บทที่ 24
พลันได้ยินเสียงหยางเย่ถิง มือของข้าซึ่งจับด้ามกระบี่ก็สั่นวูบ ครั้นยอดฝีมือพรรคคมเบญจมาศปรากฏกายเหนือท้องฟ้า หมู่คนชั่วพรรคมารก็ล่าถอยจากกำแพงอารามวัดมารวมตัวกันเบื้องหน้าเหลียวตง บุรุษชุดเหลืองอ่อนปักลายดอกเบญจมาศด้วยไหมเงินบนชายผ้า โจนถลานำผู้คนเข้ามานั้น มองปราดเดียวก็ล่วงรู้ว่าคือผู้ใด
“คุณชายรองตระกูลหยาง” ปิงหวนพึมพำใส่หูข้า
ข้าจะทำเป็นจำหยางเย่ถิงมิได้ก็ต้องล้มเลิก เพราะจู่ ๆ เจ้านั่นก็ใช้ปลายหางตาเหลียวมองข้าแล้วพูดว่า
“นางคณิกาจากอวี้หงหยวนทั้งสี่ ไยปรนนิบัติพวกข้าแล้วมิทันร่ำลาก็อาศัยฤทธิ์สุราจากมาเช่นนี้เล่า”ไม่นึกว่าเจ้านั่นจะเอาคืนข้าด้วยถ้อยคำเพียงประโยคเดียว เจ็บใจยิ่งกว่าโดนตบหน้าเสียอีก
พอเหลียวตงได้ฟังความเช่นนั้น ชั้นแรกสดับยินหมู่นักเลงคุมซ่องออกสรรพนามเรียกหยวนอวี้ฟ่านว่า
ประมุข ความคิดหนึ่งคาดเดาไว้อยู่แล้วก็สมใจตัว บรรดาคนซึ่งสีฝูเหยานำมาจะเป็นแค่นักเลงคุมซ่องนั้นสุดจะเหลือเชื่อ ครั้นความจริงปรากฏก็ค้นพบว่าหยวนอวี้ฟ่านผู้นี้คงมีฐานะสำคัญยิ่งกว่านางคณิกา คือประมุขพรรคเสี้ยวจันทรามิผิดแน่ ต่อมาได้ยินเจ้าหนุ่มรูปงามแต่งกายบ่งสำแดงว่ามาจากพรรคคมเบญจมาศออกปากว่า หยวนอวี้ฟ่านและผู้ติดตามแวะรับใช้พวกตัวก่อนมาเจอตนเองก็ฉุกสงสัย
มันจึงหัวเราะสำราญใจแล้วร้องตอบว่า
“เรื่องราวนี้หาได้เกี่ยวข้องกับพรรคคมเบญจมาศไม่ พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าพวกข้ามาจากสำนักใด”
หยางเย่ถิงคิ้วกระตุกหนึ่งหน ละสายตาจากการจดจ้องหยวนอวี้ฟ่านเพื่อสบมองหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬ เพียงสังเกตเครื่องแต่งกายภายนอกก็แจ้งแก่ใจสิ้น แล้วตอบว่า
“ฮึ หน่วยพยัคฆ์ทมิฬ”
กิริยาไร้ความยำเกรงของหยางเย่ถิงไม่นึกว่าจะปรากฏให้เห็นต่อหน้าต่อตาเหลียวตง มันไม่เคยประจักษ์ท่าทีจองหองอวดดีเช่นนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าตนเองจะไม่เคยประมือกับพรรคคมเบญจมาศ แต่เจ้าพวกปลายแถวเช่นนั้นเพียงแต่เหลือบแลชายชุดประดับลวดลายพยัคฆ์ปักไหมโคมแดงก็มีแต่จะรนรานร้องขอชีวิต แต่บุรุษสำนักคมเบญจมาศผู้นี้ทำหน้าราวกับเบื่อยุทธภพเต็มทน มิได้สนว่ากำลังเผชิญอยู่กับผู้ใด ฉุดให้มันโกรธอย่างไม่เคยฉุนโกรธเท่านี้มาก่อน
“ไม่ทราบว่า คุณชายท่านนี้มีนามว่ากระไร ข้าเหลียวตงหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬขอคารวะ”
หยางเย่ถิงชำเลืองมองเหลียวตงอีกครั้งก็ทำหน้าเบื่อโลกดังเดิม มิได้ตอบว่ากระไร จนลูกน้องใต้สังกัดของเหลียวตงผู้น่าจะล่วงรู้ความเป็นไปในยุทธภพมากที่สุด ก้มกระซิบบอกหัวหน้าตนเองว่าคือคุณชายรองตระกูลหยางแห่งเทียนซาน นามว่า หยางเย่ถิง
“ไม่นึกว่าข้าเหลียวตงจะมีวาสนาได้ต้อนรับคุณชายรองแห่งสำนักคมเบญจมาศด้วยตัวเองเช่นนี้”
ดวงตาหยางเย่ถิงสำรวจสถานที่โดยรอบด้วยความรวดเร็ว แล้วกล่าวซ้ำว่า
“อารามร้างแห่งนี้อยู่ในอาณาเขตดูแลของพรรคคมเบญจมาศ”
เหลียวตงก็หัวเราะดังลั่น ตอบว่า
“ข้าเคยได้ยินมาว่าพรรคคมเบญจมาศมีสำนักตั้งอยู่เทือกเขาเทียนซานมิใช่หรือ คุณชายรอง ก็แหละนี่คือที่ใด ท่านถึงพูดจาเอาแต่ได้เช่นนี้เล่า”
“ไยพี่รองมาเสียเวลาเจรจากับคนลิ้นสองแฉกเช่นนี้ ลงมือเถอะ”
ข้าจำน้ำเสียงหยางกุ้ยเฟยได้ก็เห็นว่าเป็นน้องสาวของหยางเยวี่ยนจริง ด้านข้างนั้นคือแม่นางเตียวหงอีกนางหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าแม่นางผู้กล้า เจ้าของวาจาเมื่อครู่นี้คือผู้ใดหรือ” เหลียวตงยังคงใช้ลิ้นตอบโต้ศัตรูไปมา ยังไม่คิดชิงลงมือก่อน
“หุบปากของเจ้าซะ ข้ารำคาญลิ้นสองแฉกของเจ้านัก” กุ้ยเฟยตวาดลั่น ทำเอาเหลียวตงพลันหน้าบึ้งตึงทันควัน
“ข้าหาได้มีลิ้นสองแฉกดังแม่นางกล่าวหา คำสบประมาทนี้ข้าสามารถขอหัวท่านมาเป็นรางวัลทดแทนหรือไม่เล่า”
“ก็เข้ามาเอาสิ” หยางกุ้ยเฟยโต้กลับเตรียมตัวรบ
“ช้าก่อน” หยางเย่ถิงคว้าไหล่น้องสาวไว้ด้วยมือเดียว เตียวหงคอยระวังอยู่ก็ฉุดแขนหยางกุ้ยเฟยไว้ให้สงบสติอารมณ์ก่อน
“อาณาบริเวณนี้คือแหล่งที่ตั้งของสำนักเฉินชิงหลุน”
คำหยางเย่ถิงจุดประกายวาบในดวงตาเหลียวตงทันควัน มันเหยียดยิ้มแล้วหัวเราะ พร้อมเจรจาว่า
“พวกข้าสืบเสาะทั่วยุทธภพเพื่อตามหาสำนักมีชื่อในอดีต มินึกว่าราตรีนี้จะได้คำตอบไม่คาดคิด ที่แท้พวกเจ้าก็ซุกซ่อนเฉินชิงหลุนไว้ในบริเวณนี้เอง เอาเถิด การปรากฏตัวของคุณชายรองนี้ถือว่าสมเหตุสมผล ก็เพราะเฉินชิงหลุนอยู่ในความดูแลของพรรคคมเบญจมาศมาช้านาน หากวัดร้างแห่งนี้อยู่ใกล้เฉินชิงหลุนดังว่าก็นับว่าพวกข้าล่วงเกินพวกท่านแล้ว”
“กลับไปซะ” หยางเย่ถิงกล่าวชี้แนะ
เหลียวตงก็หัวเราะดังลั่นอีกครั้ง แล้วตอบว่า
“ข้าย่อมจากไปแน่ แต่ก่อนคุณชายท่านจะปรากฏตัว ข้ามีธุระเจรจาความต่อนางคณิกาจากอวี้หงหยวนอยู่ ขณะกำลังสืบสาวชำระความ หมู่ท่านก็เข้ามาขัดขวางอ้างสิทธิ์ หากจะล่าถอยกลับไปในทันที เห็นทีชื่อเสียงของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬแห่งสำนักโคมแดงคงหม่นหมองเป็นแน่ วานรอสักชั่วครู่ชั่วยามข้าขอทำการให้เสร็จสิ้นก่อน”
ขณะเหลียวตงผละจากกำลังเดินเข้ามาทางหมู่ข้า หยางเย่ถิงก็ชักคมกระบี่ออกจากฝักกั้นกางไว้ ประกายแค้นปรากฏบนดวงตาเยือกเย็นของเหลียวตง มันกัดฟันตอบว่า
“เมื่อสักครู่นี้ข้าได้ยินคุณชายรองท่านกล่าวว่า บรรดานางคณิกาจากอวี้หงหยวนรับใช้ปรนนิบัติพวกท่านแล้วเร่งร้อนจากมานั้นเป็นความจริงหรือไม่”
“ใช่” หยางเย่ถิงตอบชัดถ้อยชัดคำ
“เผอิญว่าก่อนหน้า ข้าพบหัวหน้านักเลงคุมซ่องและพรรคพวกลักลอบอยู่ภายในวัด เห็นมีลับลมคมในตั้งใจจะสืบสาวหาความ เหตุว่ามีรายงานถึงประมุขพรรคพบเห็นกลุ่มคนปลอมแปลงแต่งกายเลียนแบบสำนักโคมแดงปรากฏตัวในอาณาบริเวณแห่งนี้มาสักระยะหนึ่ง”
ถ้อยคำเหล่านี้สะกิดใจทุกผู้คนจากพรรคคมเบญจมาศทันที
เหลียวตงเหยียดยิ้มสาแก่ใจทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของสำนักคมเบญจมาศ มันพูดต่อไปว่า
“ครั้นจะสอบความสีฝูเหยาหัวหน้านักเลงคุมซ่องก็ปรากฏว่าไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ กลับใช้วิชาโต้ตอบต่อสู้ ข้าหรือจะมีหนทางอื่นจึงได้ใช้ฝ่ามือพยัคฆ์ทมิฬสวนกลับ หัวของสีฝูเหยาจึงขาดจากร่างทันที”
“ไอ้คนชั่วช้า” หยางกุ้ยเฟยไม่อาจยับยั้งความรู้สึกไว้ได้ก็ตะโกนดังลั่น ประกายแค้นของเหลียวตงประทุวาบอีกครั้ง มันยังคงเล่าต่อไปราวกับมิได้มีผู้ใดขัดคอ
“คุณชายรองตระกูลหยาง ถูกอบรมฝึกวิชามาแต่จำความได้ ท่านจงตรึกตรองดูทีหรือว่า เหตุการณ์เหล่านี้มีความไม่ชอบมาพากลอย่างไร เพราะทันทีที่ข้าโยนศีรษะสีฝูเหยาเข้าไปในขบวนนางคณิกาจากอวี้หงหยวน สีหน้าสุดแค้นเคืองก็ปรากฏแทบจะทันควัน”
หยางเย่ถิงยังคงเหยียดกระบี่ไว้มั่นคงไม่ตอบคำใด เหลียวตงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบก็พูดต่อไปว่า
“พอข้าจับพิรุธนั้นได้ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงต้อนรับนางคณิกาทั้งสี่ด้วยมิตรไมตรี ไม่นึกว่าพวกนางนอกจากจะไม่สัตย์ซื่อแล้วยังคิดลอบวางยานอนหลับ หนำซ้ำแม่นางคณิกาชั้นเอกผู้นั้นยังใช้กลอุบายดีดพิณผีผาสอดแทรกท่วงทำนองสยบจิตไว้อีก กิริยาคิดไม่ซื่อเช่นนี้ปรากฏก่อนหน้าพวกท่านเพียงไม่นาน ข้ากำลังเค้นความก็ถูกเข้าขัดขวาง หากแท้จริงแล้วทั้งสีฝูเหยาและพรรคพวก รวมถึงนางคณิกามีความเกี่ยวข้องกัน ไม่เพียงแต่เป็นปุถุชนประกอบกิจการค้ากามตามปกติ ทว่ามีความเกี่ยวโยงกับยุทธภพ ซึ่งมีมิตรสหายผู้หนึ่งร้องเรียกแม่นางหยวนว่า ประมุข เช่นนี้ด้วยแล้ว คุณชายรองท่านย่อมจะสงสัยดุจเดียวกับข้าเป็นแน่ เช่นนั้นจงเปิดทางให้ข้าได้สอบความเถิด”
หยางเย่ถิงพลันสบตาข้าทันที แววตาสงสัยบังเกิดมีชั่วขณะก่อนจะถูกกิริยาเย็นชาเข้าครอบงำ เจ้าคุณชายนั่นตอบเหลียวตงไปว่า
“ข้าไม่เห็นว่าจะมีที่ใดเป็นพิรุธ นางโลมชั้นเอกผู้นั้นเคยรับใช้ข้าก่อนจากมา”
จู่ ๆ ใบหน้าหยวนหลงซานก็ถูกความร้อนเข้าครอบงำ มิหนำหยางเย่ถิงยังพูดหน้าตาไร้อารมณ์ว่า
“ตอนเปลื้องผ้า แม่นางหยวนก็หามีอาวุธลับซุกซ่อนไว้ที่ใด ดังเช่นชาวยุทธภพสมควรมี”
ข้าขอถอนคำพูดว่าเจ้าคุณชายรองพูดน้อยอ่อนด้อยประสบการณ์ทางกาม ปากคอเราะรายเช่นนี้ไม่นึกว่าจะได้พบเห็นกับตาตนเอง นอกจากคำว่า ‘ไร้ยางอาย’ แล้ว ประโยคเมื่อครู่นี้แล้วที่เจ็บแสบนัก รู้อยู่ว่าอีกฝ่ายคงแก้แค้นเอาคืนที่ข้ากระทำการลอบวางยาในน้ำแกงแถมเล่นพิณสยบจิตเพื่อหลบหนีออกมาจากเฉินชิงหลุน
เหลียวตงไม่นึกว่าหยางเย่ถิงจะว่ากล่าวบรรยายเหตุการณ์ได้ไร้ความละอายเช่นนั้น ตอนแรกคิดว่าคำโกหก พอลอบสังเกตหยวนอวี้ฟ่านก็ปรากฏสีหน้าแดงสุดอับอายก็นึกเดาได้ว่าคงมีมูลความจริง มันจึงหันมาถามข้าว่า
“แม่นางหยวนได้ปรนนิบัติคุณชายรองตระกูลหยางจริงหรือ”
หากข้าจะตอบไม่เป็นความจริงก็เหมือนปฏิเสธความช่วยเหลือจากหยางเย่ถิง แต่จะตอบว่าคือความจริงก็สุดละอายปาก
เหลียงจินพิจารณาประมุขพรรคมีกิริยาอับจนใจก็สู้ตอบแทนว่า
“ข้าพเจ้าถือโอกาสตอบแทนนายหญิง ก็กลุ่มคนที่เราสู้ขับม้าออกฉางอันเพื่อปรนนิบัตินั้นจะเป็นผู้ใดได้นอกจากคุณชายรองตระกูลหยางและบรรดาหัวหน้าระดับสูงของพรรคคมเบญจมาศ”
“ขอคารวะในความใจกล้าของแม่นางจิน” หัวหน้าเสินหวู่ปรากฏตัวร้องรับถ้อยคำเหลียงจินทันที ฝ่ายเหลียงไถจินก็ได้แต่ก้มคำนับ
“ข้าพเจ้าขออภัยพวกท่าน ที่ไม่อาจปกปิดเรื่องราวทำมาหากินไว้กับตัวได้ หากหัวหน้าเหลียวจะคาดคั้นเอาความว่าพวกข้าพเจ้าคิดไม่ซื่อ สู้อุตส่าห์ลงมือวางยาและใช้วิชาออกสู้ ก็ชีวิตตัวเองมีชีวิตเดียวจะมีหลายชีวิตหรือก็มิได้ จำต้องนำเรือนกายทำมาหากินเช่นนี้ หากหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬพลั้งมือสังหารพวกข้าพเจ้าและนายหญิง เหตุว่าสงสัยว่าเป็นคนพรรคเสี้ยวจันทรา ข้าพเจ้าและนายหญิงจึงจำเป็นต้องลงมือทำอุบายเช่นว่ามา หามีหนทางเลือกได้ไม่”
“แล้วคำซึ่งลูกน้องสีฝูเหยาร้องเรียกแม่นางหยวนเล่า พวกเจ้าจะแก้ต่างประการใด” เหลียวตงยังคงไม่วางมือ
ข้าเห็นเป็นโอกาสของตัวเองจึงตอบว่า
“ประมุขฝ่ายนางโลมแห่งหออวี้หงหยวนจะเป็นผู้ใดได้เล่า นอกจากข้าหยวนอวี้ฟ่านเท่านั้น”
คิ้วหยางเย่ถิงก็กระตุกอีกครั้งอย่างไม่ชอบใจ
“ลายผ้าเช็ดหน้าปักเป็นรูปเสี้ยวจันทราของแม่นางนี้ ข้ามองอย่างไรก็คือสัญลักษณ์ของสำนักมีชื่อนั้น”
ขอให้มันมีลิ้นสองแฉกสมคำแม่นางหยางกุ้ยเฟยทีเถิด เหลียวตงสู้กัดไม่ยอมปล่อยเช่นนี้ประดุจอสรพิษยิ่งนัก
“ประมุขพรรคเสี้ยวจันทราไยต้องลงมาประกอบสัมมาอาชีพเป็นนางคณิกาด้วยเล่า” ข้าหัวเราะขบขัน “ข้ามีความแค้นต่อสีฝูเหยานั้นจริงอยู่ แต่บรรดาลูกน้องชั้นปลายแถวเหล่านี้ ข้ามิได้คิดแค้นเคืองจึงคิดปล้นช่วยกลับอวี้หงหยวน ก็เมื่อความจริงมีแต่เพียงเท่านี้การอันข้าลอบวางยาในสุรา อีกทั้งเล่นพิณสยบจิต ก็เพื่อใช้หลบหนีเท่านั้นเอง”
ดูเหมือนเหลียวตงจะคล้อยตามคำข้าอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“ปล่อยพวกนางไป” หยางเย่ถิงยื่นคำขาด
เหลียวตงสบถวาจาหยาบคาย จดจ้องหยางเย่ถิงราวกับสุนัขแส่ไม่เข้าเรื่อง มันตอบว่า
“ไม่นึกว่าคุณชายรองตระกูลหยางจะมักมากในกาม หนำซ้ำยังติดตามมาช่วยเหลือนางโลมราวกับคนรักก็ไม่ปานเช่นนี้ ข้าเหลียวตงขอนับถือ หากเรื่องราวคลี่คลายเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องขอตัวลา แต่ข้าขอจ้างวานแม่นางจินไปรับใช้ข้ายังที่พำนักได้หรือไม่ ก็ในเมื่อแม่นางหยวนรับใช้คุณชายรองหยางมาก่อน เกรงว่าจะออกปากซื้อตัวไปก็เหมือนกับตบหน้าคุณชายรองด้วยมือเปล่าโดยซึ่งหน้ากระนั้น”
ข้าส่งสายตาให้เหลียงไถจินปฏิเสธ หัวหน้าเสินหวู่หลุดกิริยาสงบนิ่งพลันปรากฏดวงตากรุ่นโกรธ
“ข้าพเจ้ายินดี”
เหลียงจินส่งยิ้มให้ข้าสลับหัวหน้าเสินหวู่และเหลียวตง
ฝ่ายหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬนั้นก็ยกยิ้มกว้าง เข้ามาฉุดมือเหลียงจินให้ติดตามไปในหมู่พวกพรรคมาร โดยข้าไม่ทันได้ขบคิดกลอุบายฉุดรั้งเหลียงจินไว้ได้ทัน
ทันใดนั้นกรงเล็บพยัคฆ์ทมิฬก็กุมรอบลำคอของเหลียงจินรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ หยวนอวี้ฟ่านเอ๋ยหยวนอวี้ฟ่าน”
“เจ้าจะทำสิ่งใด” ข้ากำลังจะกระโจนไปชิงตัวเหลียงจิน เหลียวตงก็โยนของบางสิ่งมาให้ข้าแทน ข้าคว้าไว้ด้วยมือซ้าย ปรากฏเป็นป้ายหยกประจำตัวประมุขพรรคเสี้ยวจันทรา
“ข้าพบป้ายนี้ในอกเสื้อของสีฝูเหยา เจ้าคือประมุขพรรคเสี้ยวจันทรามิผิดแน่ แต่อุปนิสัยตีสองหน้าของเจ้า ชอบเล่าเรื่องโกหก ตบตาผู้อื่นเพื่อเอาตัวรอด สักวันคงหวนมาทำลายพรรคเสี้ยวจันทราเข้าสักวัน ข้าขอตัวแม่นางจินเป็นตัวประกันเปิดทางเพื่อหลบหนี หากมีผู้ใดติดตามก็อย่าหวังจะได้เห็นแม่นางผู้นี้มีชีวิตสืบต่อไป ถ้าเข้าใจเป็นอันดีแล้ว ข้าเหลียวตงขอตัวลา อ้อ ประการหนึ่ง ในอีกมิเกินสองวันนับจากนี้ เจ้าจงสังเกตโคมแดงลวดลายเปลวเพลิงหน้าสำนักอวี้หงหยวนเถิด”
พูดจบ หมู่คนพรรคมารก็ถลาขึ้นสู่เบื้องบน ใช้วิชาตัวเบาเหินทะยานไปในเงามืด
“ติดตามไป” ข้าตะโกนออกคำสั่งพวกตัวโดยเร็ว ขณะสบตาหยางเย่ถิง สมาชิกพรรคคมเบญจมาศต่างเห็นพ้องเช่นเดียวกับคำสั่งข้า รอเพียงเจ้านั่นออกคำสั่งเท่านั้น
“ข้าไม่อาจให้ความลับของข้าถูกนำไปรายงานถึงหูประมุขพรรคมารได้ เช่นเดียวกับความลับสถานที่ตั้งเฉินชิงหลุน เจ้าจะช่วยข้าหรือไม่ก็ตามแต่ใจเถิด”
ชั่วขณะเสียงราตรีขับสีกับสายลม
“ติดตาม” เป็นคำบัญชาของคุณชายรองตระกูลหยางแห่งเทียนซาน
**********************
พูดคุยนี้ขนาดไม่ใช่หัวหน้าพรรคมาร ยังชั่วขนาดนี้ แล้วหัวหน้าพรรคจะชั่วขนาดไหน
ประมุขพรรคมารจะปรากฏตัวเร็ว ๆ นี้ล่ะครับ อดใจรอนิดนึง
มีคนมาช่วยอะเนาะ แหม่ๆ
แหมๆ เหม็นความรัก ใช่ไหมครับ
คุณชายรองมาช่วยแล้วใช่ไหม
ใช่จ้า
น่าจะตัดหัวมันนนนน
ต้องรอลุ้นครับ ว่าหยวนหลงซานจะได้หัวเหลียวตงหรือไม่