สถานะ : โสดสถานะมันก็แค่เครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงในชีวิต ซึ่งใครหลายคนคงอยากจะตั้งมันว่า 'มีแฟนแล้ว' มากกว่า 'โสด' อย่างนายอินทัช ทั้งๆ ที่จริงแล้วเขากลับมองว่ามันเป็นช่องทางของการเปิดโอกาสให้ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่หลากหลายคนที่เข้ามาเพราะเห็นคำว่าโสดตัวโตๆ บนหน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊ก และจะได้สานต่อความสัมพันธ์กันต่อไป ซึ่งความสัมพันธ์นั้นก็มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่เพื่อน พี่น้อง หรือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง...แบบไม่ผูกมัด
หนึ่งในนั้นก็คือ...ภูธิป คนที่เป็นเพียงเพื่อนคลายเหงา คนที่ทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อกลับมามีสีสัน คนที่มีความสัมพันธ์กันแบบไม่มีข้อผูกมัดใดๆ และเป็นคนที่นอนหลับอยู่เคียงข้างกายเขามานานหลายต่อหลายคืน หากแต่รุ่งเช้าของวันอีกฝ่ายก็จะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว มันก็แค่การสานสัมพันธ์ทางกายของคนสองคนที่ต่างก็ไม่มีใคร
พวกเขาก็มีสถานะแบบนั้นแหละ 'คนแก้เหงา' ของกันและกัน
คืนนี้ก็เหมือนเดิม อินทัชโทรตามคนที่เขาเรียกว่า 'คนแก้เหงา' ให้มาหาที่ห้องอีกเหมือนเคย และฝ่ายนั้นก็ไม่มีท่าทีอิดออดใดๆ ยังคงมาตรงตามเวลานัดในสภาพสวมชุดบอลสีน้ำเงินเข้มตัวหลวมโพรก แต่ไม่ใช่เพราะว่าชุดมันใหญ่กว่าปกติ หากเป็นที่คนใส่กลับตัวเล็กผอมบางกว่าคนในวัยเดียวกันต่างหาก
"เข้ามาสิ"
คนที่ได้รับอนุญาตเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับดันประตูให้ปิดลง ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงกว้างของเจ้าของห้องด้วยสภาพที่ดูหมดแรง
"เป็นไรไป"
"เหนื่อย ภูซ้อมบอลมา เหนื่อยมาก"
ภูธิปที่นอนคว่ำหน้าลงกับหมอนตอบเสียงอู้อี้ หลับตาพริ้มอย่างคนพร้อมที่จะหลับทุกเมื่อ จนคนที่ตั้งใจโทรตามให้มาทำอย่างอื่นไม่ใช่ให้มานอนหลับง่ายๆ แบบนี้จึงต้องแกล้งพูดหยอก
"งั้นคืนนี้พี่ก็อดสิ"
คนฟังเงียบหายไปนานจนอินทัชนึกว่าหลับไปแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้เตียงแล้วโน้มตัวดูคนที่ตัวเล็กกว่า ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังหลับสนิททั้งๆ ที่เพิ่งจะคุยกันไปเมื่อสักครู่เท่านั้นเอง
"ภู..."
แต่พอเรียกอีกครั้ง อีกฝ่ายก็ลืมตาโพลงขึ้น ตะแคงใบหน้าหันมาหาแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
"งั้นผมกลับก็ได้ พี่โทรเรียกคนอื่นสิ"
ในคราแรกหลังจากได้ฟัง อินทัชเองก็นึกว่าภูธิปจะพูดจริงจัง หากแต่ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั่นกลับทำให้เขาถอนหายใจออกมา
"ไม่รู้จะโทรหาใครน่ะสิ ตอนนี้มีแค่นาย"
"โกหก...พี่มีคนคุยเยอะแยะ"
"จริงๆ"
"อย่ามาพูดให้ใจสั่นหน่อยเลยน่า"
ว่าแล้วคนที่นอนอยู่ก็หัวเราะเมื่อเห็นคนที่เป็นเจ้าของห้องทำหน้าแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอินทัชไม่ชอบให้เกิดการผูกมัดใดๆ และไม่ต้องการให้ใครคิดอะไรลึกซึ้งเกินความสัมพันธ์ชั่วคราวแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
และเพราะแบบนี้ ภูธิปเองจึงไม่เคยแสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาตรงๆ มีเพียงท่าทางทีเล่นทีจริงในแบบฉบับของเจ้าตัว ที่เป็นคนนิสัยขี้เล่นอยู่แต่เดิมแล้ว และนั่นทำให้อินทัชสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ ไม่ต้องมาคอยกังวลหรือระแวดระวังอะไรเป็นพิเศษ
บางครั้งก็ไม่ได้ระวังเลย...ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกเช่นไรกับการกระทำของตัวเอง
"นี่ ผมมาเพราะอะไรพี่ก็รู้"
"แต่ถ้าภูเหนื่อยก็กลับไปนอนเถอะ"
คนพูดบอกจริงจัง เพราะเห็นความเหน็จเหนื่อยที่ฉายออกมาทางสีหน้าแววตาของภูธิปได้เป็นอย่างดี และพอเห็นแบบนี้เขาก็ไม่อยากจะทำอะไรให้อีกฝ่ายต้องเหนื่อยล้ามากไปกว่านี้
"ไม่เอาอะ เดี๋ยวพี่ทัชไปหาคนอื่น ผมก็เหงาแย่สิ"
คำตอบที่ไม่รู้ว่าพูดเล่นหรือจริงจัง แต่คนฟังก็ทำเพียงยิ้มรับนิ่งๆ ก่อนจะขยับทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม พร้อมกับการเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเล็กของเด็กหนุ่มที่พูดมากทีสองที
"ก็บอกว่าตอนนี้ไม่มีใครไง...เห็นภูเหนื่อยพี่ว่าไปพักก็ได้"
แม้ไม่รู้ว่าทำไมต้องอธิบาย แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจอะไรผิดๆ และอินทัชบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่คำแก้ตัว มันก็เป็นเพียงประโยคบอกเล่าทั่วๆ ไป ที่ใช้บอกกับใครก็ได้ ไม่ได้พิเศษอะไรกว่าปกติ
"ไม่ล่ะ ภูเบื่อ อยากทำอะไรสนุกๆ"
ภูธิปว่าอย่างนั้น ก่อนจะพลิกตัวนอนหงาย แล้วดึงแขนคนที่นั่งอยู่ให้โน้มตัวลงมาหา ซึ่งชายหนุ่มเองก็ทิ้งตัวลงมาทับร่างเล็กกว่าเอาไว้อย่างว่าง่าย พร้อมเลื่อนใบหน้าเข้าหาคนที่หลับตาพริ้มโดยสองแขนโอบรอบคอของเขาอยู่ จากในตอนแรกที่จะเล่นหยอกล้อกับริมฝีปากเล็ก อินทัชก็เปลี่ยนใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาขึ้นได้
"เมื่อเที่ยงเจอที่โรงอาหาร เห็นมองมา นึกว่าจะทักพี่..."
"หือ..."
"แต่ภูก็เดินผ่านไปเฉยๆ หลายครั้งแล้ว"
"ทำไมอะ ก็ปกตินี่ ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้"
เมื่อตอนกลางวัน ภูธิปลงมาหาอะไรทานกับเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง และได้เจออินทัชโดยบังเอิญ ซึ่งเขาก็ทำเพียงมองผ่านๆ ไปเหมือนทุกครั้งที่เคยทำ ทำราวกับว่าไม่ได้รู้จักอะไรกัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว ความสัมพันธ์อันแสนบางเบาของพวกเขาเริ่มต้นด้วยการที่ภูธิปส่งข้อความมาทักทายในฐานะรุ่นน้องคนนึง
แต่ข้อความที่เป็นเพียงการแนะนำตัวและทำความรู้จักมันเริ่มเปลี่ยนไป เมื่ออินทัชบังเอิญส่งข้อความไปหาผิดคน จากการทำความรู้จัก จึงกลับกลายเป็นการเชิญชวน...แน่นอนว่าเมื่อรุ่นน้องหนุ่มไม่ปฏิเสธ คนเป็นพี่จึงเล่นไปตามน้ำ เมื่ออีกฝ่ายสนอง มีหรือที่จะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปง่ายๆ และความสัมพันธ์ทางกายแบบลับๆ ระหว่างคนทั้งคู่จึงเริ่มต้นตั้งแต่นั้นมา
และมันก็เลยเถิดจนล่วงเวลามานานนับหลายเดือน...
กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกแบบนี้
"เปล่า แค่เข้ามาทักทายกันก็ได้ เจอกันข้างนอกไม่ถึงกับต้องทำเหมือนคนไม่รู้จักขนาดนั้นก็ได้นี่นา"
"ก็ผมนึกว่าพี่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น...ช่างมันเถอะ จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ผมชักจะง่วงแล้ว"
คนบ่นว่าง่วงอ้าปากหาวประกอบคำพูดของตัวเองเสร็จสรรพ ก่อนจะปล่อยแขนที่โอบรัดรอบคอของคนที่อยู่ด้านบนออก เอาสองมือขยี้ตาของตัวเองในแบบที่คนมองรู้สึกว่ามันน่ารัก
"พี่ไม่เคยบอกนะว่าให้ทำเหมือนไม่รู้จักกัน"
"ช่างมันเถอะน่า..."
ภูธิปหยุดคนที่กำลังอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างด้วยการผลักให้นอนหงาย แล้วตัวเองเป็นฝ่ายลุกขึ้นมานั่งคร่อมช่วงบั้นเอวของอีกฝ่ายเอาไว้แทน โน้มตัวเข้าหาแล้วบดเบียดริมฝีปากเล็กลงบนริมฝีปากหนาของอินทัช ซึ่งฝ่ายนั้นเองก็ขยับปากจูบตอบอย่างรู้งาน ไม่ปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนเป็นคนคุมเกมง่ายๆ
คนที่นอนหงายอยู่จึงเอื้อมมือสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อบอลของคนที่นั่งคร่อมตัวเขาอยู่ ก่อนจะเลิกมันขึ้นสูงแล้วดึงกระตุกขึ้นเพื่อบอกให้อีกฝ่ายชูแขน และเจ้าของเสื้อเองก็ยกแขนชูขึ้นเพื่อให้อินทัชช่วยดึงเสื้อให้หลุดออกไปจากตัว เผยให้เห็นส่วนบนของร่างกายเด็กหนุ่มวัยกำลังโตที่แม้จะค่อนข้างผอมบาง หากแต่ก็มีส่วนของกล้ามเนื้อขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ
"อะ...อื้ม"
เสียงครางแผ่วเบาหลุดเล็ดลอดออกมาจากปากของคนที่โดนสัมผัส เมื่อมือหนาของอินทัชปัดป่ายไปตามร่างกายของเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างร้อนเร่า ไล้ผ่านช้าๆ อย่างยั่วอารมณ์ ก่อนจะใช้สองมือดันหลังให้ภูธิปโน้มตัวลงมาหา เพื่อมอบจูบหนักหน่วงที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ให้แก่กันและกัน
กระทั่งคนที่นั่งคร่อมอยู่ด้านบนกลับถูกพลิกให้ล้มตัวลงนอนใต้ร่างของชายหนุ่มที่ตัวใหญ่กว่าอีกครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างไม่เบานัก และมันก็เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี เพราะอินทัชผละตัวออกจากคนตัวเล็กกว่าแทบจะทันทีที่ได้ยิน
"ใคร...แฟนพี่เหรอ"
น้ำเสียงสั่นๆ ที่ดูกล้าๆ กลัวๆ นั่นทำให้คนฟังหันกลับไปมอง เห็นใบหน้าเล็กดูแตกตื่นตกใจพอสมควร ก่อนที่ภูธิปจะรีบหยิบเสื้อของตัวเองกลับมาใส่อีกครั้ง แล้วลุกขึ้นนั่งเอามือลูบหน้าลูบตาเป็นการใหญ่
"เปล่า ก็บอกแล้วว่าไม่มีใคร ประสาทกลับหรือเปล่าเนี่ยภู" อินทัชตอบเสียงกระซิบ ใบหน้าดูจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
"ก็พี่ดูตกใจขนาดนั้น ผมก็นึกว่าใช่น่ะสิ"
"โสดเว้ย บอกว่าโสดก็คือ
โสด"
"…"
"คงเป็นเพื่อน ไม่รู้ใครว่ะ ไม่เห็นมีใครบอกว่าจะมาหา"
"ถ้างั้นผมกลับก่อนดีกว่า...ทำไม พี่คงไม่ให้ผมไปซ่อนในตู้เหมือนพวกชู้รักในละครหลังข่าวหรอกนะ" ภูธิปบอกเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนลังเลใจ
"นั่นก็เกินไปสิ แค่ขี้เกียจถูกพวกมันล้อว่าพาเด็กมากินถึงที่ รำคาญพวกมัน"
"อ้อ"
ภูธิปรับคำแล้วพยักหน้าช้าๆ ก่อนขยับเคลื่อนตัวลงจากเตียงไปยืนอยู่ที่พื้น แล้วเอ่ยบอกลาเจ้าของห้องด้วยท่าทางที่จริงจังขึ้นกว่าเดิม ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนก่อนหน้าอีก
"ผมไปก่อนนะพี่ทัช ไว้...วันหลังก็แล้วกัน"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เมื่ออินทัชทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่คนที่เพิ่งบอกลากลับหมุนตัวเดินไปเปิดประตูออก พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้คนที่อยู่หลังประตู เพราะพอคุ้นๆ หน้า จำได้ว่าน่าจะเป็นเพื่อนสักคนของอินทัช ซึ่งเขาก็ไม่เคยคุยหรือทำความรู้จักด้วย พออีกฝ่ายถามก็แนะนำตัวสั้นๆ แล้วอ้างเหตุผลที่ดูน่าเชื่อถือไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายโยงไปในทิศทางที่ไม่ดี
ภูธิปเดินออกมาจากหอพักของรุ่นพี่หนุ่มแล้วกลับขึ้นไปยังหอพักของตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างกันแค่สองตึก...และทั้งที่ใกล้กันมากขนาดนี้ อินทัชเองยังไม่เคยแม้แต่จะเป็นฝ่ายมาหาเลยสักครั้งเดียว
เด็กหนุ่มเปิดประตูห้องของตัวเองออก ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนที่เตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งของตัวเอง รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมดทั้งร่างกาย...และจิตใจ
เหนื่อยใจเพราะความผิดหวัง...เพราะหวังมากเกินไป หวังว่าใครคนนั้นจะใส่ใจตนเองบ้าง แม้สักนิดก็ยังดี แต่สักนิดก็ไม่มี
เขาคิดว่าอินทัชจะรั้งเขาเอาไว้บ้าง หรือพูดอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญบ้าง ไม่ใช่แค่คนแก้เหงา มีประโยชน์ร่วมกันก็แค่ร่างกาย หรือบางทีภูธิปอาจคิดผิดเองที่เลือกแบบนี้ เลือกเข้ามาในชีวิตของอีกฝ่ายโดยใช้ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นตัวเชื่อมกันและกันเอาไว้
ความสัมพันธ์ที่เพียงแค่สะกัดเบาๆ มันก็แยกขาดออกจากกันได้แล้ว
'โสด'
คำที่ยังดังกึกก้องอยู่ในหัวใจ คำที่ตอกย้ำว่าเขาเองไม่ได้มีความสำคัญอะไร คำที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดความสัมพันธ์และมันก็ยังอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม...ตั้งแต่ได้รู้จักกันมา แม้จะเป็นคนที่อินทัชเรียกหาบ่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเป็นคนที่ทำให้ 'สถานะ' ของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปได้เลย
ซึ่งภูธิปเองก็เข้าใจ...และยอมรับมันเองตั้งแต่ต้น
แต่ก็ยังไม่ชิน และทำใจยอมรับมันจริงๆ ไม่ได้สักที
ฝากเรื่องสั้นอีกเรื่องค่ะ เรื่องนี้เหมือนจะดราม่า แต่ไม่ดราม่านะในความรู้สึกของคนเขียน อิอิ ฝากติดตามจ้า น้องภูของเรานั้นไม่ได้ง่ายกับใครก็ได้ อ่านดูก็รู้เนอะว่าเพราะจริงๆ แล้วน้องชอบพี่มันต่างหาก แต่พี่มันยังมึนอยู่นั่นเอง