40% Loading >>>
แทนคุณมาส่งผมที่หอพักนิสิตตอนช่วงเก้าโมงเช้า เพราะเขามีเรียนตอนเก้าโมงครึ่ง ผมเดินยิ้มสบายอารมณ์อย่างคนอารมณ์ดีจนมาถึงหน้าห้องของตัวเอง ยังไม่ทันได้เปิดประตูคนในห้องก็เปิดผลัวะออกมาจนผมสะดุ้งด้วยไม่ทันตั้งตัว
“อ้าว เก็ต”
“เออ กูเอง ไมเมื่อคืนไม่กลับห้องวะมึง” เก็ตในสภาพชุดนิสิตเรียบร้อยที่ผูกเนคไทอย่างถูกระเบียบเป๊ะทั้งที่เทศกาลรับน้องจบลงไปแล้วตั้งแต่คืนวันเฟรชชี่ไนท์ ซึ่งปีหนึ่งหลายคนเลยไม่จำเป็นต้องใส่เนคไทไปเรียน
“อ๋อ วันนี้หลังเลิกเรียนมีพิธีผูกข้อไม้ข้อมือของคณะกูน่ะ แล้วก็ทำพิธีปลดไทใส่ช็อปของวิศวะด้วย กูเลยต้องแต่งเต็มยศ” ผมพยักหน้ารับในระหว่งที่เก็ตเบี่ยงตัวให้ผมเข้าห้อง
“เออ กูมีเรื่องจะถามว่ะ” ผมวางของในมือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือฝั่งตัวเอง พลางหันไปมองเก็ตที่ยังไม่ออกจากห้องแต่จับลูกบิดประตูค้างเอาไว้อยู่
“กูเห็นเพจมหา’ลัยในเฟซฯ กับสาวๆในคณะกูเขาเม้าท์กันเรื่องมึง”
“เรื่องกู” ผมชี้นิ้วใส่ตัวเอง ไอ้เก็ตพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ
“ก็เรื่องมึงกับคู่จิ้นตอนนี้ที่กำลังดังมากๆเลยไง เห็นว่ามีเพจส่วนตัวด้วยนิ”
“ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“เออ พอผู้หญิงคณะกูแม่งรู้ว่ากูเป็นรูมเมทมึง พวกมันเลยฝากกูมาชวนมึงไปแดกข้าวที่โรงอาหารวิศวะบ้าง” ผมหัวเราะกับคำพูดของเก็ต
“ถ้าวันไหนมึงว่างก็แวะไปบ้างละกัน ไลน์มาบอกกูก่อนนะแล้วกูได้บอกพวกนั้นให้เตรียมตัว”
“เออ ขอบใจนะมึงที่มาบอก”
ไอ้เก็ตเดินออกจากห้องไปแล้วทิ้งให้ผมอยู่ในห้องแค่คนเดียว วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงบ่ายตั้งแต่บ่ายโมงถึงสี่โมงเย็น ตอนนี้เลยมีเวลานอนต่อ ผมเลยไม่รอช้าที่จะปีนขึ้นบนที่นอนตัวเอง ตื่นมาอีกทีก็เกือบบ่าย ผมถึงรีบอย่างกับไฟลนก้นเพื่อไปให้ทันเข้าคาบเรียนแบบฉิวเฉียด
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างแทนคุณกับโรมไปแล้ว สำหรับผมแล้วถือว่าโอเคขึ้นมาก อย่างน้อยผมก็ได้รับรู้ในสิ่งที่แทนคุณไม่เคยคิดจะบอกใคร ผมเข้าใจในเรื่องที่โรมพยายามบอกผมทั้งหมด นั่นเพราะไม่ว่าแทนคุณจะรู้สึกดีกับโรมมากขนาดไหน ต่อให้อยากกลับไปอยู่เคียงข้างในฐานะคนเคยคบกัน แม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่สำหรับโรมแล้วฐานะของแทนคุณเป็นได้แค่เพื่อน โรมถึงได้พยายามให้ผมเข้าใจว่าเรื่องของโรมและคุณมันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
มองจากมุมของผมแล้ว ก็รู้สึกสงสารทั้งคุณและโรมนะ แต่ปัญหาของใครคนนั้นก็ต้องแก้ เหมือนกับปัญหาของผมที่กำลังเผชิญอยู่ ผมอาจจะไม่มั่นใจในตัวเอง แต่เมื่อทุกคนเชื่อว่าผมทำได้ ผมก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
อย่างน้อย ผมก็จะถือว่าผมได้พยายามทำแล้ว
หลังเลิกเรียนผมยังคงเป็นยูผู้โลกส่วนตัวสูง หนึ่งในสมาชิกสายประหลาดที่สามารถคุยกับทุกคนได้แต่ไม่ไปไหนมาไหนด้วยถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ผมถึงได้โบกมือลาเพื่อนร่วมคณะหลังเลิกวิชาสุดท้ายแล้วปลีกตัวออกมาเดินคนเดียว
“อีเด็กยู!”
“อีเด็กทรยศ!”
เสียงประสานสองเสียงที่ดังก้องอยู่ใต้อาคารเรียนทำให้เท้าของผมชะงักหยุดอยู่กับที่ ก่อนจะหันไปเผชิญกับต้นเสียงที่ดังมาจากโต๊ะประจำของรุ่นพี่ปี 2 ที่มีสมาชิกสายประหลาดรวมตัวอยู่
“ไม่คิดจะทักทายพี่รหัสของมึงเลยรึไง”
“ย่ารหัสก็นั่งหัวโด่อยู่นี่เช่นกันนะคะ”
ผมรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะที่ทั้งพี่เปรียวและพี่ลูกหนูนั่งอยู่ ไม่พอเท่านั้นพี่เต็มพี่รหัสที่นานทีผมจะเห็นหน้าก็กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาจ้องไอแพดในมือแกไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสักนิดโดยที่สุมหัวอยู่กับพี่ดาด้าแฟนสาวของแกที่เรียนอยู่คนละเอก
“สวัสดีครับพี่ๆ”
“กองไว้ตรงนั้นเลยย่ะ” พี่ลูกหนูพูดพลางเชิดหน้าสะบัดปลายผมย้อมสีแดงเพลิงของเธอใส่ผมเป็นแอ๊คติ้งเสริม
“มานั่งนี่เลยอีเด็กยู” พี่เปรียวทอมหนึ่งเดียวในสายที่บอกแล้วว่าแกหน้าตาดีมากแต่เสียอยู่อย่างคือความสถุนที่ไม่มีใครเกิน
“พี่เปรียวเรียกยูเฉยๆดีกว่าครับ”
“ไม่ กูพอใจจะเรียกมึงแบบนี้ อียูเด็กทรยศ”
“พี่เปรียวอ่า”
“มึงเงียบหน่อยดิ กูแกะท่าไม่ถูก” เสียงพี่เต็มร้องขึ้นมา พร้อมกับพี่ดาด้าเงยหน้ามามองผมกับพี่เปรียวสลับกัน
“พวกมึงนี่ก็บ้า งวดนี้จะเต็มคัฟเวอร์อะไรล่ะ” พี่เปรียวถามแต่กลับไม่ได้คำตอบจากพี่เต็มและพี่ดาด้าเพราะกำลังจดจ่อกับการดูไลฟ์ในไอแพด พี่เปรียวถึงได้ละความสนใจในการเผือกแล้วหันมาทางผมแทน
“แล้วมึงน่ะ จะไปไหนเห็นเลิกเรียนแล้วก็รีบกลับตลอด”
“กลับหอพี่ ไม่ได้ไปไหนหรอก”
“กูนึกว่าจะรีบไปเฝ้าผัวเสียอีก”
“พี่เปรียว” ผมร้องเสียงหลงหลังจากได้ยินสิ่งที่พี่เปรียวพูดออกมา
“ผมกับแทนคุณยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะพี่” พี่เปรียวแค่ไหวไหล่ ก่อนจะหันไปหาเมียแกที่นั่งอยู่ข้างกัน
“เจอรี่ มึงเอาให้มันดู”
พี่ลูกหนูหยิบมือถือที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วส่งมาที่ผม ทำให้เห็นว่าหน้าจอของโทรศัพท์เปิดไฟล์วิดีโอทิ้งเอาไว้ พอกดปุ่มเพลย์ภาพมืดๆที่เห็นก็เริ่มสั่นและเป็นเงารางก่อนจะชัดขึ้นจนเห็นเป็นภาพเมื่อมีแสงลอดออกมาพอให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“พี่เปรียว พี่ลูกหนู....นี่มัน”
ภาพวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ประมาณเกือบสามนาทีจบลง ผมส่งโทรศัพท์คืนให้กับพี่ลูกหนูอีกที พี่เขาส่งยิ้มมาให้ราวล้อเลียนทำให้รู้เลยว่าผมกำลังถูกซักฟอกอีกแล้ว
“เป็นไง อีเด็กยูน้องรัก ยืนกอดกันแน่นขนาดนี้จะโกหกว่าไม่ใช่ผัวอีกไหม”
“พี่เปรียว! พี่ ผมพูดจริงๆว่าไม่ใช่ผัว เพื่อนกันพี่”
“เพื่อนกันไม่กอดกันกลมขนาดนั้นป่าววะ แล้วดูที่มึงซบอกมัน แล้วมันลูบหัวดิ มึงบอกกูมาเลยว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น”
ผมเม้มปากมองพี่สองคนสลับกัน ก่อนจะเลยไปยังพี่เต็มและพี่ดาด้าที่เงยหน้าจากการดูไลฟ์ในไอแพดแล้ว
“เมื่อวานพี่กับเปรียวจะไปหาอะไรกินที่ตลาด พอจอดมอ’ไซค์เสร็จ พี่ดันทำสร้อยข้อมือหลุดตอนถอดหมวกกันน็อค เลยก้มหากันอยู่นานสองนาน จนได้ยินเสียงคนคุยกัน พี่กับเปรียวเลยไปหลบอยู่หลังรถยนต์ที่จอดแถวนั้น พอเห็นว่าหน้าคุ้นๆแล้วสังเกตดีๆก็เห็นว่าเป็นยูกับแทนคุณกำลังคุยกัน พี่กับเปรียวเลยแอบอัดวิดีโอไว้อย่างที่เห็น”
“แสดงว่าพี่ได้ยินหมดเลยหรอ”
“ก็ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง”
“พอๆไม่ต้องอธิบายมันแล้ว มึงตอบกูมาเลย ว่ามึงกับแทนคุณนี่ขั้นไหนยังไง”
“ดาเห็นในเพจเขาจิ้นกันเยอะมากกกกก ไม่คิดว่า...”
“ยังพี่ยัง ไม่ถึงขั้นไหนหรอก เราเป็นเพื่อนกันจริง”
“เลิกตอแหลอียู มึงเคยไลน์มาถามกูอยู่ว่าถ้าจีบผู้ชายนี่ยากกว่าจีบผู้หญิงมั้ย พอกูเค้นถามมึงก็บอกกูว่ามึงชอบไอ้เดือนมหา’ลัย”
“กรี๊ดด จริงหรอเปรียว” เสียงพี่ดาด้าร้องลั่น
“ชะนีอย่ากรีดร้อง”
“อีเต็ม มึงด่ากูหรอ” แล้วพี่ดาด้าก็หั่นไปตบตีกับพี่เต็มต่ออีกที แต่ดูพี่เต็มจะชอบใจนะเพราะหัวเราะกรี๊ดๆวิ่งหนีไปเรื่อย
“ปล่อยอีคู่ประหลาดนั่นไป มึงตอบกูมาเลยอย่าอมพะนำ”
“พี่เปรียวอ่า....”
“กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้ามึงไม่บอก กูจะโทรฟ้องอีมิสเบล”
“หนึ่ง”
ผมอ้าปากค้าง ถ้าการที่เรื่องนี้เขาหูพี่อิสระหรือมิสอิสซาเบลล่ะก็...
“สอง”
ชีวิตอันแสนเสรีของผมที่จะได้ไปไหนมาไหนอย่างสะดวกจะถูกริดรอนไปขนาดไหน เพราะมิสอิสซาเบลแกอยากให้ผมเป็นเชียร์ฯตัวยอดคู่กับหญิงปลิวที่เป็นดาวคณะฯในงานกีฬาเฟรชชี่ แต่ผมยืนกรานปฏิเสธและได้เป็นแค่ทีมสวัสดิการ แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนพี่แชมีซึ่งผมไม่คิดว่าแกจะเป็นเพื่อนกับมิสอิสซาเบลมาบอกว่าได้ทาบทามผมไปเดินพาเหรด
มิสอิสซาเบลถึงได้ตามจ้องล้างแค้นผมอยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นแล้ว...
“สะ...”
“ยอมแล้วๆ พี่เปรียว ผมเล่าให้ฟังก็ได้”
“ต้องให้กูขู่นะมึง”
“แล้วพี่จะอยากเผือกเรื่องผมอะไรนักหนา”
“อ่อ นี่มึงด่ากูหรออีเด็กยู ได้เลย กูโทรหาอีมิสเบลเดี๋ยวนี้แหละ”
“ขอโทษค๊าบบบบบบบบบบบบบบ” ผมรีบยึดมือแกไว้ทันที พอเห็นแกมองปราดมาด้วยหางตาพร้อมยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิมผมก็หายใจได้ทั่วท้อง พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ไม่ต้องลีลา เล่ามากูรอฟัง”
ผมไม่มีทางเลือกให้เลือกอีกถึงได้แต่มองหน้าพี่ลูกหนูที่มองผมตาแป๋วอย่างรอตั้งใจฟังและพี่เปรียวที่มองอย่างกดดัน
“ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงจีบกันอยู่แค่นั้นแหละ”
“อะไรคือแค่นั้นแหละ เอาให้เคลียร์”
“ก็มันมีแค่นี้แหละพี่ คือแทนคุณบอกว่าอ่อยผมอยู่ แล้วอยากให้ผมจีบติด”
“อะไรของพวกมึง มีแบบนี้ด้วยหรอวะ” พี่เปรียวดูอารมณ์เสียเล็กน้อยเหมือนว่าคำตอบที่ผมบอกนั้นไม่เป็นที่ถูกใจ
“แล้วตอนนี้จีบติดยัง”
“ยังครับ” ผมตอบพี่ลูกหนูไป
“มันเล่นตัวหรอ”
“ไม่ใข่แบบนั้นพี่ คือ...ผมกับแทนคุณเพิ่งทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการไม่ถึงอาทิตย์ดี แถมเพิ่งมีกระแสเริ่มจิ้นคู่ผมอีก ถ้าเราจะตกลงเป็นแฟนกันเลยมันก็เร็วไป อีกอย่างแทนคุณเขาก็ไม่ได้ชอบผมแบบนั้นด้วย”
“ห๊ะ ไม่ชอบมึง แต่อ่อยให้มึงจีบเนี่ยนะ” ผมพยักหน้า
“มันเป็นผู้ชายแบบไหนวะ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่เปรียวกลับไป ได้แต่มองพี่เปรียวที่กำลังนั่งขบคิดอะไรสักอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แล้วมึงชอบมันมากแค่ไหน” พี่เปรียวหันมาถามผมอีกครั้ง ผมอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไงดี ในเมื่อเรื่องที่พี่เปรียวรู้จากผมมันแค่ผิวเผินเท่านั้นไม่ได้รู้ลึกเหมือนที่ผมเล่าให้อันอันกับว่านฟังเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจพี่เขานะ แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องเป่าประกาศให้รู้กันทั่วไม่ใช่หรือไง
“เออ ไม่ต้องตอบกูก็ได้ คำถามมันตอบยากนักหรอวะ แต่ช่างเหอะ เมื่อวานจากสิ่งที่กูเห็นและได้ยินคร่าวๆกูพอเดาออกว่ามึงคงรักมันมาก”
“ครับ”
“แล้วจะเอาไง มึงมีวิธีเด็ดๆจีบมันแล้วยัง” ผมส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตอบคำถามเรื่องนี้
“ความจริง ก็ใช้วิธีทั่วๆไป ไปวนเวียนใกล้ๆ หาของที่ชอบไปให้แบบนี้อ่ะพี่”
“เชยมาก” เสียงพี่ลูกหนูพูดขึ้นมา
“จริง เจอรี่มึงมีวิธีเด็ดๆไหม”
“เอาวิธีเดียวกับที่กูใช้จีบมึง ดีป่ะ” พี่ลูกหนูพูดตอบพี่เปรียว เล่นเอาผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน ผมเข้าใจมาตลอดว่าพี่เปรียวตามจีบพี่ลูกหนูนะแล้วทำไมมันถึง...
“มึงว่าอีเด็กนี่มันกล้าทำหรือไง เขาไม่แรดเหมือนมึงนะ”
“ห่าเปรียว กูจะถือว่านั่นคือคำชม”
“พะ...พี่ลูกหนูจีบพี่เปรียวก่อนหรอ” ผมถามออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พี่ลูกหนูปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต
“มันหมดยุคผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายตั้งรับแล้วนะคะ เดี๋ยวนี้บุกได้ต้องบุกค่ะ คว้าได้ต้องรีบคว้า” พี่ลูกหนูคว้าคอพี่เปรียวมากอดไว้แน่นแล้วกดจมูกหอมแก้มแกฟอดใหญ่ เล่นเอาผมที่มองภาพตรงหน้าขนแขนลุกเกรียว
จั๊กจี้ที่หัวใจชะมัด
“พี่ลูกหนูทำยังไงหรอครับ”
“ไม่ยากเลย เอาหูมาใกล้ๆสิ” คุณย่ารหัสคนสวยของผมกวักมือเป็นเชิงให้ผมโน้มตัวไปใกล้ๆ แล้วพี่ลูกหนูก็พูดเสียงเบาราวกระซิบเมื่อผมยืดตัวข้ามหน้าพี่เปรียวไปใกล้เธอ
“สามขั้นตอนสั้นๆ แค่มอมเหล้า ลากเข้าห้อง แล้วจับปล้ำ”
จบตอน
มาคุยกันเถอะ !สายประหลาดเปิดตัวแล้ว ฮ่าๆๆๆ
ตอนหน้าไปค่ายอาสากันนะ เอาใจช่วยหนูยูจีบแทนคุณพ่อเดือนมืดด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ