มิถุนายน 2563
อธิปพงศ์เปิดประตูเข้าบ้านตอนสี่ทุ่มครึ่งเหมือนอย่างทุกวันในช่วงนี้ นิธินที่คืนนี้ยังไม่เข้านอนนั่งรอเขาอยู่โดยดูซีรี่ส์อยู่กลางห้องในชุดนอน หันไปตามเสียงแล้วยิ้มให้คนรักที่ยิ้มตอบ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ วันนี้เป็นอีกวันที่เหน็ดเหนื่อยของเขา จากการคลายล๊อกดาวน์ทำให้มีผู้มาใช้บริการที่ร้านมากขึ้น ซึ่งคราวนี้เขาไม่ได้ทำงานที่ร้านพี่กุ้งในฐานะช่างตัดผมอีกต่อไปแม้จะกลับมาทำงานประจำกับพี่กุ้งตามคำขอร้องของนิธินแล้วก็ตาม แต่พี่กุ้งกลับมอบภาระงานที่ท้าทายกว่าให้อธิปพงศ์ ในช่วงโควิดที่ผ่านมา พี่กุ้งได้ไปเริ่มฟื้นฟูร้านเดิมของเซนเซที่ชุมชนญี่ปุ่นย่านสุขุมวิทที่เซนเซตั้งใจยกให้เขาทำกิจการ เขาได้เล็งเห็นโอกาสในช่วงนี้ที่จะเปิดร้านใหม่ นำเสนอบริการในรูปแบบซาลอนและสปาเส้นผมกับผิวหน้า แม้ตอนนั้นใครๆจะหาว่าเขาเสี่ยงแต่เขาก็มั่นใจว่าหลังคลายล๊อกดาวน์จะมีลูกค้ากลับมาใช้บริการธุรกิจร้านตัดผมเยอะขึ้น เมื่อเดือนพฤษภาคม อธิปพงศ์เองต้องกลับมากรุงเทพฯเพื่อเรียนรู้งานใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เนื้องาน แต่เป็นการบริหารร้านในฐานะผู้จัดการและหุ้นส่วน
น้ำอุ่นจากฝักบัวทำให้ชายหนุ่มสบายตัวขึ้น แม้จริงๆเขาอยากจะแช่น้ำในอ่างอาบน้ำที่นิธินซื้อมาติดตั้ง แต่เขาก็ไม่มีเวลาละเลียดฟองสบู่เพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานเป็นทุน งานใหม่ของเขามีแต่ความท้าทาย การแต่งหน้าและทำผมสำหรับงานต่างๆว่าท้าทายแล้ว งานคุมคน งานตรวจงานที่ลูกน้องทำถือว่าท้าทายยิ่งกว่าสำหรับเขา ที่ผ่านมาแม้เขาจะไม่ค่อยถูกพี่กุ้งตำหนิเรื่องการทำงาน แต่กับช่างที่ยังไม่ชำนาญเขาเองต้องรับบทพี่เลี้ยงคอยสอนคอยจี้ เพราะงานบริการผลงานคือความพอใจที่ลูกค้าได้รับโดยตรง ไหนจะต้องทำบัญชีเรียนรู้ระบบเอกสารที่เจ้าของร้านต้องทำ ต้องรู้ต้นทุนกำไรอีก เขานับถือพี่กุ้งจริงๆ ที่เป็นเจ้าของกิจการมาตั้งแต่อายุน้อย และบริหารมันมาได้ในหลายสิบปี เขาว่าตัวเองคิดถูกมาก ๆ ที่ไม่ริเริ่มหาทำร้านของตัวเองตอนอายุน้อยกว่านี้ อธิปพงศ์ในวัย 41 คิดว่าเวลานี้คือลงตัวที่สุดสำหรับเขา
เขาใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกจากห้องน้ำมาเจอคนรักที่ย้ายมานอนดูซีรี่ส์เรื่องเดิมอยู่บนเตียง เขาเบาเสียงเพื่อจะเริ่มสนทนากับคนรัก
“เป็นไงมั่งครับวันนี้”
อธิปพงศ์ที่เช็ดผมอย่างเบามืออยู่ยิ้มยู่ปากให้กับคนที่ถามประโยคเดิม ๆ ทุกวันตั้งแต่เขามีตำแหน่งงานใหม่ ภาระงานใหม่
“ก็ยังงงๆ กับทำบิล ลงข้อมูลอยู่อ่ะครับ วันหลังคงต้องให้คุณช่วยติวเอ็กเซลล์ให้แล้วล่ะ” อธิปพงศ์นึกถึงตัวเองที่เคยกลัวตอนแรกกับความแตกต่างทางการศึกษาของเขากับนิธิน แต่ตอนนี้เขายิ่งคิดว่าตัวเองคิดถูกสุดๆ
“วันไหนดีล่ะ วันหยุดผมมั้ย ผมไปหาคุณที่ร้าน”
“ได้ๆ ดีเลย” เขาละจากการเช็ดมือมาหอมแก้มคนใจดี “ขอบคุณนะครับ” ก่อนจะเดินไปเป่าผมให้แห้ง นิธินยิ้มพอใจกับสิ่งที่ได้รับ อธิปพงศ์ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จภารกิจทั้งผมและการบำรุงผิวหน้า
“เอ๊ะ ฮันหนี คุณทาชุดสกินแคร์ที่ผมจัดให้หลังอาบน้ำรึยังนะ” อธิปพงศ์เข้ามาดูหน้าคนรักที่ดูเหมือนจะลืมการบำรุงผิวหน้า เพราะเจ้าตัวเองนั่นแหละที่ชอบบอกว่าอธิปพงศ์ที่อายุเท่ากันทำไมผิวหน้าดีขึ้นทุกวัน ต่างกับเขาที่ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ จึงถูกอธิปพงศ์จับมาเป็นผู้ได้รับการทดลองคอสสปาผิวหน้า และทรีตเม้นต์ของทางร้านอยู่บ่อยครั้ง ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่เขามีว่าสามารถฟื้นฟู บำรุงผิวผู้ชายที่ละเลยการดูแลมานานได้ดีแค่ไหน แต่ก็ต้องบำรุงและทาครีมกันแดดควบคู่ไปด้วย อธิปพงศ์จึงจัดชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าผิวกายให้คนรักใช้ด้วย แต่ดูเหมือนนิธินจะชอบลืมอยู่บ้าง
“เอ่อ ผมลืมอ่ะครับ” นิธินตอบเสียงอ่อยๆ อธิปพงศ์ถอนหายใจ และไปหยิบขวดโทนเนอร์กับสำลีมาเช็ดหน้าให้คนรักที่นั่งรออยู่บนเตียง นิธินนั่งนิ่งยิ้มกริ่มเพราะชอบให้คนรักทำแบบนี้ให้อยู่แล้ว อธิปพงศ์แอบหมั่นไส้ท่าทีของเขา เลยหัวเราะพรืดออกมา ก่อนจะเช็ดหน้าต่อให้เสร็จแล้วลงผลิตภัณฑ์เนื้อครีมที่ต้องวอร์มถูในนิ้วมือแล้วค่อยๆ ทาก่อนกดเบาๆลงบนผิวหน้าและลำคอ และไม่ลืมลงอายครีมรอบดวงตาที่เริ่มมีริ้วรอยให้คนรัก ทันทีที่ทาเสร็จ เขาหยุดนิ่งเพราะรู้ตัวว่านิธินมองเขาไม่วางตาตลอดการทาครีมให้
“อะไรเนี่ย” อธิปพงศ์เริ่มเขินจึงแก้เก้อไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ทันกล้ามแขนล่ำที่โอบเขาอย่างว่องไว ดวงตาคมกล้านั้นมองเจ้าเล่ห์ ก่อนคางสากจะแนบลงข้างแก้มแล้วกระซิบ
“ที่ไม่ทาครีม ไม่ใช่ลืมหรอก” อธิปพงศ์เริ่มงง แต่นิธินก็สมทบมาว่า “ทาไปก็ต้องล้างหน้า แล้วทาใหม่อยู่ดี” อธิปพงศ์ไม่ทันได้พูดอะไร รู้ตัวอีกทีก็ถูกจู่โจมจูบเข้าเสียแล้ว ร่างลีนแกร่งของชายหนุ่มอ่อนระทวยไปกับรสจูบที่เขาได้รับ ก่อนที่นิธินที่รอคอยจังหวะนี้มานานจะเอ่ยปากทวงถามเหมือนจะงอนเล็ก ๆ
“คุณจำไม่ได้จริงๆเหรอว่าเราไม่ได้มีอะไรกันนานแค่ไหนแล้ว” อธิปพงศ์นิ่งไปเพราะเขายุ่งกับงานใหม่จนลืมไปสนิทจริงๆ ตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกันพวกเขาเพิ่งมีอะไรกันได้แค่สองครั้ง หนึ่งในสองเป็นแบบรีบๆ ที่เขาก็จำไม่ได้ว่ามันกี่สัปดาห์มาแล้ว
เขาไม่กล้าสบตาคนรัก ก่อนจะถูกช้อนมาจูบ จูบที่ทวงทุกสิ่งที่นิธินคิดถึง มือของอีกฝ่ายแกะกระดุมชุดนอนซาตินอย่างดีที่เขาเองซื้อให้ ก่อนคางสากๆนั้นจะซุกไซร้ซอกคอที่กรุ่นกลิ่นหอมอย่างเอาแต่ใจ อธิปพงศ์ได้แต่นอนนิ่งเหมือนกลับไปไร้เดียงสาอีกครั้ง เสียงครางของเขาทำให้นิธินพอใจ ก่อนจะบอกว่า “รู้มั้ย ผมคิดถึงเสียงคุณเวลาครางที่สุดเลย”...
เช้าวันใหม่ นิธินที่กำลังเตรียมอาหารเช้าและอาหารกลางวันใส่กล่องให้กับอธิปพงศ์ที่ยังไม่ตื่น เพราะเวลาเข้างานของอธิปพงศ์สายกว่าเขาเลยสามารถพักผ่อนได้ เมื่อคืนเขาได้คุยกันหลังเสร็จกิจโดยที่อธิปพงศ์ได้ขอโทษเขาที่ลืมไป เขาไม่ได้โกรธอะไรอธิปพงศ์ เพียงแต่อยากจะออดอ้อน ขอเวลาของคู่รักบ้าง อีกใจของนิธินไม่อยากให้อธิปพงศ์ออกไปทำงานข้างนอกเท่าไหร่ ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของเขาที่โตขึ้นเขาคิดว่าเขาสามารถเลี้ยงดูอธิปพงศ์ได้เหมือนที่พ่อเป็นคนเลี้ยงดูแม่และพี่ชายกับตัวเขา แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ชีวิตมันสอนเขาว่าความฝันต้องใช้เงิน และอธิปพงศ์ก็มีความฝันที่จะดูแลครอบครัวของตัวเองเช่นกัน เขาจึงได้แค่ขอให้อธิปพงศ์ทำงานที่เหนื่อยน้อยลงกว่าเมื่อตอนออกมารับจ้างอิสระ และงานใหม่นี้ก็เป็นโอกาสที่ดีของตัวอธิปพงศ์เอง เขาจึงค่อนข้างพอใจ และทำใจได้บ้างถ้ามันจะขโมยเวลาของอธิปพงศ์ไปบ้างในช่วงแรกนี้ แต่เจ้าตัวก็เย้ายวนจริงๆ เขาไม่อาจต้านทานเสน่ห์ของคนรักตัวเองได้ แม้จะอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วก็ตาม
นิธินนึกถึงตัวเองตอนที่ต้องล๊อกดาวน์อยู่คนเดียวในห้องนี้ เสื้อยืด เสื้อนอนของอธิปพงศ์ทุกตัวได้ถูกเขาเอามากอดนอนให้หายว้าเหว่ หนึ่งเดือนกว่าๆที่ห่างกันแค่ร้อยกว่ากิโลเมตร ได้เห็นหน้ากันแค่ผ่านวิดิโอคอล มันรู้สึกเหงายิ่งกว่าตอนที่ยังสามารถออกนอกประเทศไปทำงานที่อื่นเสียอีก นิธินพรูลมหายใจก่อนจะเข้าไปหาคนรักที่ยังนอนอยู่ เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะจูบที่หน้าผาก อธิปพงศ์ลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาในชุดทำงานภูมิฐาน กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอย่างดีอ่อนๆ ที่นิธินใส่ทำให้เขาเริ่มมีสติหลังลืมตา
“ฮันหนีครับ เบรกฟัส ลันช์บ๊อกซ์ของคุณอยู่บนโต๊ะนะครับ”
อธิปพงศ์พยักหน้ารับ “ครับ ขอบคุณนะครับ”
“นอนต่อเถอะ” นิธินลูบผมนุ่มๆนั้น แต่อธิปพงศ์ก็คว้ามือของคนรักมาไว้ที่แก้ม ก่อนจะจูบที่ฝ่ามือ
“แค่นี้ก่อน ผมไม่อยากไปทำงานสาย” นิธินเอ่ยปากห้าม กับกริยาเย้ายวนของคนรัก
“อื้อ โชคดีครับ” ก่อนจะจูบเร็วๆที่มือใหญ่ของนิธินอีกหนึ่งครั้ง นิธินได้แต่เขิน อธิปพงศ์พูดไล่หลังตามไปว่า
“ล้างมือด้วยนะครับ”
นิธินหัวเราะน้อย ๆ กับสิ่งที่อธิปพงศ์รู้ว่าเขาอยากหรือไม่อยากทำอะไร เพราะจำเป็นต้องล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านในยุคนี้ แต่ก็เสียดายรอยประทับรักจากอธิปพงศ์ อย่างไรก็ตามเขาก็ล้างมือ ทาเจลแอลกอฮอล์ ก่อนจะสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านเหมือนทุกครั้ง
หนึ่งวันของพวกเขาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนทุกวัน วันนี้เป็นวันศุกร์ นิธินที่อธิปพงศ์บอกว่าไม่ต้องไปรอรับเขาเพื่อกลับบ้านด้วยกันถึงบ้านก่อนในเวลาหกโมงเย็น เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงไปฟิตเนสส่วนกลางคอนโด วันนี้เขาลงไปว่ายน้ำในสระที่เพิ่งเปิดให้ลงไปว่ายน้ำได้ เมื่อออกกำลังกายครบแล้วก็ขึ้นมากินอาหารเย็นที่เป็นเวย์โปรตีนปั่นกับผักต่างๆ ก่อนจะทำธุระส่วนตัว เขียนแพลนเนอร์ หรือดูซี่รี่ส์แนวธุรกิจที่เขาคิดว่ามันช่วยสร้างพลังในการทำงานให้เขาเป็นอย่างดี หลายวันมานี้เขามักจะเข้านอนก่อนเวลาที่อธิปพงศ์กลับบ้าน
ตอนแรกเขาไม่ค่อยอยากจะทำตามที่อธิปพงศ์สั่ง แต่ก็จริงอย่างที่เจ้าตัวว่า นิธินอุตส่าห์มีเวลาให้ตัวเองเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วก็ควรจะใช้เวลาของตัวเองให้คุ้มค่ากับสิ่งที่เขาชอบ
วันนี้อธิปพงศ์กลับบ้านมาเร็วกว่าเวลา เขาอุตส่าห์ดีใจที่คนรักกลับบ้านเร็วในคืนก่อนวันหยุดของเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายบอกว่า เพราะพรุ่งนี้มีงานแต่งหน้าเจ้าสาว เขาถึงต้องกลับมาพักผ่อนเร็ว
“พรุ่งนี้ผมไปด้วยนะ”
นิธินบอกกับอธิปพงศ์ก่อนเข้านอนแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เบื่อหรอ ไปรอผมแต่งหน้าเจ้าสาวเนี่ย งานนี้ผมต้องอยู่ถึงบ่ายเลยนะ”
“ไม่หรอก” นิธินส่ายหน้า “ผมว่างานนี้ผมต้องไป”
ทั้งคู่ตื่นนอนในเวลาตีหนึ่งครึ่งก่อนจะรีบแต่งตัว โดยมีช่างอีกคนที่ตกลงเป็นทีมงานกันมารับเพื่อไปตามเวลานัดหมายตอนตีสามเพื่อไปถึงโรงแรมที่นัดหมายกับลูกค้า เมื่อถึงห้องพักที่เป็นห้องแต่งตัว เจ้าสาวก็รีบลุกมาทักทายทั้งสองคนทันที
“สวัสดีค่ะพี่หมู สวัสดีค่ะพี่นิธิน”
ทั้งสองคนรับไหว้ปิ่นปักเจ้าสาวของงานนี้ หญิงสาวยิ้มดีใจปนตื่นเต้นที่จะได้แต่งหน้าทำผมกับอธิปพงศ์ในวันสำคัญของชีวิต เจ้าบ่าววัยไล่เลี่ยกันที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็เข้ามาหาทั้งสองคนและยกมือไหว้ตามมารยาท
“ป่ะ แต่งหน้ากัน วันนี้พี่ต้องแต่งหน้าทำผมให้ใครบ้างเนี่ยปิ่น”
“ก็มีปิ่น แล้วก็เดี๋ยวแม่ปิ่น เพื่อนเจ้าสาวแบ่งกับพี่อีกคนคนละ4 และก็ญาติๆปิ่นอีกสามคนอ่ะค่ะ”
“อืม” อธิปพงศ์รับคำโดยที่นิธินกำลังเซ็ทอัพไฟและวางกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมบนโต๊ะหน้ากระจกที่เตรียมไว้อย่างรู้งาน ปิ่นปักมองคนรักของแฟนเก่าที่ช่วยเขาทำงานอย่างตกใจปนชื่นชม
อธิปพงศ์เริ่มแบ่งผมและจัดการทำทรงตามชั้นตอน ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการแต่งหน้า หญิงสาวสังเกตและรู้ตัวว่าตลอดเวลาที่อธิปพงศ์แต่งหน้าทำผมให้เธอนั้น มีสายตาของนิธินจับจ้องอยู่
“เอ่อ พี่เขาตามไปเฝ้าพี่หมูแบบนี้ทุกงานเลยเหรอคะ”
“ก็ ไม่ทุกงานหรอก พรุ่งนี้เขาหยุดน่ะเลยมาได้”
“อ๋อ” ปิ่นปักนึกถึงวันเก่าๆแล้วพูดออกมา
“นึกถึงปิ่นตอนนั้นเนอะ ปิ่นเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ตอนนี้เข้าใจลูกค้าพี่หมูที่ปิ่นเคยไปยืนจ้องเลย”
อธิปพงศ์ยิ้มๆ รับฟังแม้กำลังใช้สมาธิลงรองพื้นบนหน้าของหญิงสาว ด้วยความที่เจ้าสาวนั่งใกล้กันกับช่างแต่งหน้ามาก เธออดหลุดปากชื่นชมสิ่งที่เห็นจากคนตรงหน้าไม่ได้
“พี่หมูหล่อขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยนะคะ ผิวดีมากกว่าตอนนั้นอีก”
“ขอบใจนะ ปิ่นก็เหมือนกัน” เขาตอบตามความเป็นจริงแค่นั้น ก่อนจะออกคำสั่งให้เจ้าสาวขอความร่วมมือในการตกแต่งดวงตา และก็สำเร็จออกมาสวยงามถูกใจทั้งเจ้าสาวและเป็นที่พอใจของช่าง
“เดี๋ยวพี่ขอถ่ายรูปนะปิ่น”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มดีใจ ก่อนจะนั่งนิ่งๆให้เขาถ่ายรูปเพื่อเป็นผลงานของตัวเอง อันที่จริงงานเขาตั้งใจว่าจะเลิกรับแต่งหน้าทำผมบ่าวสาวเพราะมันแบ่งเวลายากจากงานประจำ แต่พอดีว่าเป็นปิ่นปักที่ตั้งใจมาจ้างเขาให้แต่งหน้าเธอในวันสำคัญของชีวิตนี้ และเพื่อยังมีลูกค้าที่สนใจในวันที่เขามีเวลาว่างจากงานที่ร้านตรงกัน เลยยังไม่หยุดลงภาพผลงานของตัวเอง ในช่วงแรกที่ลงรูปผลงานช่างอีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาบอกว่าให้ลงรูปแต่งหน้านิธินเป็นตัวอย่างแต่งหน้าเจ้าบ่าว แต่อธิปพงศ์ไม่เห็นด้วย เขาไม่ชอบเวลามีคอมเม้นต์มาถามหาว่านายแบบเป็นใครเพื่อจะกดติดตาม เลยได้แต่ลงรูปเจ้าบ่าวที่เป็นลูกค้าจริง ๆ แทนงานสาธิต
เธอขอตัวไปแต่งตัวโดยเปลี่ยนที่ให้คุณแม่เข้ามาแต่งหน้าทำผมกับอธิปพงศ์ ก่อนจะเป็นเพื่อนๆของเจ้าสาว และญาติๆตามลำดับ เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จก็ต้องออกไปที่งาน พวกเขาทีมช่างแต่งหน้าทำผมเริ่มเก็บกวาดของตัวเองบางส่วน เพราะต้องแต่งหน้าอีกรอบช่วงเสร็จพิธิเข้า งานนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองสมรสตอนกลางวัน พวกเขาจึงมีเวลาไม่นานสำหรับการแต่งหน้าทำผมในรอบสอง ในการเข้ามาแต่งหน้าทำผมรอบที่สอง ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่เคยเป็นคนรักของเขาในชุดเจ้าสาว มากกว่ารับรู้พลังของความสุขเหมือนที่เคยสัมผัสมาทุกงานแต่งงานที่พวกเขาเคยไปเนรมิตรความงามให้บ่าวสาวมา สำหรับอธิปพงศ์วันนี้ปิ่นปักดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว จนเขานึกภาพวัยรุ่นเอาแต่ใจคนเดิมแทบไม่ออก เธอเติบโตขึ้นมากจนเขาแทบไม่เชื่อว่าจะได้เห็นเธอในภาพนี้
ปิ่นปักหมุนตัวหน้ากระจกอย่างพอใจในตัวเอง โดยมีความยินดีปนโล่งใจของทีมช่างแต่งหน้าทำผม
“ขอบคุณพี่หมูนะคะ” เธอไม่ลืมขอบคุณคนรักเก่าที่วันนี้เขาเองก็เติบโตและสงบนิ่งขึ้นเยอะเช่นกันในสายตาของเธอ
“จ้ะ ปิ่นสวยมากๆเลยนะ” เธออยากกอดเขาเป็นการขอบคุณ แต่ก็รู้ว่านิธินยังจับจ้องเธออยู่ และเกรงใจว่าที่สามีที่ยืนอยู่ข้างๆด้วย เลยได้แต่ยิ้มตอบ ก่อนที่ทีมออแกไนซ์จะมาพาบ่าวสาวออกไปสแตนบายรอรับแขกหน้างาน นิธินเก็บของที่ห้องแต่งตัวนี้ โดยที่เขากับช่างแต่งหน้าอีกคนตามไปดูแลความเรียบร้อยของบ่าวสาวจนจบงาน
กรกฎาคม 2563
เครื่องเทศอินเดียจากหม้อแกงบนเตาส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วครัวของบ้านสวน โดยที่เตาข้าง ๆ มีกระทะก้นแบนที่กำลังมีแป้งนานที่เป็นโฮลวีตจี่พลิกไปมาโดยนิธิน คุณพรเพ็ญมองดูคนรักของลูกชายประกอบอาหารอย่างสนใจใครรู้แม้จะเคยเห็นมาบ้างแต่เวลาเห็นเจ้าของสูตรอาหารต่างชาติทำให้เธอกินก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี สักพักแกงชีสและถั่วลูกไก่แบบอินเดียก็งวดได้ที่ โดยมีแป้งนานร้อนๆที่นิธินทำเอง รับประทานแทนข้าวสวยเปลี่ยนบรรยากาศมื้อกลางวันในวันหยุดยาวนี้
อธิปพงศ์ที่เพิ่งมาจากสวนเข้ามาในครัว
“ตามกลิ่นมาใช่มั้ยลูก”
“ใช่ครับ” เขาตอบแม่ก่อนจะหันไปอ้อนพ่อครัว “ผมหิวจังครับฮันหนี”
“เสร็จแล้วครับ มากินกันดีกว่า”
“เดี๋ยวแม่ตักแกงกับแป้งนานไปแบ่งให้บ้านป้าไพกับน้าๆคนงานก่อนนะลูก” เธอตักแกงในหม้อใส่ชามและแผ่นนานจำนวนหนึ่งใส่จาน แกงสองชุดยกใส่ถาดออกไปไปบ้านข้างๆ ที่คอยดูแลกันตอนที่พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วย อีกชุดกับให้คนงานสองคนที่มาทำงานในวันหยุดราชการนี้ พวกเขาเองก็เพิ่งพักจากการขายต้นไม้และดินปลูกหน้าสวนเช่นกัน “ครับ” นิธินรับคำก่อนจะนั่งลงข้างๆอธิปพงศ์ที่กำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปอาหาร เขารีบปิดหน้าจอ นิธินฉีกแผ่นนานเหนียวนุ่มที่ทำเองจิ้มลงบนแกงให้ได้เนื้อชีสหั่นเต๋ากับถั่วลูกไก่ก่อนจะป้อนใส่ปากคนรักที่อมยิ้มรออยู่
“เป็นไงอร่อยมั้ยครับ”
อธิปพงศ์ส่ายหัวแบบเวลาที่เคยเห็นนิธินกับเพื่อนร่วมชาติคนอื่นชื่นชมอะไรมากๆ แทนคำว่ามันดีมาก เจ้าตัวหัวเราะกับภาพตรงหน้า
“หมูเป็นไงมั่งลูก อร่อยเหมือนเดิมมั้ย” คุณแม่ที่เพิ่งเข้ามาถามลูกชายที่ได้ชิมไปหนึ่งคำแล้ว
“ครับ”
“นิธินเก่งจังลูก มันทำยากนะแม่นั่งๆดูเนี่ย”
“ก็ครับ ผมก็ถามแม่บ้าง ดูในยูทูปบ้างตอนที่ล๊อกดาวน์อยู่บ้านอ่ะครับ”
“เก่งลูก เนอะ” คุณพรเพ็ญพยักเพยิดไปทางลูกชายคนเดียว
“ที่ห้องยังมีแผ่นนานโฮลวีตที่นิธินฟรีชไว้อีกครับแม่”
“แต่หมูก็ต้องทำอะไรให้นิธินเค้าบ้างนะลูก”
“ครับ คร้าบ” อธิปพงศ์รับคำแม่ยิ้มๆ มื้ออาหารของครอบครัวเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข นิธินบอกกับคุณพรเพ็ญในสิ่งที่เขากับอธิปพงศ์วางแพลนไว้
“แม่ครับ ถ้าบินออกนอกประเทศได้แล้ว แม่ไปทานแกงฝีมือแม่ผมที่มุมไบกันนะครับ”
คุณพรเพ็ญชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบมาพร้อมรอยยิ้มปลื้มใจ
“จ้ะ แม่ไปแน่นอน”
End.
ขอขอบพระคุณสำหรับการติดตามนะคะ นิยายฉบับตีพิมพ์ EBook ยังมีวางจำหน่ายที่
https://fictionlog.co/eb/5d0a6f7ee0a4c7a07b70c265 นะคะ