ตอนที่ 1 เกลียด
ผู้ชายที่หน้าตาดีแบบธรรมชาติ ล้างหน้าด้วยสบู่ตรานกแก้วทุกวัน เพราะไม่มีเงินซื้อโฟม
ความหล่อระดับดีกรีนายแบบ เจมส์จิชิดซ้าย เจมส์ มาร์ชิดขวา อาม่ายังร้องกรี๊ด ปัจจุบันยังไม่มีแฟน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม กำลังยืนโง่ๆรอรถไฟฟ้าหน้าตึกคณะแพทย์มาร่วมชั่วโมง
เอามือขึ้นมาบังแดดที่ส่องกระทบหน้า อากาศวันนี้ร้อนเหลือเกิน ร้อนชนิดที่ว่านกที่บินอยู่สามารถตกลงมานอนตายได้เป็นแถบๆ
ยกนาฬิกาขึ้นมาดู สลับกับมองรถไฟฟ้า ก็ไม่มีวี่แววว่ารถจะมาสักที ผมตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เดินไปก็ได้วะ กะอีแค่หน้า ม. มันจะไกลสักแค่ไหนกันเชียว ขืนรอรถต่อไป คงไปทำงานไม่ทันแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงตัดสินใจเดินตั้งแต่ตึกคณะ ไปยังหน้า ม. ทันที
ระยะทางช่างไกลกว่าที่คิด ตอนนี้รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดมหัน ต้องเดินฝ่าแดดร้อนๆที่แทบเผาเนื้อหนังจนไหม้เกียม สายตาก็หันไปมองรถไฟฟ้าเป็นพักๆเผื่อจะโผล่มาบ้าง แต่ก็ไร้วี่แว่ว วันนี้รถมันหยุดเดินหรือยังไงวะ!
ถ้ามีรถเป็นของตัวเองคงสบายกว่านี้ ถึงเมื่อก่อนจะมีก็เถอะ แต่ตอนนี้...มันไม่มีแล้ว
ผมหอบแหกๆ เมื่อเดินมาถึงหน้า ม. แล้ว ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือรถไฟฟ้ามันพึ่งขับผ่านหน้าผมไปเมื่อกี้นี่เอง จะขึ้นให้หายเจ็บใจเล่นก็กระไรอยู่ เพราะกูเดินมาถึงหน้า ม.แล้ว
มาผิดที่ผิดเวลาดีจริงๆ
เดินต่ออีกนิดก็ถึงร้านพี่อ้อย ร้านที่ผมมาทำงานพิเศษเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง
ร้านของพี่แกค่อนข้างใหญ่ และดังมากในหมู่นักศึกษา เพราะฝีมือการทำอาหารทีไม่ธรรมดา แถมราคาก็ย่อมเยาต่อเงินในกระเป๋า ทำให้ร้านพี่แกขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว
“พี่อ้อยสวัสดีครับ”
ผมเดินเข้าไปในร้าน พร้อมยกมือไหว้สวัสดีพี่อ้อยแกตามระเบียบ
พี่อ้อยที่เช็ดโต๊ะอยู่หันมามองผมที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ด้วยท่าทางตกใจนิดหน่อยกับสภาพที่เหมือนคนพึ่งตกน้ำมา “ไปเล่นน้ำที่ไหนมาเนี่ย เปียกหมดเลย”
“เหงื่อครับพี่ พอดีรอรถไฟฟ้าเท่าไหร่ก็ไม่มาสักที ผมเลยเดินจากตึกคณะมาที่นี่ กลัวจะมาทำงานไม่ทัน เดี๋ยวโดนหักเงินเดือนอีก” ผมพูดทีเล่นทีจริงกับพี่แก
“แหม๋ น้องภีม พี่ก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นนะ”
“ฮ่าๆ ครับ แต่ผมไม่อยากมาทำงานสาย เดี๋ยวทำงานไม่คุ้มค่าแรงที่พี่เอาให้ รู้สึกผิดแย่”
“จ้า แต่วันหลังก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ สายนิดสายหน่อยพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ครับ”
“ไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนก็ดีนะ พี่ไม่อยากให้พนักงานตัวเหม็นเหงื่อ เดี๋ยวลูกค้าพี่หายหมด ฮ่าๆ” พี่อ้อยพูดติดตลก
“รับทราบครับ” ผมตอบรับพี่แกไป
ก่อนเดินไปล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด พร้อมเปลี่ยนชุดพนักงานที่หลังร้าน เตรียมตัวทำงานทันที
วันนี้คนก็เยอะเหมือนทุกวัน ผมเดินรับออเดอร์สลับกับเอาอาหารมาเสริฟจนแทบไม่ได้พักเลย ช่วงนี้เป็นเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เลิกเรียน และออกมาหาข้าวกินกัน จะวุ่นวายเป็นพิเศษ บางครั้งโต๊ะที่มีในร้านก็ไม่พอจนต้องสำรองที่นั่งให้
พอตกดึกคนก็เริ่มน้อยลง พี่อ้อยรับลูกค้าหน้าร้านคนเดียวไหว เลยให้ผมไปล้างจานที่หลังร้านแทน
ผมดึงแขนเสื้อขึ้น เตรียมล้างจากองโตที่สุมกันอยู่ข้างหลังร้าน
เรื่องล้างจานไว้ใจไอ้ภีม! ผู้ที่ขัดเกลาฝีมือด้านการล้างจานมาอย่างช่ำชอง เรียกได้ว่าเป็นนักล้างจานระดับมืออาชีพ ถ้ามีการแข่งขันล้างจาน ไอ้ภีมคนนี้คงกวาดรางวัลมาเพียบ!
ผมจัดการล้างจานที่กองรวมกันอย่างชํานาญ ด้วยความรวดเร็วระดับมือโปร จานที่กองรวมกันค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องทำจานแตกกี่ใบนั้นไม่ได้นับ ของานเสร็จเป็นพอ
“ภีม ถ้าล้างจานกองนี้เสร็จก็กลับบ้านได้เลยนะ” พี่อ้อยเดินมาบอกผมที่กำลังนั่งล้างจานกองสุดท้ายของวันนี้อยู่หลังร้าน
“ครับ”ผมขานตอบพี่แกไป ก่อนจะหันมาล้างจานของตัวเองต่อ
ใช้เวลาไม่นานก็ล้างจนเสร็จ พร้อมนำไปวางไว้บนชั้นเป็นอย่างดี
เดินไปเช็ดมือ ก่อนจะไปเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“พี่อ้อย ผมกลับแล้วนะครับ” ผมบอกลาพี่อ้อยหลังจากที่ทำงานของตัวเองเสร็จรีบร้อยแล้ว ก่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ตรงชั้นวางของมาสะพายบ่าไว้ พร้อมเดินออกจากร้านมาทันที
ต้องรีบไปงานวันเกิดของไอ้ซาน มันนัดกินเลี้ยงกันที่ร้าน เหล้าในป่า ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่ และ หรูหรามากทีเดียว นอกจากเฟอนิเจอร์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราแล้ว พวกเหล้าก็เป็นเหล้านำเข้า มีแต่ยี่ห้อแพงๆทั้งนั้น ติดอยู่อย่างเดียวชื่อร้านขัดใจกูมาก ร้านก็ดูหรูระดับหนึ่งแต่ชื่อเหมือนพวกคนป่าที่มานั่งก๊งเหล้าฉลองกันหลังจากพึ่งล่าสัตว์ได้ อยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนตั้งชื่อร้าน
ร้านพวกนี้ถ้าเป็นไปได้คนอย่างผมจะไม่มีทางมาเหยียบเด็ดขาดเลยครับ ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยดื่มเหล้าอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นวันเกิดของไอ้ซานมันทั้งที เลยต้องไปอย่างจำยอม
ผมมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา 20.50 น.แล้ว ดึกแล้วด้วย ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีวินมอเตอร์ไซค์เหลืออยู่ไหม...
“ช้าจังวะไอ้ภีม พวกกูมานั่งรอมึงจนหงอกกูจะขึ้นอยู่ละ” ไอ้ทัศที่นั่งรอผมอยู่นอกร้านบ่นใส่ผมทันที หลังจากที่เห็นผมเดินออกมาจากร้าน เดี๋ยวนะไอ้ทัศ มึงมานั่งรอกูตั้งแต่เมื่อไหร่ ความทรงจำสุดท้ายที่กูมีต่อมึงคือ มึงพาแฟนเด็กของมึงออกไปเที่ยวไม่ใช่หรือไงวะ
“กูไม่ได้ขอให้มึงมานั่งรอสักหน่อยเหอะไอ้ทัศ ว่าแต่มึง จะมานั่งรอกูทำไมวะ” ผมถามคำถามที่สงสัยออกไป
“กูเป็นห่วงมึงไง กลัวมึงไม่มีรถไป ก็เลยมารับไม่ดีหรอวะ” โห เป็นคนดีเหมือนกันนี่หว่าไอ้ทัศ กูซึ้งงงง
“แต่ความจริงคือ มันแค่พาน้องออม คณะพยาบาลแฟนมัน มาส่งหอที่อยู่แถวนี้เท่านั้นแหละ เลยแวะมารอรับมึงไปด้วย” ไอ้เหม่ยที่นั่งเสียบหูฟังอยู่ข้างๆไอ้ทัศเอ่ยแทรกขึ้นมา กูไม่น่าซึ้งไปกับบทบาทเพื่อนที่แสนดีของมึงเลยไอ้ทัศ
“อ่าวไอ้เหม่ย อย่ามาใส่ร้ายกู”ไอ้ทัศหันไปโวยวายใส่ไอ้เหม่ย
“กูแค่พูดความจริง กูพูดตามที่กูเห็น และกูเห็นตามที่กูพูด”
“เหอะ! แต่มึงไม่รู้หรอก ว่าในใจกูมันร่ำร้องว่าเป็นห่วงไอ้ภีมขนาดไหน”
“อย่ามาพูดให้มันดูดีเพื่อกลบเกลือนความจังไรในตัวมึงเลย”
“เอ้า! ไอ้เหม่ย พูดหาหาเรื่อง มาต่อยกันตรงนี้เลยไหม จะได้จบ”
“เอาดิ อยากต่อยมึงมานานแล้วเหมือนกัน” ไอ้สองคนนี่เริ่มเถียงกันอีกแล้วครับ มันจะมีสักวันไหมเนี่ยที่พวกมึงอยู่ด้วยกันแล้วจะไม่เถียงกันน่ะ
“เห้ย! ใจเย็นๆ” ผมร้องห้าม
“ไอ้ภีมกูขอทีเถอะ อย่าห้ามกูเลย ถ้าไม่ได้ต่อยมันกูคงอยู่ไม่สุข” ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน เหมือนสิงโตที่พร้อมจะคำรามทุกเมื่อ
“เอ่อ ถ้าวันนี้ไม่ได้ต่อยมึง กูก็นอนไม่หลับเหมือนกันไอ้ทัศ!”
ไอ้เหม่ยไม่รอช้า หลังจากพูดจบก็ซัดหมัดหนักๆเข้าที่หน้าท้องไอ้ทัศโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวทันที
ไอ้ทัศที่เป็นดังราชสีห์เมื่อกี้ กลายเป็นลูกแมวน้อยที่โดยไอ้เหม่ยซัดไม่ยั้ง
“ไอ้ภีมห้ามมัน! ห้ามมันที!” ไอ้ทัศตะโกนขอความช่วยเหลือจากผมทันที
“เฮ้อ” ไอ้พวกเลือดร้อน!
ทะเลาะกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนมาก พวกมึงน่ะ!
“พอแล้วไอ้เหม่ย จากที่จะได้ไปงานวันเกิดไอ้ซาน จะได้ไปงานศพไอ้ทัศแทนนะโว้ย” ผมร้องห้ามไอ้เหม่ย
ไอ้เหม่ยยอมหยุดทันที
“ไปกันได้ละ ปานนี้ไอ้ซานรอจนรากงอกแล้วมั้ง” ไอ้ทัศเอ่ยขึ้นมาพร้อมเอามือกุมหน้าท้องเอาไว้ คงจะเจ็บน่าดูกูจะสงสารหรือสมน้ำหน้ามึงดีที่ไปท้าไอ้เหม่ยต่อยน่ะ
ไอ้ทัศพูดจบก็เดินนำไปที่รถของมันทันที พวกผมก็เดิมตามมันไปตามระเบียบครับ รถของมันเป็นรถ Nissan note สีดำ ที่จอดอยู่ตรงลานหน้าร้าน
ไอ้ทัศเป็นคนขับรถ โดยมีไอ้เหม่ยนั่งตรงข้างคนขับ ตามด้วยผมที่นั่งข้างหลัง
ผมขอแนะนำเพื่อนในกลุ่มก่อนนะครับ
กลุ่มของพวกผมมีกัน 4 คนครับ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัย ม.ต้นแล้ว พอเรียนจบ ม. ปลายก็มาต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยครับ
คนแรกไอ้ทัศ ทศทัศ มันเป็นพวกชอบกวนบาทาคนอื่นไปทั่วครับ มีดีแค่หน้าตาและความสูงเท่านั้น งานอดิเรกคือแร็พแข่งกับไอ้โต หมาที่มหาลัยเลี้ยงไว้น่ะครับ ทางบ้านมันค่อนข้างมีฐานะพอสมควร แม่เป็นเจ้ามือหวยใต้ดินรายใหญ่ ทางพ่อมันก็ทำธุรกิจสวนทุเรียนอยู่จังหวัดนนทบุรี ส่วนตัวมันก็ปลีกตัวมาเรียน คณะวิศวะ มหาวิทยาลัยแถวภาคเหนือครับ
คนที่สอง ไอ้เหม่ย ณัฐพล มันเป็นผู้ชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มของพวกเรา หน้าตามันจัดว่าน่ารักเลยทีเดียว ภายนอกดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย แต่ความจริงนิสัยมันเถื่อนมากครับ มันเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ผมว่านิสัยมันไม่เข้ากับหน้าหวานๆของมันเลยครับ
คนที่สาม ไอ้ซาน พีรวัตร มันเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมครับ ข่าวสารอะไรที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ซานต้องรู้ก่อนเป็นคนแรกครับ เป็นเจ้าของแฮชแท็กยอดฮิตสำหรับเผือกเรื่องชาวบ้าน #ซานรู้โลกรู้ #หมอชานรู้ทุกเรื่อง ถ้าอยากรู้ความเคลื่อนไหวของคนดัง หรือข่าวสารอะไรใหม่ๆ เพียงกดเข้าไปในแฮชแท็กของไอ้ซาน เรื่องที่คุณสงสัยอยู่จะถูกไขให้กระจ่างทันที
และคนสุดท้ายคือผมเองครับ ภีม ภัคพงษ์ เป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดในกลุ่ม แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตของผมเลย หรือผู้หญิงสมัยนี้ไม่ชอบคนหล่ออย่างผม? ฐานะทางบ้านค่อนข้างจน ความจริงข้อนี้ต้องทำใจยอมรับ จริงๆแล้วฐานะทางบ้านผมปานกลาง พอมีกินมีใช้ แต่เพราะพ่อของผมดันโดนผีพนันเข้าสิง ทำให้ทางบ้านเรามีหนี้ก้อนโตที่ไม่รู้ชาตินี้จะใช้หมดไหม แถมเมื่อปีก่อนพ่อก็พึ่งโดนไล่ออกจากงานทำให้พ่อเครียดจนต้องออกไปดื่มเหล้าข้างนอกบ้านแทบทุกวัน ส่วนแม่ก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทางบ้านทั้งหมด ทำให้ฐานะทางบ้านผมค่อนข้างย่ำแย่ ผมจึงต้องหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระแม่ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวไปเรียบร้อย
โคตรเศร้า
ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็มาถึงร้าน เหล้าในป่า ร้านนี้ใหญ่และหรูอย่างที่เขาว่ามาจริงๆครับแถมลูกค้าก็เยอะมาก กว่าจะหาที่จอดรถได้ก็กินเวลาหลายนาทีเลย พอหาที่จอดรถได้ พวกผมก็พากันเข้ามาในร้าน สายตากวาดหาไอ้ซานไปทั่วร้านสักพัก ก็เจอมันนั่งรอพวกผมอยู่ที่มุมร้าน จึงเดินไปหามันทันที
“มาช้าจังวะ”ไอ้ซานเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกผมเดินไปถึงโต๊ะแล้ว
“รอไอ้ภีม” อ่าวไอ้ทัศ เดี๋ยวก็โดนกูต่อยอีกคนหรอก
“โยนขี้ให้กูเฉย ถ้ามึงไม่มัวแต่ตีกับไอ้เหม่ยปานนี้คงถึงนานแล้วเถอะ”
“พอๆ” ไอ้ซานร้องห้าม ก่อนที่จะเถียงกันยาวไปมากกว่านี้ “จะรอใครก็ช่างเหอะ ตอนนี้จะสั่งอะไรก็สั่งเลย จะสั่งเหล้ามาเป็นลังๆก็ได้ กูมีเงินจ่าย กูรวยยย” ไอ้ซานพูดพลางตบกระเป๋าเงินตัวเองไปพลาง เป็นการบอกเป็นนัยๆว่า วันนี้เงินกูหนัก
พอสิ้นเสียงไอ้ซาน พวกเราก็จัดการสั่งเหล้ามากินกันครับ ไอ้ทัศสั่งไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าไอ้ซานจริงๆ จัดเหล้าราคาแพงตูดฉีกมานับสิบๆขวดได้ ผมถามมันว่า ‘จะกินหมดเหรอ’ มันบอกว่า ‘ถ้าไม่หมดก็เอากลับบ้านสิวะ เหล้าฟรี นานๆทีจะมีโอกาสแบบนี้ก็เอาให้คุ้มเลย’
มึงเชื่อกูเถอะ ปีหน้าไอ้ซานมันคงไม่เลี้ยงอีกแล้วล่ะ ถ้ามึงเล่นสั่งแบบนี้
พอเหล้ามาถึงโต๊ะ ไอ้ทัศก็รินเหล้าใส่แก้วแล้วแจกพวกเราคนละแก้ว แจกจนครับทุกคน บริการดีแบบนี้พี่ไม่มีทริปนะไอ้น้อง
“วันนี้ไม่เมาไม่เลิกโว้ยยย เอ้า สุขสันต์วันเกิดไอ้ซาน ชนแก้วววว” ไอ้ทัศลุกขึ้นยืน พร้อมร้องตระโกนออกมาเสียงดัง มึงไม่อายเขาบ้างเหรอ มึงดูสายตานับสิบๆคู่ที่เขามองมาทางมึงหน่อยก็ดี กูละอายแทน
พวกนั้นยกแก้วเราขึ้นดื่มกันตามระเบียบ คงเหลือแต่ผมคนเดียวที่ยังคงจ้องแก้วนิ่ง จนไอ้เหม่ยจับสังเกตได้จึงเอ่ยทัก
“ถึงมึงนั่งจ้องแก้วอยู่อย่างนั้นก็ไม่ทำให้เหล้ามันลดลงหรอกนะ ไอ้ภีม”
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยกินหรอกนะ แต่ผมเป็นพวกคออ่อน กินไม่กี่แก้วก็เมาแล้ว ผมไม่อยากเมาเลยครับ เพื่อนผมมันรู้ดีว่าเวลาผมเมามันจะเป็นยังไง พวกมันถึงชอบยุให้ผมกินนัก
“กำลังนั่งดูปฏิกิริยาของเหล้าที่ทำกับอากาศอยู่”
“มึงอย่ามาวิชาการไอ้ภีม!”
“แดกๆเข้าไป เสียน้ำใจไอ้ซานที่อุส่าห์เลี้ยง” ไอ้ทัศไม่พูดเปล่า จับแก้วเหล้ากรอกปากผมทันที
ผมพยายามขัดขืนมันเต็มที่ กะมอมเหล้ากูให้ได้เลยใช่ไหมพวกมึง!
"เห้ย! ไอ้ทัศ นั่นน้องออม แฟนมึงไม่ใช่หรอ" ไอ้ซานเอ่ยขึ้นมาก่อนที่ไอ้ทัศจะจับเหล้ากรอกปากผมได้สำเร็จ ขอบคุณมึงมากที่ช่วยชีวิตกู
ผมเบนสายตามองไปตามนิ้วไอ้ซานที่ชี้ไปตรงประตูทางเข้าของร้าน แฟนไอ้ทัศจริงด้วย ผมจำหน้าเธอได้
แล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ผมจำได้ว่าไอ้ทัศพึ่งไปส่งเธอกลับหอ ก่อนที่มันจะไปรับผมมาที่นี่ด้วยซ้ำ
น้องออมเธอเดินเข้ามาในร้าน ด้วยชุดกระโปงยาวถึงเข่าสีชมพู เธอแต่งหน้าทำผมมาอย่างดี ผมว่าวันนี้น้องออมเธอดูดีมากเลยครับ ขนาดผมยังไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้เลย สายตาเธอสอดส่องไปทั่วร้านเหมือนกำลังหาใครบางคนอยู่
เธอเดินไปหยุดอยู่โต๊ะที่ตั้งอยู่ก่อนหน้าโต๊ะพวกผมเพียงไม่กี่โต๊ะ โต๊ะนั้นมีผู้ชายนั่งอยู่ประมาณห้าคน แต่ละคนหล่อเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายเลยครับ ทั้งรูปร่างที่เหมือนถูกคัดสรรมาอย่างดี พร้อมกับหน้าตาที่เหมือนพระเจ้าตั้งใจแต่งเติมให้มา พอพวกนั้นมานั่งรวมกันแบบนี้แล้วกลบรัศมีผู้ชายในร้านมิดเลยครับ พึ่งสักเกตว่าผู้หญิง เกือบ 80 เปอร์เซนต์ในร้านนี้ต่างเบนสายตาไปรวมอยู่ตรงโต๊ะนั้นโต๊ะเดียว เฮ้ๆ สาวๆ ยังมีคนหล่อนั่งอยู่ตรงนี้อีกคนนะครับ หันมามองกันบ้าง
น้องออมเดินไปนั่งข้างๆ ผู้ชายคนหนึ่ง ผมว่าหมอนี่หล่อใช้ได้เลยทีเดียว รูปร่างสูงชะลูด มีผมสีดำที่ขับกับผิวขาวๆ ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับรูปหน้าเป็นอย่างดี ดวงตาที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงไหลนั้นถ้าได้จ้องก็ยากที่จะละสายตาไปได้ อิจฉาว่ะ โลกแม่ง ไม่ยุติธรรม!
"เห้ย พวกแก๊งพี่เมฆเขานี่หว่า" ไอ้ซานพรำพรึงออกมา
"มึงรู้จักพวกนั้นด้วยเหรอวะ" ผมถามมันออกไป แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่ไอ้ซานมันจะรู้จัก ไอ้นี่มันก็รู้ทุกเรื่องแหละ โดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้าน ซานรู้โลกรู้ หมอซานรู้ทุกเรื่อง
"รู้จักดิวะ ใครไม่รู้จักพวกพี่เขาบ้าง" กูไงที่ไม่รู้จัก จำเป็นต้องรู้จักพวกมันด้วยหรือไงเล่า
"พวกพี่เขาดังมากไม่มีใครไม่รู้จักพวกพี่เขาหรอก แต่จะยกเว้นมึงไว้คนหนึ่งแล้วกันไอ้ภีม เห็นผู้ชายหน้าโหดที่นั่งตรงริมนั้นปะ นั่นอะพี่เมฆ บริหารธุรกิจ เป็นคนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ถ้าเป็นไปได้อย่าไปหาเรื่องกับพี่เขาดีกว่า ส่วนคนที่นั่งข้างพี่เมฆ ชื่อพี่ฟง นิติศาสตร์ คนนี้นิสัยต่างกับพี่เมฆพอสมควร เป็นคนใจดี อ่อนโยน เจ้าบทเจ้ากลอน กูก็งงเหมือนกัน ว่าพวกพี่แกไปเป็นเพื่อนกันได้ไง" ผมก็มองคนที่ไอ้ซานชี้ให้ดูครับ พวกพี่เขาหล่อจริงๆนั่นแหละ คนที่ชื่อพี่เมฆนี่มีรัศมีความหน้ากลัวแผ่มาถึงรูขุมขนผมเลยครับ ขนาดดูไกลๆรัศมียังขนาดนี้ ตัวจริงพี่เขาต้องโหดมากแน่ๆ ทางที่ดีอย่าไปยุ่งด้วยจะดีกว่า
“...”
"ส่วนที่นั่งตรงข้ามพี่ฟงชื่อ พี่ฟิว เรียนคณะเดียวกับพี่เมฆ และคนที่นั่งหัวโต๊ะ ชื่อพี่แจ็ค วิศวะ พี่แจ็คแกเป็นเจ้าของร้านนี้ด้วยแหละ" โห แปลว่าบ้านพี่แกต้องรวยมากแน่ๆ ถึงมีเงินมาเปิดร้านเหล้าที่ใหญ่ขนาดนี้ได้
“…”
"ส่วนคนสุดท้าย ที่นั่งข้างๆน้องออม ชื่อพี่ เนล วิศวะ คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมาก ได้ข่าวว่าควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเลยสักคน"
ผมมองหน้าพี่เนลอยู่สักพัก รูปร่างหน้าตาจัดว่าเพอร์เฟคเลย เห็นแล้วอิจฉาว่ะ ถ้าผมหล่อแบบพี่เขาก็คงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแบบมันนั้นแหละ แต่คือหล่อน้อยกว่าเลยไม่มีผู้หญองคนไหนเข้าหาเลย พูดแล้วอยากร้องไห้
"แล้วทำไมน้องออมของกูถึงมาอยู่กับรุ่นพี่พวกนั้นวะ" ไอ้ทัศเริ่มแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนเลยครับว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไอ้ทัศมันจริงจังกับน้องออมมากครับ มันเคยบอกว่าน้องออมคนนี้แหละ แม่ของลูกมันในอนาคต มันทุ่มเทกับน้องออมมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่มันเคยคบมา แค่นี้ผมก็รับรู้ได้แล้วว่ามันรักผู้หญิงคนนี้แค่ไหน
"นั่นดิ กูก็อยากรู้เหมือนกัน"ไอ้ซานเอ่ยตอบ
"เดินเข้าไปถามเลยไหม! แม่ง" ไอ้ทัศดูจะหัวเสียมาก มันไม่รีรอตั้งท่าจะลุกออกจากที่นั่ง แต่กลับถูกไอ้เหม่ยดึงแขนไว้ก่อน
"เดี๋ยว!"
"มึงจะห้ามกูทำไมวะไอ้เหม่ย"
"ใจเย็นๆก่อนดิไอ้ทัศ กูรู้ว่ามึงใจร้อนที่เห็นแฟนของตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่น แต่กูอยากให้มึงใจเย็นๆไว้ก่อน มันอาจจะไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่มึงคิดก็ได้นะ"
“นั่นดิ กูว่ารอดูก่อนอย่างที่ไอ้เหม่ยว่าดีกว่า ขืนเข้าไปแบบนี้จะไม่ดีต่อตัวมึงเอง บางทีเขาอาจจะมาคุยธุระอะไรกันก็ได้ ทำใจเย็นๆแล้วนั่งลงก่อน” ไอ้ซานคอยพูดให้ไอ้ทัศใจเย็นลง
"พวกมึงจะให้กูรอ จนแฟนกูโดนไอ้พี่เนลนั้นคาบไปต่อหน้าต่อตากูก่อนใช่ไหม เห็นแล้วทนไม่ไหว มึงดูสายตาที่ไอ้พี่เนลมองแฟนกูดิ เหมือนจะกินแฟนกูไปทั้งตัวแล้ว!" ไอ้ทัศพูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก สายตาดุดันเหมือนอยากจะฆ่าคนให้ได้เดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ยอมนั่งลงสงบสติอารมณ์แต่โดยดี
พี่เนลใช้สายตาที่ชวนน่าลุ่มหลงนั้นไล่มองร่ายกายน้องออมตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมยกมุมปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาเอามือข้างหนึ่งยันไว้กับเก้าอี้ของน้องออมไว้ พร้อมขยับใบหน้าอันหล่อเหล่านั้นเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอ ก่อนที่จะกดจูบเข้าที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอย่างดูดดื่ม
เห้ย! จูบกันแล้ว!
น้องออมก็ดูจะเต็มใจด้วย
สองคนนั้นจูบกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่สนสายตานับร้อยคู่ที่จ้องพวกเขาอยู่เลย
"อ่าว หาย!" ผมอุทานออกมา
กำลังจะหันกลับไปบอกไอ้ทัศว่า 'ไอ้ทัศ มึงโดนพี่เนลแย่งแฟนแล้วล่ะ' แต่ตอนนี้เพื่อนผมหายไปไปหมดแล้วครับ เหลือผมนั่งอยู่ตรงนี้อยู่คนเดียว
ผลั๊วะ ผลั๊วะ ตุบ!
ผมหันไปมองที่ต้นเสียง เห็นไอ้ทัศกำลังซัดกับพี่เนลอยู่ โดยมีไอ้เหม่ยกับไอ้ซานตามไปพยายามจะแยกสองคนนั้นออกจากกัน ผมเห็นดังนั้นก็รีบตรงไปสมทบกับพวกมันด้วยครับ
"อะไรของมึงวะ! มาต่อยกูทำไม"พี่เนลตะคอกออกมาอย่างหัวเสียที่จู่ๆไอ้ทัศก็เดินเข้าไปต่อย
"มึงยังมีหน้ามาถามกูอีกเหรอว่ากูต่อยมึงทำไม?”
“....”
“กูว่ามึงก็หน้าตาดีอยู่นะ ไม่มีปัญญาหาแฟนเองหรือไง ถึงต้องมาแย่งแฟนคนอื่นเขาน่ะ !!! " ไอ้ทัศตะโกนใส่หน้าพี่เนลด้วยความโมโหจัด พี่เนลทำหน้างงอยู่สักครู่ ก่อนจะหันไปถามน้องออม
"แฟนเธอเหรอ?" พี่เนลหันไปถามน้องออมเสียงเย็นเยือก
"อะ..เอ่อ...คือ" น้องออมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกะกุกตะกัก
"หือ?" พี่เนลเลิกคิ้ว "ว่าไงตอบพี่มาสิ ไหนเราบอกพี่ว่าเราโสดไง"
"เอ่อ...คืมว่า.." สีหน้าน้องออมดูลำบากใจไม่ใช่น้อย
"ถ้าออมมีแฟนแล้ว พี่ว่าเราเลิกยุ่งกันเถอะนะ พี่บอกกับเราแล้วนะว่าพี่ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีแฟนแล้ว"
พี่เนลพูดกับน้องออม ด้วยแววตาเฉยชา ก่อนจะเดินหันหลังเตรียมออกจากร้านไป แต่ก็ถูกมือเล็กๆของน้องออมรั้นเอาไว้ก่อน
“เอ่อ..คือ ออม.. ขอโทษนะคะพี่เนล ที่ออมโกหกพี่ ยกโทษให้ออมนะคะ” เธอพูดออกมาเสียงสั่น
“พี่คงยกโทษให้คนที่มาโกหกพี่ว่าโสดไม่ได้หรอก”
“ออม อึก ขอโทษ” น้องออมร้องไห้ออกมา น้ำตาไหลชุ่มเต็มสองแก้ม
“ขอโทษด้วยนะ พี่ไม่ชอบยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว” พี่เนลพูดพลางแกะมือเล็กที่เกาะแขนของตัวเองออก
“ยกโทษให้ออมเถอะค่ะ ออมไม่ได้ตั้งใจ อึก” เธอพูดออกมาพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
“…” พี่เนลหันมาจ้องหน้าออมนิ่ง สายตาดูว่างเปล่า
“อึก ออมยอมทำทุกอย่าง ขอเพียงพี่เนลยกโทษให้ออม”
พี่เนลคลี่ยิ้มตรงมุมปากอย่าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเอ่ยบอกน้องออม
“ยอมทำทุกอยากจริงเหรอ?”
“ค่ะ ออมยอมทำทุกอย่าง ขอแค่พี่ไม่ทิ้งออมก็พอ.." ประโยคหลังเธอพูดเสียงแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยิน
"หึ! ก็ดี งั้นก็เลิกไอ้นี่ซะ" พี่เนลชี้นิ้วมาทางไอ้ทัศที่ตอนนี้ถูกไอ้ซานล็อคตัวเอาไว้ น้องออมได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับโดยดี เห้ย! ทำไมถึงทำอย่างงี้วะ มึงไปแย่งของเขายังจะให้เขาเลิกกันเพื่อมึงอีก โคตรเหี้ยบอกเลย!
"พี่ทัศ คือตอนนี้คนที่ออมรักคือพี่เนล เราเลิกกันเถอะนะพี่ทัศ ออม..ขอโทษนะ ออมไม่ได้รักพี่ทัศเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อึก " น้องออมเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
เห้ย! น้องบอกเลิกกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะ มันมีดีอะไรนักหนาถึงยอมเลิกกับไอ้ทัศง่ายๆแบบนี้ น้องดูไม่ออกเลยหรือไง ว่ามันไม่ได้ริงจังกับน้องเท่าไอ้ทัศเ
"ออม..ทำไม.. ทำไมออม!! ทำไมออมทำแบบนี้กับพี่ ที่ผ่านมาพี่รักออมน้อยไปเหรอ หรือพี่ทำอะไรให้ออมไม่พอใจ ออมบอกพี่หน่อย บอกพี่!!" ไอ้ทัศตะโกนออกมา ดูเหมือนมันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว น้ำเสียงมันเจ็บปวดมากครับ ผมสงสารเพื่อนผมจับใจเลย ผมรู้ว่ามันรักน้องออมมากแค่ไหน จู่ๆมาโดนบอกเลิกแบบนี้ หัวใจมันจะแตกสลายขนาดไหนกันนะ ผมไม่อยากจะคิดเลย
"ออมรู้ว่าพี่รักออมมาก และพี่ไม่ได้ทำอะไรให้ออมไม่พอใจหรอก แต่ออมผิดเองที่ออมไม่ได้รักพี่แล้ว ออมรักพี่เนล! จริงๆออมกะจะขอเลิกพี่ต้องนานแล้ว แต่ที่ยังไม่ยอมเลิกเพราะออมสงสาร"
"หึๆ" พี่เนลมันยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างพึงพอใจ ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบขี้หน้ามันแล้วล่ะ
พอน้องออมพูดจบ มันก็เดินไปหยิบขวดเหล้าที่ถูกเปิดดื่มแล้วประมาณครึ่งขวดแล้วเดินตรงมาทางไอ้ทัศ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูไอ้ทัศ
"กูเป็นคนที่ไม่ชอบแย่งแฟนของคนอื่นหรอก ถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้วกูจะไม่มีทางเอาตัวเองไปยุ่งกับคนนั้นเด็ดขาด เพราะกูไม่ชอบใช้ของซ้ำกับใคร กูจะคืนผู้หญิงคนนี้ให้มึงก็แล้วกัน กูไม่เอาหรอก แต่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นนี่มันก็สนุกดีนะ ว่าไหม?"
เนื่องจากผมยืนอยู่ข้างๆไอ้ทัศ
ทำให้ผมได้ยินประโยคที่มันกระซิบชัดเจนเลย
โคตรเหี้ย ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาด่าคนอย่างมันแล้ว
พวกที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นน่ะ ผมเกลียดที่สุดเลย
หลังจากนั้นมันก็เทเหล้าที่มีในขวดใส่หัวไอ้ทัศทันที
"และนี่สำหรับ ที่มึงต่อยหน้ากู"
ถึงตรงนี้ผมทนไม่ไหวแล้วครับ โกรธแทนไอ้ทัศมันมาก
ผลั๊วะ!
จัดการชัดหมัดหนักๆใส่หน้าไอ้เนลทันที ผมขอไม่เรียกมันว่าพี่แล้วกันครับ คนชั่วๆแบบมันไม่สมควรได้รับคำๆนี้จากผม แต่ด้วยที่มันสูงมาก สูงราวๆ เกือบ 190 เซนได้ ทำให้หมัดที่ผมตั้งใจซัดไปโดนปลายคางมันแทนที่จะโดนหน้ามัน
แต่ก็ถือว่าโดน เจ็บได้เหมือนกัน
มันเบนสายตาจากไอ้ทัศมามองหน้าผมแทน สายตามันตอนนี้น่ากลัวมากครับ มันเข้ามากระชากคอเสื้อของผมขึ้น สายตามองสำรวดผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่งสายตาอำมหิตใส่
“มึงกล้าดียังไงมาต่อยกู”มันกดเสียงต่ำลง ทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงรูขุมขนเลยทีเดียว
“คนเหี้ยอย่างมึง แค่ต่อยยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ผมส่งสายตาอำมหิตใส่มันคืนทันที ตอนนี้ผมโมโหมันมากๆครับ ถึงจะเอาช้างมาฉุด ก็ฉุดผมไม่อยู่แล้ววินาทีนี้
“ปากดีแบบนี้ อยากปากแตกนักใช่ไหมมึง!” มันไม่พูดเปล่า ง้างหมัดขึ้นมาหวังจะต่อยหน้าของผม
ผมที่โดนมันดึงคอเสื้ออยู่จนหายใจเริ่มไม่ออก ก็ตั้งการ์ดเตรียมรับหมัดของมัน
“เห้ย!! พอได้แล้ว” พี่เมฆตระโกนห้ามออกมาก่อนที่หมัดของไอ้พี่เนลจะสวนมาโดนหน้าของผม พี่แกทำหน้าตาน่ากลัวเชียว
พี่เมฆครับพี่จงรู้ไว้นะครับ ว่าพี่จะเป็นคนเดียวที่ผมจะไม่มีทางไปหาเรื่องด้วยเด็ดขาด
“กลับกันได้แล้ว อย่ามามีเรื่องกันแถวนี้ นี่มันร้านไอ้แจ็ค จะทำอะไรก็ให้เกียรติมันหน่อย” พี่เมฆพูดพลางมองหน้าทุกคนเรียงกัน ก่อนจะหันมาพูดกับไอ้พี่เนลที่เป็นตัวต้นเหตุของทุกๆอย่าง
“...”
“ส่วนไอ้เนลปล่อยมันซะ กูไม่มีอารมณ์จะกินต่อเพราะมึงเลย!” พี่เมฆหันมาค้อนใส่ไอ้พี่เนลทันที
พอไอ้พี่เนลได้ยินเสียพี่เมฆสั่ง มันก็ยอมปล่อยคอเสื้อผมลง เสร็จแล้วก็เดินกระทืบเท้าออกจากร้านไปด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจนัก ตามด้วยพวกพี่เมฆเขา พอน้องออมเห็นพวกพี่เขาเดินออกไปจากร้าน เธอก็รีบวิ่งตามไปโดยไม่หันกลับมาสนใจไอ้ทัศที่ตอนนี้สภาพเละเทะดูไม่ได้เลยครับ
“ต้องขอโทษด้วยนะ ที่เพื่อนฉันทำเรื่องเสียมารยาทใส่พวกนาย” คนที่พูดดูเหมือนจะเป็นพี่ฟงครับ พี่เขาหันมาขอโทษพวกผมแทนไอ้พี่เนลก่อนจะเดินออกจากร้านไปเป็นคนสุดท้าย
ถ้าเป็นไปได้อย่าให้ผมได้เจอคนแบบมันอีกเลย ไอ้พี่เนล!!!!! ผมจะบันทึกชื่อมันเอาไว้ในบัญชีดำของผมจนกว่าผมจะแก่ตายไปนั่นแหละ