<< วิมานไม้สน >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << วิมานไม้สน >>  (อ่าน 40560 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 16 [02/08/61]
«ตอบ #120 เมื่อ02-08-2018 00:45:04 »



ต่อกันตรงนี้...



               “ลุกขึ้นมาได้แล้ว ฉันจะต้องไปทำธุระอีก”


                เสียงคำสั่งดังขึ้นคล้ายกับร่างบางที่นอนฟุบอยู่บนเตียงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา สนฉัตรกลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอพลางพยุงตัวขึ้นด้วยความยากลำบาก ร่างกายของเขาบอบช้ำไม่น้อยจากความต้องการของอาคมที่นั่งอยู่ปลายเตียง


             “นี่เสื้อผ้าชุดใหม่ ไปอาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้า อ้อ เธอทำให้ฉันสบายตัวมาก”


                สนฉัตรคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่จากมือของอาคมโดยไม่มองหน้าชายสูงวัยสักนิด เขาเดินอ่อนแรงเข้าไปในห้องน้ำ สารรูปที่สะท้อนจากกระจกเงาทำให้น้ำตาไหลออกจากดวงตาบวมเป่ง สนฉัตรโผไปที่ชักโครกแล้วโก่งคออาเจียนออกมา เขาอยากจะตะโกนถามอะไรก็ตามที่ทำให้เขามีลมหายใจในโลกนี้ว่าเกลียดชังอะไรหนักหนาถึงต้องมีชีวิตที่บัดซบขนาดนี้


                แต่เมื่อยังมีลมหายใจสนฉัตรก็ยังต้องดิ้นรน แม้หนทางจะมืดมิดเขาก็ยังเชื่อว่าสุดทางข้างหน้าอาจจะมีแสงสว่างแม้เพียงน้อยนิดส่องทางให้บ้าง มือเรียวยันพื้นลุกขึ้นชำระล้างคราบคาวออกจากร่างและใส่เสื้อผ้าลวกๆ เขาก้มหน้านิ่งราวกับเป็นหุ่นยนต์ตามอาคมไปโดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก


                ลงมาถึงชั้นล่างอาคมเดินนำไปที่โต๊ะอาหาร เขาชี้ให้สนฉัตรนั่งลงด้านข้าง จานอาหารวางลงตรงหน้าจากคนรับใช้โดยปราศจากเสียงเช่นกัน มีเพียงอาคมเท่านั้นที่ออกคำสั่งได้


                    “กินเสียสิ เรายังต้องไปกันอีกไกล”


                     สนฉัตรกินอาหารโดยไม่รู้รสชาติ กินเพื่อให้ร่างกายยังมีแรงต่อสู้กับเรื่องทุกอย่าง กินเพียงหวังว่าเขาจะยังมีลมหายใจอยู่ได้บนโลกเลวร้ายใบนี้


                     “อิ่มแล้วก็ไปกันได้”


                    อาคมลุกขึ้นยืน สนฉัตรจึงลุกตาม เดินผ่านนายตำรวจลูกน้องของอาคมที่ยืนรอเจ้านายจนขึ้นไปบนรถตู้คันเดิม สนฉัตรก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่งเดิม เขาไม่สนใจว่าอาคมจะมุ่งหน้าไปที่ไหนเมื่อรถตำรวจนำขบวนเริ่มเคลื่อนที่นำพาเขาและอาคมออกเดินทางจากบ้านหลังใหญ่


                 “เมื่อคืนฉันเอาเธอสะใจดีไหม”


                  คำพูดหยาบหูดังขึ้น สนฉัตรอยากจะหันไปกรีดร้องระบายความรู้สึกแต่เขาทำได้เพียงนั่งนิ่งมองภาพข้างทางนอกหน้าต่าง


                  “นานแล้วที่ไม่ได้เอาแรงขนาดนี้ ร่างกายเธอนี่มันออกแบบมาเพื่อเรื่องนี้หรือเปล่า”


                   “คุณไม่ควรดูถูกผม” สนฉัตรเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยผสมกับความเจ็บปวด “ผมไม่ได้สมัครใจมานอนให้คุณเอา คุณข่มขืนผม”


                 “ปากดีใช้ได้”


                  อาคมหัวเราะในลำคอ เขาถูกใจร่างกายของสนฉัตร ถึงแม้จะผ่านประสบการณ์มาแล้วแต่สนฉัตรทำให้เขากลับไปกระชุ่มกระชวยได้กว่าคนอื่นๆที่ผ่านมาของเขาเสียอีก


                   “กว่าจะถึงบ่อนก็อีกสักพัก เธอจะลองใช้ปากดีๆของเธอทำให้ฉันหายเบื่อได้ไหมล่ะ”


                    นายตำรวจที่นั่งคู่กับคนขับรถนั่งตัวตรงตามหน้าที่ เขาไม่ได้หันมองเมื่อเจ้านายใช้ฝ่ามือวางแนบท้ายทอยของเด็กที่หอบหิ้วมาด้วยแล้วกดลงมาจนใบหน้าอยู่ตรงจุดสำคัญ สนฉัตรอดสูใจนักเมื่อต้องใช้ปากในการเอาตัวรอดอีกครั้ง แต่หากไม่ทำเช่นนี้ร่างของเขาคงซุกอยู่กับพงหญ้าข้างทางเป็นแน่


                    ใช้ฟันขบซิปกางเกงแล้วรูดลง สนฉัตรใช้ลิ้นและปากจัดการให้อาคมจนระบายออกมา ชายสูงวัยหายใจหนักเมื่อปลดปล่อย ตอนนั้นที่เขายอมปล่อยมือจากท้ายทอยของสนฉัตร ชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นสายตาจ้องมองอย่างเคียดแค้น มือบางยกขึ้นเช็ดรอบปากด้วยความรังเกียจ ตอนนั้นเองที่รถตู้จอดลง อาคมรูดซิปกางเกงกลับก่อนจะก้าวลงไปด้านล่าง สนฉัตรก้าวตาม เขามองรอบตัวอย่างตื่นตา


                    ระยะทางบอกให้รู้ว่าที่นี่คือชายแดนไทยกับเพื่อนบ้าน ท่ามกลางความเขียวชอุ่มของป่าเขากลับมีอาคารสูงสามชั้นใหญ่โตตั้งอยู่ นอกนั้นเป็นลานดินกว้างเต็มไปด้วยรถยนต์หลายระดับจอดคละกัน สนฉัตรเดินตามหลังอาคมและลูกน้องที่วันนี้อยู่ในชุดไปรเวท เข้าไปด้านในตัวอาคาร เสียงอึกทึกของผู้คนจำนวนมากและเสียงเพลงจากลำโพงดังลั่น


                  บ่อน!


                  เคยได้ยินมาว่าอาคมเป็นเจ้าของบ่อน สนฉัตรเพิ่งจะได้เห็นเต็มตา โต๊ะเล่นพนันตั้งอยู่ทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสอง นักพนันบางคนยิ้มแย้มเพราะมือขึ้น ส่วนใครดวงตกก็หน้าบูดหน้าบึ้ง อาคมเดินนำเขาผ่านขึ้นบันไดไปยังชั้นสามบนสุดที่จัดไว้เป็นบาร์เครื่องดื่ม มีนักร้องขึ้นร้องเพลงบนเวทีและมีเก้าอี้โซฟาให้แขกได้นั่งใช้บริการ ด้านข้างลึกเข้าไปด้านในหลังทางเข้าที่มีม่านบังตาแบ่งซอยเป็นห้องเล็กๆ หลายห้อง สนฉัตรรู้ในทันทีว่ามีเพื่ออะไร


                 อาคมเดินนำเข้าไปในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ภายในมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่ ด้านข้างมาโซฟาชุดรับแขกราคาแพง เขาชี้ให้สนฉัตรไปนั่งตรงนั้น


                 “รอตรงนี้แหละ ฉันตรวจงานหน่อย”


                  ผู้จัดการบ่อนเดินตามเข้ามาส่งแฟ้มหลายแฟ้มให้อาคม เขาอธิบายที่มาที่ไปของรายได้ให้อาคมฟัง มีบ้างที่อาคมพยักหน้ารับรู้และบางครั้งเขาสบถออกมา ช่วงเวลานั้นสนฉัตรได้แต่นั่งนิ่งจนกระทั่งอาคมโบกมือให้ผู้จัดการหอบแฟ้มกลับออกไป เสียงแหลมแสบหูจึงดังขึ้นพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินสวนเข้ามา


                  “ท่านขา ท่านของหนูมาแล้ว คิดถึงท่านจังเลยค่า”


                  สตรีนางนั้นแต่งตัวน้อยชิ้นเปิดทั้งด้านบนด้านล่าง หล่อนก้าวเข้ามาในห้องโดยไม่สนใจว่าใครอยู่ด้วย ตรงไปยังเจ้าของบ่อนและกอดคอหอบแก้มเอาใจชายสูงวัยทันที


                  “คราวนี้ท่านไม่มาหาหนูเป็นเดือน หนูคิดทึ้งคิดถึง หนูไม่ได้ปรนนิบัติท่านเลยนะคะ”


                  อาคมแกะมือที่เกาะอยู่อย่างรำคาญแต่ก็ไม่ได้ตัดรอนจริงจัง


                  “อย่าปะเหลาะให้มาก งานที่ใช้ให้ทำน่ะเข้าเป้าบ้างไหม”


                    “หูย ท่านขา หนูทำงานให้ท่านจนไม่ได้พักผ่อนนะคะ หาเด็กหน้าตาดีมาทำงานให้ท่านจนขอบตาดำขนาดนี้ท่านต้องให้รางวัลหนูด้วย ท่านไปดูเถอะค่ะ หนูได้เด็กใหม่ๆมาทำงานในบ่อนจนหลังๆลูกค้าตั้งใจจะมาหาเด็กของหนูอย่างเดียวแล้วนะคะท่าน”


                   สนฉัตรก้มหน้านิ่ง เขาเหยียดปากเมื่อได้ยินคำสนทนาของทั้งคู่ แม่เล้าดีๆนี่เองกับสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ นอกจากการพนันแล้วที่นี่ยังให้บริการเรื่องบนเตียงด้วย


                   “เออ ดีแล้ว เธอทำงานดีรับรองได้โบนัสเยอะแน่ เออ สน หิวหรือเปล่า ออกไปหาอะไรกินก็ได้นะ บอกว่ามากับฉันไม่ต้องจ่ายเงินหรอก”


                    วินาทีนั้นที่สนฉัตรเงยหน้าขึ้นมา เขาเพิ่งเห็นใบหน้าของผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักของอาคมเต็มสองตา เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่เงยหน้าขึ้น ทั้งคู่จ้องมองและสบตาก่อนที่จะเบิกตากว้างพร้อมๆกัน


                   หัวใจของสนฉัตรเต้นรัว ความทรงจำในวัยเด็กย้อนคืนมา เขาไม่ได้ไร้เดียงสาจนจำอะไรไม่ได้เมื่อตอนที่พบกับผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งสุดท้าย ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อพยายามเปล่งเสียงที่เขาอยากจะตะโกนแต่ทำได้แค่เพียงพึมพาแหบโหย


                   “แม่!”




                                                                 TBC


                                            แต่งบทนี้เครียดมาก สมองจะแตก สงสานสนฉัตร โฮ


                                                                          :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2018 00:49:42 โดย Belove »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 16 [02/08/61]
«ตอบ #121 เมื่อ02-08-2018 07:17:39 »

คนอะไร ชีวิตจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้ สงสารสนจัง
 :mew6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 16 [02/08/61]
«ตอบ #122 เมื่อ02-08-2018 20:24:06 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ชีวิตรันทดขนาด

มีแม่  ก็เป็นแม่เล้า

ตัวเอง  ก็เป็นดั่งนางบำเรอ 

เฮ้อ...

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 16 [02/08/61]
«ตอบ #123 เมื่อ02-08-2018 21:39:49 »

เครียดอุตส่าดองกะว่าคงผ่านช่วงรันทนสักวัน

ดันมาเป็นชุดเลยTT

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #124 เมื่อ03-08-2018 19:37:06 »




                                                                 วิมานไม้สน

                                                                   บทที่ 17




               ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนมองไม่เห็นเนื้อในที่แท้จริงเพ่งมองสนฉัตรด้วยความแปลกใจ แต่ที่เจ็บปวดสำหรับคนเป็นลูกก็คือไม่มีวี่แววของความตื่นเต้นดีใจปะปนอยู่บนสีหน้าเลยสักนิด สาวใหญ่ในวัยเฉียดสี่สิบก้าวเดินฉับๆมาหาสนฉัตรพร้อมกับถามเสียงห้วน


               “ไอ้สนเหรอ ไม่เจอกันตั้งนานหน้ามึงยังเหมือนเดิมนะ แล้วนี่มึงมาทำอะไรที่นี่”


                 สนฉัตรเคยจินตนาการอยู่บ้าง ถ้าหากว่าเขาได้พบกับผู้ให้กำเนิดอีกครั้งทั้งเขาและแม่จะมีปฏิกิริยาต่อกันอย่างไร แม่จะตื่นเต้นยินดีสวมกอดเขาด้วยความคิดถึงหรือไม่ หรือว่ามีแต่เขาฝ่ายเดียวที่อาจมีความหวังว่าแม่จะดีใจเมื่อได้พบลูกชาย นึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้และสนฉัตรก็ได้คำตอบแล้ว เขาอยากให้เวลาย้อนกลับไปเมื่อสักสิบนาทีก่อนหน้านี้ที่แม่จะก้าวเข้ามาในห้อง สนฉัตรจะรีบหนีไปให้ไกลเพื่อไม่ต้องสะเทือนใจกับความเป็นจริง


                  “รู้จักกันอย่างนั้นหรือ”


                  กลายเป็นอาคมที่เอ่ยขัดขึ้น จ๋ารีบหันไปฉีกยิ้มให้เจ้านายและชิงตอบทันที


                “เด็กข้างบ้านสมัยก่อนน่ะค่ะท่าน จ๋าเคยเลี้ยงมันมาตอนเด็กแต่ไม่นึกว่าจะได้เจอกันอีก ท่านจะตรวจงานใช่ไหมคะ เดี๋ยวจ๋าพาไอ้สนไปหาอะไรกินข้างนอกเองค่ะ”


                  อาคมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มหน้าไปตรวจบัญชีรายรับรายจ่ายต่อ จ๋ารีบดึงแขนสนฉัตรออกมานอกห้อง จนได้อยู่เพียงลำพังสองคนจึงได้ปล่อยมือ สนฉัตรมองแม่ด้วยความน้อยใจ


                “แม่ออกจากคุกเมื่อไหร่”


                 จำได้ว่าจ๋าถูกจับเพราะเกี่ยวข้องกับพ่อเลี้ยงที่เป็นเอเย่นค้าขายยาเสพติดและถูกวิสามัญฆาตกรรมไป เด็กชายสนฉัตรในวันนั้นจึงต้องถูกส่งไปสถานสงเคราะห์เด็ก


                 “กูออกจากนรกนั่นมาหลายปีแล้ว”


                 จ๋าอยู่ในเรือนจำห้าปีเศษจึงได้กลับมาสู่สังคมภายนอก ในตอนนั้นผู้หญิงอายุสามสิบกว่าปีที่ไร้การศึกษาไร้ทุนทรัพย์จะมีหนทางหากินอื่นใดอีกเล่านอกจากกลับไปขายตัวแลกเงินอีกครั้ง แต่ด้วยร่างกายที่เริ่มโรยราก่อนวัยจริงเพราะกรำศึกหนักทำให้ลูกค้าเริ่มลดน้อยถอยลงจนต้องคิดหาวิธีอื่น โชคดีที่จ๋าได้มาทำงานในบ่อนใหญ่ของอาคมและเปลี่ยนทางหากินเป็นการเสาะหาหนุ่มสาวหน้าตาดีมาให้บริการกับลูกค้าในบ่อน และกับอาคมจ๋าก็มีความสัมพันธ์ด้วยบ่อยครั้ง เงินรายได้จากบ่อนมากโขพอจะทำให้ชีวิตสุขสบายมีเงินจับจ่ายโดยไม่ต้องยั้งคิด


                  “แล้วมึงล่ะมากับท่านได้ยังไง”


                  จ๋าไม่สนใจว่าสนฉัตรจะใช้ชีวิตอย่างไรในช่วงสิบสองปีที่แยกจากกัน หล่อนลืมว่ามีลูกชายไปแล้วด้วยซ้ำ จนวันนี้จ๋าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีเลือดก้อนหนึ่งเติบโตมาจากท้อง แต่ที่จ๋าสนใจคือท่าทีเอาใจใส่ของอาคมต่อสนฉัตร มันผิดสังเกตมาก หรือว่า....


                 “หรือว่าท่านเอามึง โอ๊ย กูไม่ยอมนะ มึงจะมาแย่งบ่อเงินบ่อทองของกูไม่ได้ ไอ้ลูกอกตัญญู”


                  จ๋าตาลุก หล่อนโวยวายและทุบตีสนฉัตรเหมือนตอนยังเด็ก สนฉัตรปัดป้องขอบตาร้อนผ่าว


                 “แม่ เลิกตีสนได้แล้ว สนโตแล้วนะ”


                  “ก็เพราะมึงโตน่ะสิ โตจนมาแย่งของที่เป็นของกูได้แล้ว จำใส่กะโหลกมึงไว้นะกูจะไม่ยอมเสียท่านไปแน่”


                  คนเป็นแม่สะบัดหน้าหนีเดินจากไป สนฉัตรหมดแรงยืนจนต้องทรุดนั่งอยู่ข้างผนัง เขาฟุบหน้าลงไปกับเข่าทั้งสองที่ยกขึ้นมากอดไว้โดยไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านไปมาหรือเสียงเพลงจะดังแค่ไหน แม้ว่ากระเพาะจะประท้วงดังโครกครากเขาก็ไม่แยแส จนกระทั่งเย็นย่ำอาคมจึงเดินมาพบเขา


                 “ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้”


                    เจ้าของบ่อนผู้มีอาชีพหลักเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ดึงแขนของเขาให้ลุกจากพื้น สภาพอิดโรยของสนฉัตรทำให้เขาต้องส่งเสียงห้วนดังลั่น


                  “อีจ๋า อยู่ไหน”


                   “ขาท่าน จ๋าอยู่นี่ค่ะ”


                 คนถูกเรียกเสนอหน้าออกมา หล่อนไปอาบน้ำแต่งหน้าสวยมาใหม่หวังจะรับใช้เจ้าของบ่อนและรับทรัพย์กระเป๋าตุงเช่นที่ผ่านมา แต่เมื่อมาถึงกลับถูกอาคมผลักศีรษะโขกกับกำแพงจนหน้าหงาย


                  “กูบอกให้มึงพาไอ้สนไปหาข้าวแดก แล้วทำไมสภาพมันถึงเป็นแบบนี้”


                 จ๋ากัดฟันกลั้นเสียงร้องอุทาน หน้าผากกระทบผนังปูนอย่างแรงจนบวมปูด หล่อนอยู่กับอาคมมานานจะพอจะรู้นิสัยเจ้านาย หากคร่ำครวญจะยิ่งถูกทำโทษซ้ำหนักกว่าเดิมอีก


                  “ท่านขา อาหารมันไม่ถูกปากเด็กมันไอ้สนมันเลยไม่กิน ไม่ใช่ว่าจ๋าไม่ดูแลนะคะ จริงหรือเปล่าไอ้สน”


                  หันไปคาดคั้นกับลูกชายที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง อาคมเห็นแล้วก็ยิ่งโมโหจนเงื้อมือใหญ่ตบลงบนใบหน้าของจ๋าเสียงดังสนั่น


                 “มึงจะไปไหนก็ไป”


                 “ท่านคะ แล้วท่านไม่ให้จ๋าไปดูแลท่านหรือคะ”


                 แม้จะเจ็บตัวแต่จ๋าชินแล้ว หล่อนไม่ชินกับเงินที่ใกล้จะขาดมือมากกว่า ภาพอาคมลากแขนสนฉัตรให้เดินตามไปยังห้องพักส่วนตัวที่อยู่ด้านในสุดของชั้นสามทำให้จ๋าอยากจะกรีดร้อง นึกเจ็บใจที่สนฉัตรโผล่มาขัดลาภในวันนี้







               สนฉัตรยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่กลางห้อง แม้จะเป็นที่พักชั่วคราวเวลามาตรวจงานในบ่อนแต่มันก็ยังสุขสบายราวกับห้องในโรงแรมห้าดาว อาคมมองด้วยสายตากระหาย


                “ยืนนิ่งอย่างนี้คือมึงจะดื้อกับกูใช่ไหม รู้หน้าที่หน่อยอย่าให้ต้องลงมือเหมือนเมื่อคืนเลย”


                 ลมหายใจของสนฉัตรร้อนผ่าว ปวดกระบอกตาลามมาถึงจมูกเมื่อร่างกายต้องกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ใคร่ของผู้มีอำนาจเหนือกว่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาจำเป็นต้องทำเพื่อยังมีแรงหยัดยืนในวันข้างหน้า เขานอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยปราศจากอารมณ์ร่วมและไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่อาคมก็ไม่ได้สนใจเมื่อตนเองนั้นระบายออกไปแล้ว สนฉัตรนอนมองเพดานพยายามไม่สนใจเสียงกรนดังสนั่นของอาคม


                    เขาใช้ชีวิตบนโลกนี้แค่ยี่สิบปี แต่เป็นยี่สิบปีที่ไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริง ถึงแม้จะเคยมีเงินทองใช้แต่นั่นก็ยังเป็นสุขจอมปลอมที่เขาหลอกตัวเอง หลอกเพื่อปกปิดความเลวร้ายที่สร้างความเจ็บปวดจนเหมือนอสุรกายดำมืด มาถึงตอนนี้สนฉัตรไม่ได้ต้องการเงินทองสิ่งล้ำค่าใดๆอีกแล้ว นอกจากใครสักคนที่อาทรสนฉัตรจากใจจริง


                      ไม่มีใคร ไม่มีใครเลย


                       สนฉัตรสะอื้นฮัก เขาร้องไห้จนตัวโยนกับอนาคตที่มืดมนไร้หนทางก้าวเดิน









                  “ไอ้พวกฝั่งโน้นมันเขม่น หาว่าเราไปดึงลูกค้ามันมาครับ มันก็เลยชอบมาตอดเล็กตอดน้อยเล่นงานเราทีเผลอ”


                   ผู้จัดการบ่อนบอกกับอาคมในตอนบ่ายจัดใกล้ถึงยามเย็น อาคมนั่งหน้าเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น


                   “อยู่คนละฝั่งคนละเขตแล้วมันจะมาหาเรื่องกันทำไมวะ วอนแล้วไอ้พวกนี้”


                    อาคมยังหัวเสียไม่เลิกเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่คนที่โทรมาทำให้เขาต้องปั้นเสียงนอบน้อมตอบกลับ


                   “สวัสดีครับพี่สมภพ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”


                    “กูน่ะไม่มีหรอก” พล.ต.เอก สมภพตอบกลับด้วยเสียงไม่สบอารมณ์เช่นกัน “ได้ข่าวว่ามึงหิ้วเด็กใหม่ไปทัวร์ชายแดนเหรอ ได้สืบที่มาบ้างหรือเปล่าว่ามาจากไหน”


                   อาคมขมวดคิ้ว ความแปลกใจมาเยือนกับคำถามของสมภพ เด็กใหม่ที่ว่าคงหมายถึงสนฉัตรที่เขาชิงตัวมาจากบัญชา ก็แค่เด็กเลี้ยงคนหนึ่ง ทำไมสมภพถึงกับโทรด่วนมาด้วยเรื่องนี้


                    “มันเป็นแค่เด็กของเสี่ยคนหนึ่งที่ผมคุมอยู่น่ะพี่”


                  “กูว่าไม่ใช่แค่นั้นหรอกมั้ง ไม่อย่างนั้นเอกชัยมันจะโทรมาหากูทำไม มันบอกว่าเด็กที่มึงหิ้วไปเป็นลูกบุญธรรมของนายทรงเดชที่เพิ่งตายไปไม่นาน”


                   อาคมขยับท่านั่งทันที ชื่อของอดีตรัฐมนตรีทรงเดชทำให้เขาร้อนขึ้นมาบ้าง


                  “ก็ตายไปแล้วจะเอาไงอีก เด็กมันก็มีอิสระแล้วไง”


                  “มันจะแค่นั้นที่ไหนเล่า ผู้ปกครองทางกฎหมายมันมีอยู่  โน่น  พอรู้ว่าเด็กอยู่กับมึงมันวิ่งไปเข้าทางเอกชัยโน่น แล้วเอกชัยมันก็โทรมาหากูให้กูบอกมึงว่าให้ปล่อยเด็ก แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ถึงมันจะเรียนรุ่นเดียวกับกูแต่มันก็เป็นเจ้านาย นายใหญ่สุดสั่งมาแบบนี้ กูว่าถ้ามึงยังไม่อยากตกกระป๋องอย่าทำอะไรเสี่ยงๆเลยว่ะ แค่เด็กคนเดียวหาใหม่ก็ได้”


                  สมภพเกลี้ยกล่อมยาวเหยียด แต่อาคมยังดื้อดึง


                 “มันก็แค่ญาติรัฐมนตรีที่ตายไปแล้วหรือเปล่าพี่ แถมยังโดนคดีการเมืองจนจะถูกยึดทรัพย์แล้ว กลัวอะไรกับมัน”


                 “มึงก็พูดเพราะไม่รู้จริง” สมภพส่งเสียงดังมาทางโทรศัพท์ “ไอ้พวกนี้มันล้มบนฟูก เงินทองมันมีเยอะแยะแล้วก็แม่งรู้จักคนเยอะ มันไม่ได้เล่นมึงทางตรงหรอกแต่จะเล่นทางอ้อม ถึงขนาดเข้าทางหลังบ้านเอกชัยมันได้ แสดงว่าสายป่านมันก็แน่นพอตัว อาคม มึงอย่าเอาตัวเข้าแลกกับเด็กแค่คนเดียวเลยว่ะ ถ้าไม่เชื่อ ระวังจะไม่ได้ตำแหน่งที่หมายปองนะโว้ย”


                  คำเตือนของรุ่นพี่ที่ตนอาศัยเป็นใบเบิกทางทำให้อาคมถอนหายใจ ร่างกายของสนฉัตรยังหอมติดจมูก แต่สิ่งที่สมภพเตือนก็มีเหตุผลมากจนต้องยอมรับ


                  “ผมจะอยู่ที่นี่อีกวันสองวัน กลับไปผมจะพามันไปส่งคืนก็แล้วกัน”


                    ระหว่างนี้อาคมจะได้ตักตวงความสุขจากสนฉัตรเสียให้เต็มคราบก่อน แต่ประโยคต่อมาของสมภพทำให้อาคมถึงกับอึ้ง


                    “ไม่ทันหรอก เขาจะไปหามึงที่บ่อนและเจรจาขอตัวเด็กคืน คงไปถึงค่ำๆวันนี้แหละ มึงก็คืนๆเขาไปเถอะ แล้วอย่าไปทำอะไรเขาล่ะ อย่าลืมว่านี่สายตรงของเอกชัยนะโว้ยเจ็บนิดเดียวมึงนั่นแหละจะซวย”


                    สมภพวางสายไปแล้ว ชื่อผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสายงานทำให้อาคมจำเป็นต้องตัดใจ สนฉัตรทำให้เขาติดใจก็จริงแต่อำนาจและเงินตรามีประโยชน์ต่อเขามากกว่า


                      แต่ยังไม่ทันจะคิดหรือทำอะไรมากกว่านี้ เสียงปืนไร้ที่มานัดหนึ่งดังเปรี้ยงบาดแก้วหู จากนั้นเหตุการณ์โกลาหลก็บังเกิดขึ้นภายในบ่อนที่อาคมเป็นเจ้าของ





มีต่ออีกนิด...






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2018 19:42:19 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #125 เมื่อ03-08-2018 19:43:36 »



ต่อกันตรงนี้...



                   จ๋ามองสนฉัตรตาเขียว เป็นที่แน่นอนแล้วว่าความเข้าใจของหล่อนถูกต้อง ลูกชายที่เพิ่งจะกลับมาพบกันด้วยความบังเอิญเป็นเด็กใหม่ของอาคมจริงๆ และเท่าที่จ๋ารู้จักนายตำรวจใหญ่มานานจึงดูออกว่าบ่อเงินบ่อทองของหล่อนกำลังหลงสนฉัตรมากแม้จะไม่ได้แสดงอาการให้เห็นเด่นชัด

                  เมื่อทั้งคู่ออกจากห้องพักในวันรุ่งขึ้น อาคมพาสนฉัตรไปที่ร้านอาหารของบ่อนและสั่งอาหารหลายอย่างมาบำรุงบำเรอ ในขณะที่จ๋าได้แต่เมียงมองอยู่ห่างๆ หล่อนไม่ได้อยู่ในสายตาของอาคมแม้แต่นิดเดียว จ๋านึกไม่ถึงเหมือนกันว่าอาคมจะสนใจผู้ชายเพศเดียวกันด้วย หรือความสนใจนี้มีให้แค่ลูกชายของหล่อนเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดจ๋านึกอิจฉาสนฉัตรจนอารมณ์ของหล่อนไม่ดีนัก


                    “นึกว่าชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง ที่ไหนได้ สุดท้ายแกก็ใช้ร่างกายแลกเงินเหมือนกันล่ะวะ”


                     จ๋าพูดเสียงห้วน ไม่มีความสงสารเห็นใจอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่น้อย สนฉัตรน้อยใจจนเลิกน้อยใจ เขาได้แต่หันหน้าหนีแม่ไปทางอื่น จ๋าลุกขึ้นมาจับยึดหัวไหล่ของสนฉัตรแล้วเขย่าเหมือนตอนที่เขายังเด็ก


                    “มึงบอกมานะไอ้สน ว่ามึงทำยังไงท่านถึงได้หลงนัก ท่านเสียบรูมึงลึกขนาดไหน แล้วมึงใช้ท่าไหนปรนเปรอท่าน มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ กูจะได้เอาไปทำบ้าง ว่าไงล่ะ หรือว่ามีไม้เด็ดแล้วแอบเก็บเอาไว้ใช้คนเดียว”


                     “แม่” สนฉัตรขัดขึ้นอย่างเหลืออด น้ำตาเอ่อคลอ “แม่ถามสนบ้างสิว่าสนเต็มใจไหม สนจะรู้สึกยังไงที่ถูกเขาทำเหมือนทาสแบบนี้”


                       “มึงจะต้องสนใจทำไม เกิดมาก็ใช้ร่างกายให้คุ้มสิวะไอ้ลูกโง่ มันเป็นทุนที่เราลงไปโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ที่เหลือคือตักตวงจากไอ้พวกตัณหากลับพวกนั้น”


                        จ๋าจิ้มหัวลูกชายและสั่งสอนอย่างเห็นแก่ตัว หล่อนอาจจะด่าทอสนฉัตรรุนแรงกว่านี้ถ้าไม่มีเสียงปืนดังขึ้น


                        “กรี๊ด เกิดอะไรขึ้น”


                         จ๋ากรีดร้องดังลั่นแข่งกับสาวบริการคนอื่น ความอลหม่านเกิดขึ้นทั่วทั้งบ่อนเมื่อไฟฟ้าดับวูบลง นักพนันนักเที่ยวต่างวิ่งหนีกันอย่างโกลาหลท่ามกลางความมืดมิด จากนั้นเสียงปืนนัดต่อไปจึงดังขึ้นมาติดๆกัน


                     “เดี๋ยว อีดาว มันมีอะไรกันวะ”


                      จ๋าคว้าแขนหญิงบริการรุ่นน้องคนหนึ่งมาถามด้วยความตกใจ ดาวละล่ำละลักตอบ


                     “เขาบอกกันว่าไอ้พวกฝั่งโน้นมันยกโขยงมาปล้นบ่อน ท่านพาลูกน้องไปสู้กับมันอยู่ แต่เราต้องหนีไปด้านหลังบ่อนก่อนนะพี่จ๋าเพื่อความปลอดภัย ไม่งั้นโดนลูกหลงไปด้วยแน่”


                      พูดจบดาวก็สะบัดแขนแล้ววิ่งจากไปในความมืด เสียงเอะอะเอ็ดตะโรของนักพนันผนวกกับเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัดโดยไม่รู้ว่าดังจากฝ่ายไหนทำให้สนฉัตรหวาดกลัวจนจะเป็นลม


                     “มึงจะยืนโง่อยู่ทำไม วิ่งสิวะไอ้สน ตามอีดาวไปทางด้านหลังนั่นแหละ”


                      จ๋าตวาดเรียกสติสนฉัตรกลับคืนมา เขาวิ่งตามดาวไปทางออกด้านหลัง ดีที่ดาวและจ๋าคุ้นเคยกับทางเข้าออกในบ่อนทั้งสามคนจึงออกมาทางประตูด้านหลังได้สำเร็จ เสียงปืนยังคงเกิดขึ้นภายในบ่อนอย่างต่อเนื่อง นักพนันที่หนีออกมาได้บ้างก็ไปที่รถยนต์ของตนและขับหลบหนี บ้างก็วิ่งเตลิดเข้าป่าเข้าพง แสงวูบวาบจากปลายกระบอกปืนยังมีให้เห็นจากด้านใน สนฉัตรได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง เสียงตะโกนของผู้ชายปะปนกันจนเขาตัวสั่นขณะวิ่งหนีตามดาวและจ๋าเข้าไปในป่าหลังบ่อน เขาวิ่งโดยไม่รู้ทิศทางจนกระทั่งดาวและจ๋าหยุดฝีเท้าลงกลางป่าไกลออกมาจากบ่อน เห็นเพียงประกายแสงของปืนอยู่ลิบตา


                     “หยุดทำไมวะอีดาว เรารอดแล้วใช่ไหม”


                      ถึงแม้จะทำงานในบ่อนมานานแต่จ๋าก็ไม่เคยมาในป่าด้านหลัง หล่อนชอบแสงสีชอบความเจริญจึงมักจะติดสอยห้อยตามพนักงานผู้ชายไปในเมืองเสียมากกว่า จ๋ากวาดสายตามองโดยรอบด้วยความหวาดหวั่นขณะที่สนฉัตรยังตกใจไม่หาย และเขายิ่งตกใจหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่ออยู่ๆ ก็ปรากฏว่ามีผู้ชายหน้าตาโหดเหี้ยมราวสิบคนที่หลบซ่อนอยู่ในป่าก้าวออกมาล้อมรอบเขาและแม่ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร จ๋าเอะใจจ้องมองดาวพร้อมกับเค้นเสียงถามด้วยความเจ็บใจ


                   “อีดาว มึงอย่าบอกนะว่ามึงเป็นนกต่อล่อกูออกมา หรือว่ามึงเป็นสายให้พวกมันเข้ามาปล้นบ่อน หือ อีดอกทอง”


                    ดาวแหงนหน้าหัวเราะสะใจ หล่อนเดินไปยืนเคียงข้างชายคนหนึ่งลักษณะคล้ายเป็นหัวหน้าคนพวกนี้


                     “กูก็ดอกทองเหมือนมึงนั่นแหละอีจ๋า อีสารเลว จำไม่ได้เหรอว่ามึงทำอะไรไว้กับกูบ้าง มึงไม่ใช่เหรอที่หลอกกูมาที่บ่อนให้ไอ้พวกแมงดามันข่มขืนกู บังคับให้กูขายตั๋ว อีสันดานเลว ผู้หญิงกี่คนแล้วที่มึงหลอกมา มึงยังไม่เห็นใจผู้หญิงด้วยกันเลย”


                      คำต่อว่ารุนแรงออกมาจากปากของดาว ยังจำได้แม่นถึงวันที่จ๋าเข้ามาตีสนิทและชักชวนมาเที่ยวในบ่อน สาววัยใสในตอนนั้นหลงเชื่อคำพูดของเพื่อนใหม่ ใครจะนึกว่าถูกหลอกมาให้พนักงานชายข่มขืนและบังคับให้ขายตัว หากไม่ยอมก็จะถูกทำร้ายร่างกาย ดาวไม่กล้าแจ้งความเมื่อรู้ว่าเจ้าของบ่อนเป็นนายตำรวจ เมื่อทนกับความเจ็บปวดไม่ไหวดาวจึงต้องยอมขายตัวในที่สุด พวกมันจึงได้เลิกควบคุมตัว ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาดาวไปรู้จักกับผู้ชายประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นหุ้นส่วนของบ่อนฝั่งนั้นโดยบังเอิญ เขาให้ดาวเป็นสายให้และดาวไม่ปฏิเสธ หล่อนเกลียดอาคม เกลียดจ๋า เกลียดทุกคนในบ่อนแห่งนี้


                       “เมียจะให้ผัวทำยังไงกับมัน”


                        เสียงภาษาไทยแปร่งๆจากผู้ชายที่ยืนข้างดาวถามขึ้น ดาวหันมายิ้มเยาะใส่คนที่หล่อนเกลียดชัง


                      “ให้ลูกน้องพี่จัดหนักเลยสิ เอาที่สบายใจเลยกว่าเพื่อนของพี่ทางโน้นจะเคลียร์ที่บ่อนได้ เดี๋ยวหนูจะรีบกลับไปทำทีเป็นไม่รู้เรื่องอะไรจะได้ไม่มีความผิด ส่วนอีจ๋านี่จะทำยังไงก็เอาเลย”


                    ดาวหันมาหาสนฉัตร คนแปลกหน้าที่บังเอิญติดตามมาด้วย ดาวไม่รู้ว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นใคร เห็นแต่ติดตามอาคมมาและจ๋าก็พูดคุยอยู่ด้วยตั้งนาน


                      “ขอโทษนะ ช่วยไม่ได้ที่เสือกตามมาไม่ดูตาม้าตาเรือ ซวยตามอีจ๋าไปก็แล้วกัน”


                     “อีดาว อีดาว มึงกลับมาเดี๋ยวนี้นะ อีตอแหล”


                     จ๋าตะโกนลั่นแต่ดาวก็ไม่สนใจ หล่อนใช้ความเป็นคนในพื้นที่ชำนาญเส้นทางวิ่งจากไปในความมืด ทิ้งให้จ๋าและสนฉัตรตกอยู่ในวงล้อมของผู้ชายกลัดมันนับสิบ คราวนี้จ๋าตกใจกลัวจริงๆ เพราะรู้ดีว่าพวกมันไม่ได้หมายแค่สุขสมแน่ๆ


                  “พวกพี่ ฉันขอร้อง” จ๋าก้มลงยกมือไหว้สีหน้าตระหนก “อย่าทำอะไรฉันเลยจ้ะ ฉันแก่แล้วสารรูปเหี่ยวแห้งไม่ถึงใจพี่หรอก อย่าทำอะไรเลยนะ ถ้าพี่อยากจริง”


                    ดวงตาหลุกหลิกเอาตัวรอดหันมาทางสนฉัตรจนเขาสะดุ้ง


                   “ไอ้สนนี่เลยจ้ะพี่ มันยังเด็ก หน้าตาสะสวยกว่าผู้หญิงอีก มันรับมือพวกพี่ได้แน่จ้ะ”


                     “แม่!”


                     สนฉัตรทรุดฮวบลงกับพื้นดินแข็งกระด้างเมื่อคนเป็นแม่เอาตัวรอดด้วยการส่งเขาให้กลายเป็นเหยื่อแทนตัวเอง


                   “ไอ้สน มึงอย่ามามองกูแบบนี้ มึงเป็นลูกนะ ต้องเสียสละทดแทนบุญคุณที่กูอุ้มท้องมึงมาสิวะ หลับหูหลับตาให้พวกพี่ๆเขาเอาคนละยกพี่เขาก็พอใจแล้ว เดี๋ยวเขาก็ปล่อยเราไป ใช่ไหมจ๊ะพี่ๆ”


                    ดวงตาของสนฉัตรพร่างพรายด้วยหยาดน้ำตา หัวใจดวงน้อยแหลกสลายไม่มีชิ้นดีเมื่อแม้แต่คนที่ควรจะปกป้องสนฉัตรมากที่สุดก็ยังทำร้ายจิตใจของเขาจนยับเยิน


                    “มึงนี่มันเลวอย่างที่อีดาวบอกจริงๆ”  จ๋าถูกชายคนนั้นถ่มน้ำลายใส่


                     “แม้แต่ลูกในไส้มึงยังขายเพื่อเอาตัวรอดได้ แต่เลวอย่างนี้ก็เหมาะกับพวกกูแล้ว ส่วนไอ้หนู ช่วยไม่ได้นะที่แม่ของมึงพามึงมาร่วมวงด้วย กูจะปล่อยมึงไว้ให้มาชี้ตัวพวกกูไม่ได้หรอก แต่หน้าตายั่วแบบมึงจะให้ตายตามแม่ไปเฉยๆก็คงไม่ดี เอาเป็นว่ากูจะให้มึงร่วมความสนุกขึ้นสวรรค์ไปกับพวกกูก่อนจะตามแม่มึงไปก็แล้วกันนะ”


                      สนฉัตรตกใจแทบสิ้นสติ เขาตะเกียกตะกายหนีแต่กลับถูกดึงข้อเท้าลากกลับมา ร่างบางดิ้นรนขัดขืนอยู่บนพื้นดินแข็งกระด้าง เบื้องบนที่มองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ากลับมีใบหน้าหื่นกระหายของชายฉกรรจ์ล้อมรอบอยู่ สนฉัตรตะโกนร้องแต่ปากของเขากลับถูกมือใหญ่ปิดไว้จนแทบหายใจไม่ออก หมัดหนักของใครบางคนกระแทกลงมาที่ลิ้นปี่จนสนฉัตรตัวงอหมดแรงดิ้นรน แขนขาของเขาถูกจับแยกออกจากกัน สติของสนฉัตรดับวูบลงจนไม่รู้อีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้




                                                                TBC

                                        เดี๋ยวๆๆๆ เรารู้ว่าพวกเธอจะพูดอะไรกัน ฮืออ

                                            ตอนหน้าจบแล้วจ้า พรุ่งนี้ค่ำๆมารออ่านกัน


                                                :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2018 19:49:01 โดย Belove »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #126 เมื่อ03-08-2018 20:10:58 »

หดหู่

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #127 เมื่อ03-08-2018 20:52:23 »

ไม่กล้าอ่าน รอจบเลยนะ เราเซ๊นซิทีพ ขอดูก่อนว่าจบแบบไหนแล้วค่อยย้อนเถอะโลกแม่งโคตรใจร้ายกะสนมากเลย ขอให้ท้ายที่สุดสนมีความสุขจริงๆนะ ขอให้เจอที่อยู่ของตัวเองซักที

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #128 เมื่อ03-08-2018 21:52:03 »

 :a5:
โอ๊ย...อะไรจะปานนั้นนะสน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #129 เมื่อ03-08-2018 22:02:51 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย.......ชีวิตคนเรามันจะรันทดได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

ชาติก่อนทำกรรมชั่วอะไรไว้น้อ  ชาตินี้ถึงต้องชดใช้กรรมเยี่ยงนี้เนี่ย?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
« ตอบ #129 เมื่อ: 03-08-2018 22:02:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #130 เมื่อ03-08-2018 22:03:58 »

อ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจชีวิตคนๆนึงมันจะเลวร้ายได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีดีอะไรเลยเจอแต่ความโสมมจากคนรอบข้าง นี่คาดหวังแบดเอนด์กับเรื่องนี้ไว้มากนะ ถ้าสุดท้ายสนฉัตรต้องจบชีวิตลงเพราะติดโรคนี่ก็จะไม่ว่าอะไรเลยจริงๆ เพราะชีวิตผาดโผนมากโดนคนโน้นลากไปคนนี้ลากมา ถ้าอยู่รอดปลอดภัยโดยที่ไม่เป็นอะไรเลยนี่คงไม่เมคเซ้นท์เท่าไหร่นะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #131 เมื่อ03-08-2018 23:24:40 »

ให้สนรอดปลอดภัยบ้างเถอะอุตส่าห์ตามตั้งแต่บทจนจะจบ :call:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #132 เมื่อ04-08-2018 03:28:49 »

คิดว่าไม่ใช่ความผิดของสนนะ เด็กมันอยากเลือกทางเดินชีวิตที่ดี แต่ผู้มีอำนาจชอบใช้ความตายมาข่มขู่.. เหี้-ยในโลกนี้มีเยอะ ไม่เห็นว่าคนอื่นเป็นมนุษย์ ตั้งแต่ทรงเดชลงมาเลย  ข่มเหงเอาเด็กครั้งแรก บอกชดใช้ด้วยพาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่(นี้โครตเฮี้ย)  ไม่พอใจก็สั่งเอาเด็กไปปล่อยทิ้งไว้ข้างถนน (ตายไป อยากชดใช้บาป  แล้วมันทันไหม  ขอให้ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด)... คนแบบเสี่ย แบบอาคม แบบจ๋าส่วนใหญ่ไม่ตายดี ... เจอข่าวแบบนี้ในชีวิตจริงก็ด่าเหมือนกัน นั่งอ่านนิยายอยู่นี่ก็ด่า

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 17 [03/08/61]
«ตอบ #133 เมื่อ04-08-2018 06:55:35 »

 :hao5:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> Writer 's Talk [4/8/61]
«ตอบ #134 เมื่อ04-08-2018 19:06:36 »


Belove’s Talk



                ฮัลโหลววว แปลกใจกันล่ะสิที่คนแต่งมาทอล์กตอนนี้ ปกติจะคุยกันก่อนอ่าน หรือไม่ก็ตอนจบไปเลย     แต่เรื่องนี้บีเลิฟอยากมาคุยกับทุกคนก่อน ไม่ต้องแปลกใจน้า


                  เรื่องนี้โหดสุด ดราม่าสุด ปวดหัวที่สุดตั้งแต่แต่งนิยายมา ชีวิตใครจะโซแซดเท่าสนฉัตรอีกเล่า แต่หากทุกคนลองอ่านข่าวที่เกิดทุกวันขึ้น  จะรู้ว่าบีเลิฟหยิบจากข่าวในชีวิตจริงของมนุษย์เรานี่แหละ คนเราทุกคนไม่ใช่ขาวหรือดำสุดโต่ง เรามีมุมเทาๆ เพราะความเป็นมนุษย์ อาจจะโหดร้ายแต่อยากให้ทุกคนได้แง่คิดจากเรื่อง วิมานไม้สน นี้บ้างนะคะ


                อ่านจบแล้วได้โปรดช่วยบีเลิฟด้วยการรีวิวบอกเล่าความรู้สึก แสดงความคิดเห็นและช่วยโปรโมทให้บ้างในเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ก็ได้ บีเลิฟอยากให้มาอ่านกันเยอะๆ  สมกับยาพาราและยาคลายเครียดที่กินตอนที่แต่งเรื่องนี้ 555



                  ฝากน้องสนและพี่เปลวไว้ในอ้อมใจด้วยจ้า


        Belove
:m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 18 [4/8/61]
«ตอบ #135 เมื่อ04-08-2018 19:37:06 »




                                                            วิมานไม้สน

                                                              บทที่ 18



                   เมื่อได้รับไฟเขียวจากตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจเปลวก็ไม่รอช้า เขาสั่งให้ดำจัดทีมลูกน้องฝีมือดีหลายคนขึ้นรถโฟร์วีลขับไปยังจังหวัดที่ตั้งของบ่อนนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดำไม่ประมาทจัดเตรียมอาวุธครบมือไปพร้อม


                   “อาได้ยินข่าวเรื่องอาคมมานานแล้ว ทั้งรับส่วยและธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ไม่อยากจะไปยุ่งเพราะเห็นเป็นคนของเพื่อน แต่คราวนี้มันแรงเกินไปจริงๆ เปลวจะไปรับน้องคืนก็ไปเถอะ เดี๋ยวอาจะเปิดทางให้เอง”


                    พล.ต.เอก เอกชัย เปิดทางให้เขาในทางลับ จึงไม่มีด่านตรวจค้นพบเจออาวุธปืนที่ลูกน้องของปวิธนำติดตัวมา เอกชัยยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้การช่วยเหลือปวิธอีกด้วย ดำบอกกับปวิธอย่างผู้มีประสบการณ์ว่า เอกชัยคงคิดจะขจัดเนื้อร้ายแต่ไม่กล้าออกหน้า เมื่อปวิธมาขอความช่วยเหลือก็ไปเข้าทางเอกชัยพอดี


                  “ไม่ว่าใครก็ต้องการผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละพี่ดำ ของฟรีไม่มีในโลก แต่ในเมื่อผลประโยชน์ของเขากับผมมันเอื้อกันได้ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย” ปวิธตอบกลับเช่นนั้น


                  เดินทางมาถึงสุดขอบชายแดนไทยที่ตั้งของบ่อนใหญ่หลายบ่อนกระจายกันอยู่แนวตะเข็บชายแดนทั้งฝั่งไทยและเพื่อนบ้าน ท่ามกลางป่าไม้ขุนเขาโอบล้อมเมื่อถึงบ่อนแต่ละแห่งบรรยากาศราวกับคนละโลก แต่ละที่แข่งกันแย่งลูกค้าด้วยโต๊ะพนัน เหล้ายาและขายบริการ รถขับเคลื่อนสี่ล้อของปวิธเข้าเขตพื้นที่บ่อนของอาคม พวกเขากลับแปลกใจที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเหมือนกำลังมีการต่อสู้กัน คนขับรถของปวิธจำเป็นต้องหยุดดูสถานการณ์อยู่ด้านหน้าที่จอแจไปด้วยรถยนต์ของลูกค้าที่หนีตายกันออกมา ปวิธหน้าเครียดด้วยความร้อนใจเป็นห่วงสนฉัตร


                    “สวัสดีครับ ผมชื่อปวิธ ที่ท่านเอกชัยให้ผมมา” ปวิธโทรศัพท์ไปหาตำรวจในพื้นที่ที่เอกชัยให้เบอร์ไว้ “ผมมาถึงบ่อนแล้ว แต่มีการยิงต่อสู้กันอยู่ เกิดอะไรขึ้นครับ”


                    “คุณมาถึงแล้วหรือ ผมได้รับการแจ้งข่าวว่ามีการปล้นบ่อนเกิดขึ้น นี่ผมกับลูกน้องกำลังจะถึงบ่อนเหมือนกัน คุณใจเย็นก่อน”


                 จอดรถหลบรอข้างทางไม่นานรถตำรวจพื้นที่หลายคันส่งเสียงนำมาก่อน เจ้าหน้าที่ทุกคนลงจากรถกระจายตัวกันเดินปูพรมเข้าไปด้านใน ผู้กำกับสถานีตำรวจสั่งกำชับพื้นที่อยู่วงนอก ปวิธรีบเข้าไปแนะนำตัว


                    “ผมรู้แล้ว ท่านสั่งมาแล้วคุณอย่าเพิ่งวู่วาม ใครจะนึกว่าพวกที่ขัดผลประโยชน์กันมันคิดลงมือวันนี้พอดี ตอนนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของผมก่อน”


                     ปวิธและลูกทีมยืนมองการปะทะกันอย่างกระวนกระวาย พักใหญ่เสียงปืนจึงเงียบลงและได้รับสัญญาณให้เข้าไปด้านในได้ ทั้งหมดจึงเข้าไปอย่างระมัดระวัง ทั่วทั้งบ่อนเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่เหลือนั่งรวมกันอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ หัวใจของปวิธแทบจะหล่นไปกองอยู่กับพื้น เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของสนฉัตรเหลือเกิน


                 “ผู้การอาคมเสียชีวิตแล้ว ถูกยิงตัดขั้วหัวใจพอดี” ผู้กำกับสถานีบอกเขาเช่นนั้น “คุณไปดูตามชั้นสองและชั้นสามก็ได้ว่ามีคนที่คุณตามหาหรือเปล่า”


                   ปวิธกับลูกน้องช่วยกันตามหาสนฉัตรทั่วทุกชั้นแล้วยังไม่พบแม้แต่เงา เขาลงมาหาเจ้าของสถานที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวหญิงสาวคนหนึ่งไว้ หล่อนหน้าซีดปากสั่น


                 “หนูไม่รู้เรื่องนะคะคุณตำรวจ หนูทำงานในบ่อนก็จริงแต่ใครทะเลาะกันหนูไม่รู้หรอกค่ะ”


                “ตอบให้เป็นเรื่องจริงนะอีหนู ตอบไม่จริงเจอข้อหาหนักพี่จะบอกไว้ก่อน”


                  คำขู่ของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งทำให้เจ้าหล่อนยิ่งสั่นด้วยความกลัว ปวิธตรงเข้าไปเปิดรูปสนฉัตรในมือถือให้ผู้หญิงคนนั้นดู


                  “ผมมาตามหาผู้ชายคนนี้ คุณเคยเห็นเขาไหม”


                 หน้าตาโดดเด่นขนาดนี้ เห็นแค่ครั้งเดียวก็ต้องจำได้แน่ แวบหนึ่งที่นัยน์ตาของผู้หญิงคนนี้มีร่องรอยจดจำสนฉัตรได้ ปวิธรีบกล่าวย้ำต่อไป


                  “เขาเป็นคนของผมเองเขาถูกพาตัวมาโดยไม่ได้เต็มใจ ผมมาช่วยเขาและรับเขากลับไป”


                  จุดประสงค์ที่ได้ฟังทำให้ผู้หญิงตรงหน้าลังเลใจ ก่อนที่จะพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน


                 “เขาหนีเข้าป่าทางหลังบ่อน คุณรีบไปสิ”


                ได้ยินดังนั้นปวิธก็ไม่รอช้า เขาพยักหน้ากับดำและรีบนำลูกน้องของเขาไปตามหาสนฉัตรทันที









            ฟ้ามืดลงแล้ว หรือว่าดวงตาของเขามองไม่เห็นอะไรอีก มีเพียงเสียงหายใจกระเส่า กักขฬะ เลวร้ายดังก้องเข้าไปในหู


              “อย่า กรี๊ด เจ็บโว้ย กูเจ็บ”


              ได้ยินเสียงแม่ดังแว่วเข้ามา เสียงกรีดร้องบาดหูก่อนที่เสียงนั้นจะจางลงไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปด้วยความทรมาน


             “ลูกพี่ อีผู้หญิงนี่มันตายแล้ว เอาไงต่อ”


              “พวกมึงเสร็จกันหรือยังล่ะ”


              “เสร็จกันหลายรอบแล้วพี่ ทั้งแม่ทั้งลูก รีดจนน้ำหมดแล้ว”


              “งั้นก็ไปกัน”


              “แล้วไอ้หนุ่มหน้าสวยเมียพวกเราจะส่งขึ้นสวรรค์เลยไหม แต่จริงๆมันก็ใกล้ขาดใจตายแล้วล่ะนะ”


             “จัดการไปเลยก็แล้วกัน จะได้จบๆไป”


                ลมหายใจรวยรินสะท้านเฮือก ดวงตาบวมเป่งปิดบังจนมองไม่เห็นอะไรอีก สติที่เหลือเพียงเล็กน้อยร่ำร้องถึงชีวิตที่ยังมีอยู่ หยดน้ำไหลจากหางตาเมื่อรู้ว่าในอีกไม่ช้าความทรมานจะจบลงแล้ว


                เสียงไซเรนดังแว่วจากบ่อนดังมาถึงในป่าเงียบสงัด พลันพวกคนโหดเหี้ยมสะดุ้งกันถ้วนหน้า


               “พ่อพวกมึงมากันแล้ว รีบหนีเร็ว ไอ้นี่ปล่อยมันไป ยังไงก็ไม่รอดหรอก”


               ฝีเท้ากระทบดินของพวกมันดังแว่วมาเป็นสิ่งสุดท้าย ทิ้งสนฉัตรไว้กับความเงียบสงัด มืดมิด ร่างบางที่แสนอ่อนล้านอนกองอยู่พื้นดินแข็งกระด้าง ลมหายใจแผ่วลงเรื่อยๆราวกับใกล้จะปลิดปลิวเต็มที่ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและคราบคาวไม่ต่างอะไรกับธุลีดิน


                สนฉัตรเจ็บจนด้านชา หนาวจนไม่รู้สึก เปลือกตาหนาหนักลืมเกือบไม่ขึ้นแต่ก็พอกะพริบจนมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า ราวกับแสงระยิบระยับเหล่านั้นกำลังเชิญชวนให้เด็กหนุ่มไปอยู่กับมัน เขายกท่อนแขนสั่นระริกขึ้นช้าๆ ก่อนที่มันจะตกลงมาฟาดลงกับพื้นเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่มีวันที่เขาจะเจิดจรัสเช่นดวงดาวได้

                อาจเป็นห้วงสุดท้ายที่สนฉัตรจะได้ระลึกถึงชะตากรรม หรือบางทีอาจเป็นการเลือกเดินเส้นทางที่พาไปสู่หายนะ ไม่ใช่ฟ้าลิขิตแต่เป็นหัวใจที่หลงผิด ภาพแห่งความหลังที่ทำให้เขาต้องพบจุดจบด้วยการนอนข้างถนนเหมือนหมาขี้เรื้อนค่อยๆฉายชัดอยู่ในมโนสำนึก


             “สน สนฉัตร ไอ้สน อยู่ไหน”


               เสียงใครบางคนแว่วมา ดังจากที่ไหนสักแห่ง เสียงนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ สนฉัตรคลี่ยิ้ม อาจเป็นยิ้มสุดท้ายเมื่อร่างของเขาถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น นั่นคือสิ่งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไป





มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2018 19:41:21 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 18 [4/8/61]
«ตอบ #136 เมื่อ04-08-2018 19:42:21 »



ต่อกันตรงนี้...




                ปวิธนั่งซึมอยู่หน้าหอผู้ป่วยวิกฤติของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในตัวจังหวัด ร่างที่เขาหอบหิ้วมาอาการหนักเกินกว่าจะไปกรุงเทพในช่วงเวลานี้ ชายหนุ่มนึกถึงวินาทีที่เขาเห็นสนฉัตรนอนกองอยู่บนพื้น ร่องรอยบาดเจ็บถูกทิ้งไว้ทั่วตัวแต่เขาก็ไม่นึกรังเกียจขณะโอบกอด


                 “สน สน มึงลืมตามาคุยกับกูสิวะ ด่ากูก็ได้ที่กูมาช้า กูขอโทษ”


                  น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่นึกอายลูกน้อง ส่วนหนึ่งของความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับสนฉัตรมีสาเหตุมาจากเขา ปวิธอยากให้สนฉัตรลืมตามาด่า ต่อว่า ต่อยหน้าหรือทำอะไรก็ได้ ขอแค่ยกโทษให้เขาก็พอ


                 “คุณเปลว อย่าเพิ่งสติแตก ไอ้สนมันยังไม่ตายเราต้องรีบพามันไปหาหมอ”


                  ดำเป็นคนเรียกสติกลับมา ปวิธอุ้มสนฉัตรวิ่งออกจากป่าอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ลูกน้องคนหนึ่งที่มาถึงรถรีบสตาร์ทเครื่องคอย พวกเขาพาสนฉัตรมาถึงโรงพยาบาลได้ทันแต่ร่างกายของสนฉัตรอ่อนแรงเหลือเกิน ปวิธได้แต่เฝ้ามองผ่านกระจกกั้นและเข้าเยี่ยมได้ตามเวลาที่โรงพยาบาลกำหนด ทุกครั้งที่เข้าเยี่ยม เขาได้แต่เวทนาเมื่อเห็นสายน้ำเกลือระโยงรยางค์อยู่บนร่างกายนี้


               “ตื่นมาสิสน กูรอมึงอยู่”


               มือใหญ่ลูบเส้นผมที่บัดนี้แข็งกระด้าง บาดแผลตามร่างกายถูกชะล้างแล้ว เหลือแต่จิตใจที่ถูกทำร้ายเจียนตาย นายแพทย์เจ้าของไข้แจ้งอาการของสนฉัตรต่อเขาที่เป็นญาติเพียงคนเดียวเมื่อการรักษาผ่านมาแล้วสามวัน


                 “ร่างกายถูกล่วงละเมิดทางเพศและทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ผมแจ้งแพทย์แผนกนิติเวชให้ทราบแล้วครับ เขาจะเขียนรายงานการตรวจร่างกายเผื่อเป็นคดีความให้ ผลการตรวจเลือดเบื้องต้นไม่พบการติดเชื้อเอชไอวี แต่คุณต้องพาคนไข้ไปตรวจซ้ำในอีกสามเดือนข้างหน้าเพราะอาจเป็นระยะฟักตัวของไวรัส ตอนนี้คนไข้พ้นระยะวิกฤติแล้ว หากคุณต้องการจะพาไปรักษาต่อที่กรุงเทพก็ได้ ผมจะส่งต่ออาการและการรักษาที่ได้ให้ไปกับสาขาที่กรุงเทพให้ และจะจัดรถกับพยาบาลไปส่ง”


                ปวิธเห็นดีตามนั้น เมื่อจ่ายค่ารักษาแล้วเขาจึงเดินทางมาพร้อมรถของโรงพยาบาลและให้ดำกับพวกขับรถตามมา เขากุมมือบางมาตลอดทางจนถึงโรงพยาบาลในกรุงเทพ จนล่วงเข้าสู่วันที่สี่หลังเหตุการณ์เลวร้ายเปลือกตาที่เริ่มยุบลงจึงเปิดขึ้น ปวิธตื่นเต้นเมื่อสนฉัตรตื่นจากหลับใหลเสียที


              “สน สน มึงเป็นยังไงบ้าง”


              นัยน์ตาเลื่อนลอยหันมาประสานกับเขา ปวิธคาดหวังว่าสนฉัตรจะด่าทอหรืออะไรก็ได้ แต่คำพูดแรกที่สนฉัตรเอ่ยออกมากลับทำให้หัวใจของปวิธเจ็บปวด


                “ใคร ใคร”


              ชายหนุ่มเรียกหมอเรียกพยาบาล สนฉัตรถูกส่งไปตรวจเอกซเรย์สมองซ้ำอีกครั้ง แพทย์เจ้าของไข้บอกกับปวิธว่าสมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือนใดๆ และขอปรึกษาแพทย์แผนกจิตเวชให้มาตรวจร่างกายอย่างละเอียด


               “จากข้อมูลที่คุณเล่าให้หมอฟังและจากที่หมอประเมินแล้ว คนไข้ได้พบเรื่องสะเทือนใจมามากมาย จนเขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป คุณสนฉัตรจึงปิดกั้นการรับรู้ทั้งหมดและสร้างโลกของเขาขึ้นมาใหม่ โลกที่ไม่มีความเจ็บปวด”


                ปวิธใจหาย หมายถึงโลกใบใหม่ของสนฉัตรจะไม่มีเขาอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ


               “ต้องรักษาอย่างไรครับคุณหมอ สนฉัตรถึงจะกลับมาเป็นคนเดิม”


                “การรักษาด้านจิตเวชต้องอาศัยเวลา หากร่างกายของคุณสนฉัตรแข็งแรงกว่านี้หมอขอให้ย้ายไปโรงพยาบาลจิตเวชที่หมอทำงานประจำอยู่ คุณสนฉัตรจะต้องกินยาและช็อตด้วยไฟฟ้าเพื่อปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง เมื่อดีขึ้นหมอถึงจะให้กลับบ้าน ส่วนคุณที่เป็นคนใกล้ชิดจะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ ทำให้คุณสนฉัตรรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ แต่หมอให้คำตอบไม่ได้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน หรือเขาจะกลับมาเหมือนเดิมร้อยเปอเซ็นต์หรือไม่ มันอยู่ที่ตัวเขาเองว่าจะยอมออกจากโลกของเขามาสู่โลกแห่งความจริงหรือเปล่า”





             1 ปีผ่านไป


                 ร่างสูงของปวิธเดินจากบ้านหลังใหญ่ไปยังพื้นที่ด้านหลังของอาณาเขต ที่ดินว่างเปล่าบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยบ้านไม้หลังเล็กที่เขาออกแบบเอง ไม้ที่ใช้สร้างบ้านปวิธใช้ไม้สนเป็นหลัก


                  “มันจะทนหรือว้าคุณเปลว ทำไมไม่ใช้ไม้เนื้อแข็งอย่างอื่นล่ะ ไอ้ไม้นี่มันดูเปราะๆยังไงก็ไม่รู้ ประเดี๋ยวก็พัง”


                  ดำเคยทักแบบนี้ตอนที่เขาออกแบบและสร้างมันขึ้นมาในช่วงที่สนฉัตรรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เขายิ้มกับคำถามของดำ


                 “ไม่เป็นไรพี่ดำ มันพังผมก็สร้างใหม่ได้ เอาใจสนมันเสียหน่อย ถ้ามันเห็นจะได้ดีใจว่าสิ่งที่มันเคยอยากได้ตอนนี้เป็นเรื่องจริงแล้ว”


                 สนฉัตรรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชสองเดือนเต็มจึงได้กลับบ้าน ปวิธจ้างคนดูแลสนฉัตรในยามกลางวัน ส่วนกลางคืนเขาจะมานอนกับสนฉัตรที่บ้านไม้สนหลังนี้เกือบทุกคืน เว้นแต่ต้องไปงานเลี้ยงทางสังคมที่ต้องกลับดึก หรือไปต่างจังหวัดจึงจะจ้างคนดูแลเป็นกรณีพิเศษ การกระทำของเขาทำให้ดำซึ่งกลายเป็นมือขวาส่ายหน้าระอา


               “บ้านหลังเบ้อเร่อมีก็ไม่อยู่กัน ดันมาขลุกกันอยู่กระท่อมน้อยปลายนาอย่างกับเงาะป่ากับรจนาโดนไล่จากวัง”


                ปวิธหัวเราะชอบใจ ช่วยไม่ได้ที่เขามีความสุขอยู่ในบ้านไม้หลังเล็กที่มีสนฉัตรอยู่ด้วย แต่ถึงสนฉัตรจะดีขึ้นเขาก็ยังมีนัดที่โรงพยาบาลทุกเดือน ปวิธจะเป็นคนพาสนฉัตรไปตามนัดทุกครั้ง ต่อให้มีนัดหมายที่สำคัญกว่าเขาก็จะยกเลิก


                ไม่มีอะไรสำคัญกว่าสนฉัตรอีกแล้ว โชคดีอีกอย่างที่ผลการตรวจเลือดอีกสองครั้งหลังยืนยันว่าไม่พบเชื้อเอชไอวีทำให้เขาโล่งใจ


                ปวิธกลายเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงและมีชื่อเสียง เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขาหลายต่อหลายคน อย่างเช่นวันนี้ที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเกาะแขนตามมาที่บ้านไม้สนด้วย ส่วนดำที่รับหน้าที่บอดี้การ์ดเดินตามห่างๆ ปวิธส่งยิ้มให้สนฉัตรที่นั่งอยู่หน้าบ้านกับคนดูแล


                “สนฉัตรเป็นยังไงบ้างครับ วันนี้ดื้อหรือเปล่า”


                นานๆครั้งสนฉัตรก็จะอาละวาดบ้าง แต่เมื่อปวิธมาถึงสนฉัตรก็จะหยุดนิ่ง คนดูแลส่ายหน้าและบอกว่าวันนี้สนฉัตรเป็นเด็กดี


              “คนบ้าที่ไหนคะเปลว ทำไมมาอยู่ในบ้านคุณได้เนี่ย”


               สาวสวยในชุดแดงที่ยืนเคียงข้างเบ้ปากด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นสนฉัตร คนถูกพูดถึงเงยหน้าสบตาที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง สนฉัตรเบิกตากว้างก่อนจะตะโกนลั่นและทำท่าเหมือนจะปรี่เข้าหา ผู้หญิงคนนั้นร้องวี้ดว้ายแต่ปวิธกลับไม่สนใจ เขาโผเข้าดึงสนฉัตรมากอดและเรียกสติกลับคืน


              “สน ไม่มีอะไรสน อย่าร้องนะ อย่าดิ้น เป็นเด็กดีนะ”


              ปลอบอยู่พักใหญ่สนฉัตรจึงยอมสงบลง ปวิธสั่งให้คนดูแลพาสนฉัตรเข้าไปในบ้านก่อนจะหันไปมองตาขุ่นใส่ผู้หญิงคนนั้น


             “คุณไม่มีสิทธิ์พูดอย่างนี้กับคนของผม”


             “ทำไมล่ะคะเปลว เราสองคนคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ อีกหน่อยถ้าเราแต่งงานกันฉันก็ต้องมาอยู่กับคุณ เรื่องในบ้านฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว”


              เสียงแหลมประกาศถึงความสัมพันธ์ ปวิธหัวเราะเบาๆ


               “ผมบอกคุณเหรอว่าเราคบกัน ไหนคุณบอกว่าเราจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไม่ผูกมัดไงล่ะ แต่ตอนนี้คุณคิดจะผูกมัดผมไว้เหรอ แต่ผมไม่ได้ต้องการคบกับผู้หญิงที่ดูถูกคนอื่นหรอกนะ”


                “คุณหมายความว่ายังไง” หล่อนส่งเสียงกรีดร้องและโผเข้ากอดแขนปวิธ


               “หมายความว่าคุณจะทิ้งฉันเหรอ ไม่นะเปลว ฉันชอบคุณมากนะ”


               ปวิธดึงมือหล่อนออกอย่างไม่สนใจเสียงคร่ำครวญนั้น เขาออกคำสั่งกับดำ


              “พี่ดำ ให้ใครก็ได้พาออกไปที แล้วต่อไปนี้คุณไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก”


                ดำทำตามคำสั่ง ลูกน้องของเขาคนหนึ่งลากตัวคู่ควงชั่วคราวของปวิธออกไป ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่จะหันไปมองจนกระทั่งได้ยินเสียงดำหัวเราะอยู่ด้านหลัง


               “โอ๊ย พ่อหนุ่มเนื้อหอม ผู้หญิงหลงทั่วกรุงเทพแล้วมั้ง แล้วคนนี้นี่ ถ้าจำไม่ผิดเป็นคนที่ควงอยู่กับไอ้ทนายจิรัชตอนที่พาไอ้สนหนีไปไม่ใช่หรือไง แก้แค้นให้ไอ้สนมันเหรอ”


               หลังจากทรงเดชรู้ความจริงเรื่องจิรัชพาสนฉัตรหนีออกจากบ้าน ทนายคนนั้นถูกพรรคพวกของดำเล่นงานจนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่หลายวัน งานทนายความลดน้อยลงเพราะถูกแบล็กลิสต์จากสมศักดิ์ที่ทำงานให้ทรงเดช จนเจ้าตัวไม่มีงานในกรุงเทพ ต้องกลับไปรับว่าความงานเล็กงานน้อยที่บ้านต่างจังหวัด


               ปวิธก้าวเข้าไปในบ้านไม้สน เขาเอ่ยปากให้คนดูแลสนฉัตรกลับบ้านได้ เพราะหลังจากนี้เขาจะดูแลสนฉัตรเองจนกลายเป็นกิจวัตร เขามองร่างบางที่นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ ปวิธเดินไปทักทาย


               “สวัสดีครับสนฉัตร พี่เปลวมาแล้ว วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่า”


              ดวงตาคู่สวยมองมายังเขาแวบหนึ่ง แค่นั้นปวิธก็ดีใจแล้ว เขายกมือปัดปอยผมที่ตกลงมาระหน้าผากมนออก เผยให้เห็นใบหน้างดงามนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น


              “ผมยาวเร็วจังน้า พรุ่งนี้พี่เปลวไม่ทำงาน พาสนไปเที่ยวห้าง ตัดผมหล่อๆ แล้วดูหนังกันดีไหม”


               ปากอิ่มคลี่ยิ้มพยักหน้าเบาๆ ปวิธดึงสนฉัตรมากอดไว้


              “นอนเร็วหน่อยนะ พี่เปลวง่วงแล้ว วันนี้ทำงานเหนื่อยจัง”


               มีคนเคยบอกว่าแก้วแตกไปแล้วทำอย่างไรก็ไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก ปวิธไม่เถียงความจริงในข้อนั้น แต่ปวิธจะสร้างแก้วใบใหม่จากดินทรายกองเดิม เขาจะเจียรนัยจนมันกลายเป็นแก้วแสนสวยอีกครั้ง


                ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นอนบนเตียงนุ่มๆในบ้านไม้หลังเล็กและมีสนฉัตรในอ้อมกอด เขายิ้มเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของสนฉัตร บ้านไม้ที่เป็นวิมานแสนอบอุ่นตลอดไป



                                                       จบแล้วจ้า


                                      แต่ๆๆๆ     อย่าเพิ่งปิดน้า เดี๋ยวมี End credit จ้า

                                                :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2018 19:48:49 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                         บทส่งท้าย

                                                        วิมานของผม



               วิมานของผมเป็นวิมานแสนสวย


               ผมมักจะขลุกตัวอยู่ในวิมานที่มีสวนดอกไม้รายล้อม มันเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครเข้ามายุ่งได้ แม้แต่ปีศาจที่แสนโหดร้าย ผมเคยเห็นพวกมันนานๆครั้ง พวกมันน่ากลัว น่าขยะแขยง แต่พวกมันก็จะหนีไปเมื่อเจ้าชายของผมมาไล่พวกมัน


              ใช่แล้ว ผมมีวิมาน มีปราสาท และผมก็มีเจ้าชายของผม


              เจ้าชายเป็นผู้ชายตัวสูง ผิวสีเข้ม หน้าตาหล่อเหลา ก็เขาเป็นเจ้าชายก็ต้องหล่อสิ


              เขามาหาผมทุกวัน มาร้องเพลงให้ฟัง บางทีก็ดีดอะไรไม่รู้จนเกิดเป็นเสียงเพลงแสนไพเราะ


              “สนลองฝึกเล่นกีตาร์ไหมครับ พี่เปลวจะสอนให้เอง”


                เจ้าชายจับมือให้ผมใช้ปลายนิ้วกรีดลงไปบนลวดเส้นเล็กจนเกิดเป็นเสียง ผมยิ้มแม้ว่ายังเล่นไม่เป็นเพลง ผมชอบรอยยิ้มของเจ้าชาย มันเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก


               “วันนี้เราไปหาหมอกันนะ”


                บางครั้งเจ้าชายจะพาผมออกไปนอกปราสาท ไปหาคุณน้าแสนสวยและใจดี แต่บางครั้งผมก็โกรธคุณน้าที่เอา เหล็กแหลมอันเล็กๆปักใส่ผิวหนังบนหัวของผม ทันใดนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาจนผมสั่นไปทั้งตัว มีเพียงอ้อมกอดของเจ้าชายที่ทำให้ผมหายกลัว


               “ไม่เป็นอะไรแล้วครับสน อยู่นิ่งๆนะคนเก่ง วันนี้คุณหมอลดกระแสไฟลงแล้ว สนดีขึ้นมากแล้วนะ มาหาคุณหมอครั้งหน้าไม่ต้องช็อตไฟฟ้าแล้วล่ะ”


                เสียงปลอบแสนอ่อนโยน อ้อมกอดอบอุ่น จะมีใครดีไปกว่าเจ้าชายของผมล่ะ


               “อ้าปากกินข้าวนะ พี่เปลวป้อนให้”


              เขาหลอกล่อเวลาผมไม่อยากกินผักรสขม เจ้าชายหัวเราะขำตอนผมแอบคายออก


             “ไม่ชอบเหรอ เดี๋ยวพี่เปลวบอกแม่ครัวให้ว่าคราวหน้าอย่าใส่มาให้สนกินอีก”


              เมื่อถึงเวลานอน เจ้าชายจะกอดผมไว้ ปกป้องผมจากปีศาจร้าย ผมรู้สึกปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายผมจะหลับสนิทไปจนถึงรุ่งเช้า


                “พี่ต้องไปทำงานแล้ว สนอย่าเป็นเด็กดื้อนะ เลิกงานพี่เปลวจะรีบกลับมาหาสน ไหน มากอดหน่อยซิ พี่เปลวรักสนนะครับ”


                 ผมก็รักเจ้าชายของผมครับ แผ่นหลังของเจ้าชายน่ากอดจัง เอ๊ะ เจ้าชายของผมชื่ออะไรนะ


              “เปลว พี่เปลว”


               ผมเรียกเจ้าชายไว้ เจ้าชายหันขวับมาพร้อมกับหน้าตาตื่นเต้นจนน่าตลก เขาวิ่งกลับมากอดผมถามเสียงละล่ำละลัก


              “เรียกพี่ว่าไงนะ ตะกี้สนพูดว่าอะไร”


               ผมยิ้มให้เจ้าชาย ก็เรียกชื่อเจ้าชายยังไงล่ะ


              “พี่เปลว”


              เจ้าชายน้ำตาคลอ ใครทำเจ้าชายเจ็บเหรอ ผมยกมือเช็ดน้ำตาและปลอบใจเขาเหมือนที่เขาปลอบผมบ่อยๆ


             “ไม่เป็นไรนะ พี่เปลว”


               เจ้าชายร้องไห้ เขาดึงผมไปกอดจนหายใจเกือบไม่ออก ผมรู้ว่านั่นเป็นอ้อมกอดจากความรักที่เจ้าชายมีให้ผม ผมจึงกอดเจ้าชายไว้เช่นกัน


              วิมานของผม เป็นวิมานที่มีความสุขที่สุด


             คุณคิดเหมือนผมไหมครับ





                                                        The end


                                             ในที่สุดก็อ่านกันจนจบ โอ๊เย 

                            อย่าลืม Review / Comment / Promote ให้บ้างนะคะ

                                                        ขอบพระคุณค่ะ


                                            :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2018 20:12:39 โดย Belove »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :o12:
โถถถถถ ลูกเอ๊ยยยย  ทำไมชีวิตหนูสนมีนรันทดขนาดนี้นะ  จนจบแล้วก็ยังเป็นบ้าไปอีก  สงสารจริงๆ  อยากให้หายนะ  แต่ก็กลัวจะจำอะไรร้ายๆแบบนั้นได้อีก โอ๊ยยย น้ำตาชั้นไหลหมดแล้ว
ปล. มีรวมเล่มมั้ย มีตอนพิเศษรึเปล่า

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อดีตที่น่าสงสาร  ถูกกักเก็บไว้ในซอกหลืบของความทรงจำ

ความทรงจำใหม่ถูกสร้างขึ้น

ก็ดีเหมือนกัน  อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนทุกข์กับเรื่องราวในอดีตที่ไม่น่าจดจำ

แทงคิ้ว


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
จบแบบนี้ก็ดี
ชีวิตจริงโหดร้ายพอแล้ว หลบมาอยู่ในโลกนิยาย ผู้อ่านก็อยากจะได้แบบแฮปปี้เอนดิ้ง
หวังว่าสนจะค่อยๆจำได้ และใช้ความรักจากเปลวรักษารอยแผลในจิตใจให้หายดี
ยังไงผู้ร้ายก็ตายไปหมดแล้ว  ชีวิตที่รอดมาได้ก็ขอให้มีแต่ความสุขและความเจริญ
ขอบคุณผู้แต่งค่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านมาแล้วอึดอัดที่สุด มันไม่ใช่ดราม่าแบบหน่วงๆแต่เป็นดราม่าแบบที่หายใจไม่ออก เราเกลียดความไม่ทันที่เกิดขึ้นในเรื่อง เกลียดการกระทำของหลายๆตัวละคร จนเราคิดว่าถ้ามันจบแบบ bad end ก็คงดี ในสนได้ไปอยู่บนฟ้าอาจจะดีกว่าต้องมาจมกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แต่ก็เข้าใจว่านักเขียนคงไม่อยากใจร้ายเกินไปเลยทำให้มันจบออกมาในรูปแบบนี้ ถึงเราจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่แต่เราก็คิดว่านักเขียนคงตัดสินใจดีแล้วละ

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
พุ่งมาอ่านทันทีที่เห็นคำว่า END
ลากปร๊าด ๆ ปรู๊ด ๆ จบในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
ไม่สามารถอ่านทุกคำได้ และไม่มีทางย้อนกลับมาอ่านอีกแน่นอน

เข้าใจว่าชีวิตจริงโหดร้ายค่ะ
และจะเป็นชีวิตจริงมาก ถ้าจบแบบ "สน" ตายตรงนั้น
แต่เพราะสนไม่ตาย แถมความทรงจำยังหายไปอีก
มันก็เลยกลายเป็น "นิยาย" ทันที

เอาว่าเส้นเรื่องโหดเนอะ
ยิ่งพอเล่าให้เพื่อนฟังคร่าว ๆ 2 บรรทัด
เพื่อนบอกว่า "ไม่อ่านดีกว่า" ... ก็สรุปว่า ตรงใจค่ะ
เพราะ "นิยายวาย" สำหรับเรา มีไว้อ่านเพื่อ feel good เท่านั้น

เจอกันเรื่องหน้า... ถ้าจะไม่สาดดราม่าใส่กันขนาดนี้นะคะ
 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แบบนี้ก็ดีให้สนไม่มีอะไรในใจให้มันว่างเปล่า มีแค่เปลวก็พอ  ดราม่าแต่สนุกดี

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สนุกมาก :katai2-1:ให้นักเขียนเลยค่ะ

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ทั้งอดทนอ่านทั้งจะอ้วกจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกเพราะขยะแขยงมากกว่าพวกบัดซบที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นตัวละครแม้จะเป็นแค่ในนิยายแต่บนโลกความเป็นจริงกับมีคนเหล่านี้อยู่เกลื่อนมากมายสงสารก็แค่สนที่ต้องรับชะตากรรมเลวร้ายแต่เด้กมันหดหู่มากจริงๆนับถือใจคนเขียนที่ถ่ายทอดออกมาได้สุดๆบีบคั้นมาก ขอบคุณมากสำหรับนิยายสีเทาเรื่องนี้ค่ะ :heaven :pig4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ยังดีทีสนไม่เป็นร้ายส่วนเปลวก็ไม่ทอดทิ้งสนทั้งยังรักและดูแลอย่างดี :เฮ้อ:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
สนนน~~เหออออ!!ค่อยยังชั่ว ดีใจด้วยนะเปลว อย่างน้อยสนก็ยังเริ่มพูดแล้ว ต่อไปอาการก็คงดีขึ้นเรื่อยๆอดทนหน่อยนะ //ดีแล้ว จบแบบนี้ดีแล้ว เป็นนิยายที่โอเคมากทำให้เราคิดต่อหลังอ่านจบทุกตอนเลย ว่าจะเป็นแบบนี้ยังงี้จะเป็นยังไงต่อไป อ่านจบอารมณ์ไม่จบ 5555 ก่อนหน้าตอนจบก็เหมือนกัน คิดอยู่ว่าสนจะลงเอยยังไงดีว่ะ  คิดไว้2ทางคือ1.ตาย เพราะดูจากบทนำ แต่ตอนคิดนั้นก็กลัวนะว่าอย่าให้ออกมาแบบนี้เลย 55555 หรือไม่ก็ 2.แบบนี้เลย ความจำเสื่อม ลืมเลือน ปิดกั้นเรื่องที่กระทบจิตใจ อยู่ในโลกใหม่ นิยายที่นายเอกโดนทำร้ายจิตใจมากถึงมากที่สุด มักกะจบลงแบบนี้เท่าที่อ่านมา ส่วนสนที่คิดว่าโอเคที่จบแบบนี้ เพราะถ้าจบด้วยตาย มันจะว่างเปล่ามาก ที่ผ่านมาคืออะไร การที่สนเอาตัวรอด ไม่ใช่สิ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่างหาก มันจะไม่มีความหมายใดเลย แต่พอจบลงแบบนี้อย่างน้อยก็ถือว่าสิ่งที่สนพยายามมา ไม่เคยรอดแต่เพื่อให้มีชีวิตอยู่ มันได้เกิดขึ้นจริง ซึ่งดีใจกับสนมาก ถึงแม้อยู่ในโลกใหม่นี้ก็ยังโอเค //ส่วนตอนนี้กำลังคิดต่ออีกว่า อยากจะให้สนจำอดีตได้ไหมวะ ใจนึงก็อยากให้จำได้ทั้งหมดเลยจากการบำบัด เมื่อจำได้แล้วก็อยากให้ทำใจ ยอมรับแล้วผ่านมันไปได้ จะถือว่าสนแข็งแกร่งขึ้นมากทีเดียว แต่อีกใจก็ อดีตมันร้ายเกินไปมาก ถ้าเกิดจำได้สนจะตอบรับยังไงว่ะ ก็เลยอยากให้อยู่โลกใหม่ไปเลย สร้างมันขึ้นมาใหม่ แต่ก็นะ ความรู้สึกชั่งน้ำหนักแล้วไปทางอยากให้สนจำได้ แล้วผ่านมันไปได้ มากกว่า 555 ก็ในเมื่อเปลวรับได้และอยู่เคียงข้าง สู้ๆเขานะสน เอาใจช่วย มโนคิดต่อไปเองได้อีกกรู แต่รู้ๆคือ รอตอนพิเศษจะมีไหมคะ 55555 ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆดีตรงที่อ่านแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนคนบีบคอพอกำลังจะตายก็คลายออก กลั้นหายใจ ชอบมากๆค่ะ  55555555555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: << วิมานไม้สน >>
«ตอบ #148 เมื่อ11-08-2018 00:51:15 »

อนาคตอยากให้สนหายนะคะ แต่หายแบบลืมอดีตได้ไหม อยากให้น้องได้ใช้ชีวิตสดใสสมวัยแบบเด็กคนอื่น เจอเรื่องร้ายๆมาเยอะแล้ว เขียนให้อินขนาดนี้ได้ยังไงอ่ะคะ คืออยากเอาปืนมายิงพวกคนที่ข่มขืนน้องอ่ะ ใจทรามมาก ชั่ว สาบานว่าถ้าเรามีปืนเราจะยิงมันให้หมด แค่เด็กคนนึงที่อยากมีชีวิตอยู่ ทำไมมันถึงยากขนาดนี้ก็ไม่รู้ ขอบคุณสำหรับนิยายสะท้อนสังคมอีกเรื่องนะคะ อินมาก โมโหมากกกก   :katai1:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: << วิมานไม้สน >>
«ตอบ #149 เมื่อ11-08-2018 19:22:21 »

สำหรับเราตอนจบคือแฮปปี้สุดแล้ว ขอให้สนฉัตรมีความสุขในวิมานไม้สนนะ ดีแล้วที่ลืมทุกอย่างแบบนี้ พี่เปลวต้องดูแลสนดีๆนะ เจ้าชายอย่าให้ใครมาทำร้ายสนอีกนะ ขอบคุณคุณบีเลิฟมากๆเลยที่เขียนนิยายแบบนี้ออกมา มันดีมากๆ คุณเก่งมากๆที่ทำให้เราอินขนาดนี้ ความรู้สึกตอนอ่านคือมันมวนท้องอยากจจะอ้วกมากๆ ขยะแขยงตัวละครที่ทำน้อง พออ่านจบก็ดาวน์เลย ร้องไห้ไม่ออกแต่มันกลับรู้สึกจุกในอก ต้องยอมรับจริงๆว่าสังคมสมัยนี้ก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด