(ต่อนะ)
♦
“เช็ดเบาๆหน่อยสิ”
คนอายุน้อยกว่านั่งอยู่บนเตียงให้ผมยืนเช็ดผมให้ ทำหน้าบูดเพราะผมล้วงกุญแจนานไปหน่อย ไม่ทันได้โวยวายผมก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ หน้าขาวๆมุ่ยลงจนผมอดแกล้งเช็ดผมแรงๆไม่ได้
“พี่ยังไม่เคลียร์กับเราเลยนะ ทำไมพึ่งกลับครับ”
“กลับนานแล้ว แต่รถมันติด”
“คราวหลังก็โทรหาพี่ เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“พี่จะมารับผมทำไม” เด็กโง่ นี่คือแกล้งไม่รู้ใช่ไหม
“ที่พูดไปยังไม่ชัดเจนอีกหรอ”
“.....”
อีกฝ่ายตอบผมด้วยความเงียบ แต่การหลบตาก็เป็นคำตอบว่ารู้ชัดเจนดีแล้ว แต่บางทีเพราะระยะเวลาที่มันน้อยไปอาจทำให้น้องยังลังเลในความรู้สึกผม แต่เพราะผมรู้ตัวเองดี ความรู้สึกของผมไม่ได้รุนแรงถึงขั้นจะพูดว่ารัก แต่มันเป็นความรู้สึกพิเศษๆที่ผมไม่ได้รู้สึกกับใครง่ายๆ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มากมายแต่ผมก็มั่นใจว่ามันจะอยู่ไปอีกนาน น้องทำให้ผมรู้สึกอยากปกป้อง อยากดูแล รู้สึกสนุกดีเวลาเห็นน้องมันเขิน แต่สำคัญเลยคือ มันคือคนที่ผมอยากจะแคร์
“พี่แน่ใจหรอว่าพี่อยากอยู่กับผม” คนตรงหน้าตอบผมทั้งที่ก้มหน้า ทั้งที่เมื่อกี๊ยังเงยหน้าโวยวายอยู่ แววตาสวยหม่นลง
“น้องคิดว่าพี่เป็นคนยังไงละ คิดว่าคำพูดพี่เชื่อได้รึเปล่า”
“....”
“ว่าไง?”
“เชื่อได้”
ผมนั่งยองลงตรงหน้าอีกฝ่าย สบตาคนที่เอาแต่ก้มหน้า มือสองข้างของน้องบีบเข้าหากัน ผมเอื้อมมือไปจับมือน้องเบาๆ มือน้องเล็กกว่ามือผม เขาเงยหน้าสบตาผม ฉายแววความกังวลบางอย่าง
“คิดอะไรอยู่บอกพี่ได้ไหม”
“ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่กับพี่ได้”
ผมตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของคนตรงหน้า ผมเองก็กลัวการปฏิเสธของเขาอยู่เหมือนกัน แววตากังวลเห็นได้ชัดว่าเขากำลังกลัว ผมไม่เข้าใจ ผมไม่รู้ว่าน้องหมายความว่ายังไง และผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องความรู้สึกของผม เพราะผมคิดว่ามันชัดเจนดีแล้ว หรือเป็นเพราะน้องยังลังเลในความรู้สึกตัวเอง แต่ผมก็ไม่คิดว่าใช่ ถึงเขาจะไม่เคยพูดออกมา แต่ท่าทีไม่ปฏิเสธก็บอกว่าน้องคิดเหมือนกันกับผม และผมยิ่งแน่ใจเมื่อเขายอมให้ผมจับมือเอาไว้
“ทำไมครับ ทำไมคิดแบบนั้น”
“มัน มันพูดยาก” ท่าทางลำบากใจจนผมสงสาร มือเล็กๆบีบเข้าหากันมากกว่าเดิมแสดงถึงความเครียดของปัญหาที่เจ้าตัวแบกไว้ จนผมต้องจับมือน้องแน่นขึ้น น้องพูดออกมาขณะที่มองมือตัวเองที่ผมกุมเอาไว้
ดูเหมือนปัญหาจะใหญ่สำหรับน้องพอสมควร อาจจะเป็นปัญหาที่ผมกับเขาเป็นผู้ชาย แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจเพราะว่าน้องเคยบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ผมเลยไม่คิดว่าน้องจะไม่โอเคกับเรื่องนี้ ผมจะไม่บีบคั้นเขา น้องยังเด็ก คงต้องให้เวลากันสักพัก สร้างความไว้ใจ ความเชื่อใจ รอจนมันมากพอที่เขาจะยอมเล่าปัญหาของเขาให้ผมฟัง ตอนนี้น้องคงยังไม่พร้อมจะเล่า
“ไม่เป็นไรนะไม่ต้องเครียด ยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเล่า โอเคมั้ย”
ผมบีบมือเล็กเบาๆ จนเขายอมคลายมือที่บีบกันแน่นออก
“พี่รอได้ ไม่ต้องรีบ พี่ยังอยู่ตรงนี้อีกนาน”
“พี่ไทม์” เสียงเรียกชื่อผมแผ่วเบา
“ทุกปัญหา เราจะพยายามช่วยกันแก้ พี่ไม่อยากให้น้องปิดโอกาสกัน”
“.....”
“ลองเดินไปด้วยกันก่อนไหม ?” “.....”
“ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวพี่กลับมาส่งเอง” ผมมองเขาด้วยแววตาจริงใจ เรียกร้องความเห็นใจเต็มที่ คนเราชีวิตมันสั้นนะครับ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะเจอคนที่อยากจะจริงจังด้วย และยังยากมากๆที่คนคนนั้นจะคิดตรงกันกับเรา เพราะความรู้สึกมันไม่ได้เกิดกันง่ายๆ ผมไม่อยากให้มันเสียไปทั้งที่ยังไม่ได้ลองพยายามด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาที่น้องแบกไว้ได้ไหม แต่ถ้าน้องยอมเดินไปด้วยกัน ลองแก้ไขมันด้วยกัน ผมเชื่อว่ามันก็ต้องได้สักทางละวะ
ผมยกยิ้มเมื่อเห็นความลังเลของน้องหมวย อย่างน้อยน้องก็ไม่ได้แน่วแน่จะปฏิเสธกัน
“ผมขอเวลาหน่อยได้ไหม”
“นานเท่าไหร่”
“หลังมิดเทอม ผมสัญญาจะให้คำตอบ”
“อีกสามอาทิตย์เลยนะ!”
หลังมิดเทอม? อีกสามอาทิตย์? เอางั้นเลย นานมากเลยนะ นี่ไม่คิดว่าพี่จะแดดิ้นบ้างเลยหรอ
“สามอาทิตย์เอง” น้องมันมองหน้าผมด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนอะไร
เรามาพิจารณาทางเลือกของผมกัน สมมติว่าผมไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ น้องก็ดูเหมือนไม่น่าจะรั้งผมเอาไว้ คงยอมปล่อยผมไป ดูท่าทางไม่ใช่สายตื้อ ออกแนวเฝ้าห่างๆอย่างห่วงๆมากกว่า ซึ่งผมไม่ได้อยากได้แบบนั้น คิดตรงกันแล้วจะมาทำตัวแอบรักให้เสียเวลาทำไมวะ ตัดทิ้งๆไม่เอาอันนี้
แล้วสมมติว่าผมต่อรอง อาจจะสักอาทิตย์นึงน้องมันจะยอมหรอวะ อีกอย่างพออาทิตย์ที่สองก็ต้องเตรียมสอบอีก น้องมันจะเครียดเปล่าๆ ไม่เอาไม่อยากให้น้องมีผมหงอก หรืออีกสองอาทิตย์ มันก็เข้าสัปดาห์มิดเทอมอีก หนักกว่าเดิม มิดเทอมมหาลัย นี่ไม่อะไรต่างจาก Infinity war
นี่คือต้องยอมใช่ไหม สามวันได้ไหมอะหมวย
“น้องหมวย ลดเหลือสามวันไม่ได้หรอ สามอาทิตย์โคตรนานเลยนะครับ”
“พี่บอกรอได้”
สัด ไม่น่าทำหล่อเลย เด็กมันร้าย เหมือนกะเวลามาแล้ว โอเคยอม
“โอเค สามอาทิตย์ก็สามอาทิตย์”
พอผมรับปาก อีกฝ่ายก็ยิ้มออก หมั่นไส้ เมื่อกี้ยังทำหน้าหงอย มันน่าบีบให้แก้มหลุด ไวเท่าความคิดผมก็หยิกแก้มอีกฝ่ายด้วยสองมือ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนตัวเล็กกว่าพยายามดึงมือผมออก กลายเป็นว่าน้องจับมือผมอยู่ จับเลยๆพี่เต็มใจสุดๆ
“แต่พี่มีข้อแม้”
“ว่าแล้ว พี่ไม่น่ายอมง่ายๆ” น้องบอกพร้อมทำหน้าระอาใส่ --
“ข้อแรก พี่จะมาส่งที่หอ”
“ไม่เอา ปีสามนี่ว่างมากนักรึไง” ผมสนใจเสียงคัดค้านเดินหน้าพูดต่อ
“ข้อสอง ห้ามหาย ไลน์ไปต้องตอบ โทรไปก็ต้องรับ”
“เห้ย เดี๋ยว”
“แล้วก็ข้อสาม”
“เดี๋ยวดิ พะ..............อื้อ”
ผมยืดตัวเพื่อประกบริมฝีปากนุ่มนิ่ม กลืนเสียงโวยวายลงคอ มือที่บีบแก้มเปลี่ยนเป็นประคองหน้าไว้ มือน้องที่จับมือผมเอาไว้เปลี่ยนไปวางไว้ผมแผงอกของผม ดันผมเบาๆเมื่อผมบดเบียดจูบมากขึ้น ควานหาลิ้นในโพรงปาก ไล้ชิมความหวานไปจนทั่ว ดูดคลึงริมฝีปากล่างเบาๆเชิงหยอกเย้า ทิ้งจังหวะให้หายใจก่อนจะกดหนักๆลงไปอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งราวกับโหยหาย ปรับเปลี่ยนองศาไปมา สำรวจ เก็บเกี่ยวจากอีกฝ่ายจน น้องทุบไหล่ผมประท้วงจนผมยอมผละออก
จูบครั้งที่สามของเรายาวนานพอให้อีกคนหายใจหอบหนักหน่วง ไม่รู้ตัวเลยว่าผมเผลอคร่อมอีกฝ่ายบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังไปล้วงเสื้อเขาอีก ผมถอนมือที่ไล้ผิวเนียนอย่างนึกเสียดาย สบตาปรือของคนใต้ล่าง จูบหอมหวานที่อยากตักตวงให้นานกว่านี้ ทำให้ผมรู้สึกค้างคา ยิ่งพอเห็นหน้าแดงๆของอีกคน แถมยังอยู่ในท่าล่อแหลม สติของผมก็เริ่มเตลิดไปไกล ผมก็คิดได้ว่าผมควรจะกลับซะที
ให้ตาย ตั้งใจว่าจะ หาเรื่องค้างด้วยแท้ๆเลยเนี่ย
“คือ คือพี่” มึงจะสะดุดทำไม เดี๋ยวน้องมันรู้ ไทม์น้อยเย็นไว้ก่อนลูก
ผมรีบลงจากเตียง น้องมันเหมือนพึ่งตั้งสติได้ ก็เด้งตัวนั่ง หน้าแดงหูแดง ปากเจ่อ หน้าตาตกใจ ทำไมมันน่ารักแบบนี้วะ
“ฝนซาแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะ”
ทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะรีบออกจากห้อง ทิ้งเจ้าของห้องนั่งเอ๋ออยู่บนเตียงคนเดียว
ลูกอิณ
“แจ๊บบอกว่ามึงไม่ยอมตอบไลน์มัน”
“ก็ ก็เมื่อคืนไม่ว่าง”
“ทำอะไรอยู่”
“หลับ จะถามทำไมเนี่ย”
“กุก็แค่ถามเฉยๆมึงจะหูแดงทำไม มีอะไรใช่ไหม เล่ามาเดี๋ยวนี้”
“มะ ไม่มี๊ ไม่มีอะไร ถอยไปเลยมึง”
โดนสอบสวนแต่เช้าเลย ผมนอนไม่หลับทั้งคืนคิดแต่เรื่องพี่มัน ไอ้คำว่าอยากอยู่ด้วยเนี่ย ผมไม่สามารถเอามันออกไปจากหัวได้ มันดังซ้ำไปมาเหมือนจะย้ำว่านี่เรื่องจริง ผมพึ่งยอมรับ เซ็นอนุมัติกับตัวเองได้เมื่อวานว่าผมชอบพี่มัน หัวใจผมก็ทำงานหนักหน่วงต่อเนื่องเมื่อพี่ไทม์หาผมถึงหน้าห้อง แถมยังจูบนานมากๆด้วย
รู้สึกตัวจะแตก
“เฮ้อ มึงจะปิดกุอีกนานไหม จะยอมเล่าดีๆได้ยัง”
“มึงรู้แล้วหรอวะ”
“คิดว่าแจ๊บรักมึงแค่ไหนละ มึงคิดว่ามันจะยอมปิดเรื่องที่มึงทำไว้ที่เชียงใหม่หรอ”
“เพื่อนเหี้ย” - -
“กุว่าแล้ว พี่ไทม์แม่งชอบมองแปลก”
“แปลกยังไง”
“เหมือนจะแดกมึง” กุก็อยากแดกเขาอยู่เผื่อมึงอยากรู้ อันนี้ผมพูดในใจ
“ดูออกขนาดนั้นเลย”
“เออดิ แล้วมึงเอายังไง ชอบเขารึเปล่า”
“.....”
กุเขินเกินกว่าจะพูดคำนี้วะก่อเกียรติ ผมเงียบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนมันรู้ทัน ฉลาดแต่เรื่องกุนะมึง เรื่องตัวเองไม่เคยเอาตัวรอด
“เงียบแบบนี้แสดงว่าชอบใช่ไหม”
“เออ”
“แน่ะมีเขิน เบื่อวะ พี่ไทม์แม่งหล่อมากเลยนะ ทำไมลดตัวมาสนใจมึงวะ”
“นี่กุเพื่อนมึงนะ เผื่อมึงลืม ช่วยทีมกุหน่อย”
ผมเถียงกับมันสักพักก่อนจะเข้าเรียน โทรศัพท์ผมสั่นก็จะเห็นแจ้งเตือนว่าพี่ฝ่ายกีฬาโพสข้อความในกลุ่ม
Prim Chananun
ตั้งแต่วันนี้และอาทิตย์หน้าทั้งอาทิตย์จะเริ่มการซ้อมกีฬา โดยจะหยุดซ้อมในสัปดาห์ก่อนสอบมิดเทอมและสัปดาห์มิดเทอม ขอให้น้องๆทุกคนมาซ้อมกีฬาแต่ละประเภทตามที่ลงชื่อไว้ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.-20.00 น. ด้วยนะคะ
ซ้อมแค่เกือบสองอาทิตย์จะซ้อมทำไมวะ แอบอิจฉาฝ่ายสวัสดิการข้างๆที่แค่แบบน้ำแบกขนม ผมกดปิดโทรศัพท์ก่อนจะหันมาสนใจบทเรียน แต่หน้าจอก็แสดงข้อความของใครบางคนที่มาหาผมเมื่อคืน
Time_hatsawat
สองทุ่มพี่ไปรับที่สนามบอลนะ
บอกตรงๆว่าหัวใจไม่แข็งแรงพอจะเจอหน้าตอนนี้เลย
*************************
#พี่ไทม์น้องหมวย
มาดึกๆเช่นเคย
ตอนหน้าเราจะมาเฉลยว่าปัญหาของน้องมันคืออะไร จริงๆเราว่าทุกคนก็พอจะเดากันได้แล้วและ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมมาติดตามตอนต่อไปกันนะคะ