Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ #26
ตอน : วันครอบครัว
[เอก...☼]
วันนี้เป็นวันแรกที่ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยไปทำงานพิเศษกัน ทำที่เดียวกับไอ้เป้มันนั่นแหละ สงสัยไอ้ตัวเล็กจะโดนเพื่อนลากไปอีกที
เพราะงั้นวันนี้พวกผมเลย…
ใช่ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก 'พวกผมทั้งหมด' เลยพากันยกโขยงไปดูที่ทำงานใหม่ของไอ้เป้มัน ในกลุ่มเพื่อน ๆ นอกจากผมแล้ว คนอื่นไม่รู้ว่ามันย้ายออกมาอยู่หอคนเดียวแถมยังทำงานพิเศษอีกต่างหาก
มันบอกเพื่อน ๆ ว่ายังรู้สึกแย่กับการอกหักอยู่ ขอเวลาทำใจสักพัก ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ปล่อย ๆ มันไป แต่พอทุกคนรู้ว่ามันมาทำงานที่นี่เท่านั้นแหละ พวกมันดี้ด้าอยากมาหากันใหญ่
หรือให้พูดตามจริง
พวกมันอยากมาเห็นคุณชายเป้ใส่ชุดพนักงานเสิร์ฟ เดินถือถาดไปมาต้อนรับลูกค้ามากกว่า
และที่สำคัญ
พวกมันอยากมากินฟรีครับ
ผมกลับบ้านตั้งแต่คืนวันศุกร์แล้ว พวกทโมนดีใจกันใหญ่ ปลุกผมให้ตื่นไปนั่งเล่นกับพวกมันตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่จากดิน พอตกบ่าย ก็พากันไปเรียนพิเศษ โดยมีผมขับรถไปส่ง หลังจากนั้น ผมก็ขับรถเลยมาเจอพวกเพื่อน ๆ ที่นี่แหละ
ผมวนรถไปจอดยังลานจอดของทางร้าน เห็นไอ้โอ๊คมันยืนคอยอยู่ข้างตัวรถพร้อมไอ้ปิงที่ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ ปกติไอ้โอ๊คจะเป็นสารถีประจำตัวไอ้ปิงมัน เพราะบ้านมันใกล้กัน รถผมมาถึงพร้อมกับรถของไอ้โอมพอดี โดยมีเหลือบไรเป็นไอ้มอเกาะติดมาด้วย ไอ้นี่มันชอบโทรเรียกให้ไอ้โอมไปรับอยู่เรื่อย (รวยแต่ขี้เกียจ)
พวกเราลงมาคุยกันยังไม่ถึง 5 นาที พวกไอ้อ้อยก็มา มันขับรถมาเอง แถมยังอาสาไปรับสาวกับอิงที่บ้านอยู่โซนเดียวกันมาอีกด้วย
พวกเรารวมตัวกันอยู่ที่ลานจอดรถ รอสมาชิกคนสุดท้ายครับ มันติดธุระเลยมาช้านิดหน่อย
พวกเรายืนเม้าท์แตกกันได้ไม่นาน ก็เห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งวิ่งปราดเข้ามาตีโค้งจนฝุ่นตลบ ก่อนจอดสนิทอยู่ข้าง ๆ พวกผมหันไปมองด้วยความสนใจ
รถมอเตอร์ไซด์ตัวผู้สีดำสนิทใส่ลูกเล่นด้วยลายกราฟฟิกเคลือบเงิน คันใหญ่ใช้ได้ คนขับหยั่งเท้าไว้ที่พื้น ดับตัวเครื่อง แล้วหันมองมาทางพวกเรา
มันแต่งตัวดูดีครับ ตัวสูงโปร่ง ติดจะเพรียว ๆ ใส่เสื้อยืดข้างในชายยาวจนเกือบจะถึงสะโพกสวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีดำ รูดซิปจนถึงคอ กางเกงยีนสีซีดรองเท้าหนังมันปลาบสีดำสนิท
จะเท่ไปไหน
มันใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มหัวอยู่ หน้ากากมืดมากทำให้มองไม่ออกว่าเป็นใคร สักพักมันก็ค่อย ๆ ถอดหมวกกันน็อคออก
…ไอ้กิ๊ฟครับ
แม่ม จะเท่ไปไหนวะ
มัน ยังนั่งยิ้มพราวอยู่บนรถของมัน ปกติไอ้กิ๊ฟมันชอบไว้ผมยาว แต่จะรวบไว้เป็นหางม้าด้านหลัง ปล่อยไรผมให้ร่วงลงมาระแก้ม ดู ๆ ไปก็คล้าย ๆ กับคนผมสั้นนั่นแหละ หน้าตาไม่เคยแต่ง
แต่บอกได้คำเดียว ดูดีตั้งแต่หัวจรดตีน
“มึงจะแมนไปไหน”
ไอ้อ้อยมันทัก
ไอ้กิ๊ฟเพียงยักคิ้วกวน ๆ มาเป็นคำตอบ
สมาชิกมากันครบแล้วครับ พวกเราไม่ได้บอกไอ้เป้ว่าจะมาหามัน กะจะมาเซอร์ไพรส์มันนั่นแหละ
ผมกวาดตามองทุกคนอีกที บอกตามตรง เหมือนขนพวกนางแบบนายแบบมาเดินแคทวอล์คกันมากกว่า
แต่ละคน หล่อ ๆ สวย ๆ กันทั้งนั้น
ผมเคยบอกกันรึเปล่า ว่าผู้ชายกลุ่มผม เป็นพวกสูงเวอร์ ผมนี่ 191 ครับ เหอ ๆ ที่เหลือก็ไล่ ๆ กัน มีเตี้ยสุดก็ไอ้ปิง 179 หรือ 180 ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าเทียบกับคนทั่วไป มันก็ยังสูงอยู่ดีน่ะนะ
เหมือนพวกเราจะนัดกันแต่งตัวแนวดาร์คกันมา คือเน้นโทนดำมาซะส่วนใหญ่ ผมก็เสื้อยืดสีดำพร้อมแจ็คเก็ตสีดำครับ ไม่ได้ตั้งใจ พอดีพวกน้อง ๆ มันซื้อมาให้แล้วบังคับให้ใส่ กางเกงยีนกึ่งผ้าสีน้ำเงินเกือบดำ ร้องเท้าหนังสีเดียวกัน
ดู ๆ ไปแล้ว เหมือนผมจะเป็นผู้นำแก๊งซิ่งมาก่อกวนเมืองมากกว่า
พอคนครบ ผมก็เดินนำโดยมีไอ้กิ๊ฟเดินตามมาติด ๆ ต่อด้วยสาว ๆ ทั้งสามแล้วก็ตามด้วยพวกไอ้โอ๊คไอ้มอมัน
พูดได้คำเดียว เด่นครับ
พอเปิดประตูเข้าไปภายใน คนหันมามองกันทั้งร้าน พวกผมก็ตีหน้านิ่ง ทำหน้าให้โคตรหล่อโคตรสวยกันเข้าไว้ ไอ้โอมกับไอ้มอออโต้กันอยู่แล้ว เพราะในร้านมีสาว ๆ เยอะ ยิ่งวันนี้วันหยุดด้วย น้อง ๆ มอปลายยิ่งเยอะเป็นพิเศษ พวกเรามองซ้ายมองขวามองหาโต๊ะว่าง
ไม่เจอ…
เต็มหมดเลย
แป๋ว…
แล้วพวกกูจะเดินหล่อกันเข้ามาทำไมวะเนี่ย
ผมมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นกายกับเต้ย แต่คนที่กำลังรับออเดอร์อยู่โต๊ะในสุดเห็นพวกผมแล้ว มันรับออเดอร์เสร็จก็เดินไปยื่นให้เคาน์เตอร์แล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้า พวกเรา
ถึงไม่ต้องบอก ทุกคนก็พอจะเดาออก ว่าไอ้หน้าหล่อนี่ต้องเป็นหนึ่งในคนกลุ่มผมแน่ ๆ
มันยืนเท่ผมสั้นเชตตั้งแนวมัน
“มาทำไม”
มึงพูดกับลูกค้าได้เพราะมาก
“มาให้มึงเลี้ยงไง”
ไอ้กิ๊ฟมันเดินออกมาจากด้านหลังผม มันยิ้มพราว ยิ้มแบบนี้ ไอ้เป้มันแพ้ทาง ไอ้นี่มันแสบ ถ้าไอ้เป้ไม่ยอม ร้านคงไม่เหลือลูกค้าสักคน
แล้วไม่ต้องให้ผมสาธยายนะว่าทำไม
คุณจำเรื่องที่ไอ้กิ๊ฟเคยจับแมลงสาบด้วยมือเปล่าแล้วเอาไปใส่เสื้อไอ้อ้อยได้ไหม
แล้วคุณลองเดาดูสิ ว่าถ้าไอ้กิ๊ฟมันไปตกลงเซ็นสัญญากับแมลงสาบแล้วเอามาป่วนที่ร้านมีระดับแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น
ดับครับ… ผมรับรองได้
ไอ้เป้มันถอนหายใจแรง มองไปรอบ ๆ ร้าน หันหลังเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เห็นมันพูดอะไรสักอย่าง แล้วเดินมาทางพวกผมอีกที
“ข้างในไม่มีที่ พวกมึงไปนั่งตรงนู้นละกัน”
มันชี้ไปที่โต๊ะที่เขียนไว้ว่า ‘จอง’
“อ้าว แล้วลูกค้าล่ะ”
“ไม่เป็นไร กูเคลียร์ได้ พวกมึงอยากสั่งอะไรก็สั่งไป กูต้องทำงานต่อ ไม่มีลูกค้าแล้วจะเดินไปหา”
พวกผมพยักหน้าขนหน้าหล่อ ๆ ไปนั่ง
เป็นเป้าสายตามากมาย
และแล้วคนที่ผมอยากเจอก็มาปรากฏตัว มันอยู่ในชุดคล้ายชุดของไอ้เป้ แต่ผิดตรงที่มันไม่มีกั๊กสีดำด้านนอกใส่ นอกนั้นเหมือนกันหมด ผมชอบผ้ากันเปื้อนแบบครึ่งเอวแบบนี้นะ แล้วผมก็เพิ่งสังเกตว่าตรงขอบเอวมีชื่อร้านปักเป็นสีทองติดอยู่ด้วย มันเดินตรงมาที่โต๊ะผมพร้อมกับไอ้เต้ย
“ดูดีจัง พวกนาย” ไอ้กิ๊ฟมันชม
“ที่นี่มีแต่พนักงานผู้ชายรึไง ไม่เห็นมีพนักงานสาว ๆ สักคน”
ไอ้มอแทรกถามขึ้นมา ตาก็กวาดมองไปรอบ ๆ ไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยหัวเราะร่วน
“ถ้าพนักงานเสิร์ฟไม่มีครับ มีแต่แคชเชียร์ คนทำเครื่องดื่ม แล้วก็แม่บ้าน”
ไอ้มอทำหน้าเซ็ง ไอ้อ้อยเลยประทานฝ่ามือให้ทีข้อหาทำตัวม่อไม่เลือกที่ แล้วไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ยก็หยิบปากกาขึ้นมาเตรียมจดออเดอร์จากพวกเรา
วุ่นครับ มันเล่นสั่งกันแบบแกล้งน้อง ๆ แต่ไอ้สองตัวก็ยังใจเย็นจดสิ่งที่ควรจด
“เอาคาปูสาวน้อยน่ารัก ถ้าไม่มีเอาหนุ่มน้อยน่ารักก็ได้”
ไอ้มอมันสั่งกับน้อง แต่ยักคิ้วมาทางผม
“หนุ่มน้อยน่ารักไม่มีครับ มีแต่หนุ่มหล่อและน่า..รัก” ไอ้เต้ยมันยวนกลับ พาเอาคนในกลุ่มหัวเราะร่วน
พอพวกเราสั่งกันจนครบ พวกมันก็เดินกลับไปส่งใบออเดอร์ แล้วทำหน้าที่ของตัวเองไป
พวกเรามาในจังหวะที่ลูกค้าเยอะกันพอดี สาว ๆ น่ารัก ๆ เพียบ
ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงนั่งตาวาว
แต่ตอนนี้ ดวงตาผม เฝ้ามองอยู่เพียงจุดเดียว มองตามไอ้ตัวเล็กที่ยังวิ่งวุ่นรับออเดอร์โต๊ะนู้นโต๊ะนี้ไม่มีหยุด
ส่วนพวกผม ถึงไม่มีเหล้าก็เฮฮากันได้ เม้าท์แตกเรื่องของตัวเองไป ไอ้มอมันบ่นใหญ่ที่พ่อมันอยากให้บวช ไอ้นี่มันทิ้งนารีได้เกินสองวันที่ไหน ถึงจะให้บวชสามวันมันก็ไม่ปลื้มครับ เพราะกว่าขนคิ้วกับผมมันจะยาว คงอดแอ้มสาวไปเป็นอาทิตย์
“มึง ห่วงไรวะ กูอภินันทนาการเป็นวิกให้เลยเอ้า แต่คิ้วนี่มึงต้องไปขอจากตลกมกจ๊กเองว่ะ”
ไอ้โอมมันแซว
“มึงไม่มาเป็นกูบ้าง”
มันตัดพ้อ
“ถึงเวลากูก็ต้องบวชเหมือนกัน” ไอ้โอมมันพูดต่อ “เอาอย่างไอ้ปิงมันบ้างสิ บวชตั้งเป็นเดือนไม่เห็นมันจะบ่น” มันโยนไปที่ไอ้ปิงครับ
“โธ่ มันดันบวชตอนอกหักนี่หว่า สม ชอบใครไม่ชอบดันไปชอบดาวยั่วเรี่ยราด”
“มึงอย่าพูดมากดิ กูยังช้ำอยู่เลย”
ไอ้ปิงมันค้าน
เป็นอดีตอันข่มขื่นของมันน่าดู มันตามจีบน้องดาวอยู่นาน น้องดาวเป็นดาวโรงเรียนสตรีล้วนไม่ไกลจากมหาลัยเราเท่าไหร่ สวยเอามาก ๆ ด้วย ดาวก็คบกันมันนั่นแหละ แต่มันเพิ่งมาจับได้ทีหลังว่าน้องดาวไม่จริงใจ คบกับมันแต่ฟันหนุ่มไม่เลือกอีกสิบกว่านาย มันช้ำในรักขนาดหนีไปบวชเพื่อทำใจนานเป็นเดือน พอมันสึกออกมาก็กลายเป็นพวกหมกมุ่นกับพวกหนังสือปรัชญาไปเลย เข้ากับไอ้โอ๊คดีครับ รายนั้นก็หนอนหนังสือเหมือนกัน
ส่วนไอ้อ้อยพ่อมันอยากให้คบกับพวกลูกท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
แต่มันไม่ปลื้มครับ มันบอกไม่หล่อ
มาตรฐานมันสูงชะลูด
“ไม่ให้มาตรฐานกูสูงได้ไง วัน ๆ กูอยู่กับพวกมนุษย์หน้าหล่ออย่างมึง ๆ จนต่อมมองผู้ชายกูบกพร่อง มองใครก็เห็นเป็นขี้เหร่ไปหมด”
“ทำใจวะอ้อย”
ไอ้มอมันเชิดหน้าโชว์ความหล่อมันเต็มที่
“มึงอ่ะ หล่อแต่หน้า แต่ปัญญาหาดีไม่เจอ”
ไอ้มอมันทำหน้าขัดใจกับคำด่าแสบ ๆ ของไอ้อ้อย
ไม่นานผมก็เห็นไอ้ตัวเล็กกับไอ้เต้ย เดินถือเครื่องดื่มกับขนมที่เราสั่งไปกันมา ไอ้ตัวเล็กมันเสิร์ฟกาแฟให้ผมด้วยตัวเองเลย ผมแอบดีใจหน่อย ๆ มันยิ้มให้นิด ๆ ก่อนเดินไปเสิร์ฟคนอื่น ๆ ต่อ
พวกเรานั่งคุยกันไปให้ชาวบ้านเขาได้โลมเลียกันทางสายตา ผ่านไปร่วมสามชั่วโมง เครื่องดื่มคนละแก้ว กะนั่งเอาคุ้ม
ผมนั่งหัวเราะไอ้มอที่กำลังเผาเรื่องของไอ้ปิงมันอยู่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถสีดำสนิทคันหนึ่งวิ่งช้า ๆ เข้ามาจอดสนิทยังลานจอด รูปร่างของรถคันนั้นคุ้นตาเอามาก ๆ และผมก็ภาวนาขอให้ไอ้คนที่กำลังโผล่หัวออกมาไม่ใช่มัน
แต่พระเจ้ากลับไม่ฟังคำขอของผม
ไอ้คุณชรินทร์
ผมมองภาพตรงหน้าตาเขม็ง มันเดินไปหาไอ้ตัวเล็กที่เดินออกไปรับมันที่หน้าร้าน ไอ้ตัวเล็กก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหลังหู หน้าผมบึ้งขึ้นมาทันที
“อ้าว นั่นคุณชรินทร์นี่” ไอ้อ้อยมันจำได้ ผมนั่งเงียบ มองภาพบาดตาไปเรื่อย ๆ
สิ่งที่ผมหวาดหวั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหึงหวงลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไปแล้ว
ไอ้คุณชรินทร์มันยื่นขวัญให้กายชิ้นหนึ่ง ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แถมแววตาที่มันใช้มองไอ้ตัวเล็กก็ดูจะพิเศษกว่าคนรู้จักกันธรรมดาอีกด้วย
“กายนี่เสน่ห์แรงใช้ได้เลยเนอะ”
ไอ้กิ๊ฟมันเหน็บเบา ๆ ปรายตามองมาทางผม
“แต่ก็นะ คนมันยังไม่มีเจ้าของ ใครเร็วใครได้ มันยิ่งน่ารัก ๆ อยู่ด้วย” มันพูดเนิบ ๆ ให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว เพราะคนอื่น ๆ หันไปสนใจอย่างอื่นกันหมด
ไอ้โอมกับไอ้มอหันไปมองสาวน้อยวัยใสกลุ่มใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ สเป็คพวกมันกันละ โดยมีไอ้ปิงร่วมหัวด้วยอีกคน
พวกผู้หญิงนั่งเม้าท์กันเรื่องความหล่อของคุณชรินทร์ มีเพียงไอ้โอ๊คเท่านั้นที่มองตามกายไม่ต่างกับผม ผมไม่ได้ใส่ใจเพื่อนในกลุ่มเท่าไหร่ กำลังจ้องมองคนที่ยังยืนยิ้มให้กับแขกคนใหม่อยู่
ทีพวกผม มันแค่มาทำตามหน้าที่ แต่กับไอ้ผู้ชายคนนั้น มันกลับยืนคุยกันได้เป็นนานสองนาน
“คู่แข่งนายนี่น่ากลัวนะ รุกซะด้วย”
ไอ้กิ๊ฟมันพูดต่อไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย
สักพักมันก็หาที่ว่างให้ เป็นโซนด้านในสำหรับสองคนนั่ง ผมมองตามแทบทุกฝีก้าว ไอ้ตัวเล็กรับออเดอร์ด้วยตัวเอง มันยิ้มแทบจะตลอดระยะเวลา กับผมไม่เห็นมันจะยิ้มมากมายขนาดนี้เลย
ยกเว้นเวลามีกล้องน่ะนะ
“กูกลับก่อนละ”
ผมเลื่อนเก้าอี้ออกดังครืด ดันตัวลุกขึ้นยืน
“อ้าว ไมวะมึง นาน ๆ ทีเพื่อนได้สังสรรค์กันนะ”
ไอ้มอมันทัก
“กูต้องไปรับพวกทโมนจากที่เรียนพิเศษกลับบ้านว่ะ”
พวกมันพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็รู้ครับว่าพวกทโมนที่ว่าคือใคร
“ฝากทักทายป๋ากับหม้าแทนกูด้วยนะ”
ไอ้อ้อยมันบอก ผมพยักหน้าวางเงินทิ้งไว้ เดินหน้าบูด ๆ ออกจากร้านไป
หงุดหงิดครับ ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ
“พี่เอก!!”
ผมที่กำลังจะเดินไปถึงตัวรถหันกลับไปตามเสียงเรียก ไอ้ตัวเล็กครับ มันวิ่งหอบมาแต่ไกล
พอดีผมจอดรถห่างจากร้านนิดหน่อยน่ะ
“อะไร” ผมถามเสียงเรียบ
“ทำไมรีบกลับล่ะ”
ผมปรายตามองมัน
“รีบกลับไปรับพวกทโมน”
ผมเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ ก้าวขึ้นรถ ปิดประตูใส่มันดังโครม
พาลครับ
ได้ยินเสียงเคาะกระจกจากอีกฝั่ง ผมหันไปมอง มันก้มหน้าลงมามอง ตอนแรกว่าจะเมินแล้วกระชากรถหนีไป แต่ดูไม่มีเหตุผล เลยกดเลื่อนกระจกลงแทน
“วันพรุ่งนี้พี่ว่างไหม”
“ทำไม”
ผมถามกลับห้วน ๆ มันทำหน้าลำบากใจ
“คือผมจะชวนไปดูภาพถ่ายที่ผมชนะการประกวด วันพรุ่งนี้เป็นวันแรกที่เขาเอามาโชว์ ผมก็เลยจะชวนพี่ไปดูด้วยกัน”
ผมแอบยิ้มอยู่ในใจ
มันชวนผมเดทด้วยเว้ยเฮ้ย
“ก็ได้”
ผมตอบกลับนิ่ง ๆ กลัวจะหลุดดีใจครับ รีบชิ่งหนีก่อนดีกว่า
กำลังจะสตาร์ทรถ แต่นึกอะไรขึ้นได้ รีบหันไปถามมัน
“พรุ่งนี้คุณชรินทร์อยู่ด้วยไหม”
“ฮะ ก็เขาเป็นเจ้าของงานนี่”
แม่.ง ไม่อยากไปขึ้นมาดื้อ ๆ
แต่คิด ๆ ดูแล้ว ผมต้องแย่งมันมาเป็นของตัวเองสิ ปล่อยให้คนอื่นมางาบไปได้ยังไงกัน
“โอเค ให้พี่มารับกี่โมง”
มันยิ้มน่ารัก เห็นแล้วอยากกระชากมาจูบซะจริง
“เย็น ๆ ก็ได้ พี่จะได้อยู่กับครอบครัวนาน ๆ”
มันยังไม่ลืมว่าผมกลับบ้านเสาร์อาทิตย์ ผมพยักหน้า มันเขยิบออกให้ผมเลื่อนกระจกขึ้น ผมขับเคลื่อนตัวรถไปโดยมีมันยืนยิ้มให้ด้านหลัง
ขับไปได้ไม่เกินร้อยเมตร แทบจะเบรกแด้นส์ตัวรถกลับไปหามัน
ไอ้คุณชรินทร์ครับ มันเดินออกมาหาไอ้ตัวเล็กพอดี
“มึง คิดจะแย่งคนของกู เร็วไปสิบชาติโว้ยไอ้คุณชรินทร์!!”
ผมกัดฟันพูดใส่กระจกมองหลัง
“ว้ายยยยย ไหนว่าให้พวกเรากลับเองไง ไหงมารับได้ละคะ”
แอมวิ่งเข้ามาเกาะแขนผมแน่น พอ ๆ กับอีกด้านที่มีไอและอ้อนแย่งกันเกาะ
“คิดถึงพวกเราใช่ม้า”
มันชี้นิ้วหมุนเป็นวงกลมตรงหน้าล้อเลียน
“ทำหน้าแบบนี้ ไปทะเลาะกับใครมาเหรอคะ”
ไอ้ลิงพวกนี้ฉลาดเป็นกรด
“แน่ะ ให้เดาม้า ต้องเป็นเรื่องของพี่กายแน่ ๆ เลย”
แล้วพวกทโมนก็หันไปกรี๊ดใส่กันเสียงดัง พาเอาคนรอบข้างมองกันเป็นตาเดียว
ชินครับ อยู่กับพวกนี้ทีไร เด่นทุกที
ผมพาพวกน้อง ๆ กลับบ้าน วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าสุด ๆ อาร์ตกับอิฐก็อยู่ พ่อกับแม่นั่งกระหนุงกระหนิงไม่สนวัยกันบนโซฟา
“คิดว่าจะไม่สนครอบครัว มีเพื่อนแล้วลืมกันเสียอีก”
แม่ครับ เหน็บมาให้รู้สึกผิดเล็ก ๆ ผมส่งยิ้มไปให้
“เอาน่า ไหน ๆ ลูกก็มาแล้ว”
คุณพ่อครับ ใจเย็นสุดแล้วในบ้าน หน้าขรึม ๆ กับท่าทางภูมิฐาน เป็นบล็อกต้นแบบของผู้ชายในบ้านเราเลย ส่วนสาว ๆ ก็เหมือนแม่ครับ
คำโบราณที่ว่า ผู้ชายหน้าเหมือนพ่อ ผู้หญิงหน้าเหมือนแม่จะอาภัพ คงใช้ไม่ได้กับครอบครัวเรา เพราะจนถึงทุกวันนี้ พ่อกับแม่ก็ยังรักกันดี
พวกเรานั่งสังสรรค์กันหน้าทีวีครับ โดยมีสามตัวป่วนเกาะพี่ชายอย่างผมแน่นเป็นตัวพาเฮฮา เครียด ๆ อยู่ ก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
สำหรับผม ครอบครัวต้องมาอันดับหนึ่ง ยกเว้นเวลางานน่ะนะ เพราะพวกทโมนมันซนจนงานผมเสียบ่อย ๆ เสียสมาธิด้วย ผมเลยขอย้ายไปอยู่คนเดียวดีกว่า ซึ่งพ่อแม่ก็เข้าใจ
“แม่คะพ่อคะ พวกหนูชอบแฟนใหม่พี่เอกจังเลย อยากให้พี่เอกคบคนนี้นาน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ไอ้อ้อนมันตั้งประเด็นขึ้นมา ทุกคนหันพรึบมามองผมเป็นตาเดียว
ถ้าเป็นในการ์ตูน ผมคงมีเหงื่อเม็ดเท่าฝาหม้อร่วงลงมาจับที่ริมขมับแล้ว
“พี่บอกไปแล้วนี่ ว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“โธ่อีกหน่อยก็เป็น นะ ๆ ๆ ๆ คบคนนี้เถอะ พวกหนูสนับสนุน” พวกมันรีบเข้ามาออดอ้อนเหมือนตัวเองเป็นคนคบเอง
“ลูกเต้าเหล่าใครเหรอลูก”
แม่หันมาถาม ผมนั่งไม่ติดพื้นขึ้นมาทันที
อย่างแรกคือ ผมยังไม่ได้ตกลงปลงใจกับมัน อย่างที่สองมันเป็นผู้ชาย เกิดพ่อแม่รู้แล้วท่านจะรับกันได้ไหม ไหนจะไอ้อาร์ตไอ้อิฐอีก
สามทโมนมองมาทางผมกรุ้มกริ่ม
“ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกครับ ยังไม่ได้คิดจริงจัง แค่เริ่ม ๆ อาจผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนคนอื่น ๆ”
“โธ่ คนนี้เขาแตกต่างตั้งแต่พี่พาเขาเข้าห้องนอนแล้ว”
พวกมันพากันบู้หน้า แม่เลยมะเหงกความแก่นกะโหลกให้พวกมันคนละที
แต่สำนึกกันซะที่ไหน ยังพากันทำหน้าทะเล้นน่ารักใส่ไม่หยุด
“หายากนะเนี่ย ที่จะทำให้สามทโมนชอบได้”
ไอ้อิฐครับ มันลูบหัวน้องมันเบา ๆ
“พี่อิฐ คนนี้ดูดีจริง ๆ นะคะ น่ารักมากกกกก และที่สำคัญ…”
“กรี๊ดดดดด/กรี๊ดดดดด/กรี๊ดดดดด”
แล้วพวกมันก็หันไปร่วมหัวกันกรี๊ดอีกที ผมนั่งกุมขมับ พ่อกับแม่นั่งขำกันใหญ่
“เอาเถอะ พร้อมเมื่อไหร่ก็พามาแนะนำละกัน คนไหนก็ได้ พ่อไม่อยากบังคับนักหรอก ถ้าบังคับได้ พ่อก็อยากให้ตกลงปลงใจกับอ้อยมากกว่า”
ครับไม่บังคับ แต่แง๊บทุกครั้งที่มีโอกาส
“ยากครับรายนั้น ถ้าจะสปาคคงสปาคกันไปนานแล้ว อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี พ่อก็น่าจะเห็น”
คำแก้ตัวเดิม ๆ ครับ ไม่แน่ใจว่าพ่อจะฟังบ้างไหม
แล้วคืนนั้นผมก็นอนเป็นตุ๊กตาหมีให้ไอ้สามทโมนมันกอด เหมือนมีลูกสาวตัวเล็ก ๆ มากกว่าสาวน้อยวัยใสมานอนกอดนะเนี่ย
จริง ๆ เด็กสาวม.ต้นทั่วไป ถ้าเป็นคนอื่น คงมีแฟนกันแล้วอย่างน้อยก็คนสองคน หรือไม่ก็เสียตัวให้กับผู้ชายกันไปหลายรอบ แต่พวกน้อง ๆ ของผมกลับพากันรักนวลสงวนตัวมากกว่าที่คิด
“มีพี่แสนเจ้าชู้นี่น่า พวกหนูเลยไม่อยากมีแฟน กลัวโดนหลอกให้รักแล้วซิ่งจากเหมือนใครบางคน”
พวกมันให้เหตุผล
พี่ผิดใช่ไหมเนี่ย
แต่ก็ดีแล้วละครับ เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีเดอะไร
“แต่จริง ๆ แล้ว พวกเราไม่เจอผู้ชายที่สามารถปกป้องและดูแลพวกเราได้อย่างที่พี่เอกทำต่างหาก เจอเมื่อไหร่ พวกเราถึงจะรับไว้พิจารณา”
มันบอกต่อทำเอาผมอมยิ้ม ลูบหัวพวกมันคนละที
“พี่เอกน้า ๆ รับพี่กายไว้ในอ้อมกอดสักคน”
ไอ้อ้อนครับ มันเอานิ้วจิ้ม ๆ หน้าอกผมเบา ๆ ออดอ้อนสมชื่อมันนั่นแหละ
“เอาไว้ให้พี่แน่ใจก่อนนะ ตอนนี้ต้องดู ๆ กันไปก่อน”
ผมพูดให้เป็นกลางมากที่สุด
“ก็ได้ แต่อย่าให้ช้านะคะ ไม่งั้น หนูจะจับพี่กายล้างน้ำแล้วยกให้พี่อาร์ตหรือพี่อิฐแทน”
ผมสะดุ้งเลยครับ
คืออาร์ตกับอิฐ หน้าตามันก็เหมือนฝาแฝดของผมน่ะนะ ไอ้ตัวเล็ก มันยิ่งหลงหน้าผมอยู่ด้วย เกิดเจออาร์ตหรืออิฐที่เอาใจและอบอุ่นกว่าผม มันคงเปลี่ยนใจเอาง่าย ๆ
“ไม่ได้นะ คนนี้พี่จอง”
“หึหึ ทีอย่างนี้ละห่วง ช้ามาก เดี๋ยวคนอื่นซิวไม่รู้ด้วยน้า บอกไว้ก่อน”
มันพูด ก่อนพากันคุยงุ้งงิ้งแล้วหลับใหลไป
ผมนอนคิดอยู่คนเดียว
เรื่องบางเรื่อง ผมก็ต้องการเวลาและความแน่ใจเหมือนกัน
เพื่อตัวผมเอง และเพื่อตัวมันเองด้วย
To Be con...
ขอบคุณทุกการติดตามครับ ^^