ตอนที่ 44 ภัยมืด 2
ขับมาได้ครึ่งทางก็มีสัญญาณเตือนว่าข้างหน้ากำลังมีเหตุ แผ่นดินต้องเคลื่อนรถไป
อย่างช้าๆเพราะเป็นช่วงทางโค้งและเป็นจุดอันตราย รถที่เกิดเหตุตรงจุดนี้น้อยคนนัก
ที่จะรอด อยู่ๆ แผ่นดินก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง สีหน้าตื่นตกใจเมื่อนึกไปต่างๆ นานา
แล้วมาสะดุดตรง…….
“พี่ดินจอดทำไมครับ ตรงนี้น่ากลัวนะ พี่ดินฮะ ปวดหัวหรือปวดท้อง…เป็นอะไร?”
กอหญ้าถามอย่างร้อนรนเมื่อสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของคนรักจากแสงไฟที่ส่องมากระทบ
“กอหญ้าโทรหามิ่งกับทัพให้พี่ที พี่ใจคอไม่ค่อยดีเลย ข้างหน้ามีอุบัติเหตุด้วย พี่กลัวว่า…”
แผ่นดินพูดค้างไว้แค่นั้น แล้วส่งโทรศัพท์ของเขาให้คนข้างๆ ไป
“พี่ทัพ รับสิครับ เฮ้อ…โทรหากริชดีกว่า พี่ดินไม่มีคนรับสายเลย
ส่วนมิ่ง…ติดนะแต่ก็ไม่รับสาย พี่ดินใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งคิดมาก เราจะไปต่อมั้ยครับ”
กอหญ้าส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ดินที่นั่งนิ่ง
“พ่อดินไม่สบายเหรอคะ อากอหญ้าขา”
หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นพ่อของเธอนั่งหลับตา
Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่กรีดดังในความเงียบงันมันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของแผ่นดิน
เป็นเบอร์ของกริชที่โทรกลับมา เขาส่งให้กอหญ้ารับแทน
“ฮัลโหลกริช ว่าไงนะ! ไม่จริง! ………กริช…แล้วพี่ทัพ …อยู่ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวเข้าไป
ว่าไงนะ! ไม่ให้เข้า กริช! เดี๋ยวสิ”
กอหญ้ามือไม้สั่นและปากคอก็สั่น เหงื่อผุดตามไรผมทั้งที่แอร์ในรถเย็นฉ่ำ
“พี่ดิน…ใจเย็นๆ นะ พี่ทัพกับกริชไม่เป็นไร แต่มิ่ง…”
กอหญ้าพูดได้แค่นั้นก็กอดน้องใบข้าวสะอื้นจนตัวโยน เด็กหญิงตกใจเบะปากจะร้องตาม
แผ่นดินจึงลูบหลังและโอบกอดทั้งสองคนไว้พร้อมๆ กัน
“กอหญ้านิ่งเถอะ…ลูกกลัว…ยัยหนูตกใจแล้ว ส่งลูกมาให้พี่”
กอหญ้ารู้สึกตัวจึงปล่อยเด็กหญิงออกจากอ้อมกอดส่งให้กับพี่ดิน
“โธ่…มิ่ง…ไม่น่าเลย เขามารับเคราะห์แทนพวกเรา พี่ดิน…มิ่งจะฮึก…ฮือ”
กอหญ้าพูดไปพยายามข่มก้อนสะอื้นแต่ไม่เป็นผล
“ข้างหน้าเป็นโค้ง มิ่งมันทำท่าไหนของมันวะ ถ้าไม่ใช่เพราะแลกรถกัน
ถ้าไม่ใช่…เพราะพวกเลวนั่น…ไอ้มิ่งคง…”
พี่ดินกัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสันนูน
“กริชบอกให้เรากลับเข้าไร่เลย ทางนี้พี่ทัพจะดูเอง พี่ทัพฝากบอกว่าไม่ให้พี่ดิน
ลงจากรถไปที่จุดเกิดเหตุ เชื่อพี่ทัพเถอะนะ กอหญ้ารู้ว่าพี่ดินเป็นห่วงมิ่ง…แต่
ไม่เพราะมิ่งเป็นห่วงพวกเรารึไง…ถึงทำแบบนี้…พี่ดินกลับไปคุยกันที่บ้าน…นะครับ
มากอหญ้าขับเอง”
กอหญ้าขยับจะเปลี่ยนตำแหน่งไปขับ พี่ดินส่ายหน้าแล้วส่งยัยหนูมาไว้บนตักเขาแทน
และออกรถไปอย่างช้าๆ ยิ่งใกล้จุดที่เกิดเหตุ มีรถจอดดูและคนออกันเป็นกลุ่มใหญ่
ทั้งรถกู้ชีพที่แซงไปสมทบอีก ยิ่งเห็นไฟจากไซเร็นในอกของกอหญ้าก็ยิ่งสั่นระทึก
พี่ดินกำพวงมาลัยแน่นเข้าไปอีก มองตรงไปข้างหน้าดวงตาแข็งกร้าว
“พี่ดินครับ มีสติหน่อยนะ ส่งลูกเข้าบ้านก่อน ค่ำมากแล้วด้วย…ลูกหิว”
กอหญ้าพยายามเรียกสติคนตัวโตและพูดถึงลูก ดวงตาพี่ดินไหวขึ้นมาที่ได้ยินว่าลูกหิว
“ใบข้าวไม่หิวเท่าไหร่ คุณพ่อไม่สบาย”
เด็กหญิงพูด แล้วจ้องหน้าพ่อ
“พ่อ…เอ่อ…ปวดหัวนิดหน่อย อีกแป๊บนะลูก พ่อจะพาไปหาพี่ต้นกล้า ทนหิวหน่อยนะคะ”
พี่ดินบอกลูก ดูสติจะค่อยๆ กลับมาแล้ว กอหญ้าคลายกังวลลงเล็กน้อย เขารู้ว่ามิ่งเป็นยิ่งกว่าลูกน้อง
ความดูแลห่วงใยที่นายกับลูกน้องมีให้กันดูได้จากหลายๆ เรื่องที่ต่างทำให้แก่กันมา
“มิ่งจะต้องปลอดภัย กอหญ้าเชื่ออย่างนั้น พี่ดินก็ต้องเชื่อด้วยเหมือนกันนะฮะ
เรามาช่วยกันส่งแรงใจให้พวกนั้นหามิ่ง…เจอโดยเร็วเถอะ”
กอหญ้าพยายามให้ตัวเองมีสติที่สุด เพื่อเป็นที่ยึดให้กับคนรักที่กำลังอ่อนแอ
“พี่จะพยายามเชื่ออย่างนั้นนะ ทั้งๆ ที่จุดนั้นยากแก่การเข้าช่วยเหลือและยากที่มีใครร…”
“พี่ดินไม่พูดอย่างนั้น…”
กอหญ้าพูดสวนและยกมือตบที่บ่าพี่ดิน จนแผ่นดินต้องหยุดพูดคำที่ไม่ดีต่อใจออกไป
แผ่นดินกลับถึงไร่เขาเรียกประชุมคนงานและแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนฟัง ต่างตระหนกตกใจ
และเกิดเสียงดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ไม่หยุด
“เงียบหน่อยทุกคน ที่บอกให้รู้เพราะต้องการอาสาสมัครช่วยกันออกไปค้นหามิ่ง
….ใครที่ร่างกายแข็งแกร่งมีพละกำลังก็ออกมารวมกันตรงนี้ ส่วนลูกเด็กเล็กแดง
และผู้หญิงกลับไปพักผ่อน งานนี้ไม่บังคับนะ ใครอยากช่วยก็มาเอารถคันใหญ่ออก”
พูดจบคนงานชายก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้หญิงและเด็ก
“พวกเราไปกันหมดนี่แหละครับนายดิน พี่มิ่งไม่เคยที่จะเอารัดเอาเปรียบพวกเรา
เราก็รักและเป็นห่วงพี่มิ่งกันทุกคน ขอไปช่วยอีกแรงครับ”
คนงานชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ลุงจะอยู่ดูเวรยามท้ายไร่ให้แล้วกัน”
คนงานวัยกลางคนห้าหกคนแยกตัวออกไปอีกกลุ่ม
“ขอบใจทุกคนที่สามัคคีกัน มิ่งมันคงจะรอดตายเพราะพวกเราก็คราวนี้
ไปกันได้แล้ว แล้วก็ระมัดระวังกันให้มากๆ ด้วยนะ”
แผ่นดินส่งกุญแจรถคันใหญ่ที่ใช้บรรทุกพืชผลทางการเกษตรให้กับคนงานชายคนหนึ่งไป
“เจ้าดิน มานี่ก่อนพ่อเพิ่งได้ฟังเรื่องจากกอหญ้า พ่อว่าเอ็งอย่าเพิ่งออกไปเลย
มันจะย้อนรอยเอาได้ ถ้ามันรู้ว่าในรถคันนั้นไม่ใช่เอ็ง อย่าเพิ่งปรากฏตัวเลยดิน
เชื่อพ่อเถอะนะ”
พ่อเขตเข้าไปรั้งตัวลูกชายไว้ ที่มีทีท่าว่าช้างก็จะฉุดไม่อยู่เสียแล้ว
“ผมห่วงไอ้มิ่งมัน พ่อลองมาเป็นผมที่อยู่ตรงจุดนี้สิ ผม…ผม”
แผ่นดินร้อนรน และดูจะไม่ฟังอะไรเลย
“พี่ดิน อย่าออกไปเลยเราขอกำลังจากพี่ภพได้ พี่ธาราก็ด้วย สองหน่วยงานนี้ก็มากพอแล้วนะฮะ
พี่ดินอยู่รอที่นี่เถอะ กอหญ้าขอร้องละ”
กอหญ้ารั้งไว้อีกแรง และเสนอแนวทางเลือกให้
“เอ้า! ดีเลย ถ้าคนไม่พอเดี๋ยวพ่อขอคนที่ปางไม้พ่อเลี้ยงอเนกมาช่วยอีกแรง
แกใจเย็นหน่อยนะดิน”
แผ่นดินพยักหน้า อย่างที่กอหญ้าบอกขอความช่วยเหลือกับทั้งตรีภพและธาราก็เกินพอ ยังจะปางไม้อีก
“ครับพ่อ ผม…จะรอที่นี่”
แล้วกอหญ้าก็เป็นคนเอาโทรศัพท์ของแผ่นดินไปโทรประสานงานอย่างที่คุยกันไว้
“พี่ภพบอกว่าได้คนจากป่าไม้จังหวัดเข้าไปในพื้นที่แล้ว พวกเขามีความชำนาญในพื้นที่มากกว่า
พี่ดินประสานงานเรื่องอำนวยความสะดวกให้พวกเขาเถอะนะครับ”
“จริงดิ งั้นบริการน้ำดื่มเครื่องดื่ม ข้าวกล่อง ชานนท์เข้ามาพอดี อ้าว! คมกฤช คุณสองคนช่วยกันหน่อย
ต้องการอะไรก็เบิกได้ที่กอหญ้านะ”
กอหญ้าพยักหน้าและแยกตัวออกไปคุยกับชานนท์และคมกฤชพักนึงสองหนุ่มจึงแยกตัวออกไปจัดการตามที่ได้รับมอบหมาย
“พี่ดินไปทานอะไรสักหน่อยเถอะ นิดนึงก็ยังดี อย่าดื้อครับ”
กอหญ้าฉวยมือใหญ่มาจับจูงกันไปที่โต๊ะอาหารที่มีคุณย่ากับเด็กๆ นั่งทานกัน พ่อเขตก็นั่งลงอีกคน
“พ่อคุยกับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์แล้ว เธอกำลังส่งคนมาช่วย เ จ้าภพมันบอกพ่อว่ามีรอยเบรกลากยาว
เหมือนจะหักหลบด้วย พ่อว่ามันแซงตัดหน้าให้เสียจังหวะแหละ กะจะเอาให้ตาย”
กอหญ้านึกไปถึงคราวเหตุการณ์ของตนเองแล้วให้ขนลุกขนพอง
“พ่ออเนก แม่ทิพย์มีอะไรกัน ได้ยินเสียงโทรสั่งงานอะไรกันป่านนี้ ข้าวปลาไม่มากิน”
คุณหญิงศจีพรรณ ถามขึ้นเมื่อเห็นทั้งลูกเขยและลูกสาวไม่เข้ามากินข้าวสักที
“ไร่พี่เขตขอกำลังคนจากเรามาค่ะคุณแม่ ลูกน้องคนสนิทของเจ้าดินแหกโค้งตกเขา
จนป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอเลยค่ะ”
ลูกสาวตอบมารดา สีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย
“อืม…ส่งคนไปช่วยแล้วก็แล้วกัน จะทำหน้าอย่างนั้นกันทำไมล่ะแม่ทิพย์ มากินข้าวกันเถอะ”
“แล้วนี่ยัยหนูไปไหน ข้าวปลาไม่มากินล่ะคุณ”
สามีหันไปถามภรรยาเมื่อไม่เห็นลูกสาวคนเดียวมาร่วมโต๊ะ
“แกขอผลไม้ไปจานเดียว บอกแต่ว่าจะเปิดเรียนน้ำหนักขึ้น เดี๋ยวชุดนิสิตใส่ไม่ได้ ช่างแกเถอะค่ะ”
“ดูแลใกล้ชิดแกหน่อยนะคุณ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ”
“ค่ะ ทิพย์ก็ตามติดแกตลอด ยังคิดว่าควบคุมลูกมากเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอกแม่ทิพย์ ยัยหนูไม่ใช่เด็กที่จะเหลวไหล อยู่ไหนก็วางใจได้น่ะแม่ว่า”
คุณแม่บอกลูกสาว ที่ดวงตาไหววูบ จนแล้วจนรอดป่านนี้เธอก็ยังไม่มีความกล้าพอ
ที่จะเปิดปากเล่าเรื่องในอดีตให้แม่และสามีฟังอยู่ดี ความกล้ามันหดหายเมื่อได้เห็น
หน้าสามีที่รักและซื่อสัตย์ต่อเธอตลอดมา และมารดาที่เชื่อใจว่าเธอไม่เคยทำเรื่อง
ด่างพร้อยมาก่อน รวมทั้งลูกสาวที่ชื่นชมบูชาในตัวของเธอ เธอยังขลาดเกินกว่าจะบอก
ออกไป…กลัวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
ขวัญที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักดวงตาบวมช้ำ ถูกเรียกตัวมารวมกันที่บ้านใหญ่
กอหญ้าไม่อยากให้ขวัญต้องไปอยู่ตรงจุดที่ทำให้รู้สึกแย่จึงให้คนไปตามตัวกลับมา
“ขวัญ สงบใจก่อนเถอะ ที่นี่ก็ใจคอไม่ดีด้วยกันทุกคน ดูอย่างนายดินของขวัญสิ
นั่งติดที่ซะที่ไหน ทุกคนเป็นห่วงมิ่งกันทั้งนั้น รออยู่ที่นี่แหละรอมิ่งกลับมา…มิ่งเป็นคนดี
พระท่านย่อมคุ้มครอง”
กอหญ้าเดินเข้ามาตบบ่าขวัญที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง
“ผมห่วงพี่มิ่ง เรามีกันสองคนแค่นั้น หากพี่มิ่งเป็นอะไรไป ผม…”
ขวัญสะอื้นขึ้นมาอีก กอหญ้าจึงนั่งลงข้างๆ และรวมมือของขวัญมากุมไว้และตบเบาๆ ที่หลังมือ
“ขวัญไม่ได้มีแค่มิ่ง อย่าคิดว่าไม่มีใคร ผมเองเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่นานยังรับรู้ได้เลย
ว่านายสองคนพี่น้องไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องของพี่ดินแต่นายสองคนเป็นเหมือนเพื่อน
เหมือนน้อง เหมือนที่มิ่งรักและเป็นห่วงคนบ้านนี้จนเอาชีวิตเข้าแลก รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย
ยังเสี่ยงเพื่อเรา แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พี่ดินรักพวกนายได้ยังไง เข้มแข็งไว้นะขวัญ”
กอหญ้าพูดไปก็เกิดตื้นตันในความมีน้ำใจของสองคนพี่น้อง ที่เขารอดจากเหตุการณ์ที่แล้วๆมา
ก็มีหนึ่งในสองแฝดที่มีส่วนช่วยทั้งนั้น
“ครับคุณกอหญ้า ผมจะพยายาม…เข้มแข็ง”
กอหญ้าพยักหน้าและฝืนยิ้มเป็นกำลังใจให้ขวัญ หันมองไปที่คนตัวโตที่เดินไปมา
กอหญ้าจึงเดินเข้าไปหา จังหวะนั้นมีสายโทรเข้าที่เครื่องพี่ดินพอดี
“ฮัลโหล ว่าไงทัพ! เจอแล้วเหรอ!…แล้ว…อืม เดี๋ยวตามไป แกพาน้องกลับมาก่อน
เออน่ะ! จะระวังตัว!”
พี่ดินวางสายสีหน้าดีใจ แต่ก็สลดลงไปอีก
“ขวัญ ไปโรงพยาบาลกัน มิ่ง…สาหัสเหมือนกัน กอหญ้าไม่ต้องไปนะ อยู่ที่นี่…”
พี่ดินพูดไม่ทันจบ กอหญ้าคว้าเสื้อแจ็คเก็ตมาพาดที่แขน หน้าตาดื้อดึงเมื่อรู้ว่าต้องคอยอยู่ที่บ้าน
“ไม่ครับพี่ดิน กอหญ้าอยากไปดูมิ่ง ขอให้เห็นกับตาว่ามิ่งปลอดภัย…นะครับ พี่ดินก็รู้…ว่าคนรอรู้สึกยังไง”
“เอ๊ะ! ดื้อจริงเรานี่ ห้ามไม่เคยฟังงั้นก็ตามมา…เดี๋ยวพี่ไปบอกพ่อก่อน สองคนไปรอที่รถไป”
พี่ดินผละเข้าไปรายงานพ่อเขตที่นั่งรออยู่กับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น กอหญ้าจึงเดินนำขวัญ
ออกมารอที่ข้างรถกระบะสีขาวคันที่พ่อเขตใช้ประจำ เห็นเพชรเดินอยู่ไม่ห่างจึงเรียกไว้
“เพชรฝากดูแลบ้านด้วย แล้วก็บอกแตงโมให้พาน้องเข้านอนได้เลย พี่ดินคงกลับมาดึกหน่อยวันนี้”
“ครับคุณกอหญ้า เดี๋ยวนายดินออกไปผมก็จะปิดบ้านแล้วละครับ”
เพชรรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ แล้วพี่ดินก็เดินออกมา โดยมีพ่อเขตตามออกมาส่งที่หน้าบ้าน
“ขับรถดีๆ นะเจ้าดิน ขวัญก็อย่าเพิ่งไปใช้ให้มันขับล่ะ ใจมันยังไม่เป็นปกติดี
แล้วก็ระวังหน้าระวังหลังด้วยล่ะ ไม่ได้ขับก็ช่วยๆ กันดูนะกอหญ้า”
พ่อเขตพูดแล้วก็โบกมือให้ขึ้นรถกัน ตลอดทางที่ไปโรงพยาบาลไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย
กอหญ้ากับขวัญก็สอดส่ายสายตามองหน้ามองหลังอย่างระวังภัยช่วยอีกแรงตามที่พ่อเขตย้ำเตือนมา
***********************************************************************
Talk : ช่วยกันลุ้น ไปด้วยกันนะ อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะ ปมใหม่ก็กำลังจะมี ปมเก่าก็กำลังจะคลาย
ก็นี่แหละคนเขียนที่จะเพ้อๆ เพี้ยนๆ เคยเป็นนักอ่านมาก่อน บางเรื่องอ่านไปถึงกลางเรื่องแล้วคนเขียนหาย
เศร้าใจมาก ดังนั้นใครหลงมาตรงนี้สบายใจได้ เรื่องที่ลงให้อ่านคือแต่งจบแล้วค่ะ และที่ลงให้อ่านหลายตอน
ต่อวันเพราะรู้ค่ะว่าการรอ รอ ทุกวันมันเป็นยังไง นี่ก็เพราะความเพี้ยนของคนเขียนเหมือนกัน
ขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านห้องนี้ ไม่ผิดหวังเลยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่นี่ รักคนอ่านทุกคน