- STEP 22 -
WAY’s POVสำหรับผมแล้ว สิ่งที่สำคัญรองมาจากครอบครัวของผม ก็คือสิ่งมีชีวิตที่ชื่อ...วีรินทร์ อิศรานุวัตร ที่ผมรับเอามาเป็นภาระตัวเองเมื่อตอนอายุเพียงแค่สิบสอง เจ้าเด็กอายุเท่ากับผมที่ดูตัวเล็กกว่า มันถูกครอบครัวที่อเมริกาส่งมาอยู่กับคุณยายตอนจบประถม
คุณแม่มันบอกว่า ส่งมันมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยาย แต่ความจริงแล้วก็คือ...มันถูกส่งมาดัดนิสัยครับ เพราะมันเกเรมีเรื่องกับเด็กฝรั่งที่นู่น ที่ชอบชมมันน่ารัก มันเลยอาละวาดจนคู่กรณีหัวร้างข้างแตก เลยถูกส่งมาอยู่กับคุณยายที่เป็นสาวชาววังเพื่อดัดนิสัย
วันแรกที่ผมเจอมัน มันเพิ่งถูกคุณป๋าและคุณแม่อบรมเรื่องที่ทำตัวเกเร มันเลยพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมเต็มที่ แต่...แค่หน้าตามันก็เด่นกว่าชาวบ้านเขาแล้วล่ะครับ
ตอนแรกที่เพิ่งรู้จักกัน...
‘หวัดดีครับเวย์ ทานข้าวหรือยังครับ’ มันสุภาพเรียบร้อยสมหน้าตามันมากครับ
‘เฮ้ยพูดปกติธรรมดาก็พอ’ ผมทักท้วงมัน จะมาลงท้ายครับเคริบทำไมล่ะครับ
แต่ปกติของมันคงต่างจากปกติของผมครับ...
‘ไอ้เวย์ หาข้าวแดกกันเถอะ กูหิวจนน้ำย่อยจะย่อยกระเพราะตัวเองอยู่แล้ว’
ช่างเป็นคำพูดที่เป็นกันเอง แต่ขัดกับหน้าตาน่ารักของมันเป็นบ้าเลย นับจากนั้น...ผมจะได้ยินมันพูดจาเข้ากับหน้าตาตัวเองก็เฉพาะเวลาที่...
‘แอลสบายดีครับคุณแม่ แอลมีเพื่อนแล้วครับ เราสนิทกันมากเลย ชื่อเวย์ แทน แล้วก็เพียวครับ’
‘คุณแม่จะบินมาหาแอลเหรอครับ แอลคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยครับ แอลรักคุณแม่นะครับ’
คบกับมันมาจนเข้าปีที่แปด ผมกับมันมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับชาวบ้านชาวช่องประจำ ประเด็นส่วนมากก็เวลาที่มีคนมาแซวมันนั่นแหล่ะครับ มันแทบจะพุ่งเข้าตะลุมบอน แล้วก็เอาแผลกลับบ้านประจำ ช่วงหลังพวกผมสามคนเลยต้องออกตัวก่อนมัน สองคนคอยจัดการ อีกคนคอยดึงมันเวลาฟิวส์ขาด ก็คุณแม่มันดันบอกกับผมว่า...
‘คุณแม่ฝากเวย์ดูแลน้องแอลด้วยนะคะ คุณแม่ไว้ใจเวย์นะคะ’
ผมเลยต้องตกปากรับคำ เอามันมาเป็นภาระแก่ตัวเอง หน้าตามันก็ดึงดูดคนทุกเพศทุกวัยเหลือเกิน แค่เฉพาะตอนอยู่โรงเรียน พวกผมก็ต้องเหนื่อยกับการคอยกันมันออกจากพวกที่เข้ามาจีบ ขนาดโรงเรียนพวกผมเป็นโรงเรียนเอกชนชายล้วนนะครับ
มันเคยอาละวาดจนแทบจะพังโต๊ะเรียนตอนวาเลนไทน์ แค่เพราะลิ้นชักของมันอัดแน่นด้วยดอกกุหลาบและช็อคโกแลต แต่บรรดาแฟนคลับมันก็ช่างหน้ามืดตามัว เห็นท่าทางตอนมันอาละวาดเป็นน่ารักได้
‘ไอ้เหี้ย!! ไอ้พวกวิปริต!! กูเป็นผู้ชาย กูไม่ต้องการดอกไม้และช็อคโกแลตจากผู้ชายด้วยกัน หน้าอกไม่ใช่คัพซีอย่าริอาจมาจีบกู’
แต่ทุกวันนี้...มันมีแฟนเป็นผู้ชายเรียบร้อยครับ
แฟนมันคือใครเหรอครับ...ญาติผู้พี่ของผม ที่บังเอิญมาสะดุดตามันตอนเอาของมาให้ผมที่คณะ จนถึงขั้นโทรศัพท์มาคาดคั้นเรื่องมันจากผม ก่อนจะโดนผมตอกกลับ
‘พี่เภา คนนี้ผมขอ อย่ามายุ่งกับมัน ถึงเป็นพี่ผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด’
พี่ชายผมน่ะตัวอันตรายเลยครับ เปลี่ยนคู่ควงบ่อยพอกันกับผมเลย แต่ขนาดมันโดนผมตอกหน้าหงาย มันยังพยายามมาป้วนเปี้ยนแถวคณะผม แต่เป้าหมายอย่างแอลมันไม่เคยรับรู้การมีตัวตนของคนอื่นหรอกครับ มันก็เฮฮาบ้าบอกับพวกผมตามประสา
ผมกีดกันพี่ชายผมทุกวิถีทาง จนแอลไม่เคยรู้ว่าผมมีญาติเรียนอยู่ที่เดียวกันด้วยซ้ำ
‘แล้วถ้าฉันจริงจังล่ะ’ พี่เภามันถามเสียงเครียด หลังจากพยายามอยู่ร่วมเดือนแล้ว แต่ยังมีพวกผมสามคนประกบแอลอยู่ตลอด จนพี่เภาเข้าถึงตัวไม่ได้เลย
‘แค่พูด ใครก็พูดได้’
ตราบเท่าที่พวกผมไม่อนุญาต ก็ไม่มีใครเข้าถึงตัวมันได้หรอกครับ เหมือนที่พวกแฟนคลับแอลมันชอบค่อนขอดพวกผม ว่าทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง ซึ่งเป็นสรรพนามที่แอลเกลียดมาก
กี่คนต่อกี่คน เจอฤทธิ์พวกผมเป็นต้องยอมถอยทัพกลับที่เก่า ผมรับรู้จากที่คนอื่นเขาเล่ากันปากต่อปาก พี่เภาเลิกกับทุกคนที่กำลังควงและเคยควง เรียกว่าเคลียร์ทุกพันธะ ผมรอดูว่าพี่เภาจะทนได้แค่ไหนกัน ทำดี แม้จะยังไม่มีตัวตนในสายตาของอีกคน
แล้วก็อย่างที่ทุกคนรู้ พี่เภาเลิกเด็ดขาดนับแต่ที่รู้จักกับแอล จนกระทั่งถึงวันที่พี่เภาได้แอลมาเป็นแฟน ผมมอง ‘คนสำคัญ’ ของผมที่เคยอาละวาดทุกครั้งที่ผู้ชายเข้ามาจีบ ยืนหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ข้างพี่ชายผม...
...ผมจะมีโอกาสเจอคนที่ใช่เหมือนมันบ้างหรือเปล่า....
.
ผมมีคู่ควงมากมาย มีผู้หญิงหลายคนที่ยอมเป็นแค่คู่ควงหรือคู่นอนชั่วคราวของผม แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร ไม่มีใครได้ใช้คำว่า
‘แฟน’ กับผม
ผมไม่พร้อมที่จะมีแฟน ไม่พร้อมที่จะดูแลใคร ตราบใดที่ผมยังมีห่วงผูกคออยู่ คนที่จะมาเป็นแฟนต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของผมกับมัน มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่คนรัก
แต่แล้วทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ผมเปิดรับทุกคนที่เข้ามาหาผมสำหรับความสัมพันธ์ชั่วคราว รักสนุก แต่ไม่คิดผูกพัน ยิ่งทุกคนพยายามวิ่งไล่ตามผม ผมยิ่งวิ่งหนีออกห่าง จนกระทั่ง...
ผมต้องเป็นฝ่ายไล่ตามคนบางคนทุกคนที่เคยเข้ามาหาผม พูดจาดี พูดจาอ่อนหวาน แลกกับความสัมพันธ์ชั่วยาม แต่
‘คนบางคน’ กลับยืนต่อล้อต่อเถียงผม ที่ไม่มีใครกล้าทำ ยกเว้นเพื่อนสนิท
ทุกคนที่เคยเข้ามาหาผม พยายามตามใจผม ออดอ้อนผม ไล่ตามผม แต่สำหรับ
‘คนบางคน’ ผมกลับเลือกที่จะเป็นฝ่ายตอแยเขา
เคยคิดว่ามันเป็นแค่ความสนุกที่มีคนมาต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่มันก็ต่างจากเวลาที่ผมนั่งเถียงกับแอล ผมสนุกเวลาเห็นท่าทางฮึดฮัด ขัดอกขัดใจของ
‘มัน’ ผมหมั่นไส้เวลาเห็นมันพูดดี ทำดี และหัวเราะกับคนอื่น หน้าตามันเวลาสู้ผมไม่ได้ โมโหและอยากอาละวาด กลายเป็นความสุขของผม
หรือว่าผมจะชอบ ‘มัน’ เข้าแล้ว‘อะไรนะ???’ ภามมันตะโกนถามผมซะหูแทบแตก ตอนผมขอตารางสอบจากมัน
‘มึงยังไม่แก่ ไม่น่าหูตึงเลยนะภาม’
‘แล้วไปยังไงมายังไงถึงรู้จักไอ้จีนได้ล่ะ’
‘กูเจอมันโดนเด็กช่างรุม เลยช่วยมันมา’
ภามมันบ่นบ้าบอคอแตกอะไรของมัน แต่ก็ยอมบอกตารางสอบของเพื่อนมันกับผมแต่โดยดี
ครั้งแรกที่เจอ ผมหมั่นไส้มันที่ทำเป็นตาวาว ชื่นชมแอลยังกับไอดอลคนโปรดของมัน ความหมั่นไส้ทำให้อ้าปากแขวะมันออกไปทันที ผมยอมรับว่าผมเรียกร้องความสนใจด้วยการพูดจาไม่ดีกับมัน ดีกว่าผมยืนดูมันชื่นชมแอล แล้วมันก็รู้สึกถึงการมีตัวตนของผม ตอนที่ผมด่ามันนั่นแหล่ะ
ผมรับหน้าที่ไปส่งมันกลับบ้าน เลยได้รู้ว่าบ้านมันเป็นทางผ่านกลับบ้านผม ที่บ้านมันยังเป็นร้านเบเกอรี่และคอฟฟี่ช็อป ผมหาเรื่องตอแยกับมันตลอดทางกลับบ้าน เถียงกันบ้างล่ะ แกล้งเปิดเพลงเสียงดังให้มันหนวกหูบ้างล่ะ แกล้งขับรถเลยบ้านมันบ้างล่ะ แต่...มันก็สนุกดีนะครับ
ครั้งที่สองที่เจอ มันลงทุนมาหาแอลถึงคณะพร้อมขนมจากบ้านมัน ทั้งที่ผมแหกปากตะโกนใส่หน้ามันตั้งแต่คราวแรก ว่าผมเป็นคนช่วยมัน ถึงปากจะบอกว่าช่วยแอลก็เถอะ ความจริงผมรู้ว่าแอลจัดการสบายมาก แต่ด้วยนิสัยของผม ผมไม่เคยปล่อยให้มันมีเรื่องเองอยู่แล้ว แทนที่มันจะเอาขนมมาขอบคุณผม ดันเอามาให้แอล
ผมเพิ่งรู้เหตุผลที่มันแวะมา เพราะว่าเดี๋ยวมันจะมีมีนัดเรียนกับติวเตอร์ต่อที่สยามพารากอน ผมขับรถตามมันก่อนจะบังคับลากมันขึ้นรถมาด้วย แล้วก็ยัดเยียดตัวเองไปนั่งอยู่แถวที่มันเรียนพิเศษ บังคับพามันกลับบ้าน โดยบอกว่า ไม่อยากตามไปช่วยทีหลัง ถ้าเกิดมันโดนใครฉุดไป
ครั้งที่สาม ผมไปรับมันที่โรงเรียน บังคับลากมันกลับบ้านด้วยอีกตามเคย คราวนี้ผมตามเข้าไปถึงร้านมันเลยครับ แม่มันโคตรใจดี ผมเลยเนียนบอกแม่มันว่า ผมเองก็เรียนวิศวะอยู่ ถ้ามันไม่รังเกียจ ผมจะสอนฟิสิกส์ให้มันก็ได้ มันจะได้ไม่ต้องไปเรียนกับติวเตอร์
แม่มันจะว่ายังไงล่ะครับ นอกจากสนับสนุน แถมยังบอกให้มาสอนที่ร้านได้เลย แม่มันจะให้ผมคิดค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงเหมือนติวเตอร์ ผมเลยขอเป็นขนมนมเนยที่ร้านทุกครั้งที่มาสอนละกัน โดยผมจะเริ่มสอนมันตอนเทอมสองเนี่ยแหล่ะ
ผมทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่นาน แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจ วันที่นัดกันมากินเหล้าที่คอนโดพี่จอม พี่เภาถามผมเรื่องมัน ผมเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะรู้ว่าพี่เภาคงไม่สั่งอะไรบ้าบอแน่นอน ที่ไหนได้ ผิดคาด พี่เภาสั่งให้ผมโทรไปบอกรักมัน
ผมก็ทำตามที่พี่เภาสั่ง สำหรับผมมันก็เป็นแค่การเล่นเกมส์เพื่อความสนุก มันเองก็น่าจะรู้ แต่ทำไมตอนมันด่าผม วางสายใส่ผม ผมถึงวูบโหวงในอก
...ถึงจะเป็นเกมส์ แต่มันก็เป็นคนแรกที่ผมเอ่ยปากบอกรัก คู่ควงที่ผ่านมา ผมไม่เคยบอกรักใครหรอกครับ....
.
มันสมัครมาค่ายของคณะผมพร้อมกับภามด้วยครับ พอมันแนะนำตัวก็เหมือนวันแรกที่แอลมามหาลัย พวกรุ่นพี่ รุ่นเดียวกันมองเป็นตาเดียว แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าจีบแอล ได้แต่แอบมองด้วยความเสียดาย เจ้าของมันเล่นประกาศกร้าวแสดงความเป็นเจ้าของ แถมพี่เภามันยังโหดตัวพ่ออีกต่างหาก
ตอนนั่งฟังเพื่อนร่วมรุ่นผมชมมัน ผมโคตรหงุดหงิดเลย ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมัน แต่ผมก็ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมัน ผมเป็นคนเจอมันก่อนนะ แต่ช่วงที่อยู่ค่าย ผมก็แทบไม่มีเวลาตอแยหรือแกล้งมันอย่างเคยหรอกครับ น้องพลอยเล่นตามติดผมแจ
ตอนน้องพลอยมาถามว่าผมมีแฟนหรือยัง ผมดันนึกถึงหน้ามันขึ้นมา และตอบไปว่า...มีแฟนแล้ว
ผมเริ่มไม่แน่ใจตัวเอง ผมอาจจะชอบมันเข้าแล้ว
พอเริ่มเข้าอาทิตย์ที่สองของค่าย ผมที่โดนน้องพลอยประกบ จนแทบกระดิกตัวไม่ได้ ยิ่งหงุดหงิดจนแทบบ้า ตั้งแต่วันที่พี่เภามาส่งแอลช้า จนพี่เจตน์ส่งพี่ครามมาดูแลกลุ่มผมแทน เหมือนพี่ครามกับมันจะสนิทกันมากขึ้น
ผมไม่ชอบเวลาเห็นมันคุยกับพี่ครามแล้วยิ้มหรือหัวเราะให้กัน
ผมไม่ชอบเวลาพี่ครามลูบหัวมัน ผมไม่รู้ว่าพี่ครามเลิกชอบแอลหรือยัง หรือพี่ครามจะเปลี่ยนมาชอบมัน
ผมอยากจะคุย อยากจะเคลียร์กับมันให้รู้เรื่อง แต่ผมก็ต้องมาปวดหัวเรื่องที่แอลมันไปถ่ายแบบด้วย สุดท้ายผมก็ไม่ได้คุยกับมัน เพราะผมต้องลากเอาไอ้ภามกลับบ้านด้วย
ตอนเช้า...ผมไปรับมันเหมือนทุกที ก่อนจะโมโห ตอนที่แม่มันบอกผมว่า
‘จีนออกไปแล้วนะเวย์ เห็นมีรุ่นพี่ที่ค่าย ที่ชื่อครามอะไรเนี่ย มารับออกไป’
กลายเป็นว่าพี่ครามมันมาแย่งหน้าที่ผม มารับมาส่งมันแทนผม ให้ตายเถอะ...ผมไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดและกระวนกระวายขนาดนี้มาก่อน แค่รู้จักกันไม่นาน มันก็เข้ามามีอิทธิพลกับผม
มันไม่เคยวิ่งตาม มันไม่เคยตอแย มันไม่เคยเข้ามายุ่งกับผมก่อน เป็นผมตลอด...ที่เป็นฝ่ายเข้าหามัน อยากมีตัวตนในสายตามัน จนผมเริ่มสงสัยว่า...หรือมันจะเกลียดผม แต่คำพูดที่มันคุยกับแอล ก็ทำผมตาสว่าง
‘พี่แอลรู้แล้วใช่ไหมครับ ว่าผมชอบพี่เวย์มาตั้งนานแล้ว’
‘แล้วมึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่เหรอ?’ ผมถามมันเสียงห้วน แล้วกระชากมันออกมาเลยครับ
ถ้าผมไม่บังเอิญได้ยิน ผมคงไม่รู้ แล้วนอกจากแอลแล้ว ยังมีใครรู้อีกบ้าง ผมลากมันจนมาถึงลานจอดรถ ผลักมันจนหลังมันแตะรถของผม ก่อนจะเท้าแขนคร่อมตัวมันเอาไว้
“มึงมีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า” ผมถามมันเสียงเรียบ
“อยากรู้อะไรก็ถามมาดีกว่า” มันจ้องตาผมกลับ ไม่มีลดละ
มันโคตรกล้า ทั้งที่กำลังตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบและเป็นรองผม แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมมัน ผมจะต้องรู้ทุกเรื่องที่อยากรู้ ผมไม่อยากเป็นคนโง่ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรซักอย่าง
“มึงเริ่มชอบกูเมื่อไหร่”
“คริสต์มาสสองปีที่แล้ว ผมไปงานโรงเรียนกับภาม”
“แล้วมึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่”
“เมื่อพี่รู้สึกเหมือนผม”
“มึงเห็นกูเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรล่ะสิ”
“เปล่า ผมไม่ได้เห็นพี่เป็นคนโง่ แต่ผมกลัวพี่เห็นผมเป็นคนโง่ต่างหาก”
“ทำไม...”
“เพราะผมชอบผู้ชายเหมือนกัน แถมชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ตลกดีไหมล่ะ”
ผมอึ้ง พูดไม่ออก มันพูดเสียงเรียบ ไม่กวนประสาทเหมือนทุกที ดวงตาของมันก็จริงจัง จนผมกลัวใจมัน ทั้งที่คิดว่าผมชอบมันแล้ว แต่พอเห็นดวงตาของมัน ผมรู้เลยว่า...ตอนนี้ผมคงยังชอบมันไม่เท่าที่มันชอบผมอย่างแน่นอน
“ถ้าชอบกูแล้วไปยุ่งกับคนอื่นทำไม กูไม่ชอบ”
“ใคร?”
“ไอ้พี่คราม ทุกทีกูก็ไปส่งไปรับ ทำไมเดี๋ยวนี้ไปกับมัน ทำไมตัวติดกับมันตลอด”
“แล้วระหว่างผมกับพี่...เราเป็นอะไรกัน”ผมนิ่งไปเลย ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ผมเพิ่งรู้ตัวว่าชอบมัน ระหว่างเรายังไม่มีสถานะระหว่างกัน คำว่า
‘แฟน’ ที่ผมหวงแหนหนักหนา...จะใช่มันหรือเปล่า?
มันมองผมเต็มตา ก่อนจะพูดช้า ชัด แต่กระแทกเข้ากลางใจจนผมจุก
“อย่ามาหึง อย่ามาหวงผม ถ้าพี่ยังไม่มั่นใจความรู้สึกของตัวเอง ผมไม่อยากสำคัญตัวผิดแล้วมาเสียใจทีหลัง พร้อมจะให้คำว่า ‘แฟน’ กับผมเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันดีกว่า ผมไม่อยากเป็นเหมือนคู่ควงที่ผ่านมาของพี่”ผมอยากจะตอบมันออกไปว่า...ไม่ ไม่เหมือน มันไม่เหมือนคู่ควงที่ผ่านมาของผม เพราะผมไม่เคยตอแยใคร แต่ผมก็ได้แต่นิ่งงัน ปล่อยให้มันสะบัดตัวหลุดแล้วเดินหนีผมไป ถ้าผมตาไม่ฝาด...เหมือนน้ำตามันจะไหล
.
.