[เรื่องสั้น] STAND BY ME. ( ตอนพิเศษ พาร์ทมีน ) 22.02.16
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] STAND BY ME. ( ตอนพิเศษ พาร์ทมีน ) 22.02.16  (อ่าน 2690 ครั้ง)

ออฟไลน์ yoghurtz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

********************************************************************************************



,,,STAND BY ME,,,


 ++ อนึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณค่ะ ++



********************************************************************************************


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-02-2016 17:02:45 โดย yoghurtz »

ออฟไลน์ yoghurtz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0



“เย็นนี้เจอกันนะเว้ย”

   ผมอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาในไลน์โดยไม่ตอบกลับ วันนี้เป็นวันหยุดวันที่สองของมหาวิทยาลัยหลังจากเปิดงานเกษตรแฟร์ไปเมื่อวาน ยังไม่ทันได้เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็หยุดอีกแล้วแต่กระผมนายคณาธิปไม่เกี่ยงงอนครับ

   ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง อากาศช่วงนี้เย็นๆหนาวๆ ไปๆฝนตก เอาใจยากเลยต้องดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอแต่มือถือยังสั่นครืดๆทุกสามวินาที รู้ว่าฮ๊อตแต่ไม่คิดว่าจะสั่นเป็นแผ่นดินไหวขนาดนี้ ไอ้กระผมก็เป็นคนดีหยิบมาตอบเฉพาะคนที่อยากตอบ แต่บังเอิ้ญญญ มีคนเดียวที่มันรัวสติกเกอร์หน้าบึ้งมาไม่หยุด


   MEANs sent a sticker


   เอาเลยครับ อยากทำไรทำ ผมนั่งดูหน้าจอที่ไม่ได้ปลดล็อคแต่ข้อความเข้าไหลอย่างต่อเนื่อง ฮาจนน้ำตาไหลเห็นประโยคสุดท้าย

   
   ไม่อ่านไม่ตอบ จะกวนกันใช่ไหมครับ?


   อย่าได้ตกใจหรือสงสัยนี่คือภาษาการพูดและการเขียนของเพื่อนกระผมจริงๆ ยังไม่ทันได้คิดอะไรก็มีสายเข้า ผมกดรับในทันที

   “ทำไมรับเร็ว”

   “กลัวคนคิดถึง” ได้ยินเสียงระบายลมหายใจหนักๆ ผมถึงกับหลุดหัวเราะก๊าก

   “คิดถึงบ้าอะไรล่ะครับ! ตอนนี้อยู่ข้างนอก”

   “แล้วไง?”

   “ขี้เกียจขับรถกลับไปกลับมา จะแวะไปหาที่หอ”

   “แหม แค่นี้เองนะที่รักไม่เห็นต้องโทรขออนุญาติ ยังไงเราก็เหมือนคนๆเดียวกันอยู่แล้ว”

   “ประสาท! แค่นี้แหละ!”

   “เห้ยๆเดี๋ยว อยากกินก๋วยเตี๋ยว”

   “แล้วไง บอกทำไม?”

   “ไม่เอาดิ มาใช้ไฟห้องคนอื่นเขาก็ต้องหาอะไรตอบแทน”

   “อ๋อเหรอออ” เดี๋ยวนี้ทำเสียงล้อเลียน น่าจับจูบซะให้เข็ด พูดกันอีกสองสามคำก็วาง สงสัยใช่ไหมล่ะครับว่าที่คุยกันหวานแหววแมวเลียนมเมื่อครู่นี่ใคร ไม่ใช่เมียผมนะครับ เพื่อนครับเพื่อน เพื่อนจริงๆ

   เชื่อสิครับ!! มันน่ะเพื่อนโผ้มมม เพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาล ไอ้นี้มันลูกคุณหนู ขี้โม้ขี้อวด พูดจาไว้เนื้อไว้ตัวแก่แดดมากสมัยนั้นผมซึ่งเป็นที่รักของเพื่อนๆเลยหาเรื่องแกล้งมันประจำ แต่มันก็ไม่เอาเรื่องผมนะชอบสั่งสอนผมบ่อยๆ โตมาหน่อยก็ด่าผมว่าโรคจิต วิปริต พวกผู้หญิงออกจะกรี๊ดผมเถอะครับเพราะเจอทีไรชอบเปิดกระโปรงขอดูกางเกงในพวกเธอ ร้องวี๊ดว้ายเขินอายผมกันใหญ่ เห็นไหมครับใครๆก็กรี๊ดผมกัน (ตั้งแต่เด็ก)


   โตมาหน่อยก็พอรู้อะไรเป็นอะไรครับ ไม่โชว์ช้างน้อยให้พวกผู้หญิงดูแล้วแบบนั้นมันโรคจิตไป แต่ถ้าวัดไซส์เนี่ยผมมั่นใจมาก ทำเป็นตั้งแต่ขึ้นมอต้น เพื่อนๆต้องยกย่องและขอเข้าเรียนเป็นศิษย์ ไอ้น้องมีนมันก็เสมอต้นเสมอปลายครับ ด่าผม รังเกียจผม ไม่เข้าใกล้ผมเลย หนอยยย เรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล แต่ชะตาฟ้าลิขิตครับ ผมกับมันเจอกันตลอดยี่สิบกว่าปี บ้านเราก็ทางเดียวกัน พ่อแม่เราก็รู้จักกัน ถึงบ้านผมจะฐานะปานกลางแต่มันร่ำรวยก็เถอะครับเอาเป็นว่าเราน่ะเพื่อนซี้กันสุดๆ!



   อะไรนะครับ เพื่อนกันมันส์ดี บ้าแล่ววว!!



   ไอ้มีนน่ะมันหล่อระดับเดือนคณะเลยนะครับ ส่วนผมถึงจะไม่หล่อเท่ามันแต่ไม่ได้หมายความว่าขี้เหร่หรอกนะครับ เพียงแต่ไอ้ตำแหน่งเดือนนั่นเอาไปทำอะไรไม่ได้แถมเอามาเป็นภาระเสียอีก ปล่อยให้คนอย่างไอ้มีนที่มันอยากมีชื่อเสียงสร้างความภูมิใจให้ครอบครัวไปเถอะครับ ส่วนผม หาเรื่องแกล้งมันเป็นพอ ฮ่าๆ เลวจริงๆเลยกู

   
   จำได้ว่าตอนประถมมีงานโรงเรียนเล่นละครเวทีในงานครบรอบสถาปนาโรงเรียน ผมซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลก็สั่งจัดการเลยครับ หึหึ ปกติไม่ทำงานห้องงานกลุ่มอะไรแบบนี้แต่ตอนนั้นปิ๊งไอเดียแกล้งไอ้มีนได้เลยเสนอช่วย ผมจับมันใส่กระโปรงเป็นนางฟ้า ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ ภาพติดตานานยันลูกบวช


   มันน่ารักครับผมยอมรับ แต่ตอนเด็กใครๆก็น่ารักอยู่แล้ว ผมก็เช่นกันถึงใครหลายๆคนจะเรียกผมว่าเด็กปีศาจก็ตาม โตมาเลยเชียร์แมนยูครับ(ไม่เกี่ยวแต่แค่อยากบอก) กลับมาที่ไอ้มีนในร่างเด็กผู้หญิง มันร้องไห้งอแงครับผมก็หัวเราะสะใจ ด่ามันไอ้เด็กตุ๊ด สงสัยเป็นปมตั้งแต่เด็กมันงอนผมไปหลายวัน แต่งอนได้ไม่นานบอกแล้วว่ามันน่ะเบ๊ผม ใครใหญ่ให้รู้ซะบ้าง อาทิตย์ถัดมาเราเลยเปิดใจกันแมนๆสัญญาลูกผู้ชายคือผมให้มันทำอะไรมันก็ต้องทำห้ามขัด แล้วเรื่องที่มันอยากแต่งหญิงแต่แม่ไม่อนุญาติผมจะเก็บไว้เป็นความลับ จริงๆผมช่วยมันนะเนี่ยให้มันได้สมปารถนา

   แต่ถามว่าไอ้มีนมันเป็นตุ๊ดจริงๆไหม? ไม่หรอกครับ มันไม่ได้ออกสาวหรืออยากลุกขึ้นมาใส่กระโปรงอันนี้ผมมั่นใจ อาจจะแค่สุภาพเรียบร้อยและคีพลุคคุณชายทุกกระเบียดนิ้ว พูดแล้วหมั่นเขี้ยวครับ ไม่เคยหลุดคำหยาบสักแอะ มันบอกว่า อนาคตต้องเข้าสังคมต้องฝึกให้ชินปาก เอาเลยไอ้มหาจำเริญส่วนผมคนนี้เป็นคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคืออบายมุข เหล้า บุหรี่ นารี กระผมเอาหมดแหละครับ แรกๆไอ้มีนมันงอน สงสัยคงจะงอนที่ผมทำโดยไม่ชวน หลังๆมันปลงครับปล่อยผมตามมีตามเกิดแต่มาเก็บซากผมทุกครั้งที่น๊อคอยู่กลางร้าน


   สำหรับผมแล้วไอ้มีนมันน่าหมั่นไส้ในตอนแรก มันพูดจาขี้อวดก็จริงแต่ลึกๆมันเป็นคนขี้เหงาครับ ผมน่ะต้องอยู่เป็นเพื่อนมันตลอด โตจนหมาเลียง่ามก้นไม่ถึงยังกลัวผีอยู่ได้ นี่มันก็หลอกล่อให้ผมไปนอนคอนโดมันครับแต่ผมเลือกอยู่หอ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็ไปห้องมันหิ้วสาวๆไม่ได้น่ะสิ แต่หลังๆมานี้ผมก็ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้นแล้วครับ สงสารไอ้มีนที่ต้องคอยเป็นเบ๊ให้ผม อยากให้มันอยู่รับใช้ไปนานๆ


   หลังจากเวิ่นเว้อมาอย่างนานไอ้มีนก็ไขประตูเข้ามาแล้ว มันมีกุญแจประหนึ่งเป็นเจ้าของห้องร่วมอีกคน ปิ๊งป๊องผมให้มันเองแหละขี้เกียจลุกไปเปิดให้บ่อยๆ ไอ้มีนชอบมาอยู่ห้องพักที่สภาพกลางเก่ากลางใหม่ แคบก็แคบเดินชนกันไปมาในห้อง ผิดกับคอนโดที่ท่านแม่มันซื้อให้แถมรถยนต์ มันหล่อ รวย สุภาพ เพอร์เฟคแมนจนผมรู้สึก...รู้สึกไรหรอ ไม่มีครับ ผมไม่ได้อยากเป็นแบบมันสักหน่อย


   “เอาไปเลย” มันยื่นถุงหิ้วให้ผมตอนที่ผมกำลังนอนหงายท้องแอ้งแม้งอยู่กลางเตียง ไอ้มีนเบ้ปากนาบถุงลงมากลางพุงจนผมต้องร้องจ๊าก ราดหน้าร้อนๆทำไข่กูตุงเลย(?)

   “อยู่ห้องก็หัดใส่เสื้อผ้าบ้างเถอะ อุจาดตา” มันบ่นอีกแล้วครับ

   “ห้องก็ห้องกูนะได้ข่าว จะแก้ผ้าเดินยังได้”

   “อายผีสางบ้างเถอะ”

   “เห้ย แก้ผ้ามันสบายนะโว้ยยย”

   “ไม่เถียงด้วยละ ลุกมากินข้าวดีๆ”

   “ข้าวอะไรนี่มันราดหน้า โง่หรือเปล่า”

   “ใครโง่” มันค้อนเถียง ผมหัวเราะขำๆเกิดคันไข่ขึ้นมาเลยล้วงไปเกามันแทบจะวี๊ดร้องปาราดหน้าใส่กบาลผม

   “ถามจริงมึงจะสะดิ้งอะไร กูก็เกาของกูไม่ได้ไปช่วยมึงเกาสักหน่อย”

   “ก็มันทุเรศ!” หน้าแดง หูแดง ไอ้มีนมันแดงเป็นกุ้งต้มเลยเว้ย ผมยักคิ้ว ลิ่วตาเจ้าเล่ห์ใส่มัน อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย รู้จักตั้งแต่ตอนตั้งไข่จนตอนนี้ไข่ตั้งกันแข็งขันแล้วผมน่ะเริ่มสงสัยมาสักพักแล้วล่ะครับว่าไอ้มีนมันคิดอะไรๆกับผมหรือเปล่า

   หลงตัวเองหรอ?

   อย่าเรียกหลงตัวเองให้เรียกว่าเชื่อมั่นในประสบการณ์อันโชกโชน มันจะมีเพื่อนใหม่ที่ดีกว่าผมก็ได้ คือ...ไม่อยากบอกเลยวะเหมือนด่าตัวเอง แต่ผมน่ะ จนกว่ามัน เรียนก็กลางๆ หน้าตาก็เออผมว่าก็หล่อนะ คิ้วกูนี่เหมือนเอาปลิงมาไว้บนหน้าเห็นตั้งแต่สามกิโลก่อนประชิดตัว นิสัยหรอครับ ผู้หญิงทนเหี้ยอย่างผมได้นานสุดสามเดือน ยอมรับว่าขี้หื่นขี้เอา ขี้เหล้าด้วย แต่ตอนนี้ลดๆหมดแล้วครับ แต่ขี้เอานี่...ตั้งแต่เอาเป็นก็อยากเอาทุกวัน ผิดคอนเซ็ปต์ตรงที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครเท่าไร เบื่อจะไปร้านเหล้าแล้ว เปลืองตังค์รอไอ้มีนเลี้ยง ฮ่าๆ เออจากนิสัยที่บรรยายมาไม่มีอะไรดี แต่ไอ้มีนมันไม่เลิกคบกับผมวะ มันก็ตามต้อยๆ ไม่ได้ตามเหมือนช่วงมอปลายหรอก ตอนนั้นนะครับมันตามผมอย่างกับลูกเป็ดตามแม่เป็ด แต่วัยรุ่นติดเพื่อนผมเข้าใจ



   แต่นี่มหา’ลัยละ คนละคณะกันด้วยแต่มันก็ยังติดผมเหมือนเดิม


   จะไม่ให้ผมแอบคิดได้ยังไงเล่าว่ามันอาจจะคิดซัมติงรองอะไรกับผม อร๊ายย เขินจังเลยครับ *ปิดหน้าส่ายตูด* และเพราะสาเหตุนี่คนอย่างไอ้มีนที่ทำให้ผมคิดมากมาเป็นเดือนๆเลยงดเที่ยวงดเอาหญิงเพื่อสังเกตมัน เวลาผมไปเที่ยวนะก็บอกมัน ก่อนหน้านู้นไม่บอกหรอกพอมันรู้ทีหลังเลยโกรธ ผมเลยรายงานมันก่อน ขี้เกียจตามง้อครับ พอบอกมันก็แค่รับเสียงอือๆอืมๆ อะไรของมันวะ สรุปมันสนใจผมหรือไม่สนใจ จนครั้งหนึ่งผมเห็นสีหน้าตอนมันรับคำ อือๆอืมๆ ของมัน ตอนนั้นผมบอกไม่ถูกแต่รู้สึกมันน่าสงสารมากครับก็เลย ไม่ไปเที่ยวดีกว่า


   หลังจากนั้นมาก็เลยติดนิสัยชอบจ้องปากกับจ้องตาไอ้มีนมัน ไอ้นี้น่ะกับคนอื่นก็คูลๆ ทำเป็นคุณชายเย็นชาแบบที่สาวๆเขาจะชอบในนิยายใช่ไหมครับ แต่กับผมนะ เดี๋ยวจิกเดี๋ยวด่า มีหน้าบึ้ง มีขมวดคิ้วใส่ มีอมลม มาหมดครับ ผมก็เพิ่งมานึกได้ว่าไอ้มีนแม่งทำแบบนี้ต่อหน้าเราคนเดียวเลยนี่หว่า รู้สึกพิเศษใส่ไข่ อยากจับมันมาฟัดตรงนั้นเหมือนผมฟัดกับหมาที่บ้านครับ ปล้ำกัน นัวเนีย คลุกวงใน


   ถามว่าผมกับมันเคยเล่นแบบถึงเนื้อถึงตัวไหม


   โอโห บ่อยกว่าผมให้อาหารหมาอีก ตอนอนุบาลถึงประถมผมดูไม่ถูกกับมันใช่ไหม แต่พอมัธยมเราติดเกมส์คู่กันเลยครับ มันมีเพลย์เอามาเล่นที่บ้านผม เล่นกันทั้งวันทั้งคืน เวลามันแพ้จะชอบกระโดดมาขย้ำหัวผม ส่วนเวลาผมแพ้(ซึ่งน้อยมาก)จะชอบลากมันมากกครับ จริงๆคือมาเฮดร็อคแบบมวยปล้ำ เลิกเล่นเกมส์เพลย์ก็ปีนมาเล่นบนเตียง ตอนนั้นก็วัยกระเต้าะซึ่งผมเนี่ยเรียนรู้ไวกว่าชาวบ้าน ไอ้มีนเรียกผมว่าไอ้ลามก หรือไอ้หื่นประจำ ที่มาหรอครับ ก็คืนวันหนึ่งที่ผมไปค้างบ้านมันเล่นมวยปล้ำก่อนนอนอยู่ดีๆผมก็จับความลับมันได้อีกอย่างคือมันยังไม่เคยช่วยตัวเองเลย


   ผมในฐานะรุ่นพี่ด้านนี้เลยจัดการสอนมันแบบตัวต่อตัว ตั้งแต่วิธีเริ่มยันจบครับ มันก็ทำหน้าเสียวหน้าฟินต่อหน้าผมครั้งแรก แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้อีกเลย พอผมมาคิดทบทวนเรื่องระหว่างผมกับไอ้มีนเรามีความทรงจำร่วมกันเยอะมาก เป็นความรักความผูกพันที่ไอ้มีนอาจจะคิดเกินเลย (?) ส่วนกระผมหรือครับ


   ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรมันนะครับ เคยล้อมันว่าตุ๊ดแต่ถ้ามันเป็นผมก็ไม่ได้รังเกียจหรือคิดจะเลิกคบมัน สมัยนี้แล้ว แต่ผมรู้ว่ามันไม่ชอบก็ไม่พูดให้มันงอนหรอก ไอ้นี้ขี้งอน ประเด็นคือมึงงอนกูคนเดียว กับคนอื่นนี่ใจเย็นคูลกายตลอดเวลา แต่พอกับผมนะ เดี๋ยวด่าเดี๋ยวจิกใส่ ตอนแรกๆคิดว่ามันเป็นเป็ดเลี้ยงจนโตถึงได้รู้ว่ามันคือไก่ จิกกูอยู่ทุกวี่วัน


   “หยิบน้ำให้หน่อยดิ”

   “ใช้ ใช้  ใช้อีกแล้ว” มันว่า แต่ลุกไปหยิบให้ น่ารักจริงๆ

   “เล่นคอมพ์ป่ะ?”

   “ไม่อ่ะ อยากนอน”
   
   “งั้นถอดเสื้อผ้า”

   “ห้ะ!” ผมทำหน้าหื่นใส่มัน ถ้ามันชอบผมก็ต้องเขินๆใช่ไหมครับ แต่นี่ไม่ มันทำหน้าสยองใส่ผมหนึ่งทีก่อนจะลุกไปที่เตียง มายั่วกูถึงที่เลยนะ ยอมรับตามตรงเลยครับว่าอารมณ์ตอนนี้คือผมเริ่มสนใจไอ้มีนจริงๆ สนใจในแบบไม่ใช่เพื่อนอย่างที่แล้วมา


   ผมปล่อยให้ไอ้มีนหลับไปจนถึงบ่ายสี่โมง มันสะลึมสะลือพลิกตัวขึ้นนั่ง


   “กี่โมงแล้วอะอาร์ท” มันเรียก เสียงตอนตื่นแม่งกระเส่าดีวะ แล้วตาก็ปรือๆ หน้ายับหัวยุ่ง ทำไมผมมองความธรรมชาติเหล่านั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้วะ!

   
   “อาร์ท กี่โมงแล้ว” จริงๆเสียงมันไม่ได้กระเส่าอะไร ส่วนสายตาก็ไม่ได้เชิญชวนด้วย คือเสียงมันแหบเพราะคอแห้งส่วนตานั่นก็ขี้ตามันเองล้วนๆ ผมตอบเวลาส่งๆไป มันลุกไปหาน้ำดื่มแล้วกลับมาจัดที่นอน

   “ไม่เอา ไม่จัด” ผมงอแง คือผมนั่งเล่นคอมพ์อยู่ครับ ไอ้มีนก็จัดการเลย พับผ้าห่ม

   “นอนไปได้ยังไง ที่นอนเละอย่างกับหมา”

   “เออ แล้วมึงนอนได้ไงเมื่อกี้ กูนอนของกูไม่เคยเก็บ” มันเงียบ งับริมฝีปากอีกแล้ว ตอนนี้คิ้วมันเหมือนจะชนจนผูกกันได้ น่ากลัวเหรอครับ โอ๊ยยย ไอ้มีนห่างไกลจากคำนั้นเยอะ มันทุบไหล่ผมที ไม่แรงมากแต่ก็ไม่เบา ผมหันกลับไปจะทุบมันคืนแต่เปลี่ยนแผน ที่แล้วมาเราเล่นกันรุนแรงต่อไปผมจะลองเล่นแบบวิธีที่สาวๆยอมทอดกายใต้ร่างผมให้ดู


   ห้าโมงผมกับมันก็มาเดินงานเกษตรแฟร์ คนกำลังเยอะเลยครับ ร้านค้าอาหารก็คึกคักมีคนต่อคิวประปราย ไอ้มีนน่ะมีเพื่อนสนิทคือผม(แน่ๆ) เพื่อนในคณะมันก็คบได้แต่ไม่สนิทมั้ง ไม่เห็นไปไหนมาไหนด้วยกัน ส่วนผมก็มีแกงค์เพื่อนเกรียนด้วยกันสี่คน เรียกเราว่าจตุรเทพแล้วกันครับ ไม่มีใครตั้งพวกผมก็สถาปนากันเอง ทุกคนสนิทกับไอ้มีน แรกๆก็เขม่นบอกไอ้มีนขี้เก็กแต่พอโดนไอ้มีนเลี้ยงเหล้ามันก็กลับลำกันแทบไม่ทัน วันนั้นไอ้มีนก็ใจปล้ำเลี้ยงตั้งบลูแน่ะ ผมก็ลาภปากเช่นกัน


   เมื่อสมาชิกครบเราก็ออกเดินเท้า กำลังตีนกูกับปากนี่แหละจะฟาดให้ทั่วงานเกษตรแฟร์ แต่ก็ได้แค่คิดครับ เราแวะกินของข้างทางประปราย อาหารเยอะมากมีทั้งร้านค้าในและนอก เลือกกินไม่ถูกเลยแหะ เมื่อเรายังเลือกไม่ได้ก็หันไปถามคุณชายของกลุ่ม ไอ้มีนมีสิทธิ์เด็ดขาดครับถ้าผมไม่ตัดสินใจก่อนอะนะ


   “ไอ้มีนมึงอยากกินอะไรวะ?”

   แรกๆทุกคนก็สับสนว่าจะใช้สรรพนามกับไอ้มีนว่าอะไรดี จะมึง จะเรา จะนาย แต่มันมุ้งมิ้งไปป่ะวะ จบที่ต่างคนต่างใช้ ไอ้มีนก็เรียกพวกผมด้วยชื่อ แต่ไม่ลงท้ายด้วยครับ

   “ซีฟู้ดก็น่ากิน ไก่ย่างของวอนอก็น่าสน” มันเม้มปาก ถึงอากาศจะไม่ได้ร้อนจัดแต่ไอ้มีนเป็นคนขี้ร้อนครับ ผิวมันขาวมากๆ เทียบกับทุกคนที่เดินผ่านผมว่ามันเรืองแสงได้เลยว่ะ ปากก็ส้มๆ ไม่เคยสูบบุหรี่ครับ เคยให้มันลอง สำลักควันจนน้ำตาไหล เด็กน้อยมากเพื่อนกู จากนั้นมันก็ไม่แตะอีก แต่เหล้านี่ดวลกับมันได้นะ ไอ้มีนไม่ใช่ย่อยเลย คือตอนนี้เหงื่อออกหน้ามันหน่อยๆวะ ผมบอกไม่ถูก แต่กูมองไม่วางตาเลย มองเม็ดเหงื่อที่ไหลอยู่ตามไรผม มองขนตาที่เรียงเส้นไม่หนาไม่บาง แต่ยาวเข้มเรียงเป็นแพระเบียบ มองผิวหน้าเนียนใส มันไม่เคยมีสิวเลยตั้งแต่รู้จักกันมา มองจมูกโด่งคม มองไปถึงกรามด้านข้างที่มีชัดแต่ได้รูปสวย ผมมองจนมันรู้ตัวเหล่ตามาสบ ตอนนั้นเองผมรู้สึกว่า ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ความรู้สึกบ้าๆที่มันหยุดไม่ได้เหล่านี้!


   “มองไรอาร์ท”

   “มองมึงไง คิดไรนาน อยากกินไรก็บอกดิ”

   “อยากกินหลายอย่างอ่า” ท้ายเสียงลากยาวงอแง มันเบ้ปากเหมือนอาการร้องไห้แต่ไม่ได้ร้อง ผมส่ายหัว พยักเพยิดไปที่ร้านน้ำ

   “ไปซื้อน้ำไป เหงื่อไหลหมดแล้ว ร้อนเหรอวะ”

   “ไม่อะ แต่เดินมาเยอะ เหนื่อยเหมือนกัน” พูดจบก็ยกแขนเสื้อเช็ด วันนี้มันใส่เสื้อแขนยาวสีเทาเข้ารูปกับมันนิดหน่อยเพราะผมเห็นช่วงไหล่ที่ไม่บางและแคบ แต่ก็เล็กกว่าผมอยู่ดี หึหึ

   “เอาน้ำไรเปล่า?”

   “กินกับมึงไง” ผมกระตุกยิ้ม แอบส่งสายตาเป็นประกาย ไอ้มีนหันหน้าหลบเดินไปซื้อน้ำทันที ผมหันไปบอกเพื่อนที่เหลือให้เดินนำไปก่อน ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้วครับ ส่วนใหญ่ก็เด็กๆนักศึกษาแล้วก็คนที่เลิกทำงานแล้ว

   ไอ้มีนยืนรออิตาเลี่ยนโซดา มึงกากมากมีน ซื้อร้านไหนไม่ซื้อมาซื้อร้านที่เพื่อนผมในคณะมันมาเปิดบู้ท ไอ้พวกนั้นก็ทักผมครับ ไอ้มีนมันไม่รู้จักใครแต่ใครๆรู้จักมัน มองหน้าผมสลับกับเพื่อน

   “เดี๋ยวแก้วนี้ชงให้เป็นพิเศษเลย มีนชอบหวานเข้มหรือหวานน้อย”

   “เอ่อ” มันทำหน้างง แต่ก็ตอบเขาไป แก้มส่งยิ้มปลื้มๆมาให้มันผมก็ได้แต่ยืนคุยกับเพื่อน ไอ้มีนมันทำหน้าตาตื่นเต้นใหญ่ตอนเห็นน้ำแยกชั้น


   “กูชี้ไปที่น้ำปั่นอะไรคือการที่มึงซื้อน้ำโซดา”

   “อ่าว แล้วไม่บอก”

   “ช่างมัน”

   “ไปซื้อให้ใหม่ไหมล่ะ? จะเอาน้ำอะไร” ไอ้มีนอาสาแต่ผมไม่ได้อยากขนาดนั้นครับ ส่ายหน้าแล้วคว้าแก้วมันมาดูดต่อ

   “กูกินไอ้นี้ที่คณะจนเบื่อแล้ว”

   “เอาจริงๆอยากไปกินที่คณะอาร์ทอ่ะ”

   “ไม่เอาอ่ะ เข้าแล็ปก็ได้กินอยู่ทุกวัน” ผมบ่น คือผมเรียนฟู้ดไซน์ครับ ก็มีแล็ปทำอาหาร แต่ไม่ได้ทำแบบเอาไว้กินหรอก ก็ทำทดลองแต่พอทำแล้วมันกินได้ก็แบ่งๆกันกิน บอกเลยว่าตอนเรียนเรื่องหมักหน้ากูจะเป็นแป้งโดอยู่แล้ว

   “อื้อ ไม่กินก็ไม่กิน” ไอ้มีนมันก็อย่างนี้ ตามใจผมแทบทุกเรื่อง อยู่กับมันไม่มีเรื่องเครียด เหมือนสมัยที่เรายังเป็นเด็กอนุบาลกันอยู่ แต่ไม่ได้ทำอะไรปัญญาอ่อนหรอกนะครับ มันเป็นความรู้สึกมากกว่าที่เราไม่ต้องเก็บไว้ เพราะเด็กรู้สึกอย่างไรก็พูดแบบนั้น  แต่ผมรู้ว่าตอนนี้เราโตเกินกว่าจะเป็นเด็กผู้ชายห้าขวบสองคนแล้ว ฉะนั้นมันถึงทำให้ผมกับมันมีความลับกันอยู่แบบนี้


   “งั้น อยากกินขนมปังชีสยืดๆอ่ะ”

   ไอ้มีนทำท่านึกขึ้นได้

   “แต่เดินผ่านโค้งนี่ก็ตลาดน้ำล่ะนะ จะเอาไง ไปทางไหน”

   “อย่าเพิ่งหงุดหงิดซี่ แล้วพวกทอย พวกกันล่ะ”

   “ก็คงเดินไปข้างหน้าแล้ว” ผมไม่ได้หงุดหงิดนะครับ แต่พอเจอคนเยอะๆเบียดๆก็มีบ้าง หน้าตาคงเหวี่ยงใส่ไอ้มีน มันเลยพูดเอาใจผมซะเสียงหวานเลย หึหึ ดีละเข้าทางผมจะโมโหให้ขีดสุด อยากรู้ไอ้มีนจะรับมือผมยังไง ที่แล้วมาไม่เคยโมโหใส่มันครับ กลัวมันร้องไห้วิ่งไปฟ้องแม่ ก็ตั้งแต่ล้อมันว่าตุ๊ดตอนประถมผมก็ไม่กล้าแกล้งมันจนร้องไห้อีกเลย


*ต่อด้านล่าง*

ออฟไลน์ yoghurtz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0



สุดท้ายก็ตามใจมันครับ ไปตามล่าหาขนมปังชีสเยิ้มแทน มันจะมีซอยซึ่งเป็นทางลัดไปทางศูนย์เรียนรวม พอเราเลี้ยวเข้าไปก็ผงะกับคอนเสิร์ตบ้า(น)ๆของชาวคณะมนุษย์ ผู้หญิงคณะนี้สวยนะครับ เวลาเรียนอิ้งของมหา’ลัยทีไรผมนี่ต้องขอรวมกลุ่มเป็นประจำ แต่ตัดภาพมาที่ตรงหน้าผมคือสโมของคณะเขาเปิดร้านอาหารครับ แล้วก็มีกล่องบริจาคสมทบทุนไปค่ายอยู่หนึ่งกล่อง สมาชิกที่เหลือก็คอยดึงแขกให้รวมสมทบทุน แต่ไม่ต้องแต่งหน้าให้ผมตกใจกลัวก็ได้มั้ง 


   ก็ขำๆครับ มีบางคนที่ผมรู้จัก เราเคยไปค่ายสามคณะด้วยกัน คือเป็นค่ายที่จัดร่วมกันของมนุษย์ วิศวะ และอุตสาหกรรมเกษตร ผมนี่หวังจะไปเจอดาวในนั้นครับแต่ก็ต้องผิดหวัง คุณหนูสวยๆเขาก็บินไปเรียนภาษากันที่ลอนดอน คนที่มาส่วนใหญ่ก็ผู้ชายถึกๆเถื่อนๆ กินยาดองหนักกว่าวิศวะอีก แต่ผู้หญิงก็มีครับ ผมรีบๆเดินกลัวจะเจอะหน้ากันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว


   “พี่อาร์ทททททท”

   กูพูดยังไม่ทันขาดคำเลย


   ผมรีบดันๆให้ไอ้มีนมันเดินนำไปก่อน คนเยอะจังเว้ย แต่ไม่รอดครับ เกิดมาสูงและคิ้วปลิง(?)น้องเนยอดีตกิ๊กก็วิ่งเข้าชาร์ท

   “พี่อาร์ท มาเดินเกษตรแฟร์ด้วยหรอ”

   ถามแปลก ตอนนี้ผมวิ่งอยู่หรือไง แต่ไม่ได้ตอบแบบนั้นครับ ผมยิ้มแกนๆไปให้แล้วพยักหน้า


   “ช่วยสโมเนยก่อน” ไอ้มีนเหล่มองผมเล็กน้อย หน้ามันนิ่งมาก เดาอารมณ์ไม่ถูกพลอยทำให้ผมรู้สึกวางตัวลำบากไปด้วย น้องเนยก็ทำหน้าอ้อน เออๆผมเลยควักแบงค์ยี่สิบหยอดไป ไอ้มีนก็เช่นกัน แต่ยังครับ น้องเนยยังไม่ปล่อยผมไปตามเวรตามกรรม เอื้อมมือมาจับลากผมเข้าซุ้มน้อง

   “ไม่เจอพี่อาร์ทนานเลย สบายดีนะ”

   “ก็ดีมั้ง” ผมหัวเราะเอิ้กๆ น้องเนยมองผมสลับกับไอ้มีน เห้ยน้อง อย่าคิดไปไกลกลับมาก่อน

   “มาเดินกับเพื่อนหรอ?”

   “อ่าห้ะ” ก็เพื่อนจริงๆ น้องเนยยิ้มกว้าง

   “เนยอยากกินของบาร์พี่อาร์ทอะ พาไปหน่อยได้ป่ะ?” เวรกรรม น้องเนยทำหน้าอ้อนพลางเดินมาเขย่าแขนผม กระผมนายอาร์ทผู้ไม่เคยขัดใจผู้หญิงครับ สุภาพบุรุษสุดๆ!!


   ตอนนี้เราสองสามคนจำต้องเดินมาที่คณะของผมเอง คนดีประจำคณะอย่างผมก็แนะนำเมนูให้น้องเนยครับ ไม่รู้ว่าตื่นเต้นจริงจังหรือโอเว่อร์ อยากรู้เรื่องน้องเนยหรอครับ?


   จริงๆก็ไม่มีอะไร เมื่อสองปีก่อนผมไปเข้าค่ายที่สามคณะจัดขึ้น ตอนนั้นมันมีไฟ อยากเจอคนเยอะๆครับ ค่ายมีร่วมกันสิบวันคิดว่าผมต้องเจอใครสักคนที่ถูกใจแน่ๆ ก็มาเจอน้องเนยนี่แหละ เราคุยกันที่ค่ายแบบพี่น้องแต่กลับมาแลกไลน์ก็เริ่มกุ๊กกิ๊กครับ ตอนนั้นผมว่าผมจริงจังกับเนยระดับหนึ่งเลย คือเนยเป็นคนแมนๆ ไม่ใช่ห้าวครับหมายถึงเป็นคนตรงๆ มีอะไรก็พูดก็บอก คุยสนุก มีตบมุขมีเขิน เฮฮาพากินพาเที่ยว ก็เป็นแบบนี้อยู่เดือนกว่าๆจนผมที่กระล่อนๆอยากลงหลักปักฐานตั้งใจจะขอน้องเป็นแฟนเพราะคิดว่าน้องเขาคงรอเราขอเช่นกัน


   แต่ผิดคาดว่ะ น้องเนยบอกผมว่ามีแฟนอยู่แล้ว เห้ย ผมก็เช็คนะครับไม่ใช่ไม่เช็ค สรุปคือน้องเนยทะเลาะกับแฟนแล้วเลิกไปช่วงที่ผมเข้ามาพอดี แต่เขารักๆเลิกๆ แฟนมาง้อก็คืนดีด้วย ไอ้เวรนั่นก็ต่างมหา’ลัย เลยเป็นเหตุผลที่ผมไม่เคยเจอน้องเขาเดินกับใครในมอ สุดท้ายอะไร ผมกลายเป็นหมาซะงั้น เศร้าว่ะครับ

   ตอนนั้นมันผิดหวังมากครับ น้องเขาก็รู้สึกดีๆกับเราแต่ว่าคบไม่ได้ ผมก็เหมือนไปเป็นมือที่สาม จะเหี้ยขนาดไหนผมก็...ให้น้องตัดสินใจเลือกเองครับถ้าเขาเลือกเราผมก็พร้อมจะคบกับน้องเนย ความรักไม่ผิดวลีที่เอาไว้ปลอบใจตัวเอง แต่น้องเนยก็เลือกแฟนเขาน่ะครับ บอกว่ามันเป็นความผูกพันส่วนผมก็แค่หวั่นไหวในตอนที่เขาไม่มีใครพอดี

   สรุปคือผมมันตัวคั่นเวลาวะ แม่งโคตรเฟล คาสโนว่าอย่างผมมาเจอแบบนี้ก็เสียศูนย์ครับ ในบรรดาหญิงสาวน้องเนยเป็นคนที่ผมรู้สึกดีด้วยมากที่สุด อยากเป็นแฟนด้วยนานที่สุดแล้วก็ ทำให้ผมลืมยากที่สุด ผมว่ามันเป็นความฝังใจมากกว่า เพราะผมกับน้องมันจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มมันเลยมีความรู้สึกค้างๆคาๆ


   ยังจำที่น้องเนยพูดอยู่ได้เลย ตอนนั้นน้องบอกว่า

   ‘พี่อาร์ททำให้เนยยิ้มได้นะ’

   ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่ะ แต่ในชีวิตคนเราก็มักจะเจอกับรักที่ไม่สมควรจะรัก ใช่ไหมล่ะครับ

   ผมว่าเราหยุดรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆเถอะ ตอนนั้นจบที่พี่น้อง พี่น้องเหี้ยอะไรกุไม่เอา!!

   ก็อกหักครับ ตามเสต็ปอกหักรักคุดไปกินเหล้า มันแย่จริงๆ นึกย้อนไปไอ้คนข้างๆผม ไอ้มีนนี่แหละที่ยังอยู่กับผมไม่ไปไหน เล่าเรื่องให้ฟังมันก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรน้องเนยเพียงแต่บอกให้ผมทำใจ ตัดใจจากน้องซะ รักที่ไม่สมควรก็ทำได้แค่นี้


   ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าทำไมมันถึงเข้าอกเข้าใจผม แต่ตอนนี้ผมว่าผมเดาได้แล้วว่ะ อาจเป็นเพราะไอ้มีนมันมีประสบการณ์ตรง หลงรักเพื่อนสนิทอย่างผมทั้งที่รู้ว่าไม่ควร


   เข้ามาในคณะทุกคนก็รุมล้อมกันด่าผมครับ ใจเย็นๆกูปีสี่ต้องเป็นพี่ใหญ่สิวะ! แต่ที่ด่าผมนี่ปีสามทั้งนั้น เอาเป็นว่าผมนี่หน้าใหญ่ใจไม่โต น้องๆให้ความเคารพแต่ไม่รักครับ หาเรื่องด่ากูสารพัด บังเอิญหน้าด้าน ลอยหน้าลอยตาต่อไปอย่างไม่อายใคร ไม่มีใครมาบริการโต๊ะผม หาใช่ความรังเกียจเป็นการกลั่นแกล้งผมล้วนๆ!!

 
   ผมเลยต้องลุกไปหยิบน้ำหยิบแก้ว หยิบชามหยิบช้อนเอง โอโห ดีมาก อย่าให้เห็นว่าคิดเซอร์วิสชาร์ทกูนะ ผมลุกเดินอยู่สามรอบ ไอ้มีนนั่งนิ่งมันดูดน้ำอิตาเลี่ยนโซดาหมดไปนานแล้วแต่ยังตั้งหน้าตั้งตาดูดต่อไป มีเสียงฟืดๆของอากาศกับน้ำ ผมว่ามันแปลกๆนะ อ๋อ มันคงไม่พอใจผมล่ะสิที่พาน้องเนยมาด้วย


   “พี่อาร์ทจะเลี้ยงใช่ป่ะ?” ผมหันกลับมา อยากจะโบ้ยให้ไอ้คุณมีนเลี้ยงแต่แค่เห็นหน้าผมก็รีบกลืนน้ำลายพยักหน้าแทนทันที

   “โห ใจปล้ำจริงๆ”

   “แน่นอน นี่ใคร” ผมติดนิสัยขี้อวดมาจากไอ้มีนป่ะวะ บทสนทนาส่วนใหญ่น้องเนยเป็นคนชวนคุย เห็นบอกว่าปีสามงานเยอะมาก ส่วนผมปีสี่ก็ชิวๆมีแล็ปน้อยแล้วแต่ส่วนใหญ่เป็นโปรเจคเข้าแล็ปถี่กว่าเรียนอีก ต้องเข้าไปดูเชื้อที่เลี้ยงไว้ ฮ่าๆ


   “พี่อาร์ทยังไม่แนะนำเพื่อนพี่ให้เนยรู้จักเลย”


   หืมม์ น้องเนยเหล่มองไอ้มีนหลายรอบ สรุปคือน้องเนยสนใจไอ้มีนหรอ? ไม่ได้นะครับตอนนี้ผมจองแล้ว

   “ไม่รู้จักจริงดิ ไอ้นี้ออกจะดัง ใช่ป่ะวะ” ไอ้มีนขมวดคิ้วก่อนแย้มยิ้มการค้าละลายใจสาวๆ ครับมึงหล่อ!!

   “ดังกว่าคนแถวนี้” มันว่าปรายตามองทางผมให้รู้ว่า ‘คนแถวนี้’ คือใคร ผมยักไหล่แต่น้องเนยไม่ผ่านมือที่สามอย่างผมครับแนะนำตัวเองทันที

   “ครับ” ไอ้มีนยิ้มเรียบๆให้ คูลกายมายไอดอลของชาวคณะเลยครับ รักษาภาพพจน์สุดๆ เห็นแล้วคันเท้าคันปากแปลกๆ แต่ไอ้มีนเหมือนจะไม่ได้สนใจน้องเนย ไม่มีชวนคุยต่อน้องเนยเลยเปลี่ยนกลับมาคุยกับผมแทน

   “นี่เนยเลิกกับพีละ”

   “เลิกจริงหรือเปล่า?” ผมถามขำๆ เห็นเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก น้องเนยพยักหน้าจริงจัง

   “พีไปมีคนใหม่ แย่เนอะ เนยเลือกเขาเพราะความผูกพันแต่เขาเลือกรักใหม่ ก็เลยปล่อยๆไป”

   “เลิกนานยัง”

   “นานแล้ว ตั้งแต่มิดเทอมที่แล้ว ตอนนี้เลยโสด” แบบนี้เรียกประกาศตัวครับ ผมไม่ได้ตอบอะไรไปแต่ประโยคต่อไปของน้องนี่สิ หาเรื่องให้กูชัดๆ!!

   “ถ้าเนยเลือกพี่อาร์ทตอนนั้นไม่รู้ตอนนี้เรายังคบกันอยู่เปล่านะ” ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆที่กลางหลัง เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วล่ะเราเลยหยิบมาพูดกันขำๆได้ แต่นึกออกไหมครับตอนที่เราตั้งใจจะจีบคนๆหนึ่งอยู่ก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเคยกิ๊กกับใครหรือมีเยื่อใยกับใครอยู่ ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกแบบนี้ เหล่มองไปทางไอ้มีน มันมองออกไปทางอื่น แสร้งทำเป็นมองเวที ถึงจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆแต่แบบนี้ผมยิ่งเห็นความรู้สึกที่มันส่งมาให้ผมวะ ในอกมันเลยอุ่นๆคับๆ เหมือนจะระเบิดเลย


   “ยิ้มอะไรพี่อาร์ท”

   เวร ผมยิ้มเพราะเผลอคิดว่าไอ้มีนมันแคร์ผม ไม่ได้ยิ้มเพราะน้องเนยเลยครับ

   “ก็ตลกดี ถ้าคบกันจริงพี่ว่าเนยคงเลิกกับพี่อีกอาทิตย์ถัดมา”

   “ทำไมล่ะ”

   “ก็พี่มันแย่”

   “เนยว่าไม่หรอก ใครๆก็ชอบพี่อาร์ททั้งนั้น เนยบอกแล้วไงว่าพี่อาร์ททำให้เนยยิ้มได้นะ”

   ครับ เอาเลย เต็มที่ ไอ้มีนหันกลับมามอง มันยิ้มเล็กๆแต่เป็นรอยยิ้มการค้าครับผมรู้ผมดูออก ขณะที่ผมยังไม่ได้ตอบอะไรไปไอ้มีนก็โพล่งขึ้น

   “ช่วงนี้อาร์ทก็ว่างไม่มีใคร แล้วมันก็ดีกว่าเดิมมาก น้องเนยสนใจมันจริงๆหรอครับ”

   “พี่อาร์ทก็ยังไม่มีแฟนหรอ?”

   “มันแก่แล้ว เดี๋ยวนี้ก็เลยทำตัวเซื่องๆ ไม่ค่อยเที่ยวไหนแล้วล่ะครับ ถ้าคบกับมันตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้หญิงและร้านเหล้า น้องเนยยัง”

   “ไอ้เชี่ยมีน!” ผมไม่ปล่อยให้ไอ้มีนพูดจบ รีบทะลุกลางปล้องจ้องตามันเขม็ง ไอ้มีนเอียงหน้ามามองช้าๆ สายตานั้นเย็นชาใบหน้าก็เช่นกัน แต่ก่อนที่บรรยากาศจะมาคุอาหารที่เราสั่งไปก็มาพอดี



   ตอนนี้ขอกินก่อนแล้วกัน


   หลังกินเสร็จผมก็เดินไปจ่ายเงิน โต๊ะอื่นเขาก็เรียกเก็บเงินครับแต่เพราะเป็นพี่ในคณะเลยได้สิทธิพิเศษ น้องเนยเดินกับผมไปอีกสักพักก่อนจะแยกไปอีกทางเพื่อไปหาเพื่อน ผมบอกลาน้องสั้นๆพลั้งปากไปว่ามีอะไรก็ทักมาก็แล้วกัน

   ตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องเนยจริงๆนะ น้องก็ยิ้มๆแล้วเดินห่างออกไป ผมว่าตลอดทางมันไม่เงียบเหงาคงเป็นเพราะน้องเขาชวนคุยตลอดแล้วผมมันก็นิสัยผู้ชายปากหวาน เห็นรูไหนหยอดได้หยอด หยอกล้อน่ารักกุ๊กกิ๊กจนลืมอีกคนที่เดินมาด้วยกัน พอเหลือกันสองคนมันก็ไม่ได้สนใจผม ดูดน้ำมะพร้าวพลางเดินดูนู้นดูนี่


   “จะไปไหนต่อ?” ผมถาม ไอ้มีนปรายตามองผมแต่ไม่ตอบ เอ๊ะ! อะไรของมัน

   “ไอ้มีน จะไปไหนต่อ กูเมื่อย”

   “ทีเมื่อกี้ล่ะก็ระริกระรี้เชียวนะ” มีแซะ ผมมองปากอิ่มที่มันเม้มเป็นเส้นของไอ้มีนแล้วอยากดีดปากชะมัด ไม่ต้องคิดหรอกครับผมทำเลย! มันผงะถอยหลังปัดป้องด้วยมือแต่ไม่ทันผม หน้าหงิกงอคว่ำเป็นม้าหมากรุก
   
   “เป็นเชี่ยไรอีก?” ผมถามเสียงเนือย ออกเดินนำให้มันเดินตาม ไอ้มีนไม่ตอบ

   “อย่างอนเป็นตุ๊ดได้ป่ะ”

   “เอ๊ะ!” มันทำเสียงขึ้นจมูก ตาก็ขวางๆมองผม เหมือนตัดพ้อนิดๆ ซึ่งพอผมรู้ตัวก็เอื้อมมือไปโอบไหล่

   “อย่ามาทำแบบนี้” มันว่าเสียงเย็น เบี่ยงตัวออก ดูสิครับ งอนเป็นผู้หญิงเลยเพื่อนกู

   “ทำแบบไหน กอดนิดกอดหน่อยทำหวงเหรอ?” ผมถามทำท่าจะรัดมันไว้ทั้งตัว แต่คนเยอะครับเล่นอะไรแบบนี้ก็มีแต่สายตาแปลกๆเลยทำได้แค่คล้องคอมันเอาไว้ ไอ้มีนไม่ได้ดิ้นหนีอะไร ตัวเราสูงไล่เรี่ยกันห่างไปเกินห้าเซ็นติเมตร

   “สรุปจะไปไหน”

   “ไม่อยากไปก็กลับ”

   “งอนไรกูอีก”

   “เปล่า” มันว่า เบี่ยงหน้าหลบ

   “มึงมีอะไรก็พูดดิวะ ทำไม ไม่พอใจกูกับเนย?” ผมถาม มันก็มองผมตวัดๆ ตอนนี้ตามันแดงๆ ผมลากมันออกมานั่งข้างทางขี้เกียจเดินแล้ว อยากคุยให้รู้เรื่อง ไอ้มีนมันงี่เง่าอะไรของมัน

   “ตอบมาดิ” ผมเร่งยิกๆ เริ่มโมโหจริงๆแล้วนะ ผมเบื่อมากพวกที่ถามแล้วไม่ตอบจะให้ตรัสรู้เองได้ไง ชอบไม่ชอบก็บอกสิวะ

   “จะให้ตอบอะไร? มีสิทธิ์ไม่พอใจหรอ จะคุยกับน้องต่อก็แล้วแต่ เอาเลย”

   “ประชด? เอาดีๆไอ้มีน”
   
   “เปล่า” ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ

   “ปากบอกว่าเปล่าๆแต่หน้ามึงไม่ใช่เลยไอ้คุณหนูมีน ไม่พอใจอะไรกูครับ ไม่ชอบอะไรไม่พอใจอะไรก็บอกกูสิ” ไอ้มีนมองผมแว่บหนึ่งก่อนจะก้มมองปลายหลอดที่มันกัดจนแบน

   “เร็ว”

   “พอใจไม่หรือพอใจแล้วสนด้วยหรอ? เรื่องนั้นน่ะ บอกไปแล้วมันทำอะไรได้เหรอ อาร์ทอยากทำไรก็ทำเหอะ”

   มันพูดรัวแต่ผมยังไม่เคลียร์เลยนะว้อยยย อย่ามาตัดบทด้วยคำพูดที่ฟังดูเข้าใจยากแล้วทำให้กูสตั้น!

   “เรื่องนั้นเรื่องไหน มึงบอกกูเหอะว่ะ กูเหนื่อยคิด หน้ากูดูฉลาดหรอ?”

   “ก็รู้ว่าไม่ฉลาด โง่ โง่มาตลอด”

   “อ่าวๆๆไอ้มีน” ผมชี้หน้า แต่ไม่กล้าทำอะไรมันหรอก คาดโทษเฉยๆ เหนื่อยใจกับมันจริงๆ เดี๋ยวนี้ลูกเล่นแพรวพราวจะง้างปากให้คายความลับมีแต่ผมที่อารมณ์เสียแล้วอารมณ์เสียอีก เออ แม่งอยากเป็นอะไรก็เรื่องของมันเลย ผมไม่สนใจมันละ


   “แล้วแต่มึงเลย” สุดท้ายผมก็ล่าทัพถอยออกมา ไอ้มีนมันเม้มปากอีกรอบ เราสองคนเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่ตลาดน้ำ ของกินมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งของเกษตรแฟร์ ผมจัดไข่ปลาหมึกมาหนึ่ง เห็นน้ำแข็งใสโคตรพ่อโคตรแม่ยักษ์ก็ไปต่อคิวซื้อ ดูเหมาะกับพวกผู้ชายแกงค์เราดี


   ผมนั่งคุยปกติแต่ไอ้มีนนั่นเงียบผิดปกติ ใครถามก็อื้อๆออๆแต่ไม่คิดจะร่วมบทสนทนา งานมันกร่อยตั้งแต่มันเจอน้องเนย แล้วเกิดงอนกัน คิดไปคิดมาตอนนั้นผมอารมณ์ร้อนด้วยแหละเลยไม่ทันได้สังเกตท่าทีไอ้มีน รวมไปถึงตรวจสอบความรู้สึกของมัน


   ก็ถ้ามันชอบผมมันจะงอนผมก็ไม่แปลก ตอนที่กินไข่ปลาหมึกกับน้ำแข็งใสผมก็นั่งถอดรหัสในหัวช้าๆ

   1. ไอ้มีนไม่ชอบน้องเนยชัวร์ อาจจะหึงหวงผมกับน้องเพราะ
   2. น้องเนยเคยเป็นคู่กรณีที่ทำให้ผมเสียศูนย์ไปพักใหญ่
   3. มันกลัวถ่านไฟเก่าคุกรุ่น


   แต่ผมก็โกรธมันนะว้อยยย จู่ๆชงผมกับน้องเนย นิสัยขี้ประชดนี่มันได้แต่ผู้ใดมา อย่าให้รู้ผมจะดีดปากมันก่อนเลยอันดับแรก

   เมื่อจัดการฟาดทุกอย่างลงท้องเราก็นั่งคุยกันสัพเพเหระจนถึงเวลาอันสมควรที่จะแยกย้ายกลับบ้านกลับช่อง เดี๋ยวนี้พวกผมเด็กดีครับต้องกลับบ้านก่อนสองทุ่ม แล้วมาเจอกันใหม่ตอนสี่ทุ่มน่ะครับ ถูกต้องครับ วันนี้ขอปลดปล่อยสักวันให้มันหายเปรี้ยวปาก จะเข้าร้านตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ดูเหมือนจะไวไป แต่จะเดินก็ไม่ไหวแล้วครับ เหนื่อยแล้ว เราเลยนั่งมองอาหารตาไปเรื่อยๆ ไอ้ทอยก็ว่าจะนัดชาวแกงค์ให้ออกมาอีก ดื่มหลายๆคนสนุกดี ที่สำคัญมีตัวหารเพิ่ม บางทีเราก็ไปแบบไม่ได้มีจุดประสงค์น่ะครับ ไปเอาบรรยากาศคุยกันสนุกสนานเฮฮาตามปะสาผู้ชายมีเสน่ห์และเฟรนลี่

   
   พอถึงเวลาอันเหมาะสมพวกผมก็ขนย้ายมวลสารตัวเองไปที่ร้านเหล้าแถวๆนั้น ขับไปไม่ไกลเท่าไรหรอกครับก็อยู่แถวๆนั้นพอดี


   พอเริ่มกินเหล้าก็อารมณ์ดีครับ มันเป็นฟีลลิ่งไอ้มีนก็เช่นกัน มันหัวเราะเอิ้กอ้ากนั่งอยู่ข้างผมลืมความบาดหมางเมื่อช่วงค่ำไป ผมชอบอะไรแบบนี้มากกว่านะ ผมไม่ชอบที่เราจะทะเลาะกันหรืองอนกันเลย มันไม่ใช่เรื่องป่ะวะครับเพื่อนกันแท้ๆ แม้ว่าตอนนี้ผมจะตั้งใจมองมันต่างไปจากทุกที


   แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจจริงๆก็คือ ผมไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมันไปครับ ไม่ว่าผมจะชอบผมหรือไม่ชอบ ผมจะอยากได้มันเป็นแฟนหรือไม่ แต่มันต้องเป็นเพื่อนผมอ่ะ ต้องอยู่กับผม ผมคิดได้เท่านี้จริงๆ


   “เห้ๆ ไอ้อาร์ท เป็นไรวะ กระดกอย่างเดียว อดอยากนะมึง” เสียงใครสักคนพูด ผมน่ะไม่เมาง่ายๆหรอกแต่ตอนนี้ก็เริ่มเบลอๆนิดหน่อย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร คนข้างๆผมยังเป็นไอ้มีนคนเดิม เรานั่งกันตรงโซฟา พื้นที่คับแคบล่ะมั้งเราถึงได้นั่งกันชิดจนแทบจะเกยตักทับกัน เห็นมีคนแวะเวียนมาชนแก้วด้วย เดาได้ไม่ยากเลย


   “มึงๆ ผู้หญิงโต๊ะนั้นส่งมา” ผมรับใบเสร็จเซ่เว่นมาอ่าน แต่ตอนนี้อ่านไม่ออกครับเลยยื่นไปให้คนข้างๆอ่านให้ฟัง


   “วิว ปีสอง วิดยา” ไอ้มีนอ่านช้าๆให้ผมฟัง กลิ่นตัวไอ้มีนนี่ละมุนดีนะ แต่ไม่ค่อยได้กลิ่นเลยต้องเข้าไปใกล้กว่านี้ มันชอบฉีดตรงหลังหูผมจำได้ แต่กกหูน่ะจุดอ่อนไอ้มีนเลย ผมเป่าทีไรมันต้องระทวยรีบปิดหูหันหน้าแดงๆหนี แกล้งมันแบบนี้ตั้งแต่ประถม คิดถึงว่ะ ไอ้มีนมันน่าหมั่นเขี้ยว เห็นแล้วอยากแกล้งให้สะใจ เป็นคนที่คิดแล้วทำเลย ไอ้มีนใกล้แค่นี้ ผมล็อคคอมันก่อนจะเป่าฟู่ใส่รูหู

   “อ๊าาาา” นั่นปะไร ไอ้มีนร้องเสียงหลง เบี่ยงตัวหลบพัลวันแต่ไม่พอ ผมเป่าลมเบาๆให้จุดอ่อนมันอีก มันไหลเป็นขี้ผึ้งเกาะแขนผมไว้ กลิ่นหอมกับจุดอ่อนไอ้มีนทำให้ผมมัวเมา อยากแต่อยู่ใกล้ อยากสัมผัสชิมเนื้อโดยลากลิ้นจากติ่งหูแล้วเม้มกัดเบาๆอย่างหยอกล้อ

   “เห้ยๆไอ้อาร์ทมึงทำไรไอ้มีน” ผมหัวเราะเริงร่า ดึงตัวออกมามองผลงานตัวเองอย่างพอใจ ไอ้มีนที่ระทวยอยู่ใกล้ๆกับสีหน้าที่แดงก่ำบ่งบอกได้ดีว่ามันเขินแค่ไหน

   “น่ารักว่ะ”

   ไอ้มีนไม่ตอบแต่ลุกขึ้นหวังจะฟาดผม ยกการ์ดขึ้นตั้งรับ ฉุดมันให้ล้มแล้วคลุกวงใน จัดการทั้งจี้เอว มันตะปปข่วนที่ช่วงไหล่ อาศัยจังหวะนี้สูดดมกลิ่นหอมพูดให้ได้ยินกันสองคน

   “ไอ้มีน วันนี้กูไปห้องมึงนะ”

   ผมดึงตัวเองขึ้นมาอีกรอบ ไอ้มีนมันค้างตาตั้ง ส่วนผมบอกว่าเราจะกลับกันแล้วเลยควักตังค์จ่ายไปก่อน เพื่อนๆถามว่าผมไม่สนใจสาวๆหรอ ไม่ว้อยยยยตอนนี้กูอยากฟัดไอ้มีนคนเดียว!!


   






   อยากฟัดเพื่อนตัวเองนี่ผิดป่ะวะ ไม่ผิดหรอกมั้ง เหมือนผมฟัดไอ้หมาที่บ้านผมก็เห็นว่ามันน่ารักดีเลยฟัด กับไอ้มีนก็เช่นกัน ผมพยายามไม่คิดอะไรหื่นๆกับเพื่อนตัวเอง แต่โอเค ตอนนี้ผมคิด ถ้ามันยอมก็ดีจัดการรวบหัวรวบหางซะเลย

   คิดเพลินๆไอ้มีนก็ขับรถมาจอดในคอนโดแล้ว เราไม่ได้เมากันมากออกจากร้านมาก็สร่างๆกันแล้ว ผมเดินขึ้นห้องตามไอ้มีนไป มันก็ถามนะว่าอารมณ์ไหนถึงอยากมาค้างห้องผม

   “สงสัยติดกลิ่นมึง”

   “ฮะ?”


   “จริง มึงตัวหอมอะ”

   “ประสาท” ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันชอบผมจริงๆหรือเปล่า ต้องถามให้แน่ใจซะแล้ว

   “จริงๆกูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย” มันชะงักไปนิด แต่ก็เสียบคีย์การ์ดเพื่อปลดล็อคห้อง ไอ้มีนอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมสุดหรูที่คุณหญิงแม่ซื้อให้ มีสิ่งของอำนวยความสดวกครบครัน อยู่ติดรถไฟฟ้า ห่างกับมหาวิทยาลัยนิดหน่อยแต่ก็สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สดวก คุณหญิงแม่ซื้อให้และคิดเผื่ออนาคตว่าถ้ามันยังทำงานในกรุงเทพ คอนโดมิเนียมแห่งนี้ก็เป็นที่พักต่อได้เลยไม่ต้องย้ายหรือเสียค่าหอแบบผม


   เข้ามาทีไรก็ตื่นเต้นตลอดครับ ห้องไอ้มีนสะอาดเป็นระเบียบ ตกแต่งสวยหรูเรียกอะไรไม่รู้แต่ข้าวของส่วนใหญ่เป็นไม้สีอ่อน ดูแล้วสะอาดเรียบง่ายสบายตา เหมือนไอ้มีน มันเดินเข้าโซนครัวเล็กๆไปกดน้ำดื่ม ผมพุ่งตัวเข้าไปที่ห้องนอน อยากดมมันอ่ะแม้ว่ากลิ่นตัวจะมีอยู่ทั่วห้องแล้วตรงที่นอนก็ชัดเจนที่สุด

   “เห้ย ยังไม่อาบน้ำไปนอนได้ไง” มันโวยวายเดินเข้ามาดึงผมให้ลุก แต่ได้ที่เหมาะแล้วต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ลุกไม่ขึ้นหรอกครับ มันโวยวายเล็กๆจนเหงื่อเริ่มออกผมก็หัวเราะคิกคัก พลิกตัวนอนหงายมองคนที่ยืนหน้าง้ำข้างเตียง พอยันตัวมานั่งดีๆสายตาผมก็อยู่ระดับแผ่นอกของไอ้มีน

   ไม่เอา ไม่หื่น ไม่ตื่นนะลูกรัก

   เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ ผมแม่งมีอารมณ์ว่ะ แต่อาจเป็นเพราะบรรยากาศและฤทธิ์เหล้าพาไป เวลาดื่มมากึ่มๆก็มักจะเป็นแบบนี้


   “ไอ้มีน”

   “หืมม์” มันก้มหน้ามามองผม ไอ้มีนมันหล่อ หล่อเปล่งประกายและส่งมากระแทกใจไอ้อาร์ทดังปั๊ก

   “อะไร เรียกแล้วเงียบ” มันทำหน้ายุ่ง ผมมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่เห็นว่าที่ชอบและอยากแกล้งที่สุดอยากแกล้งเรื่อยๆ แกล้งไม่มีเบื่อก็หน้าเขินนี่แหละ

   “เหวอ!” ไอ้มีนร้องเสียงหลงตอนผมรวบเอวมันมากอดแล้วพลิกตัวหมุนคร่อมมันไว้กลางเตียง ไอ้มีนขยับปากกำลังจะด่าแต่ผมไวกว่าฉีดยาชาให้มันระทวยด้วยการ..เป่าหู

   “อ๊าาา” มันร้องคราง โอ๊ยย ร้องแบบนี้บ่อยๆหัวใจกูจะวาย ผมทับมันไว้ครึ่งตัว ไอ้มีนข่วนแขนผมอีกแต่ไม่ได้จริงจัง

   “พะ..พอแล้ว” เสียงกระเส่าแบบนี้ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ อะไรๆก็ตุงดุนดันมากขึ้นๆ ไอ้มีนคงสังเกตและสัมผัสได้ มันตาเหลือกนอนแข็งเป็นหินทั้งที่ก่อนหน้านี้ดิ้นปัดเป็นแมลงวันโดนตบอยู่เลย

   
   “อะ..ไอ้อาร์ท”

   “ชู่วววว อย่าทำเสียงเซ็กซี่สิวะ”

   “ฮือออ” มันร้องไห้ หลับตาปี๋แต่ไม่ได้ดิ้นอะไร มันเขินครับ โอ๊ยยย เห็นแล้วอยากฟัด เลยก้มกัดแก้มมันไปที

   “อย่า” มึงห้ามได้อ้อยมากไอ้มีน

   “อย่าอะไร อย่าช้าเหรอ?” ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มันเองก็กัดปากแน่นแต่ตานี่ขวางไม่รับเป็นพันธมิตรเลย ผมหัวเราะเสียงแผ่วเลิกทับมันแล้วเปลี่ยนมาคร่อมเฉยๆแทน

   “ลุกออกไปเลยได้ป่ะ มันหนัก”

   “ไม่ คุยกันก่อน”

   “แล้วทำไมต้องคุยกันท่านี้”

   “ทำไม เขิน?”

   “หะ..จะ..จะเขินทำไมม!” มันพูดเสียงดังแล้วสบัดหน้าหนีอีก ครับ ไม่ได้เขินไอ้อาร์ทจะจำไว้

   “หึหึ ไม่เขินก็จ้องตากูดิ”

   “ไม่! ลุกๆ เล่นอะไรแปลกๆ”

   “แปลกๆอะไร”

   “เป็นอะไรเนี่ย เมาก็นอน ไม่อยากอาบน้ำก็ไม่ต้องอาบ”

   ไอ้มีนเฉไฉครับ มันพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง


   “มึงไม่อยากรู้หรอว่ากูอยากคุยอะไรกับมึงอะ”

   “ลีลาท่ามาก อยากคุยก็คุยสิ แต่เกริ่นมาสามชาติเศษคงไม่มีอะไรสำคัญหรอก” มันพูดยาวๆ ปากสวยเป็นกระจับเม้มแล้วคลายสลับไปมา มันคงประหม่า ผมมองท่าทางเก็บรายละเอียดไปเรื่อย สางเส้นผมที่ยาวปรกหน้าให้เป็นทรงดีๆไอ้มีนก็ยิ่งหายใจติดขัด ไม่มากก็น้อยมันต้องคิดอะไรกับผมบ้างแหละ ผมมั่นใจ!!


   “ก็ต้องบิ้วท์อารมณ์ เรื่องที่จะพูดมันสำคัญ”


   “…”


   “มึงคิดยังไงกับน้องเนย”

   มันทำท่าชะงัก เห็นสายตาเจ็บปวดเล็กๆก่อนจะหลบหนี

   “ไม่รู้ จะกลับไปหรอ จะกลับไปคุยใช่มั๊ย ที่โดนทิ้งมาไม่เข็ดหรอไง” มันพูดเสียงกระแทก

   “โง่”

   “อื้อๆ” ผมรับฟัง มันทุบไหล่ผมที มีตบหน้าผมเล็กๆด้วย

   “โง่”

   “อื้อ”

   “ไอ้โง่!” มันพูดใส่หน้าแต่ผมดันยิ้มรับ รอจนมันระบายออกมาหมด มันไม่ได้ร้องไห้หรอก แต่น้ำใสๆคลออยู่ ผมใจไม่ดีเลยไม่อยากแกล้งแล้ว ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำให้มันร้องไห้อีก

   “อื้อ กูโง่ เพราะถ้ากูฉลาดกูคงรู้มาตลอดว่ามึงอะชอบกู”

   “…” มันชะงัก เหลือกตามองผมเหมือนที่กูพูดไปเมื่อกี้คือรหัสมอสไว้ช่วยชีวิตมนุษยชาติ

   “อะไร ช็อค ทำหน้าช็อค”

   “ปะ..เปล่า ไม่ได้..ไม่ได้ชอบ” แก้ตัวกะตุกกะตัก ผมเผลอยิ้มทำเสียง “เหรอออ” ลากยาวให้มันเอียงคอหนี

   “ไม่ชอบก็จ้องตากูดิ เร็ว”

   “ไม่” มันหลบทุกทาง

   “อะไร ไม่ชอบกูจริงอะ แล้วจะหึงกูทำไม หวงกูทำไม ตามกูต้อยๆทำไม”

   “ไม่..” คงคิดหาคำตอบไม่ทัน “ไม่ได้ชอบ” สุดท้ายก็ยืนยัน เอาเถอะ ผมไม่เชื่อคำพูดไอ้ขี้เก็กนี้แต่เชื่อการกระทำว่ะ

   “ถึงกูจะโง่แต่ไม่ได้ขี้มโนนะเว้ย ไอ้มีน”
   
   “ฮื้อออ” ยกมือปิดหน้าไปแล้วครับ “ไม่พูดเรื่องนี้ พอเหอะ ชอบแล้วไง ไม่ชอบแล้วยังไง เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี”

   “เออๆ เปิดตาก่อน”

   “ไม่เอา อยากกลับไปคุยกับน้องเนยก็ไป”

   “ไอ้มีน มึงไม่ฟังกูเดี๋ยวกูปล้ำมึงเลยนะ”

   “หืออ!” มันรีบเอามือที่ปิดหน้าออกแล้วจ้องผมกลับ “อย่านะ นี่ลูกมีพ่อมีแม่นะ”

   “เออๆ ฟังกูสิ”

   “…” มันคว่ำปาก เลือกเงียบครับ อย่าหืออย่าอือ

   “จะบอกว่า...”

   “….” มันทำหน้าลุ้น ฮ่วย ผมไม่เคยบอกรักใครแล้วจะเขินแบบนี้มาก่อน มันเป็นเพื่อนที่ครั้งหนึ่งผมเคยหมั่นไส้ที่มันอวดรวย เพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยไม่ชอบเพราะผู้หญิงในห้องชอบมัน เพื่อนที่ผมเคยแกล้งมันสารพัด ด่ามันว่าตุ๊ด แกล้งจนมันร้องไห้ เพื่อนที่ผมรู้สึกผิดเมื่อเห็นน้ำตามัน เพื่อนที่พอโตมาเรากลายเป็นคู่ซี้กัน เพื่อนที่มันไม่ทอดทิ้งผมไปไหน เพื่อนที่ต่อให้ดี เลว จนมันก็ยังอยู่ข้างๆผม เพื่อนที่ผมรัก

   “กูรักมึงว่ะ”

   ไม่สวยหรูเลย แต่มันเป็นฟีลลิ่งน่ะครับ เข้าใจไหม?

   ไอ้มีนมันไม่ตอบอะไร เหมือนจะนิ่งไปจนผมหวั่นๆ เห้ย คือมึงไม่คิดเหมือนกูหรอ ทำไมนิ่งไปแบบนี้


   “ไอ้มีน”

   ผมลองเรียก มันกรอกตากลมๆมาสบผม เห็นแววสั่นระริกในดวงตานั่นเล็กน้อยก่อนจะเบะปากออกเหมือนจะร้องไห้

   “ร้องไห้ไรวะ?”

   “เปล่าร้อง” ยังมีหน้ามาโกหก หลักฐานคาตาขนาดนี้

   “อะไร เป็นคนปากไม่ตรงกับใจหรอ”

   “ไม่ใช่”

   “ไม่ชอบกูหรอ?”

   “เออ ไม่ได้ชอบ”

   “ไม่ชอบจริงดิ”

   “จริงๆ”

   “งั้นก็ไม่รักกูด้วย”

   “ไม่มากๆ”

   “ไม่รักเลยที่สุด”

   “ไม่..รักเลยที่สุด”


   END


AN ; มีพาร์ทของมีนด้วย อาร์ทมันบ้าๆบอๆ ปล่อยๆมันไป เอิ้กๆ
ขอบคุณแรงบันดาลใจจากเพลง ความจริง - room39 , เกษตรแฟร์ , ผู้ชายห้าคนนั้น , และชินจัง

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
น่ารักกกกกก อยากอ่านต่ออีกกกก

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มีนนี่สายซึนสินะ :hao3:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
รอพาร์ทมีนนนน

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
มีนน่าร้ากกกกกกก อยากอ่านพาร์ทมีนแล้ว ////

ออฟไลน์ yoghurtz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
SPECIAL.


ไม่เคยคิดเคยฝันว่าอาร์ทเองจะชอบผม...


   จริงๆนะครับ ยอมรับอยู่ว่าผมนั้นแอบรักเพื่อนสนิทอย่างอาร์ทมานานแล้วแต่ไม่เคยหวังให้มันเหลียวแลอะไรเลยจริงๆ เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอนุบาล ตอนนั้นจะเรียกว่าเพื่อนก็ไม่ได้เพราะผมไม่ถูกกับหมอนั้น คนอะไรขี้แกล้ง กวนประสาท แถมยังทำตัวน่ารังเกียจเอามากๆ คุณแม่สอนผมเสมอเรื่องการวางตัวและการคบหากับเพื่อน เพื่อนที่ดีย่อมนำเราไปในทางที่ดี

   ผมในตอนนั้นซึ่งเป็นเด็กห้าขวบเจออาร์ทที่ไม่ได้วางตัวแบบผม ผมจึงคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เราต่างคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน และที่น่าเจ็บใจต่อมาก็คือผมซึ่งเพียบพร้อมขนาดนี้ แต่กลับไม่มีเพื่อนเยอะเท่าอาร์ท

   ทุกๆวันคุณครูประจำชั้นจะส่งนักเรียนกลับบ้าน แม่ของอาร์ทจะมารอรับ ท่านเป็นแม่บ้านเลี้ยงอาร์ทด้วยตัวเองขณะที่ผมนั้นมีพี่เลี้ยงคอยดูแลตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน ส่วนคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานมีบ้างที่คุณแม่จะมาส่งผมด้วยตนเอง ลึกๆแล้วผมนั้นอิจฉาอาร์ทที่รอบตัวเขามีแต่คนเข้าหา ถึงจะมีนิสัยเสียชอบแกล้งแต่เขาก็เป็นคนมีน้ำใจตั้งแต่เด็ก ไม่เคยโกรธหรือทะเลาะกับเพื่อนจริงๆจังๆ แม้แต่กับผมที่เขาชอบแกล้งก็ตามเมื่อถึงกลางวันเขาก็จะชวนผมไปนั่งด้วยเสมอ


   “กินผักด้วยซิ แม่เราบอกดี ถ้าไม่กินจะอึไม่ออก” ผมเกลียดผักใบเขียวมากๆ งอแงทุกครั้งจนพี่เลี้ยงไม่กล้าขัดใจ แต่เจ้านั้น เจ้าคิ้วปลิงนั้นดันสั่งสอนผมโดยการกินผักเป็นตัวอย่าง พอผมไม่ทำก็ยังเขี่ยผักในจานตัวเองมาให้ผมแลกกับเนื้อที่มีอยู่น้อยนิด ผมโกรธอาร์ทปะสาเด็กแต่ไม่ได้รุนแรงนัก พอตอนเย็นเขาก็ขอเงินคุณแม่มาเลี้ยงไอศครีมผม

   บางวันที่ผมต้องอยู่เย็นเพื่อรอคุณแม่มารับ อาร์ทเองจะขอแม่มานั่งรอด้วย หรือบางครั้งคุณแม่ของอาร์ทก็รับผมไปนั่งเล่นที่บ้าน แต่หมอนั้นก็ยังหาเรื่องแกล้งผมอยู่เรื่อย!! เขามีหุ่นยนต์และตัวต่อมากมายแต่เขาไม่คิดจะแบ่งให้ผมเล่นแถมยังไล่ผมให้ไปเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวเขาที่อายุเพิ่งจะสามขวบ อาร์ทที่เดี๋ยวดีกับผม เดี๋ยวแกล้งผมทำให้ผมตามเขาไม่ทัน

   จนขึ้นประถม ที่ต่างจากเดินคงจะเป็นไม่มีนอนกลางวันหรือเจ้าบ้านั้นคอยแต่โชว์ช้างน้อยอีกแล้ว ประถมผมเริ่มเรียนพิเศษดนตรี ตกเย็นผมจึงไม่ได้อยู่เล่นกับอาร์ทเหมือนเพื่อนคนอื่น


   ผมรู้ว่าเราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เมื่อมีงานสถาปนาโรงเรียนครบรอบเจ็ดสิบปี คุณครูก็ให้นักเรียนทำการแสดงประจำห้อง อาร์ทแกล้งผมอีกแล้ว ให้ผมแต่งตัวชุดผู้หญิงเพื่อหวังให้เพื่อนๆล้อผมตามเขา ผมโกรธจริงๆแต่ไม่รู้จะตอบโต้ยังไง อาร์ทมีเพื่อนเยอะแยะไปหมด ที่สำคัญเขาไม่เห็นต้องอิจฉาผมสักนิด เพื่อนๆผู้หญิงน่ะชอบเขาทั้งนั้น ถึงจะขี้แกล้งแต่อาร์ทก็มีน้ำใจและยอมผู้หญิงเสมอ นั่นแหละใครๆเลยชอบเขาไปทั่ว


   แต่วันนั้นที่ผมร้องไห้จริงๆเป็นเพราะว่าคุณแม่ที่สัญญาว่าจะมาดูการแสดงของผมแต่กลับไม่มา ผมไม่ได้อยากแต่งตัวเป็นผู้หญิงแต่ว่าบทนี้มันเด่นที่สุด คุณแม่จะต้องภูมิใจแน่ๆที่เพื่อนๆยอมรับในตัวผม แต่แล้วคุณแม่ก็มีประชุมสำคัญโดยที่ผมได้แต่ชะเง้อรอ จนการแสดงจบลงไป อาร์ทที่เข้ามาล้อเลียนหน้าตาและการแต่งตัว ทุกคนที่หัวเราะเยาะตามกันไป ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไร ทุกคนรู้จักผมผ่านอาร์ทที่คอยแกล้งผม แต่ไม่มีใครอยากเล่นกับผมจริงจัง แม้ว่าผมจะคอยบอกคนพวกนั้นว่าผมมีดีอะไรบ้างแต่ก็กลายเป็นความหมั่นไส้ไปซะอย่างนั้น



   คนอย่างผมไม่มีใครต้องการเลยจริงๆ

   
   ผมร้องไห้ออกมาในที่สุด ผมทำตามที่คุณแม่บอกแล้วแต่เพื่อนๆก็เอาแต่ผลักไสผม อาร์ทก็เช่นกัน เขาเอาแต่แกล้งผม ล้อเลียนผม ผมร้องไห้จนเพื่อนๆทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วอาร์ทก็เดินเข้ามาแล้วกอดผมไว้


   “ขอโทษนะเว้ย อย่าร้องดิ ไม่งอแง โอ๋ๆ ไม่ล้อแล้ว” เขาคงแกล้งน้องสาวตัวเองแล้วปลอบมันด้วยวิธีนี้ ผมอยากจะโกรธและเกลียดอาร์ทแต่ตอนนั้นมันไม่มีความรู้สึกดังกล่าวเลย เพียงแค่เขาเอ่ยคำว่าขอโทษผมก็ไม่คิดอะไรอีก และสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือ อาร์ทเป็นคนจริงใจและคำไหนคำนั้น หลังจากเขาสารภาพผิดก็ไถ่โทษโดยการอยู่เล่นกับผม แต่จิตใจผมมันไม่ปกติ ยังน้อยใจคุณแม่และเพื่อนๆคนอื่นอยู่ กระทั่งอาร์ทยื่นข้อเสนอแปลกๆมาให้ แต่สิ่งที่ผมสนใจและเต็มใจรับมันไว้ก็เพราะอาร์ทบอกว่าจะไม่ทิ้งผม


   ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ล้อเลียนผมว่าเหมือนตุ๊ดอีกเลย แต่เรื่องที่ผมเป็นตุ๊ดเพื่อนคนอื่นก็ยังล้อเลียนอยู่ แปลกตรงที่อาร์ทหาเรื่องคนพวกนั้นแทนผม เขาไม่ใช่อันธพาลหรือชอบต่อยตี อาร์ทไม่ใช่คนหัวรุนแรงด้วย เขามีนิสัยรักเพื่อนและรักสนุกฉะนั้นคำพูดของอาร์ทจึงเหมือนเย้าแหย่มากกว่าชวนตี



   ขึ้นมัธยมผมก็ติดเขาเป็นตังเม เราเรียนโรงเรียนสหทั้งๆที่คุณแม่อยากให้ผมเรียนชายล้วนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ว่าอาร์ทบอกว่าจะเข้าที่นี้ เป็นครั้งแรกที่ผมไม่เชื่อฟังคุณแม่ ผมรู้สึกผิดมากแต่ก็ยืนยันในคำตอบ ผมยังมีพี่เลี้ยงและรถรับ-ส่ง ส่วนอาร์ทนั้นพ่อแม่เขาค่อนข้างให้อิสระ ถึงจะเกเรบ้างแต่ก็ไม่นอกลู่นอกทาง ผมรู้ว่าอาร์ทนั้นมีเพื่อนมาก และใครๆก็อยากเป็นเพื่อนอาร์ท แต่เขาน่ะเป็นเพื่อนคนเดียวของผม


   ผมคิดอะไรไม่ออก แต่พยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้อาร์ท ผมสอบได้ที่หนึ่งฉะนั้นจึงขอคุณแม่ซื้อเกมส์เพลย์สเตชั่นและเอาไปเล่นที่บ้านอาร์ทแทนที่จะมานั่งเล่นบ้านผม เคยบอกหรือเปล่าครับว่าอาร์ทนั้นรักครอบครัวมาก และผมก็ไม่แปลกใจที่อา์ทจะรักครอบครัวหรือมีจิตใจเอื้อเฟื่อต่อคนอื่น แม้วิธีแสดงออกของเขาจะเหมือนพวกกวนประสาทก็ตาม


   ผมชอบบรรยากาศในบ้านของอาร์ท ไม่เคยเงียบเหงา อาร์ทบอกว่าแม่ตัวเองขี้บ่น ยิ่งอายุมากยิ่งขี้บ่น เข้าสู่สภาวะวัยทอง แต่ผมว่ามันดีกว่าในบ้านที่ไม่มีเสียงอะไรเลยแบบบ้านผม ผมเหงาทุกครั้งที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีพ่อแม่หรือพี่น้องแบบอาร์ท คนที่อยู่กับผมคือคนสวน แม่ครัว และพี่เลี้ยง ฉะนั้นผมเลยหนีเอาเกมส์มาเล่นที่บ้านอาร์ท อยู่ในห้องส่วนตัวที่เขาแปะโปสเตอร์ทีมฟุตบอลสุดโปรด และนักร้องที่อาร์ทชื่นชม


   แต่หมอนี่มันนิสัยแก่แดดแต่เด็ก ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนังสือผู้ใหญ่ที่มีรูปผู้หญิงกับหน้าอกโตๆนี่คืออะไรแต่อาร์ทนั่นมีในครอบครอง มันทำให้ใบหน้าผมเห่อร้อนและเริ่มรู้สึกแปลกๆ นานแล้วที่อาร์ทไม่ได้ล้อเลียนผมด้วยสายตาแบบนั้น เขาถามถึงความลับที่ผมไม่เคยบอกใคร แต่เพราะผมไว้ใจจึงเลือกบอกเขาอย่างไม่คิดปิดบัง


   เมื่อโตขึ้นจนถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมรู้ดีว่ามีคนเริ่มพูดแปลกๆในความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาร์ท แต่ที่ทุกคนไม่พูดให้อาร์ทได้ยินนั่นก็เพราะเกรงกลัวเจ้าหมอนี่ ผมบอกแล้วว่าอาร์ทไม่ใช่อันธพาลแต่เขาก็เป็นพวกไม่ก้มหัวให้ใคร แม้ไม่ทำอะไรใครก่อนไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่เป็น ส่วนผมนั้นประพฤติตัวดีเพื่อคุณแม่และครอบครัวมาตลอด


   อีกทั้งคุณแม่ยังไว้ใจอาร์ท เมื่อผมบอกไปไหนมาไหนกับอาร์ทคุณแม่จึงไม่เคยห้ามปราม ผมเดินตามอาร์ทต้อยๆเหมือนลูกเป็ด เพราะผมมีแค่อาร์ท และนั้นก็เพียงพอแล้ว


   “เป็นอะไรไอ้มีน” เขาถามผม ในวันหนึ่งขณะผมนั่งรอเขา เราเรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ซึ่งอาร์ทมักจะทำหน้าเซ็งใส่ผมเสมอเวลามาเรียน แต่พอผมบอกว่ามีผู้หญิงน่ารักเยอะมันก็ไม่อิดออดที่จะลงเรียนเป็นเพื่อนผม ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกแปลกๆ เวลาเห็นอาร์ทไปไหนมาไหนกับใครที่ไม่ใช่ผม ยิ่งพอหมอนั่นมีแฟนผมก็ถูกลดความสำคัญกลายเป็นเพื่อนธรรมดาที่ถ้ามีเวลาก็ได้เจอกัน

   ผมไม่รู้ว่านี่คือข้อดีหรือข้อเสียของอาร์ท เขาเป็นคนคิดน้อย มีอะไรก็พูดเลยและผู้หญิงที่หมอนั่นคบด้วยมักเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อย เอาแต่ใจ อาร์ทก็เอาใจคนเป็นและมันก็โมโหง่าย ขี้หงุดหงิด เจอผู้หญิงพูดไม่รู้เรื่องมันก็อารมณ์เสียนำพามาซึ่งการทะเลาะจนเลิกรากันไป แต่บางคนผมก็ช่วยเหลือด้วยการบอกให้ตัดใจหรือบอกให้พวกเธอเลิกกับอาร์ทซะก่อนที่จะเสียใจไปมากกว่านี้

   ผมยอมรับว่าหวงเพื่อน เพราะเมื่อมีพวกเธออาร์ทก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจผมแต่เอาเวลาไปดูแลใส่ใจพวกเธอแทน


   “ถามไม่ตอบ ไอ้มีน” ผมเอียงหน้ามามองอาร์ท เขาอยู่ในชุดลำลองสบายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ หัวสั้นเรียบเกรียน คิ้วเข้มเป็นชินจัง


   “เปล่า”


   ผมตอบเสียงเนือย ภาวะอารมณ์ผมไม่คงที่ ผมรู้สึกเบื่อหน่าย ผมต้องเรียนพิเศษทุกเย็นวันธรรมดา วันเสาร์อาทิตย์ก็ยังต้องมานั่งเรียน เพื่อรักษาเกรดและสอบแข่งขัน ผมอยากไปเที่ยว อยากเดินสยามดูหนังกับเพื่อนฝูง มีเวลาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะหรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การนั่งฟังเทปบันทึกที่ถูกอัดและเปิดวนเวียนเป็นรอบๆ ผมเบื่อหน่าย แต่โดดไม่ได้ เพราะมีลุงมาศคอยขับรถรับส่งเป็นเวลา ผมไม่ต้องขึ้นรถไฟฟ้าเอง ไม่ต้องโหนรถเมล์ไปไหน แต่ไม่มีเส้นทางอื่นนอกจากบ้าน โรงเรียน สถาบันกวดวิชา


   “เปล่าของมึงมันตอแหล” อาร์ทว่า ดึงน้ำปั่นของผมไปดูด

   “สายแล้วนะเว้ย ไม่เข้าเรียนหรอ” ผมส่ายหน้า ไม่มีอารมณ์เรียน

   “เห้ยๆ เป็นไร”  แม้ว่าอาร์ทจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแต่เขามักจะเป็นคนแรกๆเสมอที่รู้ว่าผมไม่โอเค

   วันนั้นเขาชวนผมโดดเรียนพิเศษที่มีตารางอัดแน่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจรดสองทุ่ม อาร์ทพาผมมาเดินเล่นที่สยาม ซื้อตั๋วดูหนังก่อนจะถามโปรแกรมที่ผมอยากทำ จริงๆแล้วผมไม่มีแต่แค่ได้อยู่กับเขาผมก็รู้สึกดีแล้ว ที่ข้างๆผมไม่ว่างเปล่าในวันที่ผมรู้สึกโดดเดี่ยว อาร์ทยืนยิ้มยักคิ้วอยู่ตรงนั้น ความห่วงใยที่เขาไม่ได้แสดงออกด้วยคำพูดหวานเลี่ยนหรือการกระทำอ่อนหวาน แต่เขาทำมันมาเสมอ

   ตกบ่ายวันเดียวกันผมก็ได้ไปเดินตลาดนัดจตุจักร ผมไม่เคยสนใจการเดินตลาดที่ร้อนอบอ้าวแบบนี้ แต่ว่ามันสนุกมากครับ เป็นวันที่เหมือนเติมพลังให้กับตัวเอง เรียกความสดใสและความรู้สึกกระปรี่กระเปร่ากลับมา ได้กินเฉาก๊วยนมสดครั้งแรก อาร์ทส่ายหน้าใหญ่ที่ผมมันล้าสมัยขนาดนี้ จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่สวน คนเยอะมากจริงๆแต่ไม่ค่อยมีใครถีบเรือเป็ด ผมอยากลองถีบเพราะจริงๆแล้วผมขี่จักรยานไม่เป็น อาร์ทก็ตามใจ เราลงไปถีบเรือเป็ดคนละลำ แต่มันเคียงกันไปในแม่น้ำ ผมห้ามปรามไม่ให้เพื่อนเล่นอะไรแผลงๆเช่นการถีบเรือเป็ดมาชน ถึงผมจะรวยแต่ก็ไม่คิดจะเสียเงินกับเรื่องแบบนี้หรอกนะครับ เมื่อขึ้นจากเรือเป็ดฟ้าก็เริ่มมืด ผมเห็นว่าเวลาของเรามันน้อยลงทุกที อยู่ๆก็ไม่อยากแยกจาก


   เราต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปที่ตึกเรียนอีกครั้ง เพราะลุงมาศรอรับผมอยู่ที่นั้น อาร์ทไม่ถามอะไรกระทั่งเรานั่งลงตรงหน้าตึกซึ่งมีขอบของหินอ่อนวางยาวๆ


   “สรุปเป็นอะไร” ผมเม้มปาก พยายามจะส่ายหน้าแต่อาร์ทไวกว่า เขาดึงผมเข้าไปกอด ตบไหล่และพูดว่าไม่เป็นไรซ้ำไปซ้ำมา คืนนั้นผมกลับถึงบ้านด้วยสมองที่ว่างเปล่า อาร์ททิ้งไว้แต่ความรู้สึกอบอุ่นยามที่เราสวมกอดและเขาที่เอื้อมมือมาลูบหัวผมแทนคำพูดปลอบโยน

   เมื่อขึ้นมหาวิทยาลัยคุณแม่จัดการเรื่องคณะและที่เรียนให้ผม แย่ชะมัดที่พอถามอาร์ทหมอนั้นกลับบอกว่าการเรียนตัวเองไม่ได้ดีเด่นขนาดที่จะเข้ามหา’ลัยชั้นนำหรือคณะยอดฮิตได้ ผมแน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ได้เรียนคณะเดียวกันแน่ๆแต่ก็ไม่อยากเรียนกันห่างไกลคนละมหาวิทยาลัย แอบคิดเล็กๆว่าถ้าได้อยู่หอผมก็คงจะขออยู่กับอาร์ทได้

   ผมเรียนเศรษฐศาสตร์อินเตอร์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับอาร์ท หมอนั้นเรียนคณะอุตสาหกรรมเกษตรหรือฟู้ดไซน์ ที่มหาวิทยาลัยเรามีชื่อด้านนี้อยู่พอสมควร สังคมมหา’ลัยแตกต่างจากที่คิดไว้เยอะทีเดียว หนึ่งเรื่องที่ต้องเรียนรู้ก็คือเพื่อน อาร์ทบอกว่าผมต้องเปิดใจรับเพื่อนใหม่ๆบ้าง ตอนนั้นเหมือนอาร์ทจะไล่ผมให้ไปจากเขา ความรู้สึกน้อยใจที่ไม่ควรจะมีก็แทรกซึมเข้ามา


   ตำแหน่งเดือนคณะทำให้พี่ๆและเพื่อนๆต่างอยากรู้จักผม อย่างน้อยก็ขอถ่ายรูปลงโซเชียลและติดแท็คว่าเราสนิทกันจนได้ร่วมงาน หรือเจอกันอะไรเทือกนั้น แต่กระแสก็มีได้ไม่นานผ่านไปวันแล้ววันเล่าผมก็ได้เรียนรู้ว่าเพื่อนใหม่ไม่มีใครจริงใจกับผมเลย ทุกคนล้วนมองหาผลประโยชน์จากกันและกัน คุณแม่บอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครที่มอบความจริงใจให้เราร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่ก็แสวงหาผลประโยชน์ทั้งนั้น ในวงการธุรกิจก็เช่นกัน

   ผมไม่ลังเลใจที่จะขอให้คุณแม่ซื้อคอนโดที่ติดรถไฟฟ้าและเพิ่งสร้างใหม่แถวอารีย์ แต่เมื่อชักชวนให้อาร์ทมาอยู่ด้วยกันเขากลับปฏิเสธและอยู่หอพักรอบนอกของมหาวิทยาลัยแทน และต่อมาผมจึงรู้เหตุผล

   ช่วงปีหนึ่งเขาอิสระติดเพื่อนใหม่มาก ผมกลับมานอนคอนโดที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวพร้อมกับความเหงา ผมรู้สึกกดดันมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ผมดื่มเหล้าเป็นเพื่อเข้างานสังคมแต่ก็ไม่คบกับใครสุ่มสี่สุ่มห้า ปีหนึ่งของผมผ่านไปด้วยการเรียนรู้และปรับตัวใหม่ ผมแข็งแกร่งขึ้นและดูเย็นชาในสายตาคนอื่น ตอนนั้นสิ่งที่คิดคืออาร์ทคงลืมเพื่อนอย่างผมแล้ว


   ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจหายไปในวันต่อมาที่อาร์ทเข้ามาเยี่ยมห้อง ก่อนเปิดเทอมผมตั้งใจเลือกเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งห้องในแบบที่ตัวเองชอบ อาร์ทผิวปากวืดๆเดินดูเข้าออกราวกับเป็นห้องของตัวเอง เขาแขวะผมเรื่องความสะดวกสบายแต่ไม่ได้คิดจริงจัง คืนนั้นอาร์ทนอนด้วยกันเพราะผมขอร้องและอ้างเหตุผลว่ากลัวผี มันงี่เง่ามากๆแต่ผมคิดข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไม่ได้ กลัวว่าถ้าเขาออกจากห้องผมไปเขาจะไปหาคนอื่น เขาจะลืมผมที่นอนคนเดียวในห้องนี้


   ความรู้สึกที่ผมมีต่อเพื่อนสนิทนั้นแปลกจนผมเริ่มกลัวใจตัวเอง มันขัดแย้งกันอยู่ลึกๆทั้งเรื่องที่อยากทำและสิ่งที่ไม่สมควรรู้สึก ผมไม่ชอบเลยที่เขาคบใครต่อใครอย่างเปิดเผยในฐานะคนรัก มันรุนแรงกว่าสมับมัธยมเสียอีก เพราะสังคมเด็กมหา’ลัยนั่นรู้ตื่นกว่ามาก ในห้องพักที่อยู่กันสองต่อสองผมต้องรู้สึกเจ็บแสบและร้อนรนอย่างหาทางออกไม่ได้ เกือบสองปีที่ผมเอาใจออกห่างแต่นั่นก็ยากเหลือเกินเพราะความใกล้ชิดที่อาร์ทยังมีให้สม่ำเสมอ ต่อให้เขาคบกับผู้หญิงหรือจีบใครอีกมากมายแต่เมื่อผมมีปัญหาเขาจะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาและถามไถ่ผม


   ฉะนั้นผมจึงตัดสินใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะอยู่ข้างๆเขาไม่ไปไหน เพียงเพื่อรักษาให้เขาไม่ทิ้งผมเช่นกัน ผมซ่อนความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นนี้มาโดยตลอด เป็นเพื่อนที่ดีสำหรับอาร์ท ใครต่อใครจะมองอย่างไรผมไม่นึกสน ผมเติบโตในกรอบที่คับแคบมาเนิ่นนานจนทำให้หายใจไม่ออก แต่คนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดโปร่งและเป็นตัวเองคืออาร์ท เขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ดีที่สุด จุดด่างพร้อยเหล่านั้นผมไม่ใส่ใจ เรามีเพียงความรู้สึกของวันวานที่นับวันจะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น อาร์ทถูกยกระดับให้อยู่ในฐานะเพื่อนคนพิเศษของผมอย่างที่ไม่มีใครรู้

   ผมคิดว่านั่นคงเป็นความสุขแบบที่ใครๆคิดไว้ ไม่คาดหวัง ... แต่วันที่อาร์ทต้องเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงที่ชื่อเนยก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนรน ลุกเป็นไฟอีกรอบ เธอเข้ามาตอกย้ำว่าผมนั้นพ่ายแพ้และความรู้สึกไม่มีวันมีค่าขึ้นมาต่อให้เจตนาบริสุทธิ์แค่ไหน เธออยู่ในที่ของเธอและอาร์ทก็รักเธอหมดใจ เขาบอกกับผมว่าจริงจังกับเนยมากแค่ไหน ใช่สิ เนยเป็นผู้หญิงในแบบที่อาร์ทตามหามาตลอด


   ใจหนึ่งผมรู้สึกยินดีที่เขาไม่ได้คบกัน แต่อีกใจมันก็เจ็บปวดที่เห็นคนที่เรารักร้องไห้เพราะคนอื่น แต่ผมมีสิทธิ์เท่านี้ ปลอบใจเขาได้เท่านี้ ผมรู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน รักคนที่ไม่สมควรรักอย่างไรก็ต้องตัดใจ

   ผมบอกอาร์ทแบบนั้นเพื่อย้ำกับตัวเอง ต่อมาจึงพยายามตัดใจจากอาร์ทเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน ผมเลิกหวังไปนานแล้วเรื่องที่อาร์ทจะหันกลับมาสนใจ เพียงแต่ทุกวันนี้ผมและเขามีความสุข อาจมีเผลอไปบ้างผมที่คอยตำหนิ ติเตียน เขานั้นเหมือนนกที่อยู่บนท้องฟ้าอิสระ ขณะที่ผมเป็นนกที่ถูกชุบเลี้ยงแต่ขังไว้ในกรง แปลกที่ผมไม่เคยอิจฉาอาร์ทเลย เพราะอาร์ทมักจะช่วยเหลือและพาผมไปท่องโลกของเขาด้วยกัน และที่ผมคอยเตือนไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนอาร์ท ผมบอกแล้วไงว่าผมรับได้ แต่ผมแค่เป็นห่วง มีบ้างที่อาร์ทฟังแต่เลือกที่จะไม่ฟังเสียส่วนใหญ่


   แต่นั่นไม่เป็นไร ขอแค่เขาไม่รำคาญที่ผมอยู่ใกล้ๆก็พอ


   ผมนั่งฟังเพลงรักล้นใจวนอยู่เป็นรอบที่ยี่สิบ อินไปกับเนื้อหาของเพลงแต่แล้วก็มีคนมาสกัดความสุขผมด้วยการกดหยุดเพลง


   “มึงฟังเป็นอยู่เพลงเดียวหรอ? ฟังเพลงอื่นบ้าง” อาร์ทบอกก่อนจะเปิดเพลงใหม่เป็นเพลงรักหวานๆแทน ผมมองหน้าคนที่ทำให้ผมอินกับเนื้อหาเพลง ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะมีวันนี้ วันที่เขาบอกว่ารักผมและเราก็เลื่อนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็น...แฟน


   ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยจริงๆ เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องอยู่ในสถานะนี้กับใครผมเลยทำตัวไม่ถูก มันเขินๆนะครับที่จู่ๆคนที่เรารู้จักเขาดีที่สุดก็เป็นคนที่รู้จักตัวเราดีที่สุดเช่นกัน ตอนนี้มันดี ความรู้สึกมันดีมากๆ ทุกอย่างไม่ได้เป็นสีชมพูอะไรหรอกครับ เพียงแต่มันอุ่นๆเหมือนเรามองตาก็รู้ใจอะไรแบบนี้



*ต่อด้านล่าง*

ออฟไลน์ yoghurtz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
*ต่อ*

เหรอครับ...


   คิดว่าอาร์ทจะเป็นแบบนั้นเหรอครับ ถ้างั้นลองย้อนไปอ่านที่เขาปิดเพลงผมนะ จะรู้ว่าอาร์ทยังโง่เหมือนเดิม ไอ้เรื่องที่เขาใส่ใจมากขึ้นมันก็ดีครับแต่ไอ้มองตารู้ใจนั้นไม่มีหรอก เขาขอผมหนึ่งอย่าง

   “มีอะไรให้พูด ไม่ชอบให้บอก ถ้าชอบให้ร้องคราง”


   ผมชอบคนหื่นแบบอาร์ทไปได้อย่างไรครับ อยากจะร้องไห้


   หลังจากปิดเพลงรักล้นใจของผม อาร์ทก็เปิดเพลง มันเป็นใคร ของ POLYCAT พร้อมกับร้องท่อน ‘alright’ ซ้ำๆไปมา ตอนแรกผมไม่ได้สังเกตท่อนนี้เลยกระทั่งอาร์ทเอามาร้อง แถมยังกระดกลิ้นใส่สำเนียงซะเต็มที่


   “หิวแล้วๆๆ คิดดีกว่า วันนี้กินไรดี” อาร์ทเอนตัว คลอเคลียกับหูผมให้ต้องเบี่ยงหนีก่อนจะล้มตัวลงนอนที่ตัก อ้อนเป็นลูกแมวเหมียวเลย

   “อยากกินมาม่าเกาหลีอะ”

   “ไอ้ร้านนั้นอะนะ” เขาทำเสียงเนือย ไม่ได้จะร้องขัดแต่ถามเหตุผล “มันอร่อยตรงไหนวะ?”

   “แล้วไม่อร่อยหรอ?” อาร์ทเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายครับ ส่วนมากจะตามใจผมที่คอยเลือกร้านแต่เขาบอกว่าร้านมาม่าเกาหลีที่ผมชอบราคามันเกินลิมิตไปหน่อยทั้งทีวัตถุดิบก็แค่มาม่า

   “เอางี้ กูทำให้มะ” ผมเหล่ตามอง อย่าหัวเราะไปครับ อาร์ททำกับข้าวเก่ง ไม่ได้ขั้นเทพแต่กินได้และอร่อยเลยแหละ ตั้งแต่เรียนฟู้ดไซน์เจ้าตัวก็จับเครื่องมือเครื่องไม้ในครัวคล่องแคล่วครับ แต่อย่าเข้าใจผิดคิดว่าคณะอาร์ทจบแล้วทำอาหารเป็นนะครับ มันแค่มีวิชาฟู้ดๆอะไรแบบนี้เฉยๆ

   “ทำได้จริงเร้ออ”

   “แหน่ะ เดี๋ยวนี้มีล้อเลียน” เขาเอื้อมมือมาหยิกแก้ม หยิกไม่จริงจังแต่ก็มือผู้ชายอะครับ แอบเจ็บเล็กๆ สุดท้ายผมก็ตามใจเขาอีกจนได้ เขาว่าจะทำอาหารให้ผมกินนี่หน่า แบบนี้แฮปปี้สุดๆไปเลย


   เราลงมาหาของและวัตถุดิบแทนที่จะขับรถไปห้าง วันนี้วันเสาร์คนเดินห้างคงเยอะน่าดู อาร์ทบอกว่าจะสอนผมขี่จักรยาน มันแปลกตรงไหนครับก็ตั้งแต่เด็กผมก็ไปไหนมาไหนโดยคนขับรถอยู่แล้ว เราเดินเตาะแตะออกจากคอนโดข้ามสะพานลอยมาซื้อของที่วิลล่า เป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกอิ่มเอมอยู่ในอก เราช่วยกันเลือกของ จากที่ตั้งใจซื้อแค่วัตถุดิบมื้อเย็นนี่ก็ลามไปถึงขนมแห้งหลายๆชนิด


   “เห้ย แค่ไอติมวอลก็ได้ป่ะ ทำไมต้องฮาเก้นดาร์ซ”

   “เอ๊ะ ตังค์ใครล่ะ จะจ่ายเหรอ” อาร์ทขมวดคิ้ว ผมน่ะตั้งใจซื้อของเองอยู่แล้วแต่อาร์ทพ่นลมใส่

   “จะให้กูเกาะมึงกินหรอ ไม่เอา”

   “งั้นก็ครึ่งๆ”

   “โอเค งั้นเอาไอ้นี้เก็บเลย มันแพง”

   “เอ๊ะ อยากกินอะ” เขาดึงตะกร้าเอาฮาเก้นดาร์ซรสโปรดของผมออก ไม่นะครับ ผมอยากกินคืนนี้

   “กระป๋องเท่าจิ๋มมดปาไปเป็นร้อย”
   
   “อาร์ท”

   “อย่ามาอ้อน”

   *ปริบๆ*

   “ว้อยยยย ไอติมคณะกูก็อร่อย รสคุกกี้แอนด์ครีมที่มึงชอบอะ เดี๋ยวซื้อให้”

   “มีนซื้อเองก็ได้ อยากกินคืนนี้หลังมาม่าอะ” เขาทำท่าลังเล เขกมือบนหัวผม เจ็บนะครับ เบ้ปากให้รู้แต่สุดท้ายฮาเก้นดาร์ซรสโปรดก็ลงไปอยู่ในตะกร้า เราจ่ายตังค์กันเสร็จก็เดินขึ้นห้อง แวะซื้อชานมด้วย

   “มึงนี่กินแต่อะไรหวานๆ”

   “ความหวาน~ในใจฉันนั่นมันต่ำไป~” ได้โอกาสก็ฮัมเพลงเบาๆ อาร์ทหัวเราะอารมณ์ดี ยื่นมือมาขยี้หัวผมลามไปเกาะไหล่แล้วดึงเข้าไปชิด

   “ถามไรหน่อยดิ” ระหว่างทางเดินเงียบๆโดยมีฉากรถติดเป็นพื้นหลังผมก็นึกสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมา

   “อะไร ยากๆไม่ตอบนะโว้ย กูโง่”

   “รู้แล้วน่า” อาร์ทชี้หน้าผมและเงียบรอฟังคำถาม

   “ตอนคบกับคนอื่นเคยทำอะไรแบบนี้ป่ะ”

   “แบบนี้นี่แบบไหน”

   “ก็แบบ ทำอาหาร ไปไหนมาไหนแล้วกอดคอ”

   “ผู้หญิงที่ไหนเขาชอบกอดคอ แบบนั้นก็รุนแรงไป”

   “แล้วทำยังไงอะ”

   “ถามไปเพื่อ?” อาร์ทส่ายหน้า ผมรู้ว่าเขาไม่ได้รำคาญที่ผมถามหรอกแต่เห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องรู้

   “อยากรู้”

   “มึงอะพิเศษสุดแล้ว ผู้หญิงก็ต้องใหเกียรติ ที่สาธารณะจะมาโอบไหล่โอบเอวมันน่าเกลียดไป จับมือก็พอ”

   “ไม่อยากจะเชื่อ” จริงๆนะครับ “ขี้หื่นขนาดนี้”

   “เออ แต่ถ้าเป็นในห้องอะ...หึหึ” รู้หรือยังล่ะว่ามันขี้หื่นขนาดไหน ผมสบัดหน้าหนี เอาเถอะใช่ว่าผมไม่รู้ แต่นั่นมันอดีต ปวดแปลบหน่อยๆแต่ไม่ได้เอามาเป็นปัญหา อาร์ทไม่ใช่คนเจ้าชู้(เหรอ) อย่างน้อยก็คบและคุยทีละคน ไม่มีกั๊กหรือให้ความหวังใครแน่นอน อันนี้ผมมั่นใจ

   “จริงๆก็เดือนกว่าแล้วนะที่เราเป็นแฟนกัน”

   “อื้อ”

   “เมื่อไรกูจะได้เอามึงอะ” ผมหันขวับ รัวมือใส่ไอ้คนหน้าไม่อาย ผมเครียดครับ เลือกได้ก็ไม่อยากได้คนขี้หื่นแบบอาร์ทเลย แต่รักไปแล้ว

   “เห้ยพอ เจ็บๆ”
   
   “หยุดพูดไปเลย”

   “โอ๋ๆ”

   “…” ผมคว่ำปาก รีบเดินเอาของไปวางในห้องครัว อาร์ทตามมาวางด้วย สวมกอดผมจากด้านหลัง เขาชอบเหลือเกินที่จะคลอเคลียบริเวณกกหูผม ก็มันจุดอ่อนผมนี่ครับ!! แค่โดนสัมผัสนิดๆหน่อยๆก็ระทวย อันที่จริงอาร์ทและผมก็มีโอกาสที่เราจะเกินเลยกันไปได้หลายครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้เลยคือเขาไม่ใช่พวกฉวยโอกาส ถึงสายตาจะจ้องกินผมก็เถอะนะแต่เขาก็ไม่เคยล้ำเส้นเข้ามาให้อารมณ์ของเราเลยเถิด เหมือนกับว่าเขารอให้ผมพร้อม

   “นี่ มีไรจะบอก” เขากอดผมไว้ ตบเบาๆเหมือนคุณแม่กล่อมลูกอ่อน ผมหันหน้าไปมอง เขาจูบเร็วๆที่ริมฝีปากก่อนจะวางคางไว้ที่ไหล่

   “กูเคยมีอะไรกับผู้หญิงใช่ป่ะ แต่ไม่ใช่กับทุกคนที่คบหรอก ถึงจะขี้เอาแต่ไม่ใช่เอาไม่เลือก กูอยากให้มึงมั่นใจนะว่ากูคบกับใครไม่ใช่เพราะเซ็กส์” เขาพูดช้าๆ ชัดเจนทุกถ้อยคำบอกเล่า คลายแขนก่อนจะหมุนตัวผมกลับไป ผมไม่รู้ว่ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน อาจจะเป็นกังวล

   “บอกทีซิ ตอนนี้คิดอะไรอยู่” ฝ่ามือทั้งสองข้างของอาร์ทยกขึ้นประคองที่ใบหน้า มีเพียงสายตาของผมเท่านั้นที่กรอกหนีเขาได้ แต่ทำได้ไม่นานผมก็ประสานกับดวงตาคู่เข้มที่ทอดมองอยู่ก่อน เขาแนบจูบลงมาที่ริมฝีปาก แผ่วเบาแต่เหมือนหัวใจผมมันติดปีกและลอยหายไปพร้อมกับรอยยิ้มเขา โดนขโมยอีกแล้ว ผมตั้งรับไม่ทันกับท่าทางอ่อนหวานของเขา ฉะนั้นใจผมมันจึงสั่นคล้ายจะระเบิดอยู่ในอก


   “หืมม์ คิดอะไรเอ่ย?” เขาถามคำถามที่ผมแปลไม่ออก ในหัวมันไม่มีอะไรหลงเหลือ เหมือนถูกเทราดด้วยสีขาวจาง เขาจูบอีกรอบ คราวนี้บดคลึงริมฝีปากหนักมากกว่าเก่า ปลายลิ้นนั้นแยกกลีบปากผมให้เผยอออกจากกัน เขางับลงที่ริมฝีปากล่าง ขบเม้มสลับกับการเลียจนย้ายไปทำที่ริมฝีปากบน

   “บวมเจ่อ” เขาดีดปากผมเบาๆ “เอ๋อแดกไปแล้ว” ผมไม่กล้าเม้มริมฝีปากอีกเพราะอย่างที่เขาบอกตอนนี้มันบวมเจ่อไปหมด


   “กำลังไม่ไว้ใจ หรือไม่เชื่อใจอยู่งั้นเหรอ?” เขาถามหยั่งเชิง โดยปกติแล้วอาร์ทจะหงุดหงิดทุกครั้งที่เขาถามแต่ไม่ได้รับคำตอบ

   “ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ” ผมบอก “มันก็แค่อยากรู้”
   
   “อื้อ แล้วไงต่อ”

   “ไม่รู้สิ ตอนนี้ไม่อยากรู้แล้ว”

   “เห้ย ไรวะ”

   “จริงๆนี่นา จู่ๆก็แค่คิดว่า อาร์ทคงจะทำแบบนี้กับแฟนทุกคน”

   “น้อยใจ?”

   “เปล่าๆ”

   “ไอ้มีน”

   “งื่อออ เมื่อกี้ยังหวานอยู่เลย”

   “ชอบแบบนั้นเรอะ ไม่ขนลุกเรอะ” อ่าว ผมแสร้งทำหน้าตูม

   “แบบไหนก็ชอบทั้งนั้น จะถามทำไม”

   “ดีมากกกก ตั้งแต่มีแฟนมาคนนี้แม่งรักที่สุดเลยว่ะ”

   “คิ้โม้ววว”

   “โม้ไรเล่า!” เขายื่นมือมาบิดจมูก “รักกันมาทั้งชีวิตนะเว้ย”

   “แต่ไม่ได้รักแบบนั้น”

   “แบบไหนก็รัก แบบเพื่อน แบบพี่น้อง แบบคนพิเศษ แบบคนรัก เป็นแฟนคนแรกที่กูให้เป็นทุกอย่างอะ พอใจยัง”

   ผมลอบยิ้ม แต่มันคงจะกว้างไปล่ะมั้งครับอาร์ทจึงบิดแก้มผมไปมาจนผมร้องโอ๊ยเขาจึงยอมปล่อย

   “รู้สึกชนะ”

   “เออ ชนะทุกคนแหละ กูด้วย” เขาบ่นๆ ทำเป็นจะเดินหนีแต่ตอนนี้ผมดันเอื้อมมือไปกอดเขาไว้ ตัวอาร์ทอุ่นๆ เป็นพื้นที่ที่ทำให้ผมเข้มแข็งและอ่อนแอในเวลาเดียวกัน

   “ขอบคุณนะอาร์ท”

   “อื้อ”

   “รักที่สุดเลย”


   


   “โอ๊ยย ไม่ต้องต้มมาม่าละ กูจับมึงกินเลยดีกว่า”

   “เหวออ ไม่เอา จะกินฮาเก้นดาร์ซหลังมาม่าเกาหลี!!”

   

ENDING.

ออฟไลน์ packy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตอนนี้น่ารัก แล้วอนาคตจะเป็นไงน้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MacaroonCookie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตามมาจาก brother's น่ารักกก ชอบสำนวนไรต์จังเลย เรื่องมาแนวละมุนๆปนตัดพ้อนิด จริงๆอ่านไปนี่แอบลุ้น nc พี่อาร์ทขี้เอาจะได้ผงาด แต่ไม่มีก็ยังสนุกค่า  :katai2-1:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
น่ารักก  :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด