กฏเล้าประกาศ 22/9/2019 จะลบนิยายที่ไม่มาต่อจนจบทิ้งทั้งหมดเล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ
วิกเตอร์ชะงัก ตำแหน่งที่ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยออกมาดูใหญ่โตกว่าหน้าตาของเจ้าของตำแหน่ง คาลีล มาอัซน่าจะอายุราว ๆ ไม่เกินสามสิบปีเท่านั้น แต่กลับได้รับตำแหน่งเลขานุการของประมุขแห่งฮาลียัน คาลีลมีหน้าตาคม สะอาดสะอ้านอยู่ในชุดสูทเรียบหรู หนวดเคราได้รับการตัดเล็มเข้ารูปอยู่รอบริมฝีปากของเขา “ดีเลย ใหญ่โตแบบนี้ดีแล้ว เพื่อนผมถูกจับตัวไปด้วยฝีมือของโจรจากทะเลทรายตั้งแต่เมื่อวานนี้ คุณช่วยใช้ความใหญ่โตของคุณพาเพื่อนผมกลับมาจะได้ไหม” “รัฐบาลกำลังพยายามอยู่” วิกเตอร์มองคาลีลที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทอย่างไม่เชื่อถือ “ผมยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลฮาลียันทำอะไรนอกจากหาคำพูดแก้ตัวไปตามสื่อต่างประเทศ คำว่าพยายามของผมกับของพวกคุณมันคงไม่เหมือนกันล่ะมั้ง” คำต่อว่าของวิกเตอร์ได้ผล มองเห็นสีหน้าที่ตึงขึ้นของคาลีล เขาตวัดสายตาใส่วิกเตอร์อย่างไม่พอใจนักแต่ก็ต้องควบคุมอาการไว้ “คุณเป็นผู้สื่อข่าว ไม่รู้เลยหรือว่ามันมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นที่ใหญ่โตกว่าเรื่องเพื่อนของคุณ” ทำไมจะไม่รู้ วิกเตอร์เถียงอยู่ในใจเมื่อเขารู้ข่าวใหญ่ว่าเกิดการชุมนุมประท้วงของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่เมื่อเช้าตรู่ ประชาชนหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนใกล้กับสถานที่จัดงานวัฒนธรรมของรัฐบาล พวกเขาเหล่านั้นต้องการให้นักข่าวจากต่างประเทศมาทำข่าวของพวกเขาเพื่อเผยแพร่จุดประสงค์ที่ถูกปิดกั้นจากสื่อของทางการ รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปควบคุมสถานการณ์จนเกือบเกิดความรุนแรงก่อนที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจะสลายตัวไปในช่วงบ่ายของวันนี้ “ตอนนี้พวกที่ชุมนุมอยู่ก็กลับบ้านกันไปหมดแล้วนี่” วิกเตอร์ไม่ยอมแพ้ เขามองคาลีลอย่างคาดคั้น “พวกคุณก็ว่างแล้ว คงถึงเวลาที่จะส่งคนไปเจรจากับพวกโจรจากทะเลทรายได้แล้ว คุณคงรู้นะว่าหากนักข่าวจากไอซีเอ็นได้รับอันตราย จุดประสงค์ที่พวกคุณอุตส่าห์เหนื่อยจัดงานเรียกให้สื่อต่างประเทศมาโปรโมทประเทศของคุณคงจะเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามแน่ ๆ” “เกิดอะไรกันขึ้น” เสียงที่ดังขึ้นด้วยความอยากรู้ทำให้เจ้าหน้าที่ภายในห้องทุกคนยืนตรงเพื่อทำความเคารพกษัตริย์ราชิด อัลฟาดีที่กำลังก้าวพระบาทมาจากทางด้านในท่ามกลางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยส่วนพระองค์ คาลีลหันไปทำความเคารพและพูดภาษาอารบิคยืดยาวที่วิกเตอร์ไม่เข้าใจกับกษัตริย์ราชิด พระองค์นิ่งฟังจนจบก่อนจะหันมาทางเขา “มิสเตอร์คอสเนอร์ใช่ไหม” ตรัสเป็นภาษาอังกฤษกับวิกเตอร์ “ได้โปรดอภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฮาลียันไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ อย่างที่ผมบอกคุณแล้วว่าไอ้พวกโจรทะเลทรายมันเลวร้ายและจ้องจะหาเรื่องรัฐบาล นี่ผมกำลังให้คนของผมสืบอยู่ว่าโจรชั่วพวกนั้นอยู่เบื้องหลังการชุมนุมประท้วงของพวกต่อต้านรัฐบาลหรือเปล่า” วิกเตอร์หรี่ตาครุ่นคิด ข้อมูลที่หลุดออกมาจากโอษฐ์ของกษัตริย์ราชิดเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน “แล้วทำไมโจรพวกนั้นต้องสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์ด้วยล่ะครับ” กษัตริย์ราชิดเหยียดยิ้ม ดูเหมือนคำถามนั้นจะเข้าทางของพระองค์ “ก็ไม่รู้สิ แค่คิดว่าไอ้พวกโจรจากดาฟาร์มันตั้งใจป่วนแต่สมบัติของรัฐบาลแม้แต่บุกเข้าไปในคลังแสงเพื่อขโมยอาวุธ และมีครั้งหนึ่งที่พวกเราจับคนที่มาชุมนุมไว้ พวกเขาใช้อาวุธที่มาจากการขโมยของพวกโจร คุณคิดว่าเขานำมันไปได้อย่างไรล่ะ”กษัตริย์ราชิดเอื้อมหัตถ์มาตบบ่าวิกเตอร์เพื่อสร้างความมั่นใจ “ไว้ใจเถอะน่า ผมจะต้องนำเพื่อนของคุณกลับมาอย่างปลอดภัยไม่มีอะไรบุบสลายแน่นอน” แม้จะเป็นคำพูดจากประมุขของประเทศ แต่วิกเตอร์กลับไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย เขาฝืนยิ้มให้กษัตริย์ราชิดเมื่อตอบกลับไป “ผมหวังจะเป็นเช่นนั้นครับ มิสเตอร์สมิธ แอนเดอร์สัน พ่อของกวินท์ก็กำลังเดินทางมาที่ฮาลียัน อาจจะมาถึงกลางดึกคืนนี้เสียด้วยซ้ำ ผมอดจะเป็นห่วงความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้ ท่านคงทราบจากข้อมูลของกวินท์แล้วว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูตจากอังกฤษ หากกวินท์ได้รับอันตราย เรื่องคงบานปลายกว่าที่คิด” “คุณกำลังพูดจาข่มขู่ผู้นำของฮาลียันอยู่ รู้ตัวบ้างไหมมิสเตอร์คอสเนอร์” คนที่ขัดจังหวะคือคาลีล ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปมได้ คอสเนอร์ดูออกอย่างง่ายดายว่ากษัตรย์ราชิดขุ่นเคืองพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทรงฝืนยิ้มออกมา “อย่าโมโหไปเลยมิสเตอร์คอสเนอร์ ผมรับปากแล้ว ดังนั้นก็จงวางใจได้ว่าเพื่อนของคุณจะต้องปลอดภัย” กษัตริย์ราชิดหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่อยู่เบื้องหลัง “จัดรถยนต์ไปส่งมิสเตอร์คอสเนอร์ที่โรงแรมด้วย” การ์ดของกษัตริย์ราชิดคนหนึ่งก้าวออกมาประกบทันที วิกเตอร์รู้ว่านี่คือการขับไล่อย่างมีมารยาท แต่เขาก็ยังไม่กล้าจะแข็งข้อใส่ให้เกิดภัยในสถานที่แห่งนี้ เขาจำต้องโค้งคำนับและก้าวเดินออกไป ครั้นเห็นนักข่าวต่างประเทศเดินออกไปจนพ้นสายตาแล้ว กิริยาของกษัตริย์ราชิดจึงไม่จำเป็นต้องฝืนอีกต่อไป พระองค์หันขวับไปจ้องหน้าของคาลีล “เกิดอะไรขึ้น แล้วไอ้นักข่าวปากเสียคนนั้นล่ะ” “พวกนั้นมาชิงตัวไปจากพวกเรากระหม่อม รถที่จะไปรับตัวมิสเตอร์แอนเดอร์สันพบแต่ศพของพวกเราที่ถูกดาบฟันอยู่ไม่ไกลจากจุดนัดหมายนัก ทุกคนเสียชีวิตส่วนนักข่าวคนนั้นกลับหายไป ไม่พบอยู่ในกองศพกระหม่อม” พระเนตรยับย่นเพ่งมองเลขานุการของพระองค์อย่างไม่สบอารมณ์ “ก็ไหนว่าได้มือดีมาไงล่ะ ทำไมแค่นี้ถึงพลาด” ทรงตวาดอย่างหงุดหงิดเมื่อเกิดเหตุที่ผิดไปจากแผนเดิมที่ทรงวางไว้ ทั้งที่คิดไว้ว่าจะเก็บกวินท์ไว้สักสองถึงสามวันแล้วทำทีพาไปปล่อย แต่พวกโจรแสนเลวกลับมาขัดขวางและชิงตัวประกันหายไปกับผืนทราย คาลีลเห็นพระอาการกริ้วจนควันออกหูจึงรีบค้อมศีรษะลง “หม่อมฉันจะรีบส่งคนไปติดตามโดยเร็วกระหม่อม” “ก็รีบทำเสียสิ จะยืนโง่อยู่ทำไม” ทรงตวาดจนเสียงก้องไปทั่วบริเวณ “ไปเอาตัวกลับมาให้ได้ หรือถ้าไม่ได้ จำเป็นจะปิดปากก็ต้องทำ” ตรัสเสียงเหี้ยมพระพักตร์เครียดและดุดัน “เรื่องพวกนี้มันจะได้จบแค่ว่านักข่าวคนหนึ่งถูกโจรจากดาฟาร์มาชิงตัวไปเพื่อประท้วงอำนาจของรัฐบาล” คาลีลมีสีหน้าหนักใจ หากแต่เขาทำได้เพียงค้อมศีรษะคำนับเมื่อกษัติย์ราชิดเดินกระแทกพระบาทจากไปมีต่ออีกนิด...
หยอกได้หยอกดีนะรบกวนคนเขียนระบุเลขหน้าด้วยค่ะ (ถ้ายังไม่ได้ทำสารบัญ)