- ต่อจากด้านบน -คนตัวโตกว่าจับร่างเล็กในอ้อมกอดนอนราบลงกับที่นอนบนเตียง ก่อนจะพยายามปลดชุมคลุมอาบน้ำที่ตอนนี้หลุดลุ่ยจนแทบจะไม่เกาะอยู่บนร่างขาวๆ ของคนอายุน้อยกว่าออก ซึ่งตะวันเองก็ให้ความร่วมมืออย่างดี
“หนู... พี่ว่า.. พี่กำลังจะไม่ไหว”
พลัฎฐ์ไม่พูดอะไรให้มากความ เขาตัดสินใจจับมือเล็กของตะวันที่วางอยู่บนอกออก แต่เอาไปวางสัมผัสตรงกลางร่างกายที่ตอนนี้กำลังแข็งขืนเต็มกำลัง
ตะวันหน้าแดงก่ำ เพราะนึกรู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังสัมผัสอยู่นั้นตอนนี้เต็มไปด้วยความต้องการมากแค่ไหน คนตัวเล็กกว่าตัดสินใจสอดมือเข้าไปตามรอยแยกของเสื้อคลุม ซึ่งเขาเดาได้ไม่ยากว่าไม่น่าจะมีปราการอะไรป้องกัน เพราะพลัฎฐ์น่าจะเตรียมพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม แล้วก็ไม่ผิดจากที่ตะวันคิดสักเท่าไหร่นัก เมื่อมือเล็กสัมผัสเข้ากับเจ้ามังกรยักษ์ที่ตอนนี้กำลังแข็งขืนชูชันสู้มือเขาเต็มที่
คนตัวเล็กที่กำลังนอนระทดระทวยจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของคนรัก ตัดสินใจขยับข้อมือช้าๆ รูดรั้ง ให้พลัฎฐ์ได้ครางคำรามในคออย่างคนที่กำลังจะหมดความอดทนในทุกขณะ
พลัฎฐ์ตัดสินใจจับตะวันพลิกร่างนอนคว่ำลงกับเตียง ก่อนที่จะยกสะโพกเล็กให้ลอยขึ้นมา ในขณะที่ตะวันก็โอนอ่อนไปกับทุกการกระทำ เพราะดูเหมือนสติจะยังไม่ถูกฟื้นฟูเต็มที่กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าตัวเองกำลังอยู่ในท่าทางที่ล่อแหลม ก็ตอนที่มือใหญ่ของพลัฎฐ์เอื้อมมารูดรั้งที่แก่นกาย ราวกับกำลังจะเอาใจ เพื่อให้คนที่อยู่ใต้ร่างคล้อยตาม
ซึ่งก็ไม่ผิดจากความตั้งใจของพลัฎฐ์เท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้ตะวันแทบจะไม่หลงเหลือแรงให้ยั้งคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่คนตัวเล็กรู้สึกมีเพียงแค่สัมผัสจากมือใหญ่ที่ปรนเปรอเอาอกเอาใจอยู่ไม่ห่าง ให้เขาได้ครางเสียงหวานอย่างพึงพอใจโดยไม่มีทีท่าว่าจะได้สติง่ายๆ
“อ๊ะ.. อา”
และพอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ลึกล้ำ พลัฎฐ์ก็จัดการพาตัวเองเข้าไปซ้อนอยู่ด้านหลังสะโพกกลมกลึงของคนรักทันที ก่อนจะค่อยๆ แทรกก้านนิ้วที่เพิ่งชะโลมเจลหล่อลื่นเรียบร้อยแล้ว เข้าไปในช่องทางสีหวานช้าๆ ซึ่งตะวันก็เผลอเกร็งตัวในคราวแรกเพราะยังไม่ทันได้ตั้งรับ แต่เมื่อพลัฎฐ์ยังคงเอาอกเอาใจโดยการสาวรั้งแก่นกายน่ารักไม่หยุด ก็ทำให้ตะวันผ่อนคลายขึ้น จนพลัฎฐ์ดันนิ้วเรียวเข้าไปได้ในที่สุด
คนตัวโตกว่าสวนนิ้วเข้าออกสลับกับที่มืออีกข้างก็ยังคงรูดรั้งไม่หยุด ในขณะที่ตะวันยังคงครางเสียงหวานอย่างสุขสม พลัฎฐ์จึงค่อยๆ แทรกนิ้วเข้าไปเพิ่มจากหนึ่งเป็นสองและเป็นสามในที่สุด จนกระทั่งเห็นว่าช่องทางของตะวันพร้อมมากพอแล้วจึงถอนนิ้วออก ทำเอาคนที่กำลังเตลิดไปกับความพอใจหันมามองค้อนทั้งที่กำลังโก่งสะโพกใส่ ให้พลัฎฐ์ต้องลอบยิ้มด้วยความเอ็นดู
“อื้อ.. พี่พลัฎฐ์...”
“ชู่วว ใจเย็นๆ นะครับเด็กดี”
พลัฎฐ์จับเจ้ามังกรยักษ์ที่ตอนนี้ชะโลมเจลหล่อลื่นไว้จนชุ่มถูไถไปตามรอยจีบของช่องทาง ให้ตะวันตัวกระตุกด้วยความเสียวซ่านอย่างทรมาน เพราะไม่ได้รับการเติมเต็ม
“พี่.. พี่อย่า... อย่าแกล้ง”
“หึ...”
และเมื่อเห็นว่าร่างขาวบนเตียงที่กำลังบิดเร่าเพราะความต้องการที่ไม่ได้รับการสานต่อ พลัฎฐ์ก็จัดการดันท่อนเนื้อของตัวเองเข้าไปในช่องทางสีหวานของตะวันช้าๆ เพราะดูเหมือนว่าความยั่วยวนของสะโพกที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า และท่าทางของตะวันที่ตอนนี้ทั้งเซ็กซี่และกระตุ้นอารมณ์ดิบของคนที่กำลังจ้องมองอย่างเขาให้พุ่งทะยานจนยากจะควบคุม
ตะวันครางเสียงหลงตอนที่มังกรของพลัฎฐ์ผลุบเข้าไปในช่องทางแม้จะแค่ส่วนหัว แต่มันก็ใหญ่โตและไม่คุ้นชิน จนพลัฎฐ์ต้องเบนความสนใจด้วยการเอื้อมมือไปด้านหน้าแล้วรูดรั้งแก่นกายน่ารักขึ้นลงตามความยาว พร้อมๆ กับก้มลงพรมจูบบนหลังเนียของคนรักเพื่อให้ตะวันได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และดูเหมือนว่ามันจะได้ผล เพราะพอตะวันเลิกเกร็งอาวุธใหญ่โตของพลัฎฐ์ก็ค่อยๆ แทรกดันเข้าไปในช่องทางของตะวันได้จนสุดความยาว ตะวันสะท้านร่างเมื่อมันดันเข้าไปได้จนสุด เพราะการที่อยู่ในท่านี้ ทำให้เจ้าท่อนเอ็นที่ว่าเข้ามาได้ลึกกว่าทุกคราวกว่าที่ตะวันเคยรู้สึก
“อึก!... ลึก... ตะวัน อะ ... จุก”
คนตัวเล็กกว่าละล่ำละลักบอก พร้อมทั้งส่งมือมายันหน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามเนื้อ ให้พลัฎฐ์ต้องยั้งตัว ไม่ผลีผลามโถมกายใส่เพราะดูเหมือนว่าตะวันยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก
พลัฎฐ์ตัดสินใจจับขาของตะวันให้แยกกว้างมากกว่าเดิมพร้อมทั้งขยับข้อมือและใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนหัวซ้ำ จนตะวันคล้อยตามมากขึ้น และพอเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าไม่ได้มีท่าทีต่อต้านเท่าตอนแรกแล้ว จึงตัดสินใจเอ่ยขอคนใต้ร่างเสียงพร่า
“อ่า.. หนูรัดพี่แน่นมากเลยครับ ถ้าหนูยังตอดพี่ แล้วไม่ยอม.. อึก! ให้พี่ขยับ ... อีกสักพักพี่ต้องเสร็จทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มแน่ๆ”
ตะวันหันมามองค้อนทันทีที่ได้ยินประโยคกึ่งๆ ลามกจากคนรัก ให้พลัฎฐ์ต้องหลุดขำออกมาเบาๆ เพราะดูท่าแล้วตะวันน่าจะต้องทั้งงอนทั้งอายแน่ๆ ไม่งั้นแก้มไม่แดงก่ำขนาดนั้นหรอก
แล้วก็เป็นพลัฎฐ์ที่อดใจไม่ไหวต้องช้อนใบหน้าน่ารักนั่นให้เอี้ยวขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปจูบแรงๆ บนริมฝีปากสีสดที่กำลังบวมเจ่อ จากนั้นก็กระซิบชิดริมฝีปากบาง เอ่ยขอตามความต้องการของตัวเองทันที
“ขอพี่ขยับนะครับ..เด็กดี”
ตะวันเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แต่จูบกลับลงไปบนริมฝีปากหยักลึกของคนถามแทน
และเท่านั้น.. ก็ดูเหมือนความอดทนของพลัฎฐ์จะหมดลงทันที
คนตัวโตกว่าโยกขยับ โถมเอวใส่ร่างเล็กกว่าเต็มแรง ตะวันครางแทบจะไม่ได้ศัพท์เคล้ากับเสียงคำรามของพลัฎฐ์ดังระงมไปทั่วห้อง
“อ๊ะ.. อ๊ะ อ๊า..”
“อึก.. อาห์ ดี.. รัดพี่อีกเด็กดี”
และยิ่งได้ยินคำขอลามกของเสียงทุ้มที่กระซิบอยู่ข้างหูยิ่งทำให้ตะวันตอดรัดท่อนเนื้อของอีกฝ่ายไม่หยุด ตะวันยอมรับว่าคำพูดแบบนี้จากพลัฎฐ์เร้าอารมณ์ดิบของเขาให้พุ่งทะยาน ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงหอบหายใจ เสียงหยาบโลนของเนื้อที่กระทบกัน แทนที่จะทำให้ร่างทั้งสองที่กำลังเชื่อมโยงและมัวเมาซึ่งกันและกันเขินอาย แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะคนทั้งคู่กำลังหลงใหลในรสสัมผัสของอีกฝ่าย เกินกว่าจะให้ความสนใจกับเรื่องใดๆ
พลัฎฐ์โอบรัดร่างของตะวันให้แหงนเงยขึ้นใขณะที่เอวสอบยังคงโถมรั้งใส่ช่องทางของอีกฝ่ายไม่หยุด ริมฝีปากหยักพรมจูบไปทั่วต้นคอและหลังใบหูของร่างเล็กจนได้ยินเสียงครางหวานดังระงมไปทั้งห้อง
และในช่วงที่ทั้งคู่กำลังจะเดินทางไปแตะฝั่งฝัน พลัฎฐ์ก็รั้งใบหน้าน่ารัก ให้หันกลับมาพร้อมกับประกบริมฝีปากลงไปบนอวัยวะเดียวกัน เขาแทรกลิ้นดูดดึง เกี่ยวพัน จนเสียงน้ำลายเฉอะแฉะดังไม่หยุดหย่อน ในขณะเดียวกันเอวหนาก็ยังคงโถมรั้งใส่ช่องทางของตะวันไม่หยุด และมีแต่จะเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนแก่นกายของตะวันที่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะได้รับการปลอบประโลมหรือเอาอกเอาใจจากมือใหญ่ กลับตั้งชันและแข็งขืนขึ้นมา และยังไม่ทันที่พลัฎฐ์จะได้เอื้อมมือมาช่วยรูดรั้ง ตะวันก็กระตุก หน้าท้องหดเกร็ง พร้อมกับปลดปล่อยออกมาในที่สุด
“อื้อ....”
เสียงครางของตะวันดังอึกอักอยู่ในลำคอ เพราะพลัฎฐ์ไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากรสหวานเป็นอิสระ คนตัวโตกว่ายังคงตะโบมจูบ และเร่งจังหวะขยับเอวเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตัวกระตุก และปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางคล้อยหลังจากที่ตะวันปลดปล่อยไม่นาน
พลัฎฐ์ค่อยๆ ละริมฝีปากออกจากริมฝีปากของคนตัวเล็กกว่าช้าๆ ในขณะที่ตะวันก็แทบทรุดลงไปกองกับเตียง ถ้าไม่ได้ท่อนแขนใหญ่โตของพลัฎฐ์ประคองร่างเอาไว้
เสียงหอบหายใจของคนที่เพิ่งผ่านศึกรักมาทั้งคู่ดังคละเคล้ากันจนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร ก่อนที่พลัฎฐ์จะค่อยๆ จับตะวันนอนตะแคงราบไปกับเตียง ทั้งที่ยังไม่ถอนแกนกายออก
ริมฝีปากหยักพรมจูบไปทั่วแก้มและใบหูของคนรักที่ตอนนี้แดงไปทั้งตัว และนอนระทดระทวยอยู่บนเตียงอย่างน่ามอง ก่อนจะอ้อนขอในสิ่งที่ทำให้ตะวันต้องตาโต
“หนู.. เมื่อกี้มันดีมากเลยครับ..” สะโพกสอบขยับเบาๆ พร้อมกับการตื่นตัวของอวัยวะบางอย่างที่ยังคงค้างอยู่ในช่องทางของตะวัน “พี่.. ขออีกรอบนะ คือว่า.. มันแข็งอีกแล้วอ่ะครับ”
ตะวันหันมองตาเหลือก และในที่จะเอ่ยห้ามก็ถูกพลัฎฐ์จูบปิดปากไปเสียก่อน “พี่... อื้อๆๆๆ”
และจากเสียงห้ามก็กลายเป็นเสียงหอบหายใจและเสียงครางหวานน่าฟังแทน
.
.
.
“เจ้าปีศาจไปให้พ้นนะ อย่ามารังแกคนอื่นแบบนี้”
ตะวันกับพลัฎฐ์ที่นั่งอยู่หน้าเวทีกำลังยิ้มภูมิอกภูมิใจกับเจ้าหนูน้อยทั้งคู่ ที่ตอนนี้กำลังวาดลวดลายแสดงละคร ต่อหน้าผู้ปกครองหลายร้อยชีวิตที่มาดูการแสดงที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ ทำเอาทั้งตะวันและพลัฎฐ์อดไม่ได้ที่จะหน้าบาน เมื่อได้เห็นว่าพ่อแม่ของเด็กคนอื่นๆ ชื่นชมลูกและน้องชายของตัวเองมากแค่ไหน
“ข้าไม่ไป ข้าจะจับเทวดาตนนี้ไปต้มกินให้อิ่มเลย ฮ่าๆๆๆ”
“เจ้าชายย ช่วยแองเจิ้นด้วยยย”
แล้วทั้งเจ้าปีศาจ เจ้าชาย และแองเจิ้ลตัวน้อยๆ ก็วิ่งไล่กันไปมาบนเวที ก่อนที่เจ้าอาทิตย์ดวงน้อยที่รับบทเป็นเจ้าชายจะแกล้งฟันดาบปลอมลงไปเบาๆ บนตัวเจ้าปีศาจที่แสดงโดยเด็กชายจากห้องอนุบาลหนึ่งบี แล้วเจ้าปีศาจตัวน้อยที่ช่างแสดงได้สมบทบาทตามที่ได้ซ้อมมา ก็ล้มลงนอนแผ่หลา แกล้งตายได้เหมือนจริง ก่อนที่แองเจิ้ลตัวน้อยๆ ที่รับบทโดยน้องพีจะวิ่งออกมาจากหลังก้อนหินปลอมที่เป็นที่ซ่อน
“แองเจิ้นขอบคุณเจ้าชายมากๆ”
“ไม่เป็นไรแองเจิ้น หน้าที่ช่วยเหลือทุกคนเป็นของเจ้าชายอยู่แล้ว”
“ดีๆ เจ้าชายใจดี งั้นแองเจิ้นจะเสกคาถาให้พรนะ”
ตะวันกับพลัฎฐ์มองเด็กทั้งสองที่สวมบทบาทที่ตัวเองแสดงเจื้อยแจ้วอยู่บนเวทีก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ ท่าทางที่ได้เห็น คำพูดที่ซุ่มซ้อมมานาน ทั้งอาทิตย์และน้องพีทำได้ดีโดยไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งเจ้าหนูทั้งคู่ ทำให้ผู้ปกครองอย่างพวกเขาปลื้มใจไม่หยุด
“โอมมมมม ขอให้เจ้าชายมีแต่ความสุข เพี้ยงๆๆๆ”
น้องพีทำท่าเสกคาถาได้น่ารักน่าหยิก จนบรรดาผู้ปกครองที่นั่งชมอยู่พากันหัวเราะและชื่นชมเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
ตัวตะวันและพลัฎฐ์เองก็ไม่ได้ต่างกัน...
จวบจนถึงฉากสุดท้ายของการแสดงจบลง เจ้าหนูนักแสดงทุกคนก็วิ่งออกมาหน้าเวที พลางโค้งศีรษะและกล่าวขอบคุณบรรดาคนดูและผู้ปกครองทุกคนด้วยท่าทางน่าเอ็นดู และจากนั้นก็เป็นช่วงวลาที่ทางโรงเรียนอนุญาตให้บรรดาพ่อแม่และผู้ปกครองทั้งหลายเอาของขวัญดอกไม้ และสิ่งต่างๆ ไปมอบให้เด็กๆ ซึ่งพลัฎฐ์กับตะวันเองก็เดินไปหน้าเวทีแต่เขาทั้งคู่ไม่ได้มีของขวัญอะไรให้เจ้าหนู เพียงแต่เดินไปถึงแล้วก็อุ้มเด็กทั้งสองมากอดไว้แนบอก พร้อมกับทั้งระดมจูบแก้มทั้งอาทิตย์และน้องพีด้วยความภาคภูมิใจ
“เก่งมากเลยลูก น้องพีของปะป๊าเก่งมาก”
พลัฎฐ์กอดลูกชายไว้แน่น พร้อมกับระดมหอมแก้มเด็กน้อยด้วยความรัก ทำเอาเจ้าหนูที่ถูกหอมถึงกับหัวเราะคิกอย่างชอบใจ ในขณะที่ตะวันเองก็ไม่ได้ต่างกับพลัฎฐ์เลยแม้แต่น้อย
“อาทิตย์ของพี่ตะวันเจ๋งที่สุด!! พี่ตะวันภูมิใจในตัวอาทิตย์มาก มากๆ ที่สุดในโลกเลย”
พอว่าจบตะวันก็จูบไปที่ริมฝีปากน้องชายอย่างแสนรัก ทำเอาเจ้าอาทิตย์ดวงน้อยยิ้มกว้าง เมื่อได้รับคำชมและความรักจากคนเป็นพี่อย่างเต็มเปี่ยม
แล้วตะวันก็ต้องหันมาตามเสียงเรียกของเด็กชายข้างบ้าน ที่คนเป็นพ่อยืนอุ้มอยู่ข้างกัน
“แล้วน้องพีเก่งมั้ยคับพี่ตะวัน”
ตะวันยิ้มก่อนที่เขยิบเข้าไปยืนใกล้ๆ พลัฎฐ์แล้วยื่นใบหน้าไปหอมแก้มนิ่มๆ ของเจ้าหนูข้างบ้าน พลางเอ่ยตอบ
“เก่งครับ เก่งมากๆ เลย แองเจิ้ลตัวน้อยของพี่”
เด็กชายพีรยสถ์ยิ้มกว้าง ก่อนจะขยับกลับไปซุกอกพ่ออย่างเขินๆ ให้ตะวันต้องอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ป่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านเรากันดีกว่า ปะป๊ากับพี่ตะวันมีของขวัญวันคริสต์มาสจะให้น้องพีกับคุณอาทิตย์ด้วยน้า”
เจ้าหนูทั้งสองตาโตทันทีที่ได้ยินว่าจะได้ของขวัญ จึงพากันร้องอู้หูอ้าหา อยากจะรีบกลับกันยกใหญ่
“เย่ๆ กลับบ้านกันคุณอาทิตย์ น้องพีหยักได้ของขวัญแย้ว”
“กลับบ้านๆ ใช่ๆ น้องพี คุณอาทิตย์ก็อยากได้”
ซึ่งท่าทางตื่นเต้นของเจ้าหนูทั้งคู่ก็ทำเอาพลัฎฐ์และตะวันอดขำออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้ และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณครูที่ดูแลเรื่องการแสดงมาขออนุญาพาเด็กๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี พวกเขาเลยปล่อยคืนน้องพีและอาทิตย์ให้ครูดูแล จะได้รีบพากลับบ้าน พาไปดูของขวัญให้สมใจเด็กๆ ทั้งคู่
.
.
.
พอกลับมาถึงบ้านตะวันกับพลัฎฐ์ก็มอบของขวัญให้เจ้าหนูทั้งคู่เป็นเซ็ทสีไม้ สีน้ำ และสีเทียน รวมไปถึงอุปกรณ์วาดรูปครบชุดเซ็ทใหญ่ให้น้องพีกับอาทิตย์คนละชุด เอาไว้ทั้งวาดเล่น และเอาไว้ทั้งใช้เวลาเรียน ซึ่งของขวัญชิ้นนี้ดูจะถูกใจเจ้าหนูทั้งคู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอาทิตย์ที่ชอบวาดรูปเป็นทุนอยู่แล้ว ส่วนน้องพีเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยหน้า เอาแต่พูดว่าดีใจ เพราะจะได้ให้คุณอาทิตย์สอนวาดรูปให้เยอะๆ
และหลังจากถูกอกถูกใจกับของขวัญกันแล้ว ตะวันกับพลัฎฐ์ก็จับเด็กๆ อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะต้องไปขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่ตามแพลนที่ได้วางไว้ คาดว่าน่าจะถึงสนามบินเชียงใหม่ในช่วงเย็น และคงพาเด็กๆ เข้าโรงแรมที่พัก ทานอาหารเย็นและพักผ่อนเลย เพราะผู้ใหญ่ทั้งคู่ตั้งใจกันไว้ว่าจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวม่อนแจ่มกันตั้งแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น
ทั้งอาทิตย์และน้องพีดูตื่นเต้นกันยกใหญ่กับการได้นั่งเครื่องบิน ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้นั่ง แต่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหนูทั้งคู่ได้ไปด้วยกัน อะไรๆ ก็เลยจะดูตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ และถึงแม้เครื่องจะเทกออฟแล้ว น้องพีกับอาทิตย์ก็ยังคงชี้ชวนพากันดูนั่นนี่ไม่เลิก โชคดีที่พลัฎฐ์เลือกที่นั่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและนั่งสบายมากพอให้เด็กๆ ได้พูดคุยกันได้โดยไม่รบกวนคนอื่น ซึ่งเจ้าหนูทั้งคู่ก็พากันกระซิบกระซาบคิกคักไปจนถึงปลายทางที่เชียงใหม่นั่นล่ะ ถึงจะพอสงบลงบ้างได้
“ปะป๊าๆ เยาถึงประเทศเชียงใหม่แย้วหยอคับ”
น้องพีเอ่ยถามคนเป็นพ่อที่อุ้มตัวเองอยู่ขณะเดินออกจากเครื่องมายังสายพานรับกระเป๋า โดยมีตะวันที่จูงอาทิตย์เดินตามมาติดๆ
“ถึงแล้วครับลูก” พลัฎฐ์จูบแก้มลูกชายเบาๆ ด้วยความเอ็นดูที่เด็กชายยังคงฝังใจว่าเชียงใหม่เป็นประเทศอยู่ ก่อนจะแก้ไขความเข้าใจผิดให้ลูกชายเสียใหม่ “แต่เชียงใหม่ไม่ใช่ประเทศนะครับน้องพี เชียงใหม่เป็นจังหวัด น้องพีต้องพูดว่าจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ใช่ประเทศเชียงใหม่.. ไหนน้องพีลองพูดใหม่สิครับ”
“งืมๆ จังหวัดเชียงใหม่... ถูกไหมคับปะป๊า”
เด็กชายยิ้มร่าตอนคนเป็นพ่อพยักหน้ารับ “ถูกครับ น้องพีของปะป๊าเก่งมาก”
ทั้งสี่เดินมาตามทางเดินจนถึงจุดรับกระเป๋าตรงสายพานด้านล่างของอาคาร และพอหยิบฉวยสัมภาระมาครบ สองผู้ใหญ่กับสองเด็กน้อยก็เดินออกมานอกอาคารและได้เจอกับรถที่พลัฎฐ์จองไว้กับทางโรงแรมมาจอดรอรับพอดี
เนื่องจากทั้งสี่มาถึงที่เชียงใหม่เป็นเวลาเย็นมากแล้ว และเด็กๆ เองก็ดูจะเพลียกับการเดินทางไม่น้อย พลัฎฐ์และตะวันจึงให้รถของโรงแรมตรงกลับที่พักเลยตามแพลนที่เขาได้วางไว้แต่แรก เพราะตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเริ่มออกเดินทางไปม่อนแจ่มแต่เช้า เพราะอยากให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับอากาศดีๆ
.
.
.
เช้าวันต่อมาทั้งสี่คนเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะตั้งใจว่าคืนนี้จะไปพักค้างที่บ้านม่อนม่วนใกล้ๆ กับม่อนแจ่ม ด้วยรถที่พลัฎฐ์จองไว้กับทางโรงแรม และเพราะต้องขับรถขึ้นเขา และมีความซับซ้อนสูงชันของเส้นทาง พลัฎฐ์จึงขอให้ทางโรงแรมหาคาร์ซีทสำหรับเด็กมาเสริมไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยของทั้งอาทิตย์และน้องพี
ทั้งสี่มาถึงบ้านม่อนม่วนก็แวะเช็คอินเอาสัมภาระเก็บ และกินอาหารเช้ากันที่นั่น โชคดีที่ตอนนี้เป็นหน้าหนาว อากาศช่วงเช้าเลยยิ่งเย็นสบายแทบไม่มีแดดให้เห็นแม้จะล่วงเลยเข้าเก้าโมงแล้วก็ตาม
เด็กๆ และตะวันดูมีความสุขมากจนพลัฎฐ์แทบจะหุบยิ้มไม่ได้ เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าหนูยามถามถึงสิ่งๆ ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาให้เห็น ไม่ได้ทำให้คนเป็นพ่อและเป็นพี่นึกคร้านที่จะตอบ ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความสดใสมากขึ้นทวีคูณ จนกระทั่งเมื่อพลัฎฐ์จอดรถและจับน้องพีขี่คอ จูงมือตะวันที่อุ้มอาทิตย์ไว้ในอ้อมกอด พากันเดินขึ้นทางสูงชันก่อนที่จะถึงม่อนแจ่ม ทำเอาหอบฮักจนหายใจแทบจะไม่ทัน และความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ก็ทำให้ตะวันและพลัฎฐ์แทบจะลืมเหนื่อยจนเป็นปลิดทิ้ง
“พี่ตะวันๆ อันนี้ต้นอะไรคับ ทำไมดอกใหญ๊ใหญ่”
“ดอกทานตะวันครับ สวยมั้ย อาทิตย์อยากดูใกล้ๆ รึป่าว”
พอจบคำถามของพี่ชาย อาทิตย์ก็พยักหน้ารับ ให้ตะวันได้อุ้มเข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนจะพากันได้ถ่ายรูป รัวชัตเตอร์กันสมใจ ก่อนที่ผู้ใหญ่จะเริ่มเหนื่อย เลยมาหาที่นั่งพักใกล้ๆ กับจุดชมวิว โดยมีอาทิตย์กับน้องพีนั่งกินน้ำส้มที่สั่งมาจากร้านค้าในม่อนอยู่ข้างๆ
พลัฎฐ์หันไปรอบๆ ม่อนที่วันนี้คนไม่เยอะมาก อาจจะเนื่องจากยังเช้าอยู่ด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนจะขยับเข้าใกล้ตะวันอีกนิด แล้วเอื้อมมือไปกระชับผ้าพันคอที่เขาเป็นคนพันให้ตะวันเองเมื่อเช้าให้เข้าที่มากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างตัวมือเย็นขึ้นน่าจะเนื่องจากอากาศที่ค่อนข้างหนาวเมื่อมาอยู่ข้างบน
“ตัวเล็กชอบที่นี่ไหมครับ”
พลัฎฐ์ถามก่อนที่วาดแขนรั้งคนรักเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ซึ่งตะวันเองก็ไม่ได้อิดออดเนื่องจากเห็นว่าคนไม่เยอะและไม่ได้มีใครสนใจพวกเขาสักเท่าไหร่
“ชอบครับ อากาศดี คนไม่เยอะและที่สำคัญ มีพี่กับเด็กๆ อยู่ด้วย.. ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนตะวันก็ชอบทั้งนั้น”
พลัฎฐ์ยิ้มให้กับคำตอบออดอ้อนของคนรัก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ทำตามความตั้งใจที่เขาคิดมาตั้งแต่เริ่มวางแพลนทริปนี้
... อยากจะอาศัยบรรยากาศดีๆ ช่วงเวลาดีๆ และสถานที่ดีๆ มาเป็นตัวช่วยในสิ่งที่เขาคิดไว้ว่าจะพูดกับตะวัน
“ตะวันครับ.. พี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย ตะวันพอจะคุยกับพี่ได้ไหมครับ”
คนตัวเล็กกว่าผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นทันทีเมื่อได้ยินว่าพลัฎฐ์มีเรื่องอยากจะคุย ตะวันหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย เมื่อมองเห็นว่าพลัฎฐ์ดูจริงจังกับหัวข้อสนทนาไม่น้อย เขานึกรู้ได้ตั้งแต่พลัฎฐ์เรียกเขาด้วยชื่อที่นานๆ จะเรียกสักครั้งถ้ามีเหตุให้ต้องจริงจัง หรือซีเรียสพอสมควร
“ครับ? พี่พลัฎฐ์มีอะไรเหรอ?”
คนตัวเล็กกว่าใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรจะพูดด้วย เขาเองก็เดาไม่ออกเพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งเขาและพลัฎฐ์ต่างก็ดูมีความสุขดีตั้งแต่เริ่มคบกัน แต่พอพลัฎฐ์มาเกริ่นๆ แบบนี้ตะวันก็อดแปลกใจปนกังวลนิดๆ ไม่ได้
“คือพี่คิดมาสักระยะแล้วเรื่องที่เราผลัดกันไปมาค้างบ้านอีกฝ่าย พี่ว่าเราเลิกทำแบบนี้กันดีไหมครับ”
ตะวันอึ้งพอได้ยินพลัฎฐ์พูดออกมาแบบนั้น ตัวเขาชาวาบไปหมด เพราะการพูดแบบนี้ของพลัฎฐ์แทบไม่ได้ต่างอะไรกับการขอเว้นระยะห่างเลยสักนิด
“พี่.. พี่พลัฎฐ์หมายความว่าไงครับ?”
และพลัฎฐ์เองก็คงเห็นความผิดปกติของตะวันเลยนึกขึ้นได้เมื่อมาทบทวนคำพูดของตัวเอง จึงต้องรีบแก้จนลิ้นแทบจะพันกันให้จ้าละหวั่น
“เฮ้ย!! พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะตะวัน พี่แค่หมายความว่า เรามาทุบกำแพงบ้านเรากันดีไหม ทำให้บ้านเราเป็นรั้วเดียวกัน จะได้ไม่ต้องผลัดค้างบ้านพี่ทีบ้านตะวันที หรืออีกทีก็คือพี่หมายถึงว่า...”
พลัฎฐ์จ้องมองสบไปที่ตากลมของคนข้างหน้าที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าแปลกๆ เพราะอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาและดูสับสนของตัวเอง ก่อนที่ตากลมจะเบิกกว้างเพราะประโยคต่อมาของพลัฏฐ์
“แต่งงานกับพี่นะตะวัน เรามาอยู่ด้วยกัน มาสร้างครอบครัวเล็กๆ ด้วยกันนะครับ” มือใหญ่ตรงเข้ากอบกุมมือเล็กที่เย็นเฉียบยิ่งกว่าเมื่อกี้ ตะวันอ้าปากค้างเพราะตกใจไม่คิดว่าสถานการณ์จะกลับตาลปัตรจากที่คิดว่าตัวเองจะถูกบอกเลิกกลับกลายเป็นถูกขอแต่งงานแทน และในขณะที่สมองยังคงไม่ประมวลผลนั้น จู่ๆ น้องพีที่เมื่อกี้ยังนั่งกินน้ำส้มคั้นอยู่จะคลานมานั่งจุ้มปุ้กอยู่ข้างๆ พร้อมกับพูดเสียงใสราวกับเตี๊ยมมากับคนเป็นพ่อแล้วอย่างดี
“มาอยู่กับน้องพีนะคับพี่ตะวัน น้องพีสัญญาว่าจะไม่ดื้อ จะเป็นเด็กดีที่สุดในโยกให้พี่ตะวันเยย” ส่วนอีกข้างก็ขนาบด้วยเจ้าน้องชายตัวแสบ ที่ดูท่าจะรับสินบนมาจากปะป๊าพลัฎฐ์ไม่ต่าง
“เราสองคนไปอยู่กับปะป๊าพะลัดกับน้องพีเถอะนะพี่ตะวัน อาทิตย์สัญญาเหมือนกันว่าจะเป็นเด็กดี” ตะวันหันมองเด็กทั้งสอง แล้วสลับกับมามองใบหน้าหล่อเหลา และสายตาที่เต็มไปด้วยความรักของพลัฎฐ์อีกครั้ง ก่อนที่น้ำตาแห่งความดีใจจะไหลมาคลอหน่วยที่หางตาอย่างห้ามไม่ได้
ตะวันรู้แค่ว่าตอนนี้เขามีความสุขมากเหลือเกิน มากจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดแทบไม่ไหว
“ตะวันครับ...”
และแน่นอนตะวันไม่ยอมให้พลัฎฐ์พูดจบประโยค คนตัวเล็กกว่าโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นที่คุ้นเคย จนพลัฎฐ์ที่ยังไม่ทันตั้งตัวแทบจะอ้าแขนรับอีกฝ่ายไว้ไม่ทัน ก่อนที่เสียงอู้อี้ของคนที่กำลังพึมพำอยู่ที่อกกว้างของเขาจะทำให้คนตัวโตยิ้มกว้าง
“แต่งครับแต่ง พี่รับตะวันกับอาทิตย์ไปอยู่กับพี่กับน้องพีด้วยนะครับ” คนตัวเล็กกว่าสะอื้นเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความดีใจ ให้พลัฎฐ์ต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ราวกับจะแทนคำสัญญาทั้งหมดที่มี
“ครับ เราสี่คนมาอยู่ด้วยกันนะ” พลัฎฐ์จูบย้ำๆ ลงบนขมับของคนในอ้อมกอด ก่อนที่ตะวันจะหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นน้องพีกับอาทิตย์ก็โถมตัวเข้ามากอดบ้างพอเห็นว่าพี่ตะวันกับปะป๊าพลัฎฐ์ไม่ยอมผละออกจากกันเสียที
“กอดด้วยๆ อาทิตย์กอดด้วยยย”
“ใช่ๆ ยักกันๆ น้องพีก็ย๊ากก”
พลัฎฐ์กับตะวันจึงผละออกมามองหน้ากันแล้วก็อุ้มเด็กทั้งสองมานั่งตรงกลาง พลางขยับเข้ามากอดกันเป็นก้อนกลมๆ โดยมีเจ้าหนูทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนอันอุ่นทั้งของพลัฎฐ์และตะวัน
“พี่รักตะวันนะครับ” พลัฎฐ์จูบลงหน้าผากมนเบาๆ ก่อนที่กระซิบถ้อยคำบอกรักให้ตะวันได้รับรู้
“ตะวันก็รักพี่พลัฎฐ์ครับ” ซึ่งตะวันเองก็ตอบรับความรู้สึกของพลัฏฐ์ด้วยประโยคเดียวกัน
ด้วยความรักจนหมดหัวใจของคนทั้งสอง โดยมีท้องฟ้า ภูเขา และเด็กชายทั้งสองคนเป็นพยาน
.
.
.
THE END
อุทิศให้กับความรักที่บริสุทธิ์ของทุกคู่รักบนโลกใบนี้
-------------------------------
LAST TALK: ขอบคุณทุกการติดตามและการสนับสนุน ขอบคุณหลายๆ คน หลายๆ คอมเม้นท์ ที่อยู่กับ #เกิดเป็นรักข้ามรั้ว มาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาให้กำลังใจ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนที่คลิกเข้ามามีความสุขบ้างไม่มากก็น้อยเนาะ ^^
ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ ... รักพวกคุณมากๆ ♡♡