ผลประโยชน์ทับซ้อน
BY: Dezair
………….
ตอนพิเศษ แฟนประเสริฐ
ตี๋ตาเรียวที่ชื่อเจตน์ ตั้งกาญจนพาณิชย์นั่งหน้าหงิกเป็นตูดอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่นของคอนโดมาร่วมครึ่งวันแล้ว เจียระไนเพิ่งรู้ว่าเวลาตัวเองหงุดหงิดไม่สบอารมณ์แล้วหน้าตาเป็นอย่างไรก็ตอนที่มองหน้าญาติผู้น้องของตนในตอนนี้
ส่วนประเด็นที่ว่า มันหงุดหงิดอะไรมานั้น แน่นอนว่ามีแค่เรื่องเดียว
“ปกไม่รับสายกูเลย สงสัยมันรู้ว่ากูจะโทร.ไปคุยเรื่องน้องมึง” เสียงจากคนผิวขาวจัดที่ยืนอยู่ข้างกาย ทำเอาเจียระไนต้องหันมอง เจ้าของห้องและแฟนเจ้าของห้องต้องมายืนกระซิบกระซาบคุยกันอยู่ในห้องครัว เพราะแขกไม่ได้รับเชิญบุกมาที่นี่ตั้งแต่เช้าด้วยหน้าตาเหมือนจะระเบิดโลกทั้งใบทิ้ง
‘ทะเลาะกับไอ้ปก!! แม่ง!! มันคิดว่ามันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้วะ!! ผมรักมันแทบตาย! ทำให้มันสารพัด! แฟนประเสริฐกว่าผมไม่มีที่ไหนอีกแล้ว แต่มันก็ยัง...เชี่ยเอ๊ย!!’
นั่นคือประโยคแรก นับตั้งแต่เจตน์บุกมาถึงคอนโดของเจียระไน ตอนแรกเจ้าของห้องก็อยากจะเถียงอยู่หรอกว่า ‘แฟนประเสริฐกว่ามึงก็กูนี่ไง’ แต่เนื่องจากสิตางศุ์อยู่ด้วยพอดี เลยรีบตะครุบปากเขาเอาไว้ แล้วปล่อยให้เจตน์เข้ามานั่งสงบสติอารมณ์ในห้อง
...ย้ำอีกครั้งว่าเจียระไนไม่ได้ใจดียอมให้ไอ้คนหน้าหงิกเข้ามาเป็นมลพิษทางสายตา เเต่เพราะนิสัยห่วงใยมนุษยชาติของสิตางศุ์เริ่มขึ้นทันทีที่เห็นหน้าตาบูดสนิทของแขกไม่ได้รับเชิญต่างหาก
“หรือให้กูไปหาปกที่บ้านมั้ย กูรู้จักบ้านมันอยู่นะ”
สิตางศุ์อาสาแบบไม่มีใครขอร้อง เพราะเหตุผลเพียงข้อเดียวคือไม่อยากเห็นคนทะเลาะกันตามประสานิสัยรักสันติ
“มึงจะไปยุ่งอะไรกับพวกมัน ทะเลาะกันได้ เดี๋ยวก็ดีกัน” ในขณะที่คนไม่สนโลก ไม่แคร์ว่าที่ใดจะมีสันติหรือสงครามรีบแย้ง
...ธุระไม่ใช่ จะแหย่ตีนเข้าไปทำไม...
แน่นอนว่าประโยคนี้เถียงในใจ สมกับวิถีพ่อบ้านใจกล้า
“แต่ว่าจะดีกันได้ยังไงล่ะ เจ๋งมาอยู่ที่นี่ ปกก็ไม่รับสาย”
“ก็ไว้ไอ้เจ๋งอารมณ์เย็นลง เดี๋ยวมันก็...” เจ้าของห้องยังพูดไม่ทันจบ เสียงปึงปังก็ดังมาจากห้องนั่งเล่น เจียระไนต้องโผล่หน้าออกไปดูก็เห็นน้องชายสายฮาร์ดคอร์หยิบมือถือบนพื้นขึ้นมาแล้วปาลงพื้นอีกรอบ
“เฮ้ย! ไอ้เชี่ยเจ๋ง! ทำอะไรของมึง!” เขารีบถลาเข้าไปดึงแขนเอาไว้ แล้วงัดโทรศัพท์อออกมาจากมือของน้อง สภาพมันแตกไปแล้ว คงเพราะปาทิ้งไปครั้งแรก
“ไอ้ปกไม่รับสาย!”
“คงไม่ได้อยู่ใกล้โทรศัพท์ เมื่อกี้ไอ้โซ่โทร.หาก็ไม่รับ”
“ไม่ได้อยู่ใกล้โทรศัพท์ หรืออยู่ใกล้ตัวผู้ตัวอื่น!!!” เจียระไนเหลือบตาไปมองสิตางศุ์อย่างเกรงใจ ถึงจะรู้กันดีว่าเจตน์ปากไม่ค่อยดี แต่พูดจาแบบนี้ต่อหน้าพี่รหัสของปกฉัตรก็คงไม่ค่อยจะเข้าหูเท่าไร
แต่…สิตางศุ์ผู้เข้าอกเข้าใจมนุษย์ทั้งโลกมองเห็นสภาพอารมณ์ไม่คงที่ของหนุ่มรุ่นน้องอยู่แล้ว ย่อมไม่ถือสา
“ทะเลาะอะไรกัน บอกพี่ได้มั้ย” แถมยังพูดจาดี มีมารยาท เจียระไนอยากจะมอบรางวัลสันติภาพให้จริงๆ
เจตน์ที่กำลังหงุดหงิดโมโหร้ายปาโทรศัพท์ทิ้งไปเครื่องนึงแล้ว อยากจะหันไปอาละวาดให้สมกับอารมณ์ที่เป็นอยู่ แต่พอหันไปสบตากับดวงตาสวยๆที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยน อารมณ์ร้อนๆในใจก็เหมือนถูกหรี่ให้มอด
“เมียกูถาม ให้ตอบ ไม่ต้องจ้องนาน!” แต่ดวงตาสวยๆแบบนี้มีเจ้าของแล้ว แถมเป็นเจ้าของที่นิสัยขี้หวงเหมือนเขาเด๊ะอีกด้วย เจตน์พ่นลมหายใจหันมองไปทางอื่นแล้วกระแทกตัวลงนั่งเเรงบนโซฟา
“ไอ้ปกมีคนอื่น”
เจียระไนและสิตางศุ์หันมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อ โดยเฉพาะสิตางศุ์ที่เป็นพี่รหัสซึ่งสนิทกับน้องๆในสายพอสมควร ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่
“แน่ใจเหรอ ปกไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นนะ”
“แน่! จับได้ด้วย! มันแชทคุยกับผู้ชาย!”
“เพื่อนรึเปล่า”
“ไม่ใช่! ไอ้เวรนั่นเป็นรุ่นพี่!!”
“รุ่นพี่? รุ่นพี่ในคณะเหรอ” สิตางศุ์ถามต่อด้วยความสงสัย หากเป็นรุ่นพี่ในคณะ เขาก็น่าจะพอรู้จักบ้าง
“อือ! ชื่อเท็ด! คราวก่อนก็คนนึงแล้วชื่อชิน! คณะพี่แม่งเป็นทูตอะไรกันเยอะแยะวะ!” คำบ่นเต็มไปด้วยอารมณ์ล้วนๆ กระทั่งเรื่องคณะรัฐศาสตร์ผลิตคนเข้าสู่อาชีพทูตก็ยังกลายเป็นประเด็นว่า ‘เป็นอะไรกันเยอะแยะ’
“อ่า...เท็ด?...หรือว่าจะรุ่นพี่เวฟ พี่เวฟมีเพื่อนคนนึงชื่อเท็ด” สิตางศุ์พยายามใช้น้ำเสียงสงบและการพูดอย่างช้าๆ เพื่อดึงอารมณ์คนหงุดหงิดให้สงบลง
“ไม่รู้ว่ารุ่นไหน! แต่ไอ้ปกคุยกับไอ้เชี่ยนั่นทุกวัน!”
“อาจจะคุยเรื่องเป็นทูตรึเปล่า ปกมันอยากเป็นทูตไม่ใช่เหรอ”
“ผมรู้ว่ามันอยากเป็นทูต! แต่คราวก่อนก็เรื่องแบบนี้! คุยกับรุ่นพี่ที่เป็นทูต! เหอะ! แม่งจะคุยอะไรนักหนา คุยรอบเดียวก็พอมั้ย! แล้วรอบนี้มีชวนทำวิจัยห่าเหวอะไรด้วยนะ! แม่ง!!” เจตน์หงุดหงิดจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไร คราวก่อนก็ครั้งหนึ่งแล้วที่ปกฉัตรคุยกับผู้ชายคนอื่นจนไอ้ผู้ชายคนนั้นชักจะซอกแซกตั้งคำถามเหมือนจีบ เราเคยทะเลาะกันด้วยเรื่องพรรค์นี้มาหนหนึ่งแล้ว และครั้งนี้ก็วนกลับมาเรื่องนี้อีก
...อ้อ...ไม่สิ...คราวนี้ขั้นกว่าคือไม่คุยอย่างเดียว แต่ชวนกันไปทำวิจัย!...
…วิจัยพ่อง!! มาวิจัยอารมณ์กูนี่!!!...
ในขณะที่เจตน์ยังหงุดหงิดงุ่นง่าน อารมณ์ไม่สมประกอบ เสียงโทรศัพท์ของคนผิวขาวจัดก็ดังขึ้น สิตางศุ์รีบล้วงขึ้นมาดูเพราะไม่อยากให้เสียงหงุงหงิงของโทรศัพท์ตัวเองไปกวนอารมณ์โมโหน้องชายของคนรักมากกว่านี้ พอเห็นชื่อพี่รหัสปรากฏบนหน้าจอ เลยรีบหลบออกมาคุยที่ห้องครัว
“ฮัลโล พี่เวฟ”
‘กูอยู่ที่ล็อบบี้คอนโดไอ้โจ๊ก’ ปลายสายบอกพิกัดมาก่อนเลย
“หะ?! พี่เวฟมาคอนโดโจ๊กเหรอ”
‘เออ พาปกมา’
“ปก?! นี่ปกอยู่กับพี่เวฟเหรอ?!!”
‘เออ แฟนปกก็อยู่ที่นี่ใช่มั้ย’
“ใช่ๆ เดี๋ยวพวกผมลงไป”
สิตางศุ์ตัดสายแล้วรีบกลับไปที่ห้องนั่งเล่น พอเขาเอ่ยปากว่าปกฉัตรมารออยู่ที่ล็อบบี้ เจตน์ก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตัวออกจากคอนโดทันที
......................................
ร่างโปร่งยืนอยู่ที่ล็อบบี้ของคอนโดหรู ทว่าเจ้าตัวไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพังแต่มีผู้ชายแปลกหน้าตัวใหญ่ยืนเคียงข้างด้วย วินาทีแรกที่เจตน์เห็นคนรักของตัวเอง เหมือนความโกรธทั้งหมดจะถูกกวาดทิ้งไปแล้ว ทว่าพอเหลือบไปเห็นว่าปกฉัตรไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง ชื่อแรกที่พุ่งขึ้นมาในหัวคือ
...ไอ้เชี่ยเท็ด!!!...
…ต้องเป็นไอ้เชี่ยนั่นแน่ๆ!!...
“มึง!!!!” เขาพุ่งถลาเข้าไปหา เจียระไนก้าวตามอย่างไวเพราะเห็นชัดแล้วว่าญาติผู้น้องคิดจะทำอะไร และก่อนที่เจตน์จะทำเรื่องให้เลวร้ายลงไปอีก เจียระไนก็รีบคว้าหมัดญาติตัวเองเอาไว้
“เฮียปล่อย! ไอ้เชี่ยนี่มันเป็นชู้กันไอ้ปก!!!” เจตน์ร้องลั่น
“พูดอะไร?!!!” ปกฉัตรหันมาสวนกลับหน้าตาเอาเรื่อง
“มึงถึงกับพามันมาหากูเลยเหรอไอ้ปก!!”
“ก็พี่เวฟรู้จักคอนโดพี่โจ๊ก”
“เวฟ?! ไอ้สัด!! นี่นอกจากจะมีไอ้เท็ด! มึงมีไอ้เวฟด้วยเหรอ?!!” ชื่อตัวละครใหม่ทำเอาเจตน์เลือดขึ้นหน้าจนหยุดไม่อยู่อีกแล้ว ไม่มีสติจะทบทวนสักนิดว่าตัวละครใหม่คนนี้ คุ้นหน้าค่าตาเหมือนเคยพบกันโดยบังเอิญหรือผ่านตามาก่อนแล้ว
อรรณพมองคนที่โวยวายอยู่ตรงหน้าแล้วหันมองน้องรหัสในสายอย่างปกฉัตรอย่างไม่เข้าใจ
“มันพูดอะไรของมัน”
“ไม่มีอะไรหรอก คนมันไม่คิดจะฟังอะไรก็แบบนี้ ขอบคุณพี่เวฟที่พามานะครับ ผมคุยกับเขาเสร็จจะกลับเอง ไม่รบกวนพี่แล้ว”
“อือ มีอะไรจะให้ช่วยก็บอกล่ะ”
“โอ้โห!! ไอ้เชี่ย!! นั่นเมียกู!! มันอยากได้อะไร! กูช่วยมันเอง! เฮีย! ปล่อยสิวะ!!!” เจตน์พยายามดึงแขนออกจากการยึดจับของผู้เป็นพี่ อรรณพหันไปมองคนโวยวายแล้วก็เหลือบตามองปกฉัตร น้องรหัสคนนี้ไม่ได้ซื่อใสแบบสิตางศุ์ แต่ก็ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก ทว่าวันนี้เขาดูออกว่าปกฉัตรก็ยังหงุดหงิด
...แหม น้องรหัสหงุดหงิด พี่รหัสที่ดีก็ต้องทำอะไรสักหน่อย...
“มึงปล่อยมัน ไอ้โจ๊ก” เขาสั่งเจียระไน ไอ้หนุ่มปกครองรุ่นน้องยอมปล่อยแขนของคนที่กำลังโวยวาย และราวกับเสือที่หลุดออกจากกรง เจตน์พุ่งตัวมาหาอรรณพทันที
ผลัวะ!!!
หมัดหนักๆของพี่รหัสของสิตางศุ์ชกเข้าที่โหนกแก้มของคนโมโหจนเซแทบล้ม
“เฮ้ย!!” เสียงร้องเป็นของสิตางศุ์ ส่วนปกฉัตรทำตาโตเล็กน้อย ในขณะที่เจียระไนเลิกคิ้วนิดหน่อย
“กูชื่อเวฟ เป็นพี่รหัสไอ้โซ่ เป็นปู่รหัสไอ้ปก มึงรู้จักกูมั้ย” เจตน์มึนตึ้บกับหมัดหนักเมื่อครู่นี้ แถมยังเจอประโยคเรียงลำดับญาติไปอีกดอกเลยกะพริบตาปริบๆ
“ปู่รหัส?” เขาทวน แต่พอตั้งสติได้ก็เบิกตาโพลงแล้วหันไปมองคนรัก
“ไอ้ปก! นี่มึงเอากระทั่งกับสายรหัสเหรอวะ?!!”
“ปากอย่างงี้น่าซ้ำอีกที” อรรณพเดินตรงเข้าหาจะชกซ้ำอีกสักรอบ ถ้าไม่ใช่เพราะปกฉัตรดึงแขนเอาไว้
“ไม่ต้องพี่เวฟ” หนุ่มรุ่นน้องว่าอย่างนั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเจตน์ที่ถูกเจียระไนพยุงให้ลุกขึ้นยืน ดูท่าแล้วคงเมาหมัดอรรณพอยู่ไม่น้อย แต่ปากเมื่อกี้นี้ก็บอกให้รู้ว่าแม้จะยังมึนกันแรงหมัด แต่ก็ยังหาเรื่องไม่ฟังอะไรสักนิดเดียว
ผลัวะ!!
ใบหน้าหล่อเหลาของคนถูกชกเมื่อครู่โดนชกไปอีกรอบจนหน้าหัน ทุกคนเงียบกริบ แม้กระทั้งอรรณพก็ยังคาดไม่ถึงว่าหลานรหัสตัวเองจะกล้าชกคนอื่นด้วย ปกฉัตรที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใคร คราวนี้คงจะหมดความอดทนแล้วจริงๆ
เจตน์หันกลับมามองเจ้าของหมัด ดวงตาเรียววาวโรจน์ด้วยความโกรธ เขาอาจจะเคยมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น หรืออย่างเมื่อกี้ก็โดนชก แต่...คราวนี้คนที่ชก กลับเป็นคนที่เขารัก
ทว่า...พอหันกลับเห็นสายตาจากดวงตาของคนตรงหน้า คำพูดสาดเสียเทเสียที่พร้อมจะหลุดจากปากก็หายวับลงคอไปหมด
“ถ้าผมมีคนอื่น ผมจะมาตามหาพี่ทำไม”
คำถามสั้นๆ แต่น้ำเสียงสั่นจนหัวใจที่เต็มไปด้วยไฟโกรธของเจตน์ยังไหวโหวง ในดวงตาคู่นั้นที่เขามองสบเอ่อด้วยน้ำใสจนวาววับ แต่เจ้าตัวก็กล้ำกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับหันหน้าหนีไปทางอื่น
“ผมมาตามพี่กลับ จะกลับไปกับผมมั้ย”
เป็นอีกคำถามที่สั่นเครือ เจตน์ได้แต่ยืนนิ่ง ทั้งๆที่ใจยังโกรธ สมองยังเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่...ใจแข็งๆของผู้ชายคนนี้ก็อดไหวเอนไปกับคำถามของคนรักไม่ได้
เขาหันไปหาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเอง
“เฮีย ผมกลับก่อน” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะหันไปยกมือไหว้ลาสิตางศุ์ แล้วเหลือบสายตาไปที่ชายหนุ่มอีกคนเจ้าของหมัดแรก
“ถ้าเป็นปู่รหัสอย่างเดียว ไม่มีสถานะอื่นก็...หวัดดีครับ” แล้วหนุ่มตาเรียวที่เมื่อครู่นี้โวยวายเสียงดังลั่นก็ยกมือไหว้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางคนรักที่ยืนเงียบ
“กลับกัน ปก”
มือใหญ่รั้งแขนปกฉัตรเบาๆ แล้วพายุอารมณ์สองลูกก็พัดผ่านจากล็อบบี้ไป
.................................