แล้วก็อัดไปอีกตอนยาวๆ
***************************************************************
บททดสอบของหัวใจบทใหม่ในหัวใจคู่เดิมกำลังจะเริ่มอีกครั้ง
นิยามรักแท้ที่ติดอยู่แค่กาลเวลาและคนรอบข้าง
สองหัวใจที่ผูกพันธ์จะแปรเปลี่ยนไปกับฤดูที่ผันเปลี่ยนหรือเวลาที่ฟ้ามีให้จะยิ่งทำให้หัวใจยิ่งรักกัน
คืนนี้นิยามรักบทแรกจะเริ่มต้น
“เป็นไรไอ้ต่อทำหน้าซังกะตายมาเชียว ตะกี้คุยกะใคร”
พีที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงเอ่ยทักต่อที่เดินกลับเข้ามาในห้อง หลังจากที่ออกไปคุยโทรศัพท์ที่นอกระเบียง
“พี่สาวกู”
ต่อบอกอย่างเซ็งๆ
“อ้าวไอ้นี่พี่โทรมาแล้วทำหน้าแบบนี้ เป็นน้องห่าหอกอะไรวะ”
“เออน่าเรื่องของกูแล้วนี่มึงจะนอนไปถึงไหนมีเรียนไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องของกูเหมือนกันมึงไปก่อนเดี๋ยวกูตามไป”
“เออกูไม่คิดจะรอมึงหรอก”
“แน่ล่ะกูไม่ใช่ไอ้เอ็มของมึงนิ”
ต่อชะงักเท้าที่จะก้าวออกจากห้องหันไปมองพีที่ยักคิ้วล้อเลียนเขา
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้พี เอ็มมันมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวสิ เดี๋ยวกูจะโทรไปบอกมันว่ามึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมัน”
“พูดมากมึงนอนไปเลยอย่ายุ่งเรื่องของกู”
“แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะกะไอ้เอ็มเนี่ย ไปได้แล้วมึงอย่าลืมล็อคประตูให้กูล่ะ”
พีกลับไปนอนหันหลังให้ ต่อส่ายหัวมองก่อนจะก้าวออกจากห้อง
อากาศรอบตัวเอ็มดูสดชื่นขึ้นมาทันทีในเช้าวันใหม่เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและชื่อคนที่โทรเข้ามาเป็นคนที่หัวใจคิดถึง
“ไม่เคยให้กูได้รอนานเลยนะมึง”
เอ็มแซวต่อไปตามสายที่คนได้ยินกำลังเดินลงจากหอพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
“กูรู้หน้าที่ไงเมื่อคืนฝันถึงกูป่าว”
“มึงก็รู้คำตอบ”
“ว่ามึงไม่เคยฝันถึงกูเลยใช่มั๊ยมึงนะมึงไอ้เอ็ม ตอบอะไรให้กูชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้”
“ไอ้ตี๋เอ้ยกูไม่ฝันถึงมึงแล้วกูจะไปฝันถึงใคร”
“อย่างงี้ดิมันค่อยน่ารักหน่อยแล้วนี่กินข้าวยัง”
“ยังเลยเพิ่งออกจากหอ”
“เหมือนกันเลยว่ะมีเรียนเช้าเหรอ”
“อืมมึงอ่ะ”
“เหมือนกันตั้งใจเรียนล่ะมึงไม่ใช่ไปเหล่สาวที่ไหน”
“ไม่ต้องมาสอนกูสอนตัวมึงเองเหอะ สาวเหนือน่ารักนะมึง”
“แต่กูรักมึงมีไรป่ะ”
เอ็มอึ้งต่อยังเป็นคนตรงได้เสมอในความคิดของเขา
“ใครจะกล้ามีไรล่ะครับกลัวจะตาย”
“ดีมากไอ้น้องเออย่าลืมกินข้าวนะกูเป็นห่วง กูต้องวางแล้วว่ะถึงรถแล้ว”
“อืมขับรถดีๆนะมึงอย่าซิ่งให้มันมากนัก”
“คร้าบคุณเอ็มรู้ว่าห่วงเดี๋ยวผมจะขับช้าๆเท่าที่จะช้าได้”
“ประชดอีกนะมึง”
“ล้อเล่นไว้คุยกันนะไปล่ะคิดถึงนะครับ”
“อืม…เหมือนกัน”
ต่างคนต่างวางสายเมื่อเวลาที่มีให้กันมันมีได้เท่านี้ เมื่อต่างคนก็ต่างมีภาระที่ต้องรับผิดชอบแต่การได้พูดคุยกันทุกเช้ามันก็พอที่จะคลายความคิดถึงลงไปได้บ้าง แม้มันอาจจะไม่หายเหงาเท่าไหร่แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกันและกันที่ส่งต่อถึงความห่วงใยที่มีมันก็ทำให้ทั้งต่อและเอ็มรู้สึกมั่นคงกับความผูกพันธ์ที่ห่างกันแค่ตัวเท่านั้น
“เอ็มรอด้วยดิ”
แก้วร้องเรียกเอ็มมาทางด้านหลังขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเดินออกมาจากห้องเรียน
“มีไรเหรอแก้ว”
เอ็มหยุดทัก
“เลิกเรียนแล้วไปไหนเหรอ”
“ไม่ได้ไปจะกลับห้องมีไรป่ะ”
“พอดีแก้วจะไปหาซื้อหนังสือไปเป็นเพื่อนแก้วหน่อยดิ”
“แล้วเพื่อนแก้วล่ะ”
“พวกมันไม่ว่างเลยอ่ะเอ็มว่างไม่ใช่เหรอไปเหอะนะ”
“แถวไหนล่ะ”
แก้วยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เห็นเอ็มตอบแบบนี้
“ตกลงไปแล้วใช่ป่ะงั้นไปกันเหอะ”
อีกครั้งที่แก้วจับแขนเอ็มให้เดินตามเด็กหนุ่มได้แต่เดินตาม จะแกะออกมันก็ดูยังไงๆอยู่ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“ซื้อเยอะจังแก้ว”
เอ็มทักเมื่อเห็นแก้วเลือกหนังสือมาหลายเล่ม
“ก็นานๆทีแล้วเอ็มไม่สนใจเล่มไหนบ้างเลยเหรอ”
“ตอนแรกเอ็มนึกว่าแก้วจะซื้อหนังสือเรียนซะอีก นี่มันวรรณกรรมแก้วชอบอ่านเหรอ”
“ผู้หญิงก็ชอบของแบบนี้แหละเวลาเอ็มมีแฟนเอ็มก็จะรู้เอง”
เอ็มนึกขำกับสิ่งที่ได้ยินนึกถึงหน้าต่อขึ้นมาทันทีพ ลางคิดว่าหนังสือพวกนี้คงเข้ากับต่อไม่ได้แน่ๆ
“งั้นเดี๋ยวแก้วเลือกไปก่อนนะเอ็มขอไปเดินดูมุมตำราเรียนก่อน”
เอ็มหาทางเลี่ยงเห็นแก้วพยักหน้ายิ้มๆเขา เลยเดินถอนหายใจไปที่มุมหนังสือเรียน
“โอ้ย”
เสียงผู้หญิงที่ร้องก่อนจะล้มลงตรงหน้าเอ็มทำเอาเด็กหนุ่มตกใจรีบเข้าไปพยุง
“เดินยังไงของเธอเนี่ยดูสิหนังสือยับหมด”
ผู้หญิงตรงหน้าก็มลงเก็บหนังสือพลางบ่นเอ็มรู้สึกคุ้นกับน้ำเสียงจึงทัก
“พี่เตยหรือเปล่าครับ”
คนที่โดนเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มหน้าใสกำลังยิ้มให้อยู่ตรงหน้า เตยไม่มีสีหน้ายิ้มตอบนอกจากรีบเก็บของลุกขึ้น
“มาซื้อหนังสือเหรอครับ”
เอ็มยังคงทักต่อแม้จะเห็นสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร แต่อย่างน้อยเตยก็เป็นพี่สาวของคนที่เขารัก
“แล้วเห็นฉันถืออะไรอยู่ล่ะ”
“อืมนั่นสิผมไม่น่าถาม”
เตยเริ่มรู้สึกกับน้ำเสียงที่ได้ยิน
“แล้วนี่เธอมาทำไมหนังสือหนังหาไม่เรียนหรือไงถึงมาเดินเร่ร่อนแถวนี้”
“เลิกเรียนแล้วครับผมถึงมาแล้วพี่เตยล่ะครับ นี่ไม่ใช่เวลางานออฟฟิสเลิกนะครับ”
“นี่เธออย่ามาย้อนฉันนะฉันไม่ใช่เพื่อนเล่น”
“ผมเปล่านะครับถ้าพี่เตยจะคิดอย่างงั้นก็ตามใจ”
“ต่อมันไปคบเด็กอย่างเธอได้ยังไงฉันไม่เข้าใจ”
“เด็กอย่างผมมันเป็นไงล่ะครับ”
“กร้าวร้าวน่ะสิ”
“พี่เตยมีอคติอะไรกับผมหรือเปล่า”
“ฉันจะไม่มีอคติอะไรกับเธอเลย ถ้าฉันไม่เห็นเธอแอบจับมือใกล้ชิดกับน้องชายฉัน”
“แล้วพี่เตยไม่คิดบ้างล่ะครับว่าน้องชายพี่เตยเองจะแอบใกล้ชิดหรือจับมือผมเอง”
“ไม่มีทางฉันเลี้ยงน้องมากับมือไม่มีพฤติกรรมแปลกๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่รู้จักเธอนี่แหละที่มันเริ่มแปลกๆ”
เอ็มถอนหายใจจังหวะเดียวกับที่แก้วหอบหนังสือเดินเข้าหาเขาพอดี ด้วยอารมณ์ชั่ววูบเด็กหนุ่มจึงคิดอะไรขึ้นมาได้
“ไม่ต้องห่วงน้องพี่หรอกนะครับแฟนผมเดินมาโน่นแล้ว”
เตยมองตามสายตาเอ็มทำหน้าไม่อยากเชื่อเมื่อเห็นแก้วเดินมา
“อย่างเธอน่ะเหรอจะเป็นแฟนหนูแก้วได้”
“ยังไงพี่เตยก็ยังมองผมเป็นคนไม่มีค่าที่จะคบใครได้งั้นเหรอครับ”
เตยสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่โดนเอ็มว่าตรงๆจริงๆ เธอก็ไม่ได้มีนิสัยดูถูกใครแต่หลายครั้งที่เธอเห็นพฤติกรรมแปลกของต่อและเอ็มที่มีให้กัน เธอก็ต้องทำหน้าที่พี่สาวที่หวงน้องชายเป็นธรรมดา
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“อย่าสับสนในความคิดตัวเองสิครับ พูดอะไรคิดอะไรกล้าๆรับหน่อย”
เอ็มมองเตยอย่างเหยียดๆเมื่อรู้สึกเหลืออดในคำพูดก่อนจะเดินแยกออกไปหาแก้ว
“ไอ้เด็กบ้า”
เตยมองตามอย่างขุ่นเคืองนึกโกรธน้องชายที่ไปคบเพื่อนแบบเอ็มซึ่งเป็นเพื่อนต่อคนแรกที่กล้ามองเธอแบบนี้