การใช้หนี้ครั้งพิเศษ 2 : คงไม่ใช่อย่างที่คิด " โอก~ อาก~ โอก~ "
หลังจากวิ่งพรวดพราดออกจากโต๊ะอาหารเช้าไปเข้าห้องน้ำ ผมก็เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม แต่ยังไม่ทันที่ก้นจะแตะถึงเบาะ น้ำเสียงห่วงใยของคุณหญิงแม่ก็ดังขึ้น
" บอสเป็นอะไรหรือเปล่าลูก แม่เห็นเราไปอาเจียนหลายรอบแล้ว ไปหาหมอดีมั้ย เดี๋ยวแม่จะได้บอกพ่อเพิ่มให้เตรียมรถ "
" ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับแม่ ผมคงจะเครียดมากไปหน่อย ได้นอนพักสักนิดก็คงจะดีขึ้น "
" จะดีหรอตาบอส ถ้าพ่อเรารู้เข้าว่าพ่อเอาลูกเขามาแล้วเลี้ยงไม่ดี มีหวังเสียผู้ใหญ่แน่ ทั้งๆ ที่วันแต่งงานพ่อรับปากย้งไว้แล้วแท้ๆ " พ่อพี่ปูนที่นั่งหัวโต๊ะพูดขึ้นบ้าง ผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ไป รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระยังไงก็ไม่รู้ เกรงใจชะมัด
" แล้วนี่ตาปูนไปไหน เมียป่วยทั้งคนทำไมไม่มาดูแล " คุณหญิงแม่บ่นอย่างหัวเสียพลางชะเง้อหาลูกชายตัวดี จนผมคิดว่าถ้าพี่ปูนโผล่หน้ามาเมื่อไหร่มีหวังโดนคุณหญิงแม่จับตีก้นลายแหงๆ
" นินทาอะไรผมกันครับ " ซวยแล้วไม๊ล่ะคุณสามีโผล่มาได้ไม่เลือกเวลา ความจริงก็อยากจะแซวว่า ‘ตายยาก’ อยู่หรอก แต่สถานการณ์แบบนี้คงต้องเปลี่ยนเป็น ‘รอดยาก’ แทน
" มาก็ดีเลยตาปูน เป็นสามีภาษาอะไรทำไมถึงไม่รู้ว่าเมียป่วย แล้วแต่งตัวแบบนั้นจะออกไปไหนอีก เรานี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ สมควรแล้วล่ะที่ถูกเมียไล่ออกจากห้องบ่อยๆ ” นั่นไงมาเต็ม คุณหญิงแม่หันไปแร็พใส่ลูกชายแทบไม่หายใจแถมยังไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดบ้างเลย
" อ้าวแม่ ทำไมด่าผมเป็นชุดแบบนั้นละครับ ผมลูกชายแม่นะ ว่าแต่บอสป่วยหรอ? เป็นอะไรมากรึเปล่า ไหนมาให้พี่ดูซิ เห้ย! หน้าซีดยังกับไก่ต้ม อาการหนักขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกพี่ ไม่ได้การล่ะ คุณพิทเตรียมรถผมจะพาบอสไปโรงพยาบาล ส่วนเรื่องทวงหนี้วันนี้ฝากจัดการแทนผมด้วย ” นี่ก็อีกคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นลูกใคร ถอดแบบกันมายังกับแกะ ผมรอให้พี่ปูนพูดจนจบหวังจะได้แก้ตัวอะไรบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปาก เสียงคุณหญิงแม่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง
“ วิงเวียนศรีษะ เหม็นกลิ่นอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เบื่อหน้าสามี คุณว่าอาการของตาบอสคุ้นๆ มั้ยคะ? ”
“ คุณหญิงจะบอกว่าอาการเหมือนตอนคุณหญิงสาวๆ ใช่มั้ย? ”
พี่ปูนมองหน้าบุพการีทั้งสองสลับกันไปมาเหมือนยังไม่เก็ทว่าพวกท่านกำลังหมายถึงอะไร แต่ผมนี่ถึงกับลุกจากที่นั่งก่อนจะขอตัวแล้ววิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่สนคำพูดที่ไล่หลังมาสักคำ
“ ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ ”
“ เดี๋ยวสิตาบอส ”
“ บอส จะไปไหน กลับมาก่อน พี่จะได้พาไปหาหมอ ”
‘ วิงเวียนศรีษะ เหม็นกลิ่นอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เบื่อหน้าสามี ’ คำพูดของคุณหญิงแม่ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองตลอดทางที่ผมกำลังวิ่งไป ทำไมผมถึงไม่เคยเฉลียวใจนะ ทั้งๆ ที่อาการเหล่านี้ก็บอกอยู่ชัดๆ อยู่แล้วว่าเป็นอาการของ ‘คนแพ้ท้อง’
พรวด!
ผมเปิดประตูห้องนอนของน้องสาวออกโดยทิ้งเรื่องมารยาทไว้ข้างหลัง ยวิษฐาที่เพิ่งตื่นนอนหันมามองที่ประตูด้วยความงุนงง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นวิตกกังวลเมื่อรู้ว่าผมเข้ามาด้วยเรื่องอะไร
“ พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน! ”
" ห๊ะ! อะไรนะ ท้อง!?! " ผมลืมตัวตะโกนลั่นห้องก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียงอย่างหมดแรง ถึงแม้จะเตรียมใจมาบ้างแต่พอมาได้ยินชัดๆ กับหูตัวเองก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าเหลือเชื่อจนเกินไป
" มันเกิดขึ้นได้ยังไง? " น้องสาวตัวดีไม่ตอบเอาแต่หลับหูหลับตาส่ายหน้าลูกเดียว เห็นแบบนั้นผมก็เริ่มเอามือกุมขมับก่อนจะรวบรวมสติหันไปถามเด็กสาวที่นั่งพิงหัวเตียงอีกครั้งด้วยคำถามใหม่ที่น่าจะตอบง่ายกว่าเดิม " กี่เดือนแล้ว? "
" ประมาณ 1 เดือน "
" กับใคร? " บรีสมองหน้าผมนิ่ง ริมฝีปากสวยขยับแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา " หวังว่าคงไม่ใช่.. " จู่ๆ ผมก็คล้ายคนที่หาเสียงตัวเองไม่เจอ ยังดีที่น้องสาวเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อเลยสบตาผมนิ่งก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แทนคำยืนยันว่าสิ่งที่ผมคิดมันถูกต้องแล้ว
ผมคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ก็พบว่าแขกเพียงคนเดียวของบ้านอภิมหาธนวัชก็เห็นจะมีแต่หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ – เกาหลีที่มางานเลี้ยงวันเกิดของปัณณ์ณิช
ปาร์ตี้เล็กๆ ถูกจัดขึ้นท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทุกคนในบ้าน ไม่เว้นแม้แต่เจ้าปีใหม่ที่ดูกระดี้กระด้าเป็นพิเศษเมื่อได้กลับมาเจอเจ้าของเก่าอีกครั้ง แต่ในแสงสว่างย่อมมีความมืด หนุ่มใหญ่วัย 32 เป็นเพียงคนเดียวที่เห็นอะไรก็ดูขัดหูขัดตาและเอาแต่ถามว่าเมื่อไหร่ปาร์ตี้จะจบ เหตุเพราะไม่ชอบหน้าพ่อลูกครึ่งเป็นการส่วนตัว
คิดมาถึงตรงนี้แล้วก็อดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ มันกล้ามากนะที่มาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในบ้านของผม!
" นอกจากพี่..มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง? "
" ก็...ปัน " คำตอบที่ได้รับไม่ผิดไปจากที่คาดเดา ถ้าน้องปันไม่รู้นี่สิถึงเรียกว่าแปลก ในเมื่อทั้งสองสาวตัวติดกันตลอดเวลาขนาดนั้น ยังไงก็ต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงกันอยู่แล้ว
“ แล้วจะเอายังไงต่อ ”
“ วันนี้ปันบอกว่าจะพาไปฝากครรภ์ แต่พี่บอสห้ามบอกพี่ปูนนะ พี่บอสก็รู้ว่าพี่ปูนเกลียดหน้าโทนี่ยังกับอะไรดี ถ้าพี่ปูนรู้เข้ามีหวังต้องสั่งให้เอาเด็กออกแน่ๆ ”
เด็กสาวกระโดดมานั่งข้างผมพร้อมเกาะแขนแล้วทำสายตาวิงวอนให้ผมเห็นใจ ผมมองหน้าบรีสอย่างชั่งใจแต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับปากไป เพราะคิดไม่ต่างกันว่าถ้าพี่ปูนรู้เรื่อง
..เขาไม่มีวันปล่อยผ่านไปแน่ๆ
“ โอเคๆ พี่จะไม่บอกพี่ปูน แต่วันนี้หลังจากไปหาหมอเราต้องไปหาโทนี่ด้วยกัน อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ! ”
“ ใครจะรับผิดชอบใคร แล้วทำไมต้องห้ามบอกพี่ ”
“ พี่ปูน!!!!!!! ” ผมกับบรีสหันไปตะโกนเรียกชื่อคนมาใหม่พร้อมกันในทันที ตอนเข้าห้องมาผมก็จัดการล็อกกลอนเป็นอันดับแรกแต่ลืมไปเสียสนิทว่าคนที่ผมกำลังปิดบังอยู่เป็นถึงเจ้าของบ้าน
ผมกับบรีสลุกขึ้นยืนข้างกันที่ปลายเตียง ผมเอาตัวบังน้องสาวไว้ บรีสเองก็จับเสื้อผมแน่นไม่ยอมปล่อย หวังว่างานนี้คงจะไม่มีการนองเลือด
“ ว่าไงบอส บรีส จะบอกพี่ดีๆ หรือจะรอให้พี่ไปรู้เองทีหลัง ” พี่ปูนถามพลางเดินเข้ามาใกล้แต่ยังเว้นระยะการสนทนาไว้ประมาณ 2 เมตร ดวงตาคมจ้องจับผิดที่ไม่ได้ใช้มานานถูกส่งมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำเอาผมเสียวสันหลังมากกว่าครั้งไหนๆ
ทำไมซวยแบบนี้วะยศพัทธ์
“ พี่ได้ยินแว่วๆ อะไรเกี่ยวกับโทนี่สักอย่าง ”
“ คือ...เอ่อ... ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรให้สถานการณ์มันดีขึ้น นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ผมหลบตาพี่ปูน
“ ไปหาหมอกะ..กัน.. ” เสียงสดใสของปัณณ์ณิชที่ตะโกนมาแต่ไกลต้องชะงักเมื่อเจอแขกไม่ได้รับเชิญอีกคนในห้อง เด็กสาวจ้องพี่ชายตาเขม็งก่อนจะหันมามองหน้าผมส่งสายตาคำถามว่า ‘นี่มันเรื่องอะไร’ ผมเอามือข้างหนึ่งจับท้องตัวเองเป็นการส่งซิก
“ พี่ปูนรู้เรื่องท้อง อุ๊บ! ” เด็กสาวหน้าถอดสีพร้อมกับรีบเอามืออุดปากตัวเองทันทีที่รู้ว่าเผลอพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไป
“ ใครท้อง? ” พี่ปูนกลับหลังหันเปลี่ยนเป้าหมายจากพวกผมแล้วเดินไปเล่นงานน้องสาว ปัณณ์ณิชก้มหน้างุดจนคางชิดอกหลบสายตาของพี่ชาย ผมเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจรีบวิ่งไปรั้งแขนพี่ปูนไว้ไม่ให้เขาเข้าใกล้น้องปันไปมากกว่านี้ ดูเหมือนจะได้ผล พี่ปูนหยุดเดิน แต่สายตาคมคู่นั้นเปลี่ยนมาเอาเรื่องกับผมแทน
“ ที่แม่พูดตอนกินข้าวคือเรื่องนี้ใช่มั้ย ”
ผมหลบสายตาคู่นั่นก้มมองพื้น ใจหนึ่งก็คิดอยากจะสารภาพให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจพอคิดถึงผลที่จะตามมาก็กังวลเกินกว่าจะพูดไป หลังจากเราสองคนแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ผมก็ก้าวขึ้นมาเป็นนายหญิงของบ้านทำให้มีอำนาจเหนือพี่ปูน และชอบข่มเหงเขาอยู่บ่อยครั้ง แต่ในสถานการณ์ครั้งนี้มันต่างออกไป ผมรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาด เอาเข้าจริงๆ ความกลัวที่เคยมีมันก็ไม่ยังจางหาย
“ ไหนเราสัญญาว่าจะไม่มีความลับต่อกัน แล้วสิ่งที่บอสทำอยู่มันคืออะไร! ” ดูเหมือนความอดทนของพี่ปูนจะสิ้นสุดลง เขาเริ่มขึ้นเสียงใส่ผมทำเอามือเล็กที่เคยเกาะแขนแกร่งร่วงลงมาแนบลำตัว ร่างกายก็เริ่มสันเทา เปล่า ผมไม่ได้ร้องไห้ แค่รู้สึกร้อนตาร้อนผ่าวและมีน้ำอุ่นๆ แค่นั้น
คนตรงหน้าถอนหายใจอย่างรุนแรง ก่อนที่น้ำเสียงจะอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ บอส.. โธ่เว้ย! โอเคพี่ขอโทษที่ขึ้นเสียง แต่บอสรู้ใช่มั้ยว่าบอสบอกพี่ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะหนักหนาแค่ไหนพี่ก็รับได้ แล้วทำไมบอสถึงเลือกที่จะปิดบังพี่ ทั้งๆ ที่เราสองคนเคยผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งมากมายกว่าจะมีวันนี้ เราแต่งงานอยู่ด้วยกันจนเป็นคนๆ เดียวกันแล้วนะบอส ไม่ใช่เพิ่งเจอหน้ากันซะหน่อย ”
พี่ปูนพูดด้วยเหตุผลยื่นมือมาประคองใบหน้าผมให้เงยขึ้นสบตาเขาพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้ ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นเริ่มอ่อนลงแล้วแต่ก็ยังมีประกายตัดพ้อหลงเหลืออยู่
เรื่องวันนี้ผมพลาดเอง สิ่งที่พี่ปูนพูดถูกทุกอย่าง ผมไม่ควรปิดบังอะไรเขาไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ปัญหาที่กำลังเผชิญ แต่หากเป็นความเชื่อใจของคนรักกัน สายตาของพี่ปูนที่ส่งมาบอกให้ผมรู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะยังมีเขาเสมอ เขาจะไม่มีวันทิ้งผม ตราบเท่าที่มือของเรายังคงประสานกัน
“ สรุปว่าท้องจริงๆ ใช่มั้ย ” พี่ปูนถามเสียงเรียบ ผมหลบตาเขาอีกครั้งแต่ก็พยักหน้าตอบโดยดี ได้ยินเสียงลมหายใจหนักหน่วงของคนตรงหน้า ผมหันหน้ากลับมาเห็นพี่ปูนเสมองไปทางอื่นแล้วก่อนจะถามต่อ “ มันเป็นไปได้ยังไง ”
“ บอสไม่รู้ แต่มัน...เป็นไปแล้ว ” ด้วยความสัจจริงจนถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นในชีวิตผม
“ นานแค่ไหน ”
“ 1 เดือน ”
“ แม่งเอ้ย! ” พี่ปูนปล่อยผมให้เป็นอิสระก่อนหันไประบายความโกรธกับเก้าอี้ที่อยู่ใกล้เท้า เสียงมันลอยไปกระทบกับฝาผนังดังปั้งเล่นเอาทุกคนในห้องสะดุ้ง ผมคิดว่าทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ แต่เปล่าเลยเมื่อมีหนึ่งเสียงเริ่มโวยวาย
“ พี่ปูนจะโกรธอะไรนักหนากับเรื่องแค่นี้! ” น้องปันตะวาทเสียงดังด้วยความไม่พอใจ พี่ปูนที่กำลังยืนมองผลงานเก้าอี้ลอยฟ้าเมื่อครู่หันกลับมาปะทะอารมณ์กับน้องสาวทันควัน
“ เรื่องแค่นี้หรอปัน? ผู้ชายท้องมันเป็นเรื่องแค่นี้หรอ! ”
“ ใช่! แล้วจะให้ทำไง เอาเด็กออกเลยมั้ยพี่ถึงจะพอใจอ่ะ! ”
ผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พี่ปูนและน้องปันทะเลาะกันใหญ่โต ปกติจะแค่เถียงๆ กันแล้วจบไป ไม่เคยเห็นขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้มาก่อน
พี่ปูนกำมือทั้งสองข้างแน่นก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ แล้วพูดประโยคถัดมาอย่างใจเย็น “ แล้วปันคิดว่าพี่ควรจะทำยังไงดีล่ะ หื้ม? ” น้องปันเงียบไม่ตอบ พี่ปูนเลยถือโอกาสพูดต่อ “ ท้องมา 1 เดือน แล้วไอ้เดือนก่อนที่ว่ามันก็มีแค่ไอ้ลูกครึ่งที่มาบ้านเรา! ถ้าปันไม่ชวนมันมาเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดหรอก!! ”
“ พี่ปูนจะมาโยนความผิดให้ปันไม่ได้นะ! ปันก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พี่ปูนก็ต้อง..ยอมรับความจริง ”
“ ความจริง! หึ! ความจริงที่ว่าเมียพี่มีชู้อ่ะหรอ! ”
“ พูดอะไรของพี่อ่ะ! ” ความอดทนของผมก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน หลังจากทนฟังพี่ปูนพร่ำอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องระเบิดออกมา “ บอสไปนอกใจพี่ตอน
ไหน ทำไมต้องมากล่าวหากันแบบนี้ด้วย! ”
“ บอสคิดว่าพี่โง่มากนักใช่ป่ะ อาการของบอสมันก็ฟ้องทุกอย่างแล้ว แล้วเมื่อกี้ตอนพี่ถาม บอสเองก็ไม่ปฏิเสธ แล้วจะให้พี่คิดยังไงวะ ในเมื่อเดือนก่อนพี่โดนบอสไล่ออกจากห้องทั้งเดือน ถ้าบอสไม่ท้องกับมันแล้วบอสจะไปท้องกับหมาที่ไหน! ”
ด้วยความโมโหผมเผลอตบหน้าพี่ปูนไปฉาดใหญ่ก่อนจะจ้องหน้าเขานิ่ง ไม่คิดเลยว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากของเขา ให้ตายเหอะ เวลาไม่เคยทำให้ใครเปลี่ยนไปเลยสักนิด 6 ปีที่แล้วเขาเคยเป็นยังไง วันนี้เขาก็ยังเป็นแบบนั้น นิสัยชอบคิดเองเออเอง จินตนาการล้ำเลิศของพี่ปูนไม่มีเกินจริงๆ ผับผ่าสิ!
“ ไฮ ทุกคน มาชุลมุนอะไรกันตรงนี้เนี่ย ” สำเนียงภาษาไทยเปล่งๆ และชอบใช้คำผิดๆ แบบนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
“ ไอ้โทนี่! ”
ผลั๊ว!
“ โอ้ย! ”
“ พี่ปูน!/โทนี่! ”
ผมยังต้องบรรยายมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?
พวกคุณเข้าใจถูกแล้วล่ะ แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคนที่โผล่มาคือโทนี่ มาไม่ถูกเวลาเอาซะเลย พอพี่ปูนเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละก็ตรงเข้าไปซัดที่ปากมันเต็มๆ จนมันร้องเสียงหลงเซไปด้านหลัง ก่อนจะรีบพยุงตัวขึ้นมาหวังจะซัดพี่ปูนคืน แต่โชคดีที่น้องสาวผมวิ่งเข้าไปห้ามได้ทัน ส่วนน้องปันก็ตรงเข้าไปห้ามพี่ชายไม่ให้ปล่อยมัดที่ 2 ใส่หน้าเพื่อนสนิท
ถ้าถามถึงผมว่าผมไปไหนทำไมไม่เข้าไปห้ามสามี ขอบอกเลยว่าผมกำลังเดินไปตามตัวต้นเรื่องมาเฉลยเรื่องทั้งหมด ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจะได้จบๆ ไปเสียที
ผมกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก็เห็นพี่ปูนกับโทนี่ถูกแยกให้อยู่กันคนละมุมห้องโดยมีเด็กสาวทั้งสองตามประกบคนของตนไม่ห่าง
“ พี่ปูน โทนี่ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอก ” คนถูกเรียกหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมกระแอมสองสามที เห็นปันกับบรีสส่งสายตามาถามว่า ‘เอาจริงหรอ’ ผมพยักหน้าให้ไป เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังไงก็ต้องบอก ปิดบังไปก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“ จำได้มั้ย ที่โทนี่มางานวันเกิดปันเมื่อเดือนก่อน ” ผมหันไปถามโทนี่เพื่อเท้าความ เด็กหนุ่มพยักหน้าให้อย่างงงๆ เพราะไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับตน พี่ปูนก็เริ่มฉุนขึ้นมาอีกครั้ง โชคดีที่ปัณณ์ณิชหันไปกำราบได้ทันไม่งั้นคงได้วางมวยกันอีกรอบ
“ วันนั้นแหละคือ.. ”
“ พอๆ พี่ไม่อยากฟังแล้ว ”
“ ไม่ได้! พี่เป็นคนแรกเลยที่ต้องฟังให้จบจะได้ไม่เข้าใจอะไรผิดอีก! ” ผมร้องประท้วงเมื่อพี่ปูนเริ่มงอแง ทีเมื่อกี้คนไม่อยากพูดก็คาดคั้นจะเอาความจริง ที่ตอนนี้จะบอกความจริงกลับไปอยากฟัง เดี๋ยวเหอะ คืนนี้ได้มีคนไปนอนนอกห้องแน่ๆ
“ แต่พี่.. ”
ก่อนที่พี่ปูนจะถ่วงเวลาไปมากกว่านี้ น้องสาวผมก็ตะโกนแทรกขึ้น “ โทนี่ไม่ได้ทำพี่บอสท้อง! ”
“ นั่นไง อ้าว! บอสไม่ได้..ท้อง? ”
“ ก็เออดิครับ พี่คิดได้ไงเนี่ยว่าบอสท้องกับโทนี่ พี่จะบ้าหรอ! พี่เห็นบอสเป็นคนยังไง ไม่เชื่อใจกันเลยใช่มั้ย ”
“ คือพี่... ไม่รู้เว้ย! ก็เมื่อเช้าบอสป่วยแล้วอาการก็ตรงกับที่แม่เคยเป็นตอนท้องพี่ พอพี่จะพาบอสไปหาหมอบอสก็วิ่งหนี พี่วิ่งตามขึ้นมาบอสก็หนีเข้าห้องบรีสปิดประตูใส่แถมล็อกกลอนอีก พี่แอบฟังอยู่ตั้งนาน ได้ยินแค่ ท้อง.. 1 เดือน.. โทนี่.. แล้วจะให้พี่คิดยังไง ”
โทนี่ที่กำลังจะอ้าปากพูดโดนผมตวัดสายตาใส่จนเงียบไปแล้วหันไปคุยกับบรีสแทน ผมก็หันมาตอบสามี ถึงเวลาเปิดอกเคลียร์กันซะทีนะ “ ถามได้คิดยังไง? ก็คิดผิดน่ะสิ! บอสกับโทนี่ไม่ได้มีอะไรกันแล้วก็ไม่เคยมีด้วย ถ้าบอสจะท้องก็ท้องกับพี่น่ะแหละ! ”
“ โถ่ ทำมาเป็นอารมณ์เสียใส่ปันทำลายข้าวของที่แท้ก็นึกว่าพี่บอสท้องนี่เอง พี่ปูนแม่งโคตรบ้าเลย ตอนพูดเรื่องผู้ชายท้อง ปันก็นึกว่ารู้แล้วซะอีก ”
หลังจากโดนผมกับน้องปันรุม คุณชายปูนก็หง่อวหน้าหดเหลือสองเซ็นต์
“ แล้วสรุป..ใครท้อง? ” พี่ปูนถามเสียงแผ่วพลางหันมองไปรอบห้องก่อนจะหยุดสายตาแล้วถามขึ้น “ บรีส? ”
โทนี่ได้ยินก็หันไปจ้องคนข้างๆ อย่างตกใจ บรีสส่ายหัวโบกมือส่งให้เป็นพัลวัน คิดได้นะครับพี่ปูน น้องสาวผมเพิ่งจะ 20 เรียนยังไม่จบมหาวิทยาลัย แฟนเป็นตัวเป็นตนก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ จู่ๆ จะให้มาท้องนี่นะ.. มันน่าโมโหนัก
“ งั้นก็เป็น..ยัยปัน!?! ” พี่ปูนหันมามองหน้าน้องสาวที่เป็นตัวเลือกสุดท้าย แต่ก็โดนยัยปันฟาดเข้าที่อกเต็มแรงเป็นการลงโทษ
“ พี่ปูน!!!! นี่เรากำลังพูดเรื่องผู้ชายท้องกันนะ แล้วทำไมถึงกลยเป็นปันกับบรีสได้ล่ะ ”
“ ก็...ผู้ชายที่ไหนจะท้องได้ล่ะปัน แล้วในห้องนี้มันก็ไม่มีใครแล้ว ในเมื่อบอสก็ไม่ได้ท้อง ตัวพี่เองยิ่งเป็นไปไม่ได้ หรือว่า..ไอ้ลูกครึ่ง ”
“ เห้ยคุณปูน! พูดให้มันดีๆ นะครับ เห็นผมยังงี้ผมก็ยัง..เวอร์จิ้น ” โทนี่รีบแก้ตัวอย่างหัวเสีย มีท้ายประโยคที่มันคล้ายจะพึมพำกับตัวเอง หนุ่มลูกครึ่งวัยยี่สิบที่ยังบริสุทธิ์อยู่คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่มั้ง
..ว่าแต่ตัวผมเสียจิ้นครั้งแรกไปตอน 18 นี่หว่า ><
“ เอาละๆ เลิกเดามัวกันได้ละ นี่ไงโฉมหน้าคนที่ท้องตัวจริง ” ผมพูดพลางชี้นิ้วให้ทุกคนดูพยานปากเอกที่อุตส่าห์ไปอุ้มมา
บรีสกับปันหันหน้ามาสบตากันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองรู้ความจริงแล้วถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ก็แหงล่ะ ตอนผมรู้ผมยังตกใจเลย
“ สรุปที่ท้อง..คือ..ไอ้นี่เนี่ยนะ ” พี่ปูนพูดตะกุกตะกักพลางชี้ไปที่สัตว์เลี้ยงหน้าขนที่นอนเลีย เอ่อ..ไข่ตัวเองตรงกลางห้อง
คุณอ่านไม่ผิดหรอก หัวข้อการสนทนาในวันนี้ก็คือ ‘เจ้าปีใหม่’ จริงๆ
“ ใช่ครับ ” ผมยิ้มตอบสามีที่ยังดูช็อกไม่หาย
“ บอสบอกผมว่า..เรื่องมันเกิดขึ้นที่นี่ในงานวันเกิดปันเดือนที่แล้วใช่มั้ย ” ผมพยักหน้าให้โทนี่ที่ยังดูงงๆ ไม่ต่างจากพี่ปูน “ เห้ย! แต่ผมไม่ได้ไปยุ่งกับมันเลยนะ แล้วทำไมมันถึง.. ”
“ ฮ่าๆ แล้วฉันบอกสักคำหรือยังว่านายเป็นพ่อเด็ก ” บรีสพูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายก่อนจะสาธยายความจริงให้ทุกคนฟัง “ ก็วันนั้นที่นายมางาน นายไม่ได้มาตัวคนเดียว แต่นายพาซิลเวสเตอร์มาด้วย ฉันคิดว่าลับหลังเราปีใหม่กับซิลเวสเตอร์คงจะไปแอบกุ๊กกิ๊กกันจนปีใหม่ท้องนี่แหละ ”
ซิลเวสเตอร์ที่น้องสาวผมพูดถึงคือสุนัขพันธ์ปอมเมอเรเนียน สัตว์เลี้ยงของโทนี่ที่อายุน้อยกว่าปีใหม่ 3 ปี เรื่องขนาดไม่ใช่ประเด็นหรอก เพราะเรื่องสำคัญคือมันเป็นตัวผู้!
“ แน่ใจจริงๆ ใช่มั้ยว่าปีศาจ เอ้ย! ปีใหม่ท้อง มันอาจจะแค่อ้วนขึ้นก็ได้มั้ง มันเป็นตัวผู้ทั้งคู่นะเว้ย! ” พี่ปูนแสดงความคิดเห็น ผมพยักหน้าเห็นด้วยตามเรื่องที่ว่าปีใหม่ดูอ้วนขึ้นจริงๆ
“ ถ้ามันแค่อ้วน นมมันคงไม่ตั้งเต้าแบบนั้นมั้งพี่ปูน แล้วอาการของมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ ”
“ ใช่ค่ะ ปกติปีใหม่จะตื่นพร้อมปันตอนเที่ยง แต่เดี๋ยวนี้มันตื่นมาอ้วกตอน 6 โมงเช้าตลอด เวลาบรีสเอาเบคอนของโปรดให้มันกินมันก็เดินหนี ยิ่งอาทิตย์ก่อนที่โทนี่เอาของฝากจากเกาหลีมาให้ มันทั้งขู่ทั้งเห่าซิลเวสเตอร์ จนซิลเวสเตอร์กลัว อาการแบบนี้แพ้ท้องชัดๆ ”
“ ถึงว่า..ที่จริงวันนี้ผมก็พาซิลเวสเตอร์มานะ แต่พอมันรู้ว่าเป็นบ้านนี้มันก็ตัวสั่นไม่ยอมลงจากรถ ผมเลยต้องเอาไปฝากน้าอุ่นเลี้ยง ” โทนี่เริ่มพูดในมุมของตัวเองบ้าง
ทุกคนในห้องเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะเป็นปัณณ์ณิชที่พูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์ที่เธอเขามาในห้องนี้ตั้งแต่แรกคืออะไร
“ เอ่อใช่ วันนี้ปันกับบรีสนัดหมอไว้ตอนเที่ยงนี่หน่า ถ้าทุกคนอยากรู้ทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ ”
“ งั้นรออะไรอยู่ล่ะ ไปกันเลย ”
สิ้นเสียงพี่ปูนทุกคนก็เดินออกจากห้องลงมาขึ้นรถที่จอดเตรียมไว้แล้วหน้าประตูบ้าน โดยมีผมเป็นคนอุ้มปีใหม่เข้าไปนั่งในรถข้างพี่ปูน ส่วนบรีส ปัน โทนี่และซิลเวสเตอร์ก็แยกไปนั่งอีกคัน
ใช้เวลาไม่นานเมอร์สิเดรสสีดำกับเฟอร์รารี่สีแดงก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลสัตว์เล็กที่น้องปันนัดหมอไว้ พี่ปูนเดินลงจากรถมาเปิดประตูให้ผมพร้อมกับแย่งปีใหม่ไปอุ้มไว้แนบอกด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวผมจะปวดหลัง ผมพยักหน้ายิ้มให้เขา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่ปูนยอมอุ้มปีใหม่ อยู่ด้วยกันมา 5 ปีคงเพิ่งเห็นจะเอ็นดูสัตว์หน้าขนก็วันนี้
10 นาทีผ่านไป..
ผมที่เป็นคนอาสาเข้าไปในห้องตรวจพร้อมปีใหม่ก็เดินออกมาพร้อมกับสุนัขพันธุ์ซามอยด์ในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด สายตาของทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียวอย่างใจจดใจจ่อรอฟังผล
“ บอสผลการตรวจเป็นยังไงบ้าง ”
“ พี่บอสปีใหม่ท้องใช่มั้ย? ”
“ ท้องซิๆ ปันอยากมีเพื่อนเล่นเยอะๆ ”
“ บอสไม่ต้องกังวลนะครับ ถ้าซิลเวสเตอร์เป็นพ่อเด็กจริง ผมพร้อมจะรับผิดชอบเอง ยังไงซะปีใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ”
“ เอ่อ..คือ..ผลการตรวจ..ปีใหม่..ไม่ได้...ท้อง ” ผมหลบตาทุกคนก่อนจะตอบเสียงอ่อย
“ อ้าว! ”
“ เป็นไปได้ไง? ”
“ โหย งี้ปันก็อดได้ลูกหมาอ่ะซิ ”
“ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ ”
ผมเงียบไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหันไปสบตาคนทั้ง 4 ด้วยซ้ำ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าของคุณหมอเดินมาหยุดด้านหลังพร้อมกับพูดขึ้น
“ ยินดีด้วยนะครับ คุณยศพัทธ์ท้องได้ 3 เดือนแล้ว ”O_o !!
== The End ==
-------------------
เอาของมาฝากเล็กๆ น้อยๆ
หวังว่าจะถูกใจใครหลายๆ คน คิคิ
ด้วยความคิดถึงคนอ่านสุดหัวใจ
Blueniie