มาต่ออีกตอนดีก่า
ตอนที่ 9
ผมไม่เจอพี่ต่ายเลยครับเกือบเดือน อยู่สายพี่มีนก็สนุกดี พี่แกเฮฮาไม่แพ้พี่เพ็ญ แถมในสายมี ติง เป็นบัดดี้ด้วย
ติง เป็นผู้หญิงครับ ขาว สูงโปร่ง เรียบร้อย เก่งมากๆ ทำให้ผมนึกถึงแฟนเก่า ช่วงนี้บอกตรงๆบางครั้งผมลืมพี่ต่ายไปเลยครับ แต่ติงเป็นรุ่นพี่ผมปีนึงครับ แต่ผมก็ตีเสมอไม่เรียกพี่ละครับ ก็คนมันคิดไม่ซื่อนี่ครับ
แต่การทำงานช่วงนี้หนักมาก ผมกลับ3-4 ทุ่มทุกวัน แต่ก็ดีได้อยู่กับติงทุกวัน แต่ยังครับผมยังไม่ได้จีบ แค่คบกันเป็นเพื่อน ใครจะว่าผมใจง่ายผมก็ยอมละครับ ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ทำงานกันสองคน ปรึกษาเรื่องงานกันมั่ง กินข้าวกันสองคนทุกวัน ติงก็วางตัวดีครับ ท่าทางเค้าก็ยังไม่คิดอะไรกับผม ผมก็ไม่รีบร้อนอะไร ตอนนี้ตั้งใจทำงานครับ เสาร์ อาทิตย์ บางทียังต้องไปทำเลย
มีบ้างเหมือนกันเวลาเข้าออฟฟิซ แล้วไปเจอเนย หรือ อ้อม หรือหมี เราก็กินข้าวด้วยกันคุยเรื่องนู้นนี้ แต่ไม่มีใครพูดเรื่องพี่ต่าย ผมก็อยากถามแต่ก็ไม่กล้า แต่ทุกคนก็บ่นว่าเหนื่อยกับงานกันมาก แล้วตอนนี้บางคนก็ต้องอยู่ที่ออฟฟิซลูกค้าคนเดียวด้วย เพราะพี่ๆต้องวิ่งรอก ตอนนี้เนยทำงานกับพี่ต่ายตลอดครับ พอดีวันนึงระหว่างที่คนอื่นๆคุยกันผมเลยอดถามเนยไม่ได้
“พี่ต่ายเป็นไงบ้าง ตอนนี้” ทำเป็นคุยเนียนๆครับ แกล้งทำเป็นว่าถามไปงั้นๆ แต่ความจริงลึกๆก็คิดถึงนะครับ
“พี่ต่ายเหรอ ตอนนี้โดนลูกค้าตามจีบอยู่นะ อิอิ”
คราวนี้คนอื่นที่คุยเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่พร้อมใจกันหันมาฟังเลยครับ แย่งกันถามใหญ่
“ใครน่ะเนย สวยไม๊ อายุเท่าไหร่ แล้วพี่เค้าโอเคไม๊ ไม่เห็นเล่าให้อ้อมฟังบ้างเลย ถ้าโอมไม่ถามก็ไม่รู้เลยซิ” อ้อมอดตัดพ้อเนยไม่ได้ เพราะรุ่นเดียวกันที่เหลืออยู่เป็นผู้หญิงก็ต้องสนิทกันนะครับ แต่เนยคงไม่เคยเล่า
“ไม่ใช่ไม่เล่า แต่มันไม่ค่อยดี เลยไม่อยากพูด กลัวพี่ต่ายรู้จะโดนดุสิ”เนยก็ยังคงเป็นเนย ไม่ค่อยพูด
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะ คนไหนพี่ต่าย ชี้ให้เราดูหน่อยซิ” อันนี้ติงครับเป็นคนถาม คือติงอยู่คนละสายกันก็อาจจะไม่เคยเห็นหน้าพี่ต่ายนะครับ เพราะอย่างที่บอกพวกเราเข้าๆออกๆออฟฟิซ นานๆจะมาเจอกันที บางทีอยู่ได้วันเดียวก็ต้องออกไปบริษัทลูกค้าต่อละ
“คนขาวๆสูงๆ ใส่แว่น หล่อๆน่ะ ไว้วันหลังชี้ให้ดู คิ้วเข้มๆ ไม่เอาเนยเล่ามาก่อน”อ้อมเร่งได้ดีมาก ผมก็อยากรู้ครับเนยก็อ้ำอึ้งอยู่ได้
“ก็คนที่มาจีบน่ะเป็นผู้ชายนะซิ” เนยตอบยิ้มๆ พอขาดคำเนยครับ ทุกคนยิ่งอยากรู้กันใหญ่
“หล่อไม๊ แล้วเค้าจีบยังไง เอออยากรู้มานานละ เรื่องแบบนี้”คำถามนี้ของหมีครับ
“ที่สำคัญ พี่ต่ายโอเคกะเค้าไม๊ ผมอยากรู้แค่เนี้ย” ผมเข้าประเด็นไปเลยครับจะมามัวชักแม่น้ำทั้งสาย มาอ้อมไปอ้อมมาผมคงอกแตกตายไปด้วยความอยากรู้
“เนยไม่รู้ ก็เห็นพี่ต่ายก็พูดกับเค้าดีนี่ พี่เค้ามาชวนไปทานข้าว พี่ต่ายก็ไป บางทีพี่เค้าก็เอากาแฟมาให้ เอาขนมมาให้ พี่ต่ายก็ไม่เห็นปฎิเสธนี่”
คำตอบของเนยมันทำให้ผมหงุดหงิดครับ ผมก็ไม่รู้เป็นอะไร พี่เค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรกับผม แต่ผมก็หงุดหงิดอยู่ดี
“ตัดออกไปอีกคนล่ะ ต้องเสียชายให้กับชายไป เฮ้อเรายังไม่ทันจีบเลย มิน่าประชากรโลกเลยลดลง”อ้อมบ่นรำพึงรำพัน ก็ผมบอกแล้วอย่างพี่ต่ายน่ะ น่ามอง หญิงก็ชอบชายก็ชอบ
“แต่เนยว่าไม่ใช่หรอก ไม่รู้ซิ ไปถามพี่เค้าเองซิ แต่อย่าบอกว่ารู้จากเนยนะ”
ใครจะไปกล้าถาม ผมก็ได้แต่คิดในใจ แต่พอได้ยินเรื่องนี้ผมก็คิดถึงพี่เค้าตะหงิดๆอยากเห็นหน้าครับ ไม่เจอมาตั้งเดือน ไม่รู้พี่เค้าจะหายเขม่นผมหรือยัง
แต่เพราะงานที่มันยุ่งๆ ผมก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท จนวันนึงผมเข้าออฟฟิซอยู่เคลียร์งานผมก็ไม่ได้มองอะไร ตอนนั้นก็ซัก 2 ทุ่มได้ครับมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน แต่พี่มีนยังอยู่ที่คอก (ที่จริงมันเป็นpartition กั้นเป็นล็อคๆนะครับแต่เราเรียกกันว่าคอกมันง่ายดี)
“พี่มีนครับ เห็นพี่เพ็ญให้มาหา”เสียงคุ้นๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร งานยังไม่เสร็จอยากกลับบ้านแล้ว
“เออๆนั่งก่อน ต่าย แป๊ปนึงนะ” หูตั้งเลยครับ พอได้ยินชื่อพี่ต่าย ครับต่ายคนเดียวกันนี่แหล่ะ ผู้ชายที่ชื่อต่ายมีไม่มากหรอก มันไม่ค่อยเข้ากันชื่อนี้น่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่า
“โอมเอ๊ย มาหาพี่หน่อย เอาแฟ้มบริษัท....มาด้วย”ผมใจเต้นแรงเลยครับไม่ได้เจอกันเป็นเดือน พี่จะลืมผมหรือยัง
พี่ต่ายเงยหน้ามองผมนิดนึงครับตอนผมเอาแฟ้มไปให้พี่มีน แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าอะไร มีแต่ผมที่มองหน้าแก ก็คนมันคิดถึง อดไม่ได้จริงๆ แกยังเหมือนเดิม น่ามองไม่มีเปลี่ยน
“คืองี้นะต่าย พอดีงานพี่เร่งจริงๆเห็นว่าคุณจบงาน.......นั้นไปแล้วใช่ไม๊มาเป็นin charge ให้ผมหน่อยซิ น้องผมมันปิดงานกันไม่ทัน”
“ถามเพ็ญดูแล้วบอกว่าจ๊อบของคุณอีกที่ เห็นว่าลูกค้ายังไม่พร้อมให้เข้า ว่าไงสะดวกไม๊”พี่มีนพูดม้วนเดียวจบเลยครับ ผมไม่ได้แอบฟังนะ แต่ได้ยินเอง ก็มันดึกแล้วมันก็เงียบๆ
พี่ต่ายก็ยังไม่ตอบครับ เห็นแต่เอาสมุดบันทึกมาเปิดๆดูอะไรไม่รู้
พี่มีนเลยพูดต่อ “คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ไม่น่าเกิน5 วัน ระดับคุณแล้วนี่ ก็คงพอดีกับที่ลูกค้าคุณพร้อมน่ะ”
“แล้วพี่มีนให้ใครไปกับผมครับ”พี่ต่ายถาม นั่นซิผมก็อยากรู้ว่าใครไปกับพี่ต่าย พี่มีนผมอยากไปน่ะ ให้ผมไปนะ
“ให้ติงไป เพราะปีที่แล้วติงเค้าเคยตรวจที่นี่”หมดกันความหวัง ความฝันที่จะได้ทำงานกับพี่ต่ายอีกครั้ง พี่มีนนะ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
ผมละเซ็ง กลับบ้านดีกว่า ผมเลยหันไปลาพี่มีน “พี่มีนผมกลับก่อนนะครับแล้วพรุ่งนี้ผมไปที่ลูกค้าเลยนะพี่ พี่ต่ายครับผมไปล่ะ” ผมยังคงยกมือไหว้พี่เค้าครับ มันติดครับ คนมารยาทดีก็งี้ ขนาดเจอหน้าทุกวันยังไหว้เช้าไหว้เย็น จนพี่มีนบ่นว่าเอ็งจะไหว้ทำไมบ่อยๆคนเค้าก็รู้หมดว่าข้าแก่
เก็บของไปเรื่อยๆ ได้ยินพี่มีนคุยกันเรื่องงานอยู่กับพี่ต่าย จนผมจะเดินออกมาละ
พี่ต่ายก็พูดขึ้นมาว่า “โอมรอพี่ซิ เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้านทางเดียวกัน”เหมือนมีเสียงสวรรค์มาโปรดครับ
ดีใจมากกกกครับ ขอบอก
ข้อแรกไม่ต้องเสียค่ารถ ได้นั่งรถสบายๆไม่ต้องไปเบียดบนรถเมล์ให้เหนื่อย
ข้อสอง ได้อยู่กับพี่ต่าย สองต่อสอง(ตอนนั้นลืมเรื่องลูกค้าที่มาจีบไปแล้วครับ)
ข้อสาม ให้กลับไปดูข้อหนึ่งครับ
หุ หุ พอดีมันนึกไม่ออกนะครับก็คนกำลังดีใจ แต่จะมีกี่ข้อสรุปก็คือดีนะครับ ผมก็รออยู่ซัก15 นาที พี่เค้าก็ออกมาจากห้องพี่มีน แล้วพยักหน้าให้ผมตามแกไป
“บ้านพี่ต่ายอยู่ที่ไหนพี่ ผ่านบ้านผมเหรอ”ผมพยายามชวนพี่เค้าคุยครับ ต้องมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กันอีก หลังจากที่เราแยกกันครั้งก่อนมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ก็ถัดจากบ้านเราไปสองซอยเอง”พี่ต่ายตอบพร้อมมองหน้าผมยิ้มๆ
อ้าวก็ผมไม่รู้นี่ ดีจังเลยบ้านใกล้กัน แต่คิดไปคิดมาไม่มีผลนี่หว่า ก็ไม่ได้ทำงานด้วยกันอยู่ดี แต่ลึกๆผมก็ยังดีใจนะ
ระหว่างกลับผมก็ชวนพี่เค้าคุยเรื่อยๆครับ แต่อย่างพี่ต่ายพูดน้อย ก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับผมเท่าไหร่
“พี่ต่าย ครับผมมีเรื่องจะปรึกษา”นาทีนี้ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุยไปเรื่อยๆละครับ
“อือ มีอะไรล่ะว่ามา แต่หิวข้าวนะ ไปกินกันก่อนดีไม๊ คุณหิวหรือยัง หรือจะไปกินบ้านอีก”
“ไปก็ได้พี่ หิวเหมือนกัน” ผมไม่มีปัญหาครับกินที่ไหนก็ได้ เราเลยแวะตลาดโต้รุ่งแถวบ้าน
“คืองี้พี่ เพื่อนผมมาชวนไปเรียน ปส.นะพี่ที่มหาลัยผมน่ะ”
ปส.นี่เป็นคำที่เราเรียกกันย่อๆเองครับ ย่อมาจากประกาศนียบัตรชั้นสูง ของการสอบบัญชีนะครับ แต่จะเรียนหรือไม่ก็ได้ ส่วนใหญ่เพื่อนๆผมก็ชวนๆกันไปเรียนครับ เรียนตอนกลางคืน 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม แต่อาทิตย์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ ผมก็ว่าดีนะครับ ได้เพิ่มเติมความรู้เพื่อเตรียมตัวสอบขอใบอนุญาติในการตรวจสอบบัญชี แต่ใจผมไม่คิดอะไรเรียนครับก็เรียน
“พี่ว่าผมไปเรียนดีไม๊”พยายามหาเรื่องชวนคุยครับ ก็ไม่เจอกันตั้งนาน มันก็ห่างๆไปหน่อย
“แล้วทำงานล่ะไม่มีปัญหาเหรอ มันก็เหนื่อยนะ”พี่ต่ายถามกลับ
“ผมว่าผมไหว งานก็ออกซัก 6 โมง วันที่ไม่มีเรียนก็อยู่ดึกหน่อย” ผมชอบเรียนครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ หรือเที่ยวไปวันๆ อีกอย่างมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันหลายคน มีติงด้วยนะครับแหะ แหะ
“ถ้าคิดว่าไหวก็ไปเรียน เพราะความรู้มันก็เอามาใช้ในงานเราได้ แต่คุณต้องตัดสินใจเอาเอง เพราะช่วงงานมากๆน่ะ คุณก็จะยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม”
พี่ต่ายก็ออกความเห็นเรียบๆนะครับ แต่ผมก็ว่าคงจะจริง กำลังกินกันเพลินๆครับ เสียงโทรศัพท์ ก็ดังขึ้น ของพี่ต่ายนะครับ เห็นพี่ต่ายยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วทำหน้าเบื่อๆ แล้วกดทิ้งครับ แต่ซักพักก็มีเสียงโทรมาอีก คราวนี้พี่แกเลยวางไว้เฉยๆปล่อยให้มันดังไปเรื่อยๆ ผมก็อดไม่ได้ครับ
“พี่ต่ายไม่รับละพี่ มันดังนานแล้วน่ะ”ผมก็พูดธรรมดานะครับ ไม่ได้แสดงอารมณ์อยากรู้อะไร ทั้งที่อยากรู้เหมือนกันว่าใครโทรมา หรือว่าจะเป็นลูกค้าคนนั้นที่ตามจีบพี่เค้าอยู่ พี่เค้าก็ไม่สนใจครับ ไม่รับเหมือนเดิม
“พี่ไม่รับผมรับแทนให้ไม๊ รับทั้งสาย รับทั้งคนโทรมาเลย ยกให้ไม๊ละ”ผมเห็นพี่เค้าอารมณ์ดีๆก็พูดเล่นๆ พี่เค้าตาเขียวเลยครับ
สงสัยผมคงล้ำเส้นไปหน่อย เราก็ยังไม่สนิทขนาดที่ว่าผมจะล้อแกได้เลย
“ถ้าอยากได้ก็เอาไปซิ” เสียงเขียวเลยครับ ทำไมต้องมาโกรธผมอีกละ ล้อนิดเดียวเอง ประชดดีนักรับซะเลย
“สวัสดีครับ โทรศัพท์พี่ต่ายครับ ไม่ทราบใครจะเรียนสายครับ”
“เอ่อ ต่ายไม่อยู่เหรอครับ แล้วใครพูดสายน่ะ ต่ายไปไหน ทำไมไม่มารับเอง”สงสัยจะเป็นลูกค้าคนนั้นจริงๆแฮะ แต่เค้าก็พูดสุภาพนะครับ ผมยื่นให้พี่ต่าย พี่ต่ายยังไม่สนใจ ผมเลยคุยต่อ
“พี่ต่ายอยู่ในห้องน้ำครับ ไม่ทราบจะให้บอกว่าใครโทรมา หรือจะสั่งอะไรไม๊ครับ”
พี่เค้าเงียบไปพักนึงแล้วบอกว่า “บอกต่ายด้วยนะว่า คมโทรมา แล้วให้มาเอาเน็คไทที่ผมด้วยเค้าลืมไว้”
ยังกับละครไทยครับ แต่ผมก็เข้าใจละว่าทำไมนางเอก ต้องโกรธพระเอกด้วยกับเรื่องงี่เง่าแบบนี้ ก็การลืมของบางอย่างไว้กับใคร มันก็แสดงออกถึงระยะห่างของความสนิทสนมกับคนนั้นๆด้วย ผมรู้สึกแปลกๆ ครับมันอึดอัดใจ จุกๆเจ็บๆ ผมเลยตอบคุณคมที่โทรมาไปด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ครับผมจะบอกให้” แล้วคุณคมก็วางหูไปพร้อมคำขอบคุณ
ผมไม่กล้าถามพี่ต่ายหรอกครับว่าไปลืมไว้ได้ยังไง ลืมที่ไหนทำไมถึงได้ลืม ก็ผมมันไม่ใช่ใครสำหรับพี่เลย เออแล้วกรูมาเครียดไปทำไมว่ะ พอนึกขึ้นมาได้ ผมเลยบอกพี่เค้าไปตามที่คุณคมบอก พี่เค้าก็เฉยๆไม่ว่าอะไร ผมอยากกลับบ้านละ กินก็ยังไม่หมด แต่มันกินไม่ลง แต่เห็นของพี่ต่าย ยังเหลืออยู่เกือบค่อนจาน
“พี่ผมกลับก่อนนะปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำ” ตรงนั้นมันใกล้บ้านผมแล้วครับ เดินไปซัก 5 นาทีก็ถึง อารมณ์เนี้ยเหตุผลบ้าอะไรก็ต้องยกมาก่อน จะให้เค้ารู้ทำไมว่าใจเรามันเป็นยังไง
แต่พี่ต่ายยังไม่ทันพูดอะไรครับ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังบ้าง “ครับผม ติง มีอะไรครับ”ติงโทรมาครับ แต่พูดอะไรไม่รู้ไม่ค่อยได้ยิน แว่วๆว่าพรุ่งนี้ต้องไปจ๊อบใหม่กับพี่ต่าย จะไม่กลับไปที่บริษัทที่เราทำงานกันแล้ว ฝากผมเคลียร์งานให้ด้วย แต่ติงโหลๆๆตลอดครับคงไม่ค่อยได้ยินเสียงผมเหมือนกัน แล้วก็วางหูไปครับ แต่ผมยังไม่วาง
“ติงคิดถึงจัง ทานข้าวรึยัง...... โอมทานแล้ว อือ อือ ไม่อยากเหมือนกันเลยอ่ะ ....อือ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเจอกันที่ออฟฟิซได้....จ้า...จ้า..ครับผม.....ทราบแล้วครับ...ครับวางสายแล้วนะ... แต่ติงวางก่อนซิ .....ไม่เอาติงวางก่อนซิ ..ไม่เอาติงวางก่อน... รักนะ จุ๊บๆ”
ผมยังแทบอ้วกเลยครับ กรูพูดไปได้ยังไงกันเนี่ย ถึงเป็นแฟนกันจริงๆผมก็ไม่ใช่คนที่จะพูดแบบนั้นหรอกครับ มันหวานเกินไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องพูดไปแบบนั้นด้วย
แต่คนที่คงจะผะอืดผะอมกว่าผม นั่งตาค้างมองอยู่ คงฟังอยู่ด้วยแหล่ะ ก็พูดขึ้นมาว่า “คงไม่ต้องไปห้องน้ำแล้วมั๊ง ความหวานคงต้านทานไว้หมดทุกอย่างแล้ว ท้องคงหายปวด” คำพูดก็ปกติครับ แต่หน้าตาไม่ปรกติ เหมือนคนไร้อารมณ์นะครับ
“กลับก็กลับ ผมไปส่ง”พี่เค้าจ่ายเงินค่าข้าวครับ แต่คราวนี้ผมจะคืนให้พี่ทั้งเงิน ทั้งใจ ยังเคืองเรื่องไอ้คมบ้าบอไรเนี่ย ผมเลยเอาตังค์ให้พี่เค้าครับ
“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร นิดหน่อย” พี่ต่ายไม่ยอมรับ เงินที่ผมให้ พี่เอาไปเหอะ เราจะได้จบๆความรู้สึกที่ค้างคาซักที
“พี่เอาไปเหอะผมไม่อยากติดค้างพี่”ผมพูดเสียงห้วนๆครับ คราวนี้ผมคงเสียงแข็งจริงๆ พี่เค้ามองหน้าผมเลยครับมองนิ่งๆพักนึงแล้วเดินไปที่รถเลย ไม่เห็นพูดอะไรซักคำ
คราวนี้ไม่เห็นไปส่งผมเลยล่ะ พอผมเดินมาถึงรถ นู่น........ไปไกลแล้วครับ ผมเพิ่งนึกได้ อ้าวแล้วของผมล่ะที่อยู่ในรถพี่ทำไงดีจะไปเอาคืนมาได้ไง แล้วใจผมล่ะ มันคงไปกับรถด้วยมั๊ง
มันเลยทำให้ผมเข่าอ่อนจนต้องทรุดตัวไปนั่งยองๆ จนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองกันใหญ่ มีป้าคนนึงถามผมว่า “ลูกเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”
“ผมไม่เป็นไรครับป้า ร่างกายผมปรกติดี”แต่ใจผม ผมก็ไม่แน่ใจครับว่ามันยังปรกติไม๊
*************************************************************************