Sleeping bear and Apple's Trap 16
#แอปเปิล
ผมกับน้ำนิ่งเราแยกกันกลับบ้านใครบ้านมันหลังจากที่เสร็จสิ้นการสอบไฟนอลไป โทรคุยกันวันละครั้งก่อนนอน แค่อาทิตย์แรกๆ น่ะนะ เพราะตอนนี้มันหายหัวไปจะสองอาทิตย์แล้ว เห็นบอกแต่ว่าไปช่วยป๊าม้าทำงานหาเงินซื้อไก่กิน แล้วมันก็หายหัวไปเลย กวนตีน
ผมนอนเล่นสมาร์ทโฟนอยู่ในบ้าน เข้าๆ ออกๆ ส่งไลน์ไปกวนไอ้หมีหน้ามึนมันก็ไม่ตอบ อยากจะตบสักที อย่าให้เจอหน้านะ ฮึ้มมม บ้านผมเป็นพื้นที่ลาดลงมาขนาดใหญ่ ติดถนนใหญ่ คนในละแวกก็เป็นญาติๆ กันทั้งนั้น แต่บ้านของครอบครัวผมจะมีหลายหลังหน่อย หลังนั้นพ่อเอาไว้นอนเฝ้าไก่ หลังนี้แม่เอาไว้นอน หลังนั้นของผมกับน้อง บ้านของญาติๆ ที่ขายแล้วไปตั้งรกรากใหม่ที่อื่นนั่นแหละ มีร้านอาหารเป็นธุรกิจของครอบครัวอยู่ในพื้นที่เดียวกันแต่อยู่ริมสุด ร้านบ้านๆ ไม่ได้หรูหราติดแอร์ แต่อร่อย ใครๆ ก็รู้จัก ไม่มีที่จอดรถบริการแต่คนเพียบ ส่วนมากช่วงเย็นผมก็จะไปช่วยแม่ทำอาหารบ้าง คิดเงินบ้าง แล้วแต่จะอยาก ส่วนมากก็ไม่อยากหรอก แต่เพราะได้เงินเลยทำ
“เปิ้ล! เปิ้ลเอ้ย!!”
“เอ้อๆ” ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปหาก็เห็นยายน้อยแม่ของเมียน้องชายพ่อ แกยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าบ้าน “มีอะไรจ้ะยายน้อย”
“มานี่ลูกมานี่” แกกวักมือเรียกทำท่าจะล้มแหล่มิล้มแหล่ ผมเลยรีบปิดฟงปิดไฟแล้วไปประครองแกเดิน
“ไปไหนอะ”
“ฝ้ายมันจะตัดชุด หนูไปช่วยหน่อย” ฝ้ายหรือน้าฝ้ายที่จริงเป็นน้องพ่อผมนะ แต่น้าแกไม่มีสามีเลยมาอยู่ด้วยกันสนิทกับเมียพี่ชายเลยช่วยกันดูแลยายไปด้วย “แล้วทำไมยายออกมาเรียกให้น้าฝ่ายโทรมาก็ได้”
“บอกแล้วไม่ฟัง อยากไปรับหลานเอง” น้าฝ้ายโผล่มาจากในบ้านแล้วช่วยประคองยายน้อยไปนั่งบนเก้าอี้ “มาๆ เปิ้ล มาช่วยน้าหน่อย”
“ทำไรอะน้าฝ้าย เย็บเหรอ”
“เป็นแบบวัดตัว น้ากะไม่ถูก แต่คนสั่งตัวเขาตัวพอๆ กับเปิ้ลเลยมาเป็นหุ่นให้ที”
แล้วผมก็ไปยืนเป็นหุ่นให้น้าแกอยู่ประมานสามสิบนาที หันดูเวลาอีกทีก็ได้เวลาไปให้อาหารไก่ตามที่พ่อสั่งไว้ก่อนออกไปตกปลา แต่ช้าหน่อยคงไม่เป็นไรผมเลยอยู่ช่วยน้าฝ้ายเย็บโบว์สำหรับติดตามชุด ช่วยร้อยเข็มให้ยายน้อยที่ตาไม่ค่อยจะดีแล้วแต่อยากมีส่วนร่วม สักพักถึงออกไปให้อาหารไก่
พ่อผมเลี้ยงไว้เยอะมีทั้งไก่กุ๊กๆ เลี้ยงไว้ดูเล่น แต่จะทะเล้นจับไปกินวันไหนไม่รู้กับไก่ที่เลี้ยงไว้บูชา เลี้ยงอย่างดี เลี้ยงเหมือนลูก คือพวกไก่ชนราคาแพงที่พ่อสรรหามา วันว่างๆ เสาร์อาทิตย์พ่อชอบพาไอ้ตัวเก่งๆ เจ๋งๆ นั่งโตลมออกไปชนกับลุงๆ อาๆ ที่อยู่แถวบ้านล่าง
ระหว่างที่ให้อาหารบรรดาไก่ๆ จ้องหน้าพวกมันไปก็คิดถึงคนชอบกินไก่ที่อยู่ทางไกลเหลือเกิน ปานี้มันจะทำอะไรอยู่นะ ถ้าไปช่วยงานป๊าจะไปทำอะไรล่ะ ขับรถส่งน้ำแข็งเหรอ หรือไปแบกน้ำแข็ง.. คิดภาพตอนน้ำนิ่งมันแบกน้ำแข็งด้วยหน้ามึนๆ แล้วรู้สึกสงสารยังไงไม่รู้ หวังว่ามันจะได้พักผ่อนนอนหลับสบายๆ นะ
กำลังจะเดินกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปช่วยแม่เปิดร้านก็มีเด็กน้อยตาใสมายืนยิ้มแฉ่งดักหน้าอยู่ “มีอะไรน้องส้ม”
“พี่เปิ้ลมาช่วยหนูระบายสีหน่อย”
“การบ้านเหรอ”
เด็กหญิงพยักหน้าตอบ ผมเลยจูงมือพาหลานตัวน้อยไปที่บ้านนั่งระบายสีเสร็จก็สอนการบ้านต่อกว่าจะได้แยกตัวออกมาก็ตอนที่แม่น้องส้มซึ่งก็น้องสาวของพ่อมาเรียกลูกไปกินข้าว ผมเลยได้กลับมาอาบน้ำแต่งตัวใหม่เสียที พอมาที่ร้านคนก็ยังไม่เยอะนักเจอปู่ที่รักนั่งยิ้มมองรถที่ขับผ่านไปมาอยู่
“ปู่กินข้าวยัง”
“ยัง ใครละนี่”
“เปิ้ลไง เปิ้ลหลานปูอะ”
“เปิ้ลๆ ไอ้เจ้าเปิ้ล มาตั้งแต่เมื่อไร” ผมยิ้มส่ายหัวน้อยๆ แกถามผมทุกวันที่เห็นหน้า บางวันดีหน่อยจำชื่อได้ แต่จำไม่ได้ว่าลูกใคร ลูกของลูกคนไหนของแก ปู่อายุมากแล้วหลงๆ ลืมๆ ตามประสาคนแก่เฒ่า คู่ชีวิตอย่างย่าก็เสียไปหลายปีได้ลูกหลานคอยดูแล ตกเย็นแกจะชอบออกมานั่งที่ร้านตัวริมสุดใกล้ทางเข้าครัว ลูกค้าก็ชอบมาคุยเล่นเพราะปู่ช่างคุยช่างยิ้ม สักสองสามทุ่มก็จะมีคนมาพาเข้าบ้าน
“มาจนจะกลับแล้วเนี่ย มาๆ หนูแกะปลาให้” ผมถือโอกาสแกะปลาให้ปู่พร้อมนั่งกินข้าวไปด้วยเลย มีขอกับข้าวเพิ่มอีกสองสามอย่างแล้วก็นั่งกินไปคุยกับปู่ไป ไม่ค่อยเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไรส่วนมาก็ถามเรื่องเดิมๆ ที่เคยถามไปแล้วทั้งนั้น ผมเคยรำคาญที่จะตอบแต่พอเห็นรอยยิ้มของคนสูงอายุที่เคยโอบอุ้มเราเมื่อครั้งยังเด็ก แต่ตอนนี้เขาแก่เฒ่าไปมากแล้วเรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมีแต่รอยยิ้มที่ส่งให้ลูกหลานยังเต็มไปด้วยความรักเหมือนเดิม ผมก็กลืนความรำคาญนั้นลงคอแล้วใช้เวลาที่มีอยู่กับปู่ให้มากที่สุด
“ไม่ไปเรียกน้องมากินข้าวละลูก”
“มันยังไม่มาเลยปู่ อะ กินเยอะๆ”
“น้องพีชละ น้องพีชไม่มารึ”
“ยังไม่รู้เลย เดี๋ยวหนูถามให้” น้องพีชที่ว่านี่ก็ไอ้พีชเพื่อนผมเอง ปู่แกจำได้ขึ้นใจทั้งๆ ที่เคยมาแค่ครั้งสองครั้งแล้วแต่ละครั้งก็ห่างกันจะตาย แต่แม่ก็มักจะบอกเสมอว่าปู่ถามถึงพีชตลอด พอรู้เหตุผลว่าทำไมปู่ถึงจำพีชได้ก็ทำเอาผมยิ้มออกมา
แกว่าหน้าพีชเหมือนย่าตอนสาวๆ รักแรกพบเขาละ เลยจำได้ว่าพีชคือใคร พอมันรู้ก็ปลื้มใจสิ เลยมาทุกปิดเทอม แต่เทอมนี้ยังเงียบอยู่สงสัยต้องเร่งมันละ ปู่จะได้หายคิดถึง
“ปู่จะกลับบ้านไปดูทีวีเปล่า หนูจะไปส่ง”
“นั่งนี่แหละ เอ็งไปช่วยแม่ทำงานไป”
“จ้า มีอะไรก็เรียกนะ”
ผมเข้าไปช่วยแม่ทำกับข้าวในครัวสักพักก็ออกมาช่วยคิดเงินแทน ร้านเราเป็นร้านแบบโอเพ่นดอร์ อาศัยลมธรรมชาติยามกลางคืน ถ้าร้อนก็พัดลม แต่ถ้าฝนตกก็ซวยหน่อยเพราะพื้นที่ที่มีหลังคามันไม่ได้กว้างนัก ช่วยงานจนถึงเที่ยงคืนก็ใกล้ได้เวลาร้านปิดหลังจากจัดการบัญชีเสร็จแล้วก็กลับมาอาบน้ำเตรียมตัวนอน ก่อนนอนก็ต้องเช็คนิดหนึ่งละนะ ไอ้หมีมันตอบข้อความผมบ้างยังเนี่ย
อะ ตอบแล้วตอบด้วยด้วย เป็นภาพมันกำลังแบกกระสอบน้ำแข็งไว้บนบ่า มันเคยบอกอยู่ว่าป๊ามันเปิดโรงงานทำน้ำแข็ง ที่มันบอกต้องไปช่วยคือช่วยแบกแบบนี้เลยเหรอ โอ้ย น่าสงสารจริงๆ พ่อหมีของผม อยากจะโทรไปหาแต่ผมว่ามันต้องหลับแล้วแน่ๆ เลยได้แต่ส่งรูปตัวเองไปให้ จะว่าคิดเองเออเองก็ได้แต่ผมว่ามันต้องอยากได้กำลังใจจากผมชัวร์ เอาสามรูปน่ารักๆ ตื่นมาจะได้มีกำลังใจทำงานหาเงินมาสู่ขอผม
ตื่นเช้ามาก็เจอข้อความจากมันแต่อ่านไม่รู้เรื่องสักประโยค สงสัยจะละเมอลุกขึ้นมาพิมพ์ตอบ ดูเวลาแล้วน่าจะได้อยู่ผมเลยลองกดโทรไปหา
“ทำอะไร”
((คิดถึง))
“วันนี้ก็ไปช่วยคุณป๊าทำงานเหรอ”
((คิดถึง))
“คิดถึงเหมือนกันนนน ทำอะไรกินข้าวหรือยัง วันนี้ไม่ไปช่วยคุณป๊าทำงานเหรอ”
((ช่วยเช่ยอะไรป๊าไม่ได้มาทำด้วยสักหน่อย ดีแต่ยืนคุม ปวดหลังไปหมดแล้ว)) ผมหัวเราะออกมาทันที เสียงมันดูงอนมาก สงสารก็สงสารแต่มันก็ตลก ยิ่งนึกถึงภาพที่ส่งมาให้ยิ่งตลก หมีหน้ามึนกับกระสอบน้ำแข็งบนหลัง มันไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไร
“มาๆ เดี๋ยวนวดให้”
((จะกลับมาแล้วใช่ไหม))
“ใครบอก นิ่งต้องมาบ้านเราดิ”
((ทำไมไม่กลับมาสักที))
“อยู่กรุงเทพฯ มาตั้งสี่ห้าเดือนละ อยู่บ้านดีกว่า”
((ไหนบอกจะนวดให้ไง))
“น้ำนิ่งก็มานี่ดิ จะนวดให้ดีๆ เลย”
((นวดแล้วนาบต่อ))
“ทะลึ่ง มานะ มาๆ”
((ที่นั่นมีอะไร)) อะ ไอ้นี่เริ่มกวนตีนละ มีไร? ถามมาได้ มีกูที่เป็นแฟนมึงนี่ไง!
“มีบ้านเราไง มีเราด้วย ไม่มาเหรอ” ออดอ้อนเข้าใส่ ต้องทำให้มันมาที่บ้านให้ได้
((นี่ก็บ้านเรา)) ผ่าง!!
“เออ เรื่องของมึงเลย! ไอ้หมีโง่!”
ด่าจบผมก็กดวางทันที แล้วมันก็ไม่โทรกลับมาด้วย โว้ย ไอ้หมีนี่มัน.. ไม่รู้จะด่ายังไงเลย ทำไมมันเป็นคนแบบนี้เนี่ย!? โยนมือถือไปไกลๆ แล้วนอนอีกรอบ โมโหจนไม่รู้จะทำอะไร ตื่นมาอีกทีไปหาข้าวกินแล้วก็กลับมานอนอีกรอบ โกรธ โกรธมันมาก วันนี้ทั้งวันผมไม่ทำอะไรเลยนอกจากกินกับนอน ตอนเย็นก็ไม่ออกไปช่วยแม่ที่ร้าน ดีที่ว่าพ่อไม่ออกไปชนไก่ ก๊งเหล้าที่ไหนเลยได้อู้อย่างสบายใจ แต่คุกกรุ่นไปด้วยความโกรธ เพราะไอ้หมีคนเดียว ช่วงเที่ยงคืนตีหนึ่งมันส่งรูปตอนแบกน้ำแข็งมาให้อีก เหอะ คิดจะเรียกคะแนนสงสารหรือไง ไม่มีทางหรอก!
“เปิ้ลนอนอยู่บ้านนี้แหละลูก”
“ขอบคุณครับแม่”
“จ้ะ พักผ่อนกันก่อน แล้วให้เปิ้ลพาไปหาอะไรกินกันนะ”
เสียงคุ้นๆ คุยกันอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอยากลุกขึ้นมาจากเตียงเท่าไร ได้แต่บิดตัวไปมาอย่างคนขี้เกียจ แต่พอทำท่าจะหลับต่อกลับมีเสียงเคาะประตูรัวตามมา รอบนี้ไม่ลุกไม่ได้เพราะมันช่วงหนวกหูเหลือเกิน ผมเดินหน้ามุ่ยมาเปิดประตูจำได้ว่าเสียงคุยเมื่อกี้มีเสียงของแม่ อีกคนก็คุ้นแสนคุ้น โอ๊ะ ไอ้พีชนี่เอง ผมงงนิดหน่อยที่ไม่ได้เห็นเพียงแค่พีชคนเดียวแต่กลับมีคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจออย่างมูน
“เฮ้ย! มูน มาไง”
“เอ้อ.. เหอๆ เรื่องมันไม่ยาวหรอก แต่เดี๋ยวค่อยเล่าได้ไหม เราขอนอนหน่อย”
“หืม มาๆ เข้ามาๆ มึงพีช จะมาก็ไม่บอก” ท่าทางมูนทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ผมเลยรีบเปิดประตูต้อนรับเชื้อเชิญเข้ามาในบ้านไวๆ
“นึกว่าจะไม่ทักเพื่อนตัวเอง”
“ตกใจนี่หว่า จะว่าไปทำไมมากันสองคน แล้วเป็นการจับคู่ที่...” แปลกโคตร มูนกับพีชเนี่ยนะ แฟนมันคือลูกหินไม่ใช่เหรอ คงไม่ใช่ว่ามีอะไรลับลมคมในหรอกนะ โนว ผมคงจะรับเรื่องลับๆ แบบนี้ไม่ไหวหรอก
“มาสามนะ อ้าว.. เวรกรรม ลืมน้ำนิ่งไว้ในรถ”
“หะ ไอ้หมีก็มาเหรอ ลืมมันไว้ในรถ แปลว่ามันหลับอยู่ในรถ!?”
“ลืมอะ เปิ้ลไปพามาที”
มูนวางกุญแจรถลงบนมือของผม กุญแจรถไอ้หมีนี่หว่า พอเริ่มได้สติจากความงุนงงมองขึ้นไปตรงถนนใหญ่หน้าบ้านก็เห็นรถคุ้นตาจอดอยู่รถน้ำนิ่งนั่นแหละ ผมเดินจ้ำๆ ด้วยความดีใจหน้าเปื้อนยิ้มโดยไม่รู้แต่ไม่ได้ลืมหรอกนะว่ามันทำอะไรไว้เมื่อวาน
พอเปิดประตูเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงไอเย็น ผมใช้เท้าสะกิดขามัน แต่ไม่ได้ผลเลยต้องลงแรงหน่อย คราวนี้ฟาดเลย ฟาดไปเต็มน่องขา สะดุ้งสิครับ สะดุ้งหน้าปรือๆ ตามสไตล์น้ำนิ่งนั่นแหละ พอเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้ามันก็ยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด หัวกูเกือบฟาดขอบประตูรถ เห็นแบบนี้ใจที่เคยมีความโกรธก็อ่อนยวบลงไปแปลกๆ
“คิดถึงจัง”
“เหรอ เมื่อวานใครมันกวนตีน”
“แผนเซอร์ไพรส์ไง” เซอร์ไพรส์มากไหม เมื่อวานเกือบจะด่าพ่อด่าแม่มันหลายรอบแล้ว “คิดถึงๆไม่เห็นตอบเลย”
“โกรธอยู่”
พอผมบอกพร้อมหน้างอๆ แทนที่มันจะสลดกลับหัวเราะหน้าบานใส่แล้วดันผมออกเล็กน้อยค่อยหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากใต้เบาะ ผมเห็นแล้วอึ้งไปนิดหน่อย
“แก้คิดถึง”
มันคือถุงโลตัสที่ข้างในเต็มไปด้วยโอริกามิหลากหลายแบบ ดูแล้วนึกถึงคืนวันก่อนที่เราจะคบกัน ผมกลั้วขี้ฟันในปากไปมาเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มกว้างออกมา ถึงถุงมันจะดูกากๆ ไม่สง่าน่าชมแต่ความใส่ใจกลับเต็มเปี่ยม มันอัดแน่นจนถุงทั้งโป่งทั้งพอง ผมคว้ามาถืออย่างถะนุถนอมแล้วลากไอ้ขี้เซาลงจากรถ
“ลงจากรถได้แล้วเพื่อนรออยู่ในบ้านแล้ว”
“พวกนั้นไม่ยอมปลุก”
“เขาปลุกแล้วแต่ไม่ยอมตื่นเองหรือเปล่า”
พอเข้ามาในบ้านก็เห็นพีชกับมูนปูเสื่อ พร้อมหมอนผ้าห่มมารองนอนเรียบร้อยแล้ว ผมเลยยึดอีกมุมหนึ่งเป็นที่ตั้งแล้วเริ่มถามไถ่ที่มาที่ไปของทรีโอกรุ๊ปนี้ พอได้ความแล้วก็ทำเอาผมถึงกับต้องกุมขมับให้กับความขี้เกียจ ขี้เซา ขี้ง่วง ขี้นอน ขี้ๆๆๆๆ สารพัดจะขี้ของน้ำนิ่งเลย ให้ตายเถอะ
มันบอกตั้งใจจะมาหาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว เมื่อวานแค่กวนตีนเฉยๆ เออ กวนตีนจริงๆ แต่มันไม่รู้ทางเลยต้องให้พีชเป็นคนพามา ปัญหาคือลูกหินไม่ว่าง เจ้าไม่ว่าง ไอ้พีชไม่ขับรถทางไกล และไอ้หมีขี้เกียจขับ มีแค่มูนเท่านั้นที่ตกหลุมพรางของมันจนต้องมาขับรถให้ตั้งแต่เช้า คืออยากมาเช้า แต่ไม่อยากขับรถเองเลยใช้เพื่อน กูละยอมมันเลย
“ฮืออ เปิ้ลต้องจัดการให้เรานะ โดนลากมาใช้เป็นขี้ข้าตั้งแต่เช้า ดูแลก็ไม่ดูแล ได้พีชนี่แหละคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ”
“โอ๋ๆ มูนอย่าร้อง เดี๋ยวเรานวดให้นะ”
ผมตีไอ้คุณชายที่นอนแคะขี้มูกอยู่ข้างๆ ดูมันนะหลับสบายมาตลอดทางยังจะมานอนเหมือนคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งชาติอีก
“แค่นี้ทำบ่นว่ะ” ผมตีมันไปอีกก่อนจะสั่งให้ไปปิดประตู แล้วเปิดแอร์เย็นๆ ให้เพื่อนได้นอนสบาย
“มึงมันแย่ ถึงแล้วก็ไม่ตื่นพวกกูเจอแม่เปิ้ลแล้ว ไหว้แม่เปิ้ลแล้วมึงยังไม่ทำสักอย่าง ไอ้ลูกเขยไร้มารยาท”
“เพราะมึงไม่ปลุกกูไอ้มูน” มันแวะเหยียบก้นเพื่อนทีหนึ่งแล้วมานั่งย่องๆ ตรงหน้าผม “เปิ้ลพาไปไหว้แม่หน่อย” ผมอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นที่อยากจะไปไหว้แม่ของน้ำนิ่ง ดวงตาเป็นประกายไม่ได้ดูปรือนอนเหมือนเมื่อครู่
“ไอ้หมีเลว ไอ้หมีอกตัญญูไม่รู้คุณคน ไอ้(&&^$#%&#@(^%$)_&&”
“โอ้ย! มูนหุบปากเถอะ เราปวดหูเป็นผู้ชายทำไมเสียแหลมอย่างนี้เนี่ย” พวกผมพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มูนก็นอนปิดปากตัวเองน้ำตาไหลพรากเพราะโดนไอ้พีชด่า
“เดี๋ยวเที่ยงๆ บ่ายๆ ค่อยไปไหว้ก็ได้ แม่คงกลับไปนอนอีกรอบแล้ว”
“เหรอ จะไม่เป็นไรเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก แม่เราใจดี พ่อด้วย ทุกคนเลย แต่ตอนนี้ให้แม่กับพ่อนอนก่อน เมื่อคืนก็ปิดร้านดึก”
“อย่างนั้นก็ได้” พอผมอธิบายให้ฟังไล่หนาก็ลู่ลงเล็กหน่อย ใบหน้ากลับมาปรือนอนอีกครั้ง ผมเลยรังหมีตัวโตให้มานอนไปพร้อมๆ กัน คือผมก็อยากนอนต่อเพราะตื่นเช้าเกิน
“คิดถึงมาก” น้ำนิ่งสอดแขนมารองใต้คอแล้วดึงผมเข้าไปใกล้ๆ ทำท่าจะประกบจูบเข้ามาในขณะที่ผมกำลังจะเคลิ้มไปก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองยังไม่ได้แปรงฟัน
“ยังไม่ได้แปรงฟัน งดจูบ หอมแก้มพอ”
มันทำหน้าบึ้ง คิ้วขมวด แต่ก็กดจมูกลงมาบนแก้มของผมที่ไม่รู้ว่ามีคราบน้ำลายหรือเปล่าลงมาฟอดใหญ่ “ไม่เห็นบอกคิดถึงบ้าง”
“ไม่บอกหรอก”
ไม่บอก แต่ซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกหอมกรุ่นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มของน้ำนิ่งแทน รู้สึกว่าจะตัวใหญ่กว่าเดิมหน่อยหนึ่ง แผ่นอกดูแข็ง และเต็งตึงขึ้น สีผิวก็แทนขึ้น ดูเซ็กซี่จนผมน้ำลายสอ แต่พอเงยหน้ามองใบหน้าตอบๆ ของแล้วน้ำตาจะไหล โธ่ พ่อหมีของผมต้องทำงานหนักมากขนาดไหนกันเนี่ย พ่อพระเอกยักคิ้วให้ผมแล้วเปลี่ยนมาเป็นคนที่ซุกออกผมแทน แล้วเราทั้งสี่คนก็หลับกันไปคนละมุมทั้งอย่างนั้น
จนกระทั้ง..
“พี่แอปเปิล!!”
เสียงนี้มัน.. !
TBC
28/8/17
กลับมาต่อแล้วค่า จะครบเดือนแล้วโผล่หัวมาสักหน่อย //ยื่นมือให้ตี
ต่อเนื่องไม่เคยได้นานต้องหายตลอด แฮะๆ ติดการ์ตูนจ้า เพลินสุด เพลินจนหายไปอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
ขอโทษจริงๆ น้า เรามาช้าตลอดเลยแต่ก็ยังมีคนติดตามอยู่ (ใช่ไหมเอ่ย?) ขอบคุณจริงๆ ค่ะ เรื่องนี้จบแน่ๆ ไม่ต้องกลัวทิ้งไป นี่มีพล็อตอื่นๆ ผุดขึ้นมาเยอะแยะก็ได้แต่จดๆ ไว้จะเอาหมีกับเปิ้ลให้จบก่อน โคตรบังคับตัวเองอะ 55555 ฝากติดตามกันต่อๆ ไปด้วยนะคะ
แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ