กนิเทศวันๆ จะเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการถ่ายหนังถ่ายละครหากพอเวลาสอบก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน อย่างเขาที่เห็นสายหมอกอ่านหนังสือเทอมนี้หามรุ่งหามค่ำยังรู้สึกเหนื่อยแทน ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจที่ดรอปเรียนไว้กันแน่
[แล้วเมื่อไรจะกลับ กูอยู่ห้องมึง]
“เป็นผัวหรอเข้าออกห้องตามใจจัง”
[มีไอ้หน้าแมวที่ไหนไม่รู้ให้ไอดีการ์ดไว้]
“มันต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย”
[จะกลับตอนไหนไอ้คุณชาย!]
มิวนิคหัวเราะเมื่อสามารถทำให้เพื่อนรักหัวเสียได้ นอกจากแกล้งแม็กซ์เวลให้เขินแล้ว การแกล้งสายหมอกคนเบลอให้เบลอยิ่งกว่าเก่าก็เป็นอีกงานอดิเรกอันโปรดปรานของเขา แหม...อยู่ห้องเฉยๆ มันก็เบื่อนี่นา
“เย็นๆ ได้มั้ย อากาศยังดีอยู่เลย”
[ดีหรอ ร้อนจะตาย]
“ก็ที่นี่มันดี เหมือนเป็นข้อยกเว้นของทุกอย่าง”
[เว่อร์]
“เดี๋ยวห้าโมงกว่าๆ ซื้อของเข้าไป ว่างๆ ก็อ่านหนังสือรอไปก่อน”
[เคยขัดได้มั้ยล่ะครับ]
กลายเป็นกิจวัตรอะไรก็ไม่รู้ที่เขากับสายหมอกต้องอยู่กินข้าวด้วยกันแทบทุกวัน ไม่ทำกินเองก็สั่งให้ร้านมาส่ง หรือบางทีเจ้าตัวก็พาออกไปกินกับสมาชิกที่กอง เหมือนไอ้เพื่อนรักไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวเพราะกลัวฟุ้งซ่าน
[แล้วไปไง เห็นรถยังจอดอยู่ที่คอนโด]
“เดินมา”
[เดินเนี่ยนะ ตั้งกี่กิโลมิว เหมือนไม่ใช่มึงอ่ะ] ปลายสายหลุดเสียงตกใจ
“ก็แปลงเป็นมิวมิวเดินตามหลังคามาเรื่อยๆ กูต้องรีบหรอ ชีวิตกูไม่มีอะไรทำ”
ฟังสายหมอกบ่นงุบงิบสองสามประโยคอีกฝ่ายก็วางสายไป เห็นว่าจะมารับตอนเย็นเพราะกลัวเขาจะถูกพวกนักอนุรักษ์แมวจอมปลอมตามจับเข้าอีก ก็นะ...มีเพื่อนเป็นสายหมอกบางทีก็รู้สึกเหมือนมีพ่อ
เหลือเวลาอีกสองสามวันสัปดาห์แห่งการสอบมาราธอนก็จะจบลงแล้ว มิวนิคเดาว่าพวกคณะสายแพทย์คงสอบเต็มอาทิตย์ เผลอๆ อาจจะล้นเกินมาด้วยซ้ำ เขาที่ไม่มีแม้แต่สอบอะไรเลยคงต้องรอต่อไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าการเคลียร์กันครั้งนี้อาจมีแนวโน้มทำให้เกิดผลลัพธ์ทั้งทางบวกและลบ
เขากลัวแม็กซ์เวลเลิกชอบเขาแล้ว...
มิวนิคยกแขนทั้งสองหนุนหลังต้นคอต่างหมอน เหม่อมองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยอิสระอยู่บนท้องฟ้า เชื่อหรือเปล่าว่าต่อให้อยู่บนดาดฟ้า ทว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์กลับไม่ได้รุนแรงพอจะทำให้รู้สึกร้อนจนเหงื่อแตก มันเย็นสบายและผ่อนคลาย อาจเพราะกลุ่มแมกไม้นานาพันธ์ด้านบนที่คุณป้าขยันเอาขึ้นมาปลูก
แล้วก็เจ้าสวนดอกเดซี่ลอยฟ้า
“โน่ แม็กซ์เวลสบายดีไหม”
“มนุษย์แว่นทาสของแกน่ะเรอะ”
เขาถามชิโน่ที่นอนคอหักอยู่ข้างๆ ถัดออกไปเป็นชิลลี่ที่ต่างกำลังจำศีลเช่นเดียวกัน มิวนิคเปลี่ยนเป็นร่างคนบ้างร่างแมวบ้างเวลามาถึงที่นี้ เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่าจะมีใครมาเห็น เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาอยู่แล้ว เว้นก็แต่คุณป้าที่จะชอบมารดน้ำพรวนดินเจ้าพวกใบเขียวในช่วงเช้า
“หมู่นี้เห็นรีบๆ ไม่ค่อยอยู่เล่น”
มิวนิคพยักหน้ารับแทนคำตอบ คงจะวุ่นๆ กับการอ่านหนังสืออยู่จริงๆ
สู้ๆ นะแม็กซ์เวล
คนขี้เกียจเหลือบมองเจ้าดอกเดซี่ในกระถางใกล้ๆ เลื่อนจมูกเข้าไปดมกลิ่นอ่อนพร้อมหลับตาพริ้ม ปกติมิวนิคเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ โดยเฉพาะกุหลาบ แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นเดซี่เขาถึงกลับไม่แพ้ บางทีเดซี่อาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกสิ่ง
เขาคิดถึงเจ้ากลุ่มดอกซี่นอกระเบียงที่ห้องแม็กซ์เวล มันเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบแอบตื่นขึ้นมาดูใครบางคนรดน้ำต้นไม้ในยามเช้า หรือจริงๆ แล้ว...
เขาชอบมองคนรดน้ำต้นไม้มากกว่า
มิวนิคเปลี่ยนจุดโฟกัสกลับไปยังก้อนเมฆสีขาวเบื้องหน้าอีกครั้ง ช่วงหลายวันมานี้เขาชอบแอบขึ้นมาบนดาดฟ้าของหอพักบ้านสุขใจบ่อยๆ ไม่ได้คาดหวังจะเจอแม็กซ์เวลหรอก ก็แค่...อยากอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง เซฟโซนที่เพิ่งค้นพบ เซฟโซนที่อยู่ใกล้ๆ ใครบางคน
เป็นตอนนั้นเองที่ภาพก้อนเมฆค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยไรผมสีดำ ก่อนทั้งเฟรมจะกลายเป็นใบหน้าของเจ้าของแว่นตาหนาเตอะที่ค่อยๆ ก้มลงมามองคล้ายกับว่ากำลังเช็คให้แน่ใจ มิวนิคชะงัก พรวดพราดยันตัวขึ้นจนคนทั้งสอง…
“โอ้ยยย!!”
“โอ้ยยย!!”
...หัวโขกกันเต็มๆ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย! ก้มหน้ามาอย่างนี้ตกใจนะเว้ย” เหมียวน้อยในร่างคนโวยวาย ยกมือลูบหน้าผากแดงๆ ที่ถูกกระแทกเข้าอย่างจัง
“คะ...คุณมิวนั่นแหละครับ ขึ้นมาได้ไง นี่มันหอคนอื่นนะ”
“อ๋อ...เดี๋ยวนี้เรากลายเป็นคนอื่นสำหรับนายแล้วใช่มั้ย เอ๊อ...เราก็กลับก็ได้”
คนตัวเล็กกว่าคว่ำปากน้อยใจพร้อมกับหันหลังเดินหนีทั้งอย่างนั้น แต่ไม่ทันไรก็ถูกมนุษย์แว่นตัวโตคว้าข้อมือหมับเอาไว้เสียก่อน ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ไม่ได้สัมผัสมานานหนึ่งเดือนแผ่ซ่านทำเอาก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของมิวนิคเต้นตึกตัก
...คิดถึงได้มากขนาดนี้เชียวหรอ
“เดี๋ยวก่อนสิครับ…”
เขาหันมองเจ้าของนัยน์ตาสีดำที่กำลังเสสายตาไปทางอื่นพร้อมเม้มปากกระอั่กกระอ่วน และบทสนทนาของเราสองคนก็เงียบลงฉับพลันทั้งๆ ที่มือสองข้างยังคงสัมผัสกัน
แม็กซ์เวลยังตัวโตเหมือนเดิม ถึงแม้ส่วนสูงของเราจะต่างกันแค่ไม่กี่เซน ทว่าพอได้ยืนใกล้ๆ เขากลับรู้สึกว่าหมอนี่น่ะตัวใหญ่มาก
ใหญ่ซะจนอยากกระโดดจมลงไปในอ้อมกอดนั่น...
“ขอโทษ...”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วใช้ความคิดราวกับกำลังเตรียมคำพูดอยู่ในหัว มิวนิคจึงชิงพูดออกไปก่อน และดูเหมือนว่าคนฟังจะประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน โถ่...เห็นงี้เขาก็รู้สึกผิดเป็นเหมือนกันนะ
“ขอโทษเรื่องอะไรหรอครั...”
ไม่ทันจะได้ถามจบอ้อมกอดใหญ่โตนั้นก็ถูกโผเข้ากอดโดยชายหนุ่มชุดขาว มิวนิคไม่รออีกแล้ว เป็นสิ่งที่เขาอยากทำมากสุดๆ มาตลอดทั้งเดือน
“...ขอกอดนะ”
“คุณมิว...”
“แค่ครั้งนี้...อยากกอดจะตายอยู่แล้ว”
มือหนายกขึ้นโอบร่างผอมบางอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกันคนถูกกอดก็ซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกกลิ่นมิ้นท์อันโปรดปราน ทำไมกอดผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้สึกดีเท่ากอดแม็กซ์เวลเลยจริงๆ
ทำไมกันนะ
“ขอโทษที่วันนั้นทำห้องพัง ทั้งๆ ที่ก็สัญญากันเอาไว้แล้วแท้ๆ”
คนในอ้อมกอดบ่นอุบอิบ แต่เขามั่นใจว่าแมกซ์เวลรู้เรื่อง
“ขอโทษเรื่องตุ๊กตาของคุณแม่ จริงๆ แม็กซ์คงไม่ได้โกรธเรื่องตุ๊กตาเท่ากับคำพูดแย่ๆ ของเราใช่มั้ย เราน่ะ...ไม่ได้ตั้งจะตั้งดูถูกแม็กซ์เลยนะ แค่คิดว่าอยากจะซื้อตัวใหม่ให้ แต่เราดันลืมคิดไปว่าของทุกอย่าง คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่มันอยู่ที่ใครเป็นคนให้ต่างหาก…”
มิวนิคกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นมิ้นท์ที่ผสมกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์จนเต็มปอด สัมผัสไออุ่นจากผู้ชายตัวโตฟอดใหญ่ ก่อนจะผละร่างออกแล้วเงยหน้ามองอีกคน
แม็กซ์เวลกำลังมองมาทางเขาเช่นเดียวกัน มองอยู่ตลอดเลย...
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหร...”
คำพูดที่ยังออกมาไม่หมดจากปาก ถูกอีกริมฝีปากกดประทับลงเสียก่อน ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เขารับรู้สิ่งแวดล้อมภายนอกไม่ได้ซักอย่าง ยกเว้นก็เพียงแต่...
รสจูบของแม็กซ์เวล
มิวนิคไม่รู้ว่าหมอนี่กล้าขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้าขึ้นถึงขนาดจูบเขาบนดาดฟ้า รู้แค่วินาทีนี้...เขาทำได้เพียงปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ความรู้สึก ความรู้สึกที่ถูกครอบครองโดยอีกคน แม้จะเป็นช่วงเวลาชั่วคราว
แม็กซ์เวลแช่จุมพิตอยู่เนิ่นนานก่อนจะขยับกลีบปากดูดเม้มความนุ่มหยุ่นจากเขา ทุกอย่างจบลงเมื่อเราทั้งคู่ต่างเผลอลืมตา มนุษย์แว่นหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ รู้เลยว่าที่ทำไปเมื่อกี้ขาดสติล้วนๆ
ส่วนเขาน่ะหรอ...
“ทะ...ทำบ้าอะไรเนี่ย”
อื้ม...เขินเหมือนกัน
“ขะ...ขอโทษครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจ คะ..คือ ผมไม่รู้ว่าผม”
“แม็กซ์...”
“ทำแบบนั้นไปได้ยังไง ผะ...ผมคงอ่านหนังสือมากเกิน แล้วก็ช่วงนี้...”
“พอแล้ว”
“คะ...คุณมิวไม่โกรธใช่มั้ย คือผมก็แค่...ผม...”
อีกซักรอบแล้วกัน...
รอบนี้เป็นเขาที่เริ่มก่อน เขย่งเท้าขึ้น โน้มต้นคอของมนุษย์แว่นเลิ่กลั่กให้ก้มลงรับรสจูบแสนคิดถึง เขาหลับตาและแม็กซ์เวลก็หลับตา ไม่ต้องมองกัน แค่รับรู้กันและกันผ่านรสสัมผัส
“มันดีมากๆ แล้ว...”
มิวนิคผละร่างใหญ่กว่าออก จ้องมองใบหน้าคนเฉิ่มที่แววตากำลังวูบไหว แม็กซ์เวลเปลี่ยนมาดึงเขาเข้าไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวบ้าง ฝังใบหน้าตนเองลงบนไหล่แคบแนบแน่น บางทีการไม่เจอกันหนึ่งเดือนอาจทำให้ความกล้าของใครบางคนเพิ่มขึ้นมากมาย
“ผมแค่กลัว...กลัวจะเคยชินกับการมีคุณอยู่ กลัวว่าถ้าไม่มีวันนั้นแล้ว...ผมจะทรมาน”
แม็กซ์เวลพูดด้วยเสียงอู้อี้ เขาไม่เคยกล้าถึงขนาดกอดมิวนิคแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อความกลัวที่มีมากกว่า จึงผลักดันให้เกิดความกล้าอันมหาศาลขึ้นมา กล้าที่จะกอดเพราะกลัวว่าจะไม่ได้กอด
เขาไม่อยากถูกทิ้ง ไม่สิ...เขากลัวการถูกทิ้ง
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่ามันไร้สาระ อนาคตจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ขอแค่มีคุณอยู่ตรงนี้…”
พอไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนเต็ม ต่างฝ่ายก็ต่างมีเวลาทบทวนกับตนเองมากขึ้น จริงอยู่ที่การมีมิวนิคเข้ามาในชีวิตอาจอันตรายต่อหัวใจ ทว่าในขณะเดียวกัน...มันก็ทำให้หัวใจเต้นแรงไปด้วยความสุขเท่าทวี
แม้มันอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำดีๆ ในวันหนึ่ง
“แม็กซ์...เรื่องนัทเราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะโกหก” มิวนิคกระชับอ้อมแขน พร้อมขยับปากอู้อี้บ้าง “เราไม่อยากให้นายมาคิดเรื่องแบบนี้ของเราจริงๆ นะ เพราะมันมีอะไร เราถึงไม่อยากเล่า แต่ตอนนี้เรารู้แล้วแหละ...ถ้าเป็นแม็กซ์ เราจะเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างเลย”
ชายหนุ่มหลุดยิ้ม เลื่อนท่อนแขนคล้องลงหลวมๆ ไว้ที่เอวอีกคน พยายามผละเหมียวน้อยจอมดื้อออก แต่คุณมิวนิคยังกอดไม่ปล่อย เกาะแน่นติดหนึบเป็นตุ๊กแก
“ผมก็ต้องขอโทษนะครับ...ที่ว่าคุณมิวในวันนั้น ผมรู้ความจริงหมดแล้วล่ะ”
“อื้อ เราทำตัวเองด้วยแหละ...ถือว่าหายกันเนอะ”
“ครับ”
มิวนิคเงยหน้ามองเขา ก่อนจะกัดงับลงบนกล้ามอก กัดทั้งๆ ที่ยังอยู่ในร่างมิวนิค ยอมรับว่าไม่ชิน แม็กซ์เวลเคยแค่สกินชิพหนักๆ แนวนี้เฉพาะตอนคุณเขาเป็นมิวมิว พอมาโดนมิวนิคทำบ้างมันก็...
เขินแทบบ้า
“ตลกดีเนอะ”
“ครับ?”
“ตอนอยากเจอแทบตายดันไม่เจอ แต่พอไม่ได้คิดอะไรแล้วดันเจอกันเฉยเลย”
“…นั่นสินะครับ”
มันเป็นหนึ่งเดือนอันแสนทรมาน หนึ่งเดือนที่พยายามตามหาคุณมิวนิคเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี แถมยังเป็นหนึ่งเดือนที่ต้องสู้รบกับการไฟนอลของภาคเรียนที่หนึ่ง เป็นหนึ่งเดือนที่สมองกับหัวใจต้องรับภาระอย่างหนัก
ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งคิดถึง
“นายรู้มั้ย เราอยากมาหานายมากเลยนะ แต่ก็ไม่อยากกวน”
“ผม...ก็เหมือนกัน”
เราต่างหัวเราะ แค่เพียงติดอยู่กับความกังวลว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกันมั้ยก็ทำเอาหัวใจแทบบ้า หากวินาทีที่รู้ว่าเขาต่างก็คิดเหมือนกันกับเรา ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความเหนื่อยทั้งหมดก็อันตรธานหายไป
“แล้ว...ทำไมถึงขึ้นมา?”
“ครับ?”
“ก็ช่วงสอบ เรามาที่นี่แทบทุกวัน แต่ไม่ยักเจอนายข้างบน”
แม็กซ์เวลนิ่งไปซักพักพร้อมวาดยิ้มเบาบาง
“...เพราะคุณมิวชอบดอกเดซี่”
“หืม...เกี่ยวอะไรกับดอกเดซี่?”
“มีคนเคยบอกว่าถ้าคิดถึงอะไรมากๆ ให้เอาตัวเราเข้าไปอยู่กับสิ่งนั้น หรือสิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งนั้น” มือหนาเกลี่ยเส้นผมปรกตาอีกคนออก ก่อนจะเล่าต่อ “แล้วดอกเดซี่ก็ใกล้เคียงกับคุณมิวที่สุด เพียงแต่ว่าที่อยู่นอกระเบียงห้องคงไม่มากพอ ผมเลยพาตัวเองขึ้นมายังทุ่งเดซี่ด้านบน แล้วผม...
ก็เจอคุณ”
“บังเอิญเนอะ” มิวนิคยิ้มบ้าง
“ครับ...บังเอิญจริงๆ”
ถ้าลองหยุดตามหา บางทีอาจจะได้เจอกับสิ่งที่กำลังตามหา คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“โกรธมั้ย?”
“…ให้มันจบไปพร้อมกับสอบไฟนอลเถอะครับ”
เพราะถ้าการโกรธแล้วทำให้เราต่างต้องคลาดกันเป็นเดือนแบบนี้ เขาขอเลือกไม่โกรธอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากทรมานหัวใจไปมากกว่านี้แล้ว ไม่อยากขาดเหมียวน้อยจอมดื้อตัวนี้ไปอีกแล้ว
“ถ้าเราจะขอกลับมาอยู่ที่นี่ กลับมาเป็นมิวมิวของนาย...จะอนุญาตหรือเปล่า?”
แม็กซ์เวลไม่ตอบ นัยน์ตาสีดำจ้องมองคู่สนทนาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หนึ่งในนั้นคงเป็นความโหยหา...
“เราไม่สามารถรับปากได้ว่าจะอยู่กับนายตลอดไป ในวันหนึ่ง...เราอาจเปลี่ยนไปหรือนายอาจเปลี่ยนไป เราไม่รู้อนาคตเลยจริงๆ ขนาดจะกลายเป็นมิวมิวเรายังไม่รู้เลย...” มิวนิครวบมือทั้งสองของอีกคนมากุมไว้ “แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้ในตอนนี้...เราอยากอยู่กับนาย จะเป็นในสถานะอะไรก็ช่าง นายเลือกมาเลย สัตว์เลี้ยง เพื่อน หรือคนรัก...เราจะเป็นทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำให้ได้อยู่กับแม็กซ์เวล...”
คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเรื่องของความรักน่ะ ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลหรอก
“คุณมิวจำประโยคแรกที่คุณขอผมตอนเราเจอกันวันนี้ได้หรือเปล่าครับ?”
“หืม...ขอกอดน่ะหรอ?”
“คุณมิวสามารถทำได้อย่างที่ขอ...
มากเท่าที่คุณต้องการ”
ขนาดเขาจะรักแมวน้อยจอมยุ่งตัวนึง มันยังไม่สมเหตุสมผลเลย
//มีต่อจ้า