-จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑  (อ่าน 168850 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สงสารน้องบ้างคุณทหาร

ออฟไลน์ moosawvans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่ฉลามนี่ฟิตสุดๆ กินอะไรบำรุงกำลังคะเนี่ย  :hao3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ชอบๆ "เป็นเมียทหารต้องอดทน"

รูปที่แนบมาคือปกหรอซิส

ตอนหน้าให้พี่ชุกับเกี๊ยมถอยทัพได้ไหม

เดี๊ยวโหวตเป็ดอวอต์ให้น้าาาา

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 o13 ใช่ๆ น้องลินต้องอดทนมากๆ นะค่ะ
 :3123:  :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Maneemantra7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
กลับมาต่อไวไวนะ ตอน๙ อยากอ่านไวไว

คืนนี้มาไหม หังว่าตอนหน้าพี่ชุจะไม่มา

วอแวน้องแล้วนะ

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เมื่อไหร่ตอนเก้าจะมาอ่ะ

นี่นั่งรอน้องลินเลยนะ แต่ตอนหน้าขอพี่วัตรกับน้องวีบ้างสิ

รออ่านนะซิส

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ฟิตจริงๆๆๆ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
มานั่งรอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คือเนื้อเรื่องมันผ่านไปเร็วมากและค่อนข้างไม่ต่อกันอ่ะ  :katai4:

อ่านต่อ  :z1:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
พี่หลามมมมมมมมม :pighaun:

ออฟไลน์ DarknLight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
เลือดสาดกันเลยทีเดียว
 :haun4:
สงสารน้องก็สงสาร 555
 :-[

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตอนที่ ๙

ปัง!

ปัง!


เสียงปืนดังก้องภายในสนามยิงปืนแบบปิด แรงดีดจากกระบอกปืนทำให้เขาเซเล็กน้อยจนต้องยึดเท้าไว้ให้มั่น ช่วงแขนเหยียดตรงมือข้างที่ถนัดจับลำกล้องของปืนไว้แน่นนิ้วชี้ไว้เกี่ยวไกปืน แล้วใช้มืออีกฝั่งประคองจับฐานปืนให้มั่น เล็งไปยังเป้าหมาย เสียงปืนสิ้นสุดลงพร้อมกับเป้าปืนสีขาวเป็นรูพรุน

“ปืนแมกกาซีน สำหรับมือใหม่อย่างเรา พี่ว่ายิงง่ายที่สุด” ชลธีรับปืนมาจากลูกเป็ด เขาสังเกตเห็นมือขาวสั่นระริก “11มม.แรงรีคอยล์จะมากกว่า9มม. เพราะฉะนั้นต้องระวังไว้หน่อยนะ”

“ผมชอบ9มม.ที่สุดแล้ว” มุจลินท์เหล่มองปืนในมือผู้พันหนุ่ม “อย่างน้อยก็ยังเซไม่มาก” เขาหัวเราะแห้ง แค่ยิงปืนไม่กี่นัดใช้พลังมหาศาลกว่าที่เขาคิด แรงดีดจากปืนทำเอาเขาแทบจับปืนไว้ไม่อยู่

“เหนื่อยหรือยัง” ชลธีจุดยิ้มเมื่อเห็นลูกเป็ดหน้ามู่ทู่ “พี่จะสอนปืนลูกโม่ต่อครับ”

“จะให้ผมไปเป็นมือปืนรับจ้างหรือไง” เขาบ่นอุบ มือที่จับปืนเมื่อครู่ยังชาหนึบ เขาปลดที่ครอบหูสีดำออก เหงื่อไหลข้างขมับจนต้องยกแขนเสื้อเช็ด ชลธีจึงรีบส่งขวดน้ำเปล่าให้

“พี่อยากให้เราหัดไว้ป้องกันตัว” เขามองเด็กหนุ่มกำลังยกขวดน้ำดื่มอึกๆ “เวลาพี่ไม่อยู่จะได้ดูแลตัวเองได้”

“คร้าบ คร้าบ” เขาตอบแบบขอไปที ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ตั้งอยู่บริเวณนั้น ตั้งแต่เช้าชลธีพาเขาวิ่งออกกำลังกาย แถมยังพามาสอนยิงปืนอีก คงไม่ได้ให้เขาไปเป็นทหารด้วยอีกคนหรอกใช่ไหม

“เดี๋ยวมาลองแบบ11มม.อีกรอบนะ” นายทหารหนุ่มใส่ลูกกระสุนจนเต็มรังเพลิง “ไหวนะ เมื่อกี๊พี่เห็นมือสั่น”

“ไหวครับ” เขาเดินไปประจำจุดยิง เกิดมาเพิ่งจะเคยจับปืนครั้งแรกจะให้เขาคล่องแคล่วได้เลยที่ไหนกัน เขานึกว่ายิงหลายครั้งแล้วจะชินที่ไหนมือก็ยังสั่นเหมือนเดิม  ชลธีซ้อนตัวเข้าด้านหลังมือสองข้างสอดเข้าไปที่ตำแหน่งที่เขาจับอยู่

“ตั้งสตินะ” เสียงกระซิบข้างหูกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้น “เล็งเป้า.. เหนี่ยวไก”

ปัง!

ปัง!

ปัง!


“เก่งมาก” นายทหารหนุ่มก้มลงหอมแก้มลูกเป็ดเร็วๆหนึ่งที ส่วนเจ้าตัวกำลังยืนมองเป้ากระดาษบอกตำแหน่งที่ยิงโดน คราวนี้เข้าจุดตายตั้งสองนัด ท่าทางเขาจะมีพรสวรรค์จริงๆ “เก่งแบบนี้ คืนนี้พี่มีรางวัลให้นะครับ”

“พี่ฉลาม!” เขาหันไปแยกเขี้ยวใส่ คนบ้าอะไรทะลึ่งได้ทุกเวล่ำเวลา

 “ว้าว” เสียงปรบมือดังเปาะแปะพร้อมกับเจ้าของเสียงเดินตรงมายังที่เขายืน ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มหัวเกรียนสวมชุดฝึกทหารสีเขียวเข้มครบชุด เด็กหนุ่มมองกลับไปอย่างสงสัย “เอ้า นึกว่าไอ้มะนาว”

“มะนาวยิงปืนแม่นกว่ามึงอีก ไอ้ปาน” ชลธีผละออกจากเด็กหนุ่มไปทักทายคนมาใหม่ ปานชีวันคือผู้หมวดร้อยโทประจำกองพันที่เขารับผิดชอบอยู่ เป็นรุ่นน้องชมรมยิงปืนสมัยที่เขาเรียนโรงเรียนนายร้อย

“โธ่ พี่หลาม พี่จะล้อผมจนลูกบวชเลยปะ”

“วันนี้ไม่มีฝึกหรือไง”

“มีฝึกว่ายน้ำ เตรียมแข่งหน่วยทหารขนาดเล็กครับ”

“เออ จะทำอะไรก็รีบไปทำ” เขาหันมายิ้มให้เด็กหนุ่ม “ลินท์ ไปกินข้าวกันครับ”

“แล้วพี่จะไม่แนะนำคนนั้นให้ผมรู้จักหน่อยหรอ”

”เสือก!”

“เก็บของดีไว้คนเดียวหรอพี่ เดี๋ยวพี่หลา-” ปานชีวันรีบตะครุบตัวผู้พัน กอดแน่นไม่ยอมปล่อย มุจลินท์ขำตัวงอ ผู้หมวดหน้าโหดแต่นิสัยขี้เล่นแตกต่างกับหน้าตาชะมัด

 “ไอ้ปาน ไปไกลๆตีนกูเลยว้อยย”

“หมวดปาน!” ทหารอีกคนวิ่งผลุนเข้ามา “คนอื่นเขาตามหาหมวดกัน มาทำอะไรที่นี่ครับ”

 “ไอ้ปาน!” นายทหารอีกคนรีบสาวเท้าเข้ามาประชิด แถมยังโบกหัวปานชีวันไปหนึ่งที  “กูให้ลูกน้องมาตามมึงตั้งนานแล้ว หายหัวไปไหนมาวะ”

“พี่นัทททททททท” ผู้หมวดหนุ่มตัวดีดผึง ถอยหลังอัตโนมัติดูท่าทางจะเกรงกลัวคนมาใหม่มาก  “ผมไปละครับบบบบ”

“เดี๋ยวผมไปจัดการไอ้ปานมันก่อนนะพี่” ธนัชหันมาสวัสดีชลธีก่อนจะยิ้มให้เขา ผู้กองคนนี้ตัวสูงๆพอกับชลธีแต่ผิวขาวจัดเหมือนคนไม่เคยโดนแดด หน้าตาติดหวานเหมือนผู้หญิงทำเอาเขามองเพลิน

“ดูแลมันดีๆหน่อย ผู้กอง” ชลธีโบกมือไล่ ลูกน้องในสังกัดแต่ละคนของเขาเหมือนคนอื่นซะที่ไหน ถึงอย่างนั้นเวลาทำงานพวกมันก็มืออาชีพและมีความสามารถมากพอ

ทุกคนเดินออกไปจนหมดจนสนามยิงปืนกลับมาเงียบสงบเหมือนเดิม ชลธีค่อยๆสอดมือเข้ามากุมมือบางแน่น ริ้วแดงขึ้นที่แก้มขาว ตอนนี้เขาใจเต้นยิ่งกว่าหัดยิงปืนเมื่อครู่เสียอีก

“บ่ายพี่มีประชุม เดี๋ยวพี่จะไปส่งเราที่มหาลัยก่อนนะครับ”

“ครับ”เขาช้อนตามองชายหนุ่มที่สูงกว่าเกือบสิบเซ็น “แล้วพี่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ครับ”

“รอบนี้พี่ไม่แน่ใจเลย” ชลธีครุ่นคิด “พี่อาจจะไปประจำที่ชายแดนสักพัก” เขาคิดหนักเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว มีรายงานการลอบส่งยาเสพติดตามแนวชายแดนล็อตใหญ่ ซึ่งเขาเคยเป็นหัวหน้าชุดสมัยเป็นผู้หมวดที่ดูแลเรื่องการจับกุมยาเสพติดจึงต้องไปเป็นที่ปรึกษาเพื่อวางแผนในการรับมือ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้รับมอบหมายงานใหญ่จนต้องห่างเจ้าลูกเป็ดหลายเดือนทีเดียว

“…”

“พี่สัญญา ถ้าพี่มีเวลา พี่จะรีบกลับบ้านทันทีเลยครับ”

“ฮื่อ” มุจลินท์เอาหัวชนไหล่ส่งเสียงงอแง “คิดถึงแย่เลย”

“มาอ้อนอะไรตรงนี้เนี่ย” ชลธีฮึ่มในลำคอ “มันฟัดไม่ได้นะรู้ไหม”

“ทะลึ่ง!” เขาถอยหลังกรูด ชลธีขำกับท่าทางเขาไม่หยุด ตั้งแต่เมื่อคืนเขายังปวดเอวไม่หายเลย อยู่ใกล้ทีไรคิดแต่เรื่องใต้สะดือตลอด

ไม่ทะลึ่งสักนาทีจะตายไหมครับ.. ผู้พัน

.
.
.
   แผนที่ถูกกางวางบนโต๊ะสี่เหลี่ยมในห้องประชุมขนาดเล็ก พร้อมด้วยชลธีที่กำลังชี้และอธิบายจุดที่เป็นช่องโหว่ระหว่างชายแดน ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติในการลักลอบขนยาเสพติด ค้ามนุษย์ การขนย้ายของผิดกฎหมายต่างๆ นายทหารระดับสูงผู้เข้าร่วมในการประชุมต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากเส้นทางที่เป็นจุดบอดมีระยะทางที่ยาวมากจนไม่สามารถที่ป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็น

   “นี่คือเส้นทางที่เราวางกำลังไว้ในครั้งที่แล้ว” เขาปักธงลงบนแผนที่ทหาร “ลากยาวลงมาทางทิศตะวันออกจะถึงทางเข้าของชายแดน” เส้นทางที่ว่าคือสามารถเข้าออกได้ถูกกฎหมายระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนสินค้า ขายของอุปโภคบริโภค

   “ครั้งนี้เราคงใช้แผนเดิมไมได้แล้วนะผู้พัน” นายทหารชำนาญการพิเศษว่าเสียงเครียด เขาใช้ธงอีกอันปักลงไปแถบภูเขาเลยขึ้นไปทางทิศเหนือ “หน่วยข่าวกรองของเราแจ้งมาว่าจะมีการขนย้ายยาเสพติดเลียบมาทางภูเขาแถบนี้”

   ชลธีมองแผนที่ด้วยความครุ่นคิด ต้องใช้กำลังทหารมากมายแค่ไหนถึงจะสกัดไม่ให้พวกยานรกนี่เข้ามาในประเทศของเราได้ เขาตัดสินใจปักธงลงไปบนเขาลูกหนึ่ง นี่คือฐานของหน่วยที่รักษากำลังด้านชายแดน ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณหมู่บ้านของชาวบ้านที่อยู่บนเขา เขาจะต้องกระจายกำลังเพื่อป้องกันให้ไวที่สุด เขาไม่รู้เลยว่ามันจะใช้เวลานานหรือไม่กว่าภารกิจครั้งนี้จะสำเร็จ เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญในอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเขาจะต้องยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างปกป้องเอาไว้ให้ได้

   “เราจะตั้งฐานที่นี่”

   “จะไม่เด่นไปหรือครับผู้พัน อย่างไรพวกมันก็รู้ว่าเป็นฐานของเราอยู่แล้ว”

“เราจะวางกำลังไว้ตรงนี้แค่เพียง ไม่เยอะ” ชลธีใช้ดินสอขีดลากบนแผนที่ “แล้วจะไปตลบหลังมันอีกที ตรงนี้” เขาปักธงในมุมอับจุดอันตรายที่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครเข้าไปอยู่ “หมวดจัดนายทหารฝีมือดีให้ผมสักยี่สิบนายก็พอ”   

ทุกคนในห้องประชุมมองหน้ากันไม่คิดมีใครอยากเสี่ยงบุกป่าเข้าไปลึกขนาดนั้น แนวเลียบภูเขามีความชันอย่างมากโดยเฉพาะการเดินทางในหน้าฝนที่เสี่ยงต่อการพลัดตกเขา ต่อให้จะเป็นทหารที่ชำนาญทางมากแค่ไหนก็ยังพลาดกันได้ ใครจะคิดว่าผู้พันหนุ่มอย่างชลธีจะเลือกใช้วิธีบ้าดีเดือดขนาดนี้

“ผมจะประสานกับตำรวจตะเวนชายแดนเพื่อร่วมภารกิจในครั้งนี้กับเราด้วย”ชลธีจุดยิ้ม เขาใช้วิธีนี้ก็เพื่อจะตัดกำลังที่ไม่สำคัญออกไป หากไม่มีใจที่จะทำภารกิจไม่เท่ากับว่าเขาพาลูกน้องไปเสี่ยงหรอกหรือ ภารกิจจะต้องผิดพลาดน้อยที่สุดเพราะฉะนั้น การจัดกำลังพลมีความสำคัญอย่างมาก นี่คือหน้าที่ของหัวหน้าชุดอย่างเขา

“ผมขอถอนตัว” หลายคนเลือกที่จะออกจากการทำภารกิจเพราะไม่ชอบใจที่เขาตัดสินใช้วิธีนี้ แต่เขาก็ไม่สนใจ การลาดตะเวนที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่การมีกำลังพลเยอะ แต่จะต้องมีใจอดทนที่จะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงต่างหาก

การประชุมกินเวลาเนิ่นนานล่วงเลยจนเกือบค่อนคืน นายทหารหนุ่มได้แต่ยกซดกาแฟจนลิ้นชาก็ยังไม่มีวี่แววว่าการตกลงเพื่อร่วมมือดำเนินการปราบปรามการค้ายาเสพติดจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เขาลุกออกมาเข้าห้องน้ำ เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่เด็กหนุ่มส่งมาให้เมื่อสองชั่วโมงก่อน เป็นรูปลูกเป็ดยิ้มแฉ่งพร้อมลูกชายคนเก่งที่กำลังนั่งกินข้าวบนโต๊ะอาหารโดยมีคุณยายนั่งอยู่ไม่ห่าง เขาใช้นิ้วลูบไปมาบนรูปภาพหน้าจอ แม้จะไม่ได้เจอ ไม่ได้ยินเสียงแต่เพียงแค่ได้เห็นว่ายังมีคนรอเขาอยู่ที่บ้านก็อดที่จะระบายยิ้มออกมาไม่ได้

“คุยกับสาวที่ไหนถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้เนี่ยลูกพี่” ปานชีวันในชุดลำลองโผล่หัวออกมาจากประตูห้อง เขาเงยหน้ามองคนมาใหม่ก่อนจะสอดโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม “หลังจากประชุมเสร็จ พี่นัชให้ผมมาเชิญพี่ไปทานข้าวครับ”

“เออ เดี๋ยวกูไป” เขาชี้นิ้วไปทางไอ้คนหน้าทะเล้นที่ยืนยิ้มแฉ่ง “ระวังไว้เหอะมึง กวนตีนมากๆกูจะให้ไอ้นัชจัดการ” คนโดนคาดโทษหน้าซีดหน้าเซียวรีบมาพะเน้าพะนอ

“จะให้ผมทำให้อะไรก็ได้ แต่อย่าส่งผมไปอยู่กับพี่นัชเลยนะพี่” ชายหนุ่มตัวโตแอบป้องปากกระซิบ “พี่นัชโคตรฝืด สมัยเป็นเด็กห้องผมโดนใช้ซักถุงเท้า หื้อ โคตรเหม็น ตีนคนหรืออาวุธชีวภาพ” ว่าแล้วก็ทำท่าขนลุกขนพอง

“มันรู้เมื่อไหร่ มึงตายแน่ไอ้ปาน” เขาพูดติดตลก โยนกุญแจรถให้พลขับ ก่อนจะเข้าห้องประชุม

รอยยิ้มของใครบางคนยังคงชัดเจนในความนึกคิด

สัมผัสแนบชิดไออุ่นยังคงตราตรึง

เขาคงเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่พร่ำเพ้อเป็นเด็กหนุ่มริหัดลองมีรักครั้งแรก บางครั้งเขาก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่ความหลงชั่วครั้งชั่วคราว เขาอยากจะพิสูจน์ อยากทำอะไรให้มันชัดเจนเสียที

การประชุมเริ่มขึ้นอย่างเข้มข้นอีกครั้ง เขาพยายามที่จะแสดงศักยภาพให้นายทหารท่านอื่นเห็นว่า ท้ายที่สุดแล้วการทำภารกิจในครั้งนี้จะต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุมที่สุด เพื่อยับยั้งการแพร่หลายของยานรกและปัญหาสังคมที่จะตามมาไม่จบสิ้น

หน้าจอมือถือเขาสว่างวาบ แอพพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นหน้าจอ ชื่อเดิม คนเดิม ที่คอยทักถาม เป็นห่วงเขาเสมอ ยังคงเป็นคนเดิม.. เขาแอบจุดยิ้มเลื่อนกดดูข้อความใต้โต๊ะ

‘นอนคนเดียวอีกแล้ว’

‘เมื่อไหร่จะกลับมาครับ’

‘วันนี้กินข้าวไม่อร่อยเลยไม่มีคนบ่น’

‘อย่าลืมทานข้าวนะครับ’

‘จะนอนก็ห่มผ้าหนาๆด้วย’

‘ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ผมมีเรียนแต่เช้า’

‘ถ้าว่างแล้วก็คอลมาหามั่งนะครับ’

เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นข้อความก็รู้ทันทีว่าคนอีกฟากกำลังงอแงได้ที่ มันกลายเป็นกิจวัตรไปแล้วที่จะต้องตื่นมาเจอหน้ากันทุกวัน พอไม่เจอกันสักวันมันก็เหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไป

‘เดี๋ยวนี้หัดงอแงกับพี่หรือ’

‘ขอโทษครับ’ พร้อมส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายร้องไห้กลับมาหนึ่งตัว

‘จะอ้อนจะงอแงก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องกับพี่คนเดียว’ เขากดส่งสติ๊กเกอร์หมีพ่นไฟไปสามสี่ตัว จนเจ้าลูกเป็ดส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายหัวเราะกลับมา นี่เขาพูดจริงไม่ได้ล้อเล่นเสียหน่อย ช่วยจริงจังด้วยนะครับคนดี

‘แหงอยู่แล้ว ก็ลินท์มีพี่คนเดียว’

‘เป็นเด็กเป็นเล็กหัดวางระเบิดหรือ พี่ละลายไปหมดแล้วเนี่ย’

เขาพิมเองก็เขินเอง อายุอานามก็เลขสามกว่าแล้วยังจะให้มุกจีบเป็นเด็กประถมอยู่ได้ ไอ้ช้างมาเห็นเขาคงหัวร่อตัวงอเป็นกุ้งแน่

“ว่ายังไงผู้พัน” นายพลชั้นผู้ใหญ่หันมาถาม “สรุปแล้วจะเอาอย่างไร”

“ผมจะขอขึ้นไปประจำที่เชียงรายเพื่อปฏิบัติภารกิจครับ” เขาตัดสินใจเด็ดขาด ออกราชการภาคสนามครั้งนี้คงไม่ต่ำกว่าหกเดือน ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาได้กลับไปกอดคนรอที่บ้านหรือเปล่า แต่เขาก็หวังว่าเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์หัวใจ เขาใช้เวลาเป็นเครื่องเดิมพัน หากเราต่างมีความอดทนรอคอย ความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเขาคงจะชัดเจนได้จริงๆ ว่าคนคนนี้คือคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างเขาในทุกเหตุการณ์ชีวิต เป็นสายน้ำอันชื่นฉ่ำในวันที่เขาเหือดแห้งหมดแล้วซึ่งทุกสิ่ง ในที่สุดเขาก็จะได้ทำตามหัวใจตัวเองจริงๆเสียที

ได้โปรด.. รอพี่เถอะนะ 
.
.
.
นายตำรวจหนุ่มสวมแว่นกรอบสีเงินเลนส์ถนอมสายตา เพ่งไปที่หน้าจอแล็บท็อบตัวเก่ง หลังจากที่จ้องมานานกว่าสามชั่วโมงอาการปวดขมับก็เริ่มตามมาจนเขาต้องพับหน้าจอ ทิ้งตัวพิงลงเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า เขาสะสางงานที่คั่งค้างใกล้จะเสร็จแล้วแต่ก็ยังมีคดีใหม่ๆเข้ามาไม่หยุดหย่อน ไม่มีเวลากลับบ้านมาเป็นอาทิตย์จนแม่ต้องโทรมาตามทุกวัน ทั้งเป็นห่วงลูกชายคนเล็กที่ไม่ยอมมีครอบครัวเสียที ทั้งเป็นห่วงธุรกิจที่บ้านจะไม่มีใครรับดูแลต่อเพราะพี่สาวและพี่ชายของเขาไปตั้งรกรากกับครอบครัวที่ต่างประเทศกันหมดแล้ว 

 “มีคนมาขอพบครับ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น จ่าเดชเปิดประตูเข้ามา “เอ่อ น้องชายหรือครับเห็นนั่งรอมาสองชั่วโมงแล้ว”

“ผมไม่รู้จักสักหน่อยจ่า” ดวงตารีเรียวคู่สวยมองลอดกรอบสีเงินบาง มองแค่ปราดเดียวคนที่ต้องแบกหน้ามารับคำด่าจากผู้บังคับบัญชาเหงื่อแตกซ่ก “บอกเขาไปว่าผมไม่ว่าง แล้วก็ไม่ต้องมาอีก”

“ผมบอกอย่างที่ผู้กำกับว่ามาสองอาทิตย์แล้วนะครับ” จ่าเดชหยุดพูดไปชั่วครู่ คิดว่าถ้าพูดไปแล้วเขาจะโดนสั่งขังลืมหรือเปล่า แต่เขาก็อดสงสารเด็กหนุ่มที่มานั่งตากยุงไม่ได้ “ถ้าจะโกรธก็คุยกันดีๆสิครับ”

ตึง

“บอกเขาไปอย่างเดิม” ชัยวัตรกระแทกแฟ้มประวัติที่เอามาเปิดลงบนโต๊ะทำงาน “ถ้าผมออกไปแล้วยังเห็นเขานั่งอยู่ มีเรื่องแน่จ่า!”

จ่าตัวดีดผึงรีบเผ่นแผล็วออกจากห้องไป นิ้วมือเรียวยาวยกขึ้นมานวดขมับเบาๆ วันนี้เขาคงใช้สายจ้องคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรือจ้องหน้าประตูห้องรอใครบางคนมาเคาะกันแน่ ชัยวัตรยกแก้วน้ำขึ้นจิบ เหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสามทุ่มครึ่ง

“หิวข้าวชะมัด” เขากดปิดโน้ตบุคแอบลูบท้องที่กำลังคร่ำครวญ ช่วงนี้รู้สึกปวดท้องบ่อยๆ โรคกระเพาะที่เคยเป็นตั้งแต่สมัยเรียนชอบกำเริบเมื่อเขาทานข้าวไม่ตรงเวลาเสมอ “งานเยอะขนาดนี้ใครมันจะไปมีเวลากินข้าว” หรือว่าเขาควรจะลาออกไปขายข้าวมันไก่อย่างที่แม่บอกจริงๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เขาเงยหน้ามองประตูห้อง เมื่อเห็นไม่มีใครเปิดเข้ามาจึงส่องกระจกออกไปดู เห็นถุงผ้าแขวนอยู่บนลูกบิดประตูพร้อมกระดาษโน้ตหนึ่งใบ เขาเปิดประตูมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นไม่มีใครอยู่บริเวณนี้เลยสักนิดจึงหยิบถุงผ้าน่าสงสัยขึ้นมาดู ข้างในมีกล่องข้าวสีเหลืองอ่อนบรรจุข้าวผัดทะเลอัดแน่นพร้อมไข่เจียว

‘ทานข้าวด้วยนะครับ’

ชัยวัตรขมวดคิ้ว ลายมือยึกยือที่เขียนถ้าให้เดาคงเป็นไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่มาดักรอเขาทุกเขาแน่ เรื่องอะไรเขาจะกิน แอบใส่อะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาไปให้จ่าเดชกินก็แล้วกัน เสียดายของ

เอาตามความจริงเขาก็ไม่ได้คิดจะหลบหน้า เขาชอบการเผชิญหน้าแล้วคุยกันให้เข้าใจไปเลย แต่สิ่งที่ปฐวีต้องการมันมากเกินกว่าที่เขาจะให้ได้จริงๆ แม้ว่าเขาจะยอมรับความสัมพันธ์ของเพศเดียวกันได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการจะมีแฟนเป็นเพศเดียวกันเสียหน่อย

“คิดจะหลบหน้าผมไปอีกนานแค่ไหนครับ” ปฐวีโผล่เข้ามาขวางเขาที่กำลังจะเข้าห้อง ผู้กำกับหนุ่มสะดุ้งเฮือกเกือบทำถุงผ้าหล่นลงพื้น

“เฮ้ย แม่ง หัวใจจะวายตาย เล่นห่าอะไรไม่รู้เรื่อง”   

“ผมอยู่ทั้งคน ผายปอดให้ได้อยู่แล้ว”

“สัส กวนตีน”

“กลัวไม่อยู่กวนตีนแล้วจะมีคนเหงา”

“กลับไปได้แล้วไป นู่น ทางออก เชิญ ผมจะทำงาน”

“ทานข้าวก่อนสิครับ” เขามองไปกล่องพลาสติกสีเหลืองในมือชัยวัตร รอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าเมื่อเห็นว่ามันอยู่ในมือของคนที่เขาคิดถึงมาตั้งหลายวัน “รีบทานเลยนะ เดี๋ยวมันจะหายร้อน”

“รู้แล้ว” ชัยวัตรผลักคนตัวโตไล่เลี่ยกันออกไปอีกทาง อายุแค่นี้ทำไมตัวใหญ่จังวะ “มีธุระแค่นี้ใช่ไหม”

“ได้เห็นหน้าคุณผมก็พอใจแล้ว” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง “นี่แหละธุระของผม”

“เชิญ!” ผู้กำกับหนุ่มปิดประตูดังปัง เหลือบมองกล่องข้าวในมือ กลิ่นหอมของอาหารหอมกรุ่นเตะจมูกจนต้องลอบกลืนน้ำลาย เสียงท้องที่ร้องไม่หยุดทำเอาเขาอยากจะบ้าตาย สงสัยต้องฝากท้องไว้กับข้าวกล่องนี่สักวัน ก็แค่วันเดียวแหละน่า

“คุณวัตร คือว่า วันอังคารหน้า ผมมีแข่งบาสที่มหา’ลัย” ปฐวีแนบริมฝีปากกับบานประตู เขาหวังว่าชัยวัตรจะได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูด “ถ้าคุณว่างแวะมาดูได้นะครับ”

“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก” เขาตะโกนออกไป อันที่จริงเขาพิงประตูห้องอยู่จึงได้ยินเสียงของคนข้างนอกชัดเจน และเขาก็คิดว่าไม่ใช่กงการอะไรที่เขาจะต้องไปดู งานการเขามีตั้งเยอะแยะ แล้วไอ้เด็กนี่ยังตอแยเขาไม่เลิกเขาคงได้เล่นไม้แข็งแน่

“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมจะขอมาส่งข้าวให้คุณทุกวันเลยแล้วกันนะ”

“ไม่ต้อง!” บางครั้งเขาอาจจะต้องไปตรวจความเรียบร้อยนอกสถานที่หรือกินเลี้ยงกับเพื่อน ทำให้การกินข้าวของเขาไม่เป็นเวลา แล้วเขาก็ไม่ต้องการมารายงานว่าเขาต้องไปไหนทำอะไรกับใครด้วย ไม่ต้องมารอเขา เพราะเขาก็ไม่อยากรอใครเหมือนกัน

เสียงจากข้างนอกเงียบไปแล้ว เขาได้แต่ถอนหายใจ เขามั่นใจว่าตนเองได้ปฏิเสธไปอย่างชัดเจนแล้ว เขาไม่ได้ต้องการให้ปฐวีมารับผิดชอบอะไรในตัวเขา ความสัมพันธ์ทางกายแบบไร้สถานะเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปเสียแล้ว เขาเป็นผู้ชายอายุสามสิบสามที่ผ่านโลกมาแล้วพอสมควร ไม่ใช่หนุ่มน้อยแรกรักอย่างไอเด็กนั่น คิดจะมาผูกมัดเขามันยังเร็วไปร้อยปีโว้ย!

เขาเคลียร์งานอยู่ในห้องจนห้าทุ่มกว่า ไลน์ดังแจ้งเตือนจากเพื่อนสนิทโทรมาชวนไปแฮงค์เอ้าอีกเช่นเคย กดปิดแล็บท็อบตรวจความเรียบร้อยเสร็จแล้วเขาก็เตรียมตัวหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน บ่อยครั้งที่ต้องนอนค้างที่สน.เขาจึงต้องมีชุดลำลองเตรียมไว้

“จะกลับแล้วหรือครับ” ปฐวีที่กำลังนั่งอ่านหนังสือผุดลุกขึ้นมา “จะกลับคอนโดเลยหรือว่าจะไปไหนต่อครับ”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ไอ้หนู!” เขาจิ้มจึกที่แผงอกของเด็กหนุ่มไม่ให้เข้ามาใกล้จนเกินไป “ดึกดื่นแล้วไม่กลับบ้านกลับช่อง ไม่ไปทำงานพิเศษแล้วหรือ”

“ช่วงนี้ผมมีแข่งกีฬาครับ เลยขอหัวหน้าลาหยุดไว้สักพัก”

“โอ้ นักกีฬาหรือ” ชัยวัตรทำตาโต ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างดูน่ารักเหลือเกินสำหรับเด็กหนุ่ม “กีฬาอะไรล่ะ” เขาเหมือนเห็นหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่กำลังสั่นหางระริก เขาแค่คุยด้วยก็ดีใจจนออกนอกหน้า

“บาสครับ”

“แล้วนักกีฬาไม่พักผ่อนจะเอาแรงที่ไหนไปแข่ง กลับไปได้แล้วไป”

“ก็ได้ครับ” คราวนี้หมาตัวโตหางลู่หูตก เขาอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ

“ที่นี่สถานีตำรวจ ไม่ใช่ที่นายมาจะวิ่งเล่นหรือมานั่งเฝ้าใคร”

“ขอโทษครับ”

 “ฟังนะปฐวี เรื่องที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด ลืมมันไปซะ หากนายล้ำเส้นมาอีก อย่าหาว่าฉันใจร้าย” เขาหันไปทำเสียงดุ ต้องให้เขาใจร้ายใช่ไหมถึงจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“ผมไม่ลืมได้ไหม”

“นั่นมันก็เรื่องของนาย!”

เขาไม่สนคนที่กำลังส่งสายตาตัดพ้อ เดินหนีไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัวที่จอดเอาไว้ ยังไม่ทันได้ออกรถไปไหนเพราะมัวแต่ก้มลงเก็บของส่วนตัว เด็กตัวโตก็เปิดประตูเข้ามานั่งข้างคนขับเสียอย่างนั้น เขามองเด็กหนุ่มที่ทำหน้าบึ้งแล้วขมวดคิ้วรู้สึกรำคาญเต็มแก่

“ผมจะไปด้วย”

“ฉันไม่พกเด็กไปด้วยหรอกนะ”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้ว!”

“แต่การกระทำของนายนี่แหละที่ยังเด็ก เที่ยวตามติดฉันไปทั่วแบบนี้ บอกตรงๆนะ รำคาญ”

“ผมก็แค่เป็นห่วงคุณ ไม่ได้หรือ”

“ฉันโตแล้ว และก็ดูแลตัวเองได้ นายเอาเวลาไปห่วงตัวเองเถอะ!” เขาเห็นปฐวีกำหมัดแน่น ก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา จึงลอบถอนหายใจเบาๆ เขาไม่ใช่คนชอบพูดจาทำร้ายจิตใจใครง่ายๆหรอก แต่นี่มันจำเป็นจริงๆ หวังว่าเขาจะเข้าใจ

“ผมมันไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือ”

“ถ้าจะพูดถึงการกระทำ ฉันว่านายออกจะเหมือนสตอล์คเกอร์ไปหน่อยนะ”

“เหมือนโรคจิตที่ชอบแอบสะกดรอยตามงั้นหรือ”

“ก็ประมาณนั้น” เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่เอามือขยี้หัวอย่างเอาเป็นเอาตาย สงสัยวันนี้เขาคงต้องยกเลิกนัดกับเพื่อนแล้วล่ะ เพราะหมาตัวโตดูท่าจะไม่ไปไหนง่ายๆ

‘ผมไม่เคยจีบใครนี่นา”

“ใครบอกว่าให้จีบได้วะ”

“ก็เราเป็นผั---”

“อย่าพูดนะมึง” เขาดันฝ่ามือปิดปากเด็กหนุ่มที่ร้องอู้อี้ “ไม่งั้นกูยิงไส้แตกจริงๆด้วย” ปฐวีพยักหน้าหงึกหงักเขาถึงยอมปล่อยมือออก ฝ่ามือที่เขาใช้ปิดปากเด็กหนุ่มแฉะฉ่ำ

“ขอโทษครับ ผมเผลอเลียไปนิดหน่อย”

“…”

นี่เขากำลังอยู่กับหมาโกลเด้นตัวโตจริงๆใช่ไหมเนี่ย 




TBC


ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด  :mew1: :mew2:
ขอบคุณจริงๆค่า วันนี้พายเอาน้องไทเกอร์มาฝากค่ะ^^

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
น้องไทเกอร์น่ารักเชียวค่ะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ชอบๆ มาต่ออีกเยอะๆ นะค๊าาา  :L2:

ออฟไลน์ cookie8009

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชลธี เป็นทหารเรือ หรือทหารบกครับ
อ่านแรกๆ เหมือนว่าเป็นทหารเรือ แต่ภารกิจ และเนื้อเรื่องตอน 9 เหมือนภาพทหารบกมากกว่า

ออฟไลน์ Maneemantra7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ๊ากพี่หลามจะไปลาดตระเวณ แล้วนุ้งลินทร์จะโดนพี่ชุคาบไปกินอีกไหม

แต่วัตรกับวีก็มากระชุ่มกระชวยหัวใจเสียจริงๆ

ทำไมตอนนี้ไม่เห็นมี....เลยอ่ะ55555555+

ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
“ผมชอบ9มม.ที่สุดแล้ว” มุจลินท์เหล่มองปืนในมือผู้พันหนุ่ม “อย่างน้อยก็ยังเซไม่มาก” เขาหัวเราะแห้ง แค่ยิงปืนไม่กี่นัดใช้พลังมหาศาลกว่าที่เขาคิด แรงดีดจากปืนทำเอาเขาแทบจับปืนไว้ไม่อยู่


อยากถามนักเขีนว่าพิมพ์ผิดหรือเปล่าครับ ผมว่าน้องลินทร์จะบอกว่าผมชอบเก้านิ้วที่สุดเลย 55555+

เหมือนจะได้คู่รองเพิ่มมาอีกคู่นะครับ นัทกันปาน ระวังจะลงล็อคแบบวีกับวัตร

รอตอนต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตอนที่ ๑๐

   เวลาเจ็ดโมงเช้าคือช่วงเวลาที่มุจลินท์จะวุ่นวายที่สุด นอกจากจะเตรียมไทเกอร์ไปโรงเรียนแล้ว อาหารเช้ายังเป็นเรื่องที่เขาปวดได้ทุกวัน เพราะคุณชายไม่ยอมกินบรรดาผักทั้งหลาย ต้องงัดไม้ตายมาใช้นับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะยอมกินหมดได้ในแต่ละมื้อ วันนี้เป็นคิวคุณแครอทสีสวยที่เด็กหนุ่มตั้งใจทำเป็นพิเศษ ไข่ตุ่นแครอทและแกงจืดหมูสับ  เขาจัดแจงทำข้าวผัดอีกชุดไว้ทานที่มหาวิทยาลัยและแพ็คใส่กล่องข้าวใบเล็กให้ลูกชายตัวน้อยไว้ทานที่โรงเรียน

ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลไทเกอร์ เขามักสังเกตพฤติกรรมเด็กชายอยู่เสมอ หากเผลอเมื่อไหร่เจ้าตัวจะเอานิ้วเข้าปาก หนักเข้าเริ่มมีอาการกัดเล็บจนเล็บเปื่อยยุ่ย เขาต้องพูดคุยทำความเข้าใจทุกครั้ง จบลงที่เด็กน้อยร้องไห้โยเยให้เขาเล่านิทานให้ฟังจนผล็อยหลับไป เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่จะได้มาดูแลไทเกอร์พี่เลี้ยงคนก่อนดูแลน้องอย่างไร คราวหน้าเขาจะถามชลธีให้รู้เรื่องให้ได้

“อาลิน เกอร์ไม่อยากกิน” เด็กชายในชุดนักเรียนเบะปากคว่ำใช้ช้อนส้อมเขี่ยไข่ตุ่นจนเละ เขาจับมือเด็กชายไว้ให้หยุดทำ ของกินไม่ใช่ของเล่น ต้องห้ามปรามกันหลายครั้งถึงจะยอมเข้าใจ

“ทำไมไม่กินล่ะลูก ไปโรงเรียนหนูจะไม่หิวหรือ”

“เกอร์ไม่ชอบกินผัก”

“พูดงี้คุณผักเสียใจแย่”

“เกอร์กินแค่คุณหมูไม่ได้หรอครับ”

“เกอร์ก็จะกลายเป็นแบบคุณหมูนะครับ”

“ไม่อาววววว”

“’งั้นชิมคุณไข่หน่อยนะครับ อ้าม” เขายกช้อนจ่อปาก เด็กชายชั่งใจอยู่ไม่นานก็อ้าปากงับก่อนจะเคี้ยวแก้มตุ่ยเป็นที่เอ็นดูของคุณยายที่กำลังละเลียดข้าวต้มอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ “เก่งจังเลยคนดี คืนนี้อาลินท์จะเล่านิทานให้ฟังนะครับ”

“เอาคุณกาต่ายกับต่าววววว” เคี้ยวไม่ทันหมดก็อ้าปากพูดเจื้อยเจี้ยวเป็นนกแก้วนกขุนทอง มุจลินท์ใช้ผ้ากันเปื้อนซับปากให้ไทเกอร์จนสะอาด ก่อนจะส่งแก้วน้ำเปล่าที่มีหูจับให้เด็กชายถือไว้

“ค่อยๆทานนะครับลูก”

“อาหย่อยจังเลยคร้าบ” เด็กชายตักคุณแครอทเข้าปากแบบไม่ต้องบอก เขาเลือกผักที่มีรสชาติหวานและต้มให้อ่อนจนเด็กวัยสี่ขวบสามารถเคี้ยวได้ “เอาใส่ปิ่นโตเกอร์ได้ไหมครับ เกอร์จะไปแบ่งเพื่อน”

“ได้สิครับลูก” เขาอดไม่ได้จับแก้มยุ้ยของเด็กชายเบาๆ แล้วตระเตรียมอาหารกลางวันใส่ปิ่นโตหรือกล่องเล็กๆให้เด็กชาย แม้ที่โรงเรียนจะมีอาหารกลางวันอยู่แล้วแต่ไทเกอร์ก็ยังคะยั้นคะยอให้เขาทำอาหารให้ไปทานที่โรงเรียนทุกวัน โดยให้เหตุผลว่าเห็นแม่ของเพื่อนทำมาให้เพื่อนทุกวัน ก็เลยอยากมีเหมือนเพื่อนบ้าง

‘หนูอยากมีแม่’

‘…’

‘อาลินท์เป็นแม่ให้เกอร์ได้ไหม’

‘แต่อาลินท์เป็นผู้ชายนะ’

‘เกอร์อยากมีแม่ ฮือ’

‘ไม่ร้องนะลูกนะ’

‘แม่ แม่ ฮือ’


เด็กชายร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนหลับคาตักเขาไป น่าแปลกที่บ้านไม่มีรูปแม่ของไทเกอร์แม้แต่ใบเดียว มีเพียงรูปเด็กชายตัวน้อยกับคุณพ่อเท่านั้น ไม่เหมือนบ้านพักในค่ายของชลธีที่ยังคงมีรูปแต่งงานแขวนอยู่ อีกทั้งเมื่อถามถึงแม่ เด็กชายก็จะร้องไห้ไม่หยุดจนกว่าเขาจะกอดปลอบ เขารู้ดีว่าความรู้สึกโหยหาความรักความอบอุ่นจากแม่นั้นเป็นอย่างไร และเขาก็ไม่อยากให้ไทเกอร์ต้องรู้สึกเหมือนกันกับเขา เขาจึงดูแลไทเกอร์อย่างใกล้ชิดจนเด็กชายติดเขาแจ อย่างน้อยเขาก็อยากเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ให้ลูกชายตัวน้อยได้พึ่งพิงและพักผ่อนยามเหนื่อยล้า นี่คงจะเป็นความรู้สึกของพ่อแม่กระมัง

 เขานั่งแท็กซี่มาส่งไทเกอร์เข้าโรงเรียนพร้อมกำชับเช่นเคยว่าทานข้าวในกล่องให้หมด เด็กชายพยักหน้ารับพร้อมยิ้มโชว์กำแพงฟันที่หายไปสามซี่ เขาก้มลงจุมพิตแก้มขาวที่หอมแป้งเด็ก

“อารักหนูนะลูก”

“เกอร์ก็รัก แม่ลินท์” เด็กชายกระชับกอดแน่นก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นจูบแก้มมุจลินท์ “เกอร์ไปโรงเรียนแล้วนะ พ่อบอกเป็นผู้ชายห้ามร้องไห้ แม่ลินท์ไม่ร้องนะ” ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร มือเล็กก็บรรจงเช็ดน้ำตาที่คลอของเขา เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นสะกดกลั้นน้ำตาที่กำลังไหลทะลัก เขาก้มลงหอมแก้มเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ขาดหายไป เขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มอีกครั้ง ผ่านความรักที่เขากำลังได้รับอยู่

“เป็นเด็กดีนะลูก” เขาลูบผมเด็กชายเบาๆ “เดี๋ยวเย็นๆอามารับนะครับ”

“ครับผม!” ไทเกอร์เลียนแบบท่าตะเบ๊ะตามรูปของพ่อที่แขวนอยู่ที่ห้อง ก่อนจะวิ่งหายไปรวมกลุ่มกับเพื่อนกับคนอื่นๆ เขายืนมองจนเด็กชายหายลับไปจากสายตาจึงได้เดินออกมาขึ้นรถเมล์ที่ปากทางเข้า ชลธีทิ้งรถยนต์ไว้ให้เขาใช้หนึ่งคัน พร้อมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขาไปเรียนขับรถ แต่มุจลินท์เองยังไม่มีเวลาว่างที่จะไปเรียนเลยสักครั้งทำให้รถยนต์คันเก่งที่ผู้พันตั้งใจให้เขาไว้ใช้จอดนิ่งอยู่ที่คอนโด เขารอรถประจำทางได้ไม่นานก็รีบขึ้นนั่ง จากโรงเรียนเตรียมอนุบาลกว่าจะถึงมหาวิทยาลัยก็ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง

‘คิดถึงจัง’

‘ครับ’

‘ลินท์ วันนี้พี่กลับบ้านนะ’

‘จริงหรือครับ’

‘พาลูกกับคุณยายไปทานข้าวข้างนอกกันนะครับ’

‘ได้สิครับ วันนี้ผมจะได้ไม่ต้องแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต’

‘อื้ม อยากนอนกอด’

*สติ๊กเกอร์กระต่ายโคนี่วิ่งหนี*


เป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าที่เขาไม่ได้เจอชลธีเลย นายทหารหนุ่มบอกกับเขาว่างานที่จะต้องจัดการมีมากมายทำให้ไม่สามารถปลีกเวลากลับบ้านได้ในช่วงนี้ เขาได้แต่ตอบรับให้กำลังใจไป และหวังว่าเขาจะได้กลับบ้านมาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที

“เป็นอะไรยะ เห็นยิ้มทั้งวัน” หญิงสาวผมยาวประบ่าสีดำสนิทชุดนักศึกษาชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอที่เขาเปิดทิ้งไว้ กัญญาเป็นเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่คอยช่วยเหลือเขาในเรื่องต่างๆโดยเฉพาะเรื่องงานกลุ่ม ที่เขาไม่สามารถจะอยู่เย็นเพื่อทำรายงานได้ “ไหนคุยกับใครดู ขอดูหน่อยสิวะ”

“แก้ว พูดไม่เพราะเลยนะ”

“โถ่ๆ พ่อพิกุลทอง”

“ก็กูเป็นผู้ชาย กูพูดได้ มึงเป็นผู้หญิงต้องคีพลุคหน่อย” เขาหัวเราะร่วนที่ได้แกล้งเพื่อน “เดี๋ยวหาแฟนไม่ได้ ซวยเลย”

“ไอ้ลินท์ ไอ้ห่านี่ แช่งกูอีก” กัญญาค้อนใส่วงเบ้อเริ่ม “ไม่ไปรับหลานหรือไง”

“เดี๋ยวไปแล้วๆ ขอบคุณนะมึงที่เป็นธุระให้ เดี๋ยวกูจะส่งงานส่วนที่เหลือให้มึงคืนนี้นะ”

“ไม่ทันก็วันหลัง กำหนดส่งสิ้นเดือนนู้น มึงจะขยันอะไรนักหนา” เธอใช้นิ้วชี้เขี่ยสมาร์ทโฟนเล่น คาบบ่ายที่อาจารย์ยกเลิกคลาสทำให้ว่างเหลือเกินจนต้องมานั่งเล่นอยู่ใต้ตึกคณะ “คืนนี้คงจะได้ส่งหรอก เห็นคุยจี๋จ๋ากับแฟน หวานซะขนาดนั้น”

“ไอ้แก้ว มึงแอบดูหรอ”

“ป๊าว มันเข้าตากูเอง” เห็นเพื่อนทำเสียงสูงหยอกล้อเขาก็อดจะหัวเราะตามไม่ได้ มุจลินท์ยังมีเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่คาบบ่ายเรียนกันคนละวิชาทำให้เทอมนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน

“มึงนี่นะ กวนตีนจริงๆ”

“เออ แล้วพี่ชุหายไปไหนแล้ววะ.. เขาเลิกจีบมึงแล้วหรือ”

“จีบอะไรมึง เขาไม่ได้จีบกูหรอก”

“อย่ามั่ว เขาลือกันให้แซ่ดว่าพี่ชุอกหักจากมึง” เธอเงยหน้าขึ้นมาจ้องเพื่อน ตากลมโตหรี่ลงจนเหลือเส้นบาง นิ้วชี้จิ้มไปที่ลูกเป็ด “ที่ไปเข้าค่ายดาวเดือน มีคนเห็นมึงขึ้นรถไปกับผู้ชายคนอื่น พี่ชุของกูเลยอกหักดังเป๊าะเลย กูก็อุตส่าห์จิ้นซะดิบดี มึงนี่มันทำลายความหวังของมวลมนุษย์สาววายซะจริงๆ”

“เว่อไปแล้ว มึงเอามาจากไหนเนี่ย”

“ในเพจของมหาลัย ตอนแรกก็ไม่คิดว่าเป็นมึงหรอก ถ้าไม่เห็นพี่ชุ”

“ไปกันใหญ่แล้ว อีกอย่างกูไม่ได้เล่นเฟสบุคด้วยซ้ำ”

“ช่างเหอะ แค่พวกขี้เม้าท์ ขี้อิจฉา มึงตอบกูมาดีกว่า ว่าผู้ชายคนนั้นของมึงเป็นใคร” กัญญาล้วงกระเป๋าเป้สีครีมตั้งท่าเตรียมสมุดปากกาพร้อมจดบันทึกเต็มที่

“ขอร้องล่ะ เลิกเอาอิมเมจกูไปเขียนนิยายวายได้ละ”

“เบื่อพวกรู้ทันจริงจริ๊ง” กัญญาทำหน้าเบื่อหน่ายพลางกรอกตาขึ้นฟ้า “เอาล่ะกูพร้อมฟังละ”

“เขาเป็นนายจ้างที่กูทำงานพิเศษอยู่”

“สรุปนี่คบกันหรือยัง”

“ก็ยังนะ” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งจะให้บอกอย่างไรล่ะว่าอีกฝ่ายคิดอะไรกับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้

“มึงก็ขอเขาเป็นแฟนสิ”

“ไม่เอา! มึงจะบ้าเรอะ”

“โอ้โหลินท์ ระหว่างอายกับอดมึงจะเอาอะไร ด้านได้อายอดว้อย!”

ระหว่างที่มุจลินท์กำลังทุ่มเถียงกับกัญญาอยู่ใต้ตึกคณะ รถยนต์สีขาวจอดเทียบหน้าอาคารก่อนจะดับเครื่อง ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบอ่อนแขนสั้นสีเขียวขี้ม้าหยุดยืนมองหาเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมตอบข้อความเขาเสียที กระทั่งเจอเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อน เขาจึงเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะที่มุจลินท์กำลังนั่งอยู่ กัญญาเห็นก่อนจึงสะกิดเรียกเพื่อนให้หันหลังกลับไปดู

“มึงๆ ทหารหล่อ บอกต่อด้วย”

“อะไรนะ” เขาหันไปมองตามเพื่อน เด็กหนุ่มเห็นชลธีกำลังเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มผุดขึ้นทันที เขาสังเกตเห็นร่องรอยความอ่อนล้า นายทหารหนุ่มดูคล้ำและซูบลงอย่างเห็นได้ชัด “สวัสดีครับ” มุจลินท์พุ่มมือไม้ก่อนจะสบตาคมคู่สวยที่เขาคิดถึงนักหนา กัญญาที่กำลังงุนงงยกมือไหว้ตาม

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” ชลธีหันไปยิ้มให้ กัญญาแทบจะยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมากดถ่ายอยู่แล้ว เธอไม่เคยเจอผู้ชายในเครื่องแบบที่สมาร์ทและดูดีเท่าชลธีมาก่อน จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ “พี่ขอพาลินท์กลับเลยนะ” ชลธีคว้าข้อมือขาวแล้วก้าวฉับไปที่รถยนต์ทันที มุจลินท์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวหันไปโบกมือให้เพื่อนที่กำลังยืนอึ้ง

“อย่าบอกนะว่า.. ?” มุจลินท์ไม่ตอบได้แต่ยิ้มหวานให้ แค่นี้กัญญาก็รู้แล้วว่าอิมเมจของพระเอกนิยายวายคนใหม่ของเธอนั้นคือใคร “เจอแบบนี้ ถึงว่า.. พี่ชุกูตายอะ”
.
.
.
มุจลินท์ดันแผงอกหนาที่โถมทับเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของคนข้างบนบดจูบดูดดึงแถมยังขบปากเขาจนเจ็บไปหมด เรียวลิ้นสอดใส่เข้าไปในโพรงปากนุ่ม กระหวัดเกี่ยวจนเขาแทบจะทนไม่ไหวอยากจะเป็นลมมันเสียตรงนี้ เส้นสายสีเงินโยงเป็นทางยาวหลังจากที่ชลธีถอนจูบ เขาใช้นิ้วโป้งปาดที่ริมฝีปากบางที่บวมเจ่อของลูกเป็ดเบาๆ แค่สองอาทิตย์ที่ต้องอยู่ไกลกันแต่เขารู้สึกนานเหลือเกิน ที่เขารีบร้อนอยากจะกลับบ้านไวๆ คงเป็นเพราะเขาเสพติดสัมผัสจากมุจลินท์เข้าแล้ว

“พอได้แล้วครับ ลินท์เจ็บปากไปหมดแล้ว” เด็กหนุ่มใช้หลังมือถูริมฝีปากที่บวมแดงพลางส่งสายตาดุไปยังชลธีที่ยิ้มกริ่ม พอเจอกันทีไรก็ชอบรังแกเขาอยู่เรื่อย “ไปอดอยากมาจากไหนครับ”

“อยู่แต่ในป่าจะให้พี่ไปจูบกับใครล่ะครับ นางไม้หรือ ไม่เอานะพี่กลัว” ชลธีพูดติดตลกก่อนจะออกรถมุ่งหน้ากลับคอนโด แค่ลูกเป็ดขอแวะปั๊มซื้อน้ำแค่แปบเดียวเขาก็อดใจรอถึงบ้านไม่ไหว จับฟัดไปพอหอมปากหอมคอ “ถ้าลินท์ไม่ให้พี่จูบ พี่ต้องขาดใจตายแน่ๆเลย”

“เดี๋ยวนี้พี่ฉลามปากหวานจังเลยนะครับ”

“แน่ล่ะ ก็พี่ชอบกินอะไรหวานๆนี่ครับ”

“....”

“เงียบเลย สงสัยเขินอยู่” ชลธีคว้ามือขาวมาจับ “คืนนี้ไม่เอา ไม่เงียบแบบนี้นะ พี่ชอบฟังเสียงลินท์ที่สุด”

“ทะลึ่งเกินไปละ!”

“โอ๊ย ตีพี่ทำไมครับ” นายทหารแกล้งร้องโอดครวญให้ดูน่าสงสาร ระดับมุจลินท์ต่อให้ตีมากกว่านี้เขาก็ไม่รู้สึกอะไร ”ตีหนึ่งที พี่ปล้ำสองที เอาสิตีเลย คืนนี้ไม่ต้องนอนก็ยังได้นะ”

“พี่ฉลาม! ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ” มุจลินท์ขบกรามแน่น ขัดใจแค่ไหนก็เอาคืนไม่ได้สักที ส่วนชลธีฮัมเพลงไปตลอดทาง รถยนต์มุ่งหน้าไปรับไทเกอร์ที่โรงเรียนเตรียมอนุบาล ทันทีที่เด็กชายเจอคุณพ่อ ก็ออกอาการตื่นเต้นดีใจ เกาะแข้งเกาะขาร้องเรียกให้คุณพ่ออุ้มไม่หยุด

“คุณพ่อมาแล้วลืมอาลินท์เลยนะครับ”

“แม่ลินท์ไม่งอนนะ” เด็กชายผละจากพ่อโผเข้ากอดมุจลินท์ น้ำหนักไม่น้อยโถมหาเขาทีแทบจะเซหงายหลัง “ดีกัน ดีกันนะครับ”

“เข้าใจหาแม่นะไทเกอร์” ชลธีมองเด็กหนุ่มหน้าหวานที่กำลังช้อนข้อพับรักแร้เพื่อยกลูกหมูขึ้นอุ้ม “ถูกใจพ่อจริงๆ”

“พอเลยครับ” เขารีบอุ้มเด็กชายขึ้นรถ ไม่อยากสบสายตาแพรวพราวของชลธีเลยจริงๆ หัวใจมันเด้งกระดอนออกมาให้ได้เสียอย่างนั้น เขาตรงไปคอนโดเพื่อรับคุณยายออกมาทานข้าวข้างนอก คุณยายนอนพักอยู่ในห้องส่วนตัวด้านในสุด เขาเลือกที่จะไม่เคาะประตูค่อยๆเปิดประตูเข้าไป

“ยายจ๋า” เขาจับมือเหี่ยวย่นของยายขึ้นมาแนบแก้ม “ลินท์จะพายายไปทานข้าวข้างนอกนะ เราไปหาอะไรทานอร่อยๆนะจ้ะยาย”

“ยายไม่ค่อยหิวเลยลูก รู้สึกพักนี้กินอะไรไม่ค่อยลง” ยายสมใจลืมตาขึ้นมามองหลานชาย เหลือบไปมองหน้าต่างเห็นแดดแก่จัดในช่วงเย็นส่องสะท้อนเข้ามาในห้อง หลังจากที่ทำงานบ้านเสร็จแกก็ล้มตัวนอนพักผ่อนไม่คิดว่าจะนอนยาวจนเย็นขนาดนี้

“ยายไม่ค่อยสบายหรือจ้ะ ลินท์จะเช็ควันเวลาที่หมอนัดอีกทีนะจ้ะ ลินท์จะพายายไปหาหมอ” เขาเอาแก้มนวลถูกับมือของยายไปมา ติดนิสัยขี้อ้อนมาตั้งแต่เด็กๆ เขาเริ่มทำงานกับชลธีมาเกือบครึ่งปีมีเงินเก็บอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งเขาเก็บไว้ใช้กับสำหรับการรักษาของยายโดยเฉพาะ ตอนนี้เขาไม่กลัวอีกแล้ว เขาจะทุ่มเทสุดกำลังเพื่อรักษายายให้หายดี

“โรคคนแก่แหละลูกเอ๊ย ไม่ต้องรักษาอะไรมากมายหรอก ค่าเดินทางค่ายาแพงทั้งนั้น เกรงใจคุณเขา” เด็กหนุ่มประคองคุณยายลงจากเตียงแล้วพามานั่งที่ห้องรับแขก ชลธีที่กำลังช้อนแขนเจ้าลูกชายชูขึ้นเป็นเครื่องบินได้ยินก็เดินเข้ามาใกล้วางเด็กแสบลงบนตักเขา

“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับคุณยาย เงินลินท์เขาทั้งนั้น ไม่ใช่เงินผมหรอก” ชลธียิ้มกว้าง ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เขาโอนให้แต่ละเดือน มุจลินท์ทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เขาดูทุกอย่างทั้งๆที่เขาไม่เคยร้องขอ แถมยังไม่เคยเบิกเงินเพิ่มด้วยซ้ำ เป็นเขาเองที่โอนเงินให้ใช้มากขึ้นทุกเดือนเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะประหยัดจนเกินไป เขากลัวเจ้าลูกเป็ดทำอะไรลำบากเกินตัว เงินแค่นี้เขาให้ เมีย เขาได้อยู่แล้ว

ยายสมใจหันมามองหลานชายที่กำลังนิ่งอึ้ง ที่ผ่านมาแม้ยายจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่ก็ไม่ได้ตาบอดจนไม่เห็นพฤติกรรมแปลกๆของเจ้านายกับลูกจ้างสองคนนี้ ว่ามีอะไรที่เกินกว่าความสัมพันธ์ธรรมดาทั่วไป เงินเดือนพี่เลี้ยงเด็กธรรมดาทั่วไปจะพอจ่ายค่ารักษาหมอแพงๆของหล่อนได้อย่างไร

“เอ่อ คือ” มุจลินท์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าเงินที่ได้มาก็คือเงินที่เขาทำงานจริงๆ แต่ชลธีให้มามากเกินไปต่างหาก “คือว่าลินท์”

“ลินท์กับพี่เขาเป็นอะไรกันลูก” ยายไม่เคยดูถูกความรักเพศเดียวกัน และไม่เคยคิดจะต่อว่า หากหลานชายคนเดียวของแก เกิดจะมีคนรักเป็นผู้ชายขึ้นมาจริงๆ แกเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย สอนร้อยพวงมาลัย ทำขนม พับดอกไม้ขาย ย่อมรู้ดีว่ามุจลินท์มีความนุ่มนิ่ม เรียบร้อยขนาดไหน ไม่ค่อยได้เล่นอะไรเหมือนที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงเท่ากับหลานชายต้องหลบซ่อนสถานะเป็นเบี้ยล่างของผู้มีอำนาจที่ไหน หล่อนไม่ยอมให้หลานชายสุดที่รัก ไปเป็นบ้านเล็กของใครแน่ โดยเฉพาะนายทหารที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างเช่นชลธีจะมาจริงจังอะไรกับเด็กสลัมที่ไม่มีอะไรสักอย่าง หลานชายของหล่อนไม่ใช่ของเล่นหรือดอกไม้ข้างทางที่ใครจะผ่านมาแล้วผ่านไปอย่างไรก็ได้ หากมุจลินท์เจ็บช้ำน้ำใจเมื่อไหร่ หล่อนจะพาหลานชายออกไปจากที่นี่ทันที “ว่าอย่างไรล่ะลินท์?”

“แม่ลินท์เป็นแม่ลินท์ของหนูจ้ะ” ไทเกอร์ใช้สองแขนอวบอ้วนรวบเข้าที่เอวคุณยาย เอาแก้มยุ้ยถูไถจนยายจั๊กจี้ก้มลงดมกลุ่มผมนุ่มของเด็กชายอย่างเอ็นดู “ยายก็เป็นยายของเกอร์ไงจ้ะ”

“น่ารักจริงๆเด็กคนนี้” เมื่อเห็นความน่ารักของเด็กชาย คุณยายก็ใจอ่อนยวบ “ยายหอมทีลูก”

“คุณยายครับ” ชลธีก้มลงกราบแทบเท้า มุจลินท์ตกใจจึงรีบเดินเข้าไปหา ชลธีคว้ามือมุจลินท์มากุมแน่น ดวงตาสีสวยคู่นั้นที่กำลังฉายแววไม่เข้าใจ เพราะเขาทำเฉยเมยกับความรู้สึกเด็กหนุ่มมานาน ทำอะไรไม่เห็นหัวผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเลย “ที่ผ่านมาผมกับลินท์ เราเป็นมากกว่านายจ้างและลูกจ้างทั่วไป อย่างที่คุณยายอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้ยินอะไรก็ตาม”

“พี่..” มุจลินท์บีบมือชายหนุ่มแน่น เขาไม่รู้ว่าชลธีจะทำอะไรกันแน่

“ผมอยากจะขอขมาที่ผมได้ล่วงเกินน้องไป และอยากจะรับผิดชอบลินท์ ดูแลลินท์” พร้อมกับประสานมือของคนเคียงข้างให้สอดแนบแน่น “ยกลินท์ให้ผมนะครับ”

ไทเกอร์ที่นอนเล่นบนตักคุณยายพงกหัวขึ้นมาได้ยินว่าคุณพ่อจะขออาลินท์ไป ดวงตากลมโตก็เบิกโพลงกลิ้งลงตักคุณยายมาขวางไว้ เสื้อยืดสีเหลืองม้วนขึ้นไปเหนือพุงน้อยๆท่าทางน่าเกรงขามที่ลอกเลียนแบบมาจากป๊ะป๋าได้ใช้จริงก็วันนี้

“แม่ลินท์ของเกอร์!” ชลธีอยากจะเอาหัวโหม่งพื้นเมื่อเห็นลูกชายยืนทำท่าทะเล้นไม่ได้รู้สถานการณ์เอาซะเลย เห็นคุณยายนิ่งไปเขาก็เริ่มใจเสีย 

“ยายก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้ารักกันชอบพอกัน” หล่อนกระแอมไอไม่คิดว่าชลธีจะเล่นไม้นี้ “แต่ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรถึงขั้นนั้นก็อย่าเสียเวลาจะดีกว่าคุณ หลานยายทั้งคนนะ”

“ผมรักลินท์”

“…”

“แล้วลินท์ล่ะ...”

“…”

“ร้องไห้เป็นเด็กขี้แยเหมือนสมัยเด็กๆไม่มีผิด อย่างนี้คงไม่ต้องยกให้คุณเขาแล้ว” เด็กหนุ่มก้มหน้างุดหยดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเต็มสองแก้ม ชลธีโยกหัวให้เข้ามาซุกอ้อมกอด มุจลินท์สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กเล็ก ไทเกอร์วิ่งเข้ามาทุบพ่อตัวเองหนึ่งที แล้วโวยวายว่าเขาทำแม่ร้องไห้ ไม่ทันไรก็เปลี่ยนข้างเสียแล้ว เจ้าลูกชายคนนี้!

“ลินท์ก็.. ฮึก.. เหมือนกัน” เสียงอู้อี้ดังออกมาไม่ชัดนัก เขาพยามเงี่ยหูฟังก็ได้ยินแต่เสียงงึมงำ ทั้งกอดทั้งปลอบเด็กงอแงจนได้ที่ถึงได้ยอมผละออกจากอก มุจลินท์ค่อยๆคลานเข่าก้มลงกราบแทบเท้าของคุณยายผู้ดูแลมาทั้งชีวิต

“ลินท์มีคนดูแลแล้วนะลูก อย่าดื้ออย่าซนกับพี่เขานะ”

“ลินท์ขอโทษ” สองมือกระพุ่มไหว้ทั้งน้ำตา “ขอโทษที่ไม่เป็นอย่างที่ยายหวัง”

“แค่เห็นหลานมีความสุข ชีวิตนี้ยายยังต้องการอะไรอีก” เด็กหนุ่มโผเข้ากอด อ้อมกอดอบอุ่นที่เขาได้รับมาตลอดชีวิต วันนี้เขามีใครอีกคนเป็นที่พักพิง ความรู้สึกได้รับความรักมันเป็นเช่นนี้นี่เอง

ชลธีมองภาพตรงหน้า หัวใจรู้สึกปลอดโปร่งเหมือนได้ปลดโซ่ตรวนที่ผูกมัดเขาไว้ออกจนหมด เขาได้บอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง โดยปราศจากบทบาทสถานะทางสังคมที่เขามี ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการความรักไม่ต่างจากมนุษย์คนไหนบนโลกใบนี้ และมุจลินท์คือคนที่ทำให้เขาได้สัมผัสคำว่ารักอีกครั้ง..

และเขาหวังว่าคำว่ารักครั้งนี้จะเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากพอที่จะให้เขาและมุจลินท์ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้
.
.
.
(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5


สุดท้ายมุจลินท์ก็เป็นพ่อครัวทำอาหารเมนูง่ายๆทานด้วยกันที่คอนโด หลังจากทานข้าวเสร็จเขาก็รีบอาบน้ำเข้าไปนอนอ่านนิทานให้ลูกชายฟังจนหลับสนิท พรุ่งนี้มีงานกีฬาสีซึ่งเขาจะต้องตื่นมาแต่งตัวให้เด็กชายแต่เช้า ทำให้เด็กชายรีบเข้านอนแต่โดยดี เขาเหลือบมองประตูห้อง ไฟสีเหลืองนวลในห้องนอนยังไม่ปิดสักที เด็กหนุ่มนั่งทำรายงานจนเกือบห้าทุ่มไฟในห้องก็ยังเปิดสว่าง เขาคว้าหมอนวางแหมะบนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวรีบข่มตานอนหลับ ให้ตายยังไงคืนนี้เขาก็จะไม่ไปนอนในห้องเด็ดขาด

ผล็อยหลับไปได้สักพักเขาก็สะดุ้งตื่นเมื่อใครบางคนรั้งผ้าห่มออกไปจากตัวเขา มุจลินท์ขี้หนาวตั้งแต่เด็กไม่เคยได้นอนห้องแอร์เหมือนคนอื่นเขา อาศัยพัดลมตัวเล็กเป่าลมร้อนออกมาก็ยังถือว่าเย็นแล้วสำหรับเขา พอมานอนในห้องแอร์เขาเลยต้องมีตัวช่วยเป็นผ้านวมผืนหนาตลอด

“ไม่เข้าไปนอนข้างในล่ะครับ” ชลธีในชุดเสื้อกล้ามกางเกงยางยืดขาสั้นสะกิดเขาที่กำลังหลับ พูดอะไรสักอย่างที่เขาได้ยินไม่ชัด “ลินท์หลบหน้าพี่หรือ”

“อือ” เด็กหนุ่มพลิกตัวหนี เอาหมอนปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงรบกวน “ลินท์ง่วง”

 “เดี๋ยวพี่ก็จะไม่อยู่แล้วนะ” ชลธีฝังจมูกลงแก้มขาว กลิ่นแป้งเด็กคลุ้งไปทั่วตัว นี่คงไปอาบน้ำกับไทเกอร์มาอีกแล้วสิท่า “ลินท์คงไม่ได้เจอหน้าพี่อีกนานเลย”

“ไปไหน” เขางัวเงียใช้มือขยี้ตา ยังรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจที่ชลธีพูดเท่าไหร่

“ไปราชการสนามที่เชียงรายครับ.. อย่างน้อยๆก็ครึ่งปี”

“หา” ลูกเป็ดเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟา“ไกลไปไหม?”

“ไม่ได้เจอพี่ ก็สมใจลินท์แล้ว พี่ไปนอนก่อนนะครับ”

“เดี๋ยว.. พี่พูดจริงหรือ”

“พี่เคยโกหกลินท์ด้วยหรือ” แค่บางครั้งพูดไม่หมดก็เท่านั้น

“ลินท์.. ลินท์ขอนอนด้วย”

“ตามใจครับ”

ชลธีหันหลังเดินลิ่วเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดังปัง มุจลินท์ที่กำลังงัวเงียตื่นเต็มตาเมื่อไม่เห็นชลธีอยู่ที่เดินจึงรีบโกยผ้าห่มกับหมอนเดินเข้าห้องตามไป ไฟในห้องปิดสนิทหมดแล้ว แต่แสงจันทร์ข้างนอกที่ลอดผ่านผ้าม่านทำให้เห็นเงาของคนที่นอนบนเตียงลางๆ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของชายหนุ่มทำให้เขาค่อยๆก้าวเบาๆย่องขึ้นไปบนเตียงอีกฝั่ง สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา หมุนตัวจนหัวไหล่ชนกับแผ่นหลังของคนที่นอนหันหลังให้เขาอยู่ สอดมือเข้าที่เอวสอบของชายหนุ่ม แก้มขาวแนบกับเสื้อกล้ามตัวบางของชลธี

“พี่ฉลาม” ลูกเป็ดกระซิบข้างหูเบาๆไม่รู้ว่าชายหนุ่มหลับไปหรือยัง “หันมากอดลินท์หน่อย”

“…”

“ลินท์กอดเองก็ได้” พูดคนเดียวแล้วสอดมือขาวกระชับเอวแน่นกว่าเดิม ได้นอนกอดใครสักคนรู้สึกอุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มผืนไหนซะอีก

“เด็กดื้อ” ชลธีพลิกตัวมาอีกฝั่ง สบดวงตากลมโตสีสวยในความมืด ก่อนจะก้มลงฝังจมูกลงแก้มเด็กหนุ่ม

“ฮื่อ ไหนว่าหลับแล้ว”

“แกล้งเด็กหรอกน่า” ชลธีกระชับกอดแน่น สอดมือเข้าที่ช่วงลำคอดึงลูกเป็ดเข้ามาซุกอกอุ่น “เดี๋ยวจะขี้แยเหมือนเมื่อตอนเย็นอีก”

“ห้ามล้อนะ! พอเลยไปนอนไกลๆเลย”

“เหยื่อเข้าปากฉลามแล้วคิดว่าจะปล่อยให้หนีไปง่ายๆหรือ”

“ฮื่อ” มุจลินท์หันหน้าหลบริมฝีปากร้อนที่พุ่งโฉบเข้ามา “พรุ่งนี้ลินท์ไปส่งลูกที่โรงเรียนแต่เช้านะ!”

“เกอร์ไม่ว่าหรอกถ้ารู้ว่าพ่อกำลังจะทำน้องอีกคนให้”

“อื้อ” ชลธีประกบริมฝีปากจนได้ยินแต่เสียงอู้อี้ของเด็กหนุ่ม สองขาดิ้นเร่าเหมือนจับปลาขึ้นมาจากน้ำ ตัวแสบแรงเยอะกว่าที่คิด เขาจูบริมฝีปากบางพร้อมเลื่อนมือเข้าไปในกางเกงยางยืดตัวเก่งของมุจลินท์ที่เก่าแสนเก่า ไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มไม่ยอมทิ้งสักที ทั้งที่ยางมันเปื่อยจนต้องผูกปมแน่น แค่เขากระตุกทีเดียว กางเกงก็ลงไปกรอมตรงข้อเท้าขาว มือหนาสัมผัสแก่นกายที่กำลังแข็งตัวสู้มือเขาลูบไล้เบาๆจนคนตัวเล็กกว่าร้องครางกระเส่า เรียวขายาวสั่นระริก ปลายเท้าจิกลงบนที่นอน เมื่อได้ลิ้มรสกับความเสียวซ่านที่เขากำลังจะมอบให้ ขยับขึ้นลงได้สักพักเด็กหนุ่มก็ซุกเข้าที่หน้าอกเขา ริมฝีปากบางที่เขาฉกชิมเมื่อครู่สาละวนอยู่ที่ตุ่มไตสีเข้มของเขา ลิ้นเปียกละเลงดูดดึงจนเขาต้องส่งเสียงร้องห้ามปราม เมื่อลูกเป็ดได้ยินก็ยิ่งลงจูบหนักจนเป็นรอยแดงปื้นเต็มแผ่นอกเขาเต็มไปหมด

เอาคืนพี่ใช่ไหม!?

เขาผลักเด็กหนุ่มลงไปนอนใต้ร่าง ผิวขาวเนียนสะท้อนเสียงไฟเป็นเงาสลัวดูเซ็กซี่เหลือเกินในสายตาเขา มือหนาถกเสื้อยืดตัวบางของเด็กหนุ่มออกไปจนเหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า ก้มลงดูดซอกคอและใบหูที่เขารู้ว่ามันไวต่อความสัมผัส เสียงครางผะแผ่วดังคลอเคลียข้างหูจนเขาต้องขบกรามแน่นเมื่อเจ้าลูกชายดึงดันอยากจะเข้าไปในตัวของคนตรงหน้าเต็มแก่ ลิ้นแฉะลากยาวผ่านหน้าท้องเนียนสวยลงมาถึงจุดกึ่งกลางที่กำลังรอการปลดปล่อย ดวงตาฉ่ำปรือของเด็กหนุ่มวิบวับไปด้วยน้ำสีใสคลอหน่อย มุจลินท์ทรมานมานจนอยากจะไปให้ถึงจุดสุขสมเร็วๆ มือขาวคว้าสะเปะสะปะก่อนจะคว้าแก่นกายเขาจ่อช่องทางข้างหลังตนเอง

“ไม่ได้” เขาก้มลงห้ามเสียงแผ่ว “เดี๋ยวลินท์จะเจ็บนะ”

“ฮึก ลินท์ทนได้.. นะ” เสียงอ้อนวอนครวญครางแทบทำให้เขาอยากจะขย้ำคนตรงหน้าให้แหลกคาเตียงซะตอนนี้ ได้แต่กดสัญชาตญาณดิบตัวเองเอาไว้ แทรกกายเข้าไประหว่างท่อนขาเรียว จูบไล่จากข้อเท้าลงมาสะโพก มุจลินท์ตัวสั่นสะท้าน นายทหารหนุ่มจับมืออีกข้างของเขาเอาไว้ไม่ให้เขาใช้มือของตัวเองปลดปล่อย เขาทรมานเหลือเกิน รู้สึกร่างกายร้อนไปหมด

“อื้อ อ๊ะ..“ ลิ้นสากแตะเข้าช่องสีชมพูอ่อน เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกพยายามดิ้นจากการเกาะกุม สัมผัสไปที่ใดความเสียวซ่านก็แล่นไปทั่วทั้งกาย แผ่นอกแอ่นขึ้นเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้ากลืนกินจุดอ่อนไหวของตน “ฮื่อ พี่ฉลาม..”

“อร่อยไปทั้งตัว”

“ฮื่อ!”

“วันนี้พี่ว่าถือเข้าห้องหอแล้วกัน ขอคิดค่าเหนื่อยกว่าพี่จะต้อนเจ้าสาวเข้าห้องได้”

“นี่แผนพี่หรือ”

“เปล่าสักหน่อย” ชลธียิ้มเผล่ ก้มลงจูบปากลูกเป็ดที่กำลังเบะได้ที่ พลางสอดแก่นกายเข้าช่องทางที่พร้อมจะรับเขาเข้าไปทั้งหมด ชลธีรู้สึกรัดแน่นจนเขาต้องส่งเสียงคำราม กดเข้าไปจนสุดก่อนจะขยับเข้าออกเชื่องช้าให้มุจลินท์ปรับตัวให้ชินพร้อมรับศึกหนักต่อไปนี้

เมื่อขยับแตะโดนจุดอ่อนไหว เด็กหนุ่มครางฮือผวาเข้ากอด พร้อมทิ้งรอยฟันไว้เต็มไหล่หนา ชลธีหัวเราะเมื่อเห็นลูกเป็ดพยศ เขาใช้ท่อนแขนหนาช้อนข้อพับขาเรียวยกขึ้นให้กอดเอวเขา มุจลินท์โอบรอบคอก้มลงบดจูบสู้ไม่ยอมแพ้ ชลธียกตัวขึ้นอุ้มทั้งที่แก่นกายยังสอดใส่และขยับเข้าออก เสียงครางเครือสลับเสียงร่างกายกระทบ เขาพาลูกเป็ดมาหยุดอยู่ตรงผ้าม่านที่ปลิวสะบัดตามแรงลม กระจกใสทำให้เห็นบรรยากาศด้านนอกตอนกลางคืนในเมืองหลวงยังมีแสงไฟระยิบระยับ มุจลินท์อดจะเขินอายไม่ได้

“พี่พามาดูดาว”

“มันใช่เวลาดูดาวหรือ ถ้ามีใครเห็นจะว่ายังไง!” มุจลินท์กัดงั่มเข้าที่ไหล่หนา ทันทีเอวสอบก็เด้งสวนขึ้นมาจนเขาต้องหลุดคราง นิ้วมือจิกแผ่นหลังนายทหารหนุ่มจนเป็นทางยาว “เล่นอะไรของพี่!”

“ลินท์กัดพี่ก่อนนี่นา” นายทหารหนุ่มจุ๊บเบาๆที่ปลายจมูก เด็กหนุ่มหน้ามุ่ยเหงื่อไหลเต็มข้างขมับ รู้สึกอึดอัดอยากปลดหล่อยจนทนไม่ไหว “พี่เอาคืนเบาๆเองจ้ะ”

“ฮื่อ อ๊ะ” ใจจริงชลธีก็อยากจะพาลูกเป็ดทัวร์ให้มากกว่านี้ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยให้เขาเก็บดอกเบี้ยเสียเลย เขาวางมุจลินท์ลงบนเตียงพรมจูบไปทั่วตัวจนเขาพอใจ ดวงตาคมคร้ามสบกับเด็กหนุ่ม ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ

“พี่รักลินท์นะ” ก้มลงจุมพิตบนหน้าผากขาวนวล “ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่พี่เคยทำให้ลินท์ไม่สบายใจ”

“อื้อ ลินท์ก็รักพี่นะ” มือขาวประกบไปที่แก้มชายหนุ่ม ก่อนจะพงกหัวขึ้นมาเอาปากตัวเองแตะปากชลธีดังจุ๊บหลายๆที พร้อมพร่ำบอกคำหวาน “รัก รัก รัก”

“พอแล้ว..” ชลธีห้ามปราม ใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากสีสวยที่ตอนนี้กำลังบวมเป่ง “ยังมีเวลาให้ลินท์บอกรักพี่อีกทั้งคืน”

“ไม่ได้! ลินท์ไปส่งลูกแต่เช้า ไม่ได้ยินหรือ เฮ้.. อ๊ะ.. อื้อ”


บอกรักจนกว่าแสงดาวจะลาลับจากท้องฟ้าไป..
 






TBC



ขอบคุณที่ติดตามน้องลินท์นะคะ ลืมบอกว่าเตรียมซับเลือดด้วย 55<3  :z1:
ตอนหน้าเจอกัน 7พย ค่ะ มาพร้อมสเกตปก2 ฮุฮุ
พี่หลามเป็นทบ.เหล่าราบนะจ้ะ บางคนเข้าใจผิดว่าเป็นทหารเพราะชื่อชลธีหรือเปล่าเอ่ย 555
ในเรื่องลงไว้ว่าประจำที่สระบุรี ซึ่งที่นั่นเป็นเหล่าทหารม้าค่ะ//แอ้ก
ในเล่มพายจะรีไรท์และเพิ่มเติม แก้ไขให้สมบูรณ์ไม่ต้องห่วงนะค้า ปั่นหัวฟูอยู่ค่ะ อิอิ
พูดคุยสอบถามเพิ่มเติมในเพจได้ตลอดเลยค่า ตอบไวไม่กัด จุ้บๆ :mew1:
เอาน้องลินท์มาฝากด้วยแหละ น่าร้ากกกกก  :hao6:

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เข้าใจแล้วทำไมตอนที่เก้าดูนิ่งๆแต่ยังละมุน

ก็ตอนสิบมาเต็มขนาดนี้ เลือดกำเดาแทบพุ่ง

เหยื่อเข้าปากฉลามแล้ว <<<<<<<<<< ชอบๆคำนี้

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Maneemantra7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ lovebear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เห็นแววดราม่าจะมาคุแล้วสินะ

ถ้าเกอร์เรียกลินมาแม่ ถ้าวันนึงแม่ตัวจริงกลับมา

ดราม่าแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด