ตอนที่ 17
หลังจากคำว่าให้มันจริงเหอะของกันๆ ผมก็เดินเอ๋อเลย อย่างกับว่ามันหึงงั้นแหละ จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่มโนไปแล้ว เจ๊งปะล่ะ
เมื่อผมเงียบมันก็ลากพาออกมากินข้าว ดูเป็นคนดีนะ เดินไปซื้อแล้วเอามาให้เสร็จสรรพเลย พี่แกก็นั่งกินของแกไปเงียบๆ ดูยังอารมณ์บ่จอยอยู่นิดๆ ถ้าชวนคุยตอนนี้จะโดนอะไรมั้ยวะ
อยากคุยนะ คันปากมาก อยากถามว่าหึงใช่มั้ย มันคิดเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ อยู่ๆ ก็ลากกันออกมาแบบนั้น ลองคิดย้อนกลับไปดูสิ มีเหรอที่ไอ้หมาบ้านี่มันจะเข้าใกล้ผมก่อน ไม่มีหรอก! แต่คราวนี้พี่ท่านกลับเป็นคนลากผมออกมาเองเลย ไม่เรียกหึงแล้วจะให้เรียกอะไรล่ะ
“นี่กันๆ”
“อะไร”
“มึง…หงุดหงิดอยู่ใช่ปะ”
โอ๊ะ นั่นไง! ชัดเลย ไอ้กันวางช้อนทันทีที่ผมถามจบ ทำท่าจะลุกหนี ผมร้อนรนรีบดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งต่อ จับช้อนยัดใส่มือหนาเหมือนเดิม รีบไปไหน กินข้าวด้วยกันก่อน โด่ว! ถามแค่นี้ทำเคือง
จูบปลอบเอามั้ย? หื้อๆ
ผมพยายามคิดหาเรื่องมาชวนคุย ไม่งั้นพี่แกก็นั่งทำหน้าหงิกอยู่แบบนี้แหละ ปกติก็ออกจะนิ่งๆ แทบจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งรอบตัว แต่หน้าหงิกๆ อย่างนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ
“เฮ้ย พวกกูนั่งด้วย หิวเหมือนกันนะเว้ย เล่นเดินออกมาทิ้งกูเลย” เรื่องชวนคุยยังหาไม่ได้ เรื่องใหม่ก็มาเลยจ้า ไอ้ชานคนดีของเราเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพร้อมกับนั่งลงโดยไม่รอให้ใครอนุญาต เพราะมันอนุญาตตัวเองแล้วเรียบร้อย ผมยิ้มให้นิดๆ แล้วมองหาอีกคน
“ไอ้อาร์คเดินไปซื้อข้าวอยู่ เดี๋ยวก็มา”
“อ๋อ”
“ไม่ต้องมองหาขนาดนั้นก็ได้มั้งหมาเป๋า” มันแซว
เคร้ง!
เสียงทิ้งช้อนลงบนจานดังขัดบทของผมกับไอ้ชาน ดูเหมือนว่าความอยากอาหารของกันๆ จะปลิวหายไปแล้ว ไอ้เฮียชานเหล่มองก่อนจะก้มลงมากระซิบถามผม
“มันเป็นอะไรวะ”
“ผีเข้า”
“ไอ้วิป…”
เฮือก!
“จ๋า~ ที่รัก” ไอ้เราก็นึกว่าจะไม่ได้ยิน พอนินทาไปแค่นั้น เสียงโหดๆ จากไอ้หมาบ้าก็มาเลย ผมยิ้มประจบ เมื่อกี้ไม่นับนะ ร่างสูงเลื่อนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองนิดหน่อยเมื่อผมเรียกมันว่าที่รัก
“มึงไม่ต้องเหล่กู กูรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี” แหงดิ! ก็กูไปร้องห่มร้องไห้ใส่มึงนี่หว่า ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว กันๆ ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ดูท่าจะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่ผมชอบและตามจีบมันสักเท่าไหร่
และอีกไม่นาน ไอ้แว่นที่เดินไปซื้อข้าวก็กลับมา วางข้าวที่ซื้อมาให้ไอ้ชานลงตรงหน้ามัน ก่อนจะนั่งประกบข้างผมอีกด้าน
เอ่อ…ซ้ายไอ้ชาน ขวาไอ้แว่น พวกมึงขาดความอบอุ่นเหรอ?
“มึงจะรีบมาทำไมวะ กูว่าจะเลี้ยงข้าวหมาสักหน่อย” ยังไงก็จะมองกูว่าเป็นหมาสินะ ไอ้อาร์คยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ตายิ้มๆ มีเสน่ห์ของพี่แกทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะ เจิดจ้าไปพ่อคุณ อะไรจะหล่อขนาดนั้น
“ไม่เป็นไร กันๆ มันเลี้ยงแล้ว”
“แค่วันนี้เท่านั้นแหละ!” ไม่วายมีขัดขึ้นมาโดยเจ้าตัว ผมยิ้มแห้งๆ ความดีอกดีใจที่สร้างมาพังหมด ผมว่าไอ้หมาบ้ามันยังตกลงกับตัวเองไม่ได้ว่ะ เดี๋ยวก็ทำเหมือนหึง เดี๋ยวก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ บางทีก็มีห่วงเกินหน้าเกินตา
ตกลงเอาไง! ช้าจะไม่รอแล้วนะ!
“มึงไม่เลี้ยงก็ช่างมึง กูเลี้ยงเอง ตัวเล็กๆ แบบนี้เลี้ยงง่าย” ไม่พูดเปล่า ไอ้อาร์คยังมีการมาหยิกแก้มผมด้วยความเอ็นดู และนั่นก็เป็นตัวทำให้หมาบ้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเดี่ยวๆ หน้าหงิกหนักกว่าเดิม
ใจร่มๆ นะ
“เออนี่ แล้วพวกมึงมากันได้ยังไงอะ” ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกบรรยากาศไม่ดีละ
“กูโทรหาไอ้กัน แล้วมันบอกว่าอยู่โรงบาล กูถามนู้นนี้ก็เลยรู้เรื่อง ก็เลยว่าจะมาหามึงสักหน่อย” ไอ้ชานเป็นคนตอบ ผมพยักหน้าเข้าใจเบาๆ ร่างสูงฝั่งซ้ายจู่ๆ ก็หันพรึ่บมาหา เหี้ย! ตกใจนะ
“มีอะไรไม่เคยโทรหากูเลย ไม่เห็นกูเป็นเพื่อนใช่มั้ยห้ะ” อารมณ์ไหนวะเฮ้ย!
“โทรหายังไง กูมีเบอร์มึงเหรอ” ถามหน้าเอ๋อๆ ผมเคยมีเบอร์มันด้วยเหรอวะ แต่พอนึกๆ ดูแล้วก็ดูจะคุ้นๆ ว่ามีอยู่…มั้งนะ ไอ้ชานทำหน้ายักษ์ใส่ก่อนจะเคาะมือลงมาบนหัวผมเบาๆ
“ลืมนะ มึงจำไว้เลย”
“เค้าขอโทษ ต่อไปเค้าจะไม่ลืมนายนะ” แต่กูต้องกลับไประลึกก่อนนะว่าเบอร์มึงอยู่ไหน เอาเข้าจริงๆ ถ้ามีเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ผมก็คงไม่กล้าโทรหามันหรอก เกรงใจน่ะ เหมือนจะสนิทนะ แต่ก็ไม่กล้าอยู่ดี
“เห็นมึงยิ้มได้ ยังร่าเริงเหมือนเดิมกูก็ดีใจนะหมาเป๋า น่ารักแบบนี้ไปตลอดนะ” ให้ความสนใจกับพี่ชานได้ไม่เท่าไหร่ พี่อาร์คที่นั่งอยู่ด้านขวาก็ดึงความสนใจกลับไปอีกแล้ว มือหนาวางลงบนศีรษะแล้วขยี้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู ดวงตาภายใต้แว่นที่หยีลงนั่นก็บอกได้ว่ามันกำลังยิ้มอยู่
“วิป มึงจะไม่กินแล้วใช่มั้ย ข้าวน่ะ” หมาบ้ามันขัดขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตาดุโหดจ้องผมเขม็งเลย ผมก้มหน้าลงหน่อยๆ เมื่อโดนดุ วันนี้กินน้ำตาลก่อนออกจากบ้านใช่มั้ย ดุฉิบหายเลย
กินข้าวกันเสร็จก็กลับขึ้นมาหาปู่ที่ห้อง เปิดเข้าไปก็เห็นไอ้นานากำลังแกะส้มให้ปู่กินอยู่ ผมเดินเข้าไปเกาะเตียง
“ปู่อยากกินส้มเหรอ ผมแกะให้แทนนะ”
“มึงจะทำห้องเลอะเทอะน่ะสิไม่ว่า” โด่ว~ ปู่ แค่ส้มนะเว้ย ไม่เลอะเทอะอะไรขนาดนั้นหรอก ผมแย่งหน้าที่ไอ้นานามา แม่คุณก็เลยย้ายตัวเองไปนั่งรวมกับไอ้พวกนั้น
“ส้มนี่หวานดี ขอบใจมากนะ” ปู่หันไปพูดกับไอ้แว่น พี่แกมีท่าทีนอบน้อมขึ้นมาทันทีเลย ผมแกล้งเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ มันดูดีไงไม่ใช่อะไร ร่างหนาชี้นิ้วคาดโทษกลับมา
“หวานก็ดีเลยปู่ ผมชอบกิน”
“ไอ้หมาเป๋า ไอ้อาร์คมันซื้อมาให้ปู่ ไม่ได้ซื้อมาให้มึง” ไอ้ชานขัด
“ไม่เป็นไร ไว้กูซื้อให้ใหม่ก็ได้หมาเป๋า เดี๋ยวเลี้ยงให้อ้วนเลย” มนุษย์จิตใจดี ยังไงก็ยังเป็นมนุษย์จิตใจดีอยู่วันยังค่ำ ผมทำหน้าปลื้มปริ่มใส่พี่แว่น (ให้เป็นพี่พักนึง) ไอ้ชานถีบขาเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ นี่คือตัวอย่างของคนนิสัยไม่ดี มันพาลครับ
“มึงเป็นคนดีแล้วนะชาน แต่มึงควรจะเป็นคนมีน้ำใจด้วยนะหื้อออ” ช่วงนี้ขออวยพี่อาร์คแว่นนะหื้ออ ดีไปซะทุกอย่างจริงๆ ร่างหนายิ้มให้เมื่อโดนชม ถ้าอยู่ใกล้ๆ ผมเดาว่าต้องโดนลูบหัวลูบหางกลับมาแน่ๆ
พรึ่บ
“ถ้าไม่มีอะไร กูกลับก่อนนะ” อยู่ๆ ไอ้หมาบ้าก็ลุกพรวดขึ้นมา สีหน้าเรียบๆ แต่ดวงตาดุจัด ใครไปเหยียบหางอะไรมันอีกวะ ผมอ้าปากอยากจะรั้งให้อยู่ต่อ แต่เพราะตาดุๆ ของพี่แกนั่นแหละทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไร
“แล้วแต่มึงดิ กลับไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องห่วง นานาถ้าเธอมีธุระก็กลับก่อนได้นะ เดี๋ยวไอ้วิปฉันดูแลเอง เดี๋ยวส่งให้ถึงบ้านเอง” แต่ก็ยังมีผู้กล้าอยู่ ไอ้อาร์คพูดขึ้นมาแบบยิ้มแย้ม ไม่สะเทือนหวั่นเกรงอะไรกับความโหดของพี่กันๆ เลยสักนิด แถมตบท้ายด้วยการยักคิ้วให้เพื่อนอีก
เดี๋ยวไอ้วิปฉันดูแลเอง…ฟังแล้วสยิวแปลกๆ ว่ะ
“ผมกลับก่อนนะครับปู่” มันลาปู่เสร็จปุ๊บก็จะเดินออกจากห้อง โดยที่ผมยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยรั้งอะไรสักนิด แม้แต่หางตายังไม่แลกันเลย ใจร้าวนะแบบนี้
“เดี๋ยวไอ้กัน กูขอคุยด้วยหน่อย” และไอ้อาร์คก็ลุกตาม ผมมองพวกมันที่ยืนจ้องตากันเงียบๆ สลับไปมา และก็พากันเดินออกจากห้องไป ผมรีบย้ายตัวเองจากข้างเตียงปู่ไปหาอีกสองคนที่เหลืออยู่
“พวกมันจะคุยอะไรกันวะ ดูจริงจังเหี้ยๆ” ผมเปิดประเด็นก่อนเลย นี่เรียกว่าการสุมหัวครับ เพราะพวกเรากระซิบการซาบไม่ให้ปู่ได้ยิน
“กูไม่รู้” ไอ้นาส่ายหัว
“กูคิดว่ากูรู้” ไอ้ชานยิ้มแล้วยักคิ้ว แต่ไม่ยอมเฉลยนะว่ามันรู้อะไร ผมทำหน้าขัดใจ ไว้รอถามไอ้แว่นตอนกลับมาก็ได้วะ แว่นๆ ของเราเป็นคนดีอยู่ มันบอกแน่ๆ
.
.
สองหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องมีสีหน้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนแรกมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในแววตากลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ และพร้อมจะอาละวาด ส่วนคนที่เดินตามหลังมากลับมีสีหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่รู้ว่าเพื่อนของตนกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
และพอเดินมาถึงจุดที่ไร้ผู้คน กันก็หยุดแล้วหันกลับไปหาเพื่อน
“มึงมีอะไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ รู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนตัวเองขึ้นมาแบบฉับพลัน ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ แต่รู้สึกว่า…พอเห็นหน้ายิ้มแย้มของมันแล้วอยากจะซัดให้สักที
อาร์คยังไม่เอ่ยถามออกไปทันที กอดอกมองสำรวจท่าทีของเพื่อน ตัวเขาพอรู้ว่าเพื่อนคนนี้มันเป็นอะไร และก็คิดว่าเจ้าตัวก็พอจะรู้ เพียงแต่ไม่ยอมรับเท่านั้น
“มึงมีอะไร” กันถามย้ำอีกครั้ง อาร์คหุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนไปจริงจัง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนรัก ก่อนจะเอ่ยปากบอก
“เรื่องไอ้วิป”
กันชะงักไป ในใจรู้สึกไม่อยากจะคุยขึ้นมาดื้อๆ แต่แน่นอน อีกฝ่ายไม่ยอมให้เดินหนีแน่ ร่างสูงเบือนหน้ามาอีกทาง ทำท่าทีคล้ายไม่อยากคุย อาร์คแสยะยิ้มให้กับเพื่อนตัวเอง ดวงตาคมวาววับขึ้นมาเล็กน้อย
“กูรู้ว่าตอนนี้วิปมันตามจีบตามตื๊อมึงอยู่”
“แล้วยังไง”
“กูอยากถาม มึงคิดยังไงกับมัน” สิ้นคำต่างฝ่ายก็ต่างเงียบด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน ด้านหนึ่งกำลังรอคำตอบ ส่วนอีกด้าน…กำลังคิดหาคำตอบให้ เพราะในหัวเขานั้น…มันไม่มีอะไรที่จะตอบเลย
คิ้วเข้มขมวดมุ่น ก็คิดเอาไว้แล้วว่าต้องโดนถามอะไรแบบนี้ และก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่ายังไงก็ตอบได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่พอเอาเข้าจริงๆ ปากมันกลับไม่ยอมพูด และคำตอบในหัวกลับไม่มีเอาดื้อๆ
ยิ่งพอมองหน้าอีกฝ่ายที่กดดันรอคำตอบแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด มันแสดงเจตนาชัดเจน แสดงออกให้เห็นหมดว่ารู้สึกยังไงกับไอ้หมาตัวเล็กนั่น แต่เจ้าตัวยังดูโง่ไม่รู้เรื่องรู้ราว มันน่าหงุดหงิดนัก!
“มึงจะถามทำไม” และเมื่อคิดคำตอบให้ไม่ได้ ก็เลือกที่จะถามอีกฝ่ายกลับไป ดูเป็นการยื้อเวลาให้ตัวเองเสียมากกว่า เพราะเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าอาร์ครู้สึกยังไง และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจอยู่ในขณะนี้
“กูคิดว่ามึงรู้นะ แต่ในเมื่อมึงถามกูก็จะตอบให้ กูชอบมัน ชอบมากด้วย”
เหี้ยเอ้ย!
คำๆ นี้ดังลั่นขึ้นมาให้หัวทันทีที่อีกฝ่ายตอบ มีความรู้สึกว่าจะได้ตัดเพื่อนก็วันนี้นี่แหละ
“กูเห็นที่มึงพูดแล้วกูรู้สึกไม่ชอบ วิปมันไม่ควรจะต้องเจออะไรอย่างนี้”
“มึงจะเดือดร้อนทำไม”
“ก็เพราะกูชอบมันไง อะไรที่ทำให้มันรู้สึกไม่ดีกูก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงไม่ได้ชอบมันจริงๆ ก็ควรพูดไปตรงๆ ให้มันตัดใจซะ ไม่ต้องยุ่งเลยยิ่งดี” กันหันขวับมาจ้องหน้าเพื่อน ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายสั่งแบบนั้น เขาจะทำอะไรยังไง มันก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง
“มึงไม่รู้เหรอว่ากูพูดไปตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่ไอ้วิปเองนั่นแหละที่ยังไม่เลิกเข้าหากู” อาร์คหรี่ตามอง คำพูดกับสีหน้าของเพื่อนมันไปกันคนละทางเลย แต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาว่ามาแบบนั้น ก็จะเชื่อไปตามที่บอก
“งั้นแสดงว่ามึงไม่สนใจถ้ากูจะจีบมัน”
กึก
“มึงถอยไปไกลๆ ซะ ยิ่งมึงอยู่ใกล้มัน มันยิ่งตัดใจไม่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก ที่เหลือกูจะดูแลเอง” ที่ผ่านมาเขายอมแล้ว ยอมให้เพื่อนคนนี้ เพราะส่วนสำคัญเลยคือ…วิปไม่ได้ชอบเขา เจ้าหมาน้อยตัวเล็กนั่นชอบเพื่อนของเขาต่างหาก และแน่นอน เขาไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้มาทำให้ความสัมพันธ์ของเพื่อนต้องพังแน่ๆ
ที่ถอยให้ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจริงจัง แต่คนไม่ชอบไม่รัก จะไปฝืนมันก็ไม่ได้ และเพราะความร่าเริงในทุกๆ ครั้งที่เจอกัน ทำให้เขาไม่อยากเอาเรื่องน่าลำบากใจไปใส่ลงในตัวร่าเริงแบบนั้น เขาไม่ใช่คนดีในแบบที่จะบอกว่าแค่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขก็พอแล้ว ถ้ากันไม่ใช่เพื่อน สาบานได้ว่าเขาแย่งมาเป็นของตัวเองไปนานแล้ว!
แต่ครั้งนี้ที่ต้องพูด ส่วนหนึ่งก็อยากให้เพื่อนมันเข้าใจตัวเองสักที อาการที่มันแสดงออกมานั้นชัดเจนมากๆ ว่ารู้สึกยังไงกับเจ้าหมาน้อยนั่น มันหึงออกนอกหน้าแบบนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
วิปเองก็คงรู้สึกได้ แต่เพราะร่างสูงยืนยันว่าไม่ได้ชอบ ปากแข็งขนาดนี้ แถมชอบพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บอยู่บ่อยๆ คงไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองหรอกมั้งว่ามันหึง
พูดในครั้งนี้ทำเพื่อให้ทั้งสองคนได้รักกันเร็วขึ้น และเพื่อตัวเขาเองด้วย เพราะถ้าคนที่เขากำลังคุยด้วยไม่สนใจวิปจริงๆ เขาจะได้เดินหน้าเต็มที่เสียที!
“ว่าไง กูรอคำตอบของมึงอยู่” อาร์คกดดัน อยากกระชากคอไอ้โง่ตรงหน้าแรงๆ แค่พูดว่ากูก็ชอบมันเหมือนกัน มันยากมากนักหรือไง มองดูอีกฝ่ายที่กัดฟันกรอดไม่อยากตอบนั่นก็พอรู้แล้ว
“ไอ้กัน…”
“มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึง!” แต่คำตอบที่ได้กลับมามันเป็นคำตอบที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก อาร์คขมวดคิ้วฉับ จะอ้าปากด่าอีกฝ่ายก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะทันทีที่ตอบออกมาก็หันหลังเดินหนีไปทันที
“ไอ้ควายเอ้ย!”
……………………..
ผมนั่งยุกยิกๆ อยู่ไม่สุข เราอยากรู้พวกนั้นคุยอะไรกัน ไอ้ชานนี่ชิวมากเลย ผมพยายามทำหน้าอ้อนให้พูดแล้วนะ แต่มันใจแข็งเกินไป ไม่ยอมเอ่ยปากบอกอะไรสักคำ ส่วนแม่สาวคนสวยก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว นั่งเล่นโทรศัพท์สบายอารมณ์
“สรุปมีกูคนเดียวเหรอวะที่อยากรู้”
“ใช่ เพราะมึงมันขี้เสือกไง” ไอ้ชานหันมาแหย่พร้อมกับป้อนส้มเข้าปากผมด้วย จะงอนก็งอนได้ไม่เต็มที่ เห็นแก่ที่มันแกะและป้อนส้มให้กินหรอกนะ
“เออนี่ไอ้ชาน กูรู้สึกว่า…ไอ้อาร์คมัน…ใจดีกับกูเกินไปเปล่าวะ”
“เพิ่งรู้สึกเหรอ” อ้าว! พูดอย่างนี้หมายความว่าไงวะ ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วให้หนึ่งทีแล้วกลับไปกินส้มต่อ ไอ้บ้านี่ชอบพูดให้สงสัยอยู่เรื่อย และพอจะถามก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง มันน่านัก!
“หรือว่า…มันจะชอบมึงวะไอ้วิป” ไอ้นานายื่นหน้าเข้ามาพูด ผมตาโตหันไปมอง ดีนะที่ปู่กินยาและหลับไปแล้ว ไม่งั้นล่ะมึงเอ้ย! งานงอกจ้า
แต่...ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็แอบคิดเหมือนไอ้นาว่ะ
อย่าเพิ่งด่าว่าหน้าตาดี เพราะอันนั้นเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้หลงตัวเองนะ ผมหลงไอ้หมาบ้ามันอยู่ แต่พี่อาร์คท่านดูหยอดแปลกๆ ว่ะ คิดย้อนกลับไป มันพูดประมาณนี้ใส่ผมตลอดเลยนะ
“มึงอยากรู้ก็รอถามมันดูสิ จะยากอะไร” ไอ้ชานยักไหล่พูดชิวๆ ใช่เลยคนดี! ไม่ยาก แต่พอจะถามจริงๆ มันก็พูดไม่ออกหรือเปล่าหืม อยู่ๆ จะให้เดินเข้าไปตรงหน้าไอ้แว่นสุดหล่อนั่นแล้วถามไปตรงๆ ว่ามึงชอบกูเหรอ…งี้อะนะ?
คุณพระคุณเจ้า! ไอ้วิปยังไม่มั่นขนาดนั้น
แกร๊ก
“นั่นไง มันกลับมาแล้ว มึงถามเลย” ไอ้ชานผลักไหล่ผมเบาๆ พี่แว่นคนหล่อเดินเข้ามาได้ยินพอดีก็เลิกคิ้วถาม ผมส่ายหน้ารัวๆ ห่าชานนี่ก็โยนมาแบบไม่ถงไม่ถามกูสักคำว่าพร้อมมั้ย
“กันๆ กลับไปแล้วเหรอวะ”
“อืม ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องน้านนน~” ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ไอ้อาร์คเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วหยิบส้มที่ไอ้ชานปอกแล้วเรียบร้อยเข้าปาก มีหน้ากากอนามัยอยู่แต่ก็ยังคิดที่จะกินเนอะ ตกลงซื้อมาให้ปู่ใช่มั้ยวะ พวกเรามานั่งกินซะเกือบหมดแล้วเนี่ย
“แล้วเท้ามึงเป็นอะไรมากเปล่าวิป เห็นเดินไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” ไอ้อาร์คก้มลงมองที่เท้าผม สีหน้าและแววตาฉายแววเป็นห่วงเป็นใยออกมาแบบไม่มีปิดบัง เล่นเอาผมหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ
แหมๆ คนหล่อห่วงว่ะ
“ไม่เท่าไหร่ เดินลำบากนิดหน่อยแต่ก็ได้อยู่” ผมยักคิ้ว
“หึๆ เก่งมากเลยหมาเป๋า” มันลูบหัวผมแล้วยิ้มให้ พี่แกยิ้มพร่ำเพื่อมากขอบอก ตั้งแต่เจอหน้ากันนี่ยิ้มให้ผมหลายครั้งแล้วนะ ไอ้ผมก็ยิ้มตามได้ทุกครั้ง อย่างที่เคยบอกไป ไอ้อาร์คเวลามันยิ้มให้ คนที่ได้มองแล้วต้องยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้
พวกเราอยู่กันถึงตอนเย็น หนังสือหนังหาไม่ต้องอ่านกันแล้วแบบนี้ อยู่จนปู่ไล่กลับนั่นแหละถึงได้ยอมย้ายตัวเองออกมา ไอ้เราก็อยากอยู่ต่ออีกนิดง่ะ
และเมื่อผมมีไอ้อาร์คคอยไปส่งอยู่แล้ว นานาคนสวยเลยแยกไปก่อนได้เลย และก็เหลือเราสามคน กับรถไอ้อาร์คอีกหนึ่งคัน ตอนมาไอ้ชานมากับไอ้อาร์ค
“เดี๋ยวมึงไปส่งหมาเป๋ามันแล้วกัน ส่วนกูกลับเอง”
“ได้ไงล่ะหื้อออ พวกมึงมาด้วยกันนะ” ผมแย้ง
“บ้านมึงอยู่ใกล้ไอ้กันใช่มั้ย อยู่คนละทางกับกูเลย เสียเวลาไอ้อาร์คมันด้วย จะตายหรือยังก็ไม่รู้ ไม่สบายแล้วยังเสือกแรดออกมาอีก” ยังมีไปแขวะเพื่อนตัวเองอีกนะ
“กูอยากเจอหน้าหมาบ้าง ไม่ได้หรือไงวะ” แว่นๆ เขาเถียง แต่เรารู้สึกไม่ดีเลยตัวเอง หน้าหมา…ฟังเหมือนด่าเลยเนอะ
สรุปแล้วไอ้ชานก็กลับเอง ส่วนไอ้อาร์คก็มาส่งผม ผมบอกไปว่าอยู่ซอยเดียวกับไอ้กันนั่นแหละ มันเองที่รู้ทางอยู่แล้วก็ไม่ได้ถามอะไร ระหว่างทางก็มีหันมามองผมอยู่หลายครั้ง
“มองกูบ่อยๆ กูก็เขินนะเฮ้ย” ผมแกล้งพูด
“ก็กะมองให้เขินอยู่” และดูมัน ตอบอะไรน่าตีเป็นที่สุด
“เออนี่ มึงออกไปคุยอะไรกับไอ้กันอะ เห็นหน้าจริงจังมาก” เรื่องเผือกเราจะไม่ปล่อยผ่าน ไอ้อาร์คเลิกคิ้วนิดๆ แล้วดึงหน้ากากอนามัยออก เฮ้ยๆ อย่าแพร่เชื้อนะ
“ถ้ากูติดหวัดจากมึงจะทำยังไงห้ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวดูแลเอง” จ้า หยอดกูอีกแล้วจ้า ผมยิ้มเก้อๆ ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี แหมะ…บรรยากาศเหมือนจะอึดอัดแปลกๆ เนอะ กระโดดลงจากรถทันมั้ยอะ
“กูคุยกันเรื่องของมึงวิป”
คุยเรื่องของเค้าทำไม เค้าอยากอยู่เงียบๆ อย่ามายุ่งกับเค้านะ!
“กูบอกมันไปว่ากูชอบมึง”
“อ๋ออออ…” แล้วกูจะอ๋อทำส้นตีนอะไร บทนี้ควรจะนั่งอึ้งเงียบๆ ไม่ใช่เหรอวะ แหม…เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย ผมนี่หน้าตาดีจังเลย ไอ้พี่พลุขาโหดก็ทีหนึ่งแล้ว แล้วยังจะมาแว่นอาร์คคนดีอีก
ขาดก็แต่มึงอะกันๆ ไม่ชอบกูสักที
“กูบอกมันไปว่าจะจีบมึง ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับมึงก็ขอให้มันถอยไปไกลๆ ซะ” พี่แกพูดต่อ ผมเริ่มอยากรู้และว่าไอ้หมาบ้ามันตอบกลับไปว่ายังไง แต่อีกใจก็กลัวคำตอบเหมือนกันนะ เราไม่อยากเสียใจอะนาย
“วิป”
“ครับผม!”
“มองกูบ้างนะ สัญญาว่าจะทำตัวน่ารัก”
100 %
_________________________________________________
พี่อาร์คคคคคคคคคคคค ทำไมพี่อาร์คถึงดีงามขนาดนี้คะ รักค่ะ รักนะคะ 55555
เป็นไรล่ะ สัญญาว่าจะทำตัวน่ารักด้วย เป็นไงล่ะกันๆ มึงแพ้ไปเลย #สะใจ พระเอกแม่งปากแข็ง เรื่องตูก็ยืดไปอีก เพราะมึงอะกันๆ #โทษ ฮ่าๆ จริงๆ ไม่ใช่หรอก ก็อยากให้ไปเป็นไปตามนิสัยของพี่กันแก แกเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว
อย่าได้สงสัยว่าทำไมตัวๆ อยู่ๆ ก็หึง ลองคิดดูนะ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเข้ามาเต๊าะหมาเป๋าแบบต่อหน้าให้เห็น นางก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอเจอเข้าจริงๆ ก็รับไม่ได้จ้าาาา สมน้ำหน้ามึงจ้าาาาา (ไหนบอกสิว่ารักพระเอกเรื่องนี้ 555)
เราจะพยายามไม่ออกทะเลนะ เพื่อที่จะให้คนอ่านได้ฟินกับฉากมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอะห้ะอ้ะห้ะเร็วๆ
ตอนหน้าจะมาให้เร็วครับ ไหนคนอ่าน...สัญญาสิว่าจะทำตัวน่ารัก 555
ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านนะคะ รัก