17 ปากแข็งๆ ต้องกระแทกด้วยปาก กระแทกไปกระแทกมาเดี๋ยวมันก็นุ่ม
“กูว่ามึงสองคนต้องไปทำบุญ” ไอ้เซ้งมันเปิดปากว่าหน้าเครียด มองดูไอ้เอ๋ยไอ้พัชเด็กแพตัวสั่นงกๆ อยู่บนเตียงอนามัย
เมื่อวานฟ้าฝนเล่นตลกอีกแล้ว ยังดีที่เกี่ยวข้าวไว้ได้เยอะ แต่ก็เฮละโลย้ายกองข้าวแทบไม่ทัน หลบฝนกันไปหลบฝนกันมาถึงได้คิดได้ว่ามีสมาชิกหายไปสามหัว แล้วก็เป็นหัวที่ออดๆ แอดๆ อีกคนเจ็บขายังตึงๆ ไม่หาย อีกคนก็ได้แผลสดๆ ร้อนๆ เด็กน้อยก็ยังไม่หายไข้ดี แล้วพวกมันก็ไปผจญชะตากรรมร่วมกันอีก
ชาติที่แล้วมันคงร่วมบุญกันมาเยอะสัสๆ
“เพ้อเจ้ออะไรมึง” ไอ้เอ๋ยว่ากระแทกหน้า ปากซีดหน้าเซียวยังอุตส่าห์ปากดีจนไอ้เอื้อยดีดแปะเข้าที่หน้าผากให้
“โอ้ย! กูเจ็บนะไอ้เอื้อย” งุ้งงิ้งงอแงเบะหน้าเบะตาเหมือนเด็ก แกวที่ยืนอยู่ข้างๆ เตียงหัวเราะเสียงใสใส่โหมดอ้อนของเพื่อนแล้วยื่นมือไปลูบแขนให้เจ้าตัวกระดุกกระดิกน้อยลงหน่อย
“เอ๋ยอย่าเสียงดัง น้องแพนอนอยู่” ไม่มีใครปราบไอ้เอ๋ยได้นอกจากมันแกวแสนน่ารักอีกแล้ว มาหาเพื่อนที่อนามัยแต่เช้า หากับข้าวกับปลาให้คนป่วยทั้งหมดก่อนนั่งเงียบๆ ถักโครเชต์รอให้คนป่วยพักผ่อน
จนเที่ยงเนี่ย เพื่อนทั้งฝูงถึงได้ยกกันมาเยี่ยม
เมื่อวานก็ช่างประจวบเหมาะ เหล่าหมออนามัยกับพยาบาลรวม 4 ชีวิตที่ต้องทิ้งอนามัยไปอย่างกะทันหันเพราะมีรถอีแต๋นชนกันอีกหมู่บ้าน คนเจ็บเป็นสิบเลยต้องออกไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นช่วยกัน ณ ที่เกิดเหตุ ลุงภารโรงที่เฝ้าอนามัยอยู่ดันต้องรีบกลับบ้านไปดูเมียที่กินข้าวติดคอหายใจไม่ได้เกือบตาย
พอฝนซากลับมาอนามัยกันตอนเกือบสามทุ่ม ก็เห็นสามคนนอนกองกันหมดสภาพ ทั้งเหนื่อยทั้งล้าอยู่ในห้องปฐมพยาบาล
โชคชะตาอะไรหนอ นำพาให้สามคนนี้มาประสบกับเรื่องอย่างนี้ตลอด
“กูว่าก็จริงนะไอ้พัช ไปทำบุญเหอะ กูว่าช่วงนี้มึงดูหมองๆ ไปด้วย” ไอ้ซีเห็นด้วยกับสะใภ้นิเทศอย่างไอ้เอื้อย พยักเพยิดหน้ามองหน้าซีดของเพื่อนสลับกับไอ้เอ๋ยที่นิ่งเงียบไปแล้ว
“ไปโล้ดสู ไปเฮ็ดให้มันสบายใจ มันแก้อิหยังบ่ได้ก็ฮู้อยู่ แต่ไปไหว้พระกราบท่านขอพรให้หมดทุกข์หมดโศกแหน่ก็ได้” ลุงภารโรงที่เข้ามาเก็บกวาดห้องเอ่ยทัก คณะนักศึกษาที่มาอยู่ร่วมสามวันแล้วแต่ยังไม่ได้การได้งานอะไรดีก็พยักหน้ารับคำของผู้ใหญ่
ก่อนจะขอตัวคนป่วยและเจ็บทั้งสามกลับไปทำงานต่อ ไอ้เอ๋ยเลยบอกแกวให้กลับไปพร้อมเพื่อนเพราะเดี๋ยวจะไม่มีคนกลับด้วย ยังดีที่เห็นเขยมันมาด้วย มาช่วยยกถุงยกอุปกรณ์ไอ้แกวไปถือเองก็เบาใจ
พอเพื่อนไปกันหมดก็เหลืออยู่สามคน
น้องแพก็หลับไปแล้ว
เสียงขยับตัวจากคนที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ทำให้ไอ้เอ๋ยหันไปมองก่อนเบิกตากว้างเมื่อไอ้พัชมันเดินมาใกล้
“เดินมาทำเชี่ยไร” ไอ้เอ๋ยถามเสียงลอดไรฟัน ตาหลุกหลิกมองซ้ายมองขวากลัวพยาบาลเข้ามาเห็น
ทำไมมันต้องหลุกหลิกน่ะหรอ
ไอ้สัสพัชก้มตัวลงมาจนหน้ามันชิดกันแล้ว
ไอ้ห่า
ไอ้สันขวาน
“ไม่หลบล่ะ” ไอ้พัชยิ้มมุมปากถามในลำคอ
เขาว่ากันว่าอะไรที่ได้ทำเป็นครั้งแรก และไม่ยอมตัดขาดกับมันให้สิ้นไร้เยื่อใย ครั้งต่อๆ ไปย่อมตามมา
เหมือนเมื่อคืนก่อนฝนซาที่ไอ้พัชตื่นขึ้นมาแล้วกดจมูกไปทั่วหน้าไอ้เอ๋ยจนมันตื่นขึ้นมาโวยวายแล้วคนตีหน้ามึนก็จูบมันเข้าให้ไปหลาย ‘สิบ’ ที
“ไอ้เหี้ย!” ด่าได้แค่เสียงเบาๆ รู้สึกแพ้ทางหน้าตามันตอนนี้ชอบกล
ไอ้พัชมันไม่เคยยิ้มกรุ่มกริ่มตอแหลแบบนี้ให้
สงสัยว่าช่วงนี้แม่งแดกยาเยอะจนเพี้ยน!!
“กูอยาก...” ไอ้พัชสบตาดำขลับนิ่ง ไอ้คนโดนทำหน้า ‘อยาก’ ใส่ก็ได้แต่ถลึงตามองสบกลับ ก่อนจะเสหลบไปเพราะจมูกโด่งมันเข้ามาคลอเคลียที่แก้มอีก
ขยะแขยง...
?
?
ก็ไม่รู้สิ...
“ไอ้เอ๋ยหันมา...อย่าให้กูใช้กำลัง” ไอ้พัชสั่งเหมือนเพ้อ มันยังไม่แตะต้องร่างกายส่วนใด นอกจากเอาจมูกเขี่ยไปเขี่ยมาที่แก้มคนนอนนิ่งอยู่
“มึงมันเหี้ยไอ้พัช” ด่าเสียงเบาเพราะเห็นเด็กตัวกลมขยุกขยิกตัว
“หันมาไอ้เอ๋ย” ไอ้คนสั่งกระซิบเสียงลอดไรฟัน บ่งบอกว่าจะทนไม่ไหว
“กูเกลียดมึง...”
คำลงท้ายหายไปในลำคอเพราะไอ้พัชมันกระชากหน้าคนด่าให้หันกลับมาก่อนบดเบียดริมฝีปากลงไปแนบแน่น ใช้ฟันคมขบกัดที่ริมฝีปากล่างก่อนตวัดลิ้นไล้เลียให้ชาแปล๊บแล้วสลับมาทำกับริมฝีปากบน ดูดดึงรั้งจนริมฝีปากไอ้เอ๋ยเป็นสีสด ก่อนแทรกเรียวลิ้นผ่านเข้าไป
“ฮื่อ...” ไอ้เอ๋ยผ่อนลมหายใจหนัก ดันหน้าอกหนาของมันไม่ให้เข้ามาชิดเกิน เพราะแค่ลิ้นที่มันเอาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดก็ทำให้หายใจหายคอไม่ได้อยู่แล้ว หลับตาปี๋ปล่อยให้มันกวาดสำรวจไปทั่วโพรงปาก หดลิ้นหนีมันก็หลายรอบ แต่ไอ้พัชมันก็ชำนาญเกินไป กวาดต้อนหาเจอแล้วดึงดูดไม่ยอมปล่อยจนเสียงดังน่าอายเล็ดรอดออกมา
“ปล่อย...ไอ้พัช!” ไอ้เอ๋ยผลักคนเอาเปรียบออก นึกด่าตัวเองที่เมื่อวานผีห่าเข้ายอมให้มันจูบไปได้ตอนกำลังเบลอๆ เช้านี้ก่อนไอ้แกวมามันก็จูบกล่อมจนหลับ
ไอ้สัสพัชมันไม่เคยพอ มันจะจูบให้ปากกูเปื่อยเลยรึไง!!
“เอ๋ย...ไอ้เอ๋ย...” เหมือนคนเสพติดอะไรบางอย่างที่ไม่เคยลิ้มลอง ไอ้พัชคลอเคลียจมูกอยู่ตรงซอกคอหอมๆ ของไอ้คนที่นอนแข็งทื่อหน้าขึ้นริ้วสีแดงอยู่
“กูบอกว่าให้ปล่อย” กดเสียงต่ำลอดไรฟัน ไอ้พัชก็ยังไม่ฟัง มันรวบมือไอ้เอ๋ยที่เตรียมยกขึ้นชกแล้วกดไว้เหนือหัว แล้วกระซิบขู่
“ดิ้นมากๆ พูดมากๆ เด็กมันตื่นมาเห็นไม่รู้ด้วยนะ” มันขู่ ไอ้เอ๋ยเลยได้แต่มองอย่างเคียดแค้น พอไอ้เอ๋ยนิ่งไอ้พัชก็ประกบจูบลงมือใหม่วนเวียนทำซ้ำเหมือนที่มันทำก่อนหน้าจนคนโดนเอาเปรียบเคลิ้มเหม่อไป
ไอ้เอ๋ยมันเคยผ่านเรื่องอย่างนี้มาซะที่ไหน
จูบมันครั้งแรกก็รู้แล้ว...
คงก้มหน้าก้มตาหาเงินเลี้ยงปากท้องอย่างเดียวล่ะมัน
ไม่เป็นไรหรอก ไอ้พัชหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นคนสอนเรื่องอย่างนี้ให้เอง ตอนนี้ก็จูบไปก่อน จูบไปจนกว่าปากแข็งๆ ที่ด่าทุกครั้งเวลาเข้าใกล้มันให้อ่อนระทวยไม่เหลือคำด่าให้กันอีกต่อไปนั่นแหล่ะ แล้วค่อยเริ่มขั้นต่อๆ ไป
ไอ้พัชคิดแผนการอย่างย่ามใจ ริมฝีปากกับลิ้นร้อนก็ไม่หยุดสอนสั่งคนที่นอนระทวยโรยแรงอยู่บนเตียง ไอ้เอ๋ยครางเครือในลำคอตอนมันหายใจไม่ได้ ไอ้พัชก็ผละออกปล่อยให้มันหายใจก่อนแล้วประกบปากลงไปอีกครั้ง มือที่รั้งมันไว้อยู่เหนือหัวก็ปล่อยออกลองให้มันยกสองมือมาคล้องคอตัวเองไว้อย่างเผลอไผล
หึ...
ไอ้เอ๋ยเอ๋ย...
เอ๋ยเอ๋ย
กลับกรุงเทพเมื่อไหร่จะรีบไปย้ายสำมะโนครัวให้มาอยู่ด้วยกันให้หมดเนี่ย เอาเด็กมาเลี้ยงแล้วจะเลี้ยงมันด้วย
ไอ้พัชจะได้นอนหลับสักที!!!
*****
ไอ้เอ๋ยตาปรือๆ มึนๆ เบลอๆ ตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พอหันมองนาฬิกาก็เห็นว่าบ่ายสามเข้าไปแล้ว ลองลุกขึ้นก็ว่าไม่ปวดหัวแล้ว หันมองทางน้องแพก็ตกใจจนสะดุ้งลุกออกจากเตียงแทบจะภายในเสี้ยววิ
น้องแพหาย!!
ไอ้พัชก็หาย!!
วิ่งออกมานอกห้องถามไถ่พี่พยาบาลปากคอสั่นก่อนจะได้รับคำตอบที่ให้คลายใจ เดินตามทางที่พี่สาวคนสวยบอกไปทางด้านหลังอนามัยอีกหน่อย ก็เจอกับวัดเล็กๆ ที่พี่เขาบอกว่าไอ้พัชยืมรถจักรยานปั่นพาน้องออกมา
วัดนี้มีโรงเรียนสอนเด็กอายุ 2-4 ขวบเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าอนุบาลอยู่
เพ่งสายตามองเข้าไปเลยเห็นว่าน้องแพเล่นชิงช้าโดยที่ไอ้พัชมันไกวให้อยู่อย่างสนุกสนาน...
เห็นภาพที่น้องหัวเราะเสียงแหลมใส ยิ้มมีความสุขแล้วปวดหน่วงในอกขึ้นมาอีกระลอก มองแล้วเหมือนพ่อลูกหยอกเล่นกันแล้วคนนอกก็ได้แต่กลืนก้อนความขมลงคอ
ถ้าพิสูจน์ออกมาแล้วว่าไอ้พัชเป็นพ่อ
มันบอกว่ามันจะเอาน้องไปเลี้ยงเอง แก้คำครหามากมายที่นับวันยิ่งกระพือขึ้นจะเรื่องบานปลาย
แล้วเขาล่ะ?
ไอ้เอ๋ยคนนี้จะอยู่ยังไง
มันแค่สามอาทิตย์ก็จริง แต่เป็นสามอาทิตย์ที่ไอ้เอ๋ยได้โอบอุ้มใครคนหนึ่งไว้ในอกอย่างทนุถนอม ไม่เคยได้รับความอบอุ่นอย่างนั้น เลยอยากเป็นฝ่ายให้ พอให้แล้วมันก็ตื้นตันก็สุขใจ
รัก
รักเด็กน้อยตัวกลมไปแล้ว รักเด็กน้อยที่อายุยังไม่สองขวบดีแต่ช่างเจื้อยแจ้วเจรจา ชอบยิ้มหวานให้ ชอบปรบมือดีใจ ชอบอมอมยิ้ม ชอบกินต้มยำปลายู ชอบน้องปลา ชอบดีดดิ้นกรีดร้องตอนถูกน้วยพุงกลมๆ
แปะ!
ไอ้เอ๋ยสะดุ้ง ตอนไอ้พัชมันจับน้องแพขี่คอแล้ววางมือลงบนหัวของตัวเอง
“เอ๋ยจ๋าทำไมร้องไห้” น้องแพถามเสียงสั่น เบะปากจะร้องตาม ตะกายอากาศจะลงจากบ่ากว้างมาหาไอ้เอ๋ย
“เด็กอย่าดิ้น เดี๋ยวตก” พัชผวาจับขาเด็กไว้ข้าง มืออีกข้างก็เอื้อมไปประคองหลัง ก่อนจะผละมือออกแล้ววางบนลงที่ผมนุ่มคนที่ร้องไห้อย่างเงียบๆ อยู่อีกครั้ง
“จะหาเอ๋ยนะพัชจ๋า” เด็กบอกเสียงแผ่ว กลัวพัชดุก็กลัว แต่ห่วงเอ๋ย
ไอ้พัชอุ้มเด็กลง ส่งให้ไอ้เอ๋ยที่รับไปกอดแน่น มองสบตากลมของมันที่มีรอยน้ำตาไหลไม่ขาดแล้วเจ็บจี๊ดๆ ที่ใจ นึกเดาใจมันได้ว่าเสียน้ำตาเพราะอะไร
“ไปอยู่ด้วยกันดิ” ไอ้พัชเปรยขึ้นมา เรียกให้ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็กสนใจ
“ถ้าแพเป็นลูกกูจริงๆ ก็ไม่ต้องแยกกันหรอก ไปอยู่ด้วยกันที่คอนโดกูให้หมดเนี่ย ไอ้แกวด้วย ยกโขยงไปให้หมดเลย แต่กูต้องได้อยู่กับแพ และถ้ามึงอยากอยู่กับแพด้วย...มึงต้องมาอยู่กับกู”
ไอ้พัชว่าอย่างนั้น
แต่อันที่จริง
ต่อให้น้องแพไม่ใช่ลูกจริงๆ
มันก็จะเอาไป...
เป็นข้ออ้างเดียว...ที่จะได้ไอ้เอ๋ยไปอยู่ด้วยกัน
******************************
อร๊ายยย เขิน