ตอนที่ 6 มาแล้วค่ะ มาแบบช้าๆ ขออภัยนะคะ
เรื่องนี้อาจจะแตกต่างจากกวินและเอยอยู่มากเลยค่ะและเป็นครั้งแรกที่แต่งแนวนี้ รับพิจารณาด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ถ้ามีคำผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ขออภัยด้วยนะคะ +++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 6 Dangerous guy.
A guy like you
ผู้ชายอย่างคุณ
Should wear a warning
ควรมีป้ายเตือน
It’s dangerous
มันอันตรายสุดๆ
ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากที่พระพายได้ตกลงทำสัญญากับพิธาน จนถึงตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยทั้งสิ้น ไม่มีข้อความทางไลน์แต่อย่างใด พระพายรู้สึกเบาใจไปไม่น้อยที่พิธานดูเหมือนไม่ได้ยึดติดกับเรื่องนี้เท่าไหร่และอีกอย่างคนหน้าตาระดับพิธานคงไม่ขาดคู่นอนอยู่แล้ว การทำสัญญาในครั้งนี้คงเป็นเพียงความนึกสนุกของอีกฝ่ายมากกว่า เมื่อคิดได้อย่างนั้นพระพายก็ยิ้มออกมา รอแค่นับเวลาให้ผ่านพ้นสองเดือนเพียงเท่านั้นทุกอย่างก็จะจบลง คิดว่าอิสระอยู่ใกล้เอื้อมไม่นานเกินรอ
“วันนี้วันเสาร์ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” พี่กล้วยพูดขึ้นมาเสียงดัง ในขณะที่นาฬิกากำลังเดินเข้าสู่ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเวลา
ทำงาน ทุกคนที่คร่ำเคร่งเรื่องงานจึงเริ่มจะผ่อนคลายกับคืนวันเสาร์และวันอาทิตย์อีกวันที่จะได้หยุดพักผ่อนกันเสียที
“ไม่ไปผับแล้วนะ เปลืองตัง” พี่ปีรีบพูดขึ้นมาทันที พี่กล้วยไม่รอช้าขยำเอกสารที่ไม่ใช้แล้วขว้างใส่หลังพี่ปีทันที
“มึงรวยกว่าใครเพื่อนเลยไอ้ปี ไม่ต้องมาบ่น” พี่กล้วยว่า ทุกคนในแผนกหัวเราะกันทันทีที่เห็นพี่กล้วยว่าพี่ปี
“อย่ามาพูด กูนี่ยาจกกว่ามึงนะ” พี่ปีพูด พร้อมกับขว้างก้อนกระดาษกลับไปใส่หัวพี่กล้วยอย่างพอเหมาะพอเจาะ
“กูพูดรึยังว่าไปผับ ไปหาอะไรกินไม่ได้ไปผับเสียหน่อย” พี่กล้วยพูด
“แล้วจะไปไหน?” พี่ปีถามกลับ
“ไปบ้านกู ไปกินของปิ้งย่างกัน” พี่กล้วยว่า คนในแผนกที่นอกจากพี่กล้วยและพี่ปี ที่มีกันอยู่สี่คนรวมไปถึงพระพายด้วยถึงกับหูผึ่งทันทีที่พี่กล้วยพูดจบ
“ไปด้วย” ทุกคนพร้อมใจกันพูดอย่างพร้อมเพรียง ในแผนกนั้นเป็นพวกเฮไหนเฮไหน ตามแบบฉบับหนุ่มโสด พี่กล้วยให้สมญานามแผนกของเราว่า “หนุ่มโสดโลกยังเมิน”
“เออ ก็ชวนทุกคนนั่นแหละ กูให้พี่ดาเตรียมของไว้แล้ว” พี่กล้วยว่า
“พี่ดา สาวพม่าหัวใจเกาหลีที่พี่พูดถึงใช่ไหม?” พระพายถาม
พี่กล้วยเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ที่พระพายเข้ามาทำงานสองสามวันแรก ว่าที่บ้านมีแม่บ้านสาวชาวพม่า ที่ชอบนักร้องเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ ร้องเพลงเกาหลีได้ เต้นตามได้ทุกท่า แถมแต่งตัวถอดแบบจากสาวเกาหลีอีกด้วย พูดเสียบ่อยจนพระพายชักอยากเห็นหน้า
“ใช่ๆ เดี๋ยวมึงเจอพี่ดาแล้วจะร้องกรี๊ด พร้อมพูดว่านูน่า ซารังแฮโยเลยกูจะบอกให้” พี่กล้วยพูดพลางหัวเราะร่วน ทุกคนในแผนกก็พากันหัวเราะตาม
“มีเหล้าอีกล่ะสิท่า” พี่ปีผู้รู้ทันพี่กล้วยทุกอย่างเอ่ยปากถาม พี่กล้วยฉีกยิ้มเห็นฟันแทบครบสามสิบสองซี่
“สุราคู่กับชายชาติไทยโว้ยไอ้ปี” พี่กล้วยว่า ทุกคนร้องเฮโดยไม่สนใจพี่ปีเลยสักนิด
“ตลอดปีตลอดศกแหละคนอย่างมึง” พี่ปีพูดพลางส่ายหน้า และเมื่อเข็มนาฬิกาแตะตรงห้าโมงเย็น ทุกคนก็พร้อมเพรียงวางงานไว้บนโต๊ะทันที หัวหน้าแผนกได้แต่ส่ายหน้าพร้อมหัวเราะในความตรงต่อเวลาเลิกงานของพนักงานแผนกตัวเอง
“หัวหน้าไม่ไปกับพวกผมเหรอครับ?” พี่กล้วยเอ่ยชวน
“ผมไม่โสดเหมือนพวกคุณนะ ต้องกลับไปเลี้ยงลูก กลับบ้านกันดีๆนะ กล้วยอย่ามอมเหล้าน้อง” หัวหน้าแผนกบอกก่อนจะเอ่ยปากเตือน
“ระดับผมไม่แกล้งน้องหรอกครับ” พี่กล้วยบอกก่อนที่จะยกมือไหว้ลาหัวหน้าแผนก เหล่ารุ่นน้องก็ทำตามอย่างพร้อมเพรียง
ทุกคนเลือกจะกลับบ้านไปอาบน้ำเพื่อเก็บข้าวของที่บ้านของตัวเองกันเพราะพี่กล้วยอยากให้ทุกคนค้างที่บ้าน อีกอย่างถ้าหากดื่มเหล้ากันแล้วคงกลับบ้านกันไม่ไหวแน่นอน พระพายเดินผิวปากอารมณ์ดีขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับไปยังห้องพัก เตรียมตัวจะไปกินปิ้งย่างบ้านพี่กล้วยอย่างสบายอารมณ์
ใช้เวลาไม่นานนักพระพายก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเตรียมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้มาด้วยจากนั้นก็เดินลงมายังชั้นล่างของห้องพัก โบกแท็กซี่ไปยังบ้านพี่กล้วยซึ่งเจ้าตัวบอกชื่อซอย ถนนและทางไปให้มาเสร็จสรรพ พี่กล้วยให้นั่งแท็กซี่เพราะไม่ได้แพงมากจนเกินไป อีกทั้งสะดวกกว่านั่งรถเมล์ไปหลายสายหลายต่อ มาถึงบ้านพี่กล้วยก็เกือบค่ำ พระพายกดออดแค่สองครั้ง พี่กล้วยก็วิ่งออกมาเปิดให้อย่างรวดเร็ว
“เร็วๆไอ้พาย รอมึงคนเดียวเลย” พี่กล้วยว่า พระพายรีบเดินเข้าไป เห็นร้องเท้าหลายคู่วางอยู่เต็มประตูหน้าบ้าน
นี่เป็นครั้งแรกพระพายมาบ้านของพี่กล้วย บ้านในหมู่บ้านจัดสรรที่ราคาน่าจะแพงเอาการ อีกทั้งพื้นที่ใช้สอยก็เยอะแยะ เคยได้ยินรุ่นพี่อีกคนในแผนกบอกว่าพี่กล้วยเป็นคนมีฐานะดี แต่เจ้าตัวเป็นคนติดดินและชอบทำอะไรตามใจตัวเอง มองเผินๆเหมือนคนไม่น่าจะมีเงินเสียด้วยซ้ำไป
พี่กล้วยจับกระเป๋าเป้ของพระพายโยนลงตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ก่อนที่จะนำทางไปยังสวนหลังบ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ๆในแผนกนั่งกันอยู่ครบ ปูเสื่อตั้งวงเหล้าพร้อมเตาปิ้งย่างวางอยู่ไม่ไกลมากนัก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนหันหลังกำลังย่างหมูสามชั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ไอ้พาย นี่พี่ดา แม่บ้านบ้านกูเอง” พี่กล้วยแนะนำ พระพายรีบยกมือไหว้ แม่บ้านสาวของพี่กล้วยนั้นหน้าตาน่ารักแต่การแต่งตัวนี่แทบจะแหวกแนวเหมือนนักร้องไอดอลเกาหลีหลุดออกมาจากเวที นั่นทำให้พระพายยิ้มกว้าง
“เป็นไงพี่ดาของกู” พี่กล้วยถามพระพายที่ตอนนั่งลงข้างพี่ปี
“นึกว่าซีแอลมาเองเลยพี่” พระพายว่าพลางหัวเราะเบาๆ
“วันนี้พี่แกจัดเต็มเลยเพราะกูบอกน้องๆกูมา” พี่กล้วยพูดไปหัวเราะไป
“ไอ้กล้วย กูไปช่วยพี่ดาย่างหมูนะ” พี่ปีว่าก่อนที่จะลุกไปหน้าเตา พี่กล้วยพยักหน้ารับ
“ชนๆ ไม่เมาไม่หยุดโว้ย” พี่กล้วยพูด ทุกคนพร้อมใจกันชนแก้ว พูดคุยกันสนุกสนานพร้อมกับเปิดเพลงจังหวะมันๆไปด้วย
เวลาผ่านไปพอสมควร ทุกคนยังคงสนุกสนานกับรสอร่อยของสารพัดอาหารย่างที่พี่ดาขยันปิ้งย่างอย่างไม่ยอมหยุดโดยมีพี่ปีช่วยบ้างเล็กน้อย แม้จะยังไม่เมาหัวทิ่มแต่ก็ห่างไกลจากคำว่ามีสติ แต่ละคนเริ่มมึนกันได้ที่ พี่กล้วยลุกขึ้นเต้นโดยพี่ในแผนกอีกคนแหกปากร้องเพลง เป็นภาพที่ทุเรศสายตาแต่เรียกเสียงฮาจากทุกคนเป็นอย่างดี
พระพายนั่งโยกไปตามจังหวังเพลง มือนั้นตบเป็นจังหวะเพื่อเชียร์พี่กล้วยที่ตอนนี้เต้นท่ารูดเสากลางอากาศ ทันใดนั้นมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พระพายสะดุ้งเบาๆก่อนที่จะล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นโทรเข้ามา พระพายรู้สึกใจแกว่งนิดๆเพราะแอบคิดว่าอาจจะเป็นพิธานที่โทรมาเข้ามา เชื่อว่าอีกฝ่ายคงจะรู้เบอร์โทรแน่นอน
“สวัสดีครับ” พระพายรับสายพร้อมพูด เสียงรอบข้างยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“อยู่ไหน?” คำถามสั้นๆ พระพายเงียบไปก่อนตอบกลับ
“นั่นใครครับ?”
“รู้อยู่แล้วยังจะถาม” คำตอบนั้นเป็นที่แน่นอนว่าคนที่โทรมาคือพิธาน พระพายถอนหายใจเบาๆ ที่พิธานรู้ทันแม้กระทั่งความคิดภายในใจ
“มีอะไร?”
“มาที่คอนโด”
“ตอนนี้ไม่ว่าง”
“ลืมสถานะของตัวเองไปแล้วรึไง?”
“ตอนนี้ไม่สะดวกจริงๆ” พระพายยืนกรานจะไม่ไปเพราะสัญญากับพี่กล้วยแล้วว่าจะนอนค้างที่นี่
“ได้...ถ้าอย่างนั้นเตรียมตัวเป็นคนดังได้เลย” พิธานพูด พระพายเบิกตากว้างเมื่อได้ยินพิธานพูดเช่นนั้น
“ก็ได้ ไปก็ได้ ขอเวลาเดี๋ยวเดียว” พระพายตัดสายทิ้ง ก่อนที่จะหันไปมองพี่กล้วยที่กำลังเต้นแร้งเต้นกาอยู่ เห็นอย่างนี้คงจะพูดด้วยยากเพราะพี่กล้วยกำลังสนุกได้ที่ พระพายจึงเลือกที่จะเดินไปหาพี่ปีที่กำลังยืนอยู่หน้าเตา
“พี่ปี” พระพายเรียก
“ว่าไงพาย” พี่ปีถาม มือนั้นก็ง่วนอยู่กับการพลิกเนื้อบนเตา
“ผมมีธุระด่วน” พระพายว่า
“อย่างนั้นเหรอ แล้วจะไปไหวไหม?” พี่ปีถามอย่างเข้าใจ
“พอไหวครับ ฝากบอกพี่กล้วยได้ไหม ผมไม่กล้าบอก กลัวพี่แกไม่ให้ไป” พระพายว่า
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไปเถอะ” พี่ปีว่า พระพายยกมือไหว้ขอบคุณ และรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาแล้วออกไปจากบ้านพี่กล้วย ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ถนนยังคงวุ่นวายไปด้วยรถราเพราะวันนี้เป็นวันหยุด
ใช้เวลาเยอะไปพอสมควรกว่าจะถึงคอนโดหรูของพิธาน พระพายกระหืดกระหอบวิ่งไปยังลิฟต์เพราะพิธานส่งข้อความมาทางไลน์เมื่อตอนอยู่บนแท็กซี่ตอนใกล้จะถึงว่าถ้าอีกสิบนาทียังไม่ถึงห้องจะได้เจอดีแน่
พระพายกดออดหน้าห้องของพิธานพลางหอบหายใจเพราะเหนื่อยจากการวิ่งมา อีกทั้งดื่มเหล้าเข้าไปด้วยทำให้รู้สึกหมดแรงง่ายกว่าปกติและมึนๆพอสมควร เพียงไม่นานนักประตูก็เปิดออกแต่ไร้ซึ่งวี่แววของคนเปิด พระพายรีบเดินเข้าไป ภายในห้องนั้นดูไฟสลัวๆราวกับหรี่ไฟไม่ให้สว่างเกินไป
“เอ่อ...มาแล้ว” พระพายพูดออกไป แต่ไร้เสียงตอบรับใดๆจากเจ้าของห้อง
“นี่....อยู่รึเปล่า?” พระพายถามออกไปอีกครั้ง พลางเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“โชคยังเข้าข้างนะที่มาทันเวลา” เสียงพิธานดังขึ้นจากห้องนอน เจ้าของเสียงเดินมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวผืนเดียว ดูเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเพราะมือนั้นกำลังเช็ดผมที่เปียกหมาดๆอยู่
พระพายมองพิธานตรงหน้า ชายร่างสูงผิวขาวสว่างกับกล้ามเนื้อตึงแน่นสวยงาม ใบหน้าหมดจดนิ่งเฉยเชิดขึ้น สายตามองต่ำลงมายังตัวพระพายราวกับมองของไร้ค่าชิ้นหนึ่ง พระพายเบือนหน้าอย่างรู้สึกอึดอัด อึดอัดทั้งสายตาที่ส่งมาและหุ่นกึ่งเปลือยเปล่าของพิธาน
“ที่ไม่ว่างเพราะไปกินเหล้ามาอย่างนั้นเหรอ?” พิธานถาม คิ้วขมวดอย่างไม่ชอบใจในเหตุผลที่พระพายบอกว่าไม่ว่างอย่างการไปดื่มเหล้า
“ก็นิดหน่อย” พระพายตอบสั้นๆ รู้สึกเหมือนไร้ทางสู้ชอบกลเมื่ออยู่ต่อหน้าพิธาน ไม่ชอบเลยกับสถานการณ์เช่นนี้
“ไปอาบน้ำ เหม็นควันชะมัด” พิธานถูจมูกบ่งบอกถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จากตัวของพระพาย
“ไม่...” พระพายพูดไม่ทันขาดคำ พิธานกลับโยนผ้าที่ใช้เช็ดผมใส่หน้าพระพาย
“ถ้าพูดแล้วไม่ฟัง รู้ใช่ไหมว่าจะเจอกับอะไร” พิธานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆราวกับไร้อารมณ์ แต่พระพายกลับรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนไม่ใช่แค่คำขู่ธรรมดาทั่วไป
พิธานเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนโดยไม่เหลียวมองพระพายอีก พระพายจึงรีบเดินเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับห้องนอน ห้องน้ำที่กว้างขวางดูครบครัน ตกแต่งด้วยสไตล์เท่ๆเหมือนเจ้าของห้อง พระพายอาบน้ำไปพลางขบคิดไป ไม่รู้ว่าหลังจากอาบน้ำเสร็จจะเจออะไรบ้าง
พระพายนั้นรู้ดีว่าเหตุผลที่ตนมายืนอยู่ตรงนี้ ที่นี่ ในเวลานี้คือการทำตามสัญญาที่ตกลงไว้ สัญญาที่จะเป็นคู่นอนตามระยะเวลากำหนด แม้จะเคยมีอะไรกันมาแล้วแต่มันต่างกับครั้งที่แล้วสิ้นเชิงเพราะครั้งที่แล้วพระพายเมาแบบหมดท่า เหมาจนประคับประคองตัวเองไม่ได้แต่ครั้งนี้มีสติครบถ้วนไม่ได้เมาหัวทิ่มบ่อเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว จะมีก็แค่มึนหัวนิดหน่อยก็เท่านั้น เท่ากับว่าการมีอะไรกันในครั้งนี้และครั้งต่อๆไป พระพายจะทำมันโดยมีสติครบถ้วน นั่นหมายความว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำมันลงไปโดยที่รู้ผิดชอบชั่วดีทุกอย่าง
ตอนนั้นจำอะไรได้พอสมควร แต่ก็ลืมความรู้สึกไปแล้วว่าเป็นเช่นไร เห็นร่องรอยและความเจ็บปวดในตรงนั้นที่กว่าจะรักษาหายก็ใช้เวลาหลายวัน ความแข็งขืนที่สอดใส่เข้ามาพระพายก็เริ่มลืมเลือนมันแล้วและไม่อยากจดจำแม้กระทั่งความรู้สึกสุขสมที่ไม่อาจแน่ใจว่าจะมาจากตัวพิธานหรือเพราะความเมากันแน่ พระพายไม่มั่นใจอะไรสักอย่างในตอนนั้น แต่ตอนนี้ความเป็นจริงกำลังกลับมาอีกครั้ง กลับมาตอกย้ำให้พระพายต้องจดจำมันไปอีกนานเท่านานว่าตนต้องกลายเป็นเบี้ยล่างให้กับพิธาน ชายที่จิตใจยากแท้หยั่งถึงคนนั้น
พระพายจำได้ดีในวันนั้นวันที่พิธานบอกว่านี่คือเกม เป็นเกมที่พิธานเป็นคนสร้างขึ้นด้วยเงื่อนไขที่ดูจะต่ำทรามไปเสียหน่อย นั่นบ่งบอกได้ว่าคนๆนี้ต้องการทุกอย่างได้โดยไม่สนวิธีการหรือความถูกต้อง เป็นคนอันตรายที่หากพบเจอแล้วต้องหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ตอนนี้พระพายไม่สามารถหนีได้แล้ว ต้องกลายเป็นเบี้ยหมากในเกมที่พิธานสร้างขึ้น ต้องเดินเกมต่อไปจนกว่าจะหมดเวลา รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องแพ้แต่พระพายจะยืนหยัดให้ตนเองเจ็บช้ำให้น้อยที่สุดและให้คนที่ชนะแน่นอนอย่างพิธานยับเยินให้มากที่สุดเช่นกัน หมายมั่นปั้นมือไว้เช่นนั้นและพระพายจะต้องทำให้ได้
การอาบน้ำของพระพายใช้เวลานานมาก ราวกับจะประวิงเวลาให้นานอีกหน่อยก่อนที่จะต้องพบเจอสิ่งที่ยากจะทำใจ เมื่อคิดว่าพร้อมเผชิญหน้าแล้วพระพายจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำ ไม่รู้เพราะความโชคร้ายที่มีมาแต่ใดของพระพายที่หยิบชุดนอนตัวโปรดที่ใส่มาตลอดเพราะคิดจะมานอนกับพวกพี่ๆในแผนกจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องความดูดี ชุดนอนที่ใส่ตอนนี้คือเสื้อกล้ามห่านคู่สีขาวย้วยและขาดเป็นรูๆกับกางเกงขาสั้นลายกราฟฟิคยอดฮิตของเจเจที่สีดูตุ่นๆเพราะใส่มานานหลายปีตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย มองภาพรวมของตัวเองแล้วอยากจะร้องไห้ มายืนได้ผิดที่ผิดทางขัดแย้งกับห้องหรูที่มายืนอยู่จริงๆ
หลังจากยืนไว้อาลัยให้ชุดนอนของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระพายจึงเดินเข้าสู่ลานประหารอย่างห้องนอนที่ตอนนี้เปิดประตูรออยู่ เครื่องปรับอากาศที่ห้องนั่งเล่นว่าเย็นแล้วแต่ในห้องนอนกลับเย็นกว่าหลายเท่านัก เสื้อยืดห่านคู่คงจะเอาไม่อยู่แน่ๆ เมื่อเข้าไปก็พบว่าเห็นพิธานนั่งพิงหัวเตียงมองมาทางพระพายที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
“อาบน้ำหรือขัดห้องน้ำ?” พิธานถามพร้อมจ้องหน้าพระพาย
“ก็เหม็นไม่ใช่รึไง เลยต้องอาบเยอะหน่อย” พระพายแก้ตัวไปเช่นนั้น
“มานี่” พิธานสั่ง พระพายรู้สึกก้าวขาไม่ค่อยจะออก แม้จะไม่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆแต่รู้สึกสายตาของพิธานนั้นดูร้อนแรงชอบกล
“เร็ว!!” พิธานสั่งอีกครั้ง คราวนี้เสียงดังขึ้นกว่าครั้งแรก พระพายรีบก้ามขาออกอีกทั้งยังสะดุดอากาศเพราะความลนลาน
พระพายเดินไปถึงเตียง มองพิธานที่เปลือยท่อนบนสวมแค่กางเกงขายาวเท่านั้น พระพายค่อนแคะในใจคนอะไรไม่ใส่เสื้อแต่ทำไมไม่หนาวตัวสั่นทั้งที่หนาวขนาดนี้ พิธานยังคงจ้องมองพระพายอยู่เช่นนั้นก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งหลังตรง พระพายจึงขยับตัวนั่งลงบนเตียงทันที
“จะ..จะให้ทำอะไร?” พระพายถามเสียงเบา ตานั้นเสมองไปทางอื่น ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกตอนนี้ว่าอย่างไรดี กลัว ตื่นเต้นหรือระทึกใจกันแน่ ทุกอย่างตีรวนในหัวสมองของพระพาย มือนั้นสั่นน้อยๆและกำลังพยายามทำใจให้สงบที่สุด มาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีทางให้หนีแล้วยังไงก็ต้องทำตามสิ่งที่พิธานต้องการ
พิธานไม่พูดอะไรแต่กลับลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ดึงกล่องพลาสติกสีขาวออกมาซึ่งไม่รู้ว่าข้างในนั่นมันคืออะไร กล่องเท่ากับกระดาษลังบรรจุพวกเบียร์ซึ่งถือว่าใหญ่พอสมควร พิธานยังคงนิ่งเงียบก่อนที่จะนำกล่องมาวางข้างล่างตรงปลายเตียงแล้วเปิดฝาออก พระพายที่อยากรู้อยากเห็นจึงชะโงกหน้าไปมอง
“นั่นมัน...”
พระพายเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งของในกล่องนั้น พิธานยกยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายวิบวับดูอันตรายพร้อมกับหยิบของในกล่องขึ้นมาถือไว้ในมือ พระพายกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ดูท่าว่าเกมนี้จะโหดหินเกินกว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆเสียแล้ว
++++++++++++++++++++++++++
*Lyrics : Toxic By Britney Spears.