พี่...ดื้อ”
ผมมองคนที่นอนเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่หน้าทีวีตาค้าง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอเขาอีกครั้งนับตั้งแต่ที่เขาหายไปเที่ยวลาวตอนที่ผมยังเป็นครูฝึกสอนที่พิษณุโลก อะไรไม่ว่า ทำไมจู่ ๆ ถึงโผล่มาที่คอนโดฯ ผมกับธารแบบนี้?
ยังไม่ทันจะได้คำตอบ คนถูกเรียกเหลือบมามองผม ใบหน้าคร้ามยังคงความหล่อเหมือนเดิมไว้ทุกระเบียดนิ้ว ทำเอาคำถามเมื่อครู่ถูกกลืนลงคอไป ให้ตาย... พี่ดื้อฮ็อตกว่าเดิมหลายเท่าตัวด้วย ยิ่งในเวลานี้ที่เขาไม่ได้สวมเสื้อ โชว์ซิกส์แพ็คกับผิวสีแทน ๆ ให้เห็นเต็มสองตา มีเพียงกางเกงขาสามส่วนตัวเดียวเท่านั้นที่บดบังช่วงล่างอยู่ เขาก็ดูฮ็อตปรอทแตกจนผมแทบจะเหงื่อแตกพลั่ก แล้วเขาก็ดึงสติผมไปทันทีที่ทักผมกลับ
“ไงเหนือ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“คะ...ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย หลายปีเลยเนอะ”
อยากจะต่อท้ายประโยคด้วยว่า ‘แซ่บขึ้นเป็นกองเลยนะครับ ขอเลียปาดสักที แผล่บ ๆ ๆ ’ แต่ไม่เอาดีกว่า ธารนั่งอยู่ข้าง ๆ มองตาเขม็งเลย เดี๋ยวชีวิตจะหาไม่เอา ที่สำคัญ ผมต้องถามเขาสิเนอะว่ามาทำอะไรที่นี่ ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ติดต่อกันมาตั้งหลายปี จู่ ๆ โผล่มามันก็แปลก ๆ
ผมเลยรีบเก็บอาการ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าปกติ๊ปกติเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตว่าผมเกือบน้ำลายไหลเพราะเขา ยิ่งไปกว่านั้น ต้องไม่ให้ธารผิดสังเกตด้วยว่าผมเผลอคิดไปว่าพี่ดื้อดูแซ่บ
“แล้วพี่ดื้อมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ มาหาธารเหรอ?”
เดาว่าเป็นอย่างนั้น ก็นั่งเล่นนอนเล่นอยู่กับธารนี่นา
“เปล่าหรอก” พี่ดื้อตอบพลางอมยิ้ม
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยไม่เข้าใจ เท่านั้นธารก็ตอบแทน
“จู่ ๆ วันนี้พี่ดื้อก็โทรมาหาธาร บอกว่าขอค้างด้วยคืนนึง พอดีมีธุระต้องทำที่กรุงเทพฯ น่ะ ธารก็เลยพามา ขอโทษนะพี่เหนือที่ไม่ได้บอกก่อน”
ผมร้องอ๋อ โบกมือบอกปัดเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร พอเข้าใจได้ละว่าเขามาที่นี่กะทันหัน ไม่ได้นัดธารไว้ ธารเองก็ไม่ทันได้ตั้งรับเหมือนกัน มันเลยกลายเป็นภาพที่ผมเห็นในตอนนี้
“แล้วพี่ดื้อมาทำธุระอะไรเหรอครับ”
ผมเดาไปแล้วว่าคงจะเป็นเรื่องงาน แต่เอ... เคยได้ยินจากจอมแก่นว่าพี่ดื้อก็ยังทำร้านนมอยู่นี่นา ไม่น่าจะเป็นเรื่องงานแฮะ หรือจะมาเที่ยว?
“พี่มารับแฟนน่ะ”
แล้วคำตอบของเขาก็ทำให้ผมเบิกตาโพลง
“แฟนเหรอ?”
เออสิ แฟนเหรอ? แฟนไหน ไม่เห็นเคยรู้เลยว่าพี่ดื้อมีแฟนแล้ว!?
พี่ดื้อพยักหน้าให้กับคำถามของผมเมื่อกี้ ยิ้มหน้าระรื่นทันควัน
“ใช่ แฟนพี่ชื่อปั้นรักน่ะ เพิ่งบินมาจากลาว ถึงไทยหมาด ๆ นี่เอง ที่พี่มากรุงเทพฯ ก็มารับปั้นนี่แหละ”
ผมพยักหน้ารับแบบอึ้ง ๆ เข้าใจละว่าทำไมพี่ดื้อถึงมาที่กรุงเทพฯ มารับแฟนที่สนามบินดอนเมืองนี่เอง ความจริงให้แฟนบินต่อไปที่พิษณุโลกก็ได้ จะลำบากมารับทำไม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เอาแต่งุนงงเมื่อได้ยินชื่อแฟนของพี่ดื้อ
ชื่อปั้นรัก... แฟนพี่ดื้อเป็นผู้หญิง?
งงไปเลย เท่าที่จำได้ พี่ดื้อเป็นเกย์นี่หว่า แล้วจู่ ๆ มีแฟนเป็นผู้หญิง อย่าบอกนะว่ากลับใจแล้ว?
ไม่ทันจะได้ถามให้หายข้องใจว่าพี่ดื้อกลับใจแล้วจริงหรือเปล่า เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น เรียกให้ผมหันไปมอง แล้วก็ต้องอึ้งงันไปอีกระลอกเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูง วัยไล่เลี่ยกับผมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ ผิวขาวเนียน ซิกส์แพ็คเป็นมัด ๆ กับใบหน้าจิ้มลิ้มได้รูปทำเอาผมแทบจะปรี่ไปเลียปาด
หูย... โคตรหล่อ หล่อแบบกวน ๆ ดูทะเล้นขี้เล่น น่ารักน่าชัง
แต่ก็ต้องเก็บอาการ ระริกระรี้ที่เห็นผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่ในห้องตัวเองไม่ได้ ออกนอกหน้ามากไปเดี๋ยวโดนธารกระทืบเอาเพราะตอนนี้ธารจ้องผมเขม็งเลย
“แล้วนี่...”
ตั้งสติได้ก็อ้าปากจะถามว่าหนุ่มหน้ามนคนนี้เป็นใคร ทว่าผมก็โดนอีกฝ่ายชิงถามไปก่อนแล้ว
“ไผนิ? (ใครเนี่ย)”
ไม่ได้ถามผมด้วย ชี้นิ้วมาทางผมแล้วหันไปถามพี่ดื้อ
พี่ดื้อยิ้มกว้าง บอกมาสั้น ๆ “พูดภาษาไทยสิปั้น เดี๋ยวเหนือไม่เข้าใจ”
ยะ...อย่าบอกนะว่านี่ปั้นรัก แฟนสาวของพี่ดื้อที่ผมเข้าใจในตอนแรกน่ะ!? ซิกส์แพ็คมาเต็มขนาดนี้ ไม่ใช่แฟนสาวละ ต้องเรียกแฟนหนุ่ม!
“เหนือ นี่ปั้นรักนะ แฟนพี่เอง แล้วนี่ก็เหนือ คนที่พี่เคยเล่าให้ฟัง”
ไม่ทันไร พี่ดื้อก็แนะนำตัวผมกับปั้นรักเสร็จสรรพ ผมหันไปมองปั้นรักที่จ้องผมพลางย่นคิ้วมองผมอยู่ ก่อนจะยิ้มให้ ทำหน้าตาเป็นมิตรสุด ๆ
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ปั้นรักไม่ตอบรับคำทักทายของผมแต่อย่างใด เอาแต่จ้องเขม็ง คราวนี้ไม่จ้องเปล่าด้วย มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมที่ตัวเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อยรู้สึกเหมือนถูกมองเหยียดยังไงไม่รู้ แล้วก็จริงซะด้วยเมื่ออีกฝ่ายว่าขึ้นมา
“เตี้ยแคระ หน้าตาเหมือนเจ๊กหลงกรุงงี้น่ะเหรอที่อ้ายไปหลงหัวปักหัวปำตั้งนานน่ะ”
พูดเป็นภาษาไทยปนลาว ผมเข้าใจได้อย่างชัดเจน...
ชัดเจนว่ามึงด่ากูนี่หว่าไอ้ปั้นรัก!
สิ้นเสียงปั้นรัก พี่ดื้อกับธารก็หัวเราะตัวงอ ก่อนพี่ดื้อจะออกปากห้าม
“ไม่เอาน่า เหนือเค้าก็น่ารัก”
ปั้นรักไม่พูดอะไร แต่เบ้หน้าใส่ผม ใบหน้ากวน ๆ เป็นทุนเดิม ตอนนี้ดูกวนเข้าไปใหญ่ พลันอีกฝ่ายก็เดินไปหาพี่ดื้อ โดดขึ้นไปนั่งตัก กอดคออีกฝ่ายหมับ ปากก็ว่ารัว ๆ
“ข้อยน่าฮักกว่าหลาย เนอะอ้าย (ผมน่ารักกว่าเยอะ เนอะพี่)”
คราวนี้เป็นผมบ้างละที่เบ้ปากรัว ๆ
โอ้โห มึงก็ชมตัวเองได้ไม่ดูขนาดตัว ตัวอย่างถึก ขึ้นไปนั่งตักพี่ดื้อที่ตัวถึกพอกัน มึงคิดว่ามันคงน่ารักตะมุตะมิมากสินะ โอ๊ย! แขยง!
รังเกียจขึ้นมาทันที หมั่นน้ำหน้าอะไรแบบนี้ อยากจะร้องเป็นเพลงแล้วไปพ่นใส่หน้ามันรัว ๆ ดีที่พี่ดื้อพูดขึ้นมาก่อน
“ปั้นก็ขี้แกล้งแบบนี้แหละเหนือ ไม่ต้องไปใส่ใจ แค่หยอกน่ะ”
“ครับ” ผมกัดฟันตอบรับ ยิ้มเกร็งจนหน้านี่แทบจะตะคริวกิน ขณะที่พี่ดื้อหันไปดุปั้นรัก
“ปั้นก็อย่าใจร้ายกับเหนือนัก เรามาขอเค้าพักนะ”
“I’m not mean. I’m honest. (ไม่ได้ใจร้าย แค่จริงใจ)”
ปั้นรักตอบกลับในทันที คราวนี้ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันจ๋า คงคิดว่าผมฟังไม่ออก แต่ขอโทษเถอะ เข้าใจชัดแจ้งแดงแจ๋เลยล่ะ แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมหงุดหงิดเท่าท่าทางยักไหล่ ยักคิ้วหลิ่วตาประหนึ่งว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่มันพูดออกไปแบบนั้น
จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ แต่อย่างน้อยแฟนมึงก็เคยชอบกูมาก่อนเว้ย! กูเคยอ่อยแฟนมึง เคยชวนไปแซ่บด้วย แต่แฟนมึงไม่เอา!
แต่เอ... เรื่องนี้ไม่ควรไปเกทับ ธารเริ่มจ้องเขม็งอีกละ ควรเก็บปากเก็บคำไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เดี๋ยวธารรู้ว่าเมื่อก่อนผมเคยอ่อยพี่ดื้อจะเป็นเรื่องอีก
ขอโทษนะครับน้องธารที่พี่เหนือปิดบัง แต่อดีตก็คืออดีต ผ่านไปแล้วก็ปล่อยไปเนอะ