ตอนที่ 5 ความซวยที่ทับซ้อน
“แม่ที่รัก” ทำตาปริบๆ เช็ดไม้เช็ดมือที่เปียกน้ำล้างจานกับกางเกงก่อนจะเข้าไปโอบเอวพระมารดาร่างท้วมสุดที่รัก
“อย่ามาตอแหล ขนลุก” ป้าด แม่ด่าลูกชายซะแต๋วแตกเลย
“พี่สองบอกแม่ถูกหวย ถามหน่อยๆ เยอะพอซื้อรองเท้าใหม่ให้สามได้สักคู่มั้ยอ่ะ”
“หือ...” แม่ก้มมองหน้าผมที่อยู่เหนือเอวท่านขึ้นไปหน่อย “ไม่จำเป็นต้องรอถูกหวย ถ้าแกอยากได้ฉันก็ซื้อให้ได้ แกนี่นะตาสาม หัดเกรงใจให้มันน้อยหน่อยไม่ได้ไง นี่แม่แกนะ” จ้า รู้จ้ะว่าแม่ ผมปล่อยแขนออกมายืนยิ้มแฉ่ง หน้าบานเป็นกระด้ง
“งั้นขอผ้าใบแจ่มๆ เจ็บๆ สักคู่นะแม่”
“ไม่เกินสองพัน” ตัดราคาได้อีกครับ นี่แหละแม่ผม!
“สักนิด” ผมแกล้งทำนิ้วต่อรอง
“ขาดตัวไอ้สาม อย่ามาเยอะกับแม่” เป็นอันจบ โอเคร๊~
“ก็ด่ะ ว่าแต่วันนี้เด็ดแม่จะพาลูกๆ ไปเสวยอาหารที่ไหนล่ะ”
“ข้างนอก...” แม่หรี่ตามองกองจานชามที่ล้างเสร็จ “ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะดึกซะก่อน”
“ครับ คุณนายวันดี” ขโมยหอมแก้มแม่ไปหนึ่งที *ฟืดดด* ชื่นจาย แล้วเดินผิวปากลั่นลามาอาบน้ำตามสั่ง แต่ด้วยความที่ห้องน้ำมีห้องเดียวและบ้านนี้มีผู้หญิงเป็นใหญ่ การอาบน้ำนานจึงไม่ใช่วิสัยของผมเสียสักเท่าไหร่ ถ้าเมื่อต้องเจอกับเสียงทุบประตูรัวๆ ของบรรดาพี่สาวทั้งสองทุกวัน
แต่งตัวในชุดสบายๆ กางเกงยีนตัวหลวมโพกกับเสื้อยืดคอยวยสีกระดำกระด่างออกมานั่งกระดิกเท้ากินไอติมรอสาวๆ เขาเสริมเติมแต่งความงามให้ครบเซ็ท ซึ่งไม่ต่ำกว่าชั่วโมงแน่ๆ หมอสามขอคอนเฟิร์ม
*ตึงๆๆ* เสียงวิ่งลงบันใดบ้านพร้อมกับศรีษะซือเจ๊โผล่ลงมาให้เห็น
“สาม ไปเซเว่นให้ที” อย่าคิดว่าเป็นคำร้องขอ จงคิดว่าเป็นคำสั่งหากไม่กระทำตามมีน้ำตานอง
“ให้ไปซื้อไรอ่ะ” ถามไปกัดติมไป อร่อยเลิศ
“ครีมรองพื้น”
“ของไร?”
“อะไรก็ได้ เอามาก่อน”
“ไม่ขอของแม่ใช้ก่อนอ่ะ”
“ของแม่ก็หมด เอ้าขึ้นมาเอาตังค์ไป” พี่หนึ่งยื่นแบงค์ห้าสิบให้
“ไม่ต้องทอนป่ะ” ผมยักคิ้วขำๆ
“เหลือก็เอาไป เร็วๆ ด้วย” วางตังค์แปะใส่มือแล้วกระโดดหายขึ้นไปข้างบน ผมก้มมองแบงค์ห้าสิบในมือก็ยิ้มกริ่ม เสร็จโก๋ อ๊ะคึๆ
“จี๊กโก๋บ้านนอกตัวน้อยข้าด้อยเหมือนแมงง่องแง่ง งานวัดงานวามีหมอลำมาแสดง ก็ไปเต้นกาเต้นแห้งที่หน้าห้างหมอลำฮาเฮ….บลาๆๆๆ”
จับอีแตะส้นสึกปั่นจักรยานรุ่นคุณปู่แหกปากร้องเพลงมาประมาณครึ่งกิโลเมตร ยังไม่ทันหักเลี้ยวเข้าเซเว่นก็หันไปเจอเด็กป้อ เอ้ย! น้องฝนที่ไอ้เป้มันกำลังตามจีบยืนยื้อหยุดฉุดกระชากอยู่กับผู้ชายที่นั่งในรถ Suzuki Swift สีแดง เห็นท่าทางไม่ดี บรุษศรีสังคมที่ถูกครอบครัวสอนมาให้ชอบช่วยเหลือสตรีอย่างผม จึงต้องทำการบากหน้าเหียกๆ เข้าไปช่วย
“พี่สาม!” ฝนตกใจตาโต ปล่อยกระเป๋าสะพายใบหรูที่ยื้อหยุดฉุดกระฉากกับคนในรถทิ้งทันที
“ไอ้เหี้ย!” บรุษนิรนามในรถสบถดังยิ่งกว่า เบนสายตาให้ผมไปบรรจบ ‘ชิบหาย’ คำสั้นๆ คำนี้ดังก้องอยู่ในใจ
“มึงสิเหี้ย มาฉุดผู้หญิงสถาบันเดียวกันแบบนี้น่ะ” ผมว่าไอ้หมาเดย์
“ฉุดพ่อง!!” มันสวนพร้อมกับเปิดประตูเดินอ้อมออกมายืนสูงเลยหัวผม “มึงมาทำอะไรแถวนี้ แล้วมาเสือกยุ่งอะไรเรื่องของชาวบ้านเขาห๊ะ” เอาจริงๆ ถ้ารู้ว่าเป็นมึงนะ กูจะยอมเป็นคนบาปปล่อยให้ผู้หญิงหน้าตาดีๆ โดนฉุดเลยเฮ้ย
“ก็นี่รุ่นน้องที่คณะกู กูเห็นเขากำลังลำบากกูก็ต้องช่วยดิ แล้วแถวนี้ก็บ้านกูเว้ย” ผมคว้าแขนฝนให้มายืนหลบข้างหลัง ไอ้หน้าหล่อนี่จะสูงไปไหนวะ ตัวก็หนาปานควายเผือก
“บ้านมึง?” ไอ้เดย์เลิกคิ้วพลางหันมองรอบๆ แล้วหันกลับมาทำหน้ากวนตีนใส่ผม
“มีปัญหาไง” ผมทำหน้าเอาเรื่อง
“ก็เปล่า” มันยักไหล่แล้วมองเลยผมไปที่ฝน “วันนี้กลับบ้านด้วยฝน”
“ฝนไม่กลับ พี่เดย์อยากกลับก็ไปเองสิ”
“ไม่ได้!” มันบอกเสียงดัง ทำเอาคนข้างหน้าอย่างผมสะดุ้งไปกับคนข้างหลัง อยู่ใกล้แค่นี้มึงจะแหกปากเพื่อ? กูตกใจ
“ไอ้พี่เดย์บ้า ไอ้พี่ปัญญาอ่อน ฝนบอกไม่กลับก็ไม่กลับสิ จะให้ฝนกลับไปเจอยัยนั่นฝนไม่ไปหรอก ฝนเกลียดมัน!!”
“ฝน!!”
“เอ่อ...”
“พี่เดย์!!”
“คือ...”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้!” ไอ้เดย์กระชากแขนฝนไปจากมือผมที่ตั้งใจจะหาจังหวะพูดแทรก
*ผั่วะ* จัดหมัดขวาเพียวๆ ซ้ำรอยเขียวตรงมุมปากที่ผมทำทิ้งไว้เมื่อตอนบ่ายให้ไปอีกดอก ตัวฝนที่ถูกกระชากปลิวไปโดนรถเปิดปากจะโวยวายมีอันต้องรีบยกมือขึ้นยั้งเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจ
“ไอ้หน้าตัวเมีย อย่าทำรุนแรงกับผู้หญิงสิวะ!!” ต่อยไอ้เดย์ไปแล้วก็กำๆ คลายๆ ด้วยความเจ็บ แม่ง! คนเหี้ยไรหน้าแข็งชิบเป้ง
“ไอ้!!” มันเงื้อหมัดจะชกผมกลับ ฝนรีบกระโดดสุดตัวเข้ามาเกาะแขนข้างนั้นไว้ทันที
“พี่เดย์ อย่าทำพี่สาม!!”
“น้องฝนไม่ต้องไปห้ามมัน พี่ไม่กลัวหรอก” จริงๆ อ่ะโคตรกลัว ใจนี่เต้นรัวเลยครับ
“ใช่ฝน ปล่อยพี่ ไอ้เหี้ยนี่ถ้าไม่เจ็บมันไม่สำนึกหรอก ปล่อย!!”
“ไม่ปล่อย พอแล้วพี่เดย์ ฝนกลับบ้านก็ได้” ฝนน้ำตาแตก กอดแขนไอ้เดย์แน่น
“มึง...” มันสูดหายใจเข้า พอผ่อนออกก็ใช้มือข้างที่ว่างชี้หน้าผมสั่นๆ อย่างคนเก็บกด “พรุ่งนี้เจอหนักแน่” ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้มันก็หันกลับไปก้มเก็บกระเป๋าของฝนที่ตกอยู่บนพื้น
“พี่สาม ฝนไปก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย” ฝนบอกเสียงเศร้า น้ำตาคลอ
“แน่ใจนะ” ผมถามฝนพลางเหลือบมองไอ้เดย์ตอนนี้เดินกลับเข้าไปนั่งรอในรถ
“อื้อ ขอบคุณนะคะ” พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งก้มหน้า จากนั้นรถก็แล่นตัวออกไปด้วยความเร็ว ผมยืนงงกับเหตุการณ์สักพักก็เริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เหี้ย! นี่มันกลางเส้นทางสัญจรนี่หว่า วิ่งปรู๊ดข้ามถนนมาคว้าจักรยานที่จอดทิ้งไว้ควบกลับบ้านโดยไว และกว่าที่จะรู้ตัวว่าลืมอะไรไปบางอย่างก็สายไปเสียแล้ว
“ไอ้สาม!!” พี่หนึ่งยืนกอดอกถือไม้กวาดรออยู่หน้าประตูบ้าน กระโกนเสียงแหลมฝ่าอากาศ
“เวรล่ะกู!” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อครีมรองพื้นให้เจ๊ใหญ่ มือเจ้ากรรมก็ดันกำเบรกพอดี
*เอี๊ยดดดดดด โครมมมม!!!* ทั้งถังขยะเขียวทั้งคนและรถจักรยานนอนรวมเป็นกองเดียว เหนื่อยกับตอนนี้ คนเขียนไม่อยู่ ตัวลายมือท่านแกะยากมาก (หนีไปเล่นสงกานเชียงใหม่เฉย เค้าอยากไปด้วยอ่ะตัว )
เหลือในสต็อกอีก สาม สี่ตอนมั้ง ไม่แน่ใจ เพราะไม่เป็นระเบียบ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ