“อะไรนะ!! นายจะไม่มาเหรอ” จุนโนะโพล้งออกมาแค่นั้น คาซึยะก็รีบแย่งโทรศัพท์มาทันที ก่อนพูดกรอกไปตามสาย
“จิน เป็นไรมากรึเปล่า ให้พวกเรากลับไปดูนายดีมั้ย” จินพยามยามหายใจยาวๆก่อนพยายามทำเสียงให้เหมือนปกติที่สุด
“อย่าพูดบ้าๆสิ แค่ปวดหัวน่ะ พวกนายห้ามทิ้งงานนะ ไปเถอะไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกินยานอนแล้วพรุ่งนี้ก็คงดีขึ้นเองนะ”
คาซึยะยังไม่ทันพูดอะไรต่อ จินก็กดวางและปิดเครื่องไปเลย “จิน …เฮ้ยจิน!!”
คาซึยะพยายามเรียกและต่อโทรศัพท์ใหม่แล้วก็ไม่เป็นผล ยูอิจิท่าทางกังวล “นี่ๆพวกเราจะกลับไปดูจินกันดีมั้ย”
แต่จุนโนะที่ท่าทางเป็นห่วงทั้งจินและห่วงงานเหมือนกัน “แต่ว่า จะทิ้งทางนี้ไปเลยนะเหรอ”
“ไปกันเถอะ ไปงานเลี่ยงที่สตาฟเค้าจัดกันเถอะ “
คาซึยะพูดออกมาเหมือนเป็นการตัดสิน ทุกคนทำท่างงๆ เหมือนกับอยากพูดอยากถามอะไร คาซึยะก็พูดตัดบทออกมา
“ก็จินบอกว่าห้ามทิ้งงานน่ะ ตอนนี้จินไม่สบายเราก็ต้องพยายามในส่วนของจินนะ ไปกันเถอะ” ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ คาซึยะ
เองถึงแม้จะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แต่จริงๆแล้วรู้สึกกังวลลึกๆเป็นห่วงจินไม่น้อยเลย
จินกินยาเข้าไปแล้วพอจะระงับอาการได้นิดหน่อย เค้าเช็ดทำความสะอาดคราบเลือดตามพื้นห้องเรียบร้อยแล้วก่อนมาล้มตัวลง
นอนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เหมือนกับว่ากระดูกถูกเข็มนับพันทิ่มแทง พยามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำได้ยากลำบากเหลือเกิน ภายใน
ห้องนอนที่มืดมิดไม่มีใครแบบนี้ ทำให้รู้สึกเหงาและอ้างว้างเหลือเกิน ถึงแม้ว่าไม่อยากให้ใครรับรู้แต่ในใจที่ว่างเปล่าก็อดคิด
ถึงไม่ได้ อยากเจอหน้าใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้เลย ไม่อยากจากใครที่ผูกพันธ์อยู่ตอนนี้ไปทั้งนั้น…………..
แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามา กระทบกับร่างที่หลับตาอยู่บนเตียง ขนตายาวๆเริ่มกระดิก แสงแดดที่ทาบทอบนหน้าที่
ขาวซีดเริ่มรู้สึกอุ่นๆ จินลืมตาช้าๆ ความเจ็บปวดเมื่อคืนจู่ก็หายไปซะเฉยๆ เหมือนเป็นปกติดีมาก ค่อยๆเอามือขึ้นมาเพื่อที่จะ
เสยผมก็รู้สึกว่าแขนเสื้อเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง เส้นผมสีน้ำตาลเข้าไปติดกับกระดุมแขนเสื้อจินไม่ได้กระตุกออก เพราะกลัวว่า
ร่างที่หลับสนิทข้างๆจะตื่น คาซึยะหลับสนิท ท่าทางจะเฝ้าเค้าทั้งคืนแน่ๆหลังจากลับจากงานเลี้ยง ท่าทางที่หลับสนิทเพราะ
ความเหนื่อยดูน่าเอ็นดูเหมือนเด็กๆ
จะเป็นไปได้รึเปล่าว่าอาการเจ็บปวดที่หายไปเพราะใครคนนี้ คนที่เค้ารู้สึกว่าเป็นเทวดาน้อยๆ จ้องมองหน้ายามหลับไหล ท่า
ทางมีความสุข อยากให้เจ้านี่มีความสุขแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้อะไรมาทำร้ายจิตใจที่บอบบางของเจ้านี่อีก คิดอย่างงี้แล้ว
……..จินก็รู้สึกเจ็บปวดในใจลึกๆ
แล้วร่างที่หลับไหลก็เริ่มขยับลืมตาขึ้นแบบงัวเงีย เมื่อตื่นเต็มตาก็เห็นจินนั่งจ้องอยู่ก็รู้สึกตกใจ ลุกขึ้นทันที เส้นผมที่เกี่ยวกับ
กระดุมแขนเสื้อจินก็ กระตุกขาดออก จนเจ้าของเส้นผมร้องออกมาเสียงดัง “โอ้ย!!”
จินหัวเราะออกมาขำๆกับท่าทางของคาซึยะ ที่เอามือจับหัวตรงที่เส้นผมถูกกระตุกขาดออก
“นายนี่ ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกฉันบ้างหล่ะ” คาซึยะบ่นออกมาเหมือนเด็กๆ จินทำหน้าตาย
“ก็นายหลับท่าทางมีความสุขดี ใครจะกล้าปลุกหล่ะ” คาซึยะทำหน้าบึ้ง “น่าเกลียดชมัดเลย !!” จินทำตาโต
“อะไร เรื่องอะไรมาว่าฉันน่าเกลียดหล่ะ นายนี่!!!” คาซึยะทำหน้าเหรอ
“ไม่ใช่นาย หมายถึงฉันต่างหากมา เฝ้าไข้ แต่กลับหลับไปซะเอง น่ะ”
จินได้ยินแค่นั้นก็ขำออกมา “ใช่ๆน่าเกลียดชมัดเลยนายน่ะ “ แล้วก็เอามือมาถูๆหัวคาซึยะ จนผมเส้นเล็กพันกันยุ่งไปหมด
” เฮ้ย !! นายไม่มีสิทธิมาว่าฉันนะเจ้าบ้า เลิกเล่นหัวคนอื่นด้วย” จินได้ฟังก็ยิ้มๆ รู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเคยเกิดมาแล้ว
ตอนที่คาซึยะมีเรื่องกับเรียวตะแล้วเค้าก็ไปนอนเฝ้า ไม่รู้ว่าเจ้านี่จะจำได้รึเปล่านะ คาซึยะเอามือจับทรงผมให้เป็นปกติเหมือน
เด็กๆ จินหันไปมองรอบๆ รู้สึกเงียบผิดปกติก็เลยถามออกมา
“แล้วเจ้าพวกนั้นหายไปไหนกันหมดอ่ะ “ คาซึยะตอบออกมา
“ไปดูสถานที่ที่จะเปิดการแสดงตามจุดต่างๆ ตอนแรกทำท่าจะเกเรไม่ไปกันหมดเพราะว่าจะอยู่ดูนาย แต่ว่าฉันบอกว่าฉันจะ
ดูแลเองก็เลยไปกันหมดไงหล่ะ” จินพยักหน้าก่อนหันมาจ้องคาซึยะตาเขม็ง
“ว่าแต่ว่า นายอยู่นี่จะดูแลฉันได้เหรอ ทำอะไรก็ไม่เป็น “ คาซึยะหน้าเหรอ
“หา นายก็ท่าทางแข็งแรงดีแล้วนี่ ไม่เห็นต้องดูแลอะไรนี่นา” บ่นออกมาซะงั้น เพราะเกิดมาก็ไม่เคยดูแลใคร
มาก่อน จินแอบยิ้มเหมือนคิดจะแกล้งอะไรคาซึยะได้
“ ไม่จริงสักหน่อย ยังมึนๆตัวก็ยังอุ่นๆอยู่เลย นายนี่ ดูแลฉันไม่ได้แน่ๆ “ แล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ งอแงแบบเด็กๆ คาซึยะ
เลยยิ่งทำท่าเก้ๆกังๆไปกันใหญ่
“บ้าน่า!! จริงๆเหรอไหนดูสิ “ ลองเอามือมาแตะที่หน้าผาก “ไม่เห็นจะร้อนเลย !!” คาซึยะพูดออกมาเสียงดัง จินทำหน้าบู้
“บ้านะสิวัดแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าร้อนหรอก เค้าต้องใช้หน้าผากวัดกันต่างหาก แค่วัดไข้ยังทำไม่เป็นเล้ย พึ่งไม่ได้จริงๆนะเนี้ย”
คาซึยะทำท่าอายๆ ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เคยเห็นแม่ทำกับลูกมาบ้าง แต่กับเพื่อนกันแบบนี้ไม่เคย แต่จินทำท่าแบบนี้ ก็เลย
รู้สึกว่าต้องทำ ดึงหน้าจินมาใกล้แล้วก็เอาหน้าผากชนกัน แล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง
“จริงๆด้วย หน้าผากนายอุ่นๆนี่นา ทำไงดีหล่ะ ทำไงดี “ ตื่นเต้นจนน่าขำ จินกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เอาแผ่นสีฟ้าในตู้เย็นมาแปะเดี๋ยวก็หาย แต่ว่าฉันหิวแล้วนะ ทำอะไรให้กินได้ป่าว” จินปัดผ้าห่มออกแล้วก็
ลุกขึ้นยืน คาซึยะทำหน้าเหวอไปเลย ทำอาหารพูดเป็นเล่นไปได้นะนั้นน่ะ
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวฉันไปซื้อที่ข้างนอกให้ดีกว่ามั้ย ฉันทำไม่เป็นน่ะ “ จินกอดอกเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่เอา ไม่อยากกินของแบบนั้นน่ะ ทำอะไรก็ได้น่ะ ไข่ทอดไง ทำได้ป่ะ ไข่ทอดกับข้าวก็พอแล้ว”
คาซึยะเองท่าทางไม่ยอมใครเหมือนกันเริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้าง
“ก็บอกแล้วไงว่าทำไม่เป็น จะให้ทำได้ไงหล่ะ” จินเหมือนโดนดุ ทำหน้าสลดนิดหน่อย
“อ้อ เข้าใจแล้ว ฉันไม่กินก็ได้ ตามสบายนายเถอะ” คาซึยะรู้สึกเหมือนทำผิดร้ายแรง
เพราะบอกเองว่าจะดูแลจิน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
“ก็ได้ๆจะทำให้ จะทำให้ “ จินยิ้มออกมา เหมือนว่าแกล้งเจ้านี่ได้แล้ว “ในตู้เย็นเหมือนว่ามีแอปเปิ้ลปอกให้กินด้วยนะ”
คาซึยะเริ่มขมวดคิ้ว “หา!! “ เหมือนได้คืบจะเอาศอกเลยนะ จินทำหน้าเศร้าๆ
“ก็ฉันเป็นคนป่วยนี่นา ก็อยากกินผลไม้บ้างน่ะ” คาซึยะรู้สึกว่าทำตัวดุๆอีกแล้วก็พยักหน้า
“ได้ๆ แอปเปิ้ลด้วยนะอืมๆ”
รู้สึกเหมือนจะลำบากหน่อยนะ แต่ก็จะพยายามดูเพื่อจินเลยนะ คาซึยะเดินมาที่ห้องครัวเปิดตู้เย็นออกหยิบข้าวของออกมา
ไข่1 ถาด อันดับแรกต้องทอดไข่ก่อน
จินเดินตามลงมาด้วยคาซึยะหันไปมองจินที่กำลังเปิดตู้เย็นหยิบแผ่นลดไข้ออกมาแปะหัวเอง
“อ้าวแล้วนายลุกมาทำไมหล่ะเนี้ย!!” คาซึยะพูดออกมาแปลกใจ จินหัวเราะออกมา
“ล้อเล่นน่าที่จะให้นายทำทั้งหมดน่ะ มีหวังไฟไหม้บ้านแน่ๆ เดี๋ยวฉันทำเองนายอยู่เฉยๆเถอะ”
คาซึยะท่าทางเอ๋อ จินเดินมาตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเรียบร้อย คาซึยะก็โพล้งออกมาเสียงดัง
“ นายไม่ต้องทำหรอกน่า แค่บอกวิธีมาก็พอ ฉันอยากทำมากกว่า “ จินทำหน้ายิ้มงงๆ
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวฉันทำให้” คาซึยะแย่งไข่ออกมา
“ให้ฉันทำเถอะ ฉันอยากทำอะไรให้นายบ้าง ที่ผ่านๆมาก็พึ่งนายมาตลอดแล้ว”
พูดออกมาอายมากๆจนหน้าแดงก่ำ จินยอมถอยออกมายิ้ม ๆ
แล้วคาซึยะก็เก้ๆกังๆหน้าเตาต่อไป จินบอกว่าให้ลองตอกไข่ดู ใบแรกออกมา จินยิ้ม “ อืมทำได้ดีนี่นา”
คาซึยะรู้สึกอายๆก่อนตั้งหน้าตั้งตาทอดไป แล้วไข่ราดข้าวก็ออกมารูปร่างไม่น่ากินนักแต่ก็พอรับได้
คาซึยะวางจานข้าวลงข้างหน้าจิน ภูมิใจมากๆเหมือนตัวเองเป็นเชฟมือหนึ่ง จินพนมมือก่อนพูดออกมาอย่างร่าเริง
“ทานนะครับ” จินท่าทางหิวจัดหรืออะไรก็ไม่รู้ กินข้าวคำใหญ่เคี้ยวเหมือนเด็กๆ คาซึยะมองดูก็ขำนิดๆ
ก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบแอปเปิ้ลออกมา
“นี่ๆ นายไม่ต้องทำแล้วก็ได้นะ “ จินหันมามอง คาซึยะทำหน้าบูดๆประมาณว่าจะทำให้ได้ จินก็พยักหน้าแล้วหันมากินข้าวต่อ
ไป คาซึยะทำท่าจริงจังแล้วก็เริ่มปลอกเปลือกแต่แล้วก็จนได้ บาดนิ้วจนได้แผลเลย เจ็บแต่ไม่กล้าร้องกลัวจินจะหันมามอง
จินยังกินข้าวอยู่ เลยหันมาตั้งหน้าตั้งตา พยายามต่อไป ปกติงานแบบนี้ต่อให้ตายก็ไม่ทำเด็ดขาด เพราะอะไรนะ
ถึงต้องมาทนเจ็บ เพื่อจิน......ก็เพราะว่าจินเป็นคนที่เค้ารักมากๆนะสิ เรื่องแค่นี้ทำได้อยู่แล้ว การที่ทำอะไรเพื่อจิน ต่อให้ต้อง
เจ็บเค้าก็ทนได้ เพราะจินทำเพื่อเค้าละทุกคนเสมอด้วย
จินกินข้าวเสร็จเรียบร้อย ท่าทางอิ่มแล้ว ลุกขึ้นบิดตัวไปมา ทำท่าจะเดินเข้ามาหาคาซึยะ ที่ตั้งใจปลอกแอปเปิ้ลอยู่ คาซึยะรีบ
ซุกมือหันหน้ามามองจิน
“ยังไม่เสร็จอ่ะ ถ้าทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้น่ะ” จินเอามือบิดคอไปมาเหมือนเมื่อยๆ
“เอางั้นเหรอ งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ “ คาซึยะพยักหน้าตอบรับ
จินเดินขึ้นห้องไป คาซึยะถอนหายใจ เอามือทั้ง2ข้างที่เป็นแผลมีดบาดเต็มไปหมด เป่ามือด้วยความเจ็บ การปลอกผลไม้นี่ยาก
จริงๆนะ ถ้าจินเห็นมีหวังถูกดุแน่ๆ แล้วก็รีบจัดการเอาแอบเปิ้ลใส่จานให้เรียบร้อยก่อนจินจะออกมาอีก
จินอาบน้ำเสร็จแล้วเดินผิวปากมาที่ห้องครัว เห็นแอปเปิ้ลวางในจานเรียบร้อย รูปร่างออกจะประหลาดนิดๆ แทบที่จะบอกได้ว่า
กินได้จริงๆเหรอเนี้ย แต่ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจ และก็พยายามของคนทำ แล้วก็ยิ้มออกมา ก่อนหยิบใส่ปาก คาซึยะเดินออกมา
จากห้องน้ำชั้นล่างพอดี เห็นจินกำลังกินอยู่ก็ยิ้มนิดๆ จินหันมาเห็นก็ชูนิ้วโป้งให้ “อร่อยมากๆเลย” บ้าจริงๆของแค่นี้ก็ต้องชม
กันด้วยนะ แต่ก็อดดีใจไม่ได้สักทีน้า
ทั้งคู่นั่งเล่นกันที่ห้องทีวีท่าทางไม่มีอะไรทำกัน
“พอเจ้าพวกนั้นไม่อยู่ก็รู้สึกเงียบจริงๆเลยนะ” คาซึยะพยักหน้า
“ขอโทษนะ ฉันเป็นคนที่คุยไม่สนุกเหมือนเจ้าพวกนั้น ก็เลยเบื่อสินะ” จินหันควับ
“ไม่ใช่ ฉันหมายความว่า ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ซ้อมเต้น ไม่ได้อัดเสียงแล้วมันดูว่างๆไปต่างหากหล่ะ
“ คาซึยะพยักหน้า “นั้นสิ ตอนนี้พวกนั้นก็ทำงานอยู่เหมือนกันนะ วันหยุดนี้ก็เหมือนว่ามีเรา 2 คนที่ได้หยุดจริงๆ”
จินยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“แต่ก็ดีนะ ฉันไม่เคยได้มีโอกาสอยู่กับนายแบบนี้เลย “ คาซึยะห่อตัวทันทีพยายามหลบหน้า เพราะรู้สึกเขินอายๆขึ้นมาชอบกล
“พูดอะไรของนาย ไม่กระดากบ้างไง ผู้ชาย2 คนทำไมต้องอยู่ด้วยกันตามลำพัง” จินเอามือผลักหัวคาซึยะ
“นายสิบ้า ประสาทรึเปล่า ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย เอาเป็นว่าในขณะที่พวกนั้นทำงานเราก็น่าจะช่วยอะไรบ้างนะ
มาทำความสะอาดบ้านกันดีกว่านะ!!”
อยู่ดีๆก็คึกขึ้นมา คาซึยะกลัวว่าไข้ของจินจะกลับ
“ เฮ้ย!! จะดีเหรอนายหายดีแล้วรึไง” จินเหวี่ยงแขนไปมาแบบเด็กๆ
“เถอะน่า ออกกำลังกายแบบนี้จะได้หายเป็นปลิดทิ้งไง” ว่าแล้วก็ถลกแขนเสื้อท่าทางทมัดทแมงขึ้นมาเชียว
คาซึยะได้แต่ส่ายหัวในความห่ามของจิน…… เจอจนชิน… และรู้สึกชอบปนหมั่นไส้
“ งั้น ฉันซักผ้าให้ก็แล้วกันนะ” คาซึยะพูดขึ้นมา แล้วเดินไปเพื่อจะเอาตระกร้าผ้าในห้อง จินรีบวิ่งเข้าไปแย่ง
“ไม่ได้ฉันทำเอง!” ท่าทางผิดปกตินิดหน่อย คาซึยะคิ้วขมวด
“ทำไมหล่ะ ให้ฉันทำก็ได้นี่นา กะอีแค่ใส่เครื่องเอง” จะให้ได้ยังไง ผ้าพวกนี้มันเปื้อนเลืดนี่นา
“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ชินให้ใครมาสักชั้นในให้ “ แก้ตัวออกไปข้างๆคูๆ
คาซึยะนึกสนุกจะแย่งเอามาให้ได้
“เออ เป็นผู้หญิงไปได้ไม่เห็นต้องอายเลย เอามานี่น่า!!” ไม่พูดเปล่าเอามือยื้อออกมาได้
จินใจหายวูบรีบชักกลับ คาซึยะเองก็เหมือนกันรู้สึกเหมือนเห็นผ้าเปื้อนเลือดใช่มั้ย!!
chapter 15 end
to be con....................
เลือด เลือด ใกล้ถึงเวลาแล้วซินะ