E P I L O G U E
_________________________________
เสียงของเพลงบรรเลงดังคลอขึ้นเมื่อตอนที่ภาพจอมอนิเตอร์ฉายวีดีโอพรีเซนต์ของSCENT ProjectจากทางSMA แสงไฟในห้องบอลลูมถูกลดระดับลงจนมืดสลัวก่อนภาพบนหน้าจอขนาดใหญ่จะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของน้ำหอมแต่ละกลิ่น
แรกเริ่มด้วยBlack Diamond, Silver Bullet ก่อนจะปิดท้ายด้วยกลิ่นสุดท้ายในโปรเจกต์นี้
ภาพของผืนน้ำสีครามจรดแผ่นฟ้ากว้างรวมกับประกายแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ส่องสะท้อนเคลือบฉาบไล้ลงบนหาดทรายสีขาว กลิ่นอายแห่งความมีชีวิตชีวาอบอวลชวนให้จิตใจได้สงบสุข
บทสนทนาและคำถามมากมายเกิดขึ้นเมื่อกล้องจับภาพไปยังร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินขึ้นมาจากผืนน้ำทะเล ช่วงบ่ากว้างมีหยดน้ำเกราะพราวจนเปียกชุ่ม เอวสอบได้รูปที่ขึ้นเชฟสวยงามรับกับช่วงขายาวที่โผล่พ้นขึ้นเหนือน้ำ ใบหน้าคมเข้มตามฉบับคนที่มีเชื้อสายทางตะวันตกนั้นมีเสน่ห์เกินที่จะต้านทานไหว
Blue Ocean : Peerat Chodmaetee
ชื่อของนายแบบหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในวงการได้เพียงไม่ถึงปีแต่กลับตกเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนในวงการอยู่ไม่น้อย
ต้องเรียกได้ว่าทางSMAที่อยู่ภายใต้การดูแลของแกเรน ฮาร์ดเนอร์นั้นไม่เคยทำให้รู้สึกผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพียงไม่นานเสียงเพลงบรรเลงและภาพบนหน้าจอมอนิเตอร์ก็ถูกดับลง ก่อนสปอตไลต์บนเวทีจะฉายลงไปบริเวณลานแคทวอร์คที่เป็นทางยาวไปตลอดแนวเก้าอี้ของผู้ชม
บรรยากาศภายในห้องบอลลูมนั้นเงียบสนิทเมื่อพิธีกรชายหญิงเริ่มพูดบรรยายเพื่อเปิดตัวนายแบบและโปรดักส์น้ำหอมไปทีละกลิ่น เสียงของบทสนทนาบนเวทีทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าบานกระจกนั้นต้องเผลอกำมือและคลายออกเพื่อระงับความตื่นเต้น
“หายใจเข้าลึกๆ” เสียงปลอบประโลมของคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกันเอ่ยบอก ฮานะเอื้อมมือมาหาพร้อมกับประสานกันเอาไว้แนบแน่น “ทำใจให้สบาย”
“...ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ฝ่ามือนั้นกลับเย็นเฉียบ
ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเคยเดินแบบอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเพียงแค่งานขนาดเล็กผิดกับปัจจุบันที่มีสายตาและกล้องนับร้อยจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของเขาอยู่
“อย่าทำคิ้วขมวดแบบนั้นสิ คุณแม่กับคุณยายรอดูรูปอยู่นะ” ฮานะยิ้มขำเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตัวโตดูวิตกกังวลจนสมาธิเสีย
“ครับ...ผมจะพยายาม”
“ก้มลงมานี่” ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมองกันในจังหวะที่นายแบบคนแรกถูกเรียกตัวออกไปเมื่อถึงคิว
หลังจากหวังลี่ชิงแล้วคนต่อไปคือมิคาเอลตามด้วยพีท ก่อนจะปิดท้ายด้วยไฟนอลวอร์คของทั้งสามคน
“เร็ว” ฮานะเอ่ยเร่งทั้งที่ยังคงเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะต้องเบี่ยงหน้าหลบเมื่อฝ่ายนั้นตั้งใจที่จะแนบริมฝีปากลงมาจนทำให้ปลายจมูกกดลงบนผิวแก้มแทน “ไม่ใช่แบบนี้ซะหน่อย” เขาหัวเราะร่าเมื่อเห็นว่าคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “ฉันจะเช็กปกคอเสื้อให้”
“...อยากกลับไปนอนกอดฮานะแล้ว” เสียงทุ้มออดอ้อนพร้อมกับวงแขนที่สวมกอดลงมาบนช่วงเอว
“เว่อร์จริง” ฮานะพรูลมหายใจออกมาอย่างนึกเอ็นดูพร้อมกับยกมือขึ้นกรีดปกเสื้อสูทให้เรียบเป็นระเบียบ “โฟกัสงานก่อน ห้ามสนใจเรื่องอื่น เข้าใจไหม” เขายกนิ้วขึ้นมาเคาะลงบนจมูกโด่งเป็นสันเป็นเชิงเตือน
“ถึงคิวคุณมิคาเอลแล้ว ไปสแตนบายรอได้แล้วเร็วเข้า” ฮานะบีบเข้าที่แก้มของอีกฝ่ายไปมาก่อนจะผละออกแล้วดันแผ่นหลังให้ออกเดิน
แต่เพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าของอีกฝ่ายกลับเคลื่อนลงต่ำก่อนสัมผัสร้อนจัดจะแนบลงมาบนริมฝีปาก รู้ตัวอีกทีก็เหลือเพียงร่องรอยความอุ่นชื้นที่ทิ้งเอาไว้ “ขอกำลังใจหน่อยนะครับ” เสียงทุ้มกระซิบผ่วเบาก่อนปลายจมูกโด่งจะกดลงบนหน้าผากเนียน
“...ฉันจะรอดูเธอนะ” ฮานะยกแขนขึ้นโอบรอบบ่ากว้างพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบเข้าที่สันกราม “ทำให้เต็มที่ก็พอ...คนเก่ง”
รอยยิ้มบางเบาถูกส่งมอบมาให้ก่อนร่างสูงใหญ่จะผละห่างออกไปตามเสียงเรียกของสต๊าฟ
แสงไฟสปอตไลต์ทำให้บริเวณลานทางเดินนั้นโดดเด่นอยู่ท่ามกลางความมืด เสียงเรียกของทีมงานทำให้เด็กหนุ่มต้องก้าวเดินขึ้นไปบนพื้นยกระดับ และทันทีที่มิคาเอลเดินกลับเข้ามาก็ถึงคราวของเขาที่ต้องออกไปเผชิญกับประสบการณ์ครั้งใหม่
ก้าวแรกที่เหยียบย่างลงไปบนพื้นแคทวอร์คจังหวะชีพจรที่เคยเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้นกลับเงียบสงบลง นัยน์ตาคมเข้มมองตรงไปทางด้านหน้า แสงแฟลชและสปอตไลต์ที่สาดส่องเข้ามาไม่ได้ส่งผลให้จังหวะการก้าวเดินนั้นผิดแปลกไปแม้แต่น้อย
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เรือนร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มเข้าชุดกันอย่างไม่เป็นทางการเพราะเจ้าตัวไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตไว้ด้านในกลับสวมไว้เพียงแค่สูทตัวนอกและปลดกระดุมเม็ดล่างออก เผยให้เห็นแผ่นอกตึงแน่นที่รับกับแนวบ่ากว้าง ช่วงขายาวใต้กางเกงสแลคเปิดข้อเท้ากลมกลืนไปกับรองเท้าสลิปเปอร์หนังสีน้ำตาลเข้ม
เขา...ผู้ถูกแสงไฟส่องสว่างท่ามกลางสายตานับร้อยกลับมองตรงไปยังใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแถวเก้าอี้ของแขกในงาน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่จะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปที่หลังฉาก
เสียงเพลงบรรเลงถูกเปลี่ยนจังหวะก่อนที่นายแบบทั้งสามคนจะเดินเรียงกันออกมาตามทางเดิน เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องบอลลูมเมื่อแสงไฟสว่างไสวสาดส่องขึ้น ก่อนที่บทสัมภาษณ์จะถูกดำเนินรายงานไปตามสคริปต์ของงานทั้งหมดนั้นรวมถึงการกล่าวอำลาวงการของหวังลี่ชิงและมิคาเอลอย่างเป็นทางการ
“น่าประทับใจมาก” แกเรน ฮาร์ดเนอร์เดินเข้าไปหาคนที่ยืนมองขึ้นไปบนเวที...เขาลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มตามออกมา “สำหรับลี่ชิงและมิคาเอลแล้ว...นี่คงเป็นการวางมือจากวงการอย่างสวยงาม” นัยน์ตาของทั้งคู่ทอดขึ้นมองไปยังความทุ่มเททั้งหมดที่พวกเขาลงมือสร้างร่วมกันมากับทุกคนในทีม
“ครับ...พวกเขาดูดีมากๆ” ฮานะพยักหน้ารับ แม้จะนึกเสียดายที่หลังจากนี้ไปคงไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับทั้งสองคนอีก
“แต่สำหรับพีทน่ะมันแค่เริ่มต้น” แกเรนวางมือลงบนลาดไหล่เล็กพร้อมกับบีบเพื่อให้กำลังใจ “หลังจากนี้ก็คงเหนื่อยไม่น้อยเลย...ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดนะฮานะ”
“ยินดีครับ” ฝ่ายนั้นยิ้มตอบกลับมา
“ผมดีใจนะ ที่ได้เห็นว่าคุณมีความสุข...หลังจากนี้ไปห้ามร้องไห้ให้ผมเห็นแล้วนะ” เขาขู่อย่างไม่จริงจังนัก
“ขอบคุณนะครับ คุณแกเรน” ฮานะยิ้มกว้าง นัยน์ตาคู่สวยทอประกายซาบซึ้งจนคนมองต้องพยักหน้ารับ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา...แล้วก็...ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอเขา” ริมฝีปากสีอ่อนเม้มเข้าหากันเมื่อพยายามประคับประคองเสียงไม่ให้สั่นก่อนจะรู้สึกร้อนที่ขอบตาจนต้องหลุดขำกลบเกลื่อน
“ไม่เอาน่า” แกเรนเสียงอ่อนลงก่อนจะดึงร่างที่เล็กกว่าเข้ามาสวมกอด “พีททำให้ฮานะของผมกลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ไปได้ยังไง เห็นทีต้องเรียกมาตักเตือนซะแล้ว ไม่ไหวๆ” เสียงกลั้วหัวเราะเอ่ยแซวอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายออกเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงคิวที่เขาจะต้องขึ้นไปกล่าวปิดงาน “ผมต้องไปแล้ว...ฮานะไปหาพีทเถอะ”
ฮานะพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวทีเมื่อเห็นว่าเหล่านายแบบเริ่มทยอยเดินลงมา
“พีท” เขาเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนรักกำลังกวาดสายตามองหาบางสิ่ง และทันทีที่เจ้าตัวหันมามองช่วงขายาวก็รีบก้าวเข้ามาหาทันที
“ฮานะ” ช่วงตัวถูกรวบไปกอดเอาไว้จนตัวลอย เรียกสายตาจากทีมงานที่อยู่บริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี
“เธอเก่งมาก” ฮานะกอดตอบพร้อมกับยกตัวขึ้นไปหอมแก้มเป็นรางวัล “ถ้าคุณแม่กับคุณยายได้เห็น พวกท่านคงภูมิใจน่าดู”
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มยิ้มรับพร้อมกับกดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างรักใคร่
“ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ คุณแกเรนบอกว่าหลังจบงานจะมีเลี้ยงขอบคุณทีมงาน”
“กลับเลยไม่ได้เหรอครับ” เสียงทุ้มออดอ้อนในตอนที่วางคางลงเกยบนไหล่
“ไม่ได้สิ” ฮานะหัวเราะก่อนจะประคองใบหน้าอีกฝ่ายเอาไว้อย่างเอ็นดู “เราต้องไปเพื่อไม่ให้เสียมารยาท...เข้าใจหรือเปล่า”
“ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอย่างจำยอมในท้ายที่สุด
“ดีมาก” ปลายคางถูกจูบย้ำอีกหนเมื่อฮานะพอใจในคำตอบ “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
เสียงชนแก้วดังขึ้นหลังจากมื้ออาหารสำคัญผ่านไป แกเรน ฮาร์ดเนอร์เป็นคนกล่าวขอบคุณทีมงานสำหรับความตั้งใจและลงทุนทั้งแรงกายแรงใจจนScent Projectนั้นประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี บริเวณเลาจ์บนดาดฟ้าของทางโรงแรมถูกจัดแบ่งพื้นที่เอาไว้อย่างเป็นส่วนตัวเพื่อรองรับทางโมเดลลิ่งโดยเฉพาะ
เรียกได้ว่างานนี้คุณแกเรนลงทุนเลี้ยงตอบแทนส่งท้ายปีเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“ไม่ทราบว่าจะให้เกียรติชนแก้วกับผมได้ไหมครับ” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยถามก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนจะปรากฏขึ้น ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าอดีตเจ้าของหัวใจยกยิ้มตอบรับพร้อมกับแนบแก้วไวน์เข้าหากัน “ขอบคุณครับ”
“คุณเคย์ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ฮานะยิ้มทักทายก่อนจะเปิดทางให้อีกฝ่ายได้มายืนข้างกัน
“ไม่มาได้เหรอครับ บอสชวนซะขนาดนี้” ชายหนุ่มยิ้มขำพร้อมกับหันไปพยักหน้าทักทายกับเด็กหนุ่มที่ยืนซ้อนแผ่นหลังคุณฮานะอยู่...แม้จะแอบอิจฉาอยู่ในใจลึกๆ แต่ก็อดที่จะยอมรับไม่ได้เลยว่าทั้งคู่นั้นเหมาะสมกันมากเพียงไหน
...และเขาเองก็รู้สึกยินดีไปด้วยที่อีกฝ่ายจะมีคนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างไปตลอด...นับจากนี้...
“วันหยุดนี้จะกลับเซี่ยงไฮ้หรือเปล่าครับ” ฮานะเอ่ยถามเพราะปกติแล้วอีกฝ่ายมักจะชอบบินกลับไปเยี่ยมครอบครัวในวันหยุดยาว แต่ครั้งนี้คำตอบที่ได้คือการส่ายหน้าปฏิเสธ
“คงไม่ได้กลับอีกนานเลยครับ...อาทิตย์หน้าผมต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษแล้ว”
“หา!?” ฮานะเบิกตากว้างพร้อมอุทานเสียงดังจนผู้คนบริเวณนั้นหันมามอง “หมายความว่ายังไงครับเนี่ย”
“พอดีผมได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทที่นู่น เลยอยากจะขอพักงานไปเก็บใบปริญญามาไว้ประดับห้องสักหน่อย” เบต้าหนุ่มเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี “ไม่ได้เจอหน้าคุณทุกวัน คงคิดถึงแย่”
เขาแอบแหย่หวังเพียงให้คนที่ยืนอยู่ด้านหลังฮานะออกอาการหึงหวงอย่างนึกสนุก แต่นอกจากพีทจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาแล้วยังหันหน้าออกไปมองวิวด้านนอกเพื่อให้พวกเขาได้คุยกันอย่างเต็มที่...แต่แขนนี่กอดรอบเอวแน่นเชียว...เอาเรื่องนี่หว่า...
“จะไปนานขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ฮานะยิ้มขำกับท่าทีของอีกฝ่าย ก่อนจะนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เคยโดนคุณเคย์ตามจีบ แม้จะเอ่ยปากปฏิเสธไปแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาถึงทุกวันนี้
‘ผมไม่ชอบคนที่เด็กกว่าน่ะครับ’ ถ้อยคำในวันนั้นฉายชัดขึ้นมาก่อนสายตาจะหันไปมองใครอีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน
...แต่คนนี้ก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกเรื่องล่ะนะ..
“ก็ถ้าเกิดติดใจสาวบริชทิชที่นู่นก็คงอยู่ยาวเลยล่ะครับ” เคย์ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขอตัวกลับไปที่โต๊ะเมื่อรู้สึกว่าตัวเองรบกวนเวลาส่วนตัวของทั้งคู่มากจนเกินไป “ผมคงต้องขอตัวก่อน รบกวนพวกคุณนานเกินไปแล้ว”
“เดี๋ยวครับคุณเคย์” แต่ก่อนอีกฝ่ายจะหมุนตัวกลับไปฮานะก็เอื้อมมือไปดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะครับ...รวมไปถึงเรื่องของพีทด้วย ขอบคุณที่คุณช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดี”
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนรอยยิ้มกว้างจะปรากฏขึ้น “ยินดีครับ” ร่างสูงใหญ่ของเทรนเนอร์หนุ่มหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะ ก่อนเสียงพูดคุยจากบทสนทนาเรื่องงานและเรื่องจิปาถะจะปะปนไปกับเสียงเพลงบรรเลงที่เปิดคลอแผ่วเบา
“เวลาผ่านไปไวชะมัดเลย” ฮานะพูดพึมพำก่อนจะกวาดสายตามองทิวทัศน์บนยอดตึกสูงโดยมีใครอีกคนก้มหน้าลงมามองเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขากำลังตั้งใจรับฟังทุกอย่างที่ฮานะพูด “ที่ผ่านมาฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองก้มหน้าทำงานอย่างหนักและทำตัวเป็นพวกคลั่งรักโดยไม่สนใจสิ่งรอบกาย...รู้ตัวอีกทีอายุก็เข้าเลขสามไปแล้ว”
“…” สายลมเอื่อยเฉื่อยที่พัดผ่านช่วงตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนต้องเอนกายแนบซบกับช่วงลำตัวสูงใหญ่ สัมผัสอบอุ่นที่โอบกอดและกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวช่วยเสริมให้บรรยากาศโดยรอบนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข
แม้จะมีเพียงแค่ไวน์ในแก้วที่พร่องจนเกือบหมดและเสียงภาพการจราจรที่วุ่นวายภายในเมืองหลวง
แต่ทุกอย่างกลับน่าจดจำเพียงเพราะมีใครอีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างกัน
“บางครั้งฉันก็แอบคิดนะ...ว่าถ้าตัวเองอายุน้อยลงกว่านี้สักห้าหรือหกปีก็คงจะดี” ฝ่ามือใหญ่ถูกเอื้อมมากอบกุมเอาไว้ก่อนปลายนิ้วจะไล้ผ่านตามข้อนิ้ว “จะได้ใช้เวลาช่วงวัยรุ่นร่วมกับเธออีกสักหน่อย ได้เติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน”
“ฮานะ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอย่างอ่อนโยนพร้อมกับอ้อมแขนที่สวมกอดมาจากทางด้านหลัง “สำหรับผม...ต่อให้คุณจะอายุมากกว่านี้สักสิบปีหรือยี่สิบปี...”
“…” นัยน์ตาสวยจับจ้องไปยังหมู่ดาวที่ทอแสงแข่งกับไฟในเมืองหลวง ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นจนรู้สึกเมื่อยที่แก้มจนต้องยกมือขึ้นมาจับแต่กลับถูกคว้ากลับไปกอบกุมเอาไว้ดังเดิม
“...สุดท้ายแล้วคำตอบของผมก็ยังเป็นคุณอยู่ดี”
“แฟนใครเนี่ย หล่อแล้วยังคารมดี” ฮานะเงยหน้าขึ้นก่อนจะชนศีรษะเข้ากับปลายคางอีกฝ่ายเพื่อแก้เขิน
“ก็เป็นแบบนี้...แค่กับคุณคนเดียว”
(มีต่อด้านล่าง)