สุดท้ายก็ตามใจมันครับ ไปตามล่าหาขนมปังชีสเยิ้มแทน มันจะมีซอยซึ่งเป็นทางลัดไปทางศูนย์เรียนรวม พอเราเลี้ยวเข้าไปก็ผงะกับคอนเสิร์ตบ้า(น)ๆของชาวคณะมนุษย์ ผู้หญิงคณะนี้สวยนะครับ เวลาเรียนอิ้งของมหา’ลัยทีไรผมนี่ต้องขอรวมกลุ่มเป็นประจำ แต่ตัดภาพมาที่ตรงหน้าผมคือสโมของคณะเขาเปิดร้านอาหารครับ แล้วก็มีกล่องบริจาคสมทบทุนไปค่ายอยู่หนึ่งกล่อง สมาชิกที่เหลือก็คอยดึงแขกให้รวมสมทบทุน แต่ไม่ต้องแต่งหน้าให้ผมตกใจกลัวก็ได้มั้ง
ก็ขำๆครับ มีบางคนที่ผมรู้จัก เราเคยไปค่ายสามคณะด้วยกัน คือเป็นค่ายที่จัดร่วมกันของมนุษย์ วิศวะ และอุตสาหกรรมเกษตร ผมนี่หวังจะไปเจอดาวในนั้นครับแต่ก็ต้องผิดหวัง คุณหนูสวยๆเขาก็บินไปเรียนภาษากันที่ลอนดอน คนที่มาส่วนใหญ่ก็ผู้ชายถึกๆเถื่อนๆ กินยาดองหนักกว่าวิศวะอีก แต่ผู้หญิงก็มีครับ ผมรีบๆเดินกลัวจะเจอะหน้ากันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
“พี่อาร์ทททททท” กูพูดยังไม่ทันขาดคำเลย
ผมรีบดันๆให้ไอ้มีนมันเดินนำไปก่อน คนเยอะจังเว้ย แต่ไม่รอดครับ เกิดมาสูงและคิ้วปลิง(?)น้องเนยอดีตกิ๊กก็วิ่งเข้าชาร์ท
“พี่อาร์ท มาเดินเกษตรแฟร์ด้วยหรอ”
ถามแปลก ตอนนี้ผมวิ่งอยู่หรือไง แต่ไม่ได้ตอบแบบนั้นครับ ผมยิ้มแกนๆไปให้แล้วพยักหน้า
“ช่วยสโมเนยก่อน” ไอ้มีนเหล่มองผมเล็กน้อย หน้ามันนิ่งมาก เดาอารมณ์ไม่ถูกพลอยทำให้ผมรู้สึกวางตัวลำบากไปด้วย น้องเนยก็ทำหน้าอ้อน เออๆผมเลยควักแบงค์ยี่สิบหยอดไป ไอ้มีนก็เช่นกัน แต่ยังครับ น้องเนยยังไม่ปล่อยผมไปตามเวรตามกรรม เอื้อมมือมาจับลากผมเข้าซุ้มน้อง
“ไม่เจอพี่อาร์ทนานเลย สบายดีนะ”
“ก็ดีมั้ง” ผมหัวเราะเอิ้กๆ น้องเนยมองผมสลับกับไอ้มีน เห้ยน้อง อย่าคิดไปไกลกลับมาก่อน
“มาเดินกับเพื่อนหรอ?”
“อ่าห้ะ” ก็เพื่อนจริงๆ น้องเนยยิ้มกว้าง
“เนยอยากกินของบาร์พี่อาร์ทอะ พาไปหน่อยได้ป่ะ?” เวรกรรม น้องเนยทำหน้าอ้อนพลางเดินมาเขย่าแขนผม กระผมนายอาร์ทผู้ไม่เคยขัดใจผู้หญิงครับ สุภาพบุรุษสุดๆ!!
ตอนนี้เราสองสามคนจำต้องเดินมาที่คณะของผมเอง คนดีประจำคณะอย่างผมก็แนะนำเมนูให้น้องเนยครับ ไม่รู้ว่าตื่นเต้นจริงจังหรือโอเว่อร์ อยากรู้เรื่องน้องเนยหรอครับ?
จริงๆก็ไม่มีอะไร เมื่อสองปีก่อนผมไปเข้าค่ายที่สามคณะจัดขึ้น ตอนนั้นมันมีไฟ อยากเจอคนเยอะๆครับ ค่ายมีร่วมกันสิบวันคิดว่าผมต้องเจอใครสักคนที่ถูกใจแน่ๆ ก็มาเจอน้องเนยนี่แหละ เราคุยกันที่ค่ายแบบพี่น้องแต่กลับมาแลกไลน์ก็เริ่มกุ๊กกิ๊กครับ ตอนนั้นผมว่าผมจริงจังกับเนยระดับหนึ่งเลย คือเนยเป็นคนแมนๆ ไม่ใช่ห้าวครับหมายถึงเป็นคนตรงๆ มีอะไรก็พูดก็บอก คุยสนุก มีตบมุขมีเขิน เฮฮาพากินพาเที่ยว ก็เป็นแบบนี้อยู่เดือนกว่าๆจนผมที่กระล่อนๆอยากลงหลักปักฐานตั้งใจจะขอน้องเป็นแฟนเพราะคิดว่าน้องเขาคงรอเราขอเช่นกัน
แต่ผิดคาดว่ะ น้องเนยบอกผมว่ามีแฟนอยู่แล้ว เห้ย ผมก็เช็คนะครับไม่ใช่ไม่เช็ค สรุปคือน้องเนยทะเลาะกับแฟนแล้วเลิกไปช่วงที่ผมเข้ามาพอดี แต่เขารักๆเลิกๆ แฟนมาง้อก็คืนดีด้วย ไอ้เวรนั่นก็ต่างมหา’ลัย เลยเป็นเหตุผลที่ผมไม่เคยเจอน้องเขาเดินกับใครในมอ สุดท้ายอะไร ผมกลายเป็นหมาซะงั้น เศร้าว่ะครับ
ตอนนั้นมันผิดหวังมากครับ น้องเขาก็รู้สึกดีๆกับเราแต่ว่าคบไม่ได้ ผมก็เหมือนไปเป็นมือที่สาม จะเหี้ยขนาดไหนผมก็...ให้น้องตัดสินใจเลือกเองครับถ้าเขาเลือกเราผมก็พร้อมจะคบกับน้องเนย ความรักไม่ผิดวลีที่เอาไว้ปลอบใจตัวเอง แต่น้องเนยก็เลือกแฟนเขาน่ะครับ บอกว่ามันเป็นความผูกพันส่วนผมก็แค่หวั่นไหวในตอนที่เขาไม่มีใครพอดี
สรุปคือผมมันตัวคั่นเวลาวะ แม่งโคตรเฟล คาสโนว่าอย่างผมมาเจอแบบนี้ก็เสียศูนย์ครับ ในบรรดาหญิงสาวน้องเนยเป็นคนที่ผมรู้สึกดีด้วยมากที่สุด อยากเป็นแฟนด้วยนานที่สุดแล้วก็ ทำให้ผมลืมยากที่สุด ผมว่ามันเป็นความฝังใจมากกว่า เพราะผมกับน้องมันจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มมันเลยมีความรู้สึกค้างๆคาๆ
ยังจำที่น้องเนยพูดอยู่ได้เลย ตอนนั้นน้องบอกว่า
‘พี่อาร์ททำให้เนยยิ้มได้นะ’ ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่ะ แต่ในชีวิตคนเราก็มักจะเจอกับรักที่ไม่สมควรจะรัก ใช่ไหมล่ะครับ
ผมว่าเราหยุดรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆเถอะ ตอนนั้นจบที่พี่น้อง พี่น้องเหี้ยอะไรกุไม่เอา!!
ก็อกหักครับ ตามเสต็ปอกหักรักคุดไปกินเหล้า มันแย่จริงๆ นึกย้อนไปไอ้คนข้างๆผม ไอ้มีนนี่แหละที่ยังอยู่กับผมไม่ไปไหน เล่าเรื่องให้ฟังมันก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรน้องเนยเพียงแต่บอกให้ผมทำใจ ตัดใจจากน้องซะ รักที่ไม่สมควรก็ทำได้แค่นี้
ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าทำไมมันถึงเข้าอกเข้าใจผม แต่ตอนนี้ผมว่าผมเดาได้แล้วว่ะ อาจเป็นเพราะไอ้มีนมันมีประสบการณ์ตรง หลงรักเพื่อนสนิทอย่างผมทั้งที่รู้ว่าไม่ควร
เข้ามาในคณะทุกคนก็รุมล้อมกันด่าผมครับ ใจเย็นๆกูปีสี่ต้องเป็นพี่ใหญ่สิวะ! แต่ที่ด่าผมนี่ปีสามทั้งนั้น เอาเป็นว่าผมนี่หน้าใหญ่ใจไม่โต น้องๆให้ความเคารพแต่ไม่รักครับ หาเรื่องด่ากูสารพัด บังเอิญหน้าด้าน ลอยหน้าลอยตาต่อไปอย่างไม่อายใคร ไม่มีใครมาบริการโต๊ะผม หาใช่ความรังเกียจเป็นการกลั่นแกล้งผมล้วนๆ!!
ผมเลยต้องลุกไปหยิบน้ำหยิบแก้ว หยิบชามหยิบช้อนเอง โอโห ดีมาก อย่าให้เห็นว่าคิดเซอร์วิสชาร์ทกูนะ ผมลุกเดินอยู่สามรอบ ไอ้มีนนั่งนิ่งมันดูดน้ำอิตาเลี่ยนโซดาหมดไปนานแล้วแต่ยังตั้งหน้าตั้งตาดูดต่อไป มีเสียงฟืดๆของอากาศกับน้ำ ผมว่ามันแปลกๆนะ อ๋อ มันคงไม่พอใจผมล่ะสิที่พาน้องเนยมาด้วย
“พี่อาร์ทจะเลี้ยงใช่ป่ะ?” ผมหันกลับมา อยากจะโบ้ยให้ไอ้คุณมีนเลี้ยงแต่แค่เห็นหน้าผมก็รีบกลืนน้ำลายพยักหน้าแทนทันที
“โห ใจปล้ำจริงๆ”
“แน่นอน นี่ใคร” ผมติดนิสัยขี้อวดมาจากไอ้มีนป่ะวะ บทสนทนาส่วนใหญ่น้องเนยเป็นคนชวนคุย เห็นบอกว่าปีสามงานเยอะมาก ส่วนผมปีสี่ก็ชิวๆมีแล็ปน้อยแล้วแต่ส่วนใหญ่เป็นโปรเจคเข้าแล็ปถี่กว่าเรียนอีก ต้องเข้าไปดูเชื้อที่เลี้ยงไว้ ฮ่าๆ
“พี่อาร์ทยังไม่แนะนำเพื่อนพี่ให้เนยรู้จักเลย”
หืมม์ น้องเนยเหล่มองไอ้มีนหลายรอบ สรุปคือน้องเนยสนใจไอ้มีนหรอ? ไม่ได้นะครับตอนนี้ผมจองแล้ว
“ไม่รู้จักจริงดิ ไอ้นี้ออกจะดัง ใช่ป่ะวะ” ไอ้มีนขมวดคิ้วก่อนแย้มยิ้มการค้าละลายใจสาวๆ ครับมึงหล่อ!!
“ดังกว่าคนแถวนี้” มันว่าปรายตามองทางผมให้รู้ว่า ‘คนแถวนี้’ คือใคร ผมยักไหล่แต่น้องเนยไม่ผ่านมือที่สามอย่างผมครับแนะนำตัวเองทันที
“ครับ” ไอ้มีนยิ้มเรียบๆให้ คูลกายมายไอดอลของชาวคณะเลยครับ รักษาภาพพจน์สุดๆ เห็นแล้วคันเท้าคันปากแปลกๆ แต่ไอ้มีนเหมือนจะไม่ได้สนใจน้องเนย ไม่มีชวนคุยต่อน้องเนยเลยเปลี่ยนกลับมาคุยกับผมแทน
“นี่เนยเลิกกับพีละ”
“เลิกจริงหรือเปล่า?” ผมถามขำๆ เห็นเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก น้องเนยพยักหน้าจริงจัง
“พีไปมีคนใหม่ แย่เนอะ เนยเลือกเขาเพราะความผูกพันแต่เขาเลือกรักใหม่ ก็เลยปล่อยๆไป”
“เลิกนานยัง”
“นานแล้ว ตั้งแต่มิดเทอมที่แล้ว ตอนนี้เลยโสด” แบบนี้เรียกประกาศตัวครับ ผมไม่ได้ตอบอะไรไปแต่ประโยคต่อไปของน้องนี่สิ หาเรื่องให้กูชัดๆ!!
“ถ้าเนยเลือกพี่อาร์ทตอนนั้นไม่รู้ตอนนี้เรายังคบกันอยู่เปล่านะ” ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆที่กลางหลัง เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วล่ะเราเลยหยิบมาพูดกันขำๆได้ แต่นึกออกไหมครับตอนที่เราตั้งใจจะจีบคนๆหนึ่งอยู่ก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราเคยกิ๊กกับใครหรือมีเยื่อใยกับใครอยู่ ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกแบบนี้ เหล่มองไปทางไอ้มีน มันมองออกไปทางอื่น แสร้งทำเป็นมองเวที ถึงจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆแต่แบบนี้ผมยิ่งเห็นความรู้สึกที่มันส่งมาให้ผมวะ ในอกมันเลยอุ่นๆคับๆ เหมือนจะระเบิดเลย
“ยิ้มอะไรพี่อาร์ท”
เวร ผมยิ้มเพราะเผลอคิดว่าไอ้มีนมันแคร์ผม ไม่ได้ยิ้มเพราะน้องเนยเลยครับ
“ก็ตลกดี ถ้าคบกันจริงพี่ว่าเนยคงเลิกกับพี่อีกอาทิตย์ถัดมา”
“ทำไมล่ะ”
“ก็พี่มันแย่”
“เนยว่าไม่หรอก ใครๆก็ชอบพี่อาร์ททั้งนั้น เนยบอกแล้วไงว่าพี่อาร์ททำให้เนยยิ้มได้นะ”
ครับ เอาเลย เต็มที่ ไอ้มีนหันกลับมามอง มันยิ้มเล็กๆแต่เป็นรอยยิ้มการค้าครับผมรู้ผมดูออก ขณะที่ผมยังไม่ได้ตอบอะไรไปไอ้มีนก็โพล่งขึ้น
“ช่วงนี้อาร์ทก็ว่างไม่มีใคร แล้วมันก็ดีกว่าเดิมมาก น้องเนยสนใจมันจริงๆหรอครับ”
“พี่อาร์ทก็ยังไม่มีแฟนหรอ?”
“มันแก่แล้ว เดี๋ยวนี้ก็เลยทำตัวเซื่องๆ ไม่ค่อยเที่ยวไหนแล้วล่ะครับ ถ้าคบกับมันตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้หญิงและร้านเหล้า น้องเนยยัง”
“ไอ้เชี่ยมีน!” ผมไม่ปล่อยให้ไอ้มีนพูดจบ รีบทะลุกลางปล้องจ้องตามันเขม็ง ไอ้มีนเอียงหน้ามามองช้าๆ สายตานั้นเย็นชาใบหน้าก็เช่นกัน แต่ก่อนที่บรรยากาศจะมาคุอาหารที่เราสั่งไปก็มาพอดี
ตอนนี้ขอกินก่อนแล้วกัน
หลังกินเสร็จผมก็เดินไปจ่ายเงิน โต๊ะอื่นเขาก็เรียกเก็บเงินครับแต่เพราะเป็นพี่ในคณะเลยได้สิทธิพิเศษ น้องเนยเดินกับผมไปอีกสักพักก่อนจะแยกไปอีกทางเพื่อไปหาเพื่อน ผมบอกลาน้องสั้นๆพลั้งปากไปว่ามีอะไรก็ทักมาก็แล้วกัน
ตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องเนยจริงๆนะ น้องก็ยิ้มๆแล้วเดินห่างออกไป ผมว่าตลอดทางมันไม่เงียบเหงาคงเป็นเพราะน้องเขาชวนคุยตลอดแล้วผมมันก็นิสัยผู้ชายปากหวาน เห็นรูไหนหยอดได้หยอด หยอกล้อน่ารักกุ๊กกิ๊กจนลืมอีกคนที่เดินมาด้วยกัน พอเหลือกันสองคนมันก็ไม่ได้สนใจผม ดูดน้ำมะพร้าวพลางเดินดูนู้นดูนี่
“จะไปไหนต่อ?” ผมถาม ไอ้มีนปรายตามองผมแต่ไม่ตอบ เอ๊ะ! อะไรของมัน
“ไอ้มีน จะไปไหนต่อ กูเมื่อย”
“ทีเมื่อกี้ล่ะก็ระริกระรี้เชียวนะ” มีแซะ ผมมองปากอิ่มที่มันเม้มเป็นเส้นของไอ้มีนแล้วอยากดีดปากชะมัด ไม่ต้องคิดหรอกครับผมทำเลย! มันผงะถอยหลังปัดป้องด้วยมือแต่ไม่ทันผม หน้าหงิกงอคว่ำเป็นม้าหมากรุก
“เป็นเชี่ยไรอีก?” ผมถามเสียงเนือย ออกเดินนำให้มันเดินตาม ไอ้มีนไม่ตอบ
“อย่างอนเป็นตุ๊ดได้ป่ะ”
“เอ๊ะ!” มันทำเสียงขึ้นจมูก ตาก็ขวางๆมองผม เหมือนตัดพ้อนิดๆ ซึ่งพอผมรู้ตัวก็เอื้อมมือไปโอบไหล่
“อย่ามาทำแบบนี้” มันว่าเสียงเย็น เบี่ยงตัวออก ดูสิครับ งอนเป็นผู้หญิงเลยเพื่อนกู
“ทำแบบไหน กอดนิดกอดหน่อยทำหวงเหรอ?” ผมถามทำท่าจะรัดมันไว้ทั้งตัว แต่คนเยอะครับเล่นอะไรแบบนี้ก็มีแต่สายตาแปลกๆเลยทำได้แค่คล้องคอมันเอาไว้ ไอ้มีนไม่ได้ดิ้นหนีอะไร ตัวเราสูงไล่เรี่ยกันห่างไปเกินห้าเซ็นติเมตร
“สรุปจะไปไหน”
“ไม่อยากไปก็กลับ”
“งอนไรกูอีก”
“เปล่า” มันว่า เบี่ยงหน้าหลบ
“มึงมีอะไรก็พูดดิวะ ทำไม ไม่พอใจกูกับเนย?” ผมถาม มันก็มองผมตวัดๆ ตอนนี้ตามันแดงๆ ผมลากมันออกมานั่งข้างทางขี้เกียจเดินแล้ว อยากคุยให้รู้เรื่อง ไอ้มีนมันงี่เง่าอะไรของมัน
“ตอบมาดิ” ผมเร่งยิกๆ เริ่มโมโหจริงๆแล้วนะ ผมเบื่อมากพวกที่ถามแล้วไม่ตอบจะให้ตรัสรู้เองได้ไง ชอบไม่ชอบก็บอกสิวะ
“จะให้ตอบอะไร? มีสิทธิ์ไม่พอใจหรอ จะคุยกับน้องต่อก็แล้วแต่ เอาเลย”
“ประชด? เอาดีๆไอ้มีน”
“เปล่า” ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ
“ปากบอกว่าเปล่าๆแต่หน้ามึงไม่ใช่เลยไอ้คุณหนูมีน ไม่พอใจอะไรกูครับ ไม่ชอบอะไรไม่พอใจอะไรก็บอกกูสิ” ไอ้มีนมองผมแว่บหนึ่งก่อนจะก้มมองปลายหลอดที่มันกัดจนแบน
“เร็ว”
“พอใจไม่หรือพอใจแล้วสนด้วยหรอ? เรื่องนั้นน่ะ บอกไปแล้วมันทำอะไรได้เหรอ อาร์ทอยากทำไรก็ทำเหอะ”
มันพูดรัวแต่ผมยังไม่เคลียร์เลยนะว้อยยย อย่ามาตัดบทด้วยคำพูดที่ฟังดูเข้าใจยากแล้วทำให้กูสตั้น!
“เรื่องนั้นเรื่องไหน มึงบอกกูเหอะว่ะ กูเหนื่อยคิด หน้ากูดูฉลาดหรอ?”
“ก็รู้ว่าไม่ฉลาด โง่ โง่มาตลอด”
“อ่าวๆๆไอ้มีน” ผมชี้หน้า แต่ไม่กล้าทำอะไรมันหรอก คาดโทษเฉยๆ เหนื่อยใจกับมันจริงๆ เดี๋ยวนี้ลูกเล่นแพรวพราวจะง้างปากให้คายความลับมีแต่ผมที่อารมณ์เสียแล้วอารมณ์เสียอีก เออ แม่งอยากเป็นอะไรก็เรื่องของมันเลย ผมไม่สนใจมันละ
“แล้วแต่มึงเลย” สุดท้ายผมก็ล่าทัพถอยออกมา ไอ้มีนมันเม้มปากอีกรอบ เราสองคนเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่ตลาดน้ำ ของกินมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งของเกษตรแฟร์ ผมจัดไข่ปลาหมึกมาหนึ่ง เห็นน้ำแข็งใสโคตรพ่อโคตรแม่ยักษ์ก็ไปต่อคิวซื้อ ดูเหมาะกับพวกผู้ชายแกงค์เราดี
ผมนั่งคุยปกติแต่ไอ้มีนนั่นเงียบผิดปกติ ใครถามก็อื้อๆออๆแต่ไม่คิดจะร่วมบทสนทนา งานมันกร่อยตั้งแต่มันเจอน้องเนย แล้วเกิดงอนกัน คิดไปคิดมาตอนนั้นผมอารมณ์ร้อนด้วยแหละเลยไม่ทันได้สังเกตท่าทีไอ้มีน รวมไปถึงตรวจสอบความรู้สึกของมัน
ก็ถ้ามันชอบผมมันจะงอนผมก็ไม่แปลก ตอนที่กินไข่ปลาหมึกกับน้ำแข็งใสผมก็นั่งถอดรหัสในหัวช้าๆ
1. ไอ้มีนไม่ชอบน้องเนยชัวร์ อาจจะหึงหวงผมกับน้องเพราะ
2. น้องเนยเคยเป็นคู่กรณีที่ทำให้ผมเสียศูนย์ไปพักใหญ่
3. มันกลัวถ่านไฟเก่าคุกรุ่น แต่ผมก็โกรธมันนะว้อยยย จู่ๆชงผมกับน้องเนย นิสัยขี้ประชดนี่มันได้แต่ผู้ใดมา อย่าให้รู้ผมจะดีดปากมันก่อนเลยอันดับแรก
เมื่อจัดการฟาดทุกอย่างลงท้องเราก็นั่งคุยกันสัพเพเหระจนถึงเวลาอันสมควรที่จะแยกย้ายกลับบ้านกลับช่อง เดี๋ยวนี้พวกผมเด็กดีครับต้องกลับบ้านก่อนสองทุ่ม แล้วมาเจอกันใหม่ตอนสี่ทุ่มน่ะครับ ถูกต้องครับ วันนี้ขอปลดปล่อยสักวันให้มันหายเปรี้ยวปาก จะเข้าร้านตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ดูเหมือนจะไวไป แต่จะเดินก็ไม่ไหวแล้วครับ เหนื่อยแล้ว เราเลยนั่งมองอาหารตาไปเรื่อยๆ ไอ้ทอยก็ว่าจะนัดชาวแกงค์ให้ออกมาอีก ดื่มหลายๆคนสนุกดี ที่สำคัญมีตัวหารเพิ่ม บางทีเราก็ไปแบบไม่ได้มีจุดประสงค์น่ะครับ ไปเอาบรรยากาศคุยกันสนุกสนานเฮฮาตามปะสาผู้ชายมีเสน่ห์และเฟรนลี่
พอถึงเวลาอันเหมาะสมพวกผมก็ขนย้ายมวลสารตัวเองไปที่ร้านเหล้าแถวๆนั้น ขับไปไม่ไกลเท่าไรหรอกครับก็อยู่แถวๆนั้นพอดี
พอเริ่มกินเหล้าก็อารมณ์ดีครับ มันเป็นฟีลลิ่งไอ้มีนก็เช่นกัน มันหัวเราะเอิ้กอ้ากนั่งอยู่ข้างผมลืมความบาดหมางเมื่อช่วงค่ำไป ผมชอบอะไรแบบนี้มากกว่านะ ผมไม่ชอบที่เราจะทะเลาะกันหรืองอนกันเลย มันไม่ใช่เรื่องป่ะวะครับเพื่อนกันแท้ๆ แม้ว่าตอนนี้ผมจะตั้งใจมองมันต่างไปจากทุกที
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจจริงๆก็คือ ผมไม่อยากเสียเพื่อนอย่างมันไปครับ ไม่ว่าผมจะชอบผมหรือไม่ชอบ ผมจะอยากได้มันเป็นแฟนหรือไม่ แต่มันต้องเป็นเพื่อนผมอ่ะ ต้องอยู่กับผม ผมคิดได้เท่านี้จริงๆ
“เห้ๆ ไอ้อาร์ท เป็นไรวะ กระดกอย่างเดียว อดอยากนะมึง” เสียงใครสักคนพูด ผมน่ะไม่เมาง่ายๆหรอกแต่ตอนนี้ก็เริ่มเบลอๆนิดหน่อย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร คนข้างๆผมยังเป็นไอ้มีนคนเดิม เรานั่งกันตรงโซฟา พื้นที่คับแคบล่ะมั้งเราถึงได้นั่งกันชิดจนแทบจะเกยตักทับกัน เห็นมีคนแวะเวียนมาชนแก้วด้วย เดาได้ไม่ยากเลย
“มึงๆ ผู้หญิงโต๊ะนั้นส่งมา” ผมรับใบเสร็จเซ่เว่นมาอ่าน แต่ตอนนี้อ่านไม่ออกครับเลยยื่นไปให้คนข้างๆอ่านให้ฟัง
“วิว ปีสอง วิดยา” ไอ้มีนอ่านช้าๆให้ผมฟัง กลิ่นตัวไอ้มีนนี่ละมุนดีนะ แต่ไม่ค่อยได้กลิ่นเลยต้องเข้าไปใกล้กว่านี้ มันชอบฉีดตรงหลังหูผมจำได้ แต่กกหูน่ะจุดอ่อนไอ้มีนเลย ผมเป่าทีไรมันต้องระทวยรีบปิดหูหันหน้าแดงๆหนี แกล้งมันแบบนี้ตั้งแต่ประถม คิดถึงว่ะ ไอ้มีนมันน่าหมั่นเขี้ยว เห็นแล้วอยากแกล้งให้สะใจ เป็นคนที่คิดแล้วทำเลย ไอ้มีนใกล้แค่นี้ ผมล็อคคอมันก่อนจะเป่าฟู่ใส่รูหู
“อ๊าาาา” นั่นปะไร ไอ้มีนร้องเสียงหลง เบี่ยงตัวหลบพัลวันแต่ไม่พอ ผมเป่าลมเบาๆให้จุดอ่อนมันอีก มันไหลเป็นขี้ผึ้งเกาะแขนผมไว้ กลิ่นหอมกับจุดอ่อนไอ้มีนทำให้ผมมัวเมา อยากแต่อยู่ใกล้ อยากสัมผัสชิมเนื้อโดยลากลิ้นจากติ่งหูแล้วเม้มกัดเบาๆอย่างหยอกล้อ
“เห้ยๆไอ้อาร์ทมึงทำไรไอ้มีน” ผมหัวเราะเริงร่า ดึงตัวออกมามองผลงานตัวเองอย่างพอใจ ไอ้มีนที่ระทวยอยู่ใกล้ๆกับสีหน้าที่แดงก่ำบ่งบอกได้ดีว่ามันเขินแค่ไหน
“น่ารักว่ะ”
ไอ้มีนไม่ตอบแต่ลุกขึ้นหวังจะฟาดผม ยกการ์ดขึ้นตั้งรับ ฉุดมันให้ล้มแล้วคลุกวงใน จัดการทั้งจี้เอว มันตะปปข่วนที่ช่วงไหล่ อาศัยจังหวะนี้สูดดมกลิ่นหอมพูดให้ได้ยินกันสองคน
“ไอ้มีน วันนี้กูไปห้องมึงนะ”
ผมดึงตัวเองขึ้นมาอีกรอบ ไอ้มีนมันค้างตาตั้ง ส่วนผมบอกว่าเราจะกลับกันแล้วเลยควักตังค์จ่ายไปก่อน เพื่อนๆถามว่าผมไม่สนใจสาวๆหรอ ไม่ว้อยยยยตอนนี้กูอยากฟัดไอ้มีนคนเดียว!!
อยากฟัดเพื่อนตัวเองนี่ผิดป่ะวะ ไม่ผิดหรอกมั้ง เหมือนผมฟัดไอ้หมาที่บ้านผมก็เห็นว่ามันน่ารักดีเลยฟัด กับไอ้มีนก็เช่นกัน ผมพยายามไม่คิดอะไรหื่นๆกับเพื่อนตัวเอง แต่โอเค ตอนนี้ผมคิด ถ้ามันยอมก็ดีจัดการรวบหัวรวบหางซะเลย
คิดเพลินๆไอ้มีนก็ขับรถมาจอดในคอนโดแล้ว เราไม่ได้เมากันมากออกจากร้านมาก็สร่างๆกันแล้ว ผมเดินขึ้นห้องตามไอ้มีนไป มันก็ถามนะว่าอารมณ์ไหนถึงอยากมาค้างห้องผม
“สงสัยติดกลิ่นมึง”
“ฮะ?”
“จริง มึงตัวหอมอะ”
“ประสาท” ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันชอบผมจริงๆหรือเปล่า ต้องถามให้แน่ใจซะแล้ว
“จริงๆกูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย” มันชะงักไปนิด แต่ก็เสียบคีย์การ์ดเพื่อปลดล็อคห้อง ไอ้มีนอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมสุดหรูที่คุณหญิงแม่ซื้อให้ มีสิ่งของอำนวยความสดวกครบครัน อยู่ติดรถไฟฟ้า ห่างกับมหาวิทยาลัยนิดหน่อยแต่ก็สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สดวก คุณหญิงแม่ซื้อให้และคิดเผื่ออนาคตว่าถ้ามันยังทำงานในกรุงเทพ คอนโดมิเนียมแห่งนี้ก็เป็นที่พักต่อได้เลยไม่ต้องย้ายหรือเสียค่าหอแบบผม
เข้ามาทีไรก็ตื่นเต้นตลอดครับ ห้องไอ้มีนสะอาดเป็นระเบียบ ตกแต่งสวยหรูเรียกอะไรไม่รู้แต่ข้าวของส่วนใหญ่เป็นไม้สีอ่อน ดูแล้วสะอาดเรียบง่ายสบายตา เหมือนไอ้มีน มันเดินเข้าโซนครัวเล็กๆไปกดน้ำดื่ม ผมพุ่งตัวเข้าไปที่ห้องนอน อยากดมมันอ่ะแม้ว่ากลิ่นตัวจะมีอยู่ทั่วห้องแล้วตรงที่นอนก็ชัดเจนที่สุด
“เห้ย ยังไม่อาบน้ำไปนอนได้ไง” มันโวยวายเดินเข้ามาดึงผมให้ลุก แต่ได้ที่เหมาะแล้วต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ลุกไม่ขึ้นหรอกครับ มันโวยวายเล็กๆจนเหงื่อเริ่มออกผมก็หัวเราะคิกคัก พลิกตัวนอนหงายมองคนที่ยืนหน้าง้ำข้างเตียง พอยันตัวมานั่งดีๆสายตาผมก็อยู่ระดับแผ่นอกของไอ้มีน
ไม่เอา ไม่หื่น ไม่ตื่นนะลูกรัก
เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ ผมแม่งมีอารมณ์ว่ะ แต่อาจเป็นเพราะบรรยากาศและฤทธิ์เหล้าพาไป เวลาดื่มมากึ่มๆก็มักจะเป็นแบบนี้
“ไอ้มีน”
“หืมม์” มันก้มหน้ามามองผม ไอ้มีนมันหล่อ หล่อเปล่งประกายและส่งมากระแทกใจไอ้อาร์ทดังปั๊ก
“อะไร เรียกแล้วเงียบ” มันทำหน้ายุ่ง ผมมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่เห็นว่าที่ชอบและอยากแกล้งที่สุดอยากแกล้งเรื่อยๆ แกล้งไม่มีเบื่อก็หน้าเขินนี่แหละ
“เหวอ!” ไอ้มีนร้องเสียงหลงตอนผมรวบเอวมันมากอดแล้วพลิกตัวหมุนคร่อมมันไว้กลางเตียง ไอ้มีนขยับปากกำลังจะด่าแต่ผมไวกว่าฉีดยาชาให้มันระทวยด้วยการ..เป่าหู
“อ๊าาา” มันร้องคราง โอ๊ยย ร้องแบบนี้บ่อยๆหัวใจกูจะวาย ผมทับมันไว้ครึ่งตัว ไอ้มีนข่วนแขนผมอีกแต่ไม่ได้จริงจัง
“พะ..พอแล้ว” เสียงกระเส่าแบบนี้ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ อะไรๆก็ตุงดุนดันมากขึ้นๆ ไอ้มีนคงสังเกตและสัมผัสได้ มันตาเหลือกนอนแข็งเป็นหินทั้งที่ก่อนหน้านี้ดิ้นปัดเป็นแมลงวันโดนตบอยู่เลย
“อะ..ไอ้อาร์ท”
“
ชู่วววว อย่าทำเสียงเซ็กซี่สิวะ”
“ฮือออ” มันร้องไห้ หลับตาปี๋แต่ไม่ได้ดิ้นอะไร มันเขินครับ โอ๊ยยย เห็นแล้วอยากฟัด เลยก้มกัดแก้มมันไปที
“อย่า” มึงห้ามได้อ้อยมากไอ้มีน
“อย่าอะไร อย่าช้าเหรอ?” ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปาก มันเองก็กัดปากแน่นแต่ตานี่ขวางไม่รับเป็นพันธมิตรเลย ผมหัวเราะเสียงแผ่วเลิกทับมันแล้วเปลี่ยนมาคร่อมเฉยๆแทน
“ลุกออกไปเลยได้ป่ะ มันหนัก”
“ไม่ คุยกันก่อน”
“แล้วทำไมต้องคุยกันท่านี้”
“ทำไม เขิน?”
“หะ..จะ..จะเขินทำไมม!” มันพูดเสียงดังแล้วสบัดหน้าหนีอีก ครับ ไม่ได้เขินไอ้อาร์ทจะจำไว้
“หึหึ ไม่เขินก็จ้องตากูดิ”
“ไม่! ลุกๆ เล่นอะไรแปลกๆ”
“แปลกๆอะไร”
“เป็นอะไรเนี่ย เมาก็นอน ไม่อยากอาบน้ำก็ไม่ต้องอาบ”
ไอ้มีนเฉไฉครับ มันพยายามจะเปลี่ยนเรื่อง
“มึงไม่อยากรู้หรอว่ากูอยากคุยอะไรกับมึงอะ”
“ลีลาท่ามาก อยากคุยก็คุยสิ แต่เกริ่นมาสามชาติเศษคงไม่มีอะไรสำคัญหรอก” มันพูดยาวๆ ปากสวยเป็นกระจับเม้มแล้วคลายสลับไปมา มันคงประหม่า ผมมองท่าทางเก็บรายละเอียดไปเรื่อย สางเส้นผมที่ยาวปรกหน้าให้เป็นทรงดีๆไอ้มีนก็ยิ่งหายใจติดขัด ไม่มากก็น้อยมันต้องคิดอะไรกับผมบ้างแหละ ผมมั่นใจ!!
“ก็ต้องบิ้วท์อารมณ์ เรื่องที่จะพูดมันสำคัญ”
“…”
“มึงคิดยังไงกับน้องเนย”
มันทำท่าชะงัก เห็นสายตาเจ็บปวดเล็กๆก่อนจะหลบหนี
“ไม่รู้ จะกลับไปหรอ จะกลับไปคุยใช่มั๊ย ที่โดนทิ้งมาไม่เข็ดหรอไง” มันพูดเสียงกระแทก
“โง่”
“อื้อๆ” ผมรับฟัง มันทุบไหล่ผมที มีตบหน้าผมเล็กๆด้วย
“โง่”
“อื้อ”
“ไอ้โง่!” มันพูดใส่หน้าแต่ผมดันยิ้มรับ รอจนมันระบายออกมาหมด มันไม่ได้ร้องไห้หรอก แต่น้ำใสๆคลออยู่ ผมใจไม่ดีเลยไม่อยากแกล้งแล้ว ผมเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำให้มันร้องไห้อีก
“อื้อ กูโง่ เพราะถ้ากูฉลาดกูคงรู้มาตลอดว่ามึงอะชอบกู”
“…” มันชะงัก เหลือกตามองผมเหมือนที่กูพูดไปเมื่อกี้คือรหัสมอสไว้ช่วยชีวิตมนุษยชาติ
“อะไร ช็อค ทำหน้าช็อค”
“ปะ..เปล่า ไม่ได้..ไม่ได้ชอบ” แก้ตัวกะตุกกะตัก ผมเผลอยิ้มทำเสียง “เหรอออ” ลากยาวให้มันเอียงคอหนี
“ไม่ชอบก็จ้องตากูดิ เร็ว”
“ไม่” มันหลบทุกทาง
“อะไร ไม่ชอบกูจริงอะ แล้วจะหึงกูทำไม หวงกูทำไม ตามกูต้อยๆทำไม”
“ไม่..” คงคิดหาคำตอบไม่ทัน “ไม่ได้ชอบ” สุดท้ายก็ยืนยัน เอาเถอะ ผมไม่เชื่อคำพูดไอ้ขี้เก็กนี้แต่เชื่อการกระทำว่ะ
“ถึงกูจะโง่แต่ไม่ได้ขี้มโนนะเว้ย ไอ้มีน”
“ฮื้อออ” ยกมือปิดหน้าไปแล้วครับ “ไม่พูดเรื่องนี้ พอเหอะ ชอบแล้วไง ไม่ชอบแล้วยังไง เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ดี”
“เออๆ เปิดตาก่อน”
“ไม่เอา อยากกลับไปคุยกับน้องเนยก็ไป”
“ไอ้มีน มึงไม่ฟังกูเดี๋ยวกูปล้ำมึงเลยนะ”
“หืออ!” มันรีบเอามือที่ปิดหน้าออกแล้วจ้องผมกลับ “อย่านะ นี่ลูกมีพ่อมีแม่นะ”
“เออๆ ฟังกูสิ”
“…” มันคว่ำปาก เลือกเงียบครับ อย่าหืออย่าอือ
“จะบอกว่า...”
“….” มันทำหน้าลุ้น ฮ่วย ผมไม่เคยบอกรักใครแล้วจะเขินแบบนี้มาก่อน มันเป็นเพื่อนที่ครั้งหนึ่งผมเคยหมั่นไส้ที่มันอวดรวย เพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยไม่ชอบเพราะผู้หญิงในห้องชอบมัน เพื่อนที่ผมเคยแกล้งมันสารพัด ด่ามันว่าตุ๊ด แกล้งจนมันร้องไห้ เพื่อนที่ผมรู้สึกผิดเมื่อเห็นน้ำตามัน เพื่อนที่พอโตมาเรากลายเป็นคู่ซี้กัน เพื่อนที่มันไม่ทอดทิ้งผมไปไหน เพื่อนที่ต่อให้ดี เลว จนมันก็ยังอยู่ข้างๆผม เพื่อนที่ผมรัก
“กูรักมึงว่ะ”
ไม่สวยหรูเลย แต่มันเป็นฟีลลิ่งน่ะครับ เข้าใจไหม?
ไอ้มีนมันไม่ตอบอะไร เหมือนจะนิ่งไปจนผมหวั่นๆ เห้ย คือมึงไม่คิดเหมือนกูหรอ ทำไมนิ่งไปแบบนี้
“ไอ้มีน”
ผมลองเรียก มันกรอกตากลมๆมาสบผม เห็นแววสั่นระริกในดวงตานั่นเล็กน้อยก่อนจะเบะปากออกเหมือนจะร้องไห้
“ร้องไห้ไรวะ?”
“เปล่าร้อง” ยังมีหน้ามาโกหก หลักฐานคาตาขนาดนี้
“อะไร เป็นคนปากไม่ตรงกับใจหรอ”
“ไม่ใช่”
“ไม่ชอบกูหรอ?”
“เออ ไม่ได้ชอบ”
“ไม่ชอบจริงดิ”
“จริงๆ”
“งั้นก็ไม่รักกูด้วย”
“ไม่มากๆ”
“ไม่รักเลยที่สุด”
“ไม่..
รักเลยที่สุด”
END
AN ; มีพาร์ทของมีนด้วย อาร์ทมันบ้าๆบอๆ ปล่อยๆมันไป เอิ้กๆ
ขอบคุณแรงบันดาลใจจากเพลง ความจริง - room39 , เกษตรแฟร์ , ผู้ชายห้าคนนั้น , และชินจัง