ตอนที่ 31
เสื้อสูทและกางเกงจากแบรนด์ชื่อดังถูกถอดออกไปอย่างไม่ใยดี วินาทีต่อมาแฟนก็ถูกผลักให้นอนลงบนเตียง แม้จะยังมีน้ำตาคลออยู่แต่ก็ยินยอมให้อีกคนลงโทษแต่โดยดี
“อ๊ะ” เสียงร้องอุทานดังขึ้นเนื่องจากความเจ็บบริเวณลำคอ หินเริ่มต้นด้วยการกัดและขบเม้มไปทั่ว ไม่ได้เริ่มด้วยจูบวาบหวามอย่างเช่นทุกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นแฟนก็ยังขยับเอียงคอเปิดทาง ขณะกัดริมฝีปากล่างกลั้นความเจ็บเอาไว้สุดความสามารถ มือหนาซึ่งเคยลูบไล้ปลุกเร้าคราวนี้กลับฟ่อนเฟ้นลงน้ำหนักจนผิวบางขึ้นรอย
“อึก” จังหวะการหายใจสะดุดกึกเมื่อนิ้วแกร่งสอดเข้ามาในช่องทางแคบโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่มีตัวช่วยจากทั้งธรรมชาติและจากเจลหล่อลื่น ความฝืดเคืองส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปได้ไม่รื่นไหลนัก แต่เพราะหินรู้จักร่างกายทุกส่วนของแฟนเป็นอย่างดีจึงกระตุ้นคนใต้ร่างให้รู้สึกได้พอๆ กับความเจ็บ
แฟนเป็นแค่ของเขา
ภาพอีกคนถูกกอดวาบเข้ามาในหัวกระตุ้นส่วนที่กำลังสอดเข้าออกในกายบางให้ขยับรุนแรงขึ้นจนได้ยินเสียงร้อง ใบหน้าสวยบิดเบ้เหยเกเนื่องจากรู้สึกจุกและแสบ ทว่าก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามีความเสียวเจืออยู่
ขาเรียวพยายามอ้าออกกว้างเพื่อลดการบาดเจ็บของตัวเอง เม็ดตุ่มไตเล็กทั้งสองข้างถูกขบกัดจนขึ้นรอยฟันโดยรอบ ไม่นานนักหินก็กระชากชั้นในซึ่งเป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่ติดกายแฟนออก ตามด้วยของตัวเองจนร่างกายทั้งสองเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด
ถึงอยากจะลงโทษแฟนแค่ไหนแต่ร่างสูงก็ยังใจดีผละออกไปหยิบอุปกรณ์จำเป็นข้างหัวเตียง เสียงหลอดเจลหล่อลื่นถูกเปิด จากนั้นสัมผัสเย็นๆ ชื้นแฉะก็เกิดขึ้นตรงช่องทางด้านหลัง เอวเล็กถูกจับให้พลิกตัวนอนคว่ำ สะโพกบางถูกรั้งให้โก่งโค้ง ก่อนหินจะเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเข้าไป
“พะ พี่หิน”
บางส่วนซึ่งถูไถแนบชิดอยู่ด้านหลังทำให้แฟนเอ่ยเรียกอีกคนเสียงสั่น ความร้อนผ่าวจากตัวตนแข็งขืนลามไล้ไปทั่ว ตั้งแต่ส่วนที่ร่างกายสัมผัสกันจนถึงปลายนิ้ว
หินดูดิบกว่าทุกครั้งอาจเพราะความโมโห ใบหน้าคร้ามคมถมึงทึง ทุกการกระทำเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ การเล้าโลมไม่มีความค่อยเป็นไปอย่างเคย
เพียงไม่กี่นาทีก็จะเข้ามาแล้ว
“เดี๋ยว อึก เดี๋ยว พะ พี่หิน ยังไม่ได้ใส่ถุง”
เพียงแค่ส่วนหัวที่กำลังเข้ามาแฟนก็รู้สึกได้ถึงความเปลือยเปล่าไร้ซึ่งสิ่งป้องกัน อีกทั้งยังไม่มีเสียงฉีกซองใดๆ เกิดขึ้น
ใช่ว่าไม่เชื่อใจอีกคน ทว่าการไม่ใส่ถุงยางจะทำให้ทุกอย่างลำบากกว่าปกติ
หากแต่หินไม่คิดฟัง ส่วนร้อนผ่าวยังคงถูกดันเข้าไปลึกเรื่อยๆ ขณะที่คนต้องรองรับส่งเสียงครวญเป็นระยะ กว่าจะเข้าไปได้จนหมดแฟนก็กัดปากตัวเองจนได้กลิ่นคาวเลือด
มันลึกซึ้ง เต็มตื้น จนหายใจแทบไม่ออก
สิ่งบางๆ ที่เคยขวางกั้นวันนี้กลับไม่มี ก่อให้เกิดความรู้สึกซึ่งไม่อาจบรรยายได้
“มึงเป็นของกูคนเดียว”
“อะ อื้อ” แฟนทั้งตอบรับและร้องครางในคราเดียวกันยามขาข้างขวาถูกช้อนขึ้นด้วยท่อนแขนแกร่ง สะโพกบางจึงเอียงไปอีกข้าง เปิดมุมทางด้านขวาอ้าซ่าให้คนด้านหลังเข้ามาแนบชิดกันได้มากขึ้น
ที่คิดว่าลึกแล้วในความรู้สึกกลับยิ่งลึกเข้าไปได้อีก
“อะ อ๊ะ อึก” บางอย่างถอดถอนออกไปด้วยความเชื่องช้า เว้นจังหวะให้ได้หายใจเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับมาเติมเต็มอีกครั้งจนร่างเล็กสะท้านเฮือก ความเสียวแล่นวาบมาพร้อมความเจ็บ มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น
มะ มันมากเกินไป รับรู้ได้มากเกินไป
สะโพกแข็งแกร่งเชื่องช้าเพียงครั้งเดียวจากนั้นหินก็เข้ามาลึกซึ้ง รวดเร็ว และรุนแรง กระทั่งขาซ้ายที่เป็นส่วนรองรับน้ำหนักสั่นไหว เสียงการตอกตรึงดังก้องอย่างหยาบโลน หากแต่ได้ยินจนคุ้นชิน
ต่อมาท่อนแขนใหญ่ก็วางขาเรียวลงให้กลับไปอยู่ท่าเดิม ทว่าการเคลื่อนไหวซึ่งยังคงเป็นจังหวะหนักหน่วงส่งผลให้แฟนเรี่ยวแรงอ่อนลงจนทรุดฮวบนอนคว่ำลงบนเตียง
ยังไม่ทันได้มีจังหวะหายใจก็ถูกคนที่ดุเดือดกว่าทุกครั้งจับพลิกให้ขึ้นไปนั่งบนตัว ขาเล็กอ้าคร่อมท่อนขาแข็งแรงที่ตั้งชันด้วยท่าทางนั่งหันหลัง แฟนพยายามขยับหาตำแหน่งให้สามารถทรงตัวได้แต่มือหนากลับเอื้อมมารั้งเอวบางให้ยกขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายตอกตรึงขึ้นหาจากทางด้านล่าง
“ฮ๊ะ อึก อื้อ พะ พี่หิน” เสียงที่เอ่ยสั่นไหวกระท่อนกระแท่นไม่ต่างจากร่างกาย แรงกระแทกนั้นรัวเร็วยิ่งกว่าเมื่อครู่จนสะโพกเกร็งสั่น มือที่ประคองอยู่บนเอวราวกับครีมเหล็กซึ่งยึดเอาให้รองรับจังหวะของการสวยกายเข้าออก
การเสียดสีเริ่มลื่นไหลไม่เหลือความฝืดเคืองเช่นก่อนหน้า ทุกการแนบชิดทำให้รู้สึกได้มากจนแฟนน้ำตาคลอ ทั้งด้วยเพราะความเสียดเสียวและความลึกซึ้ง
ครั้งแรกกับการไม่มีสิ่งใดป้องกัน ไม่ได้ห่วงถึงความสะอาดใดๆ มีเพียงความรู้สึกที่มากล้น
เสียงเตียงคิงไซซ์ดังเอี๊ยดอ๊าดบ่งบอกถึงความรุนแรง ร่างเล็กต้องวางมือลงบนเข่าของคนใต้ร่างเป็นการพยุงกาย ยามความต้องการกำลังพุ่งสูงขึ้นหินก็จับเปลี่ยนท่าทางอีกครั้ง
คนตัวโตที่ได้ระบายความร้อนในอกไปกับกายบางผละออกลงไปยืนบนพื้น ก่อนจะรั้งสะโพกของแฟนให้เลยออกมาจากเตียง จับขาเรียวทั้งสองข้างวางแนบกับไหล่ จากนั้นจึงโน้มตัวลงให้ส่วนที่แนบชิดแอ่นขึ้นพร้อมกับสอดใส่ตัวตนเข้ามาอีกครั้ง
“อ๊า พี่หิน จะ อึก จูบหน่อย”
คนซึ่งถูกอ้อนขอยอมทำให้ตามคำเรียกร้อง ริมฝีปากได้รูปบดเบียดลงมาขณะที่ริมฝีปากบางไล้เลียดูดดึง ปลายลิ้นเล็กเป็นฝ่ายรุกล้ำด้วยการสอดเข้าไปสัมผัส เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกับลิ้นหนาจนน้ำสีใสไหลเลอะตรงมุมปาก อีกทั้งเสียงครางในลำคอยังดังอึกอักคลอกับเสียงเนื้อกระทบกัน
“อย่า อา อย่าโกรธ ฮึก อ๊ะ แฟนนะ”
เสียงหวานซึ่งเจือไปด้วยเสียงครวญครางเอ่ยเว้าวอน มือเล็กวางแนบกับใบหน้าคมสะเปะสะปะเนื่องจากร่างกายสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะของสะโพกสอบ
ด้านคนถูกอ้อนไม่ตอบกลับ อีกทั้งจังหวะการตอกตรึงยังรวดเร็วและรุนแรงขึ้นจนแฟนหลับตาลงแน่น
“อึ๊ พี่หิน ฮื่อ ชะ ช้า”
“....”
“กะ ใกล้แล้ว อื้อ”
ท่อนแขนเรียวเลื่อนไปโอบรอบคอของหินพร้อมทั้งซบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง ความใกล้ชิดนี้ส่งผลให้ได้ยินเสียงคำรามต่ำราวกับสัตว์ป่าของคนที่ขยับกายอยู่ด้านบน เหงื่อร้อนๆ ไหลซึมหลอมรวมจนร่างทั้งสองมันเลื่อม ช่องทางเล็กรัดแน่นเป็นจังหวะถี่รัว
ทว่าถึงตอนนี้หินกลับผ่อนจังหวะลงมาเป็นเพียงการบดคลึง หมุนวนสะโพกช้าๆ จนแฟนต้องเป็นฝ่ายแอ่นกายเข้าหา
“พะ พี่ หิน อ๊า ได้โปรด”
จริงอยู่ที่การหมุนวนนี้ทำให้เสียดเสียวได้ไม่แพ้การสวนกายเข้าออก หากแต่มันไม่มากพอที่จะให้ไปถึงปลายทางได้อย่างใจต้องการ
อยากได้มากกว่านี้ มากกว่านี้อีก
“รู้ใช่ไหมว่ามึงคิดน้อยเกินไป”
“อะ อื้อ”
“รู้ใช่ไหมว่ากูโมโหที่มันกอดมึง”
“อาห์ อื้อ”
“รู้ใช่ไหมว่ากูหงุดหงิดเรื่องไอ้รุ่นพี่หน้าอ่อนนั่นด้วย”
“อึก อื้อ”
“จำไว้แฟน จำเอาไว้ว่าร่างกายทุกส่วนของมึงเป็นของกู...ฉะนั้นอย่าให้ใครได้แตะต้องแม้แต่ปลายก้อย”แฟนอยากรับคำเช่นสามประโยคก่อนหน้าหากแต่จังหวะที่ส่งเข้ามาในกายรุนแรงจนมีเพียงเสียงครวญครางที่หลุดรอด ความเสียวซ่านไต่ระดับสูงขึ้นจนน้ำตาไหลรินจากทางหางตา ปลายเล็บสั้นกุดจิกลงบนแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้
“อะ อ่ะ อ๊ะ อีก อีกนิด”
เสียงร้องขอเว้าวอนดังขึ้นโดยหินก็จัดให้ตามคำขอ ช่องทางอ่อนนุ่มบีบรัดตัวตนจนร่างสูงต้องกัดฟันกรอด กล้ามเนื้อซึ่งเป็นผลมาจากการออกกำลังกายเกร็งขึ้นทุกส่วนจนเห็นเป็นมัดๆ ขณะสะโพกแกร่งเสือกไสเข้าลึกรุนแรง
“อือ อา อะ อึก พี่หิน อึ๊”
“อืม”
“อาาาาาาส์” ไม่กี่วินาทีจากนั้นแฟนก็ไม่อาจทานทนความรู้สึกที่เกินจะรับไหว สะโพกขาวกระตุกเฮือกยามช่องทางเล็กบีบเค้นส่วนร้อนผ่าวรุนแรงกระทั่งหินปลดปล่อยออกมาตามกัน
“อื้มมม” อีกคนเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงคำรามในลำคอจนเห็นเส้นเลือดปูนโปน สะโพกสอบเกร็งกระตุกพร้อมทั้งฉีดพ่นบางอย่างเข้าไปในตัวแฟนโดยไม่ถอดถอนกายออก
บางอย่างซึ่งอุ่นร้อนไหลเอ่อท่วมท้น ความรู้สึกของการถูกปลดปล่อยในตัวนั้นรุนแรงเสียจนแฟนเปล่งเสียงครางแผ่ว กอดคนด้านบนเอาไว้แน่นพลางหลับตาลงซึมซับทุกความรู้สึก
ตัวตนของหินอยู่ในนี้...
“แฮกๆๆ”
เสียงหอบและเสียงอัตราการเต้นของหัวใจดังสะท้อนในความเงียบ แฟนรู้สึกเหมือนบทรักครั้งนี้ใช้พลังงานหมดไปทั้งร่าง ผ่านไปหลายนาทีหินก็ยังไม่ขยับออกไปไหนแม้จะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมด
“น้องขอโทษ” แฟนเอ่ยเสียงเบาเมื่อลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ
“...”
“พี่หินหายโกรธน้องนะ” หินปิดเปลือกตาลงเพื่อทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมถึงคนในอ้อมกอด
ไม่ได้โกรธแฟนเท่าโกรธไอ้หมอนั่น
แต่ถึงอย่างนั้นความคุกรุ่นของอารมณ์ยังคงมีอยู่
แม้ไม่อาจตอบได้ทันทีว่าหายโกรธแต่แขนใหญ่ก็เลื่อนขึ้นโอบร่างเล็กเข้าหาตัว
เพียงเท่านั้นคนคิดน้อยเกินไปก็พอจะยิ้มออก
ร่างบางนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาราวกับคนไร้สติ หินไม่ได้รังแกอีกคนไปเพียงแค่รอบเดียวแต่กลับทำจนนับครั้งไม่ถ้วน ปลดปล่อยทั้งความต้องการและอารมณ์จนกองไฟในอกเหลือเพียงเถ้าถ่านและควันจางๆ
นิ้วแกร่งเกลี่ยไปตามแก้มเนียนของคนที่หลับใหลพลางเอ่ยคำขอโทษในใจ
แฟนตอบรับสัมผัสโดยไม่มีอิดออดกระทั่งแทบไม่มีแรงขยับแขนขา ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟันเป็นจ้ำๆ จากการถูกขบกัดและดูดดึง ไม่เว้นแม้กระทั่งตามท่อนแขน
กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองระบายอารมณ์ไปรุนแรงและมากมายขนาดไหนก็เป็นตอนที่เช็ดตัวให้แล้วเห็นสภาพของแฟนทั้งหมด
“พี่ขอโทษ” ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนหน้าผากเล็กแนบแน่นยามกระซิบบอก
ไม่อยากหึง ไม่อยากโกรธ ก็เพราะแบบนี้
อารมณ์ที่ร้อนจนไม่มีอะไรฉุดรั้งอยู่จะทำลายทุกอย่างแม้แต่ตัวแฟนเอง
ร่างสูงที่ยังคงเปลือยเปล่าผละออกจากแฟนแล้วเบี่ยงกายไปนั่งทางขอบเตียง มือหนายกขึ้นปิดหน้าตัวเองพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
--
คนที่หลับใหลไม่รู้สึกตัวอย่างเนิ่นน่านค่อยๆ ขยับตัวด้วยความเชื่องช้า เปลือกตาสีอ่อนปรือเปิด ก่อนจะใช้เวลาในการปรับสายตาและเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อนจะหลับไปอยู่หลายนาที เมื่อนึกขึ้นได้แฟนจึงรีบกวาดมองรอบตัว นาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียงบ่งบอกว่านอนยาวจนกระทั่งถึงตอนเย็น
หนึ่งทุ่มแล้ว หินไปไหน
ความผิดของตัวเองที่ยังไม่ได้เคลียร์กันร้อยเปอร์เซ็นต์ส่งผลให้คนเพิ่งตื่นเป็นกังวล ร่างเล็กซึ่งอยู่ในชุดนอนเรียบร้อยด้วยน้ำมือของหินลุกขึ้นนั่ง ขณะที่ความเมื่อยขบซึ่งเล่นงานทุกข้อกระดูกทำให้ริมฝีปากบางซีดส่งเสียงครางอ่อย
ล้าเหมือนถูกรถทับซ้ำไปมา ยังดีที่ไม่เป็นไข้
แม้จะไม่ค่อยมีแรงและเมื่อยขบไปทั้งตัวแต่แฟนก็กัดฟันหยัดกายลุกขึ้น บางอย่างซึ่งไม่สามารถเอาออกได้หมดไหลย้อนออกมาจนรู้สึกเหนียวเหนอะ ขาสั่นระริกจนต้องเกาะขอบเตียงเอาไว้แน่นพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ก้าวแต่ละก้าวโดยหาที่จับไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงประตูห้อง
คิ้วได้รูปขมวดเป็นปมเมื่อรอบตัวมีเพียงความเงียบงัน ไม่มีเสียงโทรทัศน์หรือการเคลื่อนไหวใด อยากจะเดินไปดูห้องครัวแต่ระยะทางก็ไกลเกินกว่าสังขารจะไหว แฟนจึงพยายามก้าวไปยังตำแหน่งที่หินมักวางกุญแจรถและกระเป๋าเงินเอาไว้
ไม่มี...
ไม่มีทั้งกระเป๋าและกุญแจรถมาเซราติ
ปกติหินแทบไม่เอามาเซราติออกถ้าไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วทำไมครั้งนี้ถึงเอาออกไป
ในห้องเงียบกริบจนรู้สึกเหมือนว่าหินไม่ได้อยู่นานแล้ว แฟนเริ่มอยู่ไม่ติด หากร่างกายแข็งแรงปกติคงเดินพล่านไปทั่ว ทว่าเมื่อทำอย่างนั้นไม่ได้จึงได้แต่ลากขาไปหยิบกระเป๋าของตัวเองใบเมื่อวาน มือบางควานหาโทรศัพท์อย่างร้อนรนเมื่อเจอก็รีบต่อสายหาอีกคน
ติด แต่หินไม่รับ
แฟนพยายามโทรไปอีกครั้งและอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม ความกังวลเรื่องเมื่อวานกระตุ้นให้คิดมากไปยิ่งกว่าเดิม นิ้วเรียวยังคงกดโทรซ้ำอยู่อย่างนั้นกระทั่งน้ำตาหยดลงบนหน้าจอถึงเพิ่งรู้ตัวว่าร้องไห้
มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ ไม่ยอมละทิ้งความพยายามแม้ตัวจะสะอื้นฮัก
แกร๊ก
“โทรหากูทำไม”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนประโยคคำถามจะดังตามมาให้แฟนหันขวับไปมอง เมื่อเห็นน้ำตาบนใบหน้าสวยคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น ยังไม่ทันจะได้วางถุงของมากมายในมือลงแฟนก็ถลาเข้ามาหาเสียก่อน
“แฟน!”
เสียงทุ้มอุทานด้วยความตกใจเมื่อเพียงก้าวเดียวร่างเล็กล้มทรุดลงตรงหน้า หินรีบสาวเท้าตรงไปหาด้วยความร้อนรน วางถุงของลงบนพื้นข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ
“ร้องไห้ทำไม เป็นอะไร” คนล้มถูกประคองด้วยมือหนายามน้ำตาในดวงตาคู่สวยไหลรินไม่หยุด
“อึก พะ พี่หินไปไหนมา” แฟนเอ่ยถามขณะที่มือกำแขนของอีกคนเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้านี้จะหนีไป
“ไปซื้อกับข้าวแล้วก็ซื้อของ ที่ไม่รับโทรศัพท์เพราะกำลังขึ้นลิฟต์”
“นึกว่า ฮึก โกรธจน กะ กลับห้องไปแล้ว”
คนฟังถอนหายใจด้วยความรู้สึกปวดหนึบเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่แฟนกลัว มือหนาละออกจากแขนเล็กหนึ่งข้างแล้วยกขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้แผ่วเบา
“ไม่ได้โกรธแล้ว”
“จะ จริงนะ” แฟนถามย้ำเสียงสั่น
“อืม หยุดร้องได้แล้ว”
หินเอ่ยเสียงอ่อนพลางรั้งคนร้องไห้เข้ามาในอ้อมกอด ท่อนแขนเรียวคล้องลำคอแกร่งเอาไว้แน่นอีกทั้งยังซบหน้าอยู่กับอกกว้างอย่างหาที่พึ่งพิง
กว่าแฟนจะสงบลงจนไม่มีอาการสะอื้นก็ผ่านไปหลายนาที โดยที่หินเป็นคนช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มแล้วพาไปนั่งบนโซฟา
“พะ พี่หิน...เดี๋ยวโซฟาเลอะ”
คนพูดยังคงเกาะหินเอาไว้ไม่ยอมนั่งลงเนื่องจากบางอย่างไหลซึมออกมาจนกลัวว่าจะทำให้โซฟาเปื้อน
ร่างสูงสงสัยอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อเข้าใจว่าอะไรที่จะทำให้เลอะ
“โทษที มันเยอะจนเอาออกได้ไม่หมด”
คำพูดและความชื้นแฉะตามซอกขาส่งผลให้ใบหน้าสวยแดงซ่าน ดวงตาเบือนหนีไปทางอื่นด้วยความกระดากอาย
เมื่อกลัวเลอะหินจึงเอื้อมมือไปคว้าหมอนใบใหญ่มารองด้านล่าง จากนั้นจึงค่อยๆ วางแฟนลง
“ถ้าหมอนเลอะก็ค่อยทิ้ง”
“อะ อืม” แฟนได้แต่รับคำเสียงแผ่ว
“เดี๋ยวกูเอาข้าวมาให้กินตรงนี้” ใบหน้าสวยกดลงรับยามมองตามร่างสูงไปโดยไม่วางตา
หินใช้เวลาจัดการกับอาหารทั้งหมดที่ซื้อมาราวห้านาที ก่อนอาหารไทยมากมายจะวางเรียงรายอยู่จนเต็มโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้คนที่ไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันท้องร้องโครกคราก
“กินก่อนค่อยแปรงฟันแล้วกัน”
แฟนรับคำพลางเริ่มต้นทานอาหารด้วยความหิวโหยแม้ว่ามือจะอ่อนแรง เมื่อข้าวเข้าปากก็ดูเหมือนจะมีแรงเพิ่มมากขึ้น โดยมีหินนั่งทานข้าวอยู่ข้างกันพร้อมทั้งทอดมองอีกคนเป็นระยะ
หลังทานข้าวค่อยเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้มันเสร็จสิ้น
“กูขอโทษที่รุนแรงกับมึง” น้ำเสียงและแววตาของคนพูดเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดยามเอ่ยกับคนที่นั่งพิงหลังอยู่บนเตียง
ดวงตาคมกวาดมองร่องรอยตามร่างกายของแฟนที่มีให้เห็นไม่น้อยด้วยความเชื่องช้า
หลังจากทานข้าว หินก็จัดการอาบน้ำ แต่งตัว พร้อมทั้งอุ้มคนที่ถูกรังแกอย่างหนักมาวางลงบนเตียง เริ่มต้นคุยกันด้วยประโยคเมื่อครู่
“ถึงจะเจ็บ...นิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร” พูดถึงเรื่องนี้ในหัวก็พลันคิดไปถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
คนที่ปลดปล่อยบางอย่างทิ้งเอาไว้เป็นคนจัดการทำความสะอาดให้จนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ ริมฝีปากบางถูกขบกัดจนชาหนึบเพื่อกลั้นเสียง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังหลุดรอดออกมาบ่อยครั้งอย่างน่าอาย เนื่องจากถูกนิ้วแกร่งคว้านวนไปทั่วอยู่หลายนาที
“พอโมโหแล้วกูควบคุมตัวเองไม่ได้”
จุดนั้นอารมณ์จะอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง แม้จะเข้าใจทุกเหตุผลแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก นั่นคือสาเหตุที่พยายามไม่เก็บอะไรมาใส่ใจถ้าทำได้ ทว่ากับแฟนแล้วเพียงแค่เล็กน้อยก็ล้วนสนใจทั้งหมด
คำพูดที่ทำให้แฟนดึงสติกลับมากับเรื่องตรงหน้า
“เรื่องที่พี่หินโมโหเป็นความผิดของแฟนเอง” แฟนรับผิดเรื่องนี้โดยไม่ปฏิเสธใดๆ
หากเห็นหินออกไปคุยกับแฟนเก่าสองต่อสอง ทั้งยังถูกอีกฝ่ายกอดก็คงโมโหเช่นกัน
“กูรู้ว่ามึงไม่ได้อะไรกับไอ้แฟนเก่านั่น แต่พอเห็นมึงถูกกอดก็อดหัวร้อนไม่ได้”
“โมโหได้ โกรธได้ แต่ขอแค่ฟังกันแบบนี้ทุกครั้งเลยได้ไหม” มือบางเอื้อมไปจับมือของอีกคนเอาไว้พลางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนขอ
ในความโมโห ในความหงุดหงิดของหินยังมีเหตุผลเจืออยู่ นั่นจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนักสำหรับการทะเลาะกันในเมื่อวาน
“เรื่องฟังกูฟังอยู่แล้ว แต่จะเข้าใจได้ไหมนั่นอีกเรื่อง”
“แค่ฟังก็ยังดี...แฟนไม่มีทางสนใจใครเหมือนกัน ทั้งคนเก่าและคนที่จะเข้ามา ไม่รู้สึกกับใครได้อีกเพราะให้พี่หินไปหมดแล้ว”
ประโยคนั้นทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนปากอยากจะฉีกยิ้มแต่ต้องพยายามกลั้นเอาไว้ไม่ให้คนพูดรับรู้ถึงความเป็นสุข
“รวมถึงไอ้รุ่นพี่นั่นด้วย อย่าบอกว่ามึงไม่รู้ว่ามันคิดอะไร” หินกระแอมไอเล็กน้อยจากนั้นจึงพูดไปถึงอีกคนที่เป็นสิ่งน่ารำคาญไม่แพ้กัน
“ก็พอรู้ แต่เขาเป็นรุ่นพี่ บางครั้งก็ต้องร่วมงานกันเลยตัดไม่ได้ แต่ต่อไปนี้สัญญาว่าจะคุยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น”
“อืม” แม้ไม่อยากเข้าใจก็ต้องเข้าใจ
งานต้องอยู่เหนือเรื่องส่วนตัว หากจะห้ามไม่ให้แฟนคุยหรือไม่ให้ติดต่อกันสิ่งที่จะมีผลกระทบไม่ใช่ตัวแฟนเองแต่เป็นบริษัทและส่งผลไปถึงพ่อกับแม่ในที่สุด
“ส่วนที่มีเรื่องเมื่อวาน ถ้าเกิดเขาไม่ยอมจบแฟนจะบอกพ่อให้จัดการ” แฟนพยายามไม่เอ่ยชื่อที่หินไม่ชอบใจแต่พูดบ่งบอกให้รู้ว่าหมายถึงใคร
“ไม่เป็นไร อย่าเอาเรื่องไร้สาระไปรบกวนพ่อมึงเลย กูจัดการได้”
ถ้าฝ่ายนั้นไม่ยอมจบก็จะได้รู้กันว่าคนอย่างนาย ศิลา ทำอะไรได้บ้าง
“แต่ว่า...”
“เชื่อมือกูสิ”
“...เชื่อก็เชื่อ”
แฟนได้แต่รับคำเมื่อคนตรงหน้ายืนยันอย่างนั้น พร้อมทั้งถอนหายใจด้วยความโล่งอกให้กับการคุยกันจนเข้าใจทุกเรื่อง
“แล้วก็แทนตัวเองแบบปกติได้แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยเบาลงเล็กน้อย
ใช่ว่าไม่สังเกตหรือไม่รู้สึกอะไรกับสรรพนามที่แปลกไปแต่เพราะยังเคลียร์กันไม่เรียบร้อยจึงพยายามทำเป็นไม่ได้ยิน
“ทำไม อยากพูดแบบน่ารักบ้างไม่ได้เหรอ” แฟนขยับหน้าเข้าไปใกล้ทั้งยังยิ้มตาใสใส่คนตรงหน้า
“มันไม่ชิน ถ้ามึงพูดกูก็ต้องพูด”
“งั้นก็หัดพูดให้ชินสิ”
“พูดแบบธรรมดานั่นแหละน่า” คราวนี้ดวงตาคมเสไปมองทางอื่นราวกับทนสายตาระยิบระยับของแฟนไม่ไหว
“ก็ได้ๆ”
--
“กู...มีอะไรจะถาม” ร่างเล็กในอ้อมกอดของคนตัวโตเอ่ยขึ้นในความเงียบ
สองร่างนอนกอดก่ายแนบชิดกันไม่ห่างขณะเตรียมตัวจะนอน ทว่าแฟนที่เพิ่งตื่นกลับยังตาสว่างจึงหาเรื่องคุย
“ว่า?”
“ที่...ที่ มึงไม่ใส่ถุงเพราะว่าโกรธเหรอ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามดังอ้อมแอ้ม หากแต่เป็นเรื่องที่สงสัยใคร่รู้จนต้องถามออกไป
“หึ เปล่า”
“แล้วทำไมอะ”
“กูแค่อยากย้ำกับตัวเองว่ามึงเป็นแค่ของกู รู้ว่ามันไม่ค่อยดี ต่อไปจะพยายามไม่ทำอีก”
หินยกยิ้มกับตัวเองเมื่อคำว่าพยายามนั้นหมายถึง
ถ้าหักห้ามใจไหว ถ้าไม่ไหวก็ทำอีก...แค่นั้น
“ก็ไม่ได้ว่าอีกสักหน่อย”
“ว่าไงนะ”
คนมัวแต่คิดอะไรจนได้ยินไม่ถนัดรีบถามย้ำ ขณะที่แฟนซุกหน้าลงกับอกกว้างยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะอธิบายออกมาช้าๆ
“กูบอกว่าก็ไม่ได้ว่าสักหน่อย กูปลอดภัย ไม่เคยไม่ป้องกันกับใคร...หรือว่ามึงเคย?” คำถามในท้ายประโยคถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
“ระดับนี้แล้วไม่มีพลาด เพิ่งพลาดกับมึงนี่แหละ”
ความจริงจะเรียกว่าพลาดก็ไม่ถูกนักเนื่องจากเกิดจากความตั้งใจทั้งหมด คงต้องบอกว่าไม่เคยตั้งใจจะทำแบบนี้กับใคร ยกเว้นกับแฟน
“แล้วเป็นยังไง” ใบหน้าสวยผละออกแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยรอยยิ้มเขิน
อายแต่ก็อยากรู้
“โคตรฟิน เพิ่งรู้ว่าถึงจะเป็นถุงยางที่บางที่สุดก็ยังสู้แบบเนื้อแนบเนื้อไม่ได้”
ความร้อนแล่นปราดมายังใบหน้าของคนฟัง เขินอายกับสายตาของหินจนต้องกลับมาซุกตัวนอนในท่าเดิม ประโยคแสนหื่นนั้นตามมาเล่นงานราวกับเปิดเทปอยู่ในหัว
โคตรฟิน
ฟินเหมือนกัน...
“ไม่ต้องบรรยายขนาดนั้นไหม”
“หึ เผื่อมึงจะไม่เข้าใจเลยเปรียบเทียบให้ฟังชัดๆ แล้วมึงล่ะรู้สึกยังไง”
คนถูกถามกลับแทบสำลักน้ำลายตัวเอง ใช้เวลาตั้งสติอยู่ชั่วครู่ก่อนตอบออกไปเสียงเบา
“รู้สึกดี...มาก”
“แค่ดีมากเองเหรอ?”
“แล้วจะให้ตอบว่าอะไรล่ะ”
แฟนทำเสียงสะบัดกลบเกลื่อนความอาย อีกนิดหนึ่งก็คงกลายเป็นลูกจิงโจ้ที่จะซุกตัวเข้าไปสิงอยู่ในหน้าท้องของหิน
“ก็ตอบว่าฟินมาก ชอบมาก อยากได้อีก”
“ทะลึ่ง!” แฟนตวาดกลับขณะเสียงหัวเราะทุ้มดังก้องไปทั่ว “แต่ยังไงเราก็ต้องไปตรวจเลือดกันเพื่อความปลอดภัย แล้วก็จะไม่ใส่ถุงทุกครั้งไม่ได้ ตอนนี้ไม่เป็นไรใช่ว่าต่อไปจะไม่เป็น”
การตรวจเลือดไม่ได้หมายความว่าไม่เชื่อใจอีกฝ่าย แต่เป็นการทำเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของกันและกัน ถึงการไม่ป้องกันจะทำให้รู้สึกดีแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจทำได้ตลอด เนื่องจากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ย่อมมีโอกาสติดเชื้อ โดยเฉพาะกับเพศเดียวกันที่ใช้ช่องทางพิเศษ หรือแม้แต่กับคู่ชายหญิงก็ยังเสี่ยงติดเชื้อจากการร่วมรักได้เช่นกัน
การสวมถุงยางนอกจากจะป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์และช่วยเรื่องความหล่อลื่นแล้วจึงยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อได้สำหรับคู่รักทุกเพศ
“รู้แล้วน่า” คนที่ได้วิชาสุขศึกษาเรื่องเพศศึกษาเต็มมาตลอดรับคำ
“อีกอย่างตอนเอาลูกๆ ของมึงออกกูก็ไม่ค่อยถนัดด้วย”
อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญของคนที่ต้องมานั่งจัดการกับอะไรบางอย่างที่คั่งค้างอยู่ข้างในตัวเองต่อ
“แต่กูถนัดมาก”
“ไม่ต้องพูดเลย” แฟนเอ่ยเสียงสะบัดพลางฟาดมือลงบนหน้าท้องของคนที่ถนัดนักกับเรื่องแบบนี้ไปหนึ่งที
“กูสัญญาว่าจะพยายาม”
“พยายามใส่ถุงทุกครั้ง?”
“พยายามปล่อยข้างนอกบ้าง”
“พี่หิน!”
TBC.
รู้นะว่าเฝ้ารอตอนนี้กันอยู่>< ไม่รู้เลยว่าเขียนดีไหมเพราะไม่ได้เขียน nc นานแล้วเนอะ
กังวลมากเพราะดันไปบอกไว้ว่ามันฮอต แง อาจไม่ถึงกับฮอตยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ
เท่านี้ก็พอแล้วโนะ อีกนิดอีพี่จะเป็นคนเถื่อนแล้ว55555
จะบอกว่าเรื่องนี้ยาวกว่าที่คิดตั้งสามตอนแหนะ ตอนแรกบอกจะจบที่ประมาณ 30 31 ตอนใช่ม้า
ตอนนี้ 31 แล้วยังไม่จบเลย กร๊ากๆ แต่คาดว่าจะจบตอนที่ 33 นี้แน่นวน
ยังไงก็เป็นกำลังให้กันจนถึงตอนจบ(และตอนเปิดพรีเล่ม)ด้วยน้า/ขายของ5555
ส่วนตอนนี้ชอบไม่ชอบ ฟินไม่ฟิน ดีไม่ดี
อย่าลืมคอมเมนต์ให้กำลังใจ และไปส่งกำลังใจกันต่อที่แท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะะะ
(มาลงรัวขนาดนี้ ต้องให้ความรักโซแอลเยอะๆ นะ คึคึ)
ปล.ตอนนี้พี่หินใช้อารมณ์แล้วพาลเข้าเรื่องบนเตียงก็จริง แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเป็นเรื่องที่ตอกย้ำว่าอีกคนเป็นของเราเนอะ
เพราะงั้นsexครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่อารมณ์อย่างเดียวนะคะ พี่หินรักน้องจะตายยยยย
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ