• ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.10 - 03/03/20 ❤  (อ่าน 8843 ครั้ง)

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*********************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2020 19:04:43 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น •
«ตอบ #1 เมื่อ26-07-2019 00:45:42 »

   • ค ว ร คู่ กั น •






สารบัญ
 INTRO
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10


คุยกับเราได้ทาง FB & TWITTER @TheAlisiaa นะคะ
ทวิตเตอร์ใช้สองแฮชแท๊กนี้นะคะ  #ปลาวาฬกินเพนกวิน #ควรคู่กัน
จุ๊บ <3

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2020 19:25:01 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น •
«ตอบ #2 เมื่อ26-07-2019 00:47:39 »




INTRO : PEN'S SECRET





ติ๊ด…

‘นังตัวดีรีบๆ มาได้แล้ว ปล่อยให้รอจนพวกกูจะเมากันหมดแล้วนะโว้ย'

เพนส่ายหน้าหลังจากที่ได้อ่านข้อความของ ‘แป้ง’ เพื่อนสาวตัวแสบที่เร่งให้เขารีบตามไปยังผับชื่อดังที่เจ้าพวกนั้นได้ไปถึงก่อนหน้าเขากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เป็นเพราะอาชีพเซลล์ทำให้เพนเลิกงานไม่เป็นเวลา วันนี้เองก็เช่นกัน กว่าเขาจะเสร็จงานจากลูกค้าเวลาก็ล่วงเลยไปสองทุ่มเศษแล้ว แม้เขาจะรีบขับรถกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดแทบตาย แต่ไม่วายยังสายกว่าคนอื่นไปมากจนโดนบ่น

 

เพนฉีดน้ำหอมลงที่ซอกคอ หลังมือ และจุดอื่นๆ ตามร่างกาย ชื่อ ‘เพน’ มาจากเพนเฉยๆ ที่แปลว่าปากกา เขาเป็นเด็กผู้ชายวัย 23 ปี สูง 171 เซนติเมตรตามมาตรฐานชายไทย มีรูปร่างผอมบางแต่ไม่แห้งซูบ จุดดึงดูดคือก้นเด้งๆ กับแก้มนุ่มๆ น่าบีบ เนื้อตัวเนียนละเอียดเพราะหมั่นดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ผิวกายขาวจัด ตากลมดำแพรขนตาหนา ปากนิดจมูกหน่อยเป็นที่น่าเอ็นดูของทั้งหญิงและชาย

เขาหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกอมยิ้มให้ภาพสะท้อนก่อนจะคว้ากุญแจรถและกระเป๋าตังขึ้นมาถือ แต่แล้วตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นสร้อยคอทองคำที่แม้คนไม่มีความรู้ก็มองออกว่าไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป เพชรเม็ดงามถูกบรรจงฝังเป็นรูปอักษรตัว ‘P’ ตามชื่อเจ้าของ เพนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่สวมมัน เขาเดินไปปิดไฟ หันหลังออกจากห้อง ขับรถมุ่งตรงไปฉลองกับเพื่อนตามปกติของคืนวันศุกร์


 






เขาเชื่อว่าในวัยเด็ก ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยทำความผิดด้วยกันทั้งนั้น บางครั้งเกิดจากความคึกคะนอง อยากรู้อยากเห็น หรือแม้แต่เพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เราขาด เช่นเดียวกับเพนที่เลือกหลอกลวงผู้ชายคนหนึ่ง เพียงเพราะต้องการความรักจากเขา แม้ความผิดในครั้งนั้นจะผ่านมานานร่วมสิบปีแล้ว แต่มันก็ยังคงเป็นตราบาปในใจทุกครั้งที่คิดถึง

 

ตื่อดึ๊ด

PlawhaleORCA  sent you a friend request.

เด็กชายผิวสีเข้ม รูปร่างอ้วนเตี้ยในวัยสิบสองปีเบิกตาโตราวกับเห็นผี เมื่อแอพพลิเคชั่นแชทปรากฏชื่อของใครบางคนขึ้นมาบนแถบขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า

“เฮ้ยพี่ปลาวาฬแอดมา เอาไงดีวะ!” เขาสบถหน้าตาเหรอหรา พลางยกมือขึ้นตีหัวตัวเองเหมือนคนบ้า

‘เพน’ สูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอด กำมือแน่น เพื่อตั้งสติ เขาไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่เขาแอบปลื้มผ่านเกมออนไลน์มานานกว่าสองเดือนคนนี้จะขอเมล์เขา และแอดเขาทางช่องทางติดต่อส่วนตัวตามที่เคยบอกไว้จริงๆ

ไวกว่าความคิดทั้งปวง เพนรีบเลื่อนเมาส์ไปกดลบรูปภาพตลกๆ ทั้งหลายแหล่ที่ตนเคยโพสต์ลงบนหน้าไทม์ไลน์ทิ้ง ให้เหลือเพียงแค่ภาพการ์ตูน หรือคำคมเท่ห์ๆ สามสี่โพสต์เท่านั้น เนื่องจากยังไม่รับแอด อีกฝ่ายจึงไม่สามารถเห็นข้อมูลใดๆ ของเขาได้ เพนรีบเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปจอมเวทย์ตัวจิ๋วถือคทาในชุดน่ารักแบบที่เขาชอบ ก่อนจะไล่สายตาตรวจความเรียบร้อยทั้งหมด เมื่อเห็นว่ามันอยู่ในจุดที่ดูดีระดับหนึ่งแล้วเขาจึงเลื่อนเมาส์ไปที่ปุ่ม Accept

อึก…

เขาเผลอกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก หายใจถี่ไม่รู้ตัว เมื่อสัญลักษณ์จุดสามจุดเด้งขึ้นบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพิมพ์ข้อความบางอย่างในวินาทีเดียวกันนั่นเอง

PlawhaleORCA :: ดีครับ ในที่สุดเราก็ได้คุยกันจริงๆ สักที ^^

เพนตาโตรีบเลื่อนเมาส์ไปขยายรูปโปรไฟล์ของฝ่ายตรงข้าม ภาพเด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูง ผิวขาวจัดในเสื้อฮู้ดสีดำ กำลังกำหิมะสีขาวโพลนเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดูดีไปทุกมุมราวกับพระเอกซีรี่ย์ชื่อดัง

ห… หล่ออะไรขนาดนี้เนี่ย

‘ดีครับ’

‘สวัสดีครับ’

‘นั่นสินะในที่สุดเราก็ได้คุยกั…’

เพนพิมพ์ลบพิมพ์ลบอยู่หลายครั้งด้วยความประหม่า เขาไม่รู้ว่าข้อความไหนคือข้อความที่ดีที่สุดที่เขาควรตอบกลับไปกันแน่ เมื่อตัดสินใจไม่ได้จึงมีเพียงสัญลักษณ์จุดเด้งไปเด้งมาโชว์ว่ากำลังพิมพ์อะไรบางอย่างให้อีกฝ่ายได้ลุ้นกว่าห้านาที

PlawhaleORCA :: ผมออร์ก้าอายุ 17 หรือจะเรียกว่าปลาวาฬก็ได้ แล้วเธอล่ะ

เธอล่ะ…

เพนนิ่วหน้ามองหน้าจอและคีย์บอร์ดสลับกันอย่างสับสน

‘เธอ’ อย่างนั้นเหรอ..

เขากดคลิกไปที่หน้าไทม์ไลน์ของคู่สนทนา เลื่อนดูรูปภาพและข้อความเก่าๆ ที่ผู้ชายคนนี้เคยโพสต์

ปลาวาฬอายุมากกว่าเขาถึงห้าปี และดูเหมือนว่าจะไปอยู่ที่ LA ตั้งแต่เด็ก ทั้งหล่อ ทั้งรวย อีกทั้งยังตั้งสเตตัสเป็นภาษาอังกฤษที่เขาอ่านไม่ออกสักคำเต็มไปหมด

คนอะไรมันจะเพอร์เฟคขนาดนี้

ถึงแม้เพนจะอายุแค่สิบสอง แต่เขาก็รู้จักการรัก การชอบ และเขาก็รู้จักตัวเองมากพอตั้งแต่แปดขวบว่าตนนั้นชอบผู้ชาย…

แย่แล้ว เขากำลังตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าเต็มเปา…

.

วินาทีนั้นเองภาพของ ‘เพนนี’ รุ่นพี่คนสวยผู้ครอบครองตำแหน่งดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนก็ผุดขึ้นในสมอง มือหนาจึงรีบเคาะคีย์บอร์ดพิมพ์ตอบกลับไปในทันที

Penny :: เราชื่อเพนนี อายุ 16 ปี ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

PlawhaleORCA :: เหรียญเพนนีพี่เห็นทุกวัน แต่น้องเพนนีเนี่ยสิ พี่อยากเห็นหน้าจังครับ

Penny :: …

เพนถึงกับเครื่องรวนไปต่อไม่ถูก ไม่เข้าใจว่ามันเป็นคำถาม คำเสี่ยว หรือมุกตลก

PlawhaleORCA :: พี่หมายถึงเพนนีไม่ได้ตั้งโปรไฟล์เป็นรูปตัวเอง พี่อยากเห็นรูปเพนนีจังครับ

อ๋อ… เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะห่างหายจากประเทศไทยไปหลายปีเลยไม่ได้อัพเดทวิธีการขอรูปสาวที่ถูกต้องสำหรับพุทธศักราชนี้

โชคดีที่พี่หล่อ ถ้าขี้เหร่คงด่าตะเพิดไปแล้ว มุกอะไร -_-

เพนรีบกดเสิร์ชเข้าเวปบอร์ดของโรงเรียน เลื่อนหาตามกระทู้อยู่ไม่นานก็ได้ภาพสาวฮอตคนนั้นมาหลายรูป เขาประมวลผลครู่หนึ่งก่อนจะเลือกรูปที่สวยน่ารักที่สุดส่งให้อีกฝ่าย

Penny sent a picture…

หลังจากกดส่งไป เขาก็กระพริบตาปริบๆ นั่งรอลุ้นจุดสามจุดที่เด้งไปเด้งมาด้วยหัวใจที่บีบระรัว

PlawhaleORCA :: เธอเราว่า…

Penny :: หืม?

PlawhaleORCA :: เธอน่ารักจังครับ :,)

เพนเผลอยิ้มอย่างโล่งอก บทสนทนาหัวข้อต่างๆ ถูกพิมพ์ถามตอบกันไปมาอย่างลื่นไหล

.

.

.

จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นับว่าเป็นช่วงเวลาไม่น้อยเลยที่เพนได้มีความสุขกับการแชทกับผู้ชายคนนี้ทุกวัน ทั้งคู่เปิดใจให้กันและกันมากขึ้น คงเป็นเพราะเพนเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านโตเกินวัย ทำให้การโกงอายุของเขาไม่ใช่ปัญหา มุมมองและทัศนคติต่างๆ มักสร้างแนวคิดใหม่ๆ ให้กับปลาวาฬเสมอ เพนแสดงความเห็นทุกอย่างตามความคิดของตน เว้นเสียแต่เพศสภาพ หน้าตา ฐานะครอบครัว หรือเรียกง่ายๆ ว่าตัวตนที่แท้จริงทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องที่สมมติขึ้น

ฐานะทางบ้านเพนไม่ค่อยดี เขามีน้องชายกับน้องสาวอย่างละคน พ่อทิ้งพวกเขาไปตั้งแต่ยังเล็ก มีแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ เขารูปร่างหน้าตาอ้วนดำน่าเกลียด ไปไหนก็โดนเพื่อนล้อ หรือแกล้งเป็นประจำ แม้ทุกอย่างดูจะแย่ไปเสียหมด แต่โชคดีที่เขาได้รู้จักปลาวาฬ ชายผู้นี้เป็นเหมือนของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้เขา ปลาวาฬเติมเต็มความรู้สึกแย่ที่เคยมีจนมันมลายหายไปหมด เขาไม่เคยบอกเพื่อนหรือครอบครัวเกี่ยวกับปลาวาฬ เก็บทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับในโลกที่มีแค่เขา

ปลาวาฬถูกพ่อแม่ส่งให้ไปอยู่อเมริกาตั้งแต่ตอน ม.1 ทำให้เขาเป็นลูกคนรวยที่ไม่เหยาะแหยะ เขาทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ก็มีหลายครั้งที่ขี้เหงาเพราะห่างบ้าน ห่างครอบครัว และมีหลายครั้งที่เขาใช้ภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ เพราะไม่ค่อยมีเพื่อนคนไทยมากนัก

ปลาวาฬแชร์เรื่องทุกเรื่องของเขาให้เพนรู้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นของที่เขาชอบ งานที่เขาถนัด หรือแม้แต่สิ่งที่เขาทำในแต่ละวันเพนก็รู้และจำมันได้เป็นอย่างดี ปลาวาฬเหมือนเปิดโลกใหม่ให้เด็กไทยบ้านๆ อย่างเพนได้เห็นโลกกว้างขึ้น เพนมักตื่นเต้นกับเรื่องราวธรรมดาหรือกิจวัตรประจำวันของเขาเสมอ เรียกได้ว่าระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย

ปลาวาฬมักชอบส่งของจากอเมริกามาเซอร์ไพรส์เขาเป็นประจำ บางครั้งเป็นโปสการ์ดของสถานที่ใหม่ๆ ที่เขาไป บางครั้งก็เป็นเกมส์ ขนม หรือแม้แต่สร้อยคอสั่งทำพิเศษและข้าวของราคาแพง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีพัสดุส่งมา หลังเลิกเรียนเพนจะมุ่งหน้าไปที่ไปรษณีย์และยื่นเลขแทรคกิ้งนัมเบอร์ที่ทราบจากปลาวาฬไปให้พนักงานเพื่อที่ตนจะสามารถรับของได้ ปลาวาฬพยายามขอที่อยู่จริงของเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยบอก อ้างไปแค่ ‘คุณแม่ไม่ชอบให้คุยกับผู้ชาย‘

ถึงแม้จะได้รับวัฒนธรรมตะวันตกมามาก แต่ปลาวาฬก็ยังเข้าใจเพนเสมอ เขามักจะแซวกลับตลกๆ ว่า ผมจะตั้งใจเรียน จะทำงานเก็บเงินเยอะๆ เพื่อไปขอลูกสาวกับคุณแม่เพนนีสักวัน

เพนได้แต่หัวเราะแหะๆ ทั้งที่เป็นคำหยอดแต่เขากลับไม่ยักกะเขิน ในใจมีแต่ความอึดอัด

ก็แน่สิ… เพราะตั้งแต่ที่คุยกันมามันไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเขาเลยสักอย่าง…

 

จนท้ายที่สุดช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กผู้ชายวัยสิบสี่ปีก็มาถึง เมื่อใครอีกคนส่งข้อความหาเขาด้วยใจที่เต้นเร่าๆ

PlawhaleORCA :: เดือนหน้าวันที่สิบสี่กุมภาพี่จะได้กลับไทยแล้วนะ เรามาเจอกันหน่อยมั๊ย?

.

.

.

 

PlawhaleORCA :: เป็นวาเลนไทน์ให้พี่ได้รึเปล่า?

 

.

.

.

เหมือนลมหายใจขาดช่วง เพนในสภาพร่างไร้วิญญาณพาร่างกายไปยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกบานเก่า มองพื้นไม้ซอมซ่อที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ มองใบหน้าสิวเขรอะ ร่างท้วมตัน ผิวดำกร้านแดด หัวไถเกรียนในชุดนอนย้วยที่ถูกใส่มาหลายต่อหลายปีจนบางมุมก็เป็นรูโหว่

เขาแค่นยิ้มให้สารรูปย่ำแย่ของตัวเองในกระจก ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่า น้ำตาแห่งความเศร้าไหลพลั่งพลูอาบแก้ม เพนปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปกับความทรมานเหล่านั้นอยู่หลายวันโดยไม่ตอบแชทใครอีกคน

และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกทางออกที่คิดว่าเซฟตัวเองมากที่สุด

 

 Penny Are you sure you want to delete this account?

- Yes -

 และแล้วแอคเคาท์เพนนีก็หายไปตลอดกาล หายไปพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ยังฝังเขาเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดในใจไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปกี่ปีแล้วก็ตาม…

 

 

 




++++++++++++++++++++++++++++++++


ฝากเม้นติชมหน่อยนะคะ ^^




ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น •
«ตอบ #3 เมื่อ26-07-2019 00:55:43 »



 CHAPTER 01 :: FIRST IMPRESSION


 

         ช่วงเวลาไพร์มไทม์ของผับชื่อดังย่านใจกลางกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาในเครื่องแต่งกายจัดจ้าน เสียงเพลงดังกระหื่มกับแสงไฟสลัวไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับผมมากนัก ผมพยายามแทรกกายผ่านชายหญิงที่กำลังเต้นโชว์สเต็ปเพื่อตรงไปยังโต๊ะประจำที่มักมานั่งบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเรียน

“เฮ้ย มันมาแล้ว!” เติ้ล เพื่อนรักคนเกรียนของผมรีบวิ่งเข้ามาหา มันเอาแขนล่ำๆ มาคล้องคอเล่นเอาผมเซไปเล็กน้อย ก่อนจะกระชับตัวผมเข้ามาใกล้เพื่อลากไปที่โต๊ะ

          “อีเพน! นังตัวดี กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง!” แป้งเพื่อนสาวคนเดียวในกลุ่มหันมาฟาดก้นผมอย่างสนิทสนม จะเมาหรือไม่เมามันก็ทำแบบนี้ตลอดจนชินแล้ว ผมแกล้งร้องโอดครวญเลื่อนมือไปลูบป้อยๆ “โอ๊ยเจ็บ!”

          “อย่ามาทำหน้ายั่วใส่กู! อินี่… ทำไมก้นมึงเด้งจังวะ เป็นผู้ชายอะไรทำไมก้นกลมกว่ากูอีก” ไม่พูดเปล่า คราวนี้มันยกสองมือขึ้นมาขยำก้นผมด้วยหน้าตาโรคจิตสุดๆ

          “เติ้ลช่วยกูด้วย” ผมร้องเสียงหลง แล้วกระโดดข้ามไอ้เติ้ลไปทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างๆ โดยที่ขาก็ยังพาดหน้าตักมันอยู่ ไอ้เติ้ลมันก็รับมุก รีบเอามือข้างนึงมาโอบเอวผม ส่วนอีกมืออีกข้างก็ปัดไล่ไอ้แป้งเหมือนปัดแมลงวันให้กลับไปนั่งที่

          “โซ่ มึงดูท่ามันดิ แรดฉิบหายเลย” แป้งหันไปเขย่าแขนโซ่ที่นั่งติดกัน

          “เออกูรู้ มึงก็เลิกกัดมันสักทีสิวะ” โซ่ชงเหล้ามือเป็นระวิงอย่างไม่สนใจ ก่อนจะยื่นมาให้ผม “อ่ะ มาสายรู้ใช่ไหมต้องทำยังไง?”

          “เออ” ผมยกเหล้าเข้มๆ มากระดกทีเดียวหมดแก้ว พวกมันก็ตบมือเฮโลกันใหญ่ ผมไม่ใช่คนดื่มเก่งหรอกนะ ถ้าต้องอัดรวดเดียวแบบนี้แปปๆ ก็ล้มแล้ว เหตุผลที่ผมชอบมาผับจริงๆ แล้วน่าจะเพราะผมชอบมาเจอเพื่อน เล่นอะไรบ้าๆ เพื่อปลดปล่อยความเครียดบ้างก็เท่านั้นเอง

          ผมกับพวกมันเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งคณะอุตสาหกรรมเกษตรจากมหาลัยชื่อดัง ถ้าฟังดูเข้าใจยากผมจะเรียกมันใหม่ว่า “ฟู้ดไซน์” หรือวิทยาศาสตร์อาหารที่คนรู้จักกัน แม้ผมจะดูเป็นเด็กเที่ยวไปบ้างแต่ผมก็จบมาด้วยเกรดเฉลี่ยสามกว่า นับว่าเป็นอันดับต้นๆ ของภาคก็ว่าได้

          ผมเริ่มอาชีพแรกด้วยการไปทำงานเป็น ‘ซุป’ ที่ย่อมาจากซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือหัวหน้าที่คอยคุมพนักงานในโรงงานอาหารหมาแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดที่ห่างไกล ด้วยความที่ผมเพิ่งเรียนจบ ดูเด็ก หลายคนจึงไม่เชื่อฟัง บางคนถึงขั้นชอบมาลองของให้ผมต้องปวดหัวตลอด แม้จะทำงานไม่เป็นเวลา บางอาทิตย์ต้องเข้ากะดึกบ้างผมก็ไม่เคยเกี่ยงงาน ขอแค่มีงานมีเงินผมทำหมด ทำได้อยู่สามสี่เดือนหัวหน้าผมคนปัจจุบันก็มาพบผมเข้าที่โรงงาน เขาเข้ามาทาบทามให้ผมย้ายไปทำงานบริษัทเขาในตำแหน่งเซลล์ และผมก็ตัดสินใจไปในทันที

          รายได้ผมสูงขึ้นมาก ผมย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตอู้ฟู่ เสาร์อาทิตย์เที่ยวเตร่ถึงไหนถึงกันแลกกับการทำงานหนักแทบตายในวันธรรมดา ผมเคยถามพี่หัวหน้าว่าทำไมวันนั้นถึงชวนผม เขาบอกว่า ‘ผมเป็นแบบที่ลูกค้าชอบ’ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ความหมายที่ชัดเจนมากนัก แต่เอาเป็นว่าเขามองคนขาด เพียงห้าเดือนผมก็กลายเป็นพนักงานขายหน้าใหม่ที่มาแรงจนเป็นที่จับตาของทั้งบริษัท

          “แล้วชีวิตมึงเป็นไงมั่งครับไอ้คุณเซลล์ ไลน์ไปไม่เคยตอบ กูนึกว่ามึงเล่นซ้อมตาย” ไอ้เติ้ลหันมาแหวะผม

          ไอ้เติ้ลมันทำงานเป็น R&D หรือพนักงานวิจัยคอยคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้บริษัทอาหารเพื่อสุขภาพครับ มันสูงร้อยแปดสิบกว่า หุ่นดีมีกล้าม มีซิกแพคต่างจากผมกับไอ้โซ่โดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าช่วงนี้มันเริ่มทำเพจแนะนำคนเล่นกล้ามด้วย แม้จะอยากสนับสนุนเพื่อนแต่ถ้ามันจะมาทางนี้ผมก็ขอบาย ผมขอเลือกกินของแปลกๆ ที่มันสรรหามาให้ลองเป็นครั้งคราวจะดีกว่า

          “เออจริง ถ้ามันไม่ตอบ สักพักคือกูต้องคอยโทรเช็คแล้วอ่ะ กลัวแม่งเป็นอะไรตายไปไม่มีคนรู้ เสือกอยู่คนเดียวด้วย” ไอ้โซ่พูดขึ้น ถ้าเทียบในสามคนไอ้โซ่นี่เหมือนจะเป็นเมียผมก็ว่าได้ มันมีความเป็นแม่สูงกว่าผู้หญิงแท้ๆ แบบไอ้แป้งเยอะ  ไอ้โซ่มันตัวมันสูงพอๆ กับผม แม้หน้าตาจะไม่ได้น่ารักเท่าแต่ก็ถือว่าดูซื่อบื้อพอไปวัดไปวาได้ อ่อไม่ต้องตกใจไปผมเป็นคนหลงตัวเองในระดับนึงเลยล่ะครับ 

          ไอ้โซ่ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทพิซซ่าชื่อดัง ซึ่งงานของมันก็คือทำทุกอย่างที่หัวหน้ามันต้องการ ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน รับลูกค้า ช่วยจัดตารางงาน ยันถ่ายเอกสาร ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานที่เหมาะกับนิสัยชอบดูแลคนอื่นของมันดี

          “เอาจริงอีเพนกูว่านะมึงอ่ะ หาผัวสักทีเหอะ” ไอ้แป้งพูดโผล่งขึ้นมาทำเอาผมรีบส่ายหน้า

          ไอ้แป้งเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย เสียอย่างเดียวคือปากหมาโดยเฉพาะกับผม มันชอบแกล้งผมเป็นงานอดิเรก ส่วนงานหลักมันทำฟรีแลนซ์เป็น MC กึ่งๆ พริตตี้ งานเล็กงานน้อยขอแค่จ้างมัน มันทำหมด หลายคนมองว่ามันแปลก บ้างก็เสียดายที่อุตส่าห์เรียนมาซะหนักโดยเฉพาะเคมีที่กว่าจะผ่านกันมาได้ก็แทบอ้วก แต่สำหรับผม ผมว่ามันเป็นผู้หญิงที่เก่งนะ หาเงินเองทำทุกอย่างเองจากความสามารถมันล้วนๆ แถมงานนี้ยังทำให้มันได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอด ชีวิตมันโคตรจะแฮปปี้

          “มึงก็เป็นซะแบบนี้ กูถามมึงจริงๆ เหอะ นี่มึงแอบไปเข้าลัทธิยึดถือพรหมจรรย์ไม่บอกกูเพื่อเล่นของเขมร หรือแบบ มูเตลูอะไรทำนองนี้หรือเปล่าวะ?”

          “เลอะเทอะ” ผมทำหน้าเหม็น กรอกตาบน แค่นั้นไอ้เติ้ลก็หลุดขำ

          “เอ๊าอีนี่กูถามจริงๆ มึงฟังคำพูดกูไว้นะเพน มึงไม่ได้จะน่ารักแบบนี้ไปตลอดหรอกนะ เผลอแปปเดียวเดี๋ยวมึงก็เหี่ยว ไม่ยั่วเยแล้ว ถึงวันนั้นก็นอนตัวคนเดียวรอให้หนอนแดกแล้วกัน”

          “เชี่ย!!” ผมทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ร้องอุทานเสียงหลง

          “พอๆ แดกเหล้า เอ้าชน!” ไอ้เติ้ลรีบห้ามทัพ มันยกแก้วขึ้นชน คนอื่นๆ เลยยกขึ้นตามด้วย ผมกลืนของเหลวสีอำพันลงคอ

เป็นคำถามที่ทุกคนมักสงสัยว่าทำไมผมถึงโสดทั้งที่ก็มีคนคอยตามจีบตลอด แล้วไม่ใช่โสดแบบธรรมดาด้วยนะ ต้องเรียกว่าโสดมาตลอดชีวิต

          ใจจริงผมก็อยากมีใครสักคน แต่ผมแค่ยังไม่เจอคนที่ใช่ และผมก็ไม่ชอบความรักที่มองกันแค่เปลือกด้วย ผมเคยเป็นคนขี้เหร่ผมเลยเข้าใจความรู้สึกคนที่ถูกมองข้ามตัวตน แล้วเลือกที่จะตัดสินกันแค่ภายนอก ถึงแม้วันนี้ใครก็พูดว่าผมน่ารัก แต่ลึกๆ แล้วถ้าต้องจริงจังกับใครสักคน ผมก็ยังเลือกมองคนที่จิตใจมากกว่าอยู่ดี

          “ถามจริงเหอะ มึงยังรอไอ้กวินอยู่รึเปล่าวะ?” คำถามของไอ้โซ่เรียกความสนใจของแป้งและเติ้ลได้เป็นอย่างดี

          ว่าไงดีล่ะ พูดด้วยความสัตย์จริงตั้งแต่ผมมีชีวิตมา ผมเคยชอบผู้ชายอยู่สองคน คนหนึ่งชื่อพี่ปลาวาฬ พี่เขาเป็นรักแรกของผมตอนเด็ก แต่ไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้หรอกนะเพราะผมไมได้เล่าให้ใครฟังเลย ส่วนอีกคนที่ทุกคนรู้จักดีก็คือกวิน ผมเคยชอบมันช่วงจบมหาลัยปีสอง ดังนั้นจะเรียกว่ากวินเป็นคนตัวเป็นๆ คนเดียวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมแบบนั้นก็ว่าได้ 

          “ไม่แล้ว”

          “ดีมากไอ้หนู” ไอ้เติ้ลตบหลังซะกระดูกผมแทบเคลื่อน หันไปจิกตาใส่ แต่มันก็ยังทำหน้ามึนไม่รู้ตัว

          “อย่างมึงหาได้ดีกว่านั้นเยอะเชื่อกู! มาๆ ว่าแล้วมึงก็ต้องจัดแล้วล่ะ มึงจะเอาคนไหนคะเพื่อน?” ไอ้แป้งมันเอื้อมตัวมาสะกิดผมเพื่อย้ำที่ประโยคหลัง เวลามาผับปกติพวกเราชอบแอ๊วคนนู้นคนนี้ไปทั่ว มักทำเพื่อความสนุกอย่างเดียว แต่ถ้าวันไหนเสี้ยนมากๆ บางทีไอ้พวกนี้ก็อาจไปต่อ หรือถ้าเจอคนถูกใจจริงๆ ก็มีสานสัมพันธ์กันบ้าง

          “พวกมึงก่อนดิ”

          “ระหว่างรอมึงพวกกูได้กันมาหมดแล้ว มึงเห็นมั๊ยเสื้อเชิ้ตขาวโต๊ะนู้นที่มองกูอ่ะ” มันพูดแล้วแล้วขยิบตาไปทางซ้าย เมื่อมองตามก็พบผู้ชายร่างหมีงานดีสเปคมันนั่นแหละ

          “หล่อว่ะ เออโซ่แล้วมึงอ่ะ”

          “พูดอะไรมึงลืมไปแล้วเหรอ พี่ธามแฟนมันแม่งโคตรขี้หวง ขืนให้มันทำ พี่แม่งต้องตามมาเอาเลือดหัวพวกกูออก” ไอ้เติ้ลสะกิดบอก นั่นสิผมเกือบลืมไปเลยว่าไอ้โซ่มีแฟนแล้ว แถมหล่อแล้วก็โตกว่าพวกเราสามสี่ปีเห็นจะได้ ใช่ครับไอ้โซ่ก็เป็นเกย์เหมือนผมเนี่ยแหละ ส่วนไอ้เติ้ลมันชอบผู้หญิง แฟนแต่ละคนของมันแซ่บๆ ทั้งนั้น

          “เออๆ กูรู้แล้วรอกูกริ่มๆ กว่านี้ก่อน ตอนนี้ยังไม่ได้ฟิล” ผมว่าพลางยกเหล้าแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ขึ้นดื่ม

          “งั้นมึงต้องเจอนี่!” ไอ้แป้งเอื้อมแขนไปคว้าขวดเหล้ามาตั้งดังปึ้งตรงหน้าผม

          “เพียวไปเลย เพียวไปเล้ยยย” ฟังจากเสียงดูก็รู้ว่าสติสตังเริ่มไปแล้ว ตัวผมเองก็ไม่ค่อยต่างกำลังมึนนิดๆ พอสนุก

          “ไอ้เพนเพียวเลย เพียวเลย!!” ไอ้ที่เหลือก็พากันเชียร์ ไอ้ผมก็โดนยุไม่ได้ ยกทั้งขวดขึ้นกระดก แต่ไม่หมดหรอกนะครับ แค่สองอึกผมก็วางลงแล้ว

          “เหยดด ถึงขั้นนี้แล้วเต้นหน่อยดิวะ” ไอ้โซ่ทุบโต๊ะเรียกให้ผมลุก ส่วนไอ้เติ้ลก็ช่วยพยุงผมให้ยืนในทันที

          “ก็มาดิค้าบบบบ”

ผมที่เริ่มเมากริ่มๆ โยกย้ายส่ายสะโพก เลื้อยสะบัดไปตามจังหวะเพลงที่ฮิตที่สุดของยุคนี้ ท่วงท่าที่เพียรซ้อมเกือบทุกวันหน้าทีวีถ่ายทอดออกมาตรงจังหวะเป๊ะเว่อร์ อินเนอร์มาเต็มประดุจหนึ่งในสมาชิกไอดอลชื่อดังอวตารลงมา

“ไอ้เชี่ย เอ็กซ์สัดด” ไอ้เติ้ลซี้ดปาก โห่เชียร์ให้ผมเต้นอีก

ผมเต้นอย่างเมามันส์อยู่ๆ ก็มีมือใหญ่ของใครสักคนมาคว้าหมับเข้าที่เอว “สวัสดีครับ”

“ครับ” ผมหยุดเต้นหันไปมอง เขาเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ท่าทางภูมิฐาน รูปร่างสูงใหญ่ แต่ติดที่จะมีอายุไปเสียหน่อย ดูแล้วเขาน่าจะอายุมากกว่าผมสิบกว่าปีเห็นจะได้

“พี่ชื่อเศรษฐ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ไม่ใช่แค่วัยวุฒิแต่ท่าทางเขาก็ดูเจนจัดกว่าคนทั่วไป

“โอ๊ะโอ่… น่าเสียดายนะครับวันนี้ผมไม่สนใจ WALK IN”

“หือ อย่าใจร้ายสิตัวเล็ก” เขาขยับหน้าเขามาใกล้ ไม่พอยังจับข้อมือผมเอาไว้อีก “พี่รักเด็กนะ ตังค์เยอะด้วย”

“งั้นก็ลองส่ง RESUME มาให้พิจารณาก่อนแล้วกันนะครับ” ผมยิ้มยั่ว

เขาชะงักไปพักนึง ก็แหงล่ะสินั่นมันชื่อใบสมัครงาน ผมอาศัยจังหวะนั้นเบี่ยงตัวออก

“เอาไลน์มาสิ เดี๋ยวพี่ส่งให้”

เขารับมุก แต่ผมไม่ตอบ แค่ยักไหล่แล้วยิ้ม

“มือนิ่มจัง ตัวก็หอม” เขาคว้าข้อมือผมไปกำไว้อีกครั้ง ก่อนจะรั้งเข้าหาตัวจนสีข้างผมปะทะเข้ากับร่างกายเขา

“ปล่อยครับ!”

คราวนี้พวกไอ้เติ้ลเห็นท่าไม่ดี เลยรีบเข้ามาจะกันเขาออก

“งั้นหนูว่างสัมภาษณ์เมื่อไหร่ ช่วยติดต่อพี่หน่อยนะ”

เขายัดนามบัตรที่ไม่รู้ว่าล้วงออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ใส่มือผม ก่อนไปยังไม่วายยังแอบใช้นิ้วลูบฝ่ามือผมเบาๆ

“หน้าตาก็ดีแต่ท่าทางแม่งโคตรหื่น” ไอ้โซ่รีบดึงผมเข้ามานั่งที่ขอบโซฟา โซ่มองนามบัตรในมือแต่ผมไม่สนใจ ยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงไปแบบลวกๆ

“เออดิ” ผมเบ้ปาก

“มึงนี่พ้นสายตากูไม่ได้เลยนะตัวเล็ก” ไอ้เติ้ลแซวแล้วเอามือขยี้ผมเหมือนเล่นกับหมา

“เฮ้ยเพน มึงลืมเมื่อกี้ไปก่อนเลย กูเจอแรร์ไอเทมโว้ย!” ไอ้แป้งที่เงียบไปอยู่ๆ ก็แหกปากลั่น มันกระชากตัวผมมาจากไอ้โซ่ รั้งเอวให้นั่งลงบนขามันข้างนึง ก่อนที่มืออีกข้างจะดันท้ายทอยผมให้หันไปฟัง

“สิบนาฬิกา”

เมื่อผมกรอกตาไปตามทิศที่มันว่าก็พบผู้ชายสองคนกำลังนั่งอยู่ที่บาร์ พวกเขาดูเด่นกว่าใครด้วยบุคลิค และหุ่นที่เพอร์เฟค แม้มองจากระยะไกลแต่ด้วยช่วงไหล่ที่กว้างทำให้ดูออกไม่ยากว่าพวกเขาน่าจะสูงระราวร้อยแปดสิบปลายๆ คนหนึ่งเป็นชาวตะวันตกผมสีทอง ส่วนอีกคนหล่อแบบเอเชียผิวขาวเหลืองเกือบๆ แทนเหมือนพวกคุณชายสายสปอต

“เพน”

“ว่า”

“เอาคนไหน?”

“ตี๋… เฮ้ยเดี๋ยว คือกูต้องเอาด้วยเหรอ” ผมเผลอตอบไม่รู้ตัว ก่อนจะตั้งสติได้

“เออดิวะไอ้นี่ เร็วๆ วันนี้มึงยังไม่ได้แอ๊วใครก่อนเลยนะ”

“ไม่เอาอ่ะขี้เกียจ”

“อ่าวตอบงี้ก็สวยดิ ไอ้โซ่ ไอ้เติ้ล มีคนป็อดเว้ย” แป้งหันไปตบโต๊ะฉาดใหญ่ ไอ้เติ้ลกับไอ้โซ่เลยพากันโห่แซว

“หล่อนะเว้ย คนนี้กูให้ผ่าน ไปๆ อย่าไปกลัว” พอได้ยินไอ้เติ้ลพูด ผมก็แอบหน้าเหวอ

“ดูทำหน้าเข้าอย่างกับเห็นขี้ อะไรวะเพนเจอของพรีเมี่ยมแค่นี้ถึงกับกลัวเลยเหรอวะ โถ… น่าสงสารนะเราเนี่ยฮอตแค่ในหมู่ตลาดล่างหรือไม่ก็ของโบราณ” ไอ้โซ่พูดทีเล่นเอาผมหน้าหงาย

พูดขนาดนี้มึงลุกขึ้นมาตบหน้ากูเลยดีกว่า ไอ้เพื่อนเวร!

“เอาไงอีเพน ตกลงมึงกล้าไม่กล้า” ไอ้แป้งถามย้ำ

“คนอย่างกูกลัวเป็นที่ไหน พวกมึงดูไว้นะ!” พูดเสร็จผมก็สะบัดตัวเดินอาจๆ เข้าไปหา แม้หัวจะหนักๆ มึนๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค วินาทีนี้ศักดิ์ศรีต้องมาก่อน คนอย่างไอ้เพน ฆ่าได้ หยามไม่ได้โว้ยยย

รู้สึกตัวอีกทีผมก็ไปหยุดยืนข้างหลังผู้ชายสองคนนั้นซะแล้ว

ผมได้ยินมันรัวภาษาอังกฤษใส่กันไฟแลบ เริ่มไม่มั่นใจว่าเป็นคนไทยรึเปล่า สำหรับผู้ชายหัวทองผมแน่ใจว่าไม่ใช่แน่ แต่ผู้ชายตี๋ผมดำเนี่ยสิ ถ้าเป็นคนจีนหรือเกาหลี ก็ไม่จำเป็นต้องมีสำเนียงอเมริกันเกินเบอร์แบบนี้รึเปล่า

“เอ่อ… สวัสดีครับ” ผมพูดแล้วฉีกยิ้มสดใส

ทั้งสองคนหยุดคุยกันทันที พวกเขาเบนความสนใจมาที่ผม นายตี๋ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน ดวงตาเรียวยาวหรี่ลงเหมือนกำลังถามกรายๆ ว่าอะไรของเอ็ง

ฉิบหายแล้ว ฟังไม่เข้าใจแน่ๆ ภาษาอังกฤษผมพออ่านได้นะ แต่ถ้าให้พูดนี่ขอเลือกคุยภาษาหมาน่าจะง่ายกว่า!

ผมแอบหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นไอ้พวกนั้นตั้งใจมองกันตาแป๋วไม่กระดุกกระดิก

นี่กูกำลังเล่นบ้าอะไรอยู่เนี่ย

“Wow Hi pretty boy, How are you doing?” ผู้ชายหัวทองเป็นคนทักผมก่อน

น่ารักๆ อะไรสักอย่างก่อนจะ อาร์ ยู ดู อิ้ง… ตามที่ภาษาอังกฤษครูศรีนวลสอนตอน ป.6 ถ้าจำไม่ผิดน่าจะแปลว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่

“เอ่ออ… I come to play with my friends” ผมรีบตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เสียชื่อระบบการศึกษาไทย และไม่ลืมลากเสียงตัวเอสที่หลังคำว่าเฟรนส์ให้รู้ด้วยนะว่าผมมีเพื่อนหลายคน

สิ้นคำตอบของผมก็เกิดเดดแอร์ไม่ทราบสาเหตุ

รู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำความผิดครั้งยิ่งใหญ่ลงไป

หรือสำเนียงผมมันจะไทยแลนด์แดนสยามจนเขาฟังไม่รู้เรื่องวะ

ขอลองอีกรอบดิ๊ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว!

“ไอ แอม แด๊นซิ่ง แด๊นซ์ แด๊นซ์ ยู ไลค์ อิท?” ไม่พูดเปล่าผมเอานิ้วจิ้มไปที่ไหล่ชายฝรั่ง แถมยังทำท่าประกอบ เต้นส่ายไปส่ายมาให้ดูด้วย

“OH Gosh! You are so adorable! ฮ่าๆ โผมถั้มคูนว่าคูนซาบัยดีหมายคับ ม่ายชายคูนถั๊มอะรายยู”

เพล้ง!! เสียงเศษหน้าผมเอง…

โคตรจะอายที่ต้องให้ฝรั่งมาอธิบายประโยคพื้นฐานแบบนี้ ใจนี่อยากจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษารัสเซียแต่ก็ทำไม่ได้ ผมเลยแกล้งตีมึน ยู่ปาก ทำหน้าไร้เดียงสาแบบที่ชอบทำอยู่บ่อยครั้งเวลาโดนลูกค้าด่า

“ผม… ผมสบายดีครับ”

เขายิ้มกว้าง คว้าข้อมือผมข้างที่จิ้มไหล่เขาเมื่อครู่ไปกำ แถมเขย่าขึ้นลงใหญ่เลย

แม้ภายนอกจะดูคูลๆ หล่อรวย แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าหาง่ายกว่าที่คิด

ผมแอบชำเลืองตามองหนุ่มตี๋ เขาหันไปคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากินต่อ ไม่ได้สนใจผมเลย

อยู่ๆ ผู้ชายฝรั่งที่ดูจะโตกว่าผมสี่ห้าปีก็โอบเอวผมเข้าไปใกล้ ขอบสะโพกผมชนกับไหล่เขาแบบไม่ได้ทันตั้งตัว

“โผมชื่ออดัมคับ หยิ่นดีที่ดั้ยรุจั๊ก”

ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะเลื่อนนิ้วมาชี้ที่หน้าอกตัวเอง

“ผมชื่อเพนยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”

เขายิ้มให้ผม พอได้มองใกล้ๆ ตาเขาเป็นสีฟ้าอมเทา ผมแอบตื่นเต้นเพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นชัดๆ แบบนี้ แต่แล้วจู่ๆ อดัมก็ยืนขึ้นผมถึงรู้ว่าตัวเองสูงกว่าไหล่เขานิดหน่อยเท่านั้น เขาก้มหน้าลงมาประชิดซอกคอจนผมเผลอสะดุ้ง ลมหายใจร้อนเป่าลงบริเวณผิวเนื้อที่ไวต่อความรู้สึก

“เพิ่นโผมโคนไท พูดไทดั้ย”

ผมรีบเงยหน้าขึ้นมองอดัม เป็นจังหวะเดียวกับที่เขากระพริบตาข้างนึงให้ราวกับส่งซิก เขาสะกิดข้อมือผมแล้วชี้ไปที่หนุ่มตี๋นั่นเหมือนให้ผมหันไปทัก

          ผมทำใจดีสู้เสือหันไปสะกิดไหล่เขา แล้วผละตัวออกจากอดัม

“เน่ พี่อดัมบอกผมแล้วนะว่าพี่เป็นคนไทย ก็แล้วทำไมพี่รีบไม่บอกล่ะ ปล่อยผมพูดอะไรก็ไม่รู้” ผมใช้เสียงสองโอดครวญ เมื่อเห็นเขาหันมาผมก็อยากจะเข้าไปคุยใกล้ๆ อีกนิด แต่แล้วสาวเท้ายังไม่ทันได้ก้าวนึงเลยอยู่ดีดีก็ดันสะดุดขาเข้าอี้หรือขาอดัมก็ไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าร่างกายสูญเสียการทรงตัว เผลอวูบเดียวก็เซถลาลงไปนั่งซบอกพี่เขาเสียแล้ว

          ผมหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ สิ่งแรกที่พบเมื่อลืมตาขึ้นก็คือ ภาพเพื่อนสามคนกำลังเอามือจิกกันตัวเกร็ง เหมือนลุ้นหวย

ผมเดาหน้าพี่เขาไม่ออกเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ ถ้าอดัมไม่บอกว่าพูดไทยได้ผมคงคิดว่าเขาเป็นใบ้ ผมแกล้งเลื่อนมือไปคลำบริเวณสะโพกตัวเอง หรือหน้าขาเขานั่นแหละ ทำทีเหมือนจะลุก แต่ก็ไม่ลุกสักที

“ขอบคุณนะฮะที่ช่วยผม” ผมแกล้งเนียนชมพี่แกให้ใจสั่นเล่น ตามจริงเขาก็ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรหรอก ผมเลือกที่จะล้มใส่เขาเองต่างหาก

“สรุปแล้วพี่ชื่ออะไรเหรอ พี่ยังไม่บอกผมเลยนะ” ผมถามเสียงหวานแล้วช้อนตามองเขาด้วยแววตาไร้เดียงสา

แต่แล้วผมก็ต้องผงะ เมื่อสายตาหวานเชื่อมที่ผมส่งไปทำให้ใบหน้าหล่อบึ้งตึง เหมือนยักษ์ขึ้นมาในทันที

นี่ไอ้พี่มันคิดจะฆ่าผมเรอะ

“มีคนเคยบอกไหมว่าพี่หล่อแต่หน้าดุ๊ดุ”

ไม่ตอบ...

จะเล่นตัวอะไรนักหนาวะ นี่ผมชักจะหงุดหงิดแล้วนะโว้ย!

ผมตัดสินใจรุกหนักขึ้น แกล้งเอนหลังซบตัวลงที่อกกว้าง เอื้อมมือไปแตะที่โคนขาแข็งแกร่งในจุดหมิ่นเหม่ ทำท่าเหมือนจะลุกอีกครั้งแต่กลับเขยิบเข้าไปแนบชิดมากกว่าเดิม จงใจกดก้นนุ่มนิ่มลงบนส่วน แข็งๆ นูนๆ ซึ่งไวต่อความรู้สึก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ดุนดันไปมากกว่านั้น เขาก็รีบผละตัวผมออกราวกับเป็นของร้อน

 อะไรวะ... หรือว่า… ไอ้พี่มันจะเป็นหมัน?!

.

.

.


“แรด”



“หา… นี่ว่าไงนะ”



“แรด”



“…”







“อยากฟังอีกครั้งไหม?”

 

!!

 



 

ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็เดินฟึดฟัดกลับมาที่โต๊ะ ไอ้สามคนที่เฝ้าดูสถานการณ์โห่ร้องตบมือกันยกใหญ่

“อีเพน กูไม่คิดว่าลัทธิยึดถือพรหมจรร์อย่างมึงจะกล้าขนาดนี้! ไอ้เชี่ยน้ำตาจะไหล เป็นไงมั่งมึง อกพี่เขาอุ่นมั๊ย” ไอ้แป้งกรี้ดกร้าดพลางเขย่าแขนผมเหมือนคนบ้า ผมหันไปจิกตามามองแบบโคตรจะหงุดหงิด

“ตอนแรกคิดว่าจะขอแค่ไลน์ที่ไหนได้ข้ามช็อต ไอ้เพนแม่งของแรงจริงกูมองไกลๆ ยังเสือกเสียว” ไอ้เติ้ลพูดซี๊ดปาก

“ไหนเอาไลน์มาดูดิ๊”

เปร๊ง!

สิ้นเสียงไอ้โซ่ผมรู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนปอนด์มาฟาดลงที่กลางหัว

“เร็วๆ เอามาดู”

“…”

“ไอ้เพน”

“ไม่มี”

“มึงว่าไงนะอีเพ๊นน”

“ก็กูไม่มี ขนาดชื่อมันยังไม่ยอมบอกกูเลย!!”

 

 

 

++++++++++++++++++++

ก็มารอดูกันค่ะ ว่าเฮียกับน้องเพนใครจะอ๊องกว่ากัน >//< 



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 17:11:48 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น •
«ตอบ #4 เมื่อ26-07-2019 01:02:24 »


CHAPTER 02 :: PEN'S LIFE

 

          ในคืนวันอาทิตย์ที่แสนสงบ หลายคนอาจพากันไปดูหนังเรื่องโปรด พูดคุยกับคนรัก หรือแม้แต่เล่นกับสัตว์เลี้ยงแสนอ้อนเพื่อพักผ่อนจิตใจ เติมพลังพร้อมรับมือกับวันจันทร์อันแสนโหดร้ายที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า แต่ก็ดูเหมือนว่าพฤติกรรมที่กล่าวมานี้จะไม่เกิดขึ้นกับเพน

 

แกร๊ก แกร๊ก

           เสียงนิ้วกดเครื่องคิดเลขดังระรัว จังหวะของมันช่ำชองและรวดเร็วจนมองตามด้วยตาเปล่าแทบไม่ทัน หากมีใครผ่านมาเห็นเข้าคงนึกว่าผมกำลังจิ้มมั่วๆ แต่เปล่าเลย ผมใช้มันจนชินแล้วล่ะ

           “เชี่ย… เดือนนี้ใช้ตังค์ไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ” ผมสบถกับตัวเอง

           เป็นรอบที่ล้านที่เวลาใช้เงินไม่เคยคิด มักมารู้ตัวอีกทีก็ช่วงกระเป๋าตังค์มันร่อยหรอ จนต้องมานั่งจิ้มเครื่องคิดเลขหาคำตอบ

           ผมเป็นคนหาเงินเก่งนะ แต่ก็ใช้เงินเก่งมากกว่า…

           พอรู้ว่าได้งานเซลล์ผมก็ตัดสินใจสร้างหนี้ก้อนแรกด้วยการออกรถป้ายแดง ตอนแรกกะจะผ่อนคอนโดด้วยแต่คิดไปคิดมาก็เลือกเช่าอยู่ไปก่อนดีกว่า เพราะกว่าจะผ่อนหมดไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ และตัวผมก็ยังไม่คิดที่จะทำงานบริษัทนี้ตลอดไป หากอนาคตผมได้งานใหม่ที่ดีกว่าแต่ไกลจากคอนโดนี้จะพาลลำบากซะเปล่าๆ

นอกจากค่าผ่อนรถกับค่าเช่าคอนโดแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็สูงลิ่วไม่ต่างกัน แถมทุกเดือนผมยังต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งให้ที่บ้านด้วย

“ทำไมต้องเป็นเด็กวัยยี่สิบสามที่มีชีวิตหนักหน่วงขนาดนี้วะไอ้เพน!”

ปากก็บ่น แต่พอพลันนึกหน้าน้องแฝดที่ตอนนี้พวกมันเพิ่งจะเรียนอยู่ ม. สอง อาศัยอยู่กับแม่ที่ต้องหาเงินคนเดียวอีก ก็โคตรรู้สึกผิดบาปในใจ ผมเอามือตบหน้าตัวเองซ้ำๆ

“ไม่ได้การแล้วเดือนหน้าต้องขยันขึ้นอีก เอาวะไอ้เพน สู้ว้อยย”

 

 

 

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

 

 

Penny :: พี่ปลาวาฬฬ

PlawhaleORCA :: ครับ

Penny :: พี่ปลาวาฬชอบคนแบบไหนง่ะ ._.

PlawhaleORCA :: หือ… ทำไมอยู่ๆ ถามแบบนี้

Penny :: ตอบมาเหอะน่าอย่าลีลา -_-

PlawhaleORCA :: เราบอกมาก่อนสิ

Penny :: ไม่! เราถามก่อน พี่ตอบมาเร็วๆ เลยอย่าให้งอน

PlawhaleORCA :: อ่า… พี่ชอบคนรักตัวเอง

Penny :: หืออ

PlawhaleORCA :: คนที่ให้คุณค่ากับตัวเขาเอง มีเป้าหมายในชีวิต มีความพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างเต็มที่ พี่ว่าคนแบบนี้มีเสน่ห์

Penny :: อื้อ

PlawhaleORCA :: เราเองก็ต้องรักตัวเองมากๆ นะรู้มั๊ยครับ (:

 

 

กรี้งงงงงงง

เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นหวั่นไหวเรียกร่างผมให้ตื่นจากฝัน ผมรีบเลื่อนมือไปตะปบ กดปิดทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“นี่ยังไม่เลิกฝันถึงพี่ปลาวาฬอีกเหรอวะไอ้เพน” ผมพูดกับตัวเองเหมือนคนไม่มีสติ เขยิบตัวขึ้นนั่งชันเข่า ยกมือขึ้นมากุมแก้มตัวเอง

คนที่รักตัวเองอย่างนั้นเหรอ…

พี่ครับ… ชีวิตจริงคนเราบางทีมันก็ไม่ได้เกิดมาสวยงามขนาดนั้นซะหน่อย…

“เฮ้ออ เบื่อฉิบหายวันจันทร์ เอาวะไอ้เพน ไม่เลือกงานไม่ยากจนโว้ยย!

 

 

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

 

 

           “น้องเพนรู้ไหม พี่เองก็เคยเป็นเด็กเหมือนหนูนะ”

           “ครับ?”

           “ตอนนั้นพี่ใช้เงินเยอะ ซื้อเสื้อผ้าซื้อกระเป๋าใบละแพงๆ…”

           “…”

           “แต่แล้วชีวิตพี่ก็เปลี่ยนไปหมดเลยในวันที่พี่ท้อง แล้วแฟนก็ทิ้งพี่ไป”

           ผมที่กำลังกำปากกาจดข้อมูลลูกค้าอยู่ถึงกับผงะ เผลอปล่อยมันร่วงลงที่โต๊ะ หันไปมองหัวหน้าฝ่ายจัดซื้ออายุระราวเกือบสี่สิบที่แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกแต่เธอก็เปิดปากเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟังราวกับสนิทกันมาเป็นปี 

           “จากนั้นพี่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด แรกๆ พี่ท้อเหมือนจะตาย คิดแต่อยากให้เขากลับมาช่วยกันเลี้ยงลูก”

           ผมพยักหน้ารับ แล้วเอื้อมมือไปกำมือเขา สีหน้าเขาเศร้ามากจนผมพูดอะไรไม่ออก

           “แต่หนูรู้ไหม พอลูกเริ่มโต พี่เริ่มตั้งหลักได้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเลย พี่กล้าพูดว่าสำหรับทุกวันนี้ลูกคือความสุข เขาเป็นพลังให้พี่เดินต่อไป เหนื่อยแค่ไหนแค่ได้เจอหน้าลูกพี่ก็หาย”

           “พี่เข้มแข็งมากเลย” ผมแตะไหล่เขาเบาๆ เธอก็หันมายิ้มให้

           “พี่เห็นหนูเป็นเด็กน่ารักจริงใจ พี่เลยเป็นห่วง พี่ไม่อย่าให้หนูไปหลงกับความรักฉาบฉวย หรือข้าวของแพงๆ พี่อยากให้หนูเก็บเงินเพื่อลงทุนทำอะไรเองในอนาคต เชื่อพี่นะ เด็กขยันตั้งแต่เล็กอย่างหนู วางแผนชีวิตดีดีโตไปต้องสบายแน่”

           ผมพยักหน้าแล้วรีบยกมือขึ้นไหว้ ผมฟังเธอร่ายยาวด้วยความรักอยู่สักพักก็เบนสายตาไปมองข้อมูลในกระดาษ

ชื่อสินค้าคู่แข่งที่เขาใช้และข้อมูลที่จำเป็น : ได้แล้ว ✔

ปริมาณที่เขาซื้อ : ได้แล้ว ✔

ราคาที่เขาซื้ออยู่ : อื้มนี่ก็ได้แล้ว ✔

           ส่วนข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับโรงงานน้ำหวานแห่งนี้ก็ได้ครบแล้ว และข้อมูลสินค้าของผมก็ถูกแนะนำให้เขาฟังไปหมดแล้วเช่นกัน

           โอเค ถือว่างานผมเสร็จเรียบร้อยแล้วที่เหลือคือเซอร์วิส…

           หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…

           “เอาล่ะจ้ะ พี่ก็แนะนำไปหมดแล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้เสมอนะ ส่วนเรื่องสินค้าของหนูมันน่าสนใจมาก พี่จะส่งไปให้ทางห้องแลปทดลองเลย”

           “ครับ เดี๋ยวผมจะติดต่อพี่ทางห้องแลปด้วยอีกทางฮะ เผื่อพี่เขาอยากได้ข้อมูลการใช้เพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยอะไร ยังไงแล้ววันนี้ต้องขอบคุณพี่ขวัญมากเลยนะครับ” ผมยกมือไหว้

           “ยินดีจ้ะ”

           หลังจากที่ร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อยผมก็เก็บข้าวของขึ้นรถ โรงงานค่อนข้างใหญ่กว่าผมจะวนออกมาถึงประตูหน้าได้ก็ใช้เวลาอยู่หลายนาที

           นี่ผมคุยอยู่กับพี่ขวัญไปสองชั่วโมงสี่นาทีเลยเหรอวะ

           “ไม่น่าหิวข้าวฉิบหาย”

           ผมเอามือกุมท้องป้อยๆ ขับรถวนหาปั๊มที่ใกล้ที่สุดเพื่อแวะหาอะไรกิน เป็นเพราะวันนี้ผมออกจากออฟฟิศสาย กว่าจะมาถึงโรงงานนี้ก็ปาเข้าไปเกือบถึงเวลานัดแล้ว ผมเลยไม่มีเวลากินข้าวกลางวัน ตอนแรกคิดว่าจะรีบคุยรีบกลับที่ไหนได้ ลากยาวเกือบสี่โมงเย็น

           ผมทำงานอยู่บริษัทนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศ ตำแหน่งของผมคือเซลล์ขายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร งานของผมก็คือทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าอยากซื้อของๆ เรา เมื่อลูกค้าเริ่มสนใจก็จะให้เขาได้ลองเทสดู หากสินค้านั้นเทสยากก็จะมีการส่งทีมห้องแลปและวิศวกรมาช่วย เมื่อผลลัพธ์เป็นที่พอใจ ขั้นตอนการดีลราคาก็จะตามมา

           เซลล์มีหลายแบบ แต่ละคนมีจิตวิทยาในการชักชวนลูกค้าแตกต่างกัน แต่สำหรับผมมักเน้นที่ความจริงใจเป็นหลัก ถ้าอะไรที่ผมไม่รู้ ผมก็จะบอกว่าไม่รู้และรีบหาคำตอบที่ถูกต้องมาให้ลูกค้าให้ได้เร็วที่สุด ผมว่ามันดีกว่าการโกหกหรืออวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ผมเชื่อว่าถ้าเราให้ใจผู้อื่น เขาก็จะให้ใจเราตอบกลับมา

ส่วนสกิลอื่นๆ ที่ผมคิดว่าจำเป็นสำหรับงานนี้ก็คือ ความสามารถในการเข้าหาผู้อื่น สำหรับผมจะควบความตลกและนอบน้อมถ่อมตนเข้าไปด้วย ดังนั้นเวลามาหาลูกค้าส่วนมากผมใช้เวลาคุยงานจริงๆ อาจจะแค่สิบนาที ส่วนที่เหลืออีกชั่วโมงกว่าคืออ้อล้อเพื่อสร้างความสนิทสนมครับ

          มันเป็นงานที่สนุกทำให้ผมได้เจอคนใหม่ๆ ตลอด ลูกค้าบางคนเจอผมครั้งเดียวก็เล่าเรื่องชีวิตตัวเองให้ฟัง บ้างให้แนวคิดด้านการใช้ชีวิต บ้างก็ด้านธุรกิจ หรือแม้แต่การเลือกแฟน หรือแชร์เรื่องตลกๆ ให้ฟัง คงเพราะผมเป็นเด็กใครๆ จึงเอ็นดูคอยสอนและแนะนำ บางรายก็ชวนไปทานข้าวต่อนอกรอบ

          แต่ก็ใช่ว่าจะเจอแต่เรื่องดีดีทุกวันนะครับ บางครั้งเข้าหาไม่ถูกทาง ทำตัวไม่ได้ดั่งใจ โดนด่าก็มีฮะ บ่อยด้วย… แต่ผมก็ไม่สะเทือนหรอก

เพื่อเงิน… ผมหน้าด้านฮะ (:

 

ผมขับรถมาได้ประมาณสิบนาทีก็พบปั๊มแห่งหนึ่งขนาดค่อนข้างใหญ่ มีร้านอาหาร ร้านของฝาก และร้านสะดวกซื้อครบครันให้ฝากชีวิตได้ ผมจึงรีบขับเข้าไปหาที่จอด

สำรวจอยู่ครู่หนึ่งก็จบลงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวโลคอลไม่มีแอร์ ทันทีที่ชามก๋วยเตี๋ยวถูกเสิร์ฟผมก็ลงมือโซ้ยด้วยความหิว ก้มหน้าก้มตากินอยู่ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

- แพร -

           น้องสาวผมเอง…

           “ว่าไง”

           (พี่เพนนน เมื่อไหร่จะมาเอากล่องของพี่สักที)

           ผมชะงักเมื่อได้ยิน

           “อื้อ เดี๋ยวไปเอา”

           (พี่ต้องรีบมาเอาเลยนะ วันก่อนแม่ขึ้นมาค้นห้องแพรด้วย แพรนี่โคตรกลัวแม่จะเจอเลย)

           “อื้อๆ งั้นวันเสาร์แล้วกันนะ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงหนมด้วย”

           (เย้ พี่เพนน่ารักที่สุด)

           “อื้อ ตั้งใจเรียนแล้วเจอกัน”

           (ค้าบพ๊ม)

           ไม่นานแพรก็วางสายไป ผมเขี่ยๆ ก๋วยเตี๋ยวในจาน ก่อนจะถอนหายใจยาว

           ทำไมพักนี้อะไรๆ มันก็วนกลับมาที่เรื่องของพี่นักวะ…

           หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ผมก็เดินตรงไปที่ร้านขายของฝาก กะว่าจะซื้อขนมไปฝากแพรกับพีน้องชายอีกคนของผมเอง แล้วก็ซื้อไปฝากพวกพี่ที่ออฟฟิศด้วย ขณะกำลังจะก้าวเข้าประตูผมสวนกับผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เธอสวมแว่นดำ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมและเครื่องประดับราคาแพงเกินคนธรรมดาจะครอบครองได้อยู่หลายชิ้น ในมือหอบหิ้วถุงของฝากพะรุงพะรัง ผมจึงหยุดอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้เธอเดินออกมาก่อน

           “ขอบใจจ้ะ” เธอยิ้มให้ผม

           “ยินดีฮะ” ผมก้มหัวให้เขา แล้วยิ้มตอบ

จากนั้นผมก็เดินเข้าไปเลือกซื้อของในร้าน แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมใบจิ๋วแต่ราคาหลักล้านวางแอบอยู่ที่ขอบเชลฟ์ ผมเดินเข้าไปดูก็คิดว่าของแพงขนาดนี้น่าจะเป็นของผู้หญิงคนเมื่อกี้ พอเปิดออกดูก็พบพาสปอร์ต ระบุภาพของเธอชัดเจนตามที่เดาไว้ไม่ผิด ผมรีบปิดกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปตามหาเจ้าของที่ว่า

มองหาอยู่ครู่หนึ่งก็พบเธออยู่ไกลลิบตา เธอเดินขึ้นรถตู้ราคาหลายล้าน คนขับรีบปิดประตูให้ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งประจำที่ ผมเห็นว่าไม่ได้การจึงรีบตะโกนเรียก

“เดี๋ยวครับคุณ คุณลืมของ!” แต่แล้วก็ไม่มีใครได้ยิน รถคันนั้นสตาร์ทเครื่องแล้วออกตัวไปด้านหน้า ด้วยความตกใจผมรีบวิ่งไปดักรอที่ทางออก กระโดด ตะโกน โบกไม้โบกมือเหมือนคนบ้า สุดท้ายคนขับรถจึงยอมจอด

“ทำอะไรของคุณ” คนขับรถหันมาถามผมด้วยหน้าตาหงุดหงิด

“คุณผู้หญิงคนนั้นเขาลืมกระเป๋าใบนี้ไว้” เมื่อผมยื่นกระเป๋าขึ้นมา คนขับรถก็ทำหน้าตกใจ เขารีบเดินไปเปิดประตูด้านหลังแล้วหันไปถามเจ้านาย

“นี่กระเป๋าคุณผู้หญิงหรือเปล่าครับ”

“อุ๊ยตายจริง สงสัยเมื่อกี้ซื้อของเพลินเลยลืมไว้” เธอรีบรับกระเป๋าไปด้วยใบหน้าตกใจ พลางหันมามองผม

“ขอบใจหนูมากนะจ้ะที่เอามาคืนให้” เธอพูดแล้วหันไปล้วงเงินปึกหนาออกมาจากกระเป๋า พลางขยับตัวลงมาจากรถ

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วย” ผมรีบส่ายมือปฏิเสธ

“เล็กๆ น้อยๆ รับไว้เถอะจ้ะ ถ้าหนูไม่ช่วยป่านนี้ฉันคงลำบากแย่” เธอดันเงินนั้นมาให้ผมอีกครั้ง

“ถ้าเห็นแก่ผมได้โปรดอย่าเลยนะฮะ ผมสบายใจที่จะคืนให้คุณโดยไม่หวังอะไร สวัสดีครับ” ผมยิ้มแล้วยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะวิ่งจากไปโดยไม่ได้หันกลับไปมองเธออีก

           จากนั้นผมก็พาร่างตัวเองกลับมาที่ร้านขายของฝากร้านเดิม เลือกซื้อของอยู่ครู่หนึ่งก็ขับรถกลับ กว่าจะถึงคอนโดคงใช้เวลาร่วมสามสี่ชั่วโมง ก็ค่ำพอดีได้เวลานอน

ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเฉยชากับการขับรถคนเดียวนานๆ กินข้าวคนเดียว ซื้อของคนเดียว กลับห้องไปนอนเล่นมือถือ เงียบๆ คนเดียว ให้ตาล้าแล้วคล้อยหลับไป

รู้แค่ว่าชีวิตทุกวันของผมมันต้องเป็นแบบนี้ และผมก็ชินกับมันไปแล้วล่ะ

 

 

+++++++++++++++++++++

จะมีปูดีเทลงานน้องอีกประมาณสองตอน  แล้วก็จะพยายามไม่ลงงานมากแล้ว เดี๋ยวเบื่อ >//< ใจเย็นๆ รอเจอเฮียกันนะทุกคนนน

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 17:12:37 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.2 - 26/07/19 ❤
«ตอบ #5 เมื่อ26-07-2019 08:51:01 »

 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.2 - 26/07/19 ❤
«ตอบ #6 เมื่อ26-07-2019 11:37:45 »

น่าติดตาม​มาก​ รอตอนหน้ามาเร็วๆ​ นะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.2 - 26/07/19 ❤
«ตอบ #7 เมื่อ26-07-2019 12:42:45 »

น่าติดตามครับผม,,,

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.3 - 27/07/19 ❤
«ตอบ #8 เมื่อ27-07-2019 17:56:12 »



CHAPTER 03 :: GIN HADID





“พลิน ผมได้ข่าวว่าไอซ์ซีอินเตอร์ตกลงทำเทสทั้งที่คุณเพิ่งจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก” คุณวิศาล เจ้าของบริษัทวัยหกสิบกว่าเอ่ยขึ้นกับผมที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวไปประชุม

“ครับ”

 “ไม่เบาเลยนี่”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมคงโชคดีมากกว่า”

“ช่างถ่อมตัวจริงๆ” เขาตบไหล่ผม ยิ้มให้อย่างใจดี “แล้วเจอกันในห้องประชุม” พูดเสร็จเขาก็เดินจากไป

บริษัทผมเป็นบริษัทขนาดเล็ก มีเซลล์ประมาณยี่สิบกว่าคนเท่านั้น แถมยี่สิบกว่าคนที่ว่ายังอยู่คนละแผนก สำหรับแผนกอาหารมีแค่ห้าคน พวกผมจึงค่อนข้างสนิทกับเจ้านายเป็นพิเศษ คุณวิศาลเป็นคนใจดี มีวิสัยทัศน์ เขารับฟังความคิดเห็นของพนักงานและให้อิสระอย่างเต็มที่

ปกติแล้วกฏการเป็นเซลล์คือทุกคนต้องเขียนแพลนล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวันว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรบ้าง เช่น จะหาลูกค้าที่ไหน ลูกค้าชื่ออะไร และหลังจากที่เสร็จงานในแต่ละวันก็ต้องเขียนรีพอร์ทสรุปว่าวันนี้เราได้ทำอะไรลงไปบ้าง ใส่ข้อมูลสำคัญที่ได้เป็นประเด็นๆ แล้วแกก็จะมาตามอ่าน

การแพลนล่วงหน้าสำหรับลูกค้าเก่านั้นไม่ถือว่าเป็นปัญหา แต่กับลูกค้าใหม่บางรายก็ไม่ง่ายเลย หลายครั้งที่โทรหาแต่ก็ถูกโอนสายไปมาอยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกับเจ้าตัวเสียที ผมรู้สึกหงุดหงิดจนมีอยู่ครั้งนึงที่ผมแอบไปดักรอลูกค้าที่บริษัททั้งๆ ที่ไม่ได้นัด ตอนแรกก็เผื่อใจว่าอาจจะโดนด่ายับ แต่ที่ไหนได้ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เขาคุยกับผมดีมาก ผมจึงเชื่อว่าการได้คุยกับใครสักคนตัวเป็นๆ มันสื่อความรู้สึกได้ดีกว่าทางโทรศัพท์มาก

จากนั้นคุณวิศาลจึงยอมให้ผมเขียนแพลนคร่าวๆ ได้เป็นกรณีพิเศษ แต่ก็คอยกำชับให้รักษามารยาทด้วย

ราวกับนิสัยชอบด้นสด พึ่งพาโชคลางของผมกลายเป็นที่ยอมรับ ผมจึงใช้มันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ 

แต่ถึงวันไหนโชคร้ายเจอลูกค้าปฏิเสธใส่ ผมก็จะพยายามยื้ออย่างละมุนละม่อมให้ได้ข้อมูลมากที่สุดแหละครับ ก็ผมเสียดายค่าน้ำมันที่คุณวิศาลออกให้นี่นา และอีกอย่างผมไม่ชอบคว้าน้ำเหลวด้วย

 

ผมมานั่งรอในห้องประชุม มีเซลล์ทีมฟู้ดและหัวหน้าทีมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ถัดมาก็มีวิศวกรกับนักวิจัยอีกสามคน ไม่นานซัพพลายเออร์ก็เข้ามา ตามด้วยพวกเมเนอเจอร์ของบริษัทผมและคุณวิศาล

“วันนี้ทางซัพพลายเออร์จะมาเสนอสินค้าใหม่ให้เซลล์จับไปทำตลาดในไทยนะคะ”

 

วันนี้ทั้งวันของผมหมดไปกับการฟังรายละเอียดสินค้าจากพี่ซัพพลายเออร์คนสวย

สินค้าที่ผมสนใจที่สุดเห็นจะเป็น ‘Serosyl’ มันเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ถูกคิดค้นมาเพื่อปรับให้ ‘เบียร์’ มีคุณภาพดีขึ้น ผมได้ลองคุยกับพี่หัวหน้าและคุณวิศาลดูแล้วว่าผมอยากทำตลาดตัวนี้ พวกเขาดูจะตกใจไม่น้อย ก่อนจะเตือนผมว่าถ้าอยากลองก็ลองได้แต่ไม่ต้องไปจริงจังมากนัก เพราะ โรงงานเบียร์ในประเทศไทยมีไม่กี่เจ้า และส่วนมากเป็นเจ้าใหญ่ที่รวยติดท็อปเท็นของประเทศทั้งสิ้น ดังนั้นการที่หน้าใหม่อย่างเราจะเจาะเข้าไปได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

แต่ยิ่งยากสิยิ่งน่าสนุก ไม่แน่ผมอาจจะเปิดตลาดนี้ได้จริงๆ ก็ได้ ใครจะรู้

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ลงมือเสิร์ชข้อมูลกลุ่มผู้ผลิตเบียร์ในประเทศไทยเป็นอย่างแรก

Ginda Bev หรือ บริษัท จินดาเบฟเวอเรจ เป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดในประเทศไทยมานานกว่าศตวรรษ มีกลุ่มสินค้ามากมายในนาม Gin อาธิ ยาชูกำลัง Gin99, น้ำอัดลม Ginza, ชา Gincha และผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายสูงสุดจนทำให้ Ginda Bev กลายเป็นกลุ่มตระกูลที่รวยที่สุดในประเทศก็คงหนีไม่พ้น ‘Gin Hadid’ เบียร์ไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก

โคตรจะน่าสนใจ ถ้าขายได้นะ แม่งเอ๊ย… ยอดคงสูงกว่าเซลล์ทั้งแผนกรวมกันอีก!

และในส่วนของค่าคอมนั้น…

บอกเลยงานนี้เลิกกันทีอีโค่คาร์ พี่จะออกออดี้!

 

ผมใช้เวลาร่วมสองวันในการหาข้อมูลเชิงลึกของจินดาเบฟและเตรียมตัวเรื่องข้อมูลสินค้า ทางบริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ใจกลางกรุงเทพฯ และโรงงานอีกหลายแห่งตามต่างจังหวัด จากประสบการณ์ของผมถ้าอยากได้ข้อมูลสินค้าให้เลือกไปที่โรงงาน ยิ่งห่างไกลความเจริญเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะพนักงานส่วนมากจะเป็นคนพื้นที่ มีความเป็นกันเองสูง และระบบจะไม่เข้มงวดเท่าละแวกกรุงเทพฯ

ผมไม่มีข้อมูลคู่แข่งมากนัก ดังนั้นตอนนี้ผมอยากรู้มากว่าเขาใช้สารประเภทนี้ของคู่แข่งเจ้าไหนอยู่ และถ้าได้ ‘ตัวอย่างสาร’ กับ ‘เอกสารประกอบ’ กลับมาชำแหละด้วยจะดีมาก

ผมพยายามโทรนัดอยู่หลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ตามคาด ซึ่งก็ไม่เป็นไรยังไงผมก็จะบุกไปที่โรงงานดื้อๆ อยู่แล้ว

และที่ผมเลือกก็คือสาขาสุราษฏร์ธานี ใช้เวลาขับรถสิบชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ไกลสมใจล่ะงานนี้…

 

พอเลิกงานผมก็รีบกลับมาอาบน้ำและแพ็คกระเป๋า เอาชุดนอนไปหนึ่งชุด ชุดใส่กลับอีกชุดนึง แล้วก็ของใช้ส่วนตัวอีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียง

ตื่นเต้นชะมัด

กลิ้งตัวอยู่พักหนึ่งผมก็ผล็อยหลับไปตั้งแต่ยังไม่หนึ่งทุ่ม หลับไปได้ห้าชั่วโมงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ผมกระเด้งตัวตื่น บิดขี้เกียจสองสามทีก็เดินไปล้างหน้าและเปลี่ยนชุด เวลาไปหาลูกค้าที่โรงงานไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเต็มยศมากเหมือนที่ออฟฟิศ เพราะบรรยากาศมันจะลุยๆ และพนักงานส่วนมากก็จะแต่งตัวสบายๆ หรือไม่ก็ชุดหมี ผมเลยเลือกที่จะไปในโทนเดียวกับพวกเขา ผมหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาสั้นเข้าคู่กันมาใส่ สวมรองเท้าผ้าใบกับถุงเท้า เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียนร้อยดีแล้วก็หันไปลากกระเป๋าเดินทาง เพื่อตรงไปที่รถ

ผมขับตามกูเกิ้ลแมพไปเรื่อยๆ ถนนตอนกลางคืนรถไม่ติดดีผมชอบ แต่บางช่วงก็โคตรน่ากลัว ไม่มีไฟเลยสักดวง ทั้งถนนนี่มืดสนิทอย่างกับอยู่ในป่าช้า ผมพยายามไม่คิดมากเปิดเพลงดังๆ แล้วแหกปากร้องตาม สาดไฟสูงไม่กลัวใครเพราะยังไงก็ไม่มีรถสวนมาอยู่แล้ว หลับหูหลับตาขับไปเดี๋ยวก็คงถึง

ผมขับสลับแวะปั๊มเป็นช่วงๆ กินกาแฟนกเงือกไปหนึ่ง ลุงคาวบอยหนึ่ง และโลคอลอีกหนึ่ง เบ็ดเสร็จแล้วนับรวมได้สามแก้วถ้วนพอดิบพอดี ผมมาถึงเมืองสุราษฏร์ตอนเที่ยง แวะพักกินข้าวในปั๊มเหมือนเดิม ซื้อเครื่องดื่มชูกำลังและน้ำอัดลมมาเก็บไว้ที่หลังรถ จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้ากับแปรงสีฟันในกระเป๋าไปแปรงที่อ่างล้างมือยาวๆ หน้าห้องน้ำ ด้วยความที่มันเป็นแบบใช้รวมกันทั้งชายหญิง ผมเลยต้องยืนแปรงฟันแบบเอ้าท์ดอร์หน่อยๆ

มือข้างหนึ่งก็แปรง อีกมือหนึ่งก็ยกขึ้นมาเท้าเอว สักพักก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กวัยประมาณห้าขวบมาเกาะดูอยู่ข้างๆ

          หืม?

ผมหันไปมองแล้วยักคิ้วกวนให้ไปทีหนึ่ง ก่อนจะแปรงฟันต่อไม่สนใจ

ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยเท่าไหร่หรอกนะ เพราะโคตรจะง่วง

“แม่ขาแม่! ทำไมพี่เขาถึงมาแปรงฟันตรงนี้คะ!”

ผมหันไปถลึงตาใส่ยัยเด็กตัวเล็กที่แหกปากถามเสียงแหลมแสบแก้วหูจนคนอื่นๆ ต้องหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว

“ก็พี่เขารักสะอาดไงคะลูก”

“เหรอ พี่เขารักสะอาดเหรอ…”

“ใช่จ้ะ”

“แล้วพี่เขาจะอาบน้ำตรงนี้ด้วยมั๊ยง่ะ”

“…”

“ไม่ครับ สบายใจได้” ผมหันไปตอบคำถามแทนคุณแม่น้องพลางแยกเขี้ยวยิงฟันขาว ยัยตัวแสบแอบไปหลบหลังแม่ แล้ววิ่งหนีไป ไม่วายยังหันมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่อีกแหนะ เห็นแล้วอยากจะจับมาตีก้นซะให้เข็ด!

หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จผมก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับแล้วพาดมันเอาไว้ที่ไหล่ เอาจริงสภาพก็ไม่ค่อยต่างจากอยู่บ้านมากนัก คำถามของยัยเด็กเมื่อกี้เลยพอเข้าใจได้

เมื่อกลับขึ้นมาบนรถผมก็หยิบน้ำหอมมาฉีดที่ซอกคอและตามตัวเพื่อกลบความซกมก ก่อนจะมุ่งตรงไปยังโรงงานที่อยู่ห่างออกไปบริเวณชานเมือง

ขับมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย ผมตรงไปจอดที่ป้อมยามก่อนจะลดกระจกลง

“สวัสดีครับ ผมพลินจากบริษัทวินเซนต์เคมีคอล มาขอพบผู้จัดการฝ่ายผลิตครับ” ผมยกมือไหว้ รปภ. พลางส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“นัดไว้รึเปล่าครับ” รปภ. วัยกลางคนเอ่ยถาม

“เปล่าครับ ผมเป็นเจ้าใหม่ บังเอิญขับผ่านมาเลยอยากขอเข้ามาแนะนำตัวเล็กๆ น้อยๆ ครับ” 

“ถ้าไม่ได้นัดไว้ก็คงไม่ได้ล่ะมั้ง วันนี้เขาออกไปประชุมนอกสถานที่กัน น่าจะกลับเย็นเลย”

“งั้นผมขอเข้าไปพบวิศวกรฝ่ายผลิตแทนได้ไหมครับ” ผมเอ่ยเสียงอ้อน ทำหน้าตาน่าสงสาร

“วิศวกรเหรอ…”

“นะครับ ผมแค่มีเจตนาอยากจะเข้ามาแนะนำตัวเฉยๆ เอง” ผมยกมือขึ้นไหว้ เขาทำหน้าลังเลใจเล็กน้อย

“พี่ช่วยผมหน่อยนะฮะ คือ… ผมเพิ่งจะเริ่มงานนี้ได้ไม่นาน ผมโดนนายด่าเพราะถูกปฏิเสธมาบ่อยมาก ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ถ้าครั้งนี้ผมพลาดอีกโดยไม่มีแม้แต่ชื่อลูกค้าไปเขียนรายงานให้นาย ผมต้องโดนไล่ออกแน่ๆ ผม… ผมเลยแค่อยากขอเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับพี่วิศวกรเขาเฉยๆ นะครับ… ช่วยผมหน่อยนะ”

“งั้นเอารถเข้าไปจอดตรงนั้น”

ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดประตูให้ผมผ่านเข้าไปจนได้ เล่นเอาบีบเสียงซะเมื่อยปากไปหมด

ขอบอกเลยครับว่าถ้าใช้มุกนี้ที่กรุงเทพฯ อาจจะไม่ผ่านนะครับ เพราะวันนึงจะมีเซลล์เข้าไปตามตื๊อเขาเยอะมาก พนักงานจึงถูกเทรนมาใหรู้จักรับมือสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นวิธีนี้ขอสงวนไว้ใช้กับโรงงานตามต่างจังหวัดเท่านั้นฮะ 

พอจอดรถเสร็จผมก็หยิบสมุดกับปากกาและแคตตาล็อกมากอดไว้ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบน้ำหวานและยาชูกำลังติดมือลงไปด้วย

“รอแปปนึงนะน้อง”

“ครับ” ผมยิ้มรับแล้วส่งยาชูกำลังไปให้ เขาทำตาโตยื่นมือมารับ

“ป๊าด นี่มันไม่ใช่ของจิน ถ้านายมาเห็นพี่โดนเล่น น้องต้องรับผิดชอบเลยนะ”

“ฮ่าๆ นายพี่คงไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกมั้งฮะ” ผมยิ้มพลางยกน้ำขึ้นดื่มเช่นเดียวกัน

อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ขนาดใส่ขาสั้นเหงื่อยังไหลซิบๆ จนรู้สึกเหนอะหนะไปหมด ผมพยายามเอามือดึงเสื้อให้ลมมันทะลุเข้าไปบ้าง

“เข้าไปนั่งรอในร่มก่อนมั๊ย เดี๋ยวมันก็คงมาแล้วล่ะ ตัวขาวๆ มาตากแดดจัดแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นลม”

“โหยพี่ก็พูดไป ผมสบายดีครับ พี่ยืนมาทั้งวันยังไหว ผมก็ต้องไหวสิ” ผมหัวเราะแล้วแอบเอามือตีข้อศอกเขาแบบเป็นกันเอง อีกฝ่ายก็ยิ้มเอ็นดู ท่าทางเขาจะเริ่มเปิดใจให้ผมบ้างแล้ว

“ก็ตามใจอย่าให้เห็นว่าเป็นลมไปแล้วกัน”

“ทำไม พี่จะไม่แบก?”

“เปล่า”

“…”

“พี่จะแบกกลับบ้าน”

ผมถึงกับผงะ ไปไม่เป็นเมื่อเจอ รปภ. วัยสี่สิบปลายแซวแบบนี้เข้าให้ เผลอทำหน้าเหยเกไปวูบนึง พอดึงสติได้ก็รีบหัวเราะร่าเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น

รอต่อไปไม่นาน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีแทนในชุดเสื้อโปโลสีน้ำตาล กับกางเกงยีนต์สีเข้มก็เดินเข้ามาหา ผมรีบยกมือไหว้อย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ ผมพลินจากบริษัทวินเซนต์เคมีคอล หรือพี่จะเรียกผมว่าเพนก็ได้ครับ” ผมรีบเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือไปหาเขา

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่ชื่อโอเป็นวิศวกรฝ่ายผลิตครับ” เขารีบยื่นมือมาเชคแฮนด์ตามมารยาท แล้วยิ้มกว้างอย่างใจดี

เราสองคนเดินเข้ามาในโรงงานพลางคุยกันไปเรื่อยกว่ายี่สิบนาที ผมแนะนำตัวเอง แนะนำบริษัท และเหตุผลที่มาในวันนี้พร้อมรายละเอียดสินค้าคร่าวๆ ตอนแรกพี่เขาจะพาเข้าไปนั่งในออฟฟิศ แต่ผมอ้อนขอเดินสำรวจโรงงาน พี่เขาก็ใจดียอมพาทัวร์อย่างว่าง่ายจนผมแอบตกใจอยู่เหมือนกัน

พี่เขาเป็นหัวหน้าคอยดูแลกระบวนการผลิตและระบบงานต่างๆ ในโรงงาน ทำงานที่นี่มาสามปีแล้วโตกว่าผมนิดหน่อย เป็นผู้ชายแมนๆ ลุยๆ ไม่ซอกแซกมากความ ผมเลยได้โอกาสถามคำถามที่สงสัย สลับกับชวนพี่แกคุยเล่นเรื่องส่วนตัว จนเราเริ่มสนิทกันในระดับหนึ่ง

“เออ ว่าแต่พี่บอกว่าพี่จบวิศวะ ม.S ผมก็มีเพื่อนจบวิศวะที่นี่เหมือนกันชื่อเอ็กซ์ รุ่นน้องพี่สามปีไม่รู้พี่รู้จักไหม?”

“ไอ้เอ็กซ์ เXดไม่เลือก ที่ไถสกินเฮด กวนตีนๆ ชอบขี่บิ๊กไบค์อ่ะเหรอ” คำตอบพี่เขาทำเอาผมถึงกับขำพรวด

“เออใช่ มันเป็นเพื่อนสนิทผมเลย ตอน ม.ปลายนี่ตัวติดกันตลอด”

“นี่เราภายนอกดูใสๆ แต่จริงๆ เป็นพวกเดียวกับไอ้เอ็กซ์เรอะ?” เขาขมวดคิ้วถาม

“ใช่… ก็แย่แล้ว!! ฮ่าๆ แต่ปกติเวลาอยู่กับผม มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ชอบชวนกันไปกิน หรือไม่ก็เล่นเกมซะมากกว่า”

“โตขนาดนี้ยังติดเกมอยู่อีก เรานี่เด็กจริงๆ” พี่แกพูดกึ่งแซว

“เด็กแล้วน่ารักป่ะ?” ผมแกล้งอ่อย แล้วหันไปทำตาวาว

พี่แกถึงกับไปไม่เป็น แกล้งเสมองไปทางอื่นแต่ผมก็ดูออกหรอกว่าเขิน

“อื้อ”

“หา…”

“ก็น่ารักดี” เขายกนิ้วขึ้นมาเกาที่ข้างแก้ม พอโดนชมแบบนี้ก็เล่นเอาผมแอบเขินอยู่เหมือนกัน

“โหย พี่พูดอะไรเนี่ย” ผมแกล้งยกมือขึ้นปิดปากเขิน “อื้อจริงสิ…” พอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็หันไปสะกิดเขา

“หือ”

“ผมอยากได้สารเทียบ Serosyl ที่ที่นี่ใช้อยู่อ่ะครับ พี่พอแบ่งให้ผมสักนิดนึงได้ไหม ครั้งหน้าผมมาเจอบอสพี่ ผมจะได้มีข้อมูลข้อดีข้อเสียของทั้งสองยี่ห้อนี้”

“อื้อได้สิ”

โห เอาจริงดิ!

แค่โยนหินถาม ไม่คิดว่าจะให้กันง่ายๆ แบบนี้!

พูดเสร็จพี่แกก็กดมือถือโทรสั่งให้ลูกน้องไปเอาสารมาให้ผม ผมนี่ข้างในดีใจจนเนื้อเต้น ตับ ไต ไส้ พุง สั่นระรัวเป็นทำนองสามช่า แต่ก็ยังฮึ่บเก็บอาการไว้

“แล้วพี่พอจะจำได้ไหมฮะว่าชื่อทางการค้าของมันชื่ออะไร”

“จำไม่ได้ แต่คุ้นๆ ขอลองดูแปปนะ”

ระหว่างรอพี่แกหาได้ไม่นานก็เห็นพนักงานผู้ชายใส่ชุดช่างถือถุงพลาสติกใสบรรจุสารเคมีของคู่แข่งเดินเข้ามา ผมยิ้มกว้างรีบวิ่งถลาไปรับมันมากอดไว้ บอกขอบคุณหนุ่มคนนั้นไปทีนึงก่อนจะหันกลับไปหาพี่โอ

พอเห็นพี่แกยังเลื่อนมือถือหาชื่อสารที่ว่าอยู่ ผมเลยรีบเดินเข้าไปเกาะแกะ ชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ช่วยเขาดูข้อมูลในมือถือ ผมแอบพิงพี่เขา เอาแก้มหนุนไหล่แล้วยื่นมือข้างที่ว่างอยู่ไปคล้องแขนล่ำแบบเนียนๆ

ราวกับถูกไฟช็อต นิ้วใหญ่หยุดชะงักกึก เสี้ยววินาทีนั้นผมเห็นเขาแอบเบนสายตามามองหน้าผมแว๊บนึง…

แค่แว๊บเดียวจริงๆ ก่อนจะพรวดพราดมองต่ำลงไปยังบริเวณสาบเสื้อเนื้อบางที่ถูกปลดกระดุมเม็ดบนออกถึงสามเม็ด…

 เหมือนเข็มนาฬิกาในโลกของพี่เขาหยุดเดิน ทิศทางลมปัดเป่าส่งผลให้เสื้อผมกระพือ แหวกไปแหวกมา พี่โอจ้องอกผมตาไม่กระพริบ ชายกลัดมันเพ่งสายตาโลมเลียนมผมแบบโคตรจะโรคจิต ตั้งใจจะอ่อยเล่นๆ แต่พอเห็นท่าทางไม่เล่นของอีกฝ่าย ผมก็กลัวจนขนลุกซู่ไปหมด แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธ

ยิ่งไปกันใหญ่เมื่อลมตัวดีช่วยพัดพาให้เขาเห็นยอดอกสีชมพูอ่อนชัดเจนเต็มสองตา ริมฝีปากคล้ำหลุดซี้ดส์ปากด้วยความเสียว อยู่ดีๆ มือใหญ่หยาบกระด้างก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ช้าๆ จนผมหายใจติดขัด ทำอะไรไม่ถูก

“พะ… พี่โอ…อย่า…”

 

 “จะทำอะไรกัน!!”

 

“คุณเกียรติ” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของผู้มาใหม่ทำให้พี่โอหน้าเหวอเหมือนเห็นผี

"ดูเหมือนว่าคุณเมธีคงไม่เคยอบรมคุณเรื่องมารยาทในที่ทำงานสินะ ผมคงต้องตักเตือนเขาเสียหน่อยแล้ว"

ชายผู้มาใหม่หันไปพูดเสียงเย็นใส่พี่โอ ก่อนจะเดินเข้ามาทางผม ทันทีที่ตั้งสติได้ก็รีบผละออกจากพี่โอแทบไม่ทัน “คะ… คือ”

ร่างกายของเขาสูงใหญ่ ใบหน้าก็บึ้งตึง น่ากลัวราวกับต้องการจะขย้ำผมแล้วฉีกออกเป็นชิ้นๆ

 

พอผมตั้งใจเพ่งมองหน้าเขาให้ดีดี ภาพเหตุการณ์บ้าบอในผับวันก่อนก็แว๊บกลับเข้ามาในสมอง

ไอ้ตี๋หน้าโหด!!

แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?

ทั้งตกใจทั้งลนลานไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อน ผมอ้ำอึ้งอยู่พักนึงก่อนจะกล่าวออกไปอย่างใจดีสู้เสือ

“คือ… คือผมชื่อเพนเป็นเซลล์จากบริษัทวินเซนต์เคมีคอลครับ”

เขาย่างสามขุมเข้ามาประชิดตัว มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเหยียด

“แต่งตัวแบบนี้ จงใจจะมาขายของหรือขายตัว!

“…”

ในระหว่างที่ผมหน้าชาเพราะโดนด่า เขาก็หันมามองถุงสารเคมีที่ผมกอดเอาไว้แน่น คิ้วเข้มขมวดตึง แสดงออกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดพล่ำทำเพลงอะไรเขาก็กระชากมันไปอย่างแรงจนผมหน้าแทบทิ่ม

ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้สถานการณ์มันดีขึ้นแต่เขาก็ไม่สบอารมณ์มากพอจะอยู่ฟัง เขาเดินจากไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งไว้แค่ผมที่ในใจร้องเหี้ยหนักมาก

เหี้ยเอ๊ยย ซวยฉิบหายเลยไอ้เพ๊นน!

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เรื่องนี้ค่อนข้างลงดีเทลงานเยอะ กลัวคนเบื่อมากก แต่ก็ต้องลงเดี๋ยวตอนหลังไม่อิน
เอาเป็นว่าขอบคุณที่อ่านมาถึงตอนนี้ดีใจด้วย เพราะหลังจากตอนนี้จะเริ่มให้น้องเพนกับเฮียได้เฉิดฉายแล้วนะจ๊ะ หึหึหึ 555555555555

เม้นหน่อยจ้าาา จะได้รีบมาต่ออ  <3

#ปลาวาฬกินเพนกวิน #ควรคู่กัน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2019 17:14:23 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.3 - 27/07/19 ❤
«ตอบ #9 เมื่อ27-07-2019 21:32:55 »

 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.3 - 27/07/19 ❤
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-07-2019 21:32:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.3 - 27/07/19 ❤
«ตอบ #10 เมื่อ28-07-2019 23:42:45 »

มาต่ออีกนะครับ,,,

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.3 - 27/07/19 ❤
«ตอบ #11 เมื่อ31-07-2019 23:41:17 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.3 - 27/07/19 ❤
«ตอบ #12 เมื่อ01-08-2019 00:54:41 »

โอ้โห นายเพ๊นนนนนนนนน  :katai1:

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #13 เมื่อ18-08-2019 22:56:55 »



CHAPTER 04 :: OUR DISCUSSION







          จากนั้นไม่นานพี่โอก็โดนเมเนเจอร์เรียกไปคุย เท่าที่ดูแล้วผมคิดว่าไอ้คุณเกียรตินั่นต้องใหญ่พอตัว อาจจะเป็นถึงผู้จัดการโรงงานเลยก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ถือว่าเขาต้องแน่มากที่ได้ตำแหน่งสูงสุดไปครองตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้

          ถึงจะถูกต้อนรับไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่คิดที่จะกลับไปทั้งอย่างนี้หรอกนะ ผมตัดสินใจตามไปรอเขาที่หน้าห้องทำงาน โชคดีมีโซฟาจัดไว้ให้สำหรับผู้มารอติดต่ออยู่พอดี ผมเลยพาตัวเองไปนั่งจุ้มปุ๊กรออยู่ตรงนั้น

          นั่งอยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะออกมา ผมมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่ามันใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะเลิกงานแล้วล่ะมั้ง ใจจริงร่างกายผมเพลียมากอยากกลับไปนอน แต่ก็ต้องอดทน

         

          หลายชั่วโมงผ่านไป นาฬิกาบอกเวลาว่าสามทุ่มเศษ ผมก็ยังนั่งอยู่ท่าเดิม นี่ถ้าไม่มีแสงไฟลอดห้องออกมาผมคงคิดว่าเขากลับบ้านไปนานแล้ว

          แกร๊ก

          เสียงประตูเปิดออกเป็นสัญญาณว่าในที่สุดการรอคอยของผมก็ถึงจุดสิ้นสุดสักที คุณเกียรติก้าวเท้าออกมาจากห้อง น่าแปลกที่ในมือไม่ได้ถือกระเป๋าเหมือนคนจะกลับบ้าน เขาเดินตัวเปล่าเหมือนกำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง แต่ผมก็ไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปหาในทันที

          “พี่เกียรติครับ ผมขอโทษที่รบกวนนะครับแต่ผมอยากคุยกับพี่”

เขาทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นผม แต่ก็ไม่ได้ด่าอะไรเหมือนทุกที เขาแค่พยักหน้าแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง

          คุณเกียรตินั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ผมจึงเลือกนั่งลงอีกฝั่ง ห้องจัดว่าโอ่โถงเอาการ เฟอร์นิเจอร์เรียบๆ ตกแต่งโทนเข้ม แต่กลับดูมีระดับและราคาแพง ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเขาน่าจะเป็นผู้จัดการโรงงานจริงๆ

          “เรื่องเมื่อตอนบ่ายผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้พี่มองไม่ดี เราแค่เล่นกันเฉยๆ มันอาจจะทำให้พี่เข้าใจผิด ผมต้องขอโทษที่ไม่สำรวมในสถานที่ทำงานเท่าที่ควร”

          “อือ รู้ตัวทีหลังก็อย่าทำ”

          พี่เขาตอบแบบไม่ใส่ใจ ไม่ใส่ใจชนิดที่ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอะไรไม่รู้

          “ผมชื่อพลินนะครับ นี่นามบัตรผมฮะ” ผมยื่นนามบัตรด้วยสองมืออย่างนอบน้อม เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะรับมันไปอ่าน

          “พลิน จาง… เป็นคนจีนเหรอ?”

          “อ่า…ใช่ครับ พ่อผมเป็น”

          เขาพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปสนใจเอกสารกองโตของเขาอีกครั้ง ผมแอบรู้สึกขัดใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมา

          “ผมอยากมาเสนอสารเคมีตัวใหม่ ที่สามารถใช้ทดแทนซิลิก้าที่พี่ใช้อยู่ได้ครับ นอกจากมันจะช่วยให้เบียร์ของพี่มีรสชาติที่ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตให้พี่ได้ด้วย”

          “งั้นก็ส่งใบเสนอราคาให้จัดซื้อ ถ้าบริษัทสนใจจะติดต่อไป”

 “พี่พูดแบบนี้ทั้งๆ ที่พี่ยังไม่รู้จักสินค้าผมเลย แปลว่า สำหรับพี่ “ราคา” เป็นแค่ปัจจัยเดียวที่พี่ใช้ในการเลือกซื้อของเหรอฮะ?”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะละสายตาจากกองเอกสารแล้วหันมาเผชิญหน้ากับผม

หึ… ดูท่าคนอย่างไอ้พี่จะไม่ชอบให้พูดดีดีด้วย

“ผมคิดว่าการที่ GIN HADID ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งได้เป็นเพราะรสชาติที่ดีไม่เหมือนใคร ดังนั้นผมไม่เชื่อหรอกนะว่าในมุมมองของผู้บริหารเขาจะแคร์เศษตังค์มากกว่าคุณภาพหรือประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ลูกค้าจะได้รับน่ะ” ผมยั่วโมโหเขา และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลดีเกินคาด

“งั้นไหนลองว่ามาสิ นายคิดว่าสินค้าของนายมีอะไรดีกว่าคนอื่น”

“สาร Serosyl ของผม เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในการกรองทำให้เบียร์มีเนื้อสัมผัสที่ดี นุ่มละมุน ปกติซิลิก้าทำหน้าที่แค่ดูดพวกเศษโปรตีนแต่ไม่ได้ช่วยในเรื่องกลิ่นรส แต่ของผมช่วยได้ มันทำให้เบียร์ธรรมดากลายเป็นเบียร์เกรดพรีเมี่ยมได้สบายๆ ขนาดเบียร์ Carlo ที่ดังมากในอเมริกาก็ปรับมาใช้สารตัวนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว”

“Carlo เหรอ?” เขาดูจะสนใจขึ้นมาทันที

“ใช่ครับ เพราะจริงๆ แล้วสารตัวนี้ผลิตที่อเมริกา แต่บริษัทผมเป็นคนนำเข้า”

“อื้ม” ใบหน้าหล่อนิ่งไปชั่วครู่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“แต่พี่ไม่ต้องเชื่อผมนะ ของแบบนี้ใครหน้าไหนก็พูดได้ พี่ต้องลองด้วยตัวเองแล้วพี่จะรู้ว่ามันดีจริงเหมือนที่ผมบอกรึเปล่า”

“ทางนายจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องเทส?”

“แน่นอนฮะ ผมมีทีมงานที่สามารถมาช่วยพี่ทำเทสที่นี่ได้เลย พี่จะได้เห็นประสิทธิภาพของมันด้วยตัวเอง หรือ… ถ้าพี่ใช้แล้วไม่ชอบพี่ก็บอกผมตรงๆ ได้เลย ผมเป็นคนแฟร์ๆ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลากัน และทางพี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพราะตลอดการเทสไม่มีค่าใช้จ่าย แถมพี่ยังได้เจอหน้าผมบ่อยๆ อีกด้วย คุ้มจะตาย”

“เหอะ” เขาแค่นหัวเราะในลำคอ เหมือนไม่พอใจก็ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่แหละ แต่ผมไม่แคร์

“อีกอย่างบริษัทผมมีทีมงานที่ไทยเพราะงั้นถ้ามีปัญหาอะไรพี่ไม่ต้องห่วงโทรกรี๊งเดียวผมก็มาแล้ว ไม่ต้องเสียเวลารอเขาตอบเมล์นานๆ หลายวัน เอาเวลาไปเที่ยวกันดีกว่าตั้งเยอะ”

พูดเสร็จผมก็ลุกจากเก้าอี้ เดินไปหยุดยืนพิงโต๊ะทำงานในระยะประชิดตัวพี่เขา

“แล้วพี่สนใจจะทำกับผมเมื่อไหร่ดีฮะ?” ผมยิ้มหวาน แกล้งพูดทีเล่นทีจริง จนคนฟังแอบนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบ

“เอาไว้นัดวันเข้าไปพรีเซ้นต์ที่สำนักงานใหญ่ก่อน”

ถึงแม้จะไม่อนุญาตเลย แต่เขาก็ยอมใจอ่อนให้ผมได้เข้าไปสานงานต่อ ส่วนตัวผมก็เข้าใจแหละบริษัทใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่สามารถตัดสินใจเองได้หรอก

จะว่าไป พี่แกก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ออกจะใจดีซะด้วยซ้ำ

“งั้นก็ตามนั้นครับ”

ผมหันไปมองบนโต๊ะทำงาน ก็พบสารเคมีตัวที่ผมแอบให้พี่โอไปขโมยให้ตั้งเด่นหราอยู่ตรงมุมขอบ แอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก


แน่นอนว่าไอ้สารตัวนี้มันสำคัญต่อผมมาก ยิ่งพี่เขาออกปากว่าจะยอมเทสหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการนำเสนอที่สำนักงานใหญ่ด้วยแล้วล่ะก็ ข้อมูลของไอ้คู่แข่งนี่ยิ่งโคตรจะจำเป็น



เอาไงดีวะ... หรือว่าจะลองขอตรงๆ ไปเลย…

ผมคิดทบทวนด้วยใจที่เต้นเร่าๆ อยู่ครู่นึงก็ตัดสินใจได้ ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อเอ่ยขึ้น “พี่เกียรติฮะ จะเป็นไรไหมขอผมขอสารตัวนั้นกับเอกสารกลับไป”

เขาหันไปมองตามนิ้วผม ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าผมช้าๆ ดวงตาเรียวดุของเขาทำให้ผมแอบใจสั่นเบาๆ

“รู้ไหมว่ามาขโมยสารแบบที่ทำวันนี้มันไม่ดี”

“รู้ฮะพี่แต่… ผมขอพูดตรงๆ นะ พี่ว่าคนขายไมโลเขาเคยกินโอวัลตินไหมฮะ…”

“…”

“พี่ขายเบียร์เนี่ย พี่เคยกินเบียร์ยี่ห้ออื่นบ้างรึเปล่า?”

“!!”

“ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกนะฮะ ไม่งั้นเราจะตามข้อมูลทางตลาดทันได้ยังไง เพียงแต่สินค้าผมมันไม่ใช่ของที่จะไปหาซื้อได้ง่ายๆ ตามซุปเปอร์เท่านั้นเอง เพราะงั้นผมเลย… ต้องการความช่วยเหลือจากพี่” ผมก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อ จงใจมองเขาออดอ้อน แตะมือลงที่ต้นแขนเบาๆ เผื่ออีกฝ่ายจะเห็นใจ

“นี่ใช้มั๊ย ของที่นายอยากได้?”

อยู่ๆ เขาก็หยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชักโต๊ะ ปาดตามองคร่าวๆ ก็พบว่ามันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีตัวที่ผมตามหา ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ รีบถลาตัวเข้าไปใกล้

“ใช่ฮะ อันนี้เลย”

ผมกำลังจะเอื้อมมือไปคว้ามันแต่แล้วเขาก็เบี่ยงแขนหลบ ทำให้ผมคว้าได้แต่อากาศ

“ถ้านายอยากได้ก็ทำให้ฉันพอใจสิ

อยู่ๆ ใบหน้าเรียบเฉยของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นร้ายกาจ เขาเหยียดยิ้มมีเลศนัยทำเอาผมใจไม่ดี เผลอก้าวถอยหลังไปชนกับโต๊ะทำงานไม่รู้ตัว

“พะ… พี่อยากให้ผมทำอะไร?”

“นั่งตรงนี้” เขาชี้นิ้วลงที่ตักตัวเอง

ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ท่าทางของพี่เขามันดูแปลกไปจนผมเดาใจไม่ออก

“…”

“จะเอาไหม!!?”

อยู่ๆ พี่เขาก็ตะคอกเสียงดังจนผมผวาตัวสั่น รีบพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนั่งลงบนหน้าตักแข็งแกร่ง

“เฮ้ย!”

แต่แล้วผมก็ต้องผิดคาด เมื่อทันทีที่ก้นผมสัมผัสลงที่หน้าขา พี่เขาก็กระชากร่างผมจนตัวปลิว มือแกร่งที่มองเห็นเส้นเอ็นชัดเจนคว้าสะโพกผมลอยเหมือนแทบไม่ได้ออกแรงใดๆ ผมถูกพลิกร่างให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาแบบที่จมูกเราแทบจะชนกัน

“…”

ทันทีที่สบตากันก็เป็นผมที่หลบตาก่อนโดยอัตโนมัติ ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบมันเท่าไหร่ พี่เขาเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับก้นผมอย่างหยาบโลน แล้วกระชากเข้าหาตัว ความแนบชิดทำให้ผมรับรู้ได้ว่าก้นของผมกำลังกดลงบนส่วนนั้นของพี่เขา!

“พะ… พี่ฮะ”

ผมพยายามร้องเรียกแต่อีกฝ่ายไม่ฟัง พี่เขาสอดมือรั้งต้นขาผมมาพาดกับที่ท้าวแขน

“ขาวดีนี่…”

ผมผวาเมื่อเขาจ้องขาอ่อนผมแล้วเอ่ยเสียงเย็น

กึก

แผ่นหลังผมถูกดันไปชนเข้ากับขอบโต๊ะจนรู้สึกเจ็บแปลบ ร่างกายผมมันปั่นป่วนรู้สึกหวิวบริเวณท้องน้อยแบบไม่มีสาเหตุ


 

“ถอดเสื้อออก...”


 

“พี่…”

“ฉันจะให้โอกาสนายเลือก”

“…”

“เดินออกจากห้องไปตอนนี้ หรือ ถอดเสื้อออก เพื่อแลกกับไอ้นี่

“…”

ผมมองของที่ผมอยากได้ในมือเขานิ่ง กัดปากตัวเองเพื่อข่มอารมณ์

“เร็วๆ ก่อนที่นายจะไม่มีสิทธิเลือก!”

ผมไม่ตอบ ก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ เลื่อนมือสั่นเทาไปปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง

ผมไล่แกะลงทีละเม็ดทีละเม็ดจนครบ แล้วหันไปมองหน้าพี่เขาด้วยแววตาเว้าวอน

ผมไม่รู้ว่าพี่เขาต้องการอะไร… แต่ผมต้องการของสิ่งนั้น…

 

พี่เขาเลื่อนมือเข้ามาใกล้ร่างผมที่สั่นระริก ผมเผลอหยุดหายใจเมื่อมือใหญ่เกือบสัมผัสลงที่หน้าอกเปลือยเปล่า


หมับ


มือของเขาจับเข้าที่เสื้อเชิ้ตเนื้อบาง ผมมองมันนิ่ง

เขาไม่ได้กระชากมันออก…

แต่เขาติดมันให้ใหม่…



“พอได้คุยกับนาย ฉันว่านายก็ไม่ได้โง่นะ ออกจะหัวไวด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดาย…” น้ำเสียงเขาค่อนขอดจนเป็นผมเสียเองที่ทำหน้าไม่ถูก

“…”

“โตขนาดนี้แล้วยังคิดไม่เป็น ถ้าวันนึงมีลูกค้าบอกให้ไปนอนด้วยนายก็คงไป”

ผมหันไปจ้องหน้าเขาตาเขม็ง ซึ่งเขาก็มองผมอยู่ก่อนแล้ว เราจ้องกันอยู่สักพัก

ผมบุ้ยหน้าไม่พอใจหันไปผลักอกเขาออกสุดแรงเกิด

“พี่ไม่ใช่ผม พี่ไม่เข้าใจหรอก!”

พูดเสร็จผมก็รีบหันไปคว้าสารเคมีกับเอกสารที่ผมอยากได้แล้วรีบวิ่งหนีออกมาจากห้อง

 

 

++++++++++++++++++++++


จากตอนนี้น้องกับเฮียจะผ่อนงานจริงๆแล้วจ้าาาา และให้เขาไปจีบกัลลลล 






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #14 เมื่อ18-08-2019 23:19:16 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #15 เมื่อ18-08-2019 23:57:48 »

เป็นเซลล์ที่แรดมาก​ ไม่รู้ว่านักเขียนตั้งใจอย่างนี้ใช่ไหม​ เราอาจจะไม่เคยเจอเซลล์ธุรกิจ​แบบนี้มาก่อน​ แต่เคยดีลกับเซลล์และเออีมาหลายบริษัท​ เราว่ามันผิดความจริงไปหน่อย​ แค่ถ้ามัคนแบบนี้จริง​ ไม่น่าอยู่ที่ไหนได้นาน​

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #16 เมื่อ19-08-2019 00:06:14 »

สนุกครับ,,,

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #17 เมื่อ19-08-2019 02:31:16 »

เป็นเซลล์ที่แรดมาก​ ไม่รู้ว่านักเขียนตั้งใจอย่างนี้ใช่ไหม​ เราอาจจะไม่เคยเจอเซลล์ธุรกิจ​แบบนี้มาก่อน​ แต่เคยดีลกับเซลล์และเออีมาหลายบริษัท​ เราว่ามันผิดความจริงไปหน่อย​ แค่ถ้ามัคนแบบนี้จริง​ ไม่น่าอยู่ที่ไหนได้นาน​

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ

เราตั้งใจให้เพนเป็นแบบนี้ค่ะ แรด และทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังค่ะ

ส่วนงานเราเคยทำงานเป็นเซลล์ และเป็นมาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์ในกลุ่มธุรกิจเดียวกับเพนมาก่อนค่ะ ลูกค้าของเราก็โรงงานเถือกๆนี้ค่ะ มีตั้งแต่แนวฟู้ดไปจนถึงกลุ่มก่อสร้าง ก่อนอื่นเราขอบอกก่อนค่ะว่าลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ชายลุยๆ แมนๆ ตรงๆ วันนึงเขาจะอยู่กับเครื่องจักร ยิ่งโรงงานส่วนมากไม่สามารถตั้งในเขตชุมชนได้ คนที่ทำงานในโรงงานเลยยิ่งไม่ค่อยเจอผู้คนเท่าไหร่ค่ะ เพราะงั้นเขาจะไม่ค่อยมีพิธีรีตองเหมือนธุรกิจสายสังคมที่เจอคนเยอะๆค่ะ เราคิดว่าเซลล์ที่นักอ่านดีลงานด้วย น่าจะทำคนละธุรกิจกับเพน วัฒนธรรมในการทำงานเลยต่างกันค่ะ

การเข้าหาแบบที่เพนทำ ไม่ว่าจะเป็นนั่งรอหน้าห้อง อ้อนขอความลับคู่แข่ง หรือแอบสกินชิพพูดจาตีสนิททั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างปกติค่ะ เพราะกลุ่มลูกค้าเราไม่ค่อยถือตัวกันอยู่แล้ว บางทีเจอกันครั้งแรกคุยงานเสร็จ ลูกค้าชวนกินเหล้า ร้องคาราโอเกะยันตีสองตีสามเมาเละ ไม่ห่วงหน้าเลยก็มีบ่อยมากๆค่ะ

แต่ที่คิดว่าเกินไปหน่อยคือฉากคุณเกียรติสั่งให้เพนนั่งตักแล้วเพนยอมนั่ง แถมยังบ้าจี้เลยเถิดไปจนถอดเสื้อผ้า อันนี้ถือว่าไม่ปกติค่ะ เซลล์ดีดีเขาไม่ทำกัน แต่ก็มีบ้างเป็นส่วนน้อยจริงๆ ซึ่งถ้าโดนรู้เข้าก็จะกลายเป็นทอคออฟเดอะทาวน์ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆค่ะ ซึ่งเพนในเรื่องก็เป็นแบบที่ไม่ดีค่ะ เพนคิดแต่อยากจะขาย โดยไม่คิดเลยว่าทำแบบนี้มันผิดไหม? ทำแล้วจะขายได้จริงไหม? หรือทำแล้วมันจะทำให้บริษัทตัวเองดูแย่ ไม่มีความน่าเชื่อถือรึเปล่า? น้องมองข้ามจุดพวกนี้เลยทำให้โดนคุณเกียรติที่แกล้งลองใจเล่นๆ ด่าว่าโตแล้วแต่คิดไม่เป็น

ดังนั้นในสายตาเรา เราคิดว่าตั้งแต่ฉากที่สั่งให้นั่งตักเป็นต้นไป ก็ถือว่าแรงเกินเบอร์มากด้วยกันทั้งคู่ แต่ด้วยความเป็นนิยาย ฉากเข้าพระนางก็จะสปาร์คกันเว่อร์ๆแบบละครนิดนึงค่ะ

แต่ถ้าก่อนหน้าฉากนั่งตักนั้น เราว่าพฤติกรรมที่เพนทำไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่สำหรับสายงานนี้ค่ะ


ขอบคณมากนะคะ หากมีความคิดเห็นอะไรสามารถบอกได้ตรงๆเลยนะคะ จะเก็บทุกข้อไปคิดและพยายามปรับปรุงค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #18 เมื่อ19-08-2019 13:52:09 »

เหมือนมวยถูกคู่
แต่เพนนาระวังตัวหน่อยนา

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
«ตอบ #19 เมื่อ19-08-2019 23:59:57 »

เพนสู้เพื่องานจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.4 - 18/08/19 ❤
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-08-2019 23:59:57 »





ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.5 - 20/08/19 ❤
«ตอบ #20 เมื่อ20-08-2019 17:27:23 »



CHAPTER 05 :: Being such a freak!




     “ฮึ่ย! คนอะไรปากเสียฉิบหายเลย!”


          ผมเอามือฟาดพวงมาลัยรถยนต์ด้วยความหงุดหงิดเมื่อคิดถึงไอ้พี่นั่น ผมไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาบรรยายมันได้

          ขัดใจว้อยย!

ผมขับรถออกมาจากโรงงานได้สักพักแล้ว สองข้างทางแถวนี้ค่อนข้างเงียบ เรียกได้ว่าแทบไม่มีชุมชนคนอาศัยเลย ผมเลยว่าจะขับกลับไปพักในตัวเมือง ตอนนี้ทั้งง่วงทั้งหิวเพราะผมไม่ได้นอนมาเกือบจะหนึ่งวันเต็มๆ แถมข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน สภาพตอนนี้แค่โดนสะกิดเบาๆ ก็อาจจะล้มตึงได้

          ระหว่างทางผมพบร้านข้าวต้มเปิดไฟสว่างโล่งอยู่ร้านหนึ่ง มีลูกค้านั่งจับจองอยู่หลายโต๊ะ ท่าทางรสชาติจะไม่แย่ ด้วยความหิวผมไม่รอช้ารีบเปิดไฟเลี้ยว และขับตรงไปจอดที่หน้าร้าน คนมองผมเยอะเหมือนกัน คงเพราะท่าทางที่ดูไม่ค่อยเหมือนคนท้องถิ่นสักเท่าไหร่

          ทันทีที่นั่งลงพนักงานผู้หญิงท่าทางคล่องแคล่วก็ยื่นเมนูมาให้ผม ตอนแรกผมอยากกินปลา เพราะอุตส่าห์ได้มาถึงทะเลทั้งทีน่าจะสดกว่าที่กรุงเทพฯ แต่ท่าทางผมคงกินคนเดียวไม่หมด เลยเปลี่ยนใจ ผมพลิกเมนูไปมาอยู่ครู่นึงก็ตัดสินใจสั่งผัดผักรวมมิตร กับไข่เจียวกุ้งสับ มากินกับข้าวต้ม รู้สึกอารมณ์มันเซ็งๆ เลยอยากได้แอลกอฮลล์มาช่วยล้าง

          “เดี๋ยวน้อง ที่นี่มีเบียร์อะไรมั่ง”

          “มี GIN HADID ค่ะ” ผมชะงักไปเล็กน้อยทันทีที่ได้ยิน

          “มียี่ห้ออื่นอีกไหม”

          “ไม่มีค่ะ เคยเอามาแต่ก็ขายไม่ค่อยได้”

          “อื้อ ไม่เป็นไร งั้นเอาที่มีมาขวด”

          สักพักอาหารก็มากองลงตรงหน้า ผมกินไปดื่มไปคิดอะไรเพลินๆ ผมมองไปรอบร้าน ก็เห็นหลายคนก็มาเป็นคู่ หรือบ้างก็มาเป็นกลุ่ม มีตั้งแต่วัยรุ่นไปยันรุ่นลุงป้า ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนความคิด พูดคุยหัวเราะกันจอแจ นึกแล้วก็รู้สึกเซ็ง จึงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหายัยแป้ง กะว่าจะเล่าเรื่องวันนี้ให้ฟังสักหน่อย แต่รอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับจนระบบอัตโนมัติต้องมาบอกแทน

          (ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลยที่คุณเรียก…)

          ผมกดตัดสายทิ้ง ตั้งใจจะเปลี่ยนไปโทรหาไอ้โซ่แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามันอาจจะอยู่กับพี่ธาม

          ส่วนไอ้เติ้ลเองก็น่าจะไม่ต่างกัน

          คิดไปคิดมาก็เก็บมือถือลงกระเป๋า เอามือมาเท้าคาง มือขวาก็เลื่อนกลับไปเขี่ยผัก

          รู้สึกเคว้งแปลกๆ

         

          ผมดื่มเบียร์หมดไปหนึ่งขวดก็รู้สึกร้อนขึ้นที่ข้างแก้ม ดูเหมือนว่าจะเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมควรพอดีกว่าเดี๋ยวจะขับกลับไม่ไหว ผมหันไปเรียกพนักงานมาเก็บตังค์พลางมองอาหารที่กินเหลือกว่าครึ่ง แอบบุ้ยหน้านิดหน่อย รู้สึกเสียดายแต่ก็กินไม่ไหวแล้วจริงๆ   

          พอจ่ายเงินเสร็จผมก็กลับขึ้นมาบนรถ เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปหาที่พักในตัวเมือง

          ระยะทางค่อนข้างไกล แถมยังเป็นทางตรงยาวตลอดด้วย ผมรู้สึกตาล้าและหัวหนักกว่าที่เคย จึงสะบัดหน้าไปมา หวังให้ความอ่อนล้านั้นหายไป แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

          หัวผมขาวโพลน

เหมือนสมองผมมันดับวูบ

อยู่ดีดีผมก็ไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้

แค่เพียงไม่กี่วินาทีรถผมก็เสียหลัก หักเปลี่ยนเลนกะทันหันจนตัวผมโคลงเคลง รถคันหลังที่ตามมาบีบแตรค้างใส่ด้วยความโมโหสุดขีด


ปรี๊นนนนนนนนนน!!


เสียงแหลมแสบแก้วหูเหมือนถ้าไอ้พวกนั้นกระชากผมเข้าไปชก แล้วเอาตีนเหยียบๆ ได้คงทำไปแล้ว ผมที่เพิ่งเรียกสติได้เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

จากเลนสามย้ายมาเลนสองคร่อมไปหนึ่งในวูบเดียว

เชี่ย ไม่ตลก…

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!

ผมเบิกตาโพลงเมื่อมอเตอร์ไซด์ที่บีบแตรใส่ผมเมื่อครู่ขับไล่มาตีขนาบข้าง คนซ้อนเคาะรถผมอย่างแรงพลางขยับปากว่า

“จอด”

ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะขับหนีแต่รู้ตัวอีกทีก็พบว่าพวกมันมีด้วยกันถึงสี่คัน!

ผมถูกทุบกระจกขู่จากซ้ายขวา เมื่อผมยังไม่ยอมจอด หนึ่งในนั้นก็โกรธจัด มันบีบแตรค้างดังสนั่นจนผมประสาทแทบเสีย มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งเร่งนำไปข้างหน้า ชายที่ซ้อนอยู่ด้านหลังคว้าอิฐก้อนโตมากำไว้ในมือ ผมเผลอเบิกตาโตด้วยความตกใจ

“ถ้าไม่จอดก็ทุบกระจกแม่งเลย!”

          ผมลนลานสุดขีด ดูเหมือนพวกมันจะเอาจริง พอพวกมันทำท่าจะทุบผมก็รีบลดกระจกลงแล้วหันไปบอก

          “เดี๋ยวๆ จอดแล้ว!”

          ผมยอมจอดเทียบลงข้างทาง พวกมันก็ตามมาจอดล้อมรถผมเอาไว้ ผมทำอะไรไม่ถูก มือไม้พันกันไปหมด จะหันไปซ่อนของมีค่าก็ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่อพวกมันเคาะกระจกรัวให้ผมเปิด

          เชี่ยเอ๊ยยย!

          เมื่อเห็นว่ายังไงก็หนีไม่รอดแล้ว อหิงสาคงเป็นวิธีเดียวที่ทำได้ ผมเปิดประตูออกพร้อมรีบยกสองมือขึ้นพนมไหว้เป็นอย่างแรก

          “ขอโทษครับ”

          “ขอโทษเหรอวะ! มึงพูดง่ายดีนี่! ถ้าเมื่อกี้กูหลบไม่ทัน ป่านนี้ก็ไปเฝ้านรกแล้ว!”

          ชายร่างสูง ท่าทางเอาเรื่อง ตะคอกใส่เสียงกร้าวจนผมเผลอเบี่ยงหน้าหลบ หลับตาปี๋ ผมแอบชำเลืองดูพวกมันที่พากันล้อมหน้าหลัง ท่าทางเป็นพวกวัยรุ่นเกเรที่ชอบซิ่งรถ มีตั้งแต่อายุน้อยกว่าผมไปยันมากกว่าอย่างไอ้ตัวโย่งตรงหน้า ผมนับหัวพวกมันรวมๆ แล้วได้ทั้งหมดหกคน

ถามจริง! นี่กูจะเอาอะไรไปสู้พวกมึงได้!

          “ผะ… ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมยกมือไหว้ซ้ำๆ ร้องเสียงสั่นด้วยความกลัว

          ไอ้ตัวหัวโจกเมื่อเห็นผมกลัวก็ยิ่งได้ใจ มันกระชากคอเสื้อทีเดียวร่างผมก็ปลิวติดมือไปแล้ว

          “หน้าหวานขนาดนี้มึงเป็นผู้ชายแน่เหรอวะ?!!”

          “ฮืออ… ผมเป็น…ผู้ชา…ย” ผมกลัวจนพูดผิดพูดถูก ท่าทางมันโคตรโรคจิต ส่วนไอ้พวกที่รุมดูอยู่ข้างๆ ก็พากันหัวเราะ เป่าปากเชียร์ด้วยความสะใจ ผมที่หลับตาแน่นก้มหน้าจนชิดอก พยายามเอามือดันอกมันออก

          มันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ พลางผลักร่างผมไปชนกับรถตัวเอง ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้

          “หึ… งั้นไหนให้กูพิสูจน์ดูหน่อยสิวะ…”

 

 

 

          [ ORCA’s Part ]

          ท้องถนนที่มืดสนิทยามเที่ยงคืนกว่าทำให้ผมเผลอทอดสายตาไปไกลอย่างเหม่อลอย มองต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่าเคลื่อนผ่านตาตามความเร็วรถยนต์ที่คงที่ วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมเลิกงานเลทเหมือนเช่นเคย เมื่อยล้านิดหน่อย แต่อย่างน้อยก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมากที่เคลียร์งานเสร็จหมดและพร้อมที่จะบินกลับกรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้

          ผมปรับเบาะรถตู้ให้เอนลง กว่าจะกลับไปถึงคอนโดก็ใช้เวลาอีกระราวครึ่งชั่วโมง จึงอยากที่จะงีบสักพัก

         

          กึก

          ยังไม่ทันจะหลับสนิทดี อยู่ๆ ผมก็รับรู้ได้ถึงการส่ายของตัวรถ พวงมาลัยหันเปลี่ยนทิศอย่างเร็วราวกับว่าเขาจงใจหักหลบอะไรสักอย่าง

          “เกิดอะไรขึ้น” ผมรีบดันตัวขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง เสียงบีบแตรดังเซ็งแซ่มาจากมอเตอร์ไซด์สามสี่คันที่ขับอยู่ไม่ไกล ผมเห็นรถยนต์สีขาวคันเล็กเบี่ยงแฉลบเข้าเลนซ้ายกะทันหัน

“อยู่ๆ รถคันนั้นก็ขับแปลกๆ น่ะครับคุณออร์ก้า

           คนขับส่วนตัวของผมเอ่ยขึ้น ก่อนจะเปิดไฟเลี้ยว แล้วหักออกไปเลนขวาสุด เพื่อหลีกเลี่ยงฝูงมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ที่ขับไม่ได้สตินั่น

          “อื้อ” ผมรับคำในลำคอ

          พอเห็นรถคันนั้นปลอดภัย ไม่ได้ตกเข้าข้างทางหรือได้รับอุบัติเหตุใดใด ผมจึงไม่ติดใจ เอนตัวลงกับเบาะเพื่อนอนต่อ แต่แล้วเสียงแตรดังสนั่นยาวต่อเนื่องก็ทำให้ผมหงุดหงิด จนต้องลุกขึ้นแล้วหันกลับไปมองอีกรอบ ผมเห็นมอเตอร์ไซด์หลายคันขับดักหน้าดักหลังรถคันขาวเอาไว้ทุกทาง แสดงพฤติกรรมกดดันเหมือนกำลังขู่กรรโชกจนรถเก๋งต้องชะลอตัวลงที่ข้างทาง

          “จอด…”

          “วะ… ว่าอย่างไรนะครับคุณชาย!?”

          “จอดรถเดี๋ยวนี้!”

         

          ทันทีที่รถจอดผมก็รีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ เห็นเด็กผู้ชายวัยรุ่นห้าหกคนกระชากตัวคนขับลงมาจากรถ พลางยืนล้อมหน้าล้อมหลังฉุดกระชากคนไม่มีทางสู้จนตัวลอย

          โคตรเหี้ย!

          อาการง่วงเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง พอวิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งเห็นว่าคนที่ถูกรุมเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กนิดเดียวก็ยิ่งโกรธ ผมมองเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่ก้มหน้าจนชิดอก ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา จนกระทั่งไอ้หัวโจกผลักเขาให้แผ่นหลังชนเข้ากับรถผมถึงได้เห็นหน้าหวานๆ นั่นชัดเจน

          ไอ้เด็กเซลล์นั่น!

          เลือดในกายร้อนลุ่มแบบที่ไม่ได้เป็นมาหลายปี ผมวิ่งตรงเข้าไปกระชากร่างไอ้ตัวลูกพี่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้หันมา ก่อนจะชกเข้าไปเต็มแรงที่ลิ้นปี่จนมันเซล้มลงไปกองกับพื้น

          ไอ้พวกลูกน้องตกใจกันใหญ่ เหมือนพวกมันตั้งใจจะเข้ามารุมผม แต่พอเห็นร่างผมชัดๆ พวกมันก็เปลี่ยนใจถอยกรูออกไปคนละทิศคนละทาง ตอนแรกผมก็คิดว่าจะซัดพวกมันด้วยเพื่อสั่งสอน แต่พอเห็นบางคนยังเป็นเด็กหัวเกรียน สูงแค่ไหล่ น่าจะอายุไม่ถึงสิบแปดด้วยซ้ำเลยไม่เอาความ ผมหันกลับไปเตะซ้ำเข้าที่ท้องไอ้ตัวลูกพี่มัน จนมันสำรอกความเจ็บปวดออกมาดังลั่น

          “ฮึก!!”

          “เที่ยวรังแกคนอื่น พอมึงโดนมั่งรู้สึกยังไง!”

          ผมเตะซ้ำเข้าที่ปลายคาง มองเลือดสีแดงสดไหลซิบออกมาจากมุมปาก และจมูก ด้วยแววตาเดือดดาล

          “ยะ… อย่าทำผม… ผมไม่ทำแล้ว… ได้โปรดพี่…”

          ผมจ้องหน้ามัน กัดฟันกรอดให้ใจเย็นขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น

“เอามันไป”

“…”

“กูสั่งให้เอามันไปก่อนที่กูจะซ้อมมันจนตายตรงนี้!”

สิ้นเสียงผมไอ้พวกที่เหลือก็สะดุ้งผวา มันรีบวิ่งเข้าไปหิ้วปีกลูกพี่มันคนละข้างแล้วพาซ้อนมอเตอร์ไซด์ขับออกไป ผมหักนิ้วตัวเองดังกร๊อบแกร๊บ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าไอ้เด็กตัวต้นเรื่องที่ยังยืนสั่นอยู่ข้างรถ

“นายนี่มัน…”

“พี่!!”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ็ดมัน ร่างเล็กๆ ก็วิ่งถลาเข้ามากอดผมเหมือนเด็กหลงทางเพิ่งหาผู้ปกครองเจอ มันเอาหน้าซุกอกผมพลางถูจมูกไปมา ร้องระงมจนฟังไม่รู้เรื่อง

ด่าไม่ลง

ผมเผลอเอามือลูบหัวมันเบาๆ เป็นการปลอบ ไอ้เด็กนี่เลยพาลกอดผมแน่นกว่าเดิม มันไม่ใช่การกอดแบบชายหญิง แต่เป็นการกอดเหมือนเด็กกอดตุ๊กตาแล้วกลัวว่ามันจะหายไป ตัวเล็กๆ โอบแขนรัดตัวผมแน่นจนไร้รูปไร้ทรงไปหมด ถ้าขืนยังปล่อยให้มันกอดต่อไปผมต้องเลือดไม่เดินแน่ๆ ผมจึงพยายามแกะมือมันออก

“ผมกลัวมากเลย ถ้าพี่ไม่มาช่วยผมไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง งื่อ…”

ยัง… มันยังไม่เลิก

เพราะเสียงงอแงทำให้ผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีแดงนั่น

“รู้ว่าต้องขับรถทำไมยังกินเหล้า?”

“ผมกินไปขวดเดียวเองไม่ได้เมาสักหน่อย”

“ก็เห็นอยู่ว่าเกือบหักลงข้างทางไปแล้ว”

“ผมแค่…หลับในต่างหาก…”

“หะ…”

“ก็ผมขับมาจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เที่ยงคืนเมื่อวาน…”

“…”

“ยังไม่ได้นอนก็เลย… ง่วงนิดนึง”

“Shit! What did you say?!” ผมเผลออุทานเสียงดังโดยอัตโนมัติทันทีที่มันพูดจบ

(เชี่ย! มึงว่าไงนะะะ?!)

“พี่พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่องเลย” ไม่พูดเปล่ามันยังทำคิ้วชนกันแล้วเอามือเกาหัวไม่สำนึกผิดอีก 

ไอ้เด็กเวร!

“แล้วนี่มาคนเดียว?” ผมชะโงกหน้ามองเข้าไปในรถก็เห็นว่ามันว่างเปล่า

“อื้อ”

เด็กตัวกะเปี๊ยกขับรถมาคนเดียวจากกรุงเทพฯ ร่วมสิบชั่วโมง ไม่พอยังเสร่อไปขโมยของที่โรงงาน นั่งเถียงกับผมยันสี่ทุ่มเศษ แล้วยังสะเออะไปกินเหล้าต่อคนเดียว จากนั้นก็ขับรถหลับในมีเรื่องกับเด็กแว๊นจนเกือบโดนลากไปปล้ำตอนเที่ยงคืน

ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มด่ามันจากตรงไหนก่อนดี!

“มึง… มึงนี่มัน!” รู้สึกเหมือนภาษาไทยมันยาก จนผมสรรหาคำมาเรียงเป็นประโยคไม่ถูก ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ส่วนไอ้เด็กเซ่อนี่ก็ยังทำมึนไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนมันไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิด

“คุณชา…” ผมรีบยกนิ้วจุ๊ปากเป็นเชิงบอกคนขับรถประจำตัวให้หยุดพูด ชายวัยห้าสิบกว่าที่เพิ่งตามมารีบยกมือขึ้นปิดปาก

“คุณกลับไปได้เลย เดี๋ยวผมกลับเอง”

“แต่…”

เขาทำท่าจะขัด แต่พอเห็นหน้าผม เขาก็รีบโค้งตัวแล้วกระโดดขึ้นรถตู้ราคาหลายล้าน ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

“อ่าว ให้เขาไปแล้วพี่กลับไงอ่ะ?” ไอ้ตัวเล็กหันมาถามผมหน้างง ผมว่าบางทีนอกจากการขายของแล้ว เรื่องอื่นๆ ในชีวิต มันดูจะซื่อบื้อไปซะหมด

“ขึ้นรถ”

“อื้อ”

มันวิ่งไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับทำท่าจะกระโดดขึ้นไปนั่ง ผมถึงกับกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด รีบดึงคอเสื้อมันเอาไว้แทบไม่ทัน

“ที่นายอ่ะฝั่งนู้น!”

“นี่รถผม”

“เออ ฉันรู้! หลับในขนาดนี้ยังจะขับ อยากตายนักรึไง!

พอโดนผมตะคอกใส่มันก็ตกใจ ทำหน้าเหรอหราก่อนจะยอมวิ่งไปนั่งฝั่งข้างคนขับแต่โดยดี ผมเผลอเอามือกุมหน้าผากตัวเองกับพฤติกรรมเด๋อด๋าของมัน ไม่รู้ว่าไอ้เด็กแบบนี้มันโตมาได้ยังไง

พอขึ้นมานั่งประจำที่คนขับผมก็รู้สึกได้ถึงความคับแคบ หันไปปรับเบาะ ปรับกระจก ให้มันพอดีอยู่พักนึง ผมเห็นไอ้เด็กช่วงขาสั้นแอบชำเลืองมองผมโดยไม่หันหน้ามา ปากมันบ่นอุบอิบไร้เสียง น่าหมั่นไส้ แต่พอผมหันไปจ้อง มันก็รีบกลอกตากลับโดยไวราวกับเป็นนกฮูก

กวนตีน

ผมเหยียบคันเร่งรถเก๋งคันเล็กของมันกลับเข้าเมือง ระหว่างทางก็เห็นมันเอาแต่นั่งมองกระจกไม่พูดอะไรสักคำจึงลองหันไปชวนคุย

“ขับรถเป็นมานานยัง?”

“ก็ตั้งแต่เป็นเซลล์แล้วครับ”

“ตั้งแต่เป็นเซลล์?” ผมทวนคำมันเป็นเชิงถาม เพราะหน้าไอ้เด็กนี่ดูไม่เหมือนพวกทำงานมานานแล้ว ยิ่งผมโตที่อเมริกา ประเทศที่เด็กส่วนใหญ่ดูโตกว่าเด็กเอเชียเยอะ เลยเดาไม่ค่อยถูก ถ้าเอามันไปทิ้งไว้ที่นั่น พวกฝรั่งคงมองว่ามันอายุ 16-17 ด้วยซ้ำ

“ก็จะหกเดือนแล้ว”

“หกเดือน!?”

“อื้อ”

“หกเดือนนายกล้าขับมาคนเดียวไกลขนาดนี้เหรอไอ้เด็กบ้า!”

ผมหลุดตะคอกเสียงดังจนมันสะดุ้ง มันไม่ได้เถียงอะไรแต่ก็เห็นว่าแอบบุ้ยหน้าทำท่าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน

เป็นอีกรอบที่ผมหลุดถอนหายใจยาว แล้วยกมือข้างที่ว่างขึ้นมากุมหัวตัวเอง

“ว่าแต่พี่เถอะ เข้ามาช่วยผม พวกมันตั้งเยอะพี่ไม่กลัวเหรอ” มันพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่อ่ะ สมัยก่อนก็ต่อยมวย เล่นรักบี้อะไรพวกนี้อยู่แล้ว”

“เหรอ” มันหันมามองหน้า ผมจึงพยักหน้าตอบไปทีนึง

สมัยตอนเรียนผมเล่นกีฬาแทบทุกชนิด แต่ที่หนักๆ หน่อยจะเป็นสองอย่างนั้น คู่ซ้อมของผมก็มีแต่เพื่อนอเมริกันผิวขาวหรือไม่ก็พวกผิวสี ตัวโตๆ เล่นกล้ามทั้งนั้น ผมจึงรู้สึกเฉยๆ ที่เห็นพวกเด็กที่รุมมัน

“เท่ห์จัง…”

“หา…”

ผมถึงกับผงะ พูดอะไรไม่ถูก พอหันไปก็เห็นไอ้เด็กบ้าทำตาปิ๊งๆ ใส่ผมแบบที่มันชอบส่งให้ผู้ชายไปทั่ว เหมือนวันแรกที่เจอมันในผับ อยู่ๆ ก็รู้สึกคันไม้คันมือเลยหันไปผลักหัวมันไปทีนึง

“แรด”

“เอ๊า… นี่ชมจริงๆ นะ”

มันทำหน้าไม่พอใจแล้วยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองป้อยๆ ผมยักไหล่ไม่สนใจ หันไปถามเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ

“เออ ว่าแต่พักโรงแรมไหน?”

“…”

“หือ?”

“พี่ขับเข้าไปในเมืองก่อนก็ได้”

“ฉันถามว่าพักที่ไหน”

“…”

“ตอบ”

“ผมยังไม่ได้จอง…”

“Damn!! You’re freaking crazy!!”

(ไอ้เด็กเวร มึงมันโคตรบ้า!)

ผมเผลออุทานเสียงดัง หันไปแยกเขี้ยวใส่มันอย่างหงุดหงิด

จนป่านนี้มันยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลยว่าจะต้องไปนอนที่ไหน มันได้เหรอวะ!?

อยากจะคว้าก้านมะยมมาฟาดมันให้เจ็บๆ เผื่อจะมีสติขึ้นมาบ้าง

ระหว่างที่กำลังกร่นด่ามันในใจ อยู่ๆ มันก็เขย่าแขนผม ทำคิ้วสองข้างชนกันอีกแล้ว

“พี่พูดอะไรของพี่อีกแล้วง่ะ ฟังไม่เห็นจะรู้เรื่อง”

 “เออ มึงไม่ต้องรู้เรื่อง!”

“แล้วทำไมต้องขึ้นมึงด้วย ไม่ได้สนิทกันซะหน่อย อย่ามาหยาบ”

“…” ผมถอนหายใจยาว มันก็จ้องผมตาเขม็ง รู้สึกรำคาญเลยหันไปตอบให้จบๆ “เออๆ เอาที่พอใจแล้วก็ช่วยหุบปากซะที!”

พอโดนดุเข้าอีกรอบ คราวนี้มันนั่งกอดอกเงียบไม่พูดไม่จา ซึ่งก็ถือว่าดีมาก ถ้าขืนฟังมันมากกว่านี้ผมต้องประสาทแดกแน่ๆ

 

ผมขับรถกลับมาจอดที่คอนโดตัวเอง จริงๆ ผมมีบ้านที่นี่ด้วย แต่ยังไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่รู้เรื่องที่บ้านมากเท่าไหร่ ที่นี่จึงเป็นทางออกที่ดีกว่า

ผมดับเครื่องยนต์ แล้วหันไปมองหน้าเด็กที่เงียบไป

มันหลับไปแล้ว…

“ถึงแล้ว”

“…”

ผมว่าผมก็พูดไม่เบานะ แต่มันไม่ตื่น ผมเผลอถอนหายใจอีกรอบ

ถ้าโดนจับไปขายมันยังไม่รู้ตัวเลย…

“ตื่นได้แล้ว” ผมสะกิดเรียกแต่ก็เหมือนเดิม จนต้องจับเขย่าแรงๆ ถึงจะฟื้น มันทำหน้าเหรอหรา พอเห็นผมเดินลงจากรถมันก็รีบตามมาด้วย พอนึกขึ้นได้มันก็เดินย้อนกลับไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่หลังรถ เห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ นั่นก็รำคาญผมเลยหันไปยกเอง

มันก้มหัวขอบคุณ ผมก็ไม่ได้พูดอะไร แค่ล็อครถแล้วเดินนำเข้าไปในคอนโด

 

“นี่… คอนโดพี่เหรอ?” มันทำหน้าตกใจ แต่ก็ยอมเดินตามเข้ามาในห้อง มันมองซ้ายมองขวาเหมือนสำรวจ

“ผมว่าผมไปหาโรงแรมแถวนี้ดีกว่า ขอบคุณพี่มากนะที่ขับมาส่ง” พูดเสร็จมันก็หันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้องไป ผมเลยหันไปคว้าแขนมัน

“นอนนี่แหละ ฉันไม่ปล้ำนายหรอก”

มันเสียอาการทำหน้าอึกอักทันทีที่ได้ยิน

“ผมก็ไม่ได้บอกว่าพี่จะปล้ำผม แต่ผมเห็นมันมีห้องนอนห้องเดียวเอง ผมเกรงใจ อีกอย่างผมเบิกค่าห้องได้อยู่แล้ว” มันพยายามแกะแขนผมออก แต่ผมไม่ปล่อย

“ตีหนึ่งแล้วนายยังจะไปหาห้องนอนที่ไหน”

“ผมหาได้น่า พี่ไม่ต้องห่วง”

“ฉันสั่งให้นอนนี่”

ผมทำเสียงแข็งแล้วดึงตัวมันเข้ามาใกล้ ก่อนจะผลักหลังให้เดินเข้าไปในห้องนอน มันทำท่าไม่ชอบใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา พอผมเดินตามเข้าไปในห้องนอนก็เห็นมันกำลังนั่งแกะกระเป๋าอยู่ข้างเตียง ผมไม่ได้สนใจอะไร เดินไปถอดนาฬิกาที่โต๊ะ พลางปลดกระดุมเสื้อออก

“พี่ ผมขอยืมเสื้อพี่หน่อยสิ”

ผมมองไปในกระเป๋ามัน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “ชุดนายก็มี”

“คือ… ผมนึกว่าจะนอนคนเดียวก็เลย…”

“…”

“ไม่ได้เอาชุดนอนที่มันเรียบร้อยมา”

“ไม่เป็นไร”

“…”

 

 

“อยู่กับฉันโป๊ๆ ได้…”

 

!!


       



+++++++++++++++++++++++

เฮียเราก็จะประมาณนี้แหละ .__. ช่วยเอ็นดูเฮียหน่อยนะคะะ 55555555 
 



 



ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.5 - 20/08/19 ❤
«ตอบ #21 เมื่อ21-08-2019 00:08:31 »

รู้สึกชอบมาแล้วละสิ,,,

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.5 - 20/08/19 ❤
«ตอบ #22 เมื่อ21-08-2019 10:00:52 »

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.5 - 20/08/19 ❤
«ตอบ #23 เมื่อ22-08-2019 01:09:42 »

555ห่วงน้องล่ะสิ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.5 - 20/08/19 ❤
«ตอบ #24 เมื่อ23-08-2019 15:08:40 »

น้องมันเด๋อ เฮียก็ดุเบาๆหน่อยยย

ออฟไลน์ CharmingAlisia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.6 - 23/08/19 ❤
«ตอบ #25 เมื่อ23-08-2019 17:13:17 »

CHAPTER 06 :: SOMETHING NEW





“อยู่กับฉันโป๊ๆ ได้…”

“…” 

         ประโยคนั้นมันดังก้องวนเวียนในหัว รู้สึกเหมือนสมองขาวโพลนไปหมด ผมได้แต่เบิกตากว้างมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าประสาทรับรู้เสียงของผมมีปัญหารึเปล่า

“วะ… ว่าไงนะ…!?”

เขาไม่ตอบคำถามผม แค่หันมายักไหล่ คว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวมากำไว้ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าผม เขาย่อตัวลงมาใกล้จนผมเห็นใบหน้าเขาชัดเจน ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มกวน

         “ถึงนายจะโป๊ยังไง… ฉันก็ไม่มีอารมณ์กับผู้ชายหรอกนะ

         พูดเสร็จเขาก็วางมือแหมะลงบนหัวผม ขยี้เบาๆ เหมือนเล่นกับหมา ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วเดินตรงไปอาบน้ำ

         เสียงประตูห้องน้ำปิดลงไปพักนึงแล้ว แต่ผมยังคงติดสตั้นท์อยู่

         กินเวลาเกือบนาทีที่ผมทบทวนคำพูดนั้นไปมา พอดึงสติตัวเองขึ้นมาได้ ผมก็ทุบกำปั้นลงพื้นดังปึ่ง! ก่อนจะโวยวายสาปแช่งพี่มัน(ในใจ)

         ผมก็แค่เกรงใจเฉยๆ เพราะเห็นว่าพี่มันชอบด่าผม ไม่ได้ต้องการให้เขามาพิศวาทอะไรผมสักหน่อย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วพอผมจะปฏิเสธก็หาว่าผมกลัวเขาปล้ำบ้างล่ะ กวนตีนฉิบหาย คนอะไรวะแม่ง เชื่อเลย ปากอย่างกับจรเข้!!

         ผมฟึดฟีดลุกขึ้นยืน หยิบแปรงสีฟัน ชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปนั่งที่โซฟา หยิบมือถือขึ้นมาเล่นแก้หงุดหงิด ผมเล่นมันอยู่สักพักยังไม่ทันจะหายดี แต่ก็ต้องได้หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเลื่อนเฟสบุคไปเลื่อยๆ ก็เจอภาพไอ้โซ่กับพี่ธามกำลังนั่งดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันหวานชื่นเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว…

         มันจะรักอะไรกันนักหนาวะแม่งเอ๊ย หมั่นไส้!   

         แม้ใจจริงจะเบื่อขี้หน้าพวกแม่งมาก แต่ก็กดไลค์รูปนั้น ผมเลื่อนนิ้วไปแตะอ่านคอมเมนต์ ก็พบว่ามีเพื่อนเข้ามาแซวกันเยอะเหมือนกัน จึงไม่รอช้ารีบพิมพ์ไปบ้าง

         PaLin Pen :: เหม็นสัส!

         So Sirikorn :: มึงก็รีบๆ หามั่งสิวะ

         ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยที่เห็นมันตอบผมกลับในทันที ทั้งที่เพื่อนคนอื่นกลับปล่อยไว้เฉยๆ   

         ว่าแต่ตีหนึ่งครึ่งแล้วมันยังไม่นอนอีกเหรอวะ

         PaLin Pen :: ถ้ามันหาง่ายๆ ก็ดีดิ

         ผมตอบเสร็จก็เห็นจุดสามจุดเด้งอยู่ที่ใต้คอมเมนต์เหมือนมันกำลังพิมพ์อะไรอยู่ เลยไม่กดออก ผมกระพริบตาปริบๆ อยู่แว๊บเดียวข้อความใหม่ก็เด้งขึ้นมา

         So Sirikorn ::  ทำไมอ่านดูเศร้าจังวะ มึงยังเฮิร์ทเรื่องคืนนั้นอยู่อีกเหรอ

         Title Thanasan :: คืนนั้นคืนไหนวะ ใช่เรื่องน้องเพนคนงามสแครชก้นแทบสึก แต่แค่ชื่อเขายังไม่ยอมบอกป่ะวะ

         So Sirikorn ::  ไอ้เชี่ยเติ้ลแม่งโคดเลว55 แต่ก็อีปิคสัส เรื่องนี้แม่งรู้ถึงไหนอายถึงนั่น 5555

         ไอ้พวกนี้มันยังไม่นอน แถมยังพิมพ์เมาท์มอยผมกลางที่สาธารณะกันสนุกมือ ผมที่หัวหนักอึ้งเป็นทุนเดินอยู่แล้ว ยิ่งรู้สึกร้อนลุ่มเข้าไปอีก

         หนอยย… ตอนนี้กูรู้ชื่อแล้วโว้ยยย!!

 

         ปึ่ง!!

ผมที่กำลังจะพิมพ์ด่ากลับ เงยหน้าขึ้นตามเสียงเปิดประตูห้องน้ำโดยอัตโนมัติ

         และดูเหมือนจะไม่ได้รู้แค่ชื่อ…

        สัดส่วนใต้ร่มผ้าก็รู้ด้วย…

         !!!

 

         แหมะ…

         อยู่ดีดีมือถือที่กำไว้แน่นก็ร่วงลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนตักอย่างไร้สาเหตุ

         ผมเบิกตาโตมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ในสภาพเปลือยท่อนบน อกกว้างๆ ไหล่แน่นๆ กับกล้ามแขนเป็นมัดน่าสัมผัส เขาไม่ได้ดูบึกบึนจนน่ากลัว มันแค่ใหญ่ได้สัดส่วนแบบผู้ชายรักสุขภาพ ชั่ววินาทีนั้นผมเผลอคิดบ้าๆ ไปว่าถ้าได้หนุนพิงคงอบอุ่นพิลึก กล้ามท้องเป็นลอน ซิคแพคร่องสวยทำให้เขาดูแข็งแรงและเซ็กซี่ เหมือนพวกนายแบบฝั่งตะวันตก

         ส่วนท่อนล่างก็ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูหลวมๆ เหมือนไม่ตั้งใจ เสี้ยวลมหายใจนั้น ผมเผลอหลุบตามองต่ำไปยังตำแหน่งหมิ่นเหม่

         อึก!

         ผมกลืนน้ำลายดังอึ่กไม่รู้ตัว

         อื้อหือ… สุดยอด…

 

         “มองอะไร?”

         อยู่ๆ เสียงเย็นก็ดังขึ้น เป็นการเรียกสติผมให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง ผมรีบยกมือขึ้นส่ายปฏิเสธเป็นพัลวัน “ปะ… เปล่า!”

         เขาเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าหล่อจัดก้มลงมาในระดับเดียวกับหน้าผม จนจมูกเราแทบจะชนกัน

         “ชอบหรอ?” พูดเสียงเซ็กซี่ไม่พอ ยังยักคิ้วแบบที่ผมมั่นใจได้ว่ามันคือการอ่อย!!

         “ช… ชอบ… ก็บ้าแล้ว!!” ผมตะโกนเสียงดังพลางกระเด้งตัวหนี แล้วรีบคว้าข้าวของข้างตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป ไม่วายผมแอบได้ยินเสียงต่ำหัวเราะหึหึ ราวกับพอใจที่ได้แกล้งผม

         ไอ้คนโรคจิต!!

 

         ทันทีที่ล็อคประตูห้องน้ำผมก็ยกมือสองข้างขึ้นทึ้งหัวตัวเองที่หน้ากระจก ไม่รู้ตอนนี้ผมเมา ผมง่วง หรือเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ รู้สึกเหมือนสมองตัวเองเออเร่อไปหมด นี่ผมกำลังโดนไอ้พี่มันปั่นหัวอยู่เหรอ!?

หึ้ย! แต่บอกเลย คนอย่างผมไม่มีทางยอมให้เขาแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ!

         แล้วจะได้เห็นดีกัน! จำไว้!

แต่ถ้าถามว่าจะเอาคืนยังไงน่ะเหรอ… ยังคิดไม่ออกน่ะ…

         เอาเป็นว่าไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้อาบน้ำเถอะผมปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว…

 

         ผมถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกแล้วพาตัวเองไปอาบน้ำ พอโดนน้ำเย็นๆ ชะโลมกายก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที กลิ่นสบู่อ่อนๆ ช่วยให้ผมรู้สึกโล่ง และสดชื่น ผมขัดสีฉวีวรรณ จนมั่นใจว่าสะอาดดีแล้วจึงปิดน้ำ แล้วเดินไปแต่งตัว

         ไอ้ชุดนอนไม่เรียบร้อยที่ว่ามันไม่ใช่ชุดนอนลูกไม้เซ็กซี่ ซีทรูหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะฮะ

         ผมอยู่คนเดียว ผมแค่ชอบอะไรสบายๆ แล้วก็ไม่ได้มีรสนิยมพิลึกกึกกืออะไรด้วย

         ชุดนอนผมเป็นแค่เสื้อกล้ามสีขาว เนื้อบาง ตัวหลวมโคร่ง กับกางเกงขาสั้นพอดีตัวสีฟ้า ถ้าถามว่าพอดีตัวแบบไหนน่ะเหรอ… ก็แบบที่ว่าถ้าบางอีกนิดก็เรียกว่าบ๊อกเซอร์แบบกางเกงในได้แล้ว

         แต่ก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อไอ้พี่มันบอกว่าไม่ถือ ผมเองก็จะไม่ถือเช่นกัน ตอนนี้ผมง่วงจะตายอยู่แล้ว

         ผมเปิดประตูห้องน้ำออกไปก็พบไอ้พี่มันกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ที่ปลายเตียง ท่อนล่างสวมกางเกงขายาวสีดำ ส่วนท่อนบนก็ยังคงเปลือยเปล่า

         เขาละสายตาจากมือถือขึ้นมามองผมแว๊บนึงก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดตึง

         ผมไม่ได้สนใจ แค่สาวเท้าไปข้างหน้า หมายจะเอาเสื้อผ้าชุดเก่าไปเก็บเข้ากระเป๋า แต่จังหวะที่เดินผ่านหน้าไอ้ผู้ชายตัวโต เขาก็รั้งสะโพกผมเข้าไปใกล้ก่อนจะถกเสื้อกล้ามผมขึ้นดูอย่างสงสัย

         “นึกว่าไม่ได้ใส่กางเกง”

         พูดเสร็จเขาก็พินิจพิจารณาด้วยไอ้ดวงตาเรียวจิกของเขานั่นแหละ

เปิดขนาดนี้ ถ้าบังเอิญผมไม่ได้ใส่จริงๆ ขึ้นมาจะทำยังไงวะ! ไอ้พี่บ้า!

พอได้จับๆ เช็คๆ กางเกงที่สั้นจุ๊ดจู๋ถึงโคนขาอ่อนผมจนพอใจ เขาก็ส่งเสียงอือในลำคอเป็นเชิงโอเคของเขาอยู่คนเดียว

อือเชี่ยไรเล่า!!

“ทะ… ทำบ้าอะไรของพี่วะเนี่ย!” ผมที่ใบหน้าร้อนผ่าวโวยวายเสียงดังแล้วรีบดึงเสื้อกลับไปปิดไว้เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าป่านนี้แก้มผมมันแดงมากแค่ไหน แต่ไอ้คนกระทำที่ถูกว่ากลับเลิกคิ้วฉงน แสดงท่าทางไม่ยี่หระ

         “ก็เห็นแต่เสื้อเลยสงสัย”

         “สงสัยก็ถามสิ!”

         “นายจะอายทำไมก็ผู้ชายเหมือนกัน”

         ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้วตึง ส่วนไอ้พี่มันก็มองหน้าผมกลับแบบไม่หลบตาด้วยนะ แถมยังทำตาใสเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ทั้งที่ความจริงไม่ใช่เลย!

“ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นซะหน่อย” ผมเบ้หน้าตอบเขาเสียงแข็ง จริงๆ ปลายเสียงก็แอบสั่นอยู่หรอก แต่ผมตีหน้าดุ ไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังลนลานขั้นสุด

“อือ” พี่เขาส่งเสียงอือในลำคอ ผมเลยทำเป็นไม่สนใจ เดินเอาเสื้อผ้าชุดเก่าไปเก็บ ก่อนจะเดินตรงไปที่โซฟา แล้วล้มตัวลงนอนแบบไม่พูดอะไรทั้งนั้น

         “มานอนนี่” เขาพูดพลางตบเตียงเบาๆ

         “ไม่เป็นไรพี่ ผมนอนนี่แหละ”

         “ผ้าห่มก็ไม่มีเดี๋ยวไม่สบาย”

         “ไม่เป็นไรผมถึก ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

      “ฉันบอกให้มานอนนี่!”

         อยู่ๆ น้ำเสียงเขาก็เปลี่ยนไป ผมรู้สึกกลัวจนรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นอัตโนมัติ ผมเกลียดเวลาโดนเขาบังคับ แต่ผมก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ถึงผมจะดื้อแต่ผมก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าตอนนี้คนตรงหน้าอยู่ในอารมณ์ที่เล่นได้ด้วยหรือไม่

         ผมเดินก้มหน้ามาหยุดลงที่ข้างเตียงคนละฟากกับเขา พยายามเบียดตัวให้ชิดขอบเตียงให้มากที่สุดจะได้ไม่ไปแย่งที่อีกฝ่าย ก่อนจะรีบหลับหูหลับตา ผมแอบได้ยินเขาถอนหายใจยาว จากนั้นไฟก็ถูกปิดลงจนห้องทั้งห้องนั้นมืดสนิท ผมรู้สึกง่วงมากเลยไม่คิดที่จะพูดอะไรอีก

         แต่แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากผ้าห่มผืนหนาที่ถูกดึงขึ้นมาปิดจนมิดที่หัวไหล่เป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะดับวูบลง

       

 



“อื้อ…”

ผมส่งเสียงเบาหวิวในลำคอ เป็นการรู้สึกตัวครั้งแรกหลังจากที่หลับสนิทมาตลอดทั้งคืน เช้านี้ไม่มีเสียงแสบหูของนาฬิกาปลุกมาทำให้ผมสะดุ้งตื่นเหมือนทุกวัน เลยทำให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มอิ่มเป็นพิเศษ

ผมรู้สึกถึงแสงแดดที่แอบลอดผ่านผ้าม่านสีทึบมากระทบที่เปลือกตา จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย

จ้ะเอ๋…

ดะ… เดี๋ยวนะ…!!

ผมรีบกระพริบถี่ๆ เพื่อตอกย้ำว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ

เหี้ยแล้ว!!

หน้าไอ้พี่เกียรติกับหน้าผมอยู่ใกล้กันมาก! มากแบบที่เรียกได้ว่าเราแทบจะจูบกันอยู่แล้ว!

ผมที่ตกใจสุดขีด เผลอสะดุ้งเแรง เกือบจะเบี่ยงตัวออกอยู่แล้ว แต่ไอ้ตาเจ้ากรรมเนี่ยสิ ดันเผลอไปสะดุดเข้ากับใบหน้าหล่อๆ นั่นซะได้

อึก

ผมกลืนน้ำลายดังอึก มันเหมือนมีแรงดึงดูดอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมหยุดชะงัก และแล้วผมก็เผลอแอบมองเขา พินิจพิจารณาภาพตรงหน้าจนตกไปในห้วงภวังค์

ดวงตาเรียวคู่ดุของเขากำลังปิดสนิท ทำให้เขาในยามนี้ดูไร้พิษภัยกว่าเวลาไหนๆ

ถึงจะชอบทำให้ผมหมั่นไส้อยู่บ่อยครั้งแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาน่ะ… หล่อมาก…

แต่เดี๋ยวก่อน! นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่วะเนี่ย!

“อื้ม…”

ระหว่างแอบมองเพลินๆ พี่เขาก็ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเหมือนว่ากำลังจะรู้สึกตัว ผมตกใจรีบเอียงหน้าหนี แต่แล้ววงแขนกว้างก็โอบรัดเอวผมเข้าไปใกล้เหมือนที่พวกคนติดหมอนข้างชอบทำกัน ผมเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง เมื่อจมูกผมเฉียดปลายคางเขาไปแค่ครึ่งเซน

ผมตวัดตามามองใบหน้าที่อยู่สูงกว่าเล็กน้อยก็พบว่าเขาตื่นแล้ว ตาคมมองหน้าผมที่อยู่แนบชิดแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด เขาจ้องผมนิ่งด้วยแววตาที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ สาบานได้เลยว่ากับผู้ชายคนนี้ ผมชอบให้เขาด่าผมแรงๆ มากกว่ามองผมแบบนี้ซะอีก

ทำไมน่ะเหรอ… ก็เวลาโดนจ้องนิ่งๆ แบบนี้มันทำให้ผม โคตรจะเขินเลย!

แต่แล้ว อยู่ๆ ใบหน้าเรียบเฉยของเขาก็เปลี่ยนไป เหมือนมันมีความนัยอะไรซ่อนอยู่ ผมที่จับสังเกตได้เผลอใจกระตุก รู้สึกลางไม่ค่อยดีกำลังจะมาเยือน

“หึ…”

ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเย็น

“อมชมพูยิ่งกว่าสาว ม.ปลายซะอีก”

ตอนแรกผมคิดว่าเขาพูดถึงปาก แต่สายตาเขาหลุบมองต่ำยิ่งกว่านั้น พอมองตามไปผมถึงเพิ่งรู้ตัวว่า แขนข้างนึงของเสื้อกล้ามตัวหลวมที่ใส่อยู่มันร่นลงไปกองแหมะอยู่ที่ข้อศอก และไอ้ชมพูๆ ยิ่งกว่าเด็กสาวที่เขาหมายถึงก็คือ นมผม!

ทันใดนั้นหน้าผมก็ร้อนผ่าวเหมือนข้างแก้มจะระเบิด ผมรีบกระเด้งตัวไปด้านหลัง แล้วดึงแขนเสื้อขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมือที่เอวผมสักที หนำซ้ำยังยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วกระชับตัวผมเอาไว้แน่นกว่าเดิมอีก

“พี่!” ผมกัดฟันเอ่ยเสียงดุด้วยใจที่ขุ่นเคือง

“ครับ”

ครับพ่อง!

เขาขานรับผมด้วยคำพูดที่สุภาพที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา และมันก็ฟังดูโคตรจะกวนตีนเป็นที่สุดเช่นเดียวกัน

“ปล่อย”

“ง่วงอ่ะ ขออีกแปปนึง”

พูดเสร็จเขาก็ซุกหน้าลงบริเวณไหล่ผม ผมรู้สึกขนลุกและบิดเกร็งไปทั้งตัว จึงพยายามที่จะหันหน้าหนีแต่ก็ขยับตัวไม่ได้มาก แขนเขาแข็งแรงอย่างกับคีมเหล็ก ผมได้แต่พยายามควบคุมตัวเองให้ปกติ ก่อนจะลอบถอนหายใจยาวพลางมองหน้าพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ

เดี๋ยวก็ดุผม เดี๋ยวก็เล่นอะไรไม่รู้ พี่เขาชอบว่าผมแรงๆ จนตอนแรกผมคิดว่าเขาเกลียดเกย์เลยแสลงตาที่เห็นผม แต่ดูไปดูมาก็เหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น…

เอาจริงๆ ถ้ามองแบบไม่อคติ ผมว่าเวลาที่ผมไม่เมาเนี่ย ผมก็ไม่ใช่ประเภทท่าทางอ้อนแอ้น สะดีดสะดิ้ง สาวแตกอะไร อาจจะมีพูดจาอ้อนๆ เอาใจคนอื่นบ้างก็เฉพาะเวลาทำงานเท่านั้น

ส่วนเรื่องแต่งตัว ผมก็แต่งตามเทรนด์ผู้ชายทั่วไป ผมว่าการที่ผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย แต่เขากลับหาว่าผมแรดบ้างล่ะ แต่งตัวโป๊เหมือนจงใจจะมาขายตัวบ้างล่ะ ทั้งๆ ที่มันก็ชุดปกติ

แต่พอไอ้ชุดไม่ปกติ หวิวจนเห็นนมแบบที่ผมแต่งอยู่ตอนนี้ เขากลับบอกว่าไม่เป็นไร อยู่กับเขาโป๊ๆ ได้

มันได้เหรอวะ?!

ถึงเขาจะให้เหตุผลว่ายังไงเขาก็ไม่ชอบผู้ชายหรอก

แต่กับผมที่ไม่เคยนอนกอดคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนสนิทแบบนี้ มันก็ยังไงๆ ไม่รู้

นี่ตกลงว่าเขาแปลก หรือ ผมคิดมากกันแน่วะ?

 

หลังจากที่ผมปล่อยให้เขานอนกอดอยู่อย่างนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เขาก็ขยับตัวอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“หิวข้าว”

“ผมก็หิว”

“ทำข้าวให้กินหน่อย”

“…”

สมองผมแบลงค์ไปชั่ววูบ ผมหันไปมองหน้าเขา ซึ่งเขาก็เพยิดหน้าไปทางห้องครัวเหมือนให้ผมเดินไปทำ ผมแอบเหงื่อตกนิดหน่อยแต่ก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี ผมเดินไปล้างหน้าแปรงฟันพลางตบหน้าตัวเองเบาๆ 

ทำกับข้าวเนี่ยนะ เอาจริงเหรอวะ…

ถึงผมจะเรียนจบฟู้ดซายน์มา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมทำอาหารเก่งหรอกนะครับ สมัยเรียนผมเคยทำไอศกรีม ตอนนั้นต้องเริ่มจากการเอานมไปต้มก่อน ดูเหมือนผมจะใจร้อนเลยใช้ไฟแรงไปหน่อย กลิ่นไหม้ลอยโขมงโฉงเฉงไปทั่วทั้งห้องแลป เพื่อนรีบตะโกนบอกให้ผมปิดแก๊ส แต่ไอ้หม้อตัวดีนั่นก็สั่นเป็นเจ้าเข้า ส่วนนมด้านในก็เดือดปะทุแผดเผาเหมือนลาวา ผมที่ตกใจหนักมากไม่กล้าเอื้อมตัวเข้าไปใกล้ หนำซ้ำยังเผลอฟาดเทอมอมิเตอร์เข้ากับหม้อจนมันหักเศษแก้วกระจุยกระจายเพราะดันคิดว่ามันคือตะหลิว

หลังจากนั้นทุกคนก็ระวังผมเรื่องทำกับข้าวมากๆ เอาเป็นว่าทฤษฏีเรื่องอาหารน่ะผมมีเต็ม แต่เรื่องปฏิบัติอาจไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เพราะผมเป็นคนใจร้อน และไม่ค่อยระวัง

แต่ถ้าต้องทำอาหารง่ายๆ ให้ตัวเองกินก็ทำได้แหละ แต่ถ้าทำให้คนอื่นก็อีกเรื่อง โดยเฉพาะคนขี้บ่นแบบพี่เขานี่ล่ะที่ผมโคตรจะกังวล

ผมเดินมาเปิดตู้เย็นดูข้าวของที่เขามีก็พบว่ามันมีแค่ไข่กับไส้กรอกอยู่นิดหน่อยเอง แต่ก็ถือว่าโชคดีเป็นของผม เพราะจะได้ไม่ต้องทำเมนูยากๆ

ผมจัดการนำพวกมันไปทอด ย้ำตัวเองให้ใจเย็นๆ พอทอดเสิร์ฟก็จัดใส่จานแบบอาหารเช้าสไตล์ตะวันตก ทั้งๆ ที่มันก็ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายโมงแล้ว ผมแอบบีบซอสมะเขือเทศเป็นรูปหน้ายิ้มให้ตัวเอง ส่วนจานของเขาก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ผมรินนมใส่แก้วสองใบ พอเห็นเขาเดินไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว ผมก็ยกอาหารกับนมไปเสิร์ฟ ผมวางอาหารลงตรงหน้าเขา ซึ่งเขาก็มองตามมือผมตาไม่กระพริบ พอโดนจ้องแบบนั้น อยู่ๆ ผมก็เกิดอาการเกร็ง ทำตัวไม่ถูก

ให้ตายเถอะ สงสัยผมจะอยู่ตัวคนเดียวมานานเกินไป

ผมโคตรจะไม่ชินกับการดูแลคนอื่นเอาซะเลย

ผมที่เก้ๆ กังๆ รีบเดินไปหยิบจานตัวเองแล้วเดินกลับมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามเขา ผมเห็นเขาแอบชำเลืองมองจานผมด้วย

“ทำไมของนายมีรูปหน้ายิ้ม”

ผมไม่คิดว่าเขาจะทักอะไรแบบนั้น จึงติดสตั้นท์เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป

“คงเพราะปกติพี่ไม่ค่อยยิ้ม วันๆ เอาแต่ทำหน้ายักษ์”

พอได้ยินดังนั้นเขาก็ทำหน้าตึง ก่อนจะหยิบซอสไปละเลงจานตัวเองเหมือนพวกเด็กขี้อิจฉา ผมแอบส่ายหน้ากับท่าทางเอาใจยากนั่น ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจ

“นายจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่?” เขาถามขึ้นเมื่อจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน ผมแอบตกใจเหมือนกัน เห็นท่าทางเหมือนพวกคุณชายก็นึกว่าจะเป็นพวกละเลียดละไมกินแต่กับผิดคาด

“เดี๋ยวกินเสร็จผมก็กลับแล้วครับ”

เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาใครสักคน

“แคนเซิลไฟลท์ให้ผมหน่อยสิ อื้อใช่… เดี๋ยววันนี้ผมกลับเอง”

ผมมองหน้าเขาพลางขมวดคิ้วตึง เขาวางมือถือลงกับโต๊ะ ก่อนจะยกนมขึ้นมาดื่ม

“จริงๆ แล้วพี่จะบินกลับ?”

“อือ” เขาพยักหน้า

“พี่แคนเซิลไฟลท์แล้วพี่กลับยังไง?”

“ก็กลับกับนายไง”

เหวอ ผมเบิกตาค้างทำหน้างง อะไรวะ? กลับกับผมเนี่ยนะ! แล้วนี่ไม่คิดจะขออนุญาตเจ้าของรถอย่างผมสักคำเลยเหรอ?

“ใครให้พี่กลับกับผม”

เขาไม่ตอบ เพียงแค่ทำหน้ากวนตีนแล้วยักไหล่

ผมที่ไม่ได้คำตอบชักไม่พอใจเลยหันไปเปลี่ยนคำถาม “แล้วพี่ไม่ได้ทำงานประจำอยู่ที่นี่รึไง?”

“ฉันจะทำที่ไหนมันก็เรื่องของฉันน่า” เขาตอบแบบขอไปที่ก่อนจะหยิบจานเปล่าของผมและเขาขึ้นมาถือ “ไปๆ รีบไปอาบน้ำได้แล้วจะได้รีบกลับ”

พูดเสร็จเขาก็เอาจานพวกนั้นไปล้าง ผมไม่รู้จะต่อปากต่อคำอะไรเลยเดินไปอาบน้ำตามที่เขาบอก ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาเราก็เก็บข้าวของเรียบร้อยเตรียมเดินทางกลับ ไม่วายก่อนออกจากห้องเขายังแอบหันมาดุผมอีก

“ทั้งบ้านนายไม่มีกางเกงขายาวมั่งเลยรึยังไง”

ผมว่ามันเหมือนประโยคคำด่ามากกว่าประโยคคำถาม ผมก็เลยไม่ได้ตอบ พอเห็นผมเงียบเขาก็เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ เอาแต่ทำหน้าบี้ๆ ไปที่รถ แถมยังแย่งกุญแจผมไปขับอีก

เขาบอกว่าเขายังไม่อยากตายเลยยืนยันจะขับเอง ซึ่งก็ดีผมจะได้ไม่เหนื่อย เอาไว้ครึ่งทางแล้วค่อยสลับกันขับก็ได้ ระยะทางมันค่อนข้างไกล ตอนขามาผมก็ขับจนแทบท้อ

         ผมแอบรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเล็กน้อย พูดยังไงดีล่ะ… จะบอกว่ารู้สึกไม่เหงาดีก็คงใช่มั้ง

ผมมองเขาขับรถอยู่ดีๆ ก็เผลอยิ้มออกมา 

         “ยิ้มอะไร” ใครจะคิดว่าคนที่ขับรถอยู่จะสังเกตเห็นว่าผมยิ้ม 

         “เปล่า”

         เขาทำหน้าเหมือนไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ แต่ผมก็ไม่มีเหตุผลจะตอบเขาจริงๆ นี่หว่า ที่ยิ้มนี่ก็เพราะร่างกายมันแค่อยากยิ้มเฉยๆ ก็เท่านั้นเอง

         ระหว่างทางเราจอดแวะปั๊มเหมือนเช่นเคย ตอนเขาเดินไปเข้าห้องน้ำผมก็แอบเข้าไปซื้อกาแฟที่ร้านประจำ ผมใช้ค่าโทรศัพท์เดือนนึงค่อนข้างแพงเพราะต้องโทรหาลูกค้าอยู่บ่อยๆ เลยมีดีลไว้แลกซื้อของเต็มไปหมด และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้สิทธิพิเศษ ซื้อหนึ่งแก้วแถมฟรีหนึ่งแก้ว

         ผมแอบยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว เพราะปกติอยู่คนเดียวเลยไม่เคยได้ใช้ การได้ของฟรีมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง

ผมไม่รู้พี่เขาชอบอะไรเลยเลือกมอคค่าเย็นแบบที่ผมชอบให้เขา

พอเขาออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นเขามองหาผมอยู่เหมือนกัน ผมเลยไม่รอช้ารีบยื่นแก้วกาแฟอีกใบไปให้เขา

“เลี้ยง”

ผมเห็นเขาเลิกคิ้วทำหน้าแปลกใจ แต่ก็รับมันไปถือไว้ “ขอบใจ” เขาพูดเสียงนิ่ง ผมเองที่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดคำนี้ก็เผลอทำหน้าไม่ถูกอยู่เหมือนกัน

จากนั้นผมก็พาเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวในปั๊มเหมือนที่ชอบกินอยู่เป็นประจำ

“เอาเส้นเล็กน้ำเย็นตาโฟครับ” ผมหันไปสั่ง

“เอาเป็นสองจานเลย พิเศษทั้งคู่ครับ”

ผมหันไปถลึงตาใส่เขา เลียนแบบผมไม่พอยังแอบอัพไซส์ให้ผมอีก

“กินเข้าไปเยอะๆ ผอมจะแย่อยู่แล้ว”

พี่เขาสั่งพวกปลาลวกจิ้ม กับของกินเล่นมาอีกหลายอย่าง ก่อนจะชี้ให้ผมกิน

“ผอมตรงไหน อ้วนจะแย่แล้ว” ผมพูดงึมงำแต่ก็จิ้มเนื้อปลาขึ้นมากิน อร่อยดีเหมือนกัน

“อ้วน? แห้งจนแบนเป็นไม้กระดานไปทั้งตัวแบบนี้เนี่ยนะเรียกอ้วน”

ผมรู้สึกเงิบไปนิดหน่อยกับคำว่าไม้กระดาน นั่นมันคำที่ใช้กับผู้หญิงไม่ใช่รึไงวะ?

“ก็ผมเป็นผู้ชายไหมล่ะ”

เขาไม่ตอบอะไร แต่ใบหน้าหล่อกลับกลายเป็นยียวนเหมือนข้องใจอะไรสักอย่าง ท่าทางนั่นกวนตีนมากจนผมรู้สึกเดือดปุดๆ ขึ้นมา

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง ก้นผมใหญ่เหอะ” ใช่ ใครๆ ก็บอกแบบนั้นโดยเฉพาะไอ้แป้ง “ถ้าไม่เชื่อพี่จะลองจับดูอีกรอบก็ได้”

พรวด!

อยู่ๆ พี่เขาก็เผลอสำลักออกมาซะงั้น ผมตกใจรีบหันไปดึงทิชชู่ก่อนจะยื่นไปให้

“เฮ้ย ใจเย็นๆ พี่ค่อยๆ กิน”

เขาไม่ตอบอะไรแค่รับทิชชู่ไปเช็ดๆ ซับๆ ก่อนจะกินน้ำตาม

พอเห็นว่าเขากลับมาปกติดีแล้ว ผมก็ไม่ได้ชวนคุยต่อเพราะกลัวพี่แกจะติดคอ

ผมเพิ่งรู้ว่าพี่เขากินเก่งมาก กินก๋วยเตี๋ยวพิเศษหมดไปสองจาน แถมของกินเล่นอีกสามอย่างก็หมดเรียบ แม้ลุคเขาจะดูคุณชาย แต่เขากลับกินง่ายอยู่ง่ายกว่าที่คิด

ตอนจ่ายตังค์ผมอยากจะเลี้ยงเขา เพราะยังไงแล้วพี่เขาก็เป็นลูกค้า แถมยังช่วยผมซะตั้งเยอะ แต่เขาก็ไม่ยอมให้ผมจ่าย ผมพยายามยัดเงินใส่กระเป๋าเขาแต่เขากลับหันมาดุว่าผมพูดไม่รู้เรื่อง แถมยังบอกให้ผมเก็บตังค์ไปซื้อนมกินจะได้ตัวโตๆ อีก

ผมแอบงอนนิดหน่อยเพราะตั้งแต่โตมาก็ไม่เคยโดนด่าว่าเตี้ย ใครๆ ก็บอกว่าผมน่ารักทั้งนั้น มีแต่ไอ้พี่นี่แหละที่สายตาบกพร่อง ผมทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ยอมเลิกลา ให้เขาเลี้ยงไปนั่นแหละ พอกินเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็เดินทางต่อ เราคุยสลับกับเงียบเป็นพักๆ แต่รอบนี้ดูเหมือนจะเงียบนานไปหน่อย ไม่มีใครปริปากชวนคุยต่อจนผมแอบเกร็ง เลยหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเฟสบุคแก้เก้อ

“อย่าเล่นมือถือบนรถ สายตาเสียหมด” ผมเพิ่งเล่นได้แค่แปปเดียวพี่เขาก็หันมาบ่น 

ตอนแรกก็กะจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วแหละ แต่ตาดันเหลือบไปเห็นโฆษณาอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมเผลอจ้องไปที่ตัวหนังสือนั่นตาไม่กระพริบ

‘นี่คือการกลับมาอีกครั้งในรอบสิบปีของ Tale of War สุดยอดเกมออนไลน์ที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค ในรูปแบบ MOBA GAME รองรับสำหรับการเล่นบนมือถือแล้ววันนี้’

“อ่านอะไรอยู่” พอเห็นผมจ้องมือถือหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาก็เลยเปลี่ยนมาถาม

“Tale of War เกมที่ผมเคยเล่นตอนเด็กๆ ตอนนี้มันทำใหม่ให้เล่นบนมือถือแล้ว”

“หือ? เกิดทันด้วยเหรอ?”

“ทันสิ แถมยังติดมาก”

… มากจนเรียกได้ว่า ผม รู้จัก สนิท และรัก กับพี่ปลาวาฬได้ ก็เพราะไอ้เกมนี้เนี่ยแหละ


 

++++++++++

เม้นให้หน่อยนะคะ :x
เรื่องจะเริ่มยุ่งแล้ว 555555

#ควรคู่กัน  #ปลาวาฬกินเพนกวิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2019 17:22:12 โดย CharmingAlisia »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.6 - 23/08/19 ❤
«ตอบ #26 เมื่อ24-08-2019 01:26:12 »

สนุกดีค่ะ​ ติดตามๆ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.6 - 23/08/19 ❤
«ตอบ #27 เมื่อ24-08-2019 03:26:02 »

เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ  :ling3:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.6 - 23/08/19 ❤
«ตอบ #28 เมื่อ25-08-2019 23:51:13 »

อยู่กับพี่ปลาวาฬอยู่รึป่าว??

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: • ค ว ร คู่ กั น • ║ EP.6 - 23/08/19 ❤
«ตอบ #29 เมื่อ26-08-2019 23:43:59 »

ตามทันแล้ว สนุกมาก ติดตามอยู่นะจ๊ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด