บันทึกพิเศษซัน หน้าที่ 1
(ซาน x ซัน)
'ผับเฮงซวย'
Chan San: หางานให้เพื่อนครับ พอดีเพื่อนร้อนเงิน ขอเป็นช่วงเวลาสองทุ่มขึ้นไปนะครับ ใกล้ ม.xx ยิ่งดี
Sun Chan: มาทำงานผับพี่ก็ได้ พอดีพนักงานคนเก่าพึ่งลาออก ต้องการพนักงานใหม่อยู่พอดี ทำงาน 2 ทุ่ม – ตี 2 สอบถามรายละเอียดที่เบอร์ 094-55x-xxx ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ไปสัมภาษณ์งานกับผู้จัดการร้านได้เลยครับ ปล.ไม่ต้องกังวล เด็กม.เดียวกันพี่รับหมดครับ
ไม่คิดว่าการที่หวังดี โพสช่วยเหลือใครคนหนึ่งไป จะเป็นปัญหาขนาดนี้… .
.
Chan san: @Sun Pub เบื้องหน้าเป็นผับชื่อดังรายได้หลักล้าน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้อหลังอันดำมืดนั้นจะเป็นแหล่งขายบริการทางเพศขนาดใหญ่ หลอกคนบริสุทธิ์ไปขายตัว วอนเจ้าหน้าที่ไปตวรจสอบหน่อยครับ ช่วยเอาคนจิตใจต่ำตมลงไปนอนในคุกที
ปล.ช่วยรีทวิตนี้ให้คนที่ไม่รู้เรื่อง ได้รู้ด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องตกไปเป็นเหยี่อพวกมิฉาชีพที่หากินกับเรื่องพวกนี้
-แอคเก่าโดนแฮก อยากติดตามข่าวสารฟอลแอคนี้แทน-
#ซานรู้โลกรู้ #ต่อต้านซันผับแหล่งขายบริการทางเพศ #ป้องกันการถูกหลอก
นี่เป็นข้อความที่ผมได้อ่านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว และทำให้รู้สึกหงุดหงิดมาจนถึงตอนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าเจ้าแอคต้องการอะไรกันแน่ แต่เท่าที่รู้ ผับกูไม่เคยมีบริการแบบนั้นครับ เดิมทีก็เปิดให้ลูกค้าได้สังสรรค์กันอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เห็นภาพลูกค้านัวเนียกันเป็นเรื่องปกติ
ผมใส่ใจลูกค้าเป็นอย่างดี มีทั้งเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่ไวน์ ก็ของดีทั้งนั้น บางยี่ห้อที่สั่งตรงจากต่างประเทศ แถมยังห่วงความปลอดภัยของลูกค้าที่เมาไม่ได้สติ โดยการเปิดบริการห้องพักที่ชั้นสามของผับอีกด้วย ถึงแม้รายได้ตรงส่วนนั้นจะน้อยจนแทบเจ๊ง แต่ก็ไม่ได้กระทบเงินในกระเป๋าผมสักเท่าไหร่
ส่วนพนักงานผมก็สั่งผู้จัดการให้ดูแลสวัสดิการเขาอย่างดี แต่ทำไม!!!!!! ไอ้เจ้าของแอคนี้มันถึงได้โพสโจมตีผับผมในทางเสียๆหายๆแบบนี้
ถึงตัวผมไม่ได้อยู่ดูแลกิจการเลย แต่ผู้จัดการก็รายงานความเลื่อนไหวให้ผมฟังตลอดนะครับ
แม้แต่เรื่องที่ไอ้เนลรุ่นน้องสุดที่รักของผม เมาหนักจนอาละวาด ไปต่อยหน้าลูกค้าคนสำคัญจนหน้าแหก พี่เขาก็รายงานให้ผมได้ทราบ ผู้จัดการคนนี้ผมไว้ใจมาก เลยให้ดูแลกิจการทั้งหมดแทน ให้อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง และผมก็เชื่อใจ พี่เขาไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน
ไอ้เจ้าของแอค Chan san อย่าให้กูรู้นะมึงเป็นใคร พ่อจะจับหักนิ้วให้ไม่มีปัญญาพิมพ์อะไรได้อีกเลย
ภาพลักษณ์ผับของผมเสียหายมากงานนี้
“ทำไมไอ้ฟิวไปตามน้องเบสนานจังวะ” เสียงของน้องแจ็คทำให้ผมหลุดจากภวัง ตอนนี้พวกผมอยู่ที่สนามบาสในม. ใกล้กับหอใน เพื่อรอบุคคลที่ถูกเอ่ยชื่อเมื่อกี้ไปตามรุ่นน้องหน้าใสนามว่าเบส มาเล่นบาส นี่ก็รอมาจะชั่วโมงได้ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวแม่ตีนมันเลย
“เอ่อนั่นดิ ไอ้ซันไปตามให้หน่อย” ไอ้ท็อปที่นั่งคุยแชทกับสาวอย่างอารมณ์ดี หันมาสั่งผม
“ทำไมต้องเป็นกูวะ มึงก็ไปเองดิ” ผมโยนขี้คืนให้มัน เรื่องอะไรผมจะไป ขี้เกียจครับ
“มึงนั่นแหละ ถ้าน้องมันไม่มา เราไม่ได้เล่นบาสนะโว้ย รีบๆออกไปตามได้ละ” ไอ้ท็อปโบกมือไล่ผมยิกๆ
“ไอ้ห่าท็อป มึงไม่รู้จักนวัตกรรมที่เรียกว่ามือถือใช่ไหม โทรไปสิครับ จะให้กูออกไปตามเพื่อ?” เพื่อนรักที่สูงกว่าผมไม่กี่เซนติเมตร ไม่รอช้า หยิบโทรศัพท์ข้างตัวชูขึ้นมา ก่อนจะพูดหน้าตายว่า “ของไอ้ฟิว”
เจริญแล้วไงไอ้ฟิวน้องรัก
จะออกไปไหน ทำไมไม่พกโทรศัพท์ไปครับ มันลำบากตัวกูเนี่ยที่ต้องออกไปตามมึง
“มึงแหกตาให้กว้างๆ และหัดใช้สมองด้วยนะครับ ว่าพื้นที่มหาลัยเรามันใหญ่ขนาดไหน”
“มึงก็ใช้ความสามารถส่วนตัวหาสิวะ ทีเด็กรุ่นน้องที่หน้าตาน่ารักต่อให้หลบอยู่ในซอกหลืบ มึงยังหาเจอเลย อีกอย่างไอ้ฟิวก็จัดว่าเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่งด้วย อย่างมึงหาได้สบาย เรดาร์มีไม่รู้จัดใช้ ไปได้ละ ไป ไป กูอยากเล่นบาส” ไอ้ท็อปที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวยาว ยกเท้าขึ้นมาเขี่ยผมให้ออกไป ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนก้อนอึเลยวะครับ ช่วยปฏิบัติกับกูดีๆหน่อย คนอะไรหยาบคายจริง
ไอ้น้องฟิวมันก็น่ารักจริงๆนั่นแหละครับ แต่ผมไม่กล้าจีบหรอก แม่งกวนตีนเกินไป
“กูไม่ไปครับ”
“แต่กูมีเบอร์น้องอัสนะ” ไอ้ท็อปเมื่อเห็นว่าออกปากสั่งเฉยๆ ผมไม่ยอมทำตาม จึงเอาอย่างอื่นมาล่อแทน
แต่ไม่อยู่ดีครับ น้องอัสกูได้มามากกว่าเบอร์อีก แค่มึงยังไม่รู้
“กูมีไลน์น้องหมวยด้วย”
ไม่สนครับ น้องหมวยกูก็ได้มาแล้ว แต่นิสัยเอาแต่ใจโคตรๆ ตามใจไม่ไหว เลยบอกเลิกไปแล้วเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน แต่มึงยังไม่รู้
“กูรู้จักกับน้องที สหเวช”
รายนั้นกูก็รู้จักครับ ตัวเล็กน่ารักสเปคผมเลย แต่เรื่องบนเตียงห่วยมาก ลาขาด
ดูเหมือนไอ้ท็อปเริ่มจะอารมณ์เสียที่ผมไม่ยอมออกไปตามสักที ขมวดคิ้ว หายใจออกมาเสียงดัง “ตกลงมึงจะไม่ไปใช่ไหม”
“เอ่อ แต่ถ้ามึงยอมให้กูควงน้องเหม่ยวันหนึ่ง จะพิจารณาเป็นพิเศษ” ผมพูดทีเล่นทีจริง แต่ในใจก็แอบหวังนิดๆว่ามันจะตอบตกลง น้องเหม่ยแม่งโคตรน่ารัก ถึงจะชอบใช้ความรุนแรงอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าผมเอาอยู่นะ อยากลองควงคนแบบนั้นมานานแล้ว แต่โชคร้ายที่น้องมันเจอกับไอ้ท็อปก่อน ไม่งั้นเสร็จผมไปนานแล้ว
“ไม่เอา คนนี้กูจริงจัง” ไอ้ท็อปพูดหนักแน่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรก็ไม่รู้ พร้อมยื่นมาให้ผมดู
หน้าจอปรากฏรูปผู้ชายคนหนึ่ง กำลังยิ้มหวานให้กล้อง
นาทีนี้ เหมือนมีลูกศรกามเทพแทงทะลุผ่านหัวใจ พร้อมมีผีพรายกระซิบข้างหูว่า นี่แหละเนื้อคู่ที่หามานาน
โอ้โห น่ารักสัดๆ เห็นแล้วใจพี่สั่นไปหมด
“แล้วถ้ากูบอกว่ารู้จักกับน้องคนนี้ล่ะ มึงจะออกไปตามไอ้ฟิวไหม”
“โอเค มึงรออยู่อยู่ตรงนี้นะ อีก 5 นาทีมึงได้เล่นบาสแน่ๆ” จะรออะไรล่ะครับ รีบไปสิ คือกูอยากรู้จักคนในรูปมากๆเลย โคตรตรงสเปค
สองขาก้าวฉับๆ ไปที่ลานจอดรถทันที ตั้งใจจะขับรถหาเอา แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นน้องฟิวพอดี มันกำลังทำตัวลับๆล่อๆ หลบอยู่มุมเสาข้างลานจอดรถ เลยเอานิ้วไปสกิดสองที จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
“เห้ย! อุปส์” น้องมันหันมาอุทานเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที
“มาทำอะไรตรงนี้วะ ไอ้ท็อปไล่พี่มาตามน้องแล้วเนี่ย แล้วไหนน้องเบสวะ?” ผมถามน้องฟิวออกไปเสียงดัง จนเจ้าตัวต้องรีบเอามือขึ้นมาปิดปากผมเอาไว้ พร้อมดึงให้เข้าไปหลบมุมเสาเป็นเพื่อน
“แหวะ นี่เหงื่อคนหรือน้ำทะเลเดดซี เค็มฉิบหาย!” ผมบ่นทันที เมื่อน้องฟิวปล่อยมือออกจากปาก
“โหพี่ โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง กระบวนการเสือกผมบกพร่องหมด”
เอ่อ…นั่นความผิดกูใช่ไหมครับ?
ผมชะโงกหน้าออกดูว่าอะไรคือสิ่งที่น้องมันกำลังเสือกอยู่ ก็พบร่างเล็กๆของน้องเบสยืนคุยกับผู้ชายหน้าหล่อคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ไอ้นี่สูงมากครับ สูงกว่าไอ้ท็อปเพื่อนกูอีก น่าจะตัวพอๆกับไอ้เนลเลยละมั้ง โห…เห็นแล้วอยากจับมันเข้าทีมบาสกูเลย ช่วงนี้กำลังขาดแคลนคนสูงๆแบบนี้ เดี๋ยวจะฝึกน้องมันรีบาวลูกแข่งกับไอ้เนล น่าจะเหมาะ
“อย่ามาให้กูเห็นหน้ามึงอีก” ไอ้หน้าหล่อมองน้องเบสด้วยสายตาชิงชัง ผมว่าไอ้สองคนนี้ต้องเคยมีปัญหากันมาก่อนแน่ๆ และปัญหานั้นต้องใหญ่มากด้วย
“กูไม่ได้มาหามึง อย่าสำคัญตัวผิดไป” น้องเบสตอบเสียงแข็ง
“มึงจะบอกว่ามาหาเพื่อนที่คณะแพทย์ว่างั้น?”
“ใช่”
“ใครเชื่อก็โง่แล้ว มึงไม่มีเพื่อนอยู่คณะนี้”
“มันก็เรื่องของมึง กูไม่ได้อ้อนวอนขอให้มึงเชื่อสักหน่อย” น้องเบสเริ่มขึ้นเสียง
“…” ชายหนุ่มร่างสูงชลูดได้แต่กอดอกมองน้องมันนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆออกมา
น้องเบสจ้องตาตอบ ก่อนจะค่อยๆยกยิ้มมุมปาก “หึ! น่าตกใจนะที่มึงรู้แม้กระทั่งกูมีเพื่อนอยู่คณะไหนบ้าง สนใจเรื่องของกูขนาดนั้นเลยหรือไง”
“กูก็ตามสืบเรื่องของทุกคนที่กูรังเกียจนั่งแหละ จะได้เลี่ยงไม่ต้องเจอ แต่วันนี้คงซวยที่เศษขยะมูลฝอยอย่างมึงปลิวมาตกถึงคณะกู จะปล่อยไว้เฉยๆก็ไม่ได้ เดี๋ยวอากาศที่ไอ้ภีมหายใจจะเป็นพิษ” โอ้โห แรง!
หน้าตาก็จัดว่าหล่อสัดๆ แต่ปากร้ายฉิบหายเลย
“คำก็ไอ้ภีมสองคำก็ไอ้ภีม มึงเป็นอะไรกับคำนี้มากปะ!! พูดแต่คำนี้ทุกครั้งที่เจอกูเลย เบื่อ กูเบื่อ!!!! เบื่อทั้งมึงทั้งมันนั่นแหละ” เบสเริ่มเดือดดาล แต่ไฟในอกกูเองก็เริ่มสุมแล้วเหมือนกัน โกรธแทนครับ กล้าดียังไงมาว่าน้องเบสของกู เดี๋ยวมึงเจอง้ามตีนเลยไอ้นี่
“ทำไมกูจะพูดชื่อคนที่กูรักไม่ได้” ไอ้หน้าหล่อพูดออกมาหนักแน่น น้องเบสเริ่มตัวสั่นแล้วครับ น้ำตาก็เริ่มคลอแล้ว ผู้พิทักษ์คนน่ารักแบบผมก็ทนดูไม่ไหว รีบลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที เดี๋ยวต้องเจอกันสักหน่อยแล้ว น้องฟิวที่เห็นผมกำลังจะเดินออกไปก็รีบห้ามเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นๆสิครับ”
“จะให้กูใจเย็นได้ไงวะ เห็นไหมน้องรักกูน้ำตาคลอแล้ว” ผมหันไปโวยใส่น้องฟิว
“เอาน่าพี่ ทนดูไปก่อน” ไอ้ฟิวพยายามพูดให้ผมใจเย็น มือก็ตบไหล่ผมไปด้วย
“ถ้าสมมุติว่าไม่มีไอ้ภีม..มึงจะรักกูได้ไหม” น้องเบสถามเสียงติดสั่น
“ต่อให้ไม่มีไอ้ภีม คนสุดท้ายบนโลกที่กูจะเลือกรักก็ไม่ใช่มึง” เสียงทุ่มของคนตรงหน้าตอบแบบไร้เยื่อใย ขนาดคนฟังอย่างผมยังรู้สึกเจ็บแทนเลย
คนอะไร โคตรใจร้ายว่ะ
“วันหลังอย่าให้กูเห็นหน้ามึงอีก น่าเสียดาย..ถ้ามึงไม่ไปทำเรื่องเลวร้ายกับพี่มะนาวจนไอ้ภีมต้องเดือดร้อน กูกับมึงคงเป็นเพื่อนกันได้” ไอ้หน้าหล่อพูดทิ้งท้ายไว้แค่นี้ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย น้องเบสได้แต่ยืนนิ่ง มองตามหลังร่างสูงไปจนลับสายตา
เข่าร่างเล็กทรุดลงไปกับพื้นเหมือนคนหมดแรง ยกมือขึ้นปิดหน้า ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร
ผมเห็นน้องมันเป็นแบบนี้ก็ทนไม่ไหวจริงๆ รีบหันไปพูดกับไอ้ฟิวทันที
“ไอ้ฟิว ฝากบอกไอ้ท็อปด้วยว่ากูไม่ว่างไปเล่นบาสแล้ว และเย็นนี้กูก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานค่ายอาสาด้วย ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ตามไปเต๊าะเด็กก็เถอะ แต่น้องเบสต้องการคนเยียวยาหัวใจ”
“โห ดูเหมือนจะหล่อนะครับ แต่ถ้ามองกลับกัน ถ้าไอ้เบสมันไม่ได้หน้าตาน่ารัก พี่มึงคงไม่แลแล้วปล่อยให้ร้องไห้อยู่อย่างนั้นใช่ไหมครับ ผมเข้าใจสันดานพี่ดี” ไอ้ฟิวยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมเบาๆ “ผมจะบอกพี่ท็อปให้นะครับ”
เกลียด!!! เกลียดมัน
เกลียดคนรู้ทัน
--------------------------------------------
หลังจากน้องฟิวมันกลับไป ผมก็เข้าไปกอดปลอบน้องเบสแน่นเลยครับ น้องมันร้องไห้ไม่หยุดอยู่เป็นชั่วโมง ผมไม่รู้หรอกว่าข้างในใจน้องมันเสียหายขนาดไหน ที่โดนปฏิเสธแบบนั้น ไอ้หน้าหล่อนั่นก็พูดไม่ถนอมน้ำใจเลย จิตใจทำจากก้อนอิฐก้อนปูนหรือไงวะ เด็กน่ารักขนาดนี้น้ำตานองหน้า แทนที่จะเข้ามาปลอบกลับพูดจาเสียดแทงให้เจ็บหนักกว่าเดิมอีก
เห็นน้องมันเป็นแบบนี้แล้วอดสงสารไม่ได้เลยจริงๆ …
อย่าไปรักเลยคนแบบนั้น เดี๋ยวพี่จะช่วยเยียวยาหัวใจของน้องเองนะ อกหักครั้งแรกก็แบบนี้แหละ
“เวลาก็ผ่านไปตั้งหลายปี ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่พอมาเห็นหน้ามันแบบนี้ ถึงได้รู้ว่าผมยังไม่ลืมมันเลย เกลียดตัวเองว่ะ” น้องมันพูดไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
“รักแรกเหรอ”
“ประมาณนั้น”
รักแรกมันก็เป็นแบบนี้แหละ ยากที่จะลืม ถึงผมไม่เคยมีก็เถอะ แต่คนรอบข้างผมเป็นทุกคน บางคนยึดติดกับรักแรกจนไม่ยอมเปิดใจให้ใครเลย…แต่บางคนกลับทำตัวเจ้าชู้เพื่อที่จะได้ลืมรักแรกก็มีเหมือนกัน
แต่น้องเบสคงเป็นประเภทที่ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร
ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากภาวนาขอให้น้องมันลืมไอ้หน้าหล่อไวๆ ผมจะไม่ขอให้ไอ้งั่งนั่นใจอ่อนกลับมารักน้องมันหรอก คนแบบนั้นไม่คู่ควรกับสิ่งที่ดีงามแบบนี้
และได้แต่สาปแช่งขอให้มันอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต คือกูหมั่นไส้มันมาก ที่ได้ใจของน้องเบสไป
--------------------------------------------
ผมขับรถมาส่งน้องเบสที่หอพักไม่ใกล้จากตัวเมืองมาก ตอนแรกตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อน แต่น้องมันบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมไม่อยากขัดใจ เลยปล่อยให้น้องมันอยู่คนเดียว ให้ได้คิดทบทวนกับตัวเองเผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง
หลังจากส่งน้องเขาเสร็จ ผมขับรถเปลี่ยนเส้นทาง ตรงดิ่งไปยัง Sun Pub ทันที เพื่อไปตรวจสอบเรื่องที่โดนไอ้เจ้าของแอค Chan San กล่าวหาเสียๆหายๆ ครั้งนี้ผมไม่ได้โทรบอกพี่กิติก่อนว่าจะเข้าไป ตั้งใจไปดูเท่านั้นว่าเรื่องที่เจ้าของแอคนั่นพูดจริงไหม
ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจพี่เขานะครับ แค่อยากไปตัวสอบให้แน่ใจเท่านั้นเอง จะทำอะไรมันต้องมีข้อมูลก่อนจริงไหม ถ้าเกิดไม่จริงอย่างที่โดนกล่าวหา ผมพร้อมแจ้งความ ลากคอเจ้าของแอคเข้าคุกแน่ๆ เรื่องนี้ผมยอมปล่อยผ่านเหมือนเรื่องอื่นไม่ได้จริงๆ มันกระทบต่อกิจการ และชื่อเสียงของผมมากพอสมควร
ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของผับ หยิบแว่นกันแดดสีดำขึ้นมาใส่ ถึงแม้ตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดสนิดแล้วก็ตาม แต่กูอยากเท่ครับ ถึงใครจะมองว่าบ้า แต่มันคือแฟชั่น พวกไม่บรรลุไม่มีสิทธิ์ว่าได้ เอามือขึ้นเซ็ตผมให้เป็นทรง ส่องกระจกให้แน่ใจว่าตัวเองหล่อสัสรัสเซียแล้ว จึงก้าวเท้าลงจากรถทันที
โอ้โห เดินเซเลยครับ มืดฉิบหาย
เมื่อความมืดเป็นอุปสรรคต่อความหล่อ เลยเปลี่ยนเอาแว่นตามาคาดหัวไว้แทน แล้วเดินหมุนตัวเข้าไปในผับทันที
ยังเดินไม่ถึงปากทางเข้า ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาแต่ไกลเลย
“ผมว่าคุณกลับไปเถอะครับ”
“ไม่ จนกว่าผมจะเจอเจ้าของผับ”
“คุณไม่เจอหรอก เขาไม่ได้เข้ามาดูกิจการมาเป็นปีๆแล้ว กลับไปเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ”
สายตาปะทะเข้ากับใครหนึ่ง ที่นั่งเหยียดขาอยู่ตรงบันไดทางเข้า กำลังถูกไอ้เจ๋งหนึ่งในพนักงานของผับเอ่ยปากไล่อยู่ โชคดีนะที่มันหน้าตาดี นั่งแบบนั้นเลยดูไม่น่าเกียจ มึงลองตัดหัวออกดูสิ ไอ้ห่า กูนึกว่าขอทาน
ผมว่า…ผมเคยเห็นหน้าไอ้นี่มาก่อนนะ ไอ้หล่อที่หักอดน้องเบสเมื่อเย็นนี้ไง
“คุณซัน” ไอ้เจ๋งทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผม รีบยกมือไว้อย่างร้อนรน “จะมาทำไมไม่โทรแจ้งคุณกิติก่อนล่ะครับ จะได้เคลียร์ห้องให้” ห้องที่ว่าเป็นห้องทำงานของผมที่ปล่อยให้ทิ้งร้างไว้ครับ ถ้าวันไหนผมมาตรวจความเรียบร้อย จะโทรแจ้งพี่กิติไว้ แล้วพี่แกจะให้คนมาทำความสะอาดห้องให้
“ไม่ต้องหรอก วันนี้ผมมาเที่ยวเฉยๆ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหานะ” ผมตอบพลางเหล่มองคนที่นั่งอยู่ตรงบันได ซึ่งมันก็หันมามองผมเหมือนกัน แววตาเอาเรื่องเลย
“ครับ น้องมันต้องการมาพบคุณ ผมไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปสักที” ไอ้เจ๋งเข้ามากระซิบกระชาบให้ผมฟัง
“เอ่อ ไปทำงานเลย เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง” ผมโบกมือไล่ลูกน้อง ก่อนจะหันไปพูดกับร่างสูงที่นั่งตบยุงอยู่ตรงบันไดเสียงเรียบ “เข้าไปคุยกันข้างใน”
ดูจากแววตาของหมอนี่พร้อมบวกกับกูมากเลยครับ จึงเรียกมันไปคุยในทีลับตาคน
ผมเดินนำไอ้หน้าหล่อมาตรงห้องรับรองแขกของผับ ยืนผายมือเชิญให้ร่างสูงนั่งลงตรงโซฟาตัวยาว พร้อมพูดเข้าประเด็นทันทีจะได้ไม่เสียเวลา ไม่อยากมองหน้ามันนานๆครับ เห็นแล้วไม่เจริญตา คุยเสร็จจะได้รีบเดินไปขอเบอร์น้องผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งคนเดียว ตรงโต๊ะ 12 ด้วย
“มีธุระอะไร” ผมถามมันห้วนๆ
“พี่ต้องการอะไรกันแน่ ทำไมทำแบบนี้” ไอ้หน้าหล่อถามเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรผ่านสีหน้า เอามือขึ้นพาดพนักโซฟาท่าทางสบาย
“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ” ผมเอียงคอ ขมวดคิ้วเข้าหากัน พลางถามออกไปอย่างงงๆ คือถามออกมาโต้งๆแบบนี้ ไม่มีเกริ่นนำอะไรเลย มึงคิดว่ากูจะบรรลุไหมครับ ไอ้หน้าส้นตีน
“อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย พี่ซันเจ้าของผับเฮงซวย ที่หลอกเพื่อนผมมาขายบริการ ตอนแรกนึกว่าหวังดี เพราะเห็นเป็นเด็กมอเดียวกัน ที่ไหนได้ หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองล้วนๆ” ไอ้หน้าหล่อยังคงพูดเสียงเรียบ แต่ละคำช่างเสียดแทงใจกูเหลือเกิน
ผับเฮงซวยพ่อง เดี๋ยวตบด้วยหลังแหวน
“…”
“ทำไมครับ หาเงินจากเหล้าจวนจะเจ๊ง จนต้องหากินบนร่างกายคนอื่นแทนแล้วเหรอ” มันด่าผมหน้าตาย
คำพูดที่ออกมาจากปากนั่น น่าต่อยจนเลือดกบปากมาก
“ผมไม่เข้าใจที่คุณจะสื่อครับ” ผมนั่งไขว่ห้าง กอดอกมองมันนิ่งๆ พยายามใจเย็นไม่ตอบโต้อะไรไป เอาสิ มึงจะเล่นสงครามประสาทกับกูเหรอ
“เข้าประเด็นเลยดีกว่า พี่ทำแบบนี้ทำไม โพสบอกว่าต้องการพนักงาน รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนผมมันต้องการเงิน แต่กลับจิตใจต่ำช้า หลอกมันมาขายตัวเนี่ยนะ ถึงมันจะร้อนเงินแต่ก็ใช่ว่าจะยอมขายศักดิ์ศรีให้เขาย่ำยีเสมอไป ไอ้ภีมมันเป็นคนขยัน ยอมเอาแรงกายสู้งาน หยาดเหงื่อแลกเงิน ไม่ใช่เอาร่างกายแลกตังค์” ไอ้หน้าหล่อยังคงมองผม ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน
“....” รู้สึกกดดันฉิบหายเลย
“พี่หลอกมันมาทำงานแบบนี้ทำไม มันเข้าใจมาตลอดว่า ‘บริการ’ ของที่นี่คือ เสริฟเหล้า เสริฟเบียร์ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า บริการที่เด็กเสริฟทั่วๆไปเป็น แต่ไม่คิดว่าต้องมาบริการอย่างอื่นด้วย”
“บริการที่คุณกำลังพูดถึง คือบริการอะไร พูดให้มันชัดๆเคลียร์ๆครับ”
“บริการทางเพศไง”
หะ อะไรนะ? ...มันยากจะเชื่อนะครับ ที่คนแปลกหน้ามาพูดจาอะไรก็ไม่รู้ กล่าวหาผับตัวเองเสียๆหายๆแบบนี้ พูดเหมือนผับผมเป็นที่มั่วสุ่มเซ็กส์ เปิดเป็นช่องอย่างนั้นแหละ กูรับไม่ได้ครับ
“หุบปาก! คุณไม่รู้อะไรอย่ามาใส่ร้ายผมดีกว่า ผับผมไม่เคยมีบริการแบบนั้น คุณไปเอาข้อมูลมาจากไหน!” เป็นผมเองที่โดนมันยั่วจนโมโห จนอารมณ์เดือดขึ้นมา
กล้าดียังไงมากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ ฟ้องหมิ่นประมาทได้เลยนะครับ
“ก็เอามาจากคนที่โดนหลอก อย่างเพื่อนผมไงครับ” เจ้าตัวส่งยิ้มเหี้ยมมาให้
“เรื่องแบบนี้มันแต่งกันได้ หลักฐานที่พูดปากเปล่า มันจะเชื่อได้สักกี่เปอร์เซ็นต์กัน” ไม่เข้าใจเลยว่าคนตรงหน้าผม ต้องการอะไรกันแน่ มันมีจุดประสงค์อะไร ถึงได้พูดจาโจมตีผับผมได้ขนาดนี้ เดี๋ยวค่อยไปตรวจสอบอีกทีว่าข้อมูลมันจริงเท็จยังไง
แต่ตอนนี้ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน “คุณต้องการเท่าไหร่?”
“อะไรนะ?” เจ้าตัวทำหน้าไม่เข้าใจ หรือสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันยังไม่ชัดพอ
“ต้องการเงินเท่าไหร่ ลงทุนแต่งเรื่องโกหกให้ผมฟัง คุณคงหิวเงินมากสินะ” ผมหยิบเช็คเงินสด กับปากกาที่อยู่ตรงลิ้นชัก ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ “ต้องการเท่าไหร่ก็เขียนยอดเงินลงบนเช็คนี้ ผมจะให้ทุกบาททุกสตางค์ที่คุณเรียกร้องมาเลย แล้วช่วยเลิกพูดจาโจมตีผับผมเสียๆหายๆได้แล้ว ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้า มันจะกระทบต่อกิจการของผม”
เจ้าตัวยกยิ้มพึงพอใจ มือหนาหยิบปากกาขึ้นมา จรดเขียนเช็คอย่างบรรจง ก่อนยื่นมาให้ผม
หึ! พวกเห็นแก่เงิน ผมยังไม่เคยเห็นปัญหาไหนที่เงินแก้ไขไม่ได้เลย
ในโลกนี้เงินคือทุกอย่าง
เงินมาข่าวเงียบน่ะ พวกคุณเคยได้ยินไหม
ไหนขอดูหน่อย คนแบบมันเรียกร้องเท่าไหร่ ผมก้มลงไปดูยอดเงินในเช็คที่อีกฝ่ายพึ่งยื่นมาให้
มันไม่มีตัวเลขเลยครับ มีแต่ข้อความที่บรรจงเขียน กับภาพวาดตัวการ์ตูนหน้าเห่ยๆหลังข้อความ
‘เก็บเงินของพี่ไว้เข้าคอร์สบำบัดนิสัยเสียๆของตัวเองเหอะ ผมไม่ต้องการเงินที่หามาด้วยวิธีสกปกหรอก (•¸• )’ โอ้ยยยย กูอยากระเบิดมากตอนนี้ หัวร้อนปุดๆเลย ไอ้เหี้ย!
ทำอะไรไม่ได้นอกจากขยำเช็คทิ้งลงพื้น แล้วหันไปจ้องตากับไอ้หน้าตีนไก่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งไขว่ห้าง มองผมนิ่ง
“พี่คงจะเป็นแฟนของไอ้เบสสินะ เห็นกอดกันกลมเลยตรงลานจอดรถ”
“…” ผมเลือกไม่ตอบออกไป คือไม่ได้เป็นแฟนน้องมันครับ แต่ไม่อยากพูดปฏิเสธออกไป ปล่อยมันเข้าใจผิดแบบนี้แหละดีแล้ว
“ผมไม่รู้หรอกว่าพี่กับมันวางแผนอะไรไว้ แต่ผมจะปกป้องไอ้ภีมเอง อย่าหวังว่าแผนชั่วๆในหัวจะสำเร็จ”
อะไรวะ ไม่รู้เรื่อง! ภีมไหนกูยังไม่รู้จักเลยครับ
“แผนเชี่ยไร ไม่รู้โว้ย! ภีมไหนกูยังไม่รู้จักเลย แล้วจะไปสุมหัวทำร้ายเพื่ออะไรวะ” ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับมันทันที หงุดหงิดครับ
ใส่ร้ายกูไม่พอ ยังใส่ร้ายน้องเบสอีก มาต่อยกับกูตอนนี้เลยมะ เรื่องจะได้จบๆ
“…”
“ถึงกูไม่รู้เรื่องที่มึงพูด แต่มีอย่างหนึ่งที่กูรู้ คือน้องเบสกูจะเป็นคนปกป้องเอง กูไม่ยอมปล่อยให้คนดีๆแบบนั้น ต้องมาเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคนเหี้ยๆแบบมึงอีกเป็นครั้งที่สองแน่”
อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปาก “หึ! พี่ไม่รู้อะไร อย่ามาพูดเลยดีกว่า รู้จักสันดานมันดีแล้วเหรอ? ถึงบอกว่ามันเป็นคนดี”
“ก็รู้จักดีกว่ามึงก็แล้วกัน”
“…” มันเงียบ ไม่ตอบโต้อะไร แต่สายตาที่ส่งมาให้ผม บอกเป็นนัยๆว่า ‘เดี๋ยวมึงก็รู้’
ผมไม่สนครับ ผมเข้าข้างคนน่ารัก
มันจ้องหน้าผมเหมือนคิดอะไรอยู่ ซึ่งกูเองโคตรกดดันเลยครับ จะพูดอะไรก็รีบๆพูด แล้วช่วยออกไปสักที
คนตรงหน้ายกนาฬิกาขึ้นมาดู ปากก็พึมพำ“ต้องไปรับไอ้ภีมแล้ว” ไปด้วย ก่อนลุกเต็มความสูง เดินตรงไปที่ประตู โดยไม่บอกลาสักคำ
“เดี๋ยว! มึงชื่ออะไร” ผมตะโกนเรียกมัน มือหนาที่เอื้อมไปจับลูกบิดชะงัก
ถามไปงั้นแหละ ชื่อปักติดหราตรงเสื้อรุ่นที่มันใส่อยู่ เห็นไม่ค่อยชัด ใช้เวลาเพ่งอยู่นานกว่าจะอ่านออก แต่อยากถามย้ำเพื่อความมั่นใจ จะได้เขียนชื่อป้ายหลุมศพมันถูก ปากแบบนี้อายุไม่ยืนแน่ๆ พรุ่งนี้มึงจะโดนชายชุดดำที่เป็นการ์ดของผับดังแห่งหนึ่งอุ้มไปฆ่า เชื่อกู
“ผมไม่จำเป็นต้องบอกชื่อให้คนแปลกหน้ารู้” มันตอบโดยไม่หันมามองหน้าผม ก่อนเปิดประตูออกไป
ไอ้เด็กเปรต!
“ไอ้เจ๋ง มึงเอารูปไอ้ห่านั่น ไปทำเป็นป้ายไวนิลขึ้นหน้าผับให้กูด้วย เขียนข้อความตัวใหญ่ๆเลยว่า ห้ามเข้า!! ถ้าการ์ดคนไหนปล่อยให้มันเข้ามาอีก กูจะไล่ออกให้หมดเลย!!” ผมเอ่ยปากสั่งลูกน้องที่โผล่หน้าเข้ามาในห้อง หลังจากไอ้หน้าหล่อนั่นออกไปได้ไม่นาน
ไอ้พวกที่ปริ้นรูปใส่ A4 ติดหน้าร้านมันเชยไปแล้วครับ ระดับซันไม่ชอบทำอะไรที่มันเล็กๆแบบนั้น จะทำทั้งทีต้องจัดชุดใหญ่ไปเลย
คนอะไรกวนตีนฉิบหาย!!!
ผมจะยกให้ไอ้นั่นเป็น the most ของบุคคลที่ทำให้ผมอารมณ์เสียที่สุดของวันนี้
'583388xx พีรวัตร รัตน์ฐิพัฒกุล'---------------------------------
น่าแปลก....
เวลา 21.50 น.วันเดียวกัน ไอ้เนลน้องรัก โทรมาโวยวายกับผม พร้อมกับเอ่ยชื่อบุคคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้านามว่า ‘ภีม’ เป็นคนที่สอง
จนตอนนี้ผมเริ่มอยากเห็นหน้าเด็กคนนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะ