( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485144 ครั้ง)

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่อาฟทำไมน่ารักกกกกก อย่างนี้ฮับบ้าน  :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษมากค่ะ รอติดตามตอนเจอพ่อตา และพ่อแม่อาฟนะ

ตลกมาก คืออาฟต้องรู้จักถึงก้นบึ้งขนาดไหน ถามใจดู
ห่วงก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่รู้แน่นอน คือ ไม่รอดแน่อะไรแบบนี้
แล้วก็จริงแบบอาฟบอกด้วยไง ขำมากเลยค่ะ
อาฟก็ปากแข็ง เมดก็ดื้อมาก อยากทำให้ได้
เป็นไงล่ะ ทำวิวอ้วกได้ ไม่ธรรมดานะ ทางตรงขนาดนั้น 55555

ยอมใจอาฟเจมากค่ะ คนจริงมากค่ะ
ถึงขั้นต้องตามติด พิชิตทางกันเลย
วางแผนมาดิบดี ไม่รู้ชัวร์ เป็นไงล่ะ
เมดรู้ด้วย เห็นไหม ไม่ธรรมดานะ มิณทร์เมด

วิว มีทริคด้วย แต่ก็จริงนะ
ความเชื่อว่าไม่ได้ค่ะ มองไม่เห็นนะเรื่องแบบนี้
แล้วตลกคือเมารถทางตรง แถมบอกรักเจด้วย
คือวิวต้องเครียด ต้องหลอนขนาดไหนน่ะ 555555




ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ยอมใจในความดื้อของน้องเมด อยู่ใกล้จะหยิกแก้มให้ยืดเชียว
พี่อาฟก็น่ารักเป็นน้าาาา

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ความห่วงอ่ะ แต่เป็นนี่ นี่ก็ห่วง อาจไม่ยอมอย่างพี่อาฟนะ หึหึ :กอด1:

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
ลุ้นตอนขับรถมาก กลัวรถคว่ำ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
คนอ่านก็ลุ้นไปกับเมดด้วยเหมือนกัน

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
 :mew1:แอบอ่านจนจบ ขอบคุณนะที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่าน
พร้อมรอตอนพิเศษต่อไป  :L2:

ออฟไลน์ jincool

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ๊ยยยยยยยยย
เจ็บจนจุก เหมือนโดนดึงเข้าไปสู่อดีตที่ไม่น่าจดจำของตัวเองมากๆ เลย แต่ถึงจะเจ็บหนึบในอก ก็หยุดอ่านไม่ได้เลย
จะตามไปจองรูปเล่มแน่นอนค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ffern

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามอ่านจนจบเเล้ว!!! อดใจรอมาเม้นทีเดียว สารภาพว่าเราเห็นเรื่องนี้ตั้งเเต่ยังอัพไม่จบ เลยรอให้จบเเล้วค่อยมาอ่านทีเดียว จนในที่สุดเราก็ได้อ่านจนได้!!! สนุกมากมากมาก เรายอมรับเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบตัวละครมากๆ เราชอบทุกความคิดของตัวละคร มันเป็นไปอย่างดีเเบบ่าถ้าเราเป็นตัวละครตัวนี้เราก็คงจะต้องทำเเบบนี้เเน่นอน เราชอบนิสัยเมดมากๆ คนเเบบเมดมันมีอยู่จริงๆ เมดน่ารักมากอ่านไปก็ใจฟู ยิ่งอยู่กับอาฟยิ่งใจฟู อ่านไปเเก้มเเตกไป พี่เจกับน้องวิวก็เหมือนกัน กรี๊ดดดดอยากสารภาพว่าเราชอบพี่เจมาก เราชอบผู่ชายเเบบพี่เจจริงๆฮือ น่ารักมากไม่เสียใจเลยที่เราได้อ่าน เราดีใจกับตัวละครทุกตัวจริงๆที่เดินทางมาด้วยกันน๊านนาน ดีใจมากๆเลยที่เขียนนิยายดีๆออกมาให้เราได้อ่าน รักผับชั้นสามครับ  :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

ตอนพิเศษที่ 3


“ สมน้ำหน้า ” เสียงของปลายสายตอบกลับมาในตอนที่ผมเล่าเรื่องที่เจอวันนี้ให้ฟัง ว่าหลังจากที่เข้าบ้านมากินข้าวเที่ยงเรียบร้อย ผมก็ได้เวลานั่งคุยกับพ่อในเรื่องของอีกคน เราคบกันได้ยังไง แล้วตอนนี้ชีวิตคู่เป็นยังไงบ้าง แต่ที่น่าแปลกใจคือรอบนี้ผิดคาดนิดหน่อยตรงที่พ่อดูเหมือนจะไม่ได้ว่าอะไรที่ผมคบกับอาฟ แถมยังให้ความสนใจในตัวอีกคนมากด้วย

ถ้าคิดให้ดี มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี  แต่มันคงดีมากถ้าไม่มาแย่ก็ตอนที่เราออกไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วผมได้รับมอบหมายให้เป็นคนขับรถ

‘ กดไฟเลี้ยวซ้ายแล้วจอดเทียบเข้าข้างทางข้างหน้าเดี๋ยวนี้เลย ’ พ่อเอ่ยบอกกันแบบหัวเสียในตอนนั้น เพราะผมเกิดอาการเกร็งตอนขับรถขึ้นมาอีกครั้งและครั้งนี้เหมือนจะหนักกว่าครั้งก่อน เพราะรู้ว่าสึกว่าพ่อคอยจับผิดกันมาตลอดทาง อาการส่ายไปส่ายมาที่จับพวงมาลัยแน่นเกินไปก็เลยแสดงออกมาให้เห็นอีกครั้ง ‘ ลงมา พ่อขับเอง ’

‘ ครับ ’ ตอบรับสั้นๆแค่นั้น ก่อนจะมานั่งสลดอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ ส่วนพ่อที่ถอนหายใจออกมาผมไม่กล้าแม้จะหันไปมองใบหน้าที่กำลังหงุดหงิดนั้นเลยสักนิด

‘ จำได้ว่าพ่อซื้อรถให้เมดจะปีนึงแล้วนะ แต่ทำไมยังขับได้แบบนี้ ปกติขับแบบนี้เหรอ ’

‘ เปล่าครับ ’ ผมส่ายหน้า ‘ ปกติ อาฟมันจะเป็นคนไปรับไปส่ง ’

‘ มันไม่ให้ยอมขับ ’

‘ ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอกพ่อ ’ วิวที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดขึ้น ‘ แต่ว่าส่วนใหญ่พี่อาฟพี่เมดก็ไปไหนมาด้วยกันอยู่แล้วไง ก็เลยไปด้วยกันเลย ไม่ใช้รถหลายคัน ’

‘ แล้วอาฟมันก็เป็นพวกชอบดูแลด้วย เลยไม่ค่อยให้เมดได้ขับรถเท่าไหร่ ’ ส่งยิ้มแห้งๆให้พ่ออีกครั้ง แล้วในตอนที่สบตากันอีกคนก็ถาม

‘ แต่ทั้งๆที่รู้ว่าแฟนขับรถไม่เก่ง ก็ยังปล่อยให้ขับรถทางไกลมา ที่บอกว่าชอบดูแล มันดูแลกันยังไงวะถามหน่อย ’ คล้ายๆว่าอาฟก็พูดแบบนี้ก่อนจะออกมา เตือนแล้วด้วยว่าถ้าพ่อรู้ ก็คงด่ามันที่ปล่อยให้ผมขับรถมาด้วยซ้ำ

‘ อาฟไม่ผิดหรอกพ่อ ครั้งนี้เมดผิดเอง จริงๆอาฟมันไม่ยอมขับมาด้วย ก็เสนอหลายวิธีให้เหมือนกัน ทั้งให้น้องที่ผับมาส่ง มันจะมาส่งเอง แต่เมดก็ยังดื้อกับมัน เพราะเมดกลัวพ่อด่าเมด ที่ซื้อรถให้ตั้งนานแล้วแต่ยังขับไม่เก่ง ’

‘ เมด ’

‘ ขอโทษครับ ’ ก้มหน้าลงทันทีตอนที่พ่อเอ่ยเรียก ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงอีกคนถอนหายใจออกมา ก่อนมือที่กุมพวงมาลัยนั่นจะเอื้อมมือมาจับที่หัว

‘  ก็แค่โดนด่า แต่มันก็ดีที่ว่าเมดจะปลอดภัยไม่ใช่เหรอ ’ เงยหน้ามองพ่อที่พูดแบบนั้น ‘ โดนด่าก็ยังได้สอน ยังได้บอก ได้บอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะนี่ก็คือหลักฐานว่าตอนนี้เรามีคนคนนึงที่กำลังดูแลเราอยู่ เค้าที่ทำให้เรื่องที่เราควรเก่งได้แล้วให้เรา ทำให้จนเรากลายเป็นคนที่ไม่เก่งเพราะถูกดูแลดีเกินไป ’

 ‘ พ่อ ’

‘ คิดถึงตัวเองแล้วก็คนที่รักเราให้มากกว่านี้เข้าใจมั้ย ’ ย้ำกันแบบนั้นก่อนจะลูบหัวเบาๆ ‘ โชคดีนะที่ขับมาถึงบ้านได้ เพราะถ้าโชคร้าย อย่าว่าแต่โดนด่าเลย แม้แต่คำว่าพ่อรักเมด เมดก็จะไม่ได้ฟังแล้วก็ได้นะ ’

‘ ขอโทษครับ ’ ยกมือไหว้พ่อตัวเอง ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนทำให้พูดอะไรไม่ออก ยกเว้นเสียจะดึงตัวเองเข้าไปกอดคนข้างกายไว้ พ่อที่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งในตอนนั้นเค้าเองก็กอดผมไว้แน่นมากขึ้น

มันถูกต้องที่สุดเลย ท้องถนนมันอันตรายมากกว่าจะแค่กลัวโดนด่าเลยรั้นที่จะขับมาเอง พอมาฟังคำพูดพ่อผมถึงกับต้องถามตัวเองว่าทำไมผมถึงได้โง่อย่างงั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนที่อาฟด่า ผมก็รู้สึกผิดแล้ว แต่ตอนที่เห็นว่าน้องต้องมาอ้วกหน้าแดงเพราะตัวเองก็ยิ่งรู้สึกแย่ไปใหญ่ แต่เหมือนอะไรพวกนั้นจะเทียบอะไรกับคำพูดของพ่อตอนนี้เลย ราวกับความเสียใจพอเป็นพ่อพูด มันคูณสิบคูณล้านเข้าไป จนทำรู้สึกผิดไปหมด ดื้อแบบที่ไอ้อาฟบอกจริงๆ ว่า ดื้อชิบหาย

‘ ต่อไปเมดจะไม่ทำแบบนี้อีก ’

‘ ก็บอกแฟนว่าไม่ต้องดูแลกันมาก ให้หัดขับรถด้วย ’

‘ ครับ ’ พยักหน้ารับก่อนจะดึงตัวเองให้ออกจากอ้อมกอดนั้น ผมยิ้มแห้งๆให้พ่อ ‘ กลับไปกรุงเทพเมื่อไหร่ จะหัดขับรถให้เก่งเลย ’

‘ โทรไปบอกให้แฟนมารับกลับด้วยแล้วกัน แต่ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวพ่อไปส่ง ’

‘ อาฟมันคงมารับเมดนั่นแหละ ’ ผมบอก “ เพราะว่าเมื่อเช้ามันก็ขับตามมาส่ง ’

‘ งั้นเหรอ ’

‘ ครับ มันเป็นห่วงน่ะ’

‘ พ่อไม่ต้องห่วงพี่เมดหรอก เพราะพี่อาฟอะนะ ห่วงพี่เมดม๊ากกกกกกกมาก วิวเอาหัวเป็นประกันเลยว่า โคตรหวง เป็นห่วงยิ่งกว่าพ่ออีกมั้ง ’

‘ แบบนั้นก็ดีแล้ว ’ พ่อบอก ‘ ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็อย่าลืมพามากินข้าวที่บ้านแล้วกัน ’

‘ ครับ ’

“ แล้วพรุ่งนี้จะกลับกี่โมง ” อาฟถาม ผมก็หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในห้องหลังจากที่คิดถึงเรื่องเมื่อเย็นอยู่นาน จะว่าไปพรุ่งนี้ก่อนกลับก็มีไปทำบุญให้แม่ที่วัด แล้วก็คงกินอยู่กินมื้อเที่ยงอีกสักมื้อ แต่ตอนบ่ายเหมือนพ่อจะมีงานเลี้ยงกับเพื่อนในกลุ่มตีกอล์ฟ คงออกไปราวบ่ายสอง

“ มึงอยากเจอพ่อกูมั้ย ”

“ ได้ทั้งนั้น ” อีกฝ่ายตอบ

“ ถ้าอยากเจอพ่อก่อนก็ต้องเข้ามาก่อนเที่ยง เพราะเค้าจะออกรอบกับเพื่อนก๊วนตีกอล์ฟ ” นั่งมองเวลาที่กว่าอีกคนจะตื่น แม้ว่าจะไม่ได้ทำงาน แต่อาฟเป็นพวกที่ถ้าไม่ได้ทำงานจะนอนนานกว่าปกติอยู่แล้ว คิดไปคิดมาก็เหมือนว่าไม่น่าจะทัน แถมถ้าต้องมาเร่งมันก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่อีกถ้าเผื่ออาฟมาสาย “ กูว่าไว้ค่อยมาเจอครั้งหน้าแล้วกัน กูกลัวไม่ทัน ถ้าให้พ่อรอมึง แล้วมึงมาไม่ตรงเวลาเดี๋ยวน่าเกลียด ไม่อยากจะให้มึงดูไม่ดีในสายตาพ่อกูเท่าไหร่ first impression มันสำคัญเนอะ ”

“ ก็แล้วแต่ ”

“ งั้นเจอกัน บ่ายสองแล้วกัน ออกเร็วหน่อยรถจะได้ไม่ติด ”

“ อื้ม ”

“ แต่กูไม่ได้เอารถกลับแล้วนะ พ่อบอกว่า ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องเอาไป เค้าจะเอาไว้ใช้เองเพราะรถเค้าก็เก่าแล้ว ”

“ อื้ม ก็ดี ” อาฟบอก “ เอาไปก็จอดไว้เฉยๆอยู่ดี ”

“ แล้วนี่มึงนอนที่ไหน ”

“ โรงแรม ” คำตอบสั้นๆของอีกคน ทำให้ผมได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะถามอะไร แต่ก้ยังนึกสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา

“ แต่เดี๋ยวนะ นี่มึงจัดเสื้อผ้ามาด้วยเหรอ ”

“ เปล่า ”

“ อ้าว แล้วนอนยังไง พรุ่งนี้ใส่อะไรกลับ ”

“ ก็ตัวเดิม ”

“ กางเกงในละ ”

“ ก็ตัวเดิม ” ได้แต่ขมวดคิ้วงงกับสิ่งที่อีกคนพูด

“ มึง วันนี้ก็อับมาทั้งวันแล้วนะ จะให้อับต่อไปในคืนนี้ และอับต่อเนื่องไปถึงวันพรุ่งนี้เลยเหรอ ”

“ คืนนี้ก็ไม่ต้องใส่สิ ผึ่งลมไว้ แล้วใส่เสื้อคลุมอาบน้ำนอนแทน ”

“ ยังไงก็ไม่ได้นะมึง สงสารไข่ตัวเองบ้าง ”

“ มึงมาสงสารเหี้ยอะไรไข่กู ”  หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังกับคำพูดของอีกคน ไม่ต่างอะไรกับปลายสายที่ก็คงยิ้มออกมาเหมือนกัน

“ งั้นค่อยมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านกู อย่าใส่ชุดเดิมทั้งวันเลยขอร้อง กลัวมึงเป็นสังฆัง ”

“ สัด ”

“ ตกลงนะเพื่อสุขภาพที่ดีของไข่ท่าน ”

“ อื้ม ”  ตอบตกลงแบบว่าง่ายก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาเสียงเรียบๆ “ แต่เปลี่ยนก็ดี เพราะพรุ่งนี้ส่งไอ้เจที่คอนโดเสร็จ กูจะกลับเข้าคอนโดเราไปเอาเสื้อผ้าแล้วออกมาเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชุด ”

“ เอาเสื้อผ้าเหรอ ? จะไปไหนวะ ”

“ ไปบ้านกู ”

ผมสาบานได้เลยว่าในตอนนั้นทุกอย่างเงียบไป สมองของผมมันเหมือนขาดการติดต่อไปชั่วคราว สายโทรศัพท์ที่วางไป จำได้ว่าตื่นขึ้นมาผมไปวัดแบบคนเบลอๆ จนพ่อต้องเรียกกันหลายครั้งหน่อยถึงจะได้ยิน สติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะเอาแต่คิดจินตนาการถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และคาดคะเนไปต่างๆนานา ผมกังวลจนไม่แม้จะอยากกินอะไร ถึงขนาดที่ว่าแม้อาหารมื้อเที่ยงตรงหน้าจะเป็นของโปรดอย่างก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นฝีมือแม่เล็กผมก็ยังกินไม่ลง

“ พี่เมด พี่เมด พี่เมดครับ พี่เมด ” มือที่จับอยู่ที่ข้อมือเขย่าสั่นไปมาจนผมสะดุ้ง แล้วยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ก็เอียงหน้ามองกันแบบยิ้มๆ “ เหม่อไปถึงไหนแล้ววะนั่น ”

“ พี่เมดเหม่อเหรอ ” ผมเอ่ยถามน้องเดย์ที่นั่งอยู่ตรงหน้ากันในบาร์ของผับที่ยังไม่เปิดให้บริการ หันมองเวลาที่ตอนนี้เข้าสู่ช่วงเวลาบ่ายสามแล้ว หลังจากอาฟไปรับผมที่บ้านแล้วมาแวะส่งวิวกับเจ ก่อนหน้านี้เราขับรถตรงไปที่คอนโดเพื่อเตรียมเสื้อผ้าก่อนจะออกมาที่ผับเพื่อรอสับเปลี่ยนรถกับน้องอัยย์

อาฟขอตัวขึ้นไปเช็คงานเมื่อสิบนาทีก่อน มีเอกสารเกี่ยวกับพนักงานใหม่สามคนที่กำลังรับเข้ามาทำงานในอาทิตย์หน้าที่ต้องใช้ลายเซ็นมันเซ็นรับรองเข้าทำงานตอนนี้เลยไปคุยงานกับพี่ซองผู้จัดการผับที่ชั้นสาม ส่วนผมก็นั่งจิตตกอยู่ตรงนี้ ที่บาร์ตรงชั้นล่าสุด

“ ตื่นเต้นเหรอ ”

“ เรื่องอะไร ”

“ ก็วันนี้จะไปบ้านน้องเดย์แล้วไง หรือว่าไม่ใช่ ” อีกคนบอกยิ้มๆ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็ใช่นะ แล้วน้องเดย์รู้ได้ไง ”

“ รู้สิ ก็ตอนที่สัดพี่โทรไปบอกแม่ว่า เย็นนี้จะพาพี่เมดไปกินข้าวที่บ้านน้องเดย์นั่งดูหนังอยู่กับแม่พอดี ”

“ เหรอ ” ได้แต่ยิ้มแล้วพูดคำนั้นออกมาเบาๆ น้องที่เห็นท่าทางของผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังชนิดลั่นร้านแบบที่พนักงานที่กำลังทำความสะอาดยังหันมามอง

“ ไม่ต้องกลัวๆ แม่น้องเดย์ไม่น่ากลัวขนาดนั้น ไม่ขนาดที่ว่าไล่ออกจากบ้าน พูดจารุนแรง ไม่ใช่แม่ผัวแบบที่เห็นในละครแน่นอน ”

“ แล้วแม่น้องเดย์เป็นคนยังไงเหรอ ” คำถามที่ทำให้คนตรงหน้าผมเงียบไป ใบหน้าที่คิดคำตอบ น้องเดย์ไม่ได้ดูกังวลจนคิดสงสัยว่าพยายามหาข้อดีของคนเป็นแม่อยู่หรือเปล่า แต่เหมือนคนที่กำลังคิดไม่ออกว่าจะพูดออกมายังไงดี

“ สำหรับเดย์แม่ใจดีมากกกก แต่สำหรับสัดพี่มันไม่ค่อยสนิทกับแม่เท่าไหร่ และถ้าให้พูดกันตามตรง สัดพี่ไม่สนิทกับใครในบ้านทั้งนั้น พ่อยังชอบพูดบ่อยๆเลยว่า ถ้าครอบครัวเราเหมือนประเทศ สัดพี่ก็คงเป็นชนเผ่าที่แยกตัวออกไปปกครองตัวเอง และคบค้าสมาคมกับประเทศหลักอย่างพ่อแม่ แค่เอาไว้ทำธุระและขอความช่วยเหลือเท่านั้นแหละ ”

“ เอ่อ.. ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ”

“ อีกอย่างนะ มันมีความคิดแค่อยากจะพาพี่เมดไปแนะนำกับแม่แล้วก็พ่อให้รู้จักไว้เท่านั้นแหละ เหมือนแค่บอกให้รู้ว่านี่แฟนมันนะ คนนี้จริงจังด้วยนะ  แต่ถามว่าสนใจมั้ยความรู้สึกพ่อแม่เป็นไง บอกเลยว่า ไม่ครับ อารมณ์ ชอบไม่ชอบก็เรื่องมึงสิแต่กูชอบ ”

“ จะจริงเหรอวะ ” พูดออกไปเสียงเบาๆ เพราะผมไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นเลยสักนิด

ก็อาจจะจริงอยู่ที่ภายนอกมันดูเหมือนไม่สนใจอะไร แต่จริงๆผมว่าอาฟสนใจความรู้สึกของพ่อแม่มากพอตัวแต่มันแค่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้น ก็ดูจากการเตรียมการของมันก็พอจะมองออกได้แล้ว

คุณอาฟเตอร์อารยะ เคยเลือกเสื้อผ้าให้ผมใส่ที่ไหน วันนี้ถึงขั้นหยิบเสื้อให้ใส่เพราะว่าจะพาไปไหว้แม่ จากเสื้อยืดธรรมดาที่ใส่มาก็เลยถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตลายขวางสีชมพูของแบรนด์ดัง ที่โคตรจะน่ารักและสดใส

“ หรือบางทีมันอาจจะเปลี่ยนไปเพราะคำพูดของพ่อก็ไม่แน่ ”

“ คำพูดของพ่อ ? ”

“ ก็ตอนที่มันกลับจากสิงคโปร์พ่อก็เริ่มพูดเรื่องพี่เมด พ่อบอกให้สัดพี่พาพี่เมดไปแนะนำตัวที่บ้าน แต่สัดพี่มันดูเหมือนไม่สน พ่อเลยบอกว่า พ่อพี่เมดจะคิดยังไงถ้าพ่อแม่เรายังไม่รู้จักกับพี่เมด พ่อพี่เมดอาจจะรู้สึกไม่ดีนะ ที่แบบว่า ทางบ้านเรายังไม่ยอมรับอะไรแบบนี้ พ่อเลยบอกว่าต้องให้ความเชื่อมั่นกับพ่อพี่เมด ว่าดูแลพี่เมดได้ พ่อพี่เมดถึงจะวางใจ อะไรทำนองนั้น ”

“ พ่อพี่เมดไม่ใช่คนคิดอะไรเยอะขนาดนั้นหรอก ” บอกยิ้มๆก่อนจะถอนหายใจออกมา

ทำไมผมรู้สึกว่านี่มันห่างไกลออกไปจากสิ่งที่รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ  จากที่เคยคิดแค่ว่าอยากจะแนะนำแฟนให้พ่อรู้จัก แต่เหมือนอาฟจะไม่เป็นแบบนั้น ทุกสิ่งตอนนี้บอกกันว่า ไม่ใช่แค่แฟน แต่กำลังแนะนำกันในฐานะคนรักที่จะมาเป็นสมาชิกครอบครัวคนใหม่

“ คนเป็นพ่อแม่ คิดอะไรเราไม่รู้หมดหรอกน่า พ่อพี่เมดอาจจะคิดแบบที่พ่อน้องเดย์พูดก็ได้ แต่เค้าแค่ไม่พูด ” น้องบอกก่อนจะยักคิ้วให้ “ แต่จะว่าไปก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ หรือว่าน้องเดย์กลับบ้านด้วยดี ”

“ ก็ดีนะ กลับเลยๆ ” ผมบอกก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เพราะอย่างน้อยถ้ามีน้องเดย์รับรองเลยว่าโต๊ะอาหารเย็นนี้ยังไงก็ไม่มีความอึดอัด เรื่องแบบนี้หวังพึ่งไอ้สัดอาฟคงมีแต่ตายกับตาย รายนั้นไม่รู้จะรู้จักมั้ย ถึงสิ่งที่เรียกว่า ความบรรยากาศสนุกสนาน

“ ถามไอ้อัยย์ก่อนแล้วว่าถ้าอยู่คนเดียวมันเอาอยู่มั้ย ”

“ โอเค ” บอกแบบนั้นก่อนจะยิ้มกว้างให้อีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา

“ ตื่นเต้นว่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้มันจะมาถึงจริงๆ ”

“ ยังไงวะ ” ผมเอียงหน้างงตอนที่ได้ยินประโยคนั้น น้องเดย์ก็ยิ้ม

“ ตอนเด็กๆแม่มีกฏสองข้อที่วางไว้ คือหนึ่ง ห้ามแย่งคนที่ชอบคนเดียวกัน ส่วนสอง คนที่พามาแนะนำให้พ่อแม่รู้จักต้องเป็นคนที่มั่นใจแล้วว่าจะแต่งงานและมั่นใจมากแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด ” เผลอยิ้มออกมากับคำที่น้องพูดก่อนจะหันไปมองทางอื่นอย่างไม่รู้จะทำอะไร ก็คำพูดนั้นมันดันแปลความหมายได้อย่างเดียวแค่ว่าผมก็คือคนนั้น คนที่อาฟเลือกแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป

“ หน้าแดงหมดแล้วพี่เมด ”

“ เออ เขิน ” แล้วตอนที่พูดออกไปแบบนั้น ผมฟุบหน้าตัวเองลงกับโต๊ะแบบที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาอีกเลย เป็นท่าทางที่เรียกเสียงหัวเราะของน้องเดย์แล้วก็รอยยิ้มของสต๊าฟคนอื่นในผับได้เป็นอย่างดี

“ ไอ้อัยย์มาถึงยัง ” เสียงจากประตูทางขึ้นชั้นสามดังขึ้น ผมที่หันไปมองอาฟแต่ยังไม่ทันจะตอบอะไรคนที่ถูกเอ่ยถึงก็เปิดประตูด้านหน้าเข้ามาพอดี

“ น้องอัยย์มาแล้วจ้าเฮีย ” เจ้าของฟันเขี้ยวยิ้มกว้างแล้วเดินตรงเข้าไปหาเจ้าของรถก่อนจะยื่นกุญแจให้ด้วยท่าทางกวนตีนแบบที่ย่อตัวลง “ จอดไว้ที่เดิมเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่รอยข่วนขนแมวสักรอย ไม่ได้พาไปรับสาวที่ไหนมานั่งทับที่สุดที่รักของเฮียอย่างพี่เมดด้วยนะ มากสุดแค่ขับโฉบอวดสาวไปมาและเร่งเครื่องโชว์ใสๆ ”

“ พูดมาก ” อาฟบอกก่อนจะยื่นกุญแจรถของอีกคนคืนให้ “ กูเติมน้ำมันให้มึงแล้ว ขอบคุณมาก ”

“ ยินดีจ้า ”

“ งั้นก็ไป ”  ใบหน้าคมที่หันมามองกัน ชวนให้รอยยิ้มที่กำลังยิ้มของผมหดลงฉับพลัน แล้วหัวใจที่กำลังเต้นมันก็เพิ่มจังหวะขึ้นราวกับจะทะลุอก เป็นความรู้สึกที่ว่าถ้าตอนนี้ผมอายุสามขวบ ผมจะนั่งลงพื้นแล้วดิ้นไปมาพร้อมกับร้องไห้แล้วบอกว่า ‘ เมดไม่ไป เมดไม่ไป เมดจะกลับบ้าน ’  แต่เพราะมันทำแบบนั้นไม่ได้ ก็เลยทำได้แค่ยิ้ม แล้วตอบออกไปว่า

“ โอเคครับ ”

“ มึงจะไปด้วยกันมั้ย ” อาฟหันไปถามน้องชายที่อีกคนก็เหลือบมองเพื่อนตัวเอง

“ ต้องถามเพื่อนอัยย์ก่อนว่าคืนนี้อยู่คนเดียวได้มั้ย ”

“ จะพาพี่เมดไปกินข้าวกับพ่อแม่ใช่มั้ย ” น้องหันมองผมยิ้มๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ “ คืนนี้มีไอ้ซันกับไอ้เทียนเด็กฝึกบาร์อีกสองคนมา กูว่าน่าจะได้อยู่นะเพราะพวกมันก็เริ่มคล่องแล้ว อีกอย่างส่วนใหญ่วันจันทร์คนไม่ค่อยเยอะอยู่แล้วด้วย  ”

“ โอเค งั้นกูไปนะ จัดของให้เสร็จละ ”

“ เค ” ได้รับคำตอบรับตกลงผมก็ยิ้มกว้างโล่งใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง  ไม่ต่างกับคนที่อยู่ด้านในบาร์ น้องเดย์รีบวางงานทุกอย่างแล้วเดินออกมาทันทีด้วยรอยยิ้มแบบนำพวกเราไปก่อน  ผมที่ได้แต่ถอนหายใจในตอนนั้นเดินออกไปหลังสุดแต่ทว่ายังไม่ทันจะก้าวเดินตามไป น้องอัยย์ก็เอ่ยเรียก “ พี่เมด ”

“ ครับ ” ไม่มีเสียงตอบรับอะไร มีแต่มือที่กำปั้นขึ้นมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นสองนิ้วเพื่อเสริมกำลังใจให้กัน ในตอนนั้นท่าทางที่เห็นปลดความอึดอัดใจไปได้อย่างฉับพลัน “ ขอบคุณครับ ”

บรรยากาศภายนอกรถระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยความอึดอัดที่แม้แต่เพลงของพี่ส้มฉุนก็ไม่สามารถบรรเทาเบาบางให้ความรู้สึกนั้นลดลงได้ ผมเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆพลางมองไปนอกหน้าต่างเพราะไม่รู้จะทำอะไร มันไม่มีอารมณ์แม้จะหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมส์ หรือเช็คโซเซี่ยลอะไรอย่างที่ชอบทำ ไม่แม้แต่ยากจะฟังเพลงอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่รู้สึกคือ ‘ กูอยากกลับบ้าน ’

“ นั่งให้มันนิ่งๆ ” คำสั่งของคนขับรถหันมาบอกกันก่อนจะเอื้อมมือมาจับไว้ เพิ่งสังเกตว่ารถจอดติดไฟแดงอยู่ที่แยกหนึ่ง ผมหันหน้าไปมองหน้าอาฟที่ก็มองกันอยู่

“ กูก็ไม่ได้นั่งขยับไปไหนสักนิด ” เหลือบลงมองมือของมันที่จับกันไว้แน่นผมแซว “ อ้างจะจับมือกูก็บอก ”

“ ก็รู้ดีนี่ ” ยกยิ้มให้กันกับประโยคนั้น ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง “ หลุดแยกนี้ เลี้ยวซ้ายก็เข้าหมู่บ้านกูแล้วนะ ”

‘ แต่ถ้าจะทำลายความเงียบด้วยประโยคนี้ กูก็ขอบอกเลยว่า อย่า ’

“ ปวดท้องแล้วตัวกู ” พูดแบบนั้นก่อนจะดึงมืออีกข้างขึ้นมาจับที่ท้อง ท่าทางที่ทำให้คนข้างกันยิ้มก่อนจะดึงมือที่กุมกันอยู่นั้นขึ้นมาหอม “ มึง ”

“ ว่า ”

“ กูถามหน่อยได้มั้ยว่าพ่อแม่มึงเป็นคนยังไง แบบเค้าดุมั้ย ”

“ ไม่ดุ ” อีกคนบอก “ พ่อไม่ค่อยสุสิงคนคนเท่าไหร่ นิสัยคล้ายๆกู ส่วนแม่ก็เหมือนไอ้เดย์มั้ง ”

“ ก็ต้องช่างพูดหน่อยเหรอ เข้ากับคนง่ายๆ เฟรนลี่ อะไรทำนองนั้น”

“ แต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน ” จบประโยคนั้นผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันมองนอกหน้าต่างแล้วคิดขึ้นมาในใจว่า แล้วหนึ่งในคนที่จะไม่ดีด้วยนั้น ก็ต้องเป็นกูแน่นอน

รถสปอร์ตเริ่มชะลอความเร็วลงและเปลี่ยนช่องทางการเดินรถจากขวาไปยังทางซ้ายก่อนจะกดไฟสัญญาณเพื่อบอกทิศทางให้กับคันหลัง ผมมองไปนอกกระจกอย่างพิจารณาในช่วงเวลานั้น ภาพเบื้องหน้าเป็นหมู่บ้านใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ใจกลางกรุงเทพเสียทีเดียวแต่กลับแวดล้อมไปด้วยต้นไม้และบรรยากาศยามเย็มที่ค่อนข้างร่มรื่น

รถขับผ่านทางเข้าด้านหน้าของตู้ยามที่ดูดีสมเป็นหมู่บ้านจากโครงการมีระดับ เข้าสู่ภายในที่บ้านแต่ละหลังจะปลูกห่างกันพอสมควรราวกับเน้นความเป็นธรรมชาติไว้มากกว่า และที่ทำให้ละสายตาไปไม่ได้เลยก็คือ ขนาดตัวบ้านที่ได้เห็นผ่านสายตา มันเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นของจริง

ตั้งแต่เด็กเพื่อนที่รวยที่สุดของผมคือ จิง บ้านสองชั้นที่มีบริเวณของมันราคาประมานแปดหลัก ในห้องนอนที่มีทั้งห้องแต่งตัวและห้องน้ำแยกส่วนตัว แถมยังมีแม่บ้านสองคนคอยดูแลทุกอย่าง ผมเลยมีความคิดฝังหัวมาตั้งแต่นั้นว่านี่คือบ้านของเศรษฐี แต่วันนี้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้ผมรู้ว่า บ้านของเศรษฐีจริงๆ มันต้องเป็นแบบนี้ต่างหาก

ประตูรั้วสีดำถูกกดเปิดอัตโนมัติ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่โตปรากฏชัดขึ้นตรงหน้า แต่ยังไม่ทันหายตกใจกับขนาดบ้าน ผมกลับต้องมาตกใจมากกว่ากับจำนวนรถสปอร์ตหรูที่จอดเรียงรายกันอยู่ในส่วนจอดรถ และที่ตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่านั้นคือ ที่จอดรถมันมีสองชั้น

“ สุดยอด ที่จอดรถสองชั้น ”

“ บ้านนอก มึงพึ่งไม่เคยเห็นเหรอ ” คนขับหันมาบอกกันผมก็ได้แต่มองดูมันแบบไม่ละสายตาแล้วพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

“ แล้วทำไมมันเป็นสองชั้นได้วะ ”

“ เค้าเรียกว่าลิฟท์จอดรถ เดี๋ยวจะทำให้ดู ” พูดแบบนั้นคนขับก็ถอยหลังรถเข้าไปจอดในที่จอดที่ว่าง ดึงเบรคมือเรียบร้อยมันก็ปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันมาถามผมที่ยังมองดูรอบตัวแบบนิ่งๆ “ มึงจะไม่ลงเหรอ ”

“ ไม่ต้องนั่งในรถแล้วให้มันเคลื่อนขึ้นไปเหรอวะ ”

“ แล้วมึงจะเสด็จลงมายังไง ”

“ ก็จริง ” ได้แต่ยิ้มแห้งๆก่อนจะปลดสายเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแล้วลงมาจากรถ อาฟกดล็อครถของตัวเอง เราออกมายืนอยู่ข้างนอกก่อนจะอาฟจะเดินเข้าไปกดปุ่มที่เสา จากนั้นฐานลิฟท์ที่รองรถอยู่ก็ถูกเลื่อนขึ้นไปแล้วหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น เว้นเพื่อที่เหลือเฟลือไว้ด้านล่างเพื่อให้จอดได้อีกคันหนึ่ง  “ สุดยอดเลยวะ แต่มันก็เหมือนในร้านซ่อมรถมั้ยวะ ”

“ ก็ประมานนั้น แต่ส่วนใหญ่คนที่รถเยอะกว่าที่จอดก็จะซื้อมันมาติดตั้งไว้ ยกตัวอย่างเช่นพ่อกู ”

“ หมายความว่ารถทั้งหมดนี้ของพ่อมึงหมดเลยเหรอ ”

“ ใช่ ” ผมใช้สายตากวาดมองลานจอดรถทั้งสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งจอดเต็มทั้งสองชั้น นับได้ 8 คัน ส่วนอีกฝั่งมีแค่ 6 คัน นับของอาฟก็เป็น 7 ส่วนราคาแม้จะไม่ใช่คนที่รู้เรื่องรถเลย ก็พอเดาได้ว่าแต่ละคันคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดหลักแน่นอน “ พ่อกูสะสมรถ เค้าชอบรถมาก ”

“ อย่างงั้นเหรอ ” ผมพยักหน้ารับ “ งั้นมึงก็ได้รับอิทธิพลมาจากพ่อน่ะสิ มึงก็ชอบรถเหมือนกัน ”

“ คงงั้น ” ตอบรับแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือมากอดคอผม ในตอนนั้นร่างที่ถูกดันให้เดินไปตามทางข้างหน้า แต่มันก็มีบางอย่างที่ยังค้างคา และยังไม่หายสงสัยอยู่ดี “ แล้วนั่นมึงไม่เอารถลงมาเหรอ ”

“ เดี๋ยวไอ้เดย์เอาเข้ามาจอด ” อาฟบอก “ ปกติใครมาก่อนก็ต้องเอารถขึ้นไปจอดชั้นบน คนมาหลังจะได้มีที่จอด พ่อไม่ให้จอดรถตากน้ำค้าง ”

“ แบบนี้นี่เอง ”

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก้าวขาเดินไปตามทางจากลานจอดรถตรงขึ้นไปที่บันไดขั้นสั้นๆก่อนจะดึงประตูไม้หน้าบ้านสองบานนั้นให้เปิดออก ผมก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดในช่วงวินาทีนั้น ก่อนจะชะงักหยุดขาตัวเองจนคนข้างกายหันมามอง ความตื่นเต้นตีรื้นขึ้นจนทำให้ขาของผมมันแข็ง ลำคอที่แห้งเป็นผงราวกับขาดน้ำ ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอแล้วตอนที่ค่อยๆผ่อนลมหายใจออก มือหนาที่กอดอยู่ก็ลดระดับลงมาจับที่มือของผมไว้

ไม่มีคำพูดอะไรเลยที่ออกมาจากปากของอาฟ ไม่มีคำปลอบโยน หรือให้กำลังใจ มีแค่สายตาที่มองจ้องกันแล้วยิ้มให้ ยิ้มอบอุ่นของมันที่มาพร้อมกับใบหน้าคมที่ลดลงมาอยู่ที่ริมฝีปากก่อนจะผละออก มือหนาข้างนั้นกระชับมือของผมไว้แน่น

ไม่มีคำพูดมีแค่การกระทำ และเป็นการกระทำที่บอกว่า
‘ จะอยู่ข้างๆอย่างนี้ ไม่ไปไหน ’

“ หวังว่าสีมงคลวันนี้จะเป็นสีชมพูนะ ” คำพูดที่ทำให้อาฟหลุดยิ้ม ผมแค่ไม่อยากให้เราเกร็งแม้ในใจของผมจะไม่เหลือสติอยู่แล้วก็ตาม

มือหนาเปิดประตูไม้บานใหญ่ของตัวเองเข้าไปในบ้าน ผ่านหน้าที่เป็นชั้นวางรองเท้า อาฟเปิดมันหยิบรองเท้าใส่ภายในบ้านทั้งของผมแล้วก็มันมาวาง ส่วนผมที่ถอดรองเท้าแล้วก็จัดรองเท้าตัวเองชิดมุมในไว้เรียบร้อย เราใส่รองเท้าแล้วมองไปรอบๆบ้าน ที่ตอนแรกคิดว่าข้างนอกอลังการแล้ว แต่มันกลับผิดกับข้างในโดนสิ้นเชิง

โคมไฟแชงเดอร์เรียหรูหรา ห้อยลงมาจากเพดานในส่วนของห้องรับแขกที่มีโซฟาชุดใหญ่ ประดับด้วยงานศิลปะอย่างดีที่ถึงแม้ไม่ใช่คนมีหัวทางด้านศิลปะผมก็พอเดาออกได้ว่า มันคงเป็นงานศิลป์ที่มีราคาพอควร บ้านของอาฟเป็นบ้านที่ตกแต่งแบบใช้ไม้สีน้ำตาลสวยตกแต่งเข้ากับกระเบื้องโทนสีขาว มันเลยดูอบอุ่นแต่ก็แฝงไปด้วยความหรูหรา ผมโดนจูงมือผ่านจุดห้องรับแขกเข้าไปในด้านในที่เป็นทางแยก อาฟหยุดอยู่ตรงกลางก่อนจะเอ่ยบอก

“ พ่อแม่คงอยู่ในห้องกินข้าว ” มันยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะเอ่ยบอกกัน ใบหน้าคมเชิดไปทางขวาของตัวบ้าน เราเดินตรงไปตามทางนั้น เสียงทีวีที่ดังแว่วมาความรู้สึกวูบโหวงในอกตีรวนไม่มีหยุด ผมรู้สึกมือผมมันเย็นแต่เหงื่อกลับออก แล้วในวินาทีที่เท้าของคนนำทางหยุดชะงัก อาฟก็ปล่อยมือผมก่อนจะยกมือไหว้คนที่นั่งอยู่ด้านในนั้น ผมเองก็เช่นกัน

“ พ่อแม่ สวัสดีครับ ” ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวแบบกลมหันมามองผมก่อนจะส่งยิ้มมาให้เค้าลูกชายตัวเองที่เอ่ยทัก แตกต่างจากผู้หญิงสวยที่นั่งอยู่ข้างกายกัน เธอแค่หันมามองแล้วยิ้มให้ลูกชาย ก่อนจะตีสีหน้านิ่งสนิทในตอนที่ใช้สายตามองผมตั้งหัวจรดปลายเท้า

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพ่อแม่ของอาฟ หลายครั้งที่ผมเคยนึกสงสัยว่าพ่อแม่ต้องหน้าดีแค่ไหนถึงได้ปั้นลูกชายสองคนออกมาได้หล่อแบบนั้น แล้ววันนี้ผมก็รู้สึกไม่นึกสงสัยอีกต่อไป เพราะพ่อของอาฟเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก มีมาดนักธุรกิจแบบที่จินตนาการไว้ ส่วนแม่ของอาฟ เธอสวยแบบมีเสน่ห์เป็นผู้หญิงร่างเล็กที่ก็สูง เหมือนพวกคุณนายในละครหลังข่าว

“ นี่เมดแฟนผมครับ ส่วนมึงนี่ พ่อ แล้วก็แม่กู ” 

“ สวัสดีครับ ” ผมเอ่ยขึ้นไปพร้อมกับยกมือไหว้ พ่อของอาฟพยักหน้ารับ ส่วนแม่ยกมือไหวกลับด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม เป็นท่าทางที่ไม่ต่างอะไรกับที่คิดไว้ ‘ แม่มึงคงเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ยกเว้นกู ’

 “ สวัสดีครับน้องเมด นั่งลงก่อนสิ กินข้าวกันก่อน ” พ่อของอาฟบอกแบบนั้นก่อนจะผายมือชวนให้เราสองคนนั่งลง โต๊ะแบบกลมที่ที่นั่งของผมตรงกับที่นั่งของแม่ชัดเจน ผมที่ได้แต่ยิ้มสู้ให้เธออย่างไม่รู้จะทำอะไร ชวนให้บรรยากาศอึดอัดจุกแน่นอยู่ในใจของผม ท้องไส้ที่แสดงอาการปั่นป่วน เพราะอีกฝ่ายไม่มีการตอบกลับอะไรกลับมาเลย แม่ยังคงนิ่ง นิ่งเสียจนอาฟเอ่ยทัก

“ แม่จะไม่ยิ้มให้อาฟหน่อยเหรอ ” เธอหลุดยิ้มกว้างออกมาตอนที่ลูกชายทัก แล้วนั่นก็ทำให้เห็นว่า เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากในตอนที่ยิ้ม

“ กว่าจะกลับบ้านนะ พี่อาฟ แม่คิดว่า แม่จะไม่เจอพี่อาฟแล้วด้วยซ้ำ ”

“ ก็ถ้ามันไม่มีธุระมันคงไม่มาหรอก ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะเหลือบมองผม ไม่ต่างอะไรกับคนเป็นแม่ผิดกันเพียงแค่พอแม่มองมาทางผมยิ้มที่เธอมีมันก็หุบหายไป

‘ ท่าทางวันนี้สีมงคลจะไม่ใช่สีชมพู ’  ได้แต่พูดอยู่ในใจอย่างงั้น แล้วในตอนนั้นพ่อของอาฟก็เอ่ยพูดขึ้น

“ งั้นเรามาเริ่มทานข้าวกันเลยมั้ย ”

“ อย่าเพิ่งสิคุณพี่เดย์ยังไม่มาเลยนะ ”

“ ต้องรอลูกชายสุดที่รักก่อน ” พ่อพูดกับผมเสียงเบาๆราวกับกระซิบ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วก็ก้มหน้าลงรับโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา

“ คุณนี่ก็ ”

“ แล้วน้องเมดตอนนี้เรียนอยู่ใช่มั้ย ”

“ ใช่ครับ ผมเรียนบัญชี ปีสี่แล้วครับ ”  ตอบไปยิ้มไปให้กับคนถาม มือชื้นเหงื่อลูบเข้ากับขากางเกงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในตอนนั้นอาฟก็เอื้อมมือมาจับกันไว้ ราวกับว่าจะให้ผ่อนคลายลงสักหน่อย

“ แล้วรู้จักกับพี่อาฟได้ยังไงละ ” คำถามของแม่ทำให้ผมนิ่ง แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร อาฟก็เป็นคนตอบขึ้นมาก่อน

“ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วแม่ ตอนอยู่ม.ปลาย ผมชอบเค้าก่อน ”

“ งั้นเหรอ ” เธอว่า ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ แล้วตอนนี้ทำงานกับอาฟเป็นยังไงบ้างละ ไอ้นี่จัดการยากมากเลยใช่มั้ย ”

“ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ” ผมยิ้ม “ แค่บางทีไม่ค่อยพูด แต่ว่าอาฟก็เป็นคนที่ค่อนข้างจริงจังกับงาน ”

“ ถนัดงานบัญชีมากเลยสินะ เห็นเดย์เล่าให้พ่อฟังว่าตั้งแต่ที่เมดเข้ามาทำงาน ผับก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นเยอะ นับรายได้ชัดเจนได้หลายเดือนได้ ”

“ ก็เป็นสายที่เรียนอยู่แล้วครับ ผมเลยถนัด ”

“ แล้วทำไมเป็นผู้ชายแล้วถึงมาชอบกันเองละ ” คำถามที่ทำให้ทุกอย่างในนั้นเงียบลง ผมที่ได้แต่นิ่งมองเธออย่างไม่รู้จะตอบอะไร พ่อเองก็ได้แต่เหลือบมองแม่ด้วยสายตาห้ามปรามแต่เพราะแม่มองผมอยู่ เธอเลยไม่ได้หันไปเห็นอะไร แล้วตอนนั้นอาฟก็พูดขึ้นเสียงเรียบๆ

“ ถามอะไรก็ควรมีมารยาทนิดนึงมั้ยแม่ อาฟว่ามันไม่ควรถามนะ ”

“ อาฟ ” พ่อหันมาพูดกับมันที่ก็ถอนหายใจออกมาเสียงดังแล้วหันไปจ้องพ่อตัวเอง

“ หรือว่าพ่อว่ามันไม่จริง ”

บทสนทนาที่เอ่ยออกไปทำให้บรรยากาศบนโต๊ะของเราแย่ลงฉับพลัน คนข้างผมมองหน้าแม่ตัวเองด้วยสายตาที่เราไม่ควรใช้มองผู้ใหญ่ ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังติเตียนแม่ตัวเองผ่านทางสายตานั้น ก่อนจะหลบไปทางอื่นในตอนที่ผมบีบมือที่เราจับกันไว้อยู่เพื่อบอกมันให้ลดความรู้สึกโกรธลงเสียหน่อย แล้วตอนที่ทุกอย่างเงียบลงเสียจนน่าอึดอัด เสียงของคนมาใหม่ก็ดังขึ้น

“ น้องเดย์มาแล้วครับทุกคนนนนนนนนนนน ” เจ้าของเสียงโผล่มาพร้อมยิ้มกว้างที่ก็ต้องหดลงไปในตอนที่ทุกคนในห้องรับประทานอาหารหันไปมอง “ เกิดอะไรขึ้นอะ น้องเดย์มาผิดจังหวะเหรอ ”

“ ถูกมากเลยต่างหาก ” พ่อบอกก่อนจะเชิดหน้ามาที่เก้าอี้ข้างคนเป็นแม่ “ นั่งลงได้แล้ว เค้ารอมึงอยู่คนเดียว ”

“ อุ้ย ขอโทษครับ ” พูดแบบนั้นก่อนจะปรี่ตัวมานั่งลงข้างแม่ตัวเอง “ แต่ก่อนอื่นนะ ขอหอมแก้มคนที่สวยที่สุดในบ้านก่อน ” ไม่พูดเปล่าแต่ทว่ามือของน้องเดย์ก็เอื้อมไปกอดคนเป็นแม่ก่อนจะหอมซ้ายหอมขวา เป็นท่าทางน่ารักที่ชวนให้ผมยิ้ม ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถหาท่าทางแบบนี้ได้จากลูกชายคนโตของบ้านอย่างคุณอารยะแน่นอน

“ ทำตัวเป็นเด็กไปได้น่าพี่เดย์ อายแขกบ้าง ” เธอพูดหน้าแดงๆ ด้วยรอยยิ้ม เป็นท่าทางมีความสุขที่แสดงออกมาหมดด้วยแววตาที่ไม่ปิดบัง

“ แขกอะไร นี่พี่สะใภ้ไง คนในครอบครัวน่าแม่ ” พูดออกมาแบบไม่ทุกร้อน แถมยังถามอย่างไม่คิดออกไปว่า “ เป็นยังไงลูกสะใภ้น่ารักปะ ” 

“ จิ๋ว เอากับข้าวออกมาได้แล้ว ” เธอพูดหันไปพูดกับแม่บ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นแทนที่จะตอบคำถามของลูกชายคนเล็กที่กอดกันไว้ ท่าทางบอกปัดที่ทำให้น้องเดย์เบิกตาขึ้นยิ้มๆก่อนจะดึงมือตัวเองออกแล้วกลับมานั่งที่เดิม แล้วช่วงเวลาสั้นๆที่หันมามองหน้าผมนั้น อีกคนก็เหมือนจะอย่างเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที “ วันนี้แม่เตรียมทั้งของโปรดพี่อาฟ แล้วก็ของโปรดพี่เดย์ด้วยนะ นานๆทีกลับบ้าน กินข้าวเยอะละ ”

“ น้องเมดก็กินข้าวเยอะๆนะ ไม่ต้องเกรงใจ ” พ่อที่พูดขึ้นแทนผมก็พยักหน้ารับ แม่บ้านเริ่มยกอาหารขึ้นโต๊ะทีละอย่าง ที่นี่แม่บ้านไม่ได้เหมือนกับในทีวีอย่างที่เคยดู ไมได้ใส่ชุดแม่บ้าน ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขาห้าส่วนธรรมดา

“ ทะเลผัดผงกระหรี่ของไอ้.. ของพี่อาฟโคตรน่ากิน ” ผมหลุดหัวเราะออกมากลางวงโต๊ะอาหารตอนที่น้องเดย์พูดคำนั้น และดันหยุดหัวเราะไม่ได้เลยต้องเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น เอาจริงๆ ถ้าตอนนี้ผมแซวได้ก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า ‘ อุ้ยๆ เรียกพี่อาฟซะด้วย น่ารักจริงๆเลยเด็กน้อย ’

“ ขำอะไรเหรอน้องเมด ” แม่ถามผมก็นิ่งไปทันทีก่อนจะส่ายหน้า

“ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ”

“ ไอ้เดย์พูดเสียงดังกว่าไอ้เมดยังไม่เห็นขอโทษที่เสียมารยาทเลย ” อาฟพูดขึ้นเสียงเบาๆในตอนที่กินอาหาร ตอนนั้นแม่ที่กำลังกินข้าวชะงักช้อนที่กำลังจะเอาเข้าปาก เธอวางลงก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“ ขัดคำพูดผู้ใหญ่เตือนมันไม่น่ารักนะพี่อาฟ ”

“ แล้วผู้ใหญ่ที่พูดไม่ดีกับเด็กมันน่ารักเหรอครับ ” สงครามสายตาของสองแม่ลูกที่กำลังจ้องมองกัน ผมเหลือบมองอาฟสลับกับแม่ของอีกคนก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดเพื่อทำลายความอึดอัดนั้น “ ตักทะเลผัดผงกระหรี่ให้หน่อย ”

“ อื้ม ” คำตอบรับสั้นๆ อาฟก็เอื้อมมือไปตักกุ้งในจานมาให้ผม

 “ ปกติมึงชอบกินทะเลผัดผงกระหรี่เหรอ ” เอ่ยถามเสียงเบาๆอาฟก็แค่พยักหน้ารับ

“ อื้ม ที่บ้านทำอร่อย ”

“ ปกติมึงชอบบอกว่ากินอะไรก็ได้ทั้งนั้น ความรู้ใหม่เลยว่ามึงชอบกินอะไรแบบนี้ด้วย ”

“ น้องเมดไม่รู้หรอกเหรอ ” เธอถามผมก็ได้ยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ คือปกติแล้วเรา..”

“ คบกันยังไงทำไมถึงไม่รู้ว่าพี่อาฟชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไรละ คงเป็นคนไม่ใส่อะไรใช่มั้ย ” เธอพูดขัดคำอธิบายของผมขึ้นมาก่อนจะยิ้ม “ แต่ก็คงไม่แปลกหรอก นิสัยผู้ชายแหละเนอะ ก็มักไม่ค่อยใส่ใจอะไรอยู่แล้ว ”

“ พอเถอะคุณ ” พ่อของอาฟพูดขึ้น ก่อนจะตักกับข้าวใส่จานของแม่ “ ทอดมันกุ้งของโปรดคุณน่ะ กินข้าวได้แล้ว อย่ามัวแต่พูดมากอีกเลย ”

ผมหยิบช้อนในจานขึ้นมาอย่างไม่รู้จะตักอะไรมากินหลังจากที่กินข้าวคำแรกเข้าไปแล้ว สาบานเลยว่านี่คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเกลียดโต๊ะหมุน เพราะตอนนี้ไม่กล้าแม้จะเอื้อมมือไปหมุนอะไรมาไว้ตรงหน้า ไม่รู้ด้วยจังหวะไหนควรหมุน จังหวะไหนไม่ควรหมุน หนำซ้ำความอยากอาหารยังไม่มีอยู่ในใจทั้งๆที่อาหารตรงหน้าก็มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น ดูเหมือนตอนนี้สิ่งเดียวที่มีถ้าพอทำได้ก็คืออยากจะหายไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

‘ มันโคตรอึดอัด ’ ผมไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เลย  ไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนไม่มีใครต้อนรับ หนำซ้ำยังถูกพูดจาไม่ดีใส่ ทั้งๆที่ตัวผมก็ไม่ได้มีความผิดใดเลย เพียงแค่เดินเข้ามาแนะนำในฐานะที่คนรักของคนคนหนึ่งเท่านั้น แต่ทว่าปากผมก็ต้องถูกปิดเงียบไว้ ก้มหน้าก้มตายอมรับคำพูดสอดเสียดพร้อมทั้งแววตาไม่ชอบใจ โดยไม่แม้จะให้โอกาสทำความรู้จักกัน ผมที่ทำได้แค่ยิ้มในตอนนี้ ก้มหน้ายอมรับทุกอย่าง เพราะจะได้กลายเป็นคนที่ไม่น่ารักในสายตาผู้ใหญ่

โลกใบนี้มันก็เหี้ยแบบนี้ ผู้ใหญ่ทำตัวไม่น่ารักใส่เด็กยังไงก็ได้ แต่กลับกันที่เด็กจะไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนั้นใส่ผู้ใหญ่ได้เลย แม้ว่าเด็กจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม ทั้งๆที่บางที เป็นผู้ใหญ่ก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป

มนุษย์เหมือนกันแท้ๆ แต่แค่เกิดก่อน ก็มีสิทธิ์มากกว่าแล้วเหรอวะ
โลกแม่ง โคตรไม่แฟร์เลย

“ อร่อย ” หมูทอดอะไรสักอย่างถูกตักมาใส่จานผมพร้อมกับคำพูดสั้นๆของคนข้างกาย ผมหันไปยิ้มให้อาฟที่ก็ตักนู้นตักนี่มาให้ ก่อนที่พ่อจะหมุนโต๊ะที่มีถ้วยต้มยำปลามาตรงหน้าผม

“ น้องเมดกินต้มยำปลาสิ อร่อยนะ ที่นี่แม่เค้าจะให้แม่บ้านทำแบบไม่ก้างเลย กินง่ายมากเพราะผู้ชายบ้านนี้เรื่องมาก ”

“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอื้อมมือไปตักมากินตามคำชวน

“ แต่น้องเมดคงรู้อยู่แล้วละนะ ว่าผู้ชายบ้านนี้เรื่องมาก ก็เพราะไอ้ที่สุดของความเรื่องมากในบ้าน มันนั่งอยู่ข้างๆทั้งคน ”

“ ใครเรื่องมากพ่อ ” อาฟถามพ่อตัวเองเหมือนไม่รู้ตัวอีกคนก็ยกยิ้ม แล้วตอนนั้นผมก็ได้รู้ว่าอาฟหน้าเหมือนพ่อมากโดยเฉพาะเวลายิ้ม

“ มึงนั่นแหละตัวเรื่องมาก ”

“ ใช่ๆ ” น้องเดย์เสริมขึ้นมาผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วหันไปมองคนข้างตัว

“ เมื่อก่อนตอนมันเป็นเด็ก พวกเราจะชอบไปเที่ยวทะเลกัน แล้วรู้มั้ยว่าแค่ไม่ใช่ห่วงยางสีน้ำเงิน ไอ้นี่มันก็ไม่เล่นน้ำแล้วนะ เป็นตัวทำให้ทริปกร่อยตลอด มันคือนัมเบอร์วัน ”

“ คือจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังเลยใช่มั้ยพ่อ ” อาฟถามคนเป็นพ่อที่กำลังหัวเราะเสียงดังแบบท่าทางหาเรื่อง แต่พ่อก็สวนกลับ

“ มึงอย่าพูดแบบนี้ มันเหมือนมึงพาสาวเข้าบ้านมาเยอะแล้ว ทั้งๆที่จริง คนที่ทนมึงได้มีแต่น้องเมดคนเดียว ”

“ ก็จริง ” อาฟหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวแบบไม่สนใจ “ คนที่ทนกูได้เหมือนจะมีแค่มึงเท่านั้น ”

“ แล้วเพราะแบบนั้น กูก็เลยเลือกมึงไงเป้นคนสำคัญที่สุดที่จะพามาพบพ่อกับแม่ไงจ้ะ วิ้ววววววว  ” น้องเดย์เสริมขึ้นก่อนจะเม้มปากตัวเองแน่นด้วยท่าทางล้อเลียน

“ มัวแต่คุย น้องเมดกินปลาที่พ่อบอกหรือยังครับ ลองกินนะ อร่อยมากเลย สดมาก ”

“ ได้ครับ ” ผมลองชิมปลาที่ตักมา ตอนที่เคี้ยวอยู่ในปากรสชาติมันหวานอย่างที่บอกไว้เลย สดมากแถมยังไม่มีก้างให้กวนใจเลยด้วย “ อร่อยมากเลยครับ ”

“ ทอดมันกุ้งก็อร่อยนะ เดย์ตักให้พี่สะใภ้มึงสิ ”

“ ได้เลย ” น้องเดย์ตักกับข้าวที่พ่อบอกให้ผม “ เอาน้ำจิ้มอะไรดี บ๊วย ซอสมะเขือเทศ ”

“ บ๊วย ”

“ บ๊วยน้า โอเคเลย นี่ครับผม ” ตักราดให้อย่างดี ผมที่ก้มหน้าลงกินในตอนนั้นแม่ที่นั่งเงียบอยู่นานก็รวบช้อนที่กินอยู่ทั้งๆที่กินยังไม่ถึงครึ่งจาน

“ อิ่มแล้วแม่ขอตัวนะ กินให้อร่อยกันละ ” เธอหันมายิ้มแบบปัดๆให้ผมก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะไป พวกเราที่มองตามในตอนนั้นน้องเดย์ก็ทำทีเหมือนกำลังจะรั้งและเอ่ยถามแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร พ่อก็ส่งสายตาห้ามไว้ ก่อนจะพูดแบบไม่ออกเสียง

“ ไม่ต้องไปง้อ ”

“ ใจร้ายยยยยย ” น้องพูดขึ้นแบบใส่อารมณ์ก่อนจะหยิบจานข้าวของแม่ที่กินข้าวเหลือไว้มากวาดใส่จานตัวเองและตักกับข้าวกินต่อ “ พี่เมดจะกินอะไร บอกเลยน้องเดย์จะบริการพี่สะใภ้อย่างดีเลยนะครับ ”

“ แค่นี้ก็อิ่มแล้ว ”

“ ไม่อิ่มหรอก ” อาฟพูดขัด “ ตักทอดมันกุ้งให้มันอีก มันชอบกิน ”

“ รับทราบ พี่เมดกินเยอะๆสิ เดี๋ยวคุณนายแต๋วเสียใจนะ ” ผมขมวดคิ้วกับชื่อของบุคคลที่สามที่น้องเอ่ยถึง แล้วตอนที่หันไปหาอาฟมันก็พูดเสียงเรียบ

“ ป้าแม่บ้านที่ทำอาหาร ”

“ อย่าเพิ่งรีบอิ่มกินเข้าไปเยอะๆ วันนี้มีลอดช่องน้ำกระทิด้วยนะ อร่อยมากเลย เพราะแม่เค้าลงมือทำเอง มันเป็นของโปรดของไอ้สองตัวนี้ ”

“ อร่อยมากๆเลย ต้องกินให้ได้นะ ฝีมือทำของหวานของแม่ อร่อยเด็ดแบบเจ็ดย่านน้ำก็สู้ไม่ได้ ”

“ จริงเหรอ ” หันมาถามอาฟเสียงเบา เพราะรู้ว่ามันเคืองแม่ตัวเองอยู่ไม่น้อย แล้วผมก็อยากให้มันหายเคืองเสียที

“ อื้ม แม่ทำขนมอร่อย ”

จบมื้ออาหารด้วยลอดช่องน้ำกระทิที่อร่อยสมคำล่ำลือ ผมจัดการฟาดไปตั้งสองถ้วย ไม่นับข้าวอีกสองจาน สภาพตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าต้องนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวเพราะขยับไปไหนไม่ได้เลยกางเกงแน่นมาก แน่นจนอยากจะปลอดตะขอแต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่นั่งอยู่ตรงหน้า

“ อร่อยมั้ยน้องเมด ”

“ อร่อยมากๆเลยครับพ่อ ”

“ ดีแล้วละ งั้นก็มากินข้าวด้วยกันบ่อยๆนะ ” พ่อพูดแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากนั่งออกไป  เหลือไว้แค่ผมกับอาฟแล้วก็น้องเดย์ที่ยังคงนั่งดูทีวีพร้อมกับกินลอดช่องไปด้วย

ในบรรยากาศที่ได้ยินแต่เสียงทีวีและเสียงเก็บจานของแม่บ้าน ผมลุกขึ้นช่วยหยิบจับเพราะไม่รู้จะทำอะไรพลาง เหลือบมองลูกชายของบ้านที่ยังคงนั่งดูทีวีนิ่งๆ ก่อนจะหันสายตาไปมองรอบๆตัว ผมรู้สึกว่าบ้านของอาฟแบ่งออกเป็นสัดส่วนอย่างดี ห้องอาหารจะติดกับครัวฝรั่งเล็กๆ เหมือนไว้ใช้ทำอาหารง่ายๆ แล้วพอมองลึกเข้าไปก็ยังมีแยกออกไปอีกหลายส่วน ท่าทางว่าครัวใหญ่น่าจะอยู่ด้านหลัง

“ ลึกเข้าไปเป็นครัวใหญ่ ส่วนนั้นทั้งหมดจะเป็นฝั่งแม่บ้านหมดเลย มีทั้งห้องซักรีด ห้องพักผ่อนของเค้า แล้วก็ส่วนกลางไว้ใช้ด้วยกัน ”

“ ที่นี่มีกฏไม่ใช้งานแม่บ้านหลังหกโมงเย็น ที่บ้านเราเลยกินมื้อค่ำกันเร็วมาก บ่ายห้าก็กินแล้ว เพราะแม่บอกว่าทุกคนควรมีเวลาพักผ่อนเป็นของตัวเอง  ” น้องเดย์พูดเสริมขึ้นผมก็ถาม

“ แล้วแม่บ้านที่นี่มีกี่คนเหรอ ”

“ สามคน อยู่มาตั้งแต่เราเด็กๆแล้วด้วย ก็มีคุณนายแต๋วเป็นฝ่ายทำอาหาร พี่จอยจะดูแลห้องแม่ แล้วก็พี่ติ๊กที่ดูแลเราเมื่อก่อน ส่วนตอนนี้มาดูแลความสะอาดในบ้านละ ”

“ มีคนดูแลด้วยเหรอแบบพี่เลี้ยง ”

“ แค่จัดห้อง รีดเสื้อผ้า ซักผ้าอะไรแบบนั้น ” อาฟบอก “ แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ทำแล้วละ เพราะว่าเราไม่ค่อยกลับบ้านกัน ” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมแม่บ้านมีเยอะเกินความจำเป็นขนาดนี้ ก็เพราะอยู่กันมานานแล้วนั่นเอง

“ ส่วนอีกฝั่งนึง ตรงไปจะเป็นห้องนั่งเล่นที่ไว้ดูหนังของทุกคนเป็นห้องโปรดของพ่อ ถ้าหาที่ไหนไม่เจอก็จะเจอนั่งอยู่ในห้องนั้นแหละ ถัดไปอีกเป็นห้องสังสรรค์มีคาราโอเกะ ไว้ให้เพื่อนๆมากินเหล้ากัน เสียงดังกันแบบเต็มที่เพราะเป็นห้องเก็บเสียง ” น้องเดย์เสริมขึ้นผมก็ได้แต่มองตาม

“ แต่ส่วนใหญ่ไอ้เหี้ยเดย์จะใช้เล่นเกมส์ ” อาฟพูดขัดขึ้น น้องชายคนที่พูดก็ยักคิ้วให้กันก่อนจะยกนิ้วเก็กหล่อไว้ตรงคาง

“ ส่วนถัดไปอีกก็ห้องเลี้ยงแมวของแม่ แล้วก็มีสวนข้างหลังด้วยนะ สวยมาก เพราะแม่ชอบความร่มรื่นและดอกไม้นานาพรรณ  ”

“ แต่มีห้องเลี้ยงแมวแบบนี้ งั้นไอ้หมูตุ๋นก็ต้องอยู่ในห้องนั้นด้วยสิ ”

“ ใช่แล้ว ” ผมดึงตัวเองขึ้นมาด้วยความสนใจ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากขอให้พาไปน้องเดย์ก็ยกมือขึ้นห้ามก่อน “ ไว้พรุ่งนี้พาไปนะ วันนี้คงไม่ได้ คุณนายคงใช้ห้องอยู่ ”

“ เหรอ ” พยักหน้ารับจำยอมไป ในตอนนั้นอาฟก็ลุกยืนเต็มความสูง

“ ขึ้นข้างบนได้แล้วไป ”

“ แล้วจะลงมาดูหนังมั้ยสัดพี่ ”

“ ไว้จะคิดดูก่อน เรื่องอะไรโทรไปแล้วกัน ” ไม่เข้าใจในบนสนทนานั้นสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้คิดถามอะไร ได้แต่เดินตามเจ้าของบ้านออกจากส่วนของห้องอาหารแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน และเหมือนสิ่งที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นภาพสี่ภาพที่ติดอยู่ตรงช่วงพักของบันได

“ ภาพนี้เท่ห์ว่ะ ” ผมเอ่ยบอกตอนที่ชี้ไปอาฟก็เหลือบมองตาม ภาพที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมสีดำ แต่งด้วยโทนดำสุดเท่ห์ที่สองรูปบนเป็นภาพพ่อแม่ที่อยู่คนละภาพแต่กำลังหันมองกันเป็นความน่ารักที่พอถัดมาก็เป็นภาพลูกชายสองคนที่คนหนึ่งหน้านิ่งยกยิ้มหาเรื่องตากล้องสุดๆ กับอีกคนที่ก็ยิ้มกว้างอย่างน่ารัก

“ พ่อตั้งใจว่า ถ้ามีลูกสะใภ้จะเอามาติดเพิ่ม เค้าจะทำเป็นแผนภูมิครอบครัว ”

“ ความคิดโคตรเท่ห์ ” ผมพูดออกมาก่อนจะพยักหน้ารับกับความรู้สึกที่ตัวเองก็รู้สึกว่าสมแล้วที่ตั้งชื่อลูกสองคนว่า อาฟเตอร์เดย์ ที่มีความหมายกินใจอย่างงั้น

ห้องนอนของอาฟอยู่ด้านในสุดของฝั่งขวา ตรงข้ามกันข้ามกับห้องน้องเดย์ที่ก็มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในสไตส์ตั้งแต่หน้าประตู เรียกได้ว่าถึงไม่เคยมาผมยังแยกออกว่าห้องไหนห้องอาฟ ห้องไหนห้องน้องเดย์ เพราะประตูที่มีสติกเกอร์ป้ายห้ามต่างๆติดเต็มไปหมดนั้น คงไม่ใช่ห้องของคุณอารยะแน่นอน

“ ว้าว ” เผลอหลุดปากออกมาตอนที่เห็นห้องของอีกคนที่ตกห้องด้วยโทนสีดำ ผมไม่แน่ใจว่าสไตส์ห้องแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่มันคล้ายกับบ้านในนิวยอร์กที่พื้นเป็นไม้ลายฟันปลา แต่งผนังเป็นสี่เหลี่ยมราวกับกรอบรูป ดูเท่ห์และสุขุมสมกับเจ้าของห้อง

“ ชอบเหรอ ”

“ โคตรเท่ห์ ” พูดแบบนั้นก่อนจะหันมองเข้าไปห้องน้ำที่บอกเลยว่า ทำห้องน้ำที่บ้านผมได้สามห้อง ไม่นับห้องแต่งตัวที่เหมือนจะเท่าห้องนอนบ้านผมอีก  ส่วนห้องนอนก็แบ่งมุมชัดเจนเป็นโต๊ะทำงาน ดูทีวี แล้วก็ชั้นของสะสมซึ่งส่วนใหญ่เป็นโมเดลรถ แล้วก็หุ่นยนต์ “ ชอบตรงนี้ว่ะ ” ชี้ไปที่ยกพื้นที่ทำเป็นโซฟาเข้ามุมติดกับหน้าต่าง “ นี่ถ้ากูเป็นมึงนะ กูจะอยู่แต่ในห้องไม่ไปไหนเลย ห้องโคตรสวย ”

“ บ้านอยู่สบาย ไม่ใช่อยู่ที่สถานที่แต่เป็นผู้คน ” อีกคนพูดก่อนจะนั่งลงตรงปลายเตียง “ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือถึงมึงจะชมว่าห้องกูเท่ห์มากแค่ไหน แต่ในใจมึงก็อยากกลับคอนโดกูอยู่ดี ”

“ ก็ไม่ถูกสักทีเดียวหรอก ” บอกแบบั้นก่อนจะยิ้มแล้วเดินลงไปนั่งข้างๆกับอีกคนบนเตียง ผมชันเข่าขึ้นตั้งเท้าบนขอบเตียงพลางเอื้อมมือไปกอดขาไว้สองข้างนั้นพลางซบหน้าลงกับเข่าของตัวเอง “ ถ้ามึงบอกว่าบ้านคือผู้คน บ้านของกูก็อยู่ตรงนี้เหมือนกัน ” ชี้ไปที่ตัวของอาฟอีกฝ่ายก็ยกยิ้ม

“ ไปหัดพูดคำพูดนั้นมาจากไหน ” มือหนาเอื้อมมือจับที่ท้ายทอย ก่อนใบหน้าคมจะก้มลงมาหอมที่แก้ม “ เมด ”

“ ว่าไง ”

“ ขอโทษที เกี่ยวกับเรื่องแม่กู ”

“ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก กูพอเข้าใจอยู่ แต่ก็แค่น้อยใจเฉยๆ ว่าทำไมต้องพูดอะไรแบบนั้น ” ยิ้มให้อีกคนที่ก็มองผมนิ่งๆ ในแววตานั้นมีแต่ความรู้สึกเจ็บปวด อาฟไม่ชอบให้ใครมาว่าผม เรื่องนั้นผมรู้ดี และตอนนี้มันก็คงรู้สึกแย่เอามากๆที่แม่ของตัวเองมาพูดแบบนั้นกับผม “ ไม่ต้องซีเรียส เดี๋ยวทุกอย่างมันต้องดีขึ้น เจอครั้งแรกไม่ชอบ ครั้งที่สอง ครั้งสาม ก็อาจจะชอบก็ได้ มันต้องมีสักทางแหละมึง ที่ทำให้เค้าชอบ ”

“ ถ้าต้องโดนซ้ำๆอย่างงั้นก็ไม่ต้องหรอก ” อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จัดการถอดนาฬิกาแล้ววางไว้กับโต๊ะ “ กูไม่ได้แคร์ที่บ้านขนาดนั้น ”

“ ครอบครัวนะมึง ลองพยายามก่อนสิ ถ้าไม่ไหวจริงๆ เราก็ค่อยหาทางที่ดีที่สุดก็ยังได้ ตอนนี้มาลองพยายามทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัวก่อน ”

“ แล้วจะรนหาที่เจ็บปวดไปทำไม ”

“ เพราะกูรู้ไง ว่าที่มึงบอกว่าไม่สน มันก็เป็นแค่เรื่องโกหก ” ใบหน้าคมที่หันมามองกัน ผมได้แต่ยักคิ้วท้าทายราวกับจะอวดว่า ‘ กูพูดถูกใช่มั้ยละ ’  ในตอนนั้นอาฟที่ยิ้มออกมาได้แต่ส่ายหน้าไปมากับท่าทางนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก

ในความรู้สึกลึกๆ ผมรู้สึกว่ามันยังพอมีทางอยู่ แม่ของอาฟไม่ใช่คนที่ดูใจร้ายแบบที่ไม่ฟังใคร เธอคงยังมีเหตุผลอยู่บ้าง ไม่อย่างงั้นก็คงไม่ยอมมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกันถ้าเกลียดการที่ลูกชายมีแฟนเป็นผู้ชายเข้าเส้นเลือด และคงไม่ลงทุนทำขนมหวานให้กิน ทั้งๆที่รู้ว่า มื้อนี้จะมีผมมากินด้วย

ถึงเธอพูดจาทำร้ายความรู้สึกกัน แต่นั่นก็ยังมีความรู้สึกคิดถึงลูกชายมาเป็นอันดับหนึ่ง ยังแคร์ความรู้สึกของคนที่รัก  คนเรามีจุดแข็งอยู่ก็จริง แต่มันก็มีจุดอ่อน และผมแค่ต้องเข้าให้ถูกจุดถูก

บางทีถ้าได้รู้ว่าชอบอะไร แล้วเอาเรื่องที่ชอบมาชวนคุย ก็น่าจะไปด้วยกันได้อยู่ ‘ ถึงแม้จะเป็นคนที่เข้าหายากมาก แต่ไม่ว่ายังไงก็อยากลองดู ’

มีความคิดแค่ว่า อยากจะลองพยายามก่อน ดีกว่าไม่พยายามอะไรแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายคิดไม่ชอบกันไปแบบนี้ ผมอยากให้อาฟมีความสุข เหมือนอย่างที่อาฟอยากให้ผมมีความสุข  และที่สำคัญผมไม่อยากให้มันต้องเลือก

เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า คนอย่างอาฟ ถ้าต้องให้เลือกอะไรสักอย่าง
มันคงเลือกผมอยู่แล้ว

................................................................

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม

และขอประกาศเล็กน้อยนะคะ


ประกาศขยายเวลาการเปิดจอง #ผับชั้นสาม
จากเดิม กำหนดถึงวันที่ 5 มีนาคม
เราจะเลื่อนให้ยาวขึ้น เป็น ปิดจอง 5 เมษายน

ย้ำนะคะ

#ผับชั้นสาม ขยายเปิดจองจนถึงวันที่ 5 เมษายน


ด้วยเหตุผล

ทางเราเขียนตอนพิเศษไม่ทันค่ะ

เรามีธุระด่วนเข้ามาในช่วงกุมพานี้อย่างไม่คาดฝัน จนส่งผลกระทบไม่สามารถเขียนนิยายให้จบทันตามที่กำหนดไว้ เลยอยากจะขอเลื่อนไปอีก 1 เดือน

อีกทั้ง มีคนอ่านหลายคน ไม่พร้อมทางด้านการเงิน รวมถึงบางท่านอยากเห็นหน้าปกก่อนจึงจะค่อยๆทำการโอนเงิน

แต่เพราะหน้าปกหนังสือมาช่วงกลางเดือนกุมพาเลยกระชั้นชิดเกินไปสำหรับบางท่านที่ต้องการดูหน้าปกก่อน

เราจึงตัดสินใจเลื่อนการเปิดจากเดิมให้ยาวขึ้นเป็นปิดจองในวันที่ 5 เมษายนค่ะ

/ ในความล่าช้าของปก เป็นความผิดของเราที่เปลี่ยนแปลงปกกระทันหันเลยทำให้งานล่าช้าจากเดิมที่ปกควรเสร็จแล้วค่ะ /


ทั้งนี้เราจะอัพเดทความคืบหน้าต่างๆของหนังสือให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

นิยายยังอัพตอนพิเศษแบบ ศุกร์ เว้น ศุกร์ เช่นเดิม ( เพื่อให้ทุกคนวางใจว่าเรายังอยู่ ยังไม่ไปไหนนะคะ )

ท้ายนี้ทางเราขออภัยในความผิดพลาดครั้งนี้ด้วยและจากนี้เราจะพยายามเขียนนิยายตอนพิเศษทุกตินให้ออกมาอย่างดีที่สุดค่ะ


หนมมี่ผู้ใสซื่อ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2019 20:45:09 โดย patwo »

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
น้องเมด ฮื่ออ อยากไปนั่งข้างๆ ตอนกินข้าว ให้กำลังใจน้องเมดจัง  :monkeysad:

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
อึดอัด อึมครึม แต่ก็พอเข้าใจอยู่ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเนอะ อย่างน้อยๆคุณพ่อของอาฟก็ยินดีต้อนรับเมด ให้เวลาคุณแม่หน่อยเนอะ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
 :mew2: สู้ๆนะน้องเมด

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ ตัวยุ่ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแบบแทบไม่หลับไม่นอนเลยจริงๆ สนุกมากๆๆๆๆๆๆ มีเรื่องให้ลุ้นตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ จนถึงตอนพิเศษ พี่อาฟคือที่สุด โคตรดี โคตรป๋า ดีใจกับหนูเมดที่ได้มาเจอแล้วก็รักกับพี่อาฟอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป ชอบตัวละครอื่นๆ ทุกคนเลย โดยเฉพาะน้องอัยย์ น้องเดย์ น่ารักมากๆๆๆ หลงรักเลย // ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ ^^

ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
มารอจ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนพิเศษที่ 4

 “ แต่จะว่าไป แม่ก็ดูรักน้องเดย์มากเลยนะ ” ผมชวนอีกคนพูดขึ้นเพื่อขัดความเงียบของอาฟที่ตอนนี้กำลังยืนเล่นมือถืออยู่กลางห้อง มันที่เหมือนคุยไลน์กับใครสักคนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ทำเอาผมเหลือบมองด้วยความอยากรู้ว่าเป็นใครแต่ไม่ว่าจะยืดตัวมองเท่าไหร่ ก็มองไม่เห็น

“ มันเป็นสุดที่รักของแม่กูไง ” พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะล็อคหน้าจอมือถือแล้วใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม อาฟเดินมานั่งข้างกันตรงข้างเตียง

“ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ”

“ สมัยเด็กมันอ้อนแม่มากกว่านี้อีก ไอ้เชี้ยนั่น ทำเหี้ยอะไรก็ถูกไปหมด คำพูดติดปากของแม่กูเมื่อก่อนก็คือ อาฟฟฟฟ ” หลุดยิ้มกว้างออกตอนที่อีกคนเอ่ยชื่อตัวเองเสียงยานเลียนแบบคนเป็นแม่ “ แล้วก้ตามด้วยคำพูด ตามใจไอ้เดย์แบบ แบ่งให้น้องเล่นด้วยสิ อย่าแกล้งน้องเดี๋ยวน้องร้องไห้ ”

“ ความพี่น้องอะเนอะ ”

“ จำได้ว่าครั้งหนึ่งพ่อเคยไปเมืองนอกแล้วซื้อเลโก้มาฝากกู เป็นเลโก้รถที่หายากมากในไทย ตอนนั้นกูดีใจมากที่ได้มาลงทุนนั่งต่ออยู่เป็นวัน พอเสร็จแล้วจะเล่น ไอ้เชี้ยนั่นไม่รู้มาจากไหน บอกจะเล่น พอกูไม่ให้เล่นก็ไปฟ้องแม่ ”

“ แล้วแม่ก็มาบังคับมึง บอกให้แบ่งน้องเล่นด้วย ” ผมพูดขึ้นยิ้มๆ อาฟก็พยักหน้ารับลง

“ สุดท้ายรถกูที่ต่อมาเป็นวันก็พังภายในวินาทีนั่นละ เพราะแม่งเอาไปชนเสาปูน ”

“ ฮ่าๆ ” หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง อาฟก็เอาแต่ยิ้ม ผมรู้ว่าในความทรงจำของมันถึงจะเป็นเรื่องน่าหัวเสียยังไงแต่เหมือนว่าอาฟก็ยังมีความสุขกับช่วงเวลานั้นอยู่ดี แม้ว่าจะปากหมา ไม่ค่อยพูด แต่อาฟก็เป็นคนใจดี โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองรัก “ ถามจริงๆนะ เคยคิดว่าแม่ไม่รักบ้างมั้ย แบบ แม่รักน้องมากกว่ากูว่ะ ”

“ เป็นคนขี้เสี้ยมเหรอมึงน่ะ ” หันมามองกันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งผมก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะกระซิบข้างหูอีกคน

“ นิดนึง ”

“ ก็เคย ” อาฟตอบตามตรงก่อนจะนอนราบลงกับเตียง  “ แต่กูไม่สนใจอยู่แล้ว อีกอย่างไอ้เดย์มันขี้อ้อนก็จริง แต่มันก็อ้อนทุกคน อ้อนกู อ้อนพ่อ อ้อนแม่บ้าน ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจตามสไตส์ลูกคนเล็กนั่นแหละ ”

“ ท่าทางตอนเด็กๆจะน่ารักมาก ” ผมเอนตัวลงไปนอนข้างอีกคนด้วยความสนใจในเรื่องราวของพี่น้อง ก่อนขยับเข้าไปใกล้อีกคน “ เล่าหน่อยอยากฟัง ”

“ เล่าอะไร ”

“ ก็เรื่องน้องเดย์กับมึงไง ตอนเด็กๆมันอ้อนมึงยังไง ”

“ เวลาทำขอพังก็ชอบมากอด แล้วพูดว่า พี่อาฟ น้องเดย์ขอโทษนะ พี่อาฟซ่อมได้ใช่มั้ย พี่อาฟเก่ง ”

“ น่ารัก แล้วตกลงซ่อมได้มั้ย ”

“ ซ่อมเหี้ยอะไรละ ตัวกับล้อไปคนละทางกันหมดแล้ว ”

“ ฮ่าๆ ”  ผมหัวเราะ “ แล้วเรื่องอะไรประสาทเสียที่สุด ”

“ เรื่องน้องฟ้าใส ”

“ น้องฟ้าใส ? ” ผมทวนคำ อีกคนก็ยักคิ้วรับ

“ ตอนนั้นกูอยู่ป.สอง ไอ้เดย์อยู่อนุบาลสาม มันไปชอบเด็กในห้องที่ชื่อฟ้าใส พอถามฟ้าใส ฟ้าใสก็บอกว่า ฟ้าใสชอบมัน มันก็ดีใจมาก รู้สึกว่าตัวเองเท่ห์มีแฟนคนแรกในห้อง ”

“ นี่เอาตั้งแต่อนุบาลสามเลยเหรอวะ ” อาฟหัวเราะตอนที่ผมแซว “ แล้วยังไงต่อ ”

“ วันนั้นตอนเย็นกูไปรับมันที่ห้องตามปกติ เพราะแม่ให้ไปรับแล้วพามารอกันที่เก้าอี้หน้าโรงเรียน ”

“ แล้วไง ? ”

“ ไอ้เชี้ยนั่นตอนนั้นก็ดีใจมากที่มีแฟน ก็เลยพาน้องฟ้าใสมาแนะนำกับกูรู้จักว่านี่คือแฟนมัน เดย์ขอตังค์กูไปซื้อหนมมาเลี้ยงแฟน ”

“ โอยยย น้อง ”

“ แต่พอน้องฟ้าใสเห็นกูยื่นตังค์ให้ น้องก็บอกว่า พี่ชายเดย์เท่ห์กว่าเดย์อีกมีเงินด้วย ตอนนั้นน้องเลยบอกเลิกไอ้เดย์แล้วก็มาขอกูเป็นแฟนต่อเลย ”

“ โอ้โห เปรี้ยวสุดจ้าฟ้าใส ” ผมแซวออกมาพร้อมกับหัวเราะ “ แล้วไงๆ น้องเดย์ไม่ช็อคไปเลยเหรอ ”

“ ช็อค มันตกใจมาก มันบอกทำไมผู้หญิงสวยใจร้าย แต่ประเด็นมันเสือกมาโกรธกูด้วยไง บอกว่าเพราะพี่อาฟหล่อเกินไปไม่ต้องมารับเลยทีหลัง น้องเดย์ไม่อยากกลับบ้านด้วยแล้ว มันว่าอย่างงั้นแล้วก็เดินหน้างอนไม่สนใจกูเลย ”

“ น่าหมั่นไส้มึงว่ะไอ้สัด  จังหวะยกยิ้มไปเล่าไปกูอยากจะถีบให้ตกเตียง ”

“ มึงไม่คิดว่าปัญญาอ่อนเหรอ ไอ้เชี้ยเดย์โกรธกูตั้งหลายวัน ฟ้องคนทั้งโคตรว่ากูแย่งแฟนมัน ส้นตีนเถอะ ฟ้าใสไม่ใช่สเป็คกูสักนิด ”

“ ให้มันน้อยๆหน่อยสัด ป.สองมึงมีสเป็คแล้วเหรอ ”

“ มี ” อาฟหันมาเถียง

“ แล้วมันเป็นยังไง ”  ผมเองก็หันไปจ้องมัน

“ ต้องแก้มกลม ” แล้วคำพูดที่หลุดออกมานั้นก็ทำให้ผมได้แต่ยิ้มพลางมองอีกคนที่ก็นิ่งอยู่แบบนั้นทั้งๆที่ก็เอื้อมมือมาจับกันไว้แน่น เราไม่พูดอะไรออกมาอีก ทั้งที่ในใจผมอยากจะแซวมันออกไปว่า ‘ จีบกูอีกแล้วนะสัดอาฟ ’  แต่ก็เหมือนจะเงียบได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องก็ดังขึ้น

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

เจ้าของห้องดึงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์ไร้สายที่ตั้งอยู่บนโต๊ทันที เสียงถอนหายใจหงุดหงิดที่เหมือนเสียงนั้นจะดังขัดอารมณ์ในความรู้สึกของมันทำให้ผมหลุดยิ้ม ก่อนอาฟจะยกโทรศัพท์ขึ้นรับแล้วพูดเสียงเรียบ

“ ครับ ” ไม่ได้ยินเสียงของปลายสายว่าเป็นใคร หรือพูดอะไรตอบกลับมา ผมได้ยินแค่เสียงของอาฟที่ตอบกลับไปก็เท่านั้น “ อื้ม อื้ม โอเค ”

“ ใครโทรมาวะ ” เอ่ยถามตอนที่สายโทรศัพท์นั้นถูกวางลง แต่อีกคนก็แค่เชิดหน้าไปทางประตูห้องน้ำ

“ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวเราต้องลงไปดูหนังกัน ”

“ ดูหนัง ? ดูหนังอะไร ”

“ ที่บ้านกูชอบดูหนังด้วยกันตอนกลางคืน ”

“ แล้วทำไมต้องดูหนัง ”

“ สมัยเรียนพ่อแม่รู้จักกันเพราะอยู่ชมรมดูหนังด้วยกัน เค้าชอบดูหนังมาก ก็เลยเอามันมาเป็นกิจกรรมครอบครัว ”

“ น่ารักดีว่ะ ” ผมพูดขึ้น “ แบบนี้ใช่มั้ยที่มึงบอกน้องเดย์ก่อนขึ้นมาว่า ดูหนังเรื่องอะไรให้บอกด้วย ”

“ อื้ม ตอนแรกกูว่าจะไม่ไป แต่พ่อให้ชวนมึง ไปอาบน้ำได้แล้ว อย่าให้ผู้ใหญ่คอยนาน ”

“ โอเค จะรีบๆเลย ”

เราเดินลงมาด้านล่างตามคำชวนหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ผมไม่ลืมปิดเสียงมือถือของตัวเองในตอนที่หยิบมันติดมือมาด้วย ห้องดูหนังที่เราเดินลงมาคือห้องนั่งเล่นใหญ่ที่น้องเดย์บอกว่าเป็นห้องโปรดของคุณพ่อ ประตูเลื่อนที่ถูกเลื่อนออกความเย็นภายในปะทะเข้ากับหน้าผมจนชวนให้สะดุ้ง  แล้วคิดขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆนั้นว่า ‘ รู้แบบนี้ก็น่าจะเอาผ้าห่มติดตัวมาด้วย ’

“ หนังกำลังจะเริ่มพอดี ” พ่อหันมายิ้มให้ผม “ น้องเมดชอบดูหนังมั้ย แล้วชอบดูแนวไหนเป็นพิเศษบ้าง ”

“ ชอบครับ เมดดูได้ทุกแนวเลย ” ผมตอบก่อนจะเลือกนั่งลงบนโซฟาสีแดงข้างๆกับอาฟที่ก็ยืดขาไปกับโซฟาอีกฝั่ง เป็นการเตรียมท่าทางการดูที่เหมือนจะนอนมากกว่าอย่างอื่น

“ มาแล้วจ้า ” เสียงของคนมาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามา น้องเดย์มาพร้อมชุดนอนลายหมีสีฟ้าที่โคตรน่ารัก ผ้าห่มที่คลุมตัวลายการณ์ตูนที่ห่มอยู่บนไหล่ ชวนให้ผมต้องเม้มปากกลั้นยิ้มจนไอ้อาฟยังหันมามองผมแล้วกระซิบข้างหูกันเบาๆ

“ ถ้าดูหนังผีกูว่าไอ้สัดนี่ น่ากลัวกว่าผีอีก ”

“ ว่าน้อง ไอ้สัด ” แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ก็อดเห็นด้วยไม่ได้เลย

เมื่อคนพร้อมห้องที่เคยสว่างก็ถูกหรี่ไฟลงด้วยรีโมตปรับแสงไฟ หลังที่ถูกพักไว้ถูกกดเล่นขึ้นและหนังเรื่องที่พ่อแม่เลือกกมาดูในคืนนี้ คือหนังที่ชื่อว่า Wonder มันเป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง ผมเคยอ่านรีวิวมาหลายครั้ง ตัวหนังไม่ได้เสนอเรื่องเกี่ยวกับเด็กแค่เพียงคนเดียว แต่เสนอเรื่องของครอบครัว และสิ่งแวดล้อม บวกถึงความคิดของผู้คนและเด็ก จำได้ตอนที่หนังเรื่องนี้เข้าโรง ผมเคยอยากจะไปดูอยู่หลายครั้ง แต่กลับหาเวลาว่างไปดูไม่ได้เลย บวกกับอะไรหลายๆอย่าง สุดท้ายกลายเป็นว่ามันก็ลาโรงไปก่อน

ในช่วงเวลาที่ไร้การพูดคุยใด เสียงที่ได้ยินมีเพียงแค่เรื่องราวน่าประทับใจของตัวหนังที่ฉายอยู่บนทีวีจอยักษ์และกำลังชวนให้ทุกคนดื่มด่ำไปกับมัน โดยไม่สนเวลาที่เดินผ่านไปเรื่อย ความซาบซึ่งกินใจ ที่ชวนให้ใครๆต่างรู้สึกดี แต่มันก็คงจะดีมากไป หรือไม่ก็ซาบซึ้งเกินไป เลยทำให้คุณอารยะที่นั่งอยู่ข้างกันหลับคอพับคออ่อนลงมาบนไหล่ผมตั้งแต่กลางเรื่อง

“ อาฟ ” ผมเอ่ยเรียกเสียงเบาในตอนที่หนังจบลง อาฟที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะหาวออกมาแบบไม่ปิดปากแล้วลุกขึ้นเต็มความสูงบิดขี้เกียจไปมา

“ ฝันดีนะครับ ”  ผมเอ่ยบอกผู้ใหญ่พลางก้มหน้าลงลา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องที่ตอนนี้คนเดินนำออกไปก่อนอย่างอาฟกำลังหลับตาเดินไปก็ว่าได้ ท่าทางที่ดูง่วงมากและวินาทีที่ขาก้าวเข้าไปถึงห้อง ร่างเพรียวนั้นก็ล้มตัวลงนอนต่อบนเตียงทันที “ อะไรมันจะง่วงขนาดนั้นว่ะ ”

“ ไม่ไหวแล้ว ” เสียงงัวเงียที่พูดขึ้นชวนให้ผมหลุดหัวเราะก่อนจะเดินไปเปิดไฟหัวเตียงไว้ แต่ตอนที่กำลังนั่งลงตรงที่ว่างอีกฝั่งของเตียงมือที่ล้วงเข้าไปกางเกงนอนเพื่อหามือถือที่ตั้งใจจะหยิบขึ้นมาเล่น ผมกลับพบว่าทุกอย่างมันว่างเปล่าและไม่มีแม้แต่ในกระเป๋าเสื้อแต่อย่างใด

“ ส้นตีนต้องเสือกลืมไว้ข้างล่างอีกแน่เลย โอยยยยยยยย  ” ถอนหายใจออกมากับความขี้ลืมของตัวเองก่อนจะขยี้หัวด้วยความหงุดหงิด ‘ โคตรไม่อยากจะลงไปเลยสัดเอ้ย เสือกลืมอีกเชี้ยเมด ’ ได้แต่บ่นกับตัวเองแบบนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อกับแม่จะขึ้นมาชั้นบนหรือยัง แล้วถ้าลงไปแล้วเจอเข้าก็คงแย่แน่เพราะไม่รู้เลยว่าจะเข้าหน้าเค้ายังไง “ แค่คิดก็ปวดกระเพาะขึ้นมาเลยกู ”

แต่ไม่ว่าจะไม่อยากลงไปยังไงก็ต้องลง เพราะยังไงมันก็จำเป็น เผื่อคืนนี้ที่ผับมีอะไรฉุกเฉินแล้วผมไม่ได้รับก็คงจะยุ่ง

ก้าวขาอย่างจำใจเดินออกไปจากห้องนอนอีกครั้ง ผมคิดว่าคงวางไว้ที่โซฟาตัวที่นั่งดูหนังแน่นอน ผมพยายามสอดส่องตั้งแต่ทางขึ้นบันไดลงไปชั้นล่าง เป็นความรู้สึกที่กลัวแม้แต่จะต้องเดินสวนทางกัน ก้าวลงบันไดที่ละขั้นช้าๆด้วยความเบาอย่างที่สุดแต่ตอนที่เดินลงมาจนถึงขั้นสุดท้ายและเตรียมจะก้าวเข้าไปใกล้ประตูห้อง ผมก็ต้องชะงักหยุดอยู่กับที่เพราะได้ยินเสียงพูดคุยที่ดังอยู่ไม่น้อยออกมาจากในห้องดูหนังที่ตอนนี้เปิดประตูแง้มเอาไว้เพราะคนสุดท้ายที่ออกไป ปิดไม่สนิท ซึ่งก็น่าจะเป็นผมเอง

“ เดย์ไม่ได้เถียงแม่ แต่เดย์แค่พูดด้วยอารมณ์มันก็เลยเสียงดังเฉยๆ ” เสียงของน้องเดย์ดังขึ้นมาในตอนที่ผมเดินเข้ามาหยุดนิ่งอยู่ใกล้ๆห้อง จากที่คิดว่าทุกคนคงจะขึ้น้ไปชั้นบนหมดแล้ว แต่เหมือนจะไม่แบบนั้นความรู้สึกที่ไม่รู้จะทำยังไงดีชวนให้ผมได้แต่เกาหัวแล้วยืนโง่ๆอยู่แล้ว มือถืออยู่ในห้องจะเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปก็คงได้ แต่ครั้นจะเข้าไปตอนนี้ทั้งๆที่คนในครอบครัวกำลังทะเลาะกันก็เหมือนจะน่าเกลียดเกินไป ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนเสียมารยาททั้งนั้น

“ นั่นแหละที่กำลังเถียงแม่นะ ”

“ ก็เดย์คิดไม่เหมือนแม่ เดย์ก็เลยพูดในสิ่งที่เดย์คิดไง แบบนั้นก็เรียกเถียงเหรอครับ ” เสียงของน้องเดย์ที่ดูหัวเสียบอกแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่ชอบพี่เมด สิ่งที่แม่ทำมันเกินไปนะ ไม่คิดแบบนั้นเหรอ ” ชื่อของผมที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ความคิดที่จะเข้าไปเอามือถือยังไงหลุดชะงักไปทันที ราวกับวัตถุประสงค์นั่นถูกฉกชิงไปจากความคิดชั่วขณะแล้วสมองก็สั่งการให้ทำได้แค่ยืนฟังบนสนทนานั่นเงียบๆ

“ ไม่คิด เพราะแม่แค่พูดตามที่คิด ”

“ แต่สิ่งที่คุณทำ มันดูไม่เป็นผู้ใหญ่เลยนะคุณ มันขาดวุฒิภาวะ ” เสียงของพ่ออาฟที่เสริมขึ้น ทำให้ผมรู้ว่าภายในห้องนี้คงไม่ได้มีแค่แม่กับน้องเดย์อยู่กันแค่สองคน

“ ทำไมทุกคนต้องมารุมแม่คนเดียว ทำเหมือนแม่ผิดมากมายอย่างงั้น ทั้งๆที่แม่ก็แค่พูดในสิ่งที่รู้สึกกับคนคนนั้น ”

“ แต่บางความคิดคุณก็ไม่ควรพูด ถ้ามันกระทบจิตใจคนอื่น ”

“ แม่แค่อคติ ” น้องเดย์พูดเสริม “ แม่ยังไม่รู้จักพี่เมดเลยด้วยซ้ำ คุยกันยังไม่ถึงร้อยคำ แต่แม่ก็อคติไปแล้วว่าเค้าไม่ดีแน่ๆ เพราะอะไรวะ เพราะว่าพี่เมดเป็นผู้ชายเหรอ ”

“ อย่ามาขึ้นว่ะกับแม่นะพี่เดย์ ” เธอพูดขัดลูกชายก่อนจะถอนหายใจออกมา “ แล้วจะผิดอะไร ถ้าแม่จะไม่ชอบ มันเป็นสิทธิ์ของแม่ ”

“ แม่ ”

ทุกอย่างเหมือนจะเงียลงไปสักพัก ผมที่ได้แต่ยืนถอนหายใจออกมาคนเดียวนอกห้องนี้ มีความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจแบบชนิดที่พูดอะไรไม่ออก หัวใจเหมือนหล่นหายไปเป็นความรู้สึกชาที่มีเหตุผลเข้าใจมันอยู่แต่กลับใช้ปลอบใจไม่ได้ เป็นความรู้สึกเห็นแก่ตัวที่รู้ ‘ กูรู้ว่าไม่ชอบ แต่ก็ยังอยากให้ชอบอยู่ดี ’

“ เอาจริงๆ แม่ก็ไม่ได้โลกแคบขนาดไม่รู้ว่าสมัยนี้เรื่องแบบนี้มันก็มี ” เสียงของแม่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบในตอนนั้น “ เพื่อนของแม่เค้าก็มีลูกที่ชอบผู้ชายด้วยเหมือนกัน แล้วก็มีลูกสาวที่ชอบผู้หญิงด้วย แม่เองก็ยังเคยพูดกับเพื่อนบ่อยๆเลยว่า ก็เค้าสร้างมาให้แล้ว อีกอย่างเราไม่ควรกำหนดเพศให้กับความรักไม่หรอก ”

“ แม่..”

“  แต่วันที่พ่อมาบอกแม่ บอกว่าพี่อาฟลูกชายของแม่ก็ชอบผู้ชายเหมือนกันนะ วินาทีนั้นมันเหมือนคำปลอบโยนของแม่ที่ปลอบเพื่อนมันหายไป มันเหมือนพอมันเป็นเรื่องของแม่ เรื่องของลูกชายแม่ แม่กลับรู้สึกรับไม่ได้ แม่ตกใจ แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นเลยคิดขึ้นได้ จริงๆแม่ไม่ได้ยอมรับได้หรอก มันไม่ได้ไม่เป็นอะไร อย่างที่แม่บอกเพื่อน มันเป็น พอมันเป็นเรื่องของลูกชายแม่ มันเป็น มากๆเลยด้วย ” เสียงนั่นค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาไม่ต่างอะไรกับผมเองที่ก็รู้สึกเช่นนั้น “ จะโดนมองหน้าด้วยสายตารังเกียจมั้ยนะ สังคมจะมองเค้ายังไง จะตัดสินเค้ายังไง จะเหมือนพวกในโซเซี่ยลที่พูดถึงเค้าหรือเปล่า  แม่แค่ไม่อยากให้ลูกแม่เป็นแบบนั้น ทั้งๆที่ทำใจไว้แล้ว ในตอนที่เค้าจะพามาเจอ แต่สุดท้ายมันก็ทำใจให้กว้างเหมือนอย่างที่ตั้งใจไม่ได้ ทั้งๆที่แม่ก็รู้ดีว่าเค้าคนนั้นก็ต้องพิเศษมากที่สุดในชีวิตของพี่อาฟแล้ว เด็กคนนั้นไม่เคยยอมรับใครเข้ามาในชีวิต เพราะงั้นก็คงเป็นคนที่เลือกมาอย่างดีแล้วละ แต่ถึงจะดูดีอย่างงั้น ตอนที่เห็นหน้าจริงๆของเค้า สิ่งที่พยายามจะเป็น กลับเป็นไม่ได้ มันหงุดหงิด ทั้งๆที่เค้าก็น่ารักมาก มันนึกตั้งคำถาม  ทำไมพี่อาฟต้องเป็นแบบนี้ ทำไมพี่อาฟถึงชอบเค้า ทำไมลูกชายแม่ถึงต้องเป็นแบบนี้ แล้วพอคิดแบบนั้นแม่ก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเค้า มันหงุดหงิด มันไม่ชอบใจ ”

“ ผมเข้าใจคุณนะ ” พ่อพูดขึ้นเสียงเบา “ ผมรู้ว่ามันยาก ผมรู้ว่าคุณเองก็สับสน และรู้ว่าคุณเองก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน ผมรู้ว่าก็คุณอยากจะทำเข้าใจลูกให้ได้เหมือนกับที่คุณปลอบเพื่อน แต่มันก็ยังรู้สึกที่ว่า ก็ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย ไม่น่าเกิดขึ้นกับลูกชายเราเลย แต่ก็เหมือนกับที่คุณปลอบเพื่อนนั่นแหละ  ความรักมันไม่มีเพศ แล้วลูกชายคุณเค้าก็สร้างน้องเมดมาให้มันเหมือนกัน ”

“ แม่ไม่ชอบพี่เมดตอนนี้ก็ได้ แค่เปิดใจให้เค้า แล้วก็อย่าพูดแบบนั้นกับเค้าก็พอ ” น้องเดย์บอก “ พี่อาฟรักพี่เมดมากเลยนะ มันรักของมันมาตั้งแต่ม.ปลาย ผ่านอุปสรรคกันมาตั้งเท่าไหร่ มันรักกันมากๆ มากแบบชนิดที่เดย์ไม่คิดว่า คนที่วันๆไม่สนใจอะไรยกเว้นตัวเอง จะรักใครสักคนได้ แล้วตั้งแต่ที่มันเจอพี่เมด ทุกอย่างในชีวิตมันก็เหมือนจะเปลี่ยนไป มันมีจุดหมายมากขึ้น จริงจังกับงานมากขึ้น มันคิดถึงคนอื่นแล้วก็คิดถึงอนาคตของตัวเอง อนาคตที่มีพี่เมดอยู่ในนั้น  แล้วแบบนี้แม่ยังจะใจร้ายกับคนที่ทำให้ลูกชายแม่มีความสุขได้อีกเหรอ ”

“ ทุกคนเค้าให้เวลาคุณ เราไม่ได้รีบร้อนให้คุณชอบน้องเมด แต่เราอยากจะให้คุณเปิดใจ แล้วลองดูว่า เหตุผลอะไร ที่ทำให้ลูกชายคุณชอบเค้ามากขนาดนี้ มากถึงขนาดเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน  ”

“ แต่ว่าฉัน ”

“ แม่ลองคิดว่าเดย์เป็นพี่เมดสิ  เดย์ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็รักกับแฟนมาปกติแต่กลับโดนแม่ยายพูดไม่ให้เกียรติทำทีท่าแบบไม่อยากจะร่วมโต๊ะด้วย เป็นแม่ แม่ก็คงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่แล้ว แล้วแบบนั้นแม่คิดว่าพ่อแม่พี่เมดเค้าจะชอบเหรอ ถ้าเค้ามาเห็นลูกเค้าโดนทำแบบนั้นน่ะ ”

“ พี่เดย์ ”

“ จะรักลูกตัวเองก็ได้นะแม่ จะเป็นห่วงก็ได้ แต่อย่าไปทำร้ายจิตใจลูกคนอื่นสิ เค้าก็มีพ่อมีแม่เหมือนกันนะ ”
ทุกอย่างเงียบลงไปหลังจากประโยคนั้น ไม่มีตอบโต้ของใครที่ดังขึ้นมา ทุกคนเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนกระทั่งความเงียบนั้นถูกทำลายโดยพ่อที่พูดขึ้นมา

“ คุณอยากรู้มั้ยว่าทำไม ผมถึงไม่ว่าอะไรในตอนที่รู้ว่าลูกชอบผู้ชายด้วยกัน ” พ่อเอ่ยถาม “ ที่คุณถามผมว่าทำไมไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลย ทำไมไม่ลองเรียกเค้ามาถามดูก่อน เพราะบางทีอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ แล้วคำตอบของผมที่อยากจะบอกคุณก็คือ เพราะว่านั่นคืออาฟไง  ผมถึงรู้ดีว่าเราไม่จำเป็นต้องถามอะไรเพิ่มอีกแล้ว เหมือนอย่างกับคุณที่ก็รู้ดีเหมือนกัน ว่าถ้าคนอย่างอาฟถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว มันต้องต้องมั่นใจมากพอ เพราะเราเลี้ยงเค้ามาให้เป็นอย่างงั้น ”

“ อื้ม ”

“ ตั้งแต่มันเด็กจนมันโต ไอ้บ้านั่นไม่เคยทำอะไรในสิ่งมันไม่อยากทำสักอย่าง มันเป็นตัวของตัวเอง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แต่วันหนึ่งไอ้เด็กที่ไม่สนใจเหี้ยอะไรเลยมาบอกกับผมว่า มันคิดถึงอนาคตมากขึ้น คิดว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง คิดเอาดีกับงานที่ตัวเองมีด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากจะให้คนที่รักลำบาก มันคิดพาคนที่มันรักมาหาเรา ทั้งๆที่คุณก็รู้ว่า ไอ้บ้านั่นไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเราจะคิดยังไง แต่เพราะมันอยากให้ความสำคัญกับเค้า กับครอบครัวของเค้า ว่ามันจริงจัง และรักคนคนนี้จริงๆ มันก็เลยพามาหาเรา แล้วพอแบบนั้น คุณจะให้ผมใจดำ ไม่รักคนที่ลูกรักได้ยังไง ”

พาตัวเองเดินออกมาจากตรงนั้นในตอนที่ฟังคำพูดนั้น ผมก้าวขาเดินตรงขึ้นมาตรงชั้นบนของบ้านอย่างไม่คิดที่จะใส่ใจในสิ่งของที่ตัวเองต้องการอีก ผมไม่ได้อยากได้มือถือแล้ว ทุกอย่างตอนนี้เหมือนไม่มีอะไรสำคัญอีก มือผมเอื้อมเปิดประตูห้องรู้สึกหมดแรงไปอย่างที่ไม่ได้ทำอะไร เดินตรงเข้าไปในห้องที่ฉ่ำไปด้วยอนุหภูมิของแอร์ บนเตียงกว้างกลางห้องที่มีผู้ชายคนนึงหลับสนิทอยู่

ผู้ชายคนที่ยังคงปากไม่ตรงกับใจอย่างสม่ำเสมอ คนที่ไม่เคยหวาน ไม่เคยสักครั้งที่เราจะจบประโยคด้วยการไม่กวนตีนกัน คนที่ขี้หงุดหงิด อารมณ์ร้าย แต่ก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่คอยปกป้องผมจากทุกความรู้สึกเสียใจที่จะเข้ามา คนที่ไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง แต่กลับสนใจเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

“ หรือมึงจะแค้นกูมากเรื่องนมช็อกโกแลต ” ผมพูดติดตลกในตอนที่หย่อนตัวลงนั่งบนเตียงแล้วดึงตัวเองลงไปนอนมองใบหน้าคมของอีกคนอยู่แบบนั้น “ แค้นกูมากเลยใช่มั้ย มึงก็เลยแก้แค้นกู ด้วยการรักกูมาก รักกูแบบสุดๆ เพื่อให้กูรู้สึกผิด รู้สึกเสียดายที่เอาเวลาไปเสียให้กับไอ้คนเหี้ยๆแบบนั้นตั้งหลายปี รู้สึกโทษตัวเองว่าวันนั้นไม่ถามให้แน่ชัดว่าใครเป็นเจ้าของนมนั่น ” ผมยิ้ม “ กูว่าต้องใช่แน่ เพราะมึงมันร้ายอารยะ มึงกำลังทำให้กูรักมึงจนโงหัวไม่ขึ้น ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่หลับสนิท มีเพียงผมที่ยิ้มให้กับใบหน้านั้นอยู่อย่างงั้น ก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของอีกคนแล้วกอดมันไว้อย่างงั้น ด้วยความรู้สึกรักจนไม่รู้จะอธิบายมันออกมายังไง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ ครับ ” ผมขานเสียงเบาพลางลุกขึ้นจากที่นอน แล้วในตอนที่เปิดประตูออกน้องเดย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ส่งมือถือของผมมาให้

“ ทำตกไว้ข้างล่างอะพี่เมด ”

“ เหรอ ” ทำทีเป็นยิ้มให้น้องทำเหมือนไม่รู้ตัวมาก่อนว่าทำมือถือหล่นหายไป “ ไม่ทันได้สังเกตเลย ขึ้นมาก็หลับสนิทเลย ”

“ สงสัยเหนื่อยไง ”

“ คงงั้น ” ผมบอกแบบนั้นก่อนจะรับมือถือตัวเองกลับมา “ ขอบคุณนะครับ ”

“ เมื่อกี้เหมือนมีคนโทรมาด้วยนะ มันสั่นตรงที่นั่งน่ะ น้องเดย์นั่งคุยกับแม่อยู่เลยรู้ ”

“ งั้นเหรอ ” ปลดล็อคหน้าจอมือถือขึ้นมาดู มีสายที่ไม่ได้รับอยู่ในนั้นปรากฏอยู่ 1 สาย “ จริงด้วย ”

“ โทรกลับซะนะ ”

“ โอเค ฝันดีนะน้องเดย์ ”

“ ฝันถึงน้องเดย์ด้วยนะพี่เมด ”

“ ก็ถ้าคนในฝันพี่เมดอย่างพี่อาฟอนุญาตละก็นะ ” ยักคิ้วให้น้องที่ยกมือจับอกก่อนจะเบิกตาด้วยความตกใจ ผมหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะปิดประตูนั้นลงแล้วผมก็กดโทรออกไปยังสายที่โทรเข้ามาแล้วไม่ได้รับ

“ ฮัลโหล ” ปลายสายที่เอ่ยตอบรับหลังจากที่รอสายอยู่สักพักชวนให้ผมยิ้มออกมาตอนที่ได้ยิน

“ แม่เล็ก โทรมาหาเมดมีอะไรครับ ”

“ แม่เล็กจะโทรมาถามครับ ว่าเสื้อสีขาวของแฟนน้องเมด จะให้แม่เล็กส่งไปให้มั้ย เป็นตัวสำคัญหรือเปล่า ” คำถามที่ทำให้ผมนึกคิดถึงเสื้อของอาฟที่คงใส่ไว้ในตะกร้าซักของที่บ้านตามความเคยชิน และตอนนี้มันคงถูกซักและรีดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่เล็กเลยโทรมาถาม

“ ไม่ต้องหรอกครับ เพราะเดี๋ยวอีกไม่กี่วันเมดคงกลับบ้านแล้ว ”

“ จะพาแฟนมาแนะนำตัวแล้วเหรอ ” เสียงแซวของปลายสายทำให้ผมยิ้ม “ จะมาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกก่อนนะ แม่จะเตรียมต้อนรับอย่างดีเลย หมูตุ๋นน้ำแดงของโปรดน้องเมด แม่เล็กจะทำไว้ให้เป็นหม้อเลยดีมั้ย ”

“ แม่เล็ก ” ไม่ต้องตอบอะไรออกไป แต่กลับเรียกเธอออกไปทั้งอย่างงั้น

“ ว่าไงครับ ”

“ ทำยังไงถึงจะทำให้ผู้ใหญ่ชอบเราเหรอครับ ” คำถามของผมทำให้ปลายสายเงียบไป ผมรู้ว่าอีกคนคงสงสัยว่าทำไมจู่ๆผมถึงตั้งคำถามนั้นออกมา

“ กำลังจะถามว่าทำยังไงให้พ่อแม่ของแฟนชอบน้องเมดน่ะเหรอ ” ผมไม่ได้ตอบอะไร เราเงียบกันไปสักพักก่อนที่แม่เล็กจะตอบ “ แม่เล็กว่าถ้าเป็นน้องเมดแล้วละก็ แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้วละ ”

“ จริงเหรอ มันแค่นั้นเองเหรอครับ ”

“ อื้ม ” แม่เล็กตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ได้ยินผ่านปลายสายเพราะเสียงของลมหายใจ “ ยังจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้มั้ยลูก วันนั้นเพราะคำพูดของน้องเมดนะ ที่ทำให้แม่เล็กตัดสินใจแต่งงานใหม่กับพ่อของเรา คำที่น้องเมดตอนอายุหกขวบพูดว่า ‘ มาอยู่ด้วยกันก็ดีนะ เมดจะได้ไม่เหงา อยู่ด้วยกันหลายๆคนสนุกดีออกนะ ’ ”

“ จำไม่ได้แล้วละครับ ”

“ ตอนนั้นเรากอดวิวไว้แน่นเลย แล้วก็บอกว่า ดีใจจังเลย น้องเมดจะมีน้องแล้วด้วยละ ส่วนเจ้าวิวก็กอดน้องเมดแล้วก็พูด น้องวิวก็จะมีพี่ชายแล้วนะ พี่ชาย พี่ชาย แล้วก็เรียกน้องเมดแบบนั้นอยู่ตั้งหลายวันเลย ”

“ เหรอครับ ” ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่คิดถึงเรื่องราวที่แม้แต่ตัวเองก็ยังจำไม่ได้ แต่พอลองจินตนาการไปมันกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“ น้องเมดน่ะ เป็นคนจิตใจดี แม่เล็กก็เลยบอกเราไง ว่าถ้าสำหรับเราน่ะ แค่เป็นตัวเองก็พอแล้ว เพราะเราน่ารักอยู่แล้ว ”

“ ขอบคุณนะครับ ” ผมตอบรับคำพูดของเธอ “ ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย ”

“ ก็นะ อยู่ด้วยคนหลายๆคนมันก็สนุกดีแบบนี้ละ ” หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยบอกฝันดีแล้วกดวางสายลง ผมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดในตอนนั้นก่อนจะจัดการชาร์จแบตมือถือของตัวเอง ก่อนจะพาร่างของตัวเองไปชาร์จแบตร่างกายบนเตียงข้างๆกับร่างสูงอีกคนที่ไม่ต่างอะไรกับสายชาร์จของผมเพียงแค่เราได้นอนกอดไว้


ในคืนนี้ผมปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป
ปล่อยความเครียด หรือแม้ความคาดหวังว่าใครบางคนจะคิดทบทวนเรื่องของผม
อย่างที่ใครๆต่างบอกให้ลองเปิดใจ
ผมปล่อยมันไป ให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้

........................................................................

ประกาศเล็กน้อย
เพราะเนื้อหามันเชื่อมต่อกัน ศุกร์หน้าที่ 1 มีนาคม หนมจะลงให้อ่านอีกตอนนะคะ
อย่าลืมเข้ามาอ่านกัน

ก่อนหน้านี้เรามีความคิดว่าจะให้พี่อาฟจัดการ แต่สุดท้ายตัดสินใจที่จะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวมากกว่า เพราะพี่อาฟ ถ้าให้พูด คงไม่น่าจะได้พูดดีๆกันแบบนี้ แน่นอนว่า ความจิกกัดสไตส์พี่แกคงมาเต็ม เพราะอย่างงั้น น้องเดย์ที่สุด

รักความพี่น้องของ อาฟเดย์

ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ

ท้ายนี้ นิยายเรื่องนี้ยังคงเปิดจอง ปิดจองวันที่ 5 เมษายน นะคะ
ขอบคุณมากจ้า

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
น้องเดย์พูดดีมาก  :katai2-1:

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
 o13 ลุ้นสุดๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนนี้น้องเดย์คือพระเอกเลย เป็นตัวเองก็น่ารักแล้วเมด

ออฟไลน์ miwmiwzaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องเมดน่ารักที่สุดเลย แค่น้องเมดเป็นตัวเองแบบนี้ ทุกคนก็จะตกหลุมรักน้องเมดแน่นอน
สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องเดย์ ที่หนึ่งในใจเลย แจกความสดใสรัวๆ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
หลากหลายความรู้สึกจริงๆ น้องเดย์น่ารักมาก คุณพ่อก็จิตใจดี ให้เวลาคุณแม่หน่อยเนอะ เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ก็ให้เวลาแม่หน่อยนะ เมดก็เข้าหาบ่อยๆเอาให้แม่รักแม่หลงไปเลยเชื่อว่าเมดทำได้อยู่แล้ว สู้ๆ :กอด1:

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
จริงของแม่เล็ก แค่เป็นเมด แมาอาฟจะต้องรักได้แน่ๆ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด