ดินต่างฟ้า กับ รุ่งอรุณ
อากาศที่หนาวเย็นส่งผลให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เสียงคลื่นที่ซัดสาดกับท้องฟ้าที่มืดมิดทำให้ผมประหลาดใจยิ่งนักว่าผมกำลังอยู่ที่ไหน พอหันไปทางขวาก็พบกับร่างของใครบางคนซึ่งผมกำลังนอนหนุนไหล่อยู่ ผมเลยรีบเหยียดตัวให้อยู่ในท่านั่งทันที
“คุณชาย" แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าใครคือผู้ที่ให้ผมนอนหนุนไหล่ทั้งคืน แต่ที่ผมสงสัยไปกว่านั้นคือผมมานอนอยู่ที่ริมหาดได้อย่างไร
ความทรงจำครั้งสุดท้าย... ผมจำได้เพียงว่าผมกับคุณชายกำลังนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน แล้วคุณชายก็ยื่นแก้วเหล้ามาให้ ...ใช่แล้ว! ผมคงจะเมาไปตั้งแต่ตอนนั้น
“คุณชายครับ คุณชาย" ผมกระตุกร่างของคุณชายเบา ๆ
“หือ...” คุณชายค่อย ๆ ขยี้ตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย "ตื่นแล้วเหรอข้าว โอ๊ย... ปวดไหล่ชะมัด ไหนบอกว่าคอแข็ง เล่นเมาซะตั้งแต่แก้วแรกที่ดื่มแบบนี้ก็ไม่ไหวนะข้าว"
ตื่นขึ้นมาก็ทำปากดีบ่นผมทันที ผมไม่ถือสาหรอกแต่เป็นห่วงคุณชายมากกว่าที่ต้องเสียสละหัวไหล่ให้ผมนอนหนุนทั้งคืน
“ปวดมากไหมคุณชาย" ผมเอ่ยถาม
“ก็นิดนึง" คุณชายตอบออกมาขณะยั้งกายให้ลุกขึ้นนั่ง
ผมเอื้อมมือไปลูบบริเวณไหล่ข้างที่ผมนอนหนุนก่อนจะค่อย ๆ ออกแรงนวดเบา ๆ ด้วยหวังว่าอยากให้คุณชายรู้สึกดีขึ้น แต่ทว่าคุณชายก็ดันเล่นพิเรนท์ ๆ จับมือผมที่กำลังนวดแล้วดึงไปข้างหน้าสุดแรงจนแขนผมต้องโอบร่างของคุณชายเอาไว้
“เปลี่ยนจากนวดมาเป็นกอดดีกว่า" คุณชายตอบออกมา "หนาวชะมัด"
“คุณชายครับ เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะดูไม่ดีนะครับ" ทั้ง ๆ ที่หัวใจของผมก็เต้นตึกตักแถมยังชอบที่ได้อยู่ในท่านี้ ทว่าปากของผมก็ดันพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกออกไปอีกแล้ว
“แคร์ทำไม" คุณชายตอบออกมาพลางพลิกนาฬิกาข้อมือที่ใส่ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาดู "เพิ่งตี 5 เอง ไม่มีใครมาสนใจหรอกน่า"
“ครับ" พูดจบผมก็เขยิบเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอาคางเกยไหล่คุณชายอย่างถือวิสาสะ โชคดีที่คุณชายไม่ว่าอะไรแม้ว่าในยามนี้ใบหน้าของเรามันแทบจะแนบชิดติดกันอยู่แล้ว ...ยิ่งนานวันผมยิ่งรู้สึกว่าความใกล้ชิดและการแสดงออกของเราสองคนชักจะเลยเถิดจนคล้ายกับ... “คุณชายไม่รู้สึกแปลก ๆ บ้างเหรอครับที่เราสองคนทำแบบนี้ มันเหมือนกับเราเป็น... เอ่อ เป็นมากกว่าเพื่อน หรือพี่น้องน่ะครับ"
“นายจะบอกว่าเหมือนคนรักใช่ไหม" คุณชายสวนกลับมาอย่างตรงประเด็น
“ครับ" ผมตอบออกไปด้วยความตื่นเต้นเพราะอยากรู้ว่าคุณชายจะมีความคิดเห็นอย่างไร
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะข้าว ความสนิทสนมและความใกล้ชิดรวมถึงอะไรหลาย ๆ อย่างที่ข้าวทำให้ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกไม่อายหรือต้องเกรงใจที่จะทำอะไรแบบนี้กับข้าว" คุณชายตอบออกมาก่อนที่จะทิ้งศีรษะมากับใบหน้าของผมที่เกยอยู่บนหัวไหล่ของคุณชาย "มันคงจะเป็นความรักแบบพี่น้องล่ะมั้ง ไม่ดิ... ฉันไม่เคยเห็นข้าวเป็นพี่ คงจะเป็นเพื่อนรัก อืมใช่เป็นเพื่อนที่รักกันมาก ๆ แล้วข้าวล่ะคิดยังไง"
“ผมเหรอ" ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่คุณชายพูดจบ ส่วนตัวผมเองก็ไม่เคยคิดจะชอบ รักหรือหลงใหลผู้ชายคนไหน ผมจึงมั่นใจว่าผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นแน่นอน แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม... ถึงมีแค่คุณชายคนเดียวเท่านั้นที่ผมกล้าคิดอะไรเกินเลยแบบนั้นด้วย "ก็คงจะเหมือนคุณชายล่ะมั้งครับ ไม่งั้นผมคงไม่ทำแบบนี้หรอก"
“อืม... คิดแค่นั้นก็ดีแล้ว" คุณชายตอบออกมา "ป่ะ... กลับกันเถอะ"
สิ้นเสียง คุณชายก็แกะมือผมออกจากร่างก่อนที่จะยั้งหายลุกขึ้นแล้วยื่นมือมารับตรงหน้าผม ผมเอื้อมมือไปจับกับมือนั้นก่อนที่จะยั้งกายให้ลุกขึ้นบ้าง จากนั้นเราก็เดินริมหาดเพื่อกลับไปยังที่พักด้วยกัน
ไม่รู้ทำไม... หัวใจผมถึงเต้นรุนแรงแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่มันไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ชายหรือผู้หญิงคนไหน ผมชักไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่าผมคิดกับคุณชายแค่เพื่อนหรือแค่น้องชายอย่างที่พูดออกไป
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร... ผมมันก็เป็นแค่เด็กปั๊ม ให้ทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะเราสองคนต่างกันเกินไปโดยเฉพาะในเรื่องของฐานะและชื่อเสียงเงินทอง ที่สำคัญเราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน มันยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่งถ้าผมจะไปเรียกร้องโหยหาความรัก... จากคุณชายของผม
ทันทีที่กลับไปถึงห้อง คุณชายกับผมก็ผลัดกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เนื่องจากที่นี่เป็นห้องพักส่วนตัวของคุณชาย ในตู้เสื้อผ้าเลยมีเสื้อผ้าของคุณชายพอให้เลือกใส่
“ง่วงไหมข้าว" หลังจากที่ผมแต่งตัวเสร็จคุณชายก็เอ่ยถาม โดยชุดที่ผมใส่เป็นเสื้อกล้ามสีดำกางเกงขาสั้น ส่วนคุณชายใส่เสื้อกล้ามสีขาวกางเกงขาสั้นเช่นกัน
“ไม่อ่ะครับ นอนมาทั้งคืนแล้ว" ผมตอบ
“ดี... งั้นตามฉันมานี่" พูดจบคุณชายก็เปิดประตูออกไปรอนอกห้องทันที ผมจึงต้องรีบตามออกไป
คุณชายเดินนำไปจนสุดทางก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนซึ่งอยู่ติดกับตัวลิฟต์
“คุณชาย จะไปไหน" ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะคุณชายบอกว่าโรงแรมมี 5 ชั้น แล้วห้องพักของคุณชายก็อยู่ชั้น 5 แล้วด้านบนมันมีอะไร
“ดาดฟ้า ตามมาเหอะน่า"
สิ้นเสียงคุณชายก็ก้าวขาฉับ ๆ ไปด้านบน ผมจึงต้องรีบเดินตามขึ้นไปด้วยความว่องไว
พอถึงชั้นบนสุดก็พบกับประตูกระจกใส พอทอดสายตามองลอดไปนอกประตู โคมไฟสูงใหญ่ที่ส่องสว่างไสวทำให้ผมเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ได้อย่างชัดเจน รอบ ๆ สระน้ำมีม้านั่งมากมาย และถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดอย่างสวยงาม
คุณชายยกคีย์การ์ดขึ้นมาทาบกับเครื่องทาบบัตรก่อนที่จะผลักประตูให้เปิดออกไป
“อ้าว... คุณชาย สวัสดีครับ คุณชายมาที่นี่ทำไมไม่บอกผมครับ ผมจะได้ลงไปรับใช้คุณชาย" หลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ยามหนุ่มนายหนึ่งซึ่งดูจากสีหน้าค่าตาแล้วน่าจะอายุไม่เกิน 25 ปีรีบเดินเข้ามาทักทายคุณชายอย่างคุ้นเคย
"พอดีฉันมากับเพื่อน เลยไม่อยากรบกวนบอล...” คุณชายตอบกลับก่อนจะเหล่ตามาทางผม "เออ... เดี๋ยวฉันจะรอดูพระอาทิตย์ขึ้น ยังไงรบกวนบอลไปยกอาหารเช้าขึ้นมาสองชุดหน่อยนะ"
ผมล่ะแปลกใจกับคำพูดของคุณชายจริง ๆ ตอนแรกบอกว่าไม่อยากรบกวน แต่สุดท้ายก็ใช้ยามบอลไปยกอาหารเช้ามาให้
“ครับ...” ยามบอลตอบรับ
“นี่ข้าวนะ" คุณชายแนะนำให้ผมรู้จักกับยามหนุ่ม ก่อนที่จะแนะนำยามหนุ่มให้ผมรู้จักบ้าง "ส่วนนี่บอล... แฟนฉันเอง"
“คุณชาย!!!” ยามบอลทำเสียงตกใจไม่ต่างจากผมที่กำลังทำสีหน้าตกใจ "คุณชายก็แกล้งผมแบบนี้ประจำเดี๋ยวเพื่อนคุณชายก็เข้าใจผิดหรอก"
“ฮ่า ๆ ๆ ก็เวลามานี่ทีไรนายก็ดูแลฉันยังกับแฟนทุกทีนี่นา" คุณชายตอบด้วยความขำขัน แต่ผมไม่ขำด้วยเลย... ผมคิดมาตลอดว่าคุณชายเป๊กของผมจะชอบพูดแซวเล่น ๆ และชอบแกล้งแบบนี้กับผมคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะมีคนอื่นที่ได้รับอภิสิทธิ์พิเศษในการโดนแซวหรือโดนแกล้งแบบนี้จากคุณชายด้วย ที่สำคัญยามบอลแม้จะผิวเข้มแต่ใบหน้าของเขาก็ดูคมเข้มหล่อเหลาไม่น้อยเชียวล่ะ
...แล้วทำไมผมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยเนี่ย...
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณข้าว" ยามบอลทัก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณบอล" ผมทักกลับด้วยความสุภาพเช่นกัน ยามบอลยิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินลงไปข้างล่าง
หลังจากที่ยามบอลเดินจากไป ผมก็เดินนำคุณชายไปนั่งในจุดที่ชมวิวได้ชัดเจนที่สุด แม้โรงแรมแห่งนี้จะอยู่ในซอยเล็ก ๆ ทว่าด้านหน้าก็ไม่มีอาคารบดบันทิวทัศน์จึงทำให้ดาดฟ้าแห่งนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลได้อย่างชัดเจน
“ข้าว... เป็นไร" คุณชายเอ่ยถามหลังจากที่เดินผมมานั่งม้านั่งตัวเดียวกัน "เดินไม่รอเลย"
“ไม่ได้เป็นไรนี่ครับ" ผมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมเดินไวขนาดนั้นเชียวหรือ ผมรู้แค่ว่าพอยามบอลเดินจากไป ด้วยความที่รู้สึกแปลก ๆ ในจิตใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณชายกับยามบอล เลยทำให้ผมรีบเดินหนี หรือว่าความรู้สึกนี้มันจะเรียกว่า...
“หึงฉันเหรอข้าว" ไม่ว่าเปล่า คุณชายยังเอื้อมมือมาโอบหลังผมอีกต่างหาก
“เปล่าครับ" ผมปฏิเสธพลางแกะมือคุณชายออก
“ก็แค่แซวเล่นนิดหน่อยเอง ฉันไม่ได้คิดอะไรกับบอลสักหน่อย" คุณชายเอ่ยขึ้น สงสัยคงกลัวผมเข้าใจผิด
“คุณชายจะคิดหรือไม่คิดอะไรกับใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมนี่ครับ" แต่ผมก็ดันปากดีตอบออกไปราวกับไม่ห่วงใยในความรู้สึกของคุณชาย และเหมือนว่าคำพูดของผมมันจะมีผลอะไรบางอย่างกับคุณชายเสียด้วย เพราะหลังจากนั้นคุณชายก็เงียบเสียงลงไม่พูดอะไรอีกเลย แถมยังเขยิบออกห่างจากผมอีกต่างหาก
“คุณชาย... เอ่อ... คือ... ผม... ผมขอโทษ" ความจริงผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าผมผิดอะไรทำไมถึงต้องขอโทษคุณชายด้วย แต่พอเห็นคุณชายเป็นแบบนี้ทีไรมันก็อดไม่ได้ที่จะต้องรีบง้อทุกที
“อืม...” คุณชายตอบเสียงเรียบ แถมยังทำหน้าขรึมอีกต่างหาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณชายกำลังงอนแน่ ๆ
“โถ่... คุณชายครับ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น" ผมทำเสียงสำนึกผิด
คุณชายถอนหายใจออกมาก่อนที่จะตอบอย่างประชดประชันว่า "ข้าวจะขอโทษทำไม ในเมื่อฉันจะคิดอะไรยังไงกับใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าวอยู่แล้วนี่"
“คุณชายครับ" ผมเอ่ยพลางเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของคุณชายด้วยความเอ็นดู
ตั้งแต่คุณชายตัวเล็ก ๆ เวลาที่คุณชายโมโห หงุดหงิด หรือมีเรื่องกับใคร ทางเดียวที่จะทำให้คุณชายสงบได้ก็คือผมต้องลูบศีรษะคุณชายพร้อม ๆ กับหาเหตุผลมาเอ่ยปลอบใจคุณชาย "คุณชายสำคัญกับผมนะครับ ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้ผมก็คงไม่รู้สึกหึงคุณชายหรอกครับ...”
“หึ ๆ ๆ" สิ้นเสียงของผมคุณชายก็หัวเราะออกมา "ยอมรับแล้วสินะว่าหึง"
“มันก็ไม่เชิงครับ แค่รู้สึกแปลก ๆ ที่คุณชายพูดแบบนั้น...” ผมตอบออกไปพลางเว้นวรรคชั่วครู่เพื่อสบตามองคุณชายแล้วพูดต่อ "กับคนอื่น..."
“ไม่ชอบเหรอ เออ ๆ ไม่คุยแบบนี้กับใครแล้วก็ได้" คุณชายตอบปัด ๆ กอดที่จะยืดแขนมากอดคอผม แล้วชี้มือไปด้านหน้าซึ่งเป็นวิวของผืนฟ้าและท้องทะเล มองออกไปสุดสายตาจะเห็นผืนฟ้าและท้องทะเลจรดกันและที่ตรงนั้นมีแสงสีส้มอ่อน ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นดูสวยงามยิ่งนัก "เขาว่ากันว่าขณะนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น หากมีนกบินผ่านแสงของพระมาทิตย์มาหนึ่งคู่ คนที่นั่งดูพระอาทิตย์ด้วยกันจะเป็นเนื้อคู่กันนะข้าว"
“จริงเหรอครับ" ผมเอ่ยถามด้วยความสงสัย "ผมไม่เห็นเคยได้ยินเลย"
“จริงสิ เรามาลุ้นกันดีกว่าว่าจะมีนกบินมาตรงกับแสงพระอาทิตย์สักคู่ไหม"
พูดจบผมกับคุณชายก็ลุ้นอย่างหนัก... ในยามเช้าแบบนี้มีนกบินผ่านมาเป็นฝูง ๆ หลายฝูง แต่ก็ไม่มีนกที่บินแยกออกมาเป็นคู่ตามลำพังสักคู่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปพระอาทิตย์ค่อย ๆ ลอยขึ้นเหนือผืนน้ำ ผมก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเสียดาย ...แล้วผมจะเสียดายทำไมเนี่ย
“ถอนหายใจทำไมข้าว" คุณชายเอ่ยถาม
“ก็ไม่เห็นมีนกบินมาเป็นคู่เลยนี่ครับ" ผมเผลอตอบออกไป คุณชายอมยิ้มทันทีสงสัยจะพอใจในคำตอบของผม พอผมนึกคำที่คุณชายได้พูดเอาไว้เมื่อคู่เรื่องนิกบินมาเป็นคู่ ผมก็รีบยกมือปัดป่ายพร้อมกับปฏิเสธออกไปว่า "ไม่ใช่นะครับคุณชาย ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น"
“ไม่ทันแล้วล่ะข้าว" แต่คุณชายก็ไม่รับฟังเหตุผลของผม "ฮ่า ๆ ๆ อยากเป็คู่กับฉันเหรอไงข้าว น่ารักจริงจริ๊ง"
ไม่ว่าเปล่า มือที่แสนซุกซนของคุณชายสุดแสบก็ยังยกขึ้นมาหยิกแก้มผมสุดแรง ก่อนที่ผมจะได้โต้ตอบอะไร เสียงของเครื่องทาบบัตรที่ดังขึ้นบริเวณประตูก็ทำให้ผมกับคุณชายต้องนั่งนิ่งเลิกหยอกล้อกันเพราะกลัวใครจะสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา
จบตอน
รู้สึกไหม ตอนยามบอลเดินลงไปเอาอาหาร แล้วข้าวรีบเดินหนีคุณชาย... นี่มันนิสัยของรับดื้อเงียบชัดๆ กร๊ากกกก