คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
บทที่ 32
คำแนะนำ
---------
รติมิได้ตีโพยตีพาย กิจการใดๆที่เขาเคยดูแลมาโดยตลอดก็ยังดูแลเช่นนั้น ยามออกไปยืนขายสมุนไพรที่หน้าร้านก็ยังคงยิ้มแย้มเชิญชวนลูกค้าเหมือนทุกที แต่ยามเผลอ...เป็นต้องเซื่องซึมแตกต่างไปจากคนเก่าที่แสนร่าเริง
หลายวันมานี้ เรือนอหัสกรกลับมาใช้ชีวิตอย่างเดิม คือไม่มีแขกมาเยือนยามมื้ออาหารอีก กระนั้น รติก็หาใช่เหมือนเดิม แม้พบหน้าตรัสทุกวันและทั้งวัน แต่หาได้สบตาหรือมองหน้าแต่อย่างใด
ตรัสอึดอัด คนรอบข้างก็พลอยอึดอัด สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นย่า
“เป็นอย่างไรบ้าง หมู่นี้เราสองย่าหลานไม่ได้คุยกันตามลำพังเลย”
หญิงชรากล่าวเช่นนั้น ตรัสจึงเพิ่งรู้ตัว เดิมทีพวกเขามีกันเพียงสองคน พบหน้าเวลาใดก็ย่อมพูดคุยกันได้โดยไม่มีเรื่องปิดบัง แต่เวลานี้มีคนเข้ามาอยู่ในครอบครัวเพิ่มอีกสาม ย่อมไม่มีเวลาเป็นส่วนตัวตามสายโลหิตเช่นเคย
“ขออภัยขอรับท่านย่า”
“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องขออภัย ข้าไม่ได้ว่าอะไร เห็นเจ้ามีความสุขก็ดีใจ”
ตรัสพูดไม่ออก ชีวิตคู่ที่ถูกบังคับให้สร้างขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งคู่ชีวิตก็ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตรัสยอมรับว่าช่วงแรกนั้นลุ่มๆดอนๆอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป รติพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าพร้อมจะเคียงข้าง พร้อมจะฟันฝ่า หาใช่เข้ามาชุบมือเปิบสุขสบาย อีกทั้งการเข้ามาของรติ ยังทำให้เขาคลายภาระลง ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายสร้างความสุขให้เขาจริงๆ
แต่...ความสุขนั้นอยู่ไม่นาน ตรัสเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของสามีภรรยาเดินทางมาถึงจุดที่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดกันเช่นนี้ได้อย่างไร
“ท่านย่า...เคยทะเลาะกับท่านปู่ไหมขอรับ”
“เคยซี สามีภรรยากระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะปล่อยให้เรื่องธรรมดาเช่นนั้นกลายเป็นความเคยชินไม่ได้ ทุกข์สุขร่วมเสพ โกรธเคืองให้อภัย นั่นคือหลักของคู่ชีวิตที่จะมีชีวิตคู่อย่างยืนยาว แต่จะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต้องพูดจาหารือกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเงียบ”
ตรัสมองหน้าผู้เป็นย่า
“แต่ข้า...ไม่รู้จะพูดอะไร...”
“ย่าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่รู้ เพียงแต่ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรมากกว่า เอาอย่างนี้...พรุ่งนี้ หยุดร้านสักวัน พารติไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากันสองคน ย่าเชื่อว่าบรรยากาศเป็นสิ่งสำคัญ”
ตรัสรับฟังอย่างเงียบๆ ตั้งใจว่าคืนนี้เมื่อมีเวลาอยู่กับรติเพียงลำพัง จะออกปากชวนอีกฝ่ายไปเที่ยวตามคำแนะนำ
แต่...ความตั้งใจของตรัสล่มไม่เป็นท่า
คืนนั้นเมื่อเขาไปตามรติจากโรงครัว ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ก็เป็นฝ่ายภรรยากล่าวขึ้นมาอย่างเรียบๆว่า
“คืนนี้ข้าขอไปนอนกับระพีได้ไหม ระพีฝันร้าย อยากให้ข้าไปนอนด้วย”
ตรัสไม่รู้ว่าตนเองควรรู้สึกเช่นไร และเวลานี้เขารู้สึกเช่นไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายออกปากขอไปนอนกับน้องชาย อีกทั้งยังมีเหตุผลหนุนหลัง เขาก็ย่อมพูดไม่ออก
รติเห็นว่าคู่สนทนาเงียบไป ก็ถือเอาว่าเป็นคำอนุญาต จากที่จะต้องเดินไปยังเรือนนอนที่ตนอาศัยมาตั้งแต่แต่งงานเข้าอหัสกร ก็เบี่ยงปลายเท้าไปยังอีกปีกของเรือนที่เป็นห้องนอนของน้องชายแทน
แล้วคืนนั้น...สองสามีภรรยาก็แยกกันนอนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน
----------
เด็กชายระพีนอนหลับไปแล้ว แต่คนที่นอนด้วยยังไม่หลับ
ค่อนคืนแล้ว แต่รติยังตาค้าง
เขานอนตะแคงมองร่างป้อมที่นอนแผ่ เห็นระพีนอนหลับสบายแล้วก็พลอยเบาใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้จะเกิดอะไรขึ้น ทั้งรุจีและระพีก็ยังมีบ้านอยู่
รติถอนหายใจเบา ความมืดของยามค่ำคืนนั้นทำให้แววตาหม่นหมองกลายเป็นสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็มองไม่เห็น แต่...มองเห็นแล้วอย่างไร สุดท้ายแล้วคนที่ต้องจัดการกับมันก็มีแค่เขา
ในเมื่อเลือกแล้วที่จะทำเช่นนี้ ในเมื่อเลือกแล้วที่จะเดิมพันทุกสิ่งอย่างเพื่อสิ่งนี้ หากเกิดอะไรขึ้น ก็มีแต่ต้องยอมรับเท่านั้น
ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มยุ้ยของเด็กชายด้วยความเอ็นดู เป็นเด็กๆก็ดีอย่างนี้ ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลใจมากไปกว่ากินอิ่มนอนหลับ
ไม่แน่ใจว่าเพราะคืนนี้ระพีเองก็แปลกใจกับการที่พี่ชายมาขอนอนด้วยหรือเพราะนิ้วที่เกลี่ยแก้มไปมา ถึงทำให้เด็กชายหลับไม่ลึกเหมือนเคย
เปลือกตากะพริบถี่ๆ ระพีสลึมสะลือตื่นขึ้นมาอย่างง่วงงุน ปลายนิ้วยังยุกยิกอยู่กับแก้มของเขา ตะเกียงไฟในห้องก็ยังไม่ดับ พอเด็กชายหันมองคนที่นอนข้างกาย จึงทำให้เห็นว่ารติยังไม่หลับ
เด็กชายขยี้ตาเล็กน้อย พลิกกายเข้าหา
“ท่านพี่...นอนไม่หลับหรือขอรับ” ระพีถาม พยายามโอบสองแขนป้อมๆรอบร่างของผู้เป็นพี่ แต่ให้อย่างไรก็ไม่รอบ
“พี่ทำให้ตื่นหรือ”
“ฮื้อ...” เด็กชายปัดป่ายใบหน้าไปมาบนเสื้อของรติ พอเริ่มสร่างถึงได้เงยหน้ามองพี่ชายเต็มสองตา
“ท่านพี่ฝันร้ายหรือ”
รติเม้มปากก่อนจะส่ายหน้า เพราะสิ่งที่ทำให้เขานอนไม่หลับไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริงต่างหาก
“เปล่าหรอก”
“แล้วทำไมยังไม่นอน ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหวจะแย่เอาหนา” เด็กชายระพีนั้นช่างจดช่างจำ เวลาตนเองเอาแต่วาดรูปไม่หลับไม่นอน รุจีก็มักจะพูดเช่นนี้เสมอ พอเวลานี้รตินอนไม่หลับ เขาจึงนำคำที่เคยถูกพูดมากล่าวกับผู้เป็นพี่ชายแทน
“นั่นสินะ” รติรับคำ โอบร่างเด็กชายเข้ามากอด
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า การมีใครสักคนให้กอด แม้จะออกปากอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ก็ดีกว่าการนอนเงียบๆอย่างเดียวดาย
----------
ทว่าใครบางคน...เดียวดายโดยแท้
หาใช่เพียงรติที่นอนไม่หลับ แต่ตรัสก็ด้วย
ชายหนุ่มนอนฟังเสียง เฝ้ารอว่าจะได้ยินใครสักคนเปิดประตูเข้ามาหรือไม่ แต่จนกระทั่งฟ้าสางก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเดิน สุดท้ายจึงต้องลุกจากเตียง ล้างหน้าล้างตาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากเรือน ตอนนั้นเองถึงได้เห็นรติเดินเข้าโรงครัวตามกิจวัตร
ตรัสเดินตามไป หมายจะหาเวลาพูดคุย แต่ก็ต้องพบว่าในโรงครัวนั้น นอกจากพุดกรองและพุดซ้อนบ่าวประจำเรือนอหัสกรแล้ว ยังพบระพีมาช่วยพี่ชายด้วย
“พี่ตรัส อรุณสวัสดิ์ขอรับ” เด็กชายร้องทักอย่างร่าเริง รติชะงัก หันไปมอง แล้วก็พยายามทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติที่สุดด้วยการค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการทักทาย แต่ไม่พูดอะไรเลย
ระพีเป็นเด็กน้อย เดิมทีมิได้ช่างสังเกตว่าผู้ใหญ่รู้สึกต่อกันเช่นไร แต่เพราะเมื่อคืนรตินอนไม่หลับ เช้านี้ก็ยังดูไม่สดใส เด็กชายไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร รุจีกำลังดูแลท่านย่าอมราอยู่ เวลานี้คนที่พอจะรับฟังความคับข้องหมองใจของเด็กชายได้ก็มีเพียงตรัสเท่านั้น
แต่ในครัวมีรติอยู่ด้วย เด็กชายจึงทำได้เพียงเม้มปากมองหน้าตรัสไปมา
ตรัสเห็นเด็กชายมองเขา ไม่ทราบว่าเด็กน้อยมีเรื่องคับใจ แต่เมื่อคืนรติไปค้างกับระพี หากจะมีใครที่พอสอบถามเรื่องเมื่อคืนได้ก็คงมีแค่ระพี
“ในครัวมีทั้งน้ำร้อน มีทั้งไฟ เจ้าออกไปช่วยจัดโต๊ะข้างนอกจะดีกว่า มาเถอะ มากับข้า”
ระพีแทบจะคว้ามือของชายหนุ่มที่ส่งมา แต่พอหันไปเห็นรติก็เลยกระมิดกระเมี้ยน รติเห็นน้องชายมองตน จึงพยักหน้าให้ออกไปจากครัว เด็กชายจึงออกจากครัวไปพร้อมกับตรัส
พ้นออกมาจากครัวแล้ว เด็กชายระพีก็ถึงกับถอนหายใจยาว
“พี่ตรัสขอรับ พี่รติดูท่าจะไม่สบาย”
ตรัสยังไม่ทันถาม เด็กชายก็ออกปากแล้ว
พอพูดถึงคำว่าไม่สบายแล้ว ระพีก็อยากจะร้องไห้ ท่านปู่ที่เสียไปแล้วเคยบอกว่ายามที่รติไม่สบาย จะมีอาการประหลาดคือการมองไม่เห็น น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ระพีไม่ต้องการให้ผู้เป็นพี่ทุกข์ทรมานเช่นนั้นอีก
“ทำไมหรือ พี่รติของเจ้าเป็นอะไร” ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย
“เมื่อคืน ระพีตื่นมา เห็นพี่รตินอนไม่หลับ สงสัยพี่รติจะฝันร้ายหรือไม่ก็ปวดหัว ปวดท้อง...”
พอได้ยินว่ารตินอนไม่หลับ ตรัสก็ถึงกับถอนหายใจ
“พี่ตรัส ท่านเป็นหมอ ท่านรักษาพี่รติด้วยนะขอรับ” ระพีคล้ายจะร้องไห้ พอคิดว่ารติจะไม่สบาย ก็ยิ่งเป็นห่วง ตรัสย่อกายลงนั่งยองให้เสมอเด็กชายตัวน้อย
“ข้าอยากทำเช่นนั้น แต่...เขาไม่คุยกับข้าด้วยซ้ำ”
“พี่รติโกรธพี่ตรัสหรือขอรับ”
“คงจะ...”
“พี่รติเคยโกรธระพี แต่พอระพีขอโทษ พี่รติก็หายโกรธนะขอรับ” เด็กชายแนะนำตามประสาผู้มีประสบการณ์มาก่อน ตรัสหัวเราะเบา ลูบศีรษะเด็กชายด้วยความเอ็นดู น่าแปลกที่เขารู้สึกเอ็นดูระพีมากเป็นพิเศษ รู้สึกคุ้นเคยมากกว่ารุจี อาจจะเพราะระพีเป็นเด็กชายก็เป็นได้
“ข้าต้องขอโทษเขาอย่างไรดี”
เด็กชายทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะร้องอ๋อ
“ตอนกินข้าวสิขอรับ! ตักกับข้าวให้พี่รติ แล้วก็พูดขอโทษไปด้วย!” ช่างเป็นกลเม็ดที่ทำเอาตรัสหัวเราะเบา
“แล้วทั้งเจ้า ทั้งรุจี ทั้งท่านย่าก็นั่งมองข้าอย่างนั้นหรือ”
“ท่านพี่ไม่ต้องอายหรอก ข้าจะนัดแนะพี่รุจีกับท่านย่าเอง เราจะทำเป็นว่าไม่เห็น!” เด็กชายว่าอย่างนั้น พอดีเห็นรุจีพาหญิงชราออกมาจาก ระพีจึงรีบวิ่งไปหาทันที ตรัสคว้าเอาไว้ไม่ทัน พอรุจีกับท่านอมรามองมา ชายหนุ่มทำหน้าไม่ถูก แต่ทั้งสองกลับหัวเราะน้อยๆแล้วพยักหน้าเป็นอันรับรู้
---------
ทว่า...เมื่อคืนยังไม่ประสบความสำเร็จ
เช้านี้จะสำเร็จได้อย่างไรกัน
อาหารเช้าขึ้นโต๊ะเรียบร้อย แต่ถ้วยข้าวต้มยามเช้ามีแค่สี่ ทั้งที่ควรจะมีห้า
“ข้ารู้สึกเวียนศีรษะ เมื่อครู่ดื่มน้ำแกงในครัวไปแล้ว จะขอไปพักขอรับ” รติดูแลทุกอย่างเรียบร้อยก็เอ่ยเรียบ ไม่นั่งร่วมโต๊ะด้วยซ้ำ
“ไม่สบายหรือ” ตรัสปราดเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายขยับเท้าถอยไปครึ่งก้าว
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก ขอพักสักหน่อยก็น่าจะดีขึ้น”
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ปิดร้านสักวันดีไหม ตรัส” หญิงชราถามหลานชาย แต่รติเป็นฝ่ายตอบ
“วันนี้ มีคนไข้หลายคนจะมารับยาเพิ่ม ปิดร้านจะไม่ดีขอรับ”
เป็นอันว่างานที่รออยู่ ให้อย่างไรก็ปัดออกไปไม่ได้ หากคนไข้ที่รักษากับร้านยาอหัสกรไม่ได้รับยาชุดต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อกระบวนการรักษาและความเชื่อถือ
ตรัสมองภรรยา ใจห่วงอีกฝ่าย แต่อีกใจก็ห่วงงาน ทว่ารติกลับไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ค้อมกายขอตัว
“ข้าขอไปพักก่อน”
“ไปเถอะ เรื่องงานบ้านงานเรือนไม่ต้องห่วง งานในครัวก็ให้รุจีและพุดกรองช่วยดู” หญิงชราออกปาก ทว่าเมื่อรติหมุนตัวเดินจากไป นางก็เรียกเอาไว้
“แล้วนั่นเจ้าจะไปไหน รติ”
เรือนนอนของสองสามีภรรยาอยู่อีกปีกหนึ่งซึ่งเป็นส่วนตัว แต่รติกลับไปอีกทางหนึ่ง
“ข้าจะไปนอนห้องของระพีขอรับ” รติกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะก้าวเท้าจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงความเงียบงันในห้องรับประทานอาหาร และหัวใจอันหนักอึ้งของผู้เป็นสามี
เมื่อคืนเป็นคืนที่นอนไม่หลับ
เช้านี้...ก็เป็นเช้าที่แสนอึมครึม
---------
#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
ธ ม น
THAMON926
---------
คนง้อไม่เป็นก็พยายามง้อแล้วนะคะ แต่อีกคนไม่เปิดโอกาสเลย
ขี้ใจน้อยแล้วยังใจแข็งด้วย ตรัสเจองานหนักแล้วจริงๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ